ชวนเศรษฐีทุ่มสร้างรถไฟเร็วสูง 'บิ๊กตู่'อนุมัติ 24 โครงการ 7 หมื่นล.
แนวหน้า : ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ครั้งที่ 1/2558 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนได้ปรับรูปแบบการทำงานให้เกิดการบูรณาการ โดยสั่งให้ตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มขึ้นอีก 1 คณะ เพื่อจัดทำข้อมูลเมื่อผู้นำประเทศไปไหนและรวบรวมข้อมูลทุกระทรวงที่มีการพูดคุยไว้แล้ว มาดูว่ามีอะไรติดขัดตรงไหนแล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งที่ประชุมสรุปว่าต้องรีบตั้งขึ้นมา จะได้ไม่ทำให้กระทรวงการต่างประเทศเสียเวลาในการรวมเอกสาร
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้อนุมัติแผนการลงทุนของต่างประเทศ ซึ่งประเทศที่มีการเสนอการลงทุนเข้ามา และเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องคือ ญี่ปุ่น รองลงมาเป็นจีน และยุโรป ส่วนสหรัฐอเมริกาซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ต่างกัน เพราะมีฐานการลงทุนในประเทศไทยอย่างยาวนาน ตนบอกไปว่า เราต้องคบค้าสมาคมกับทุกประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ ด้วย เรื่องการเมืองก็คือเรื่องการเมือง ตนไปไหนก็ไม่ได้อายใครเขา เราก็บอกว่าเราทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินอย่างไร มีการวางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ส่วนปัญหาที่ติดขัดมาหลายรัฐบาล ก็ได้บอกต่างประเทศว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร และได้สั่งการให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ทำในเรื่องนี้ด้วยจะได้คุยกับเขารู้เรื่อง
นอกจากนี้ ตนยังได้ชี้แจงผู้นำหลายๆ ประเทศว่า รัฐบาลนี้มีความชัดเจนในเรื่องการค้าการลงทุน วันนี้เราเน้นการลงทุนร่วมในเรื่องการแปรรูป ข้าว ยางพารา เพื่อใช้ในประเทศ ซึ่งได้บอกกับญี่ปุ่นไปว่า อยากให้เริ่มในปี 2558 ถ้าลงทุนได้ทันทีก็จะอนุมัติทันที แต่ต้องอยู่ในกติกา อะไรที่พิเศษเร่งด่วนจะพิจารณาให้ แต่เราต้องไม่เสียเปรียบ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการอนุมัติ 24 โครงการ เป็นเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาท รวมถึงไปไล่ดูว่า 3 ปีที่ผ่านมามีการอนุมัติอะไรไปแล้วบ้าง และมีการลงทุนหรือไม่ ถ้ายังไม่มีการลงทุนก็ต้องพูดคุยกันว่าลงทุนในกรอบได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็ยกเลิกไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีการพูดคุยเรื่องรถไฟ ซึ่งได้อธิบายว่า เราจะมีรถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร เพื่อการสัญจรและการขนส่งสินค้าให้มากขึ้น ความทันสมัยของตู้โดยสาร ที่อยู่ในแผนงานที่จะต้องเริ่มในปี 58 โดยระยะแรก อาจทำได้ประมาณ 300-400 กิโลเมตร ระยะต่อไป ก็อยู่ที่รัฐบาลที่จะเข้ามา หากมีแผนที่ดีกว่าก็เปลี่ยนใหม่ แต่วันนี้เราวางไว้แค่นี้ ทั้งนี้จะเห็นความชัดเจนเรื่องเส้นทาง รถไฟทางคู่ รถไฟขนาดราง 1.435 เมตร รถไฟความเร็วปานกลางที่จะเชื่อมโยงไปยังที่ไหนบ้าง ซึ่งได้หารือว่า จะสามารถทดลองเกิดรถไฟความเร็วสูงสักช่วงระยะเวลาหนึ่งได้หรือไม่
สำหรับ การท่องเที่ยวในพื้นที่ เช่น พัทยา หัวหิน ในลักษณะการร่วมลงทุน ตนกำลังประชาสัมพันธ์ภาคเอกชนของไทยที่รวยเยอะๆ มาร่วมลงทุน เป็นพีพีพี และเท่าที่ดูที่ประเทศญี่ปุ่นระยะทาง 700 กว่ากิโลเมตร ใช้งบประมาณ 4 แสนล้านบาท แต่เรามีที่ดินอยู่ ถ้าเศรษฐีไทยมาร่วมลงทุน และต่างประเทศมาร่วมหุ้นบ้างก็น่าจะดี อยากให้เริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่เราไม่มีเงิน ต้องหาคนมาร่วมลงทุน
นายกฯ กล่าวว่า ตนได้บอกไปว่าถ้าจะทำโดยมองเศรษฐกิจอย่างเดียวคงไม่ได้ ไทยต้องได้ประโยชน์ และสิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาในเรื่องการดูแลคนจนและผู้มีรายได้น้อย ให้สามารถมีการค้าขายได้ตามเส้นทางเหล่านั้น โดยคิดว่าบ้านเรามีโอกาสสูงในการสร้างรถไฟความเร็วสูงเพราะมีเส้นทางเยอะแยะ ส่วนเส้นทางนั้น ถ้ามีพอก็คู่ขนานกับเส้นทางเดิมได้ แต่ถ้าไม่พอต้องเวนคืนที่ดินมาทำเส้นทาง ทำให้ทุนเราไม่มี
"ที่ผ่านมามีการวางแผนงานไว้แล้วเป็นตัวเลขหลายล้าน แล้วมีการประมูลไปเลย มันไม่ได้ เราต้องเตรียมของเราให้พร้อม เพื่อมีข้อต่อรองได้ แต่ถ้าให้เอกชนเขาไปเลย เขาก็ต้องไปทำอีไอเอ เอชไอเอและการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเองทั้งหมด เขาจะทำได้หรือ วันนี้อะไรเราทำได้ ทำก่อน โดยใช้เงินที่มีอยู่ จะกู้หรือลงทุนก็ว่าไปเป็นเรื่องๆ ตัวเลขที่วางไว้ 3 ล้านล้าน เพราะมันยังไม่ได้ทำเลย เพียงแต่วางไว้คร่าวๆ โดยใช้เงินทีละช่วง แต่ถ้าอยากจะมีเร็วก็ต้องร่วมลงทุน ก็ขอเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟ ที่วันหน้าต้องเป็นเอกชนมาบริหารทั้งหมดเหมือนกับต่างประเทศ โดยมีกระทรวงกำกับข้างบน ถ้าบริหารด้วยราชการยังไงก็สู้เขาไม่ทัน มันเปิดแนวคิดใหม่ไปแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในส่วนการลงทุนรถไฟกับจีนที่ว่าจะมีการลงทุนอย่างไร เอาเงินจากไหน ถ้าเงินกู้มันแพงมากไป เราจะเอาเงินของเราหรือจะไปกู้ที่อื่นก็มีวิธีหลายอย่าง ทางเลือกหลายอย่าง ไม่ใช่บังคับทุกอย่าง มันไม่ได้ แต่สิ่งที่ดีคือจีนร่วมมือกับเรา ตรงนี้สำคัญเพราะเขาวางใจว่าเรารักษาสัญญา ซึ่งจะต้องต่อรองกันไป เรามีคณะกรรมการทำอยู่ ไม่ได้มอบให้บริษัทไหนไปทำ เป็นเรื่องของรัฐบาลต่อรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามถึงการแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นางหิรัญญา สุจินัย รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ยังไม่เกษียณ แต่จะตั้งเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น มันอยู่ที่ว่าจะทำอะไร อย่าไปสนใจว่าใครอยู่ตรงไหน ถ้าเขาทำดีก็ให้ทำไปก่อน ตนสั่งทุกเรื่อง แต่ไม่ได้สั่งโดยไม่ฟังใคร ตนมีข้อมูลจากปัญหาที่สรุปมาทั้งหมดและสั่งไปตามนั้นเพราะเวลามีจำกัด อย่าไปเขียนว่าตนสั่งตามที่ใครพูดอย่างเดียว แต่เพราะอ่านมาแล้ว ถ้ามีเรื่องใหม่มาก็ฟังหมดแล้วจึงตัดสินใจสั่งการ ไม่เช่นนั้นมันช้า
'หม่อมอุ๋ย' เผย ITD-ROJNA จะร่วมพัฒนาโครงการทวายเฟสแรก พร้อมดำเนินงานทันทีหลังลงนามในเดือนมี.ค.นี้
'หม่อมอุ๋ย'ผย ITD-ROJNA จะร่วมพัฒนาโครงการทวายเฟสแรก พร้อมดำเนินงานทันทีหลังลงนามในเดือนมี.ค.นี้
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมาร์เพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้องรวมมูลค่าโครงการ 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ในวันนี้ว่า ผู้ที่ประมูลได้เป็นผู้ดำเนินโครงการะยะแรก คือกลุ่มร่วมทุน ประกอบด้วย บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ(ROJNA) บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) และบริษัท แอล เอ็น จี พลัส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
โดยโครงการในระยะแรกจะเริ่มดำเนินการทันทีหลังจากที่กลุ่มร่วมทุนดังกล่าว ซึ่งมี ITD และROJNA เป็นแกนนำได้ลงนามในสัญญาสัมปทานภายในเดือน มี.ค.58 อายุสัมปทานราว 50 ปี และต่ออายุได้อีก 25 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดด้านต่างๆ รวมไปถึงส่วนที่ ITD ได้เคยลงทุนในโครงการทวายไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยอาจจะให้พื้นที่พัฒนาเพิ่มเติมเป็น 34 ตร.กม.หรืออาจจะเป็นลักษณะหักกลบลบหนี้กันไป
ทั้งนี้ การสร้างเส้นทางเชื่อมโยงต่อโครงการทวายมายังบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี ระยะทาง 138 กม. จะใช้เงินลงทุน 3,900 ล้านบาท ฝ่ายไทยโดยสำนักงานความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน(NEDA)จะเป็นผู้ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) แก่ทางการเมียนมาร์ ระยะเวลาผ่อนชำระ 20-30 ปี เพื่อให้โครงการทวายพัฒนาได้เร็วที่สุด และจะทำให้เกิดการจ้างงานในเมียนมาร์
นอกจากนี้ ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการหารือสามฝ่ายระหว่างฝ่ายเมียนมาร์-ไทย และญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการโดยญี่ปุ่นแสดงความจำนงในการสนับสนุนโครงการดังกล่าว พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอในการให้ความช่วยเหลือทั้งทางด้านเทคนิคและการเงิน รวมทั้งญี่ปุ่นจะเข้ามาร่วมทุนในบริษัทร่วมทุน ทวาย เอสอีแซด ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (SPV) ซึ่งปัจจุบันมีไทยและเมียนมาร์ถือหุ้นฝ่ายละ 50% หากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุนจะแบ่งถือหุ้น 3 ฝ่ายเท่าๆกัน
ขณะที่พื้นที่ของโครงการทวายที่เหลือจากเฟสแรก มีพื้นที่ทั้งหมด 196 ตร.กม.จะนำมาจัดทำแผนมาสเตอร์แพลน(Full Phase)ซึ่งจะดำเนินการคล้ายกับการจัดตั้งโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดของไทย โดยจะมีทั้งโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ท่าเรือขนาดใหญ่ ถนนที่เชื่อมโยงภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และกิจกรรมด้านอื่นๆ คาดว่าจะจัดทำแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
อนึ่ง การประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมาร์เพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้องในวันนี้มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายไทย และนาย U Nyan Tun รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ร่วมเป็นประธาน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
หม่อมอุ๋ย"เผย 30 ม.ค.นี้ ญี่ปุ่นอาจเข้าร่วมประชุมไทย-พม่า หารือโครงการทวายด้วย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตัวแทนจากประเทศญี่ปุ่นอาจเขาร่วมประชุม 3 ฝ่าย ไทย-พม่า-ญี่ปุ่น ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 ม.ค.นี้ เพื่อหารือความร่วมมือในการพัฒนาโครงการทวาย
"โครงการใหญ่ถ้าได้ญี่ปุ่นเข้ามาร่วมเป็น 3 แรงโอกาสสำเร็จก็มีมากขึ้น การประชุมกับพม่าปลายเดือนนี้ก็คงจะเข้าร่วมด้วย" รองนายกรัฐมนตรี ระบุ
ส่วนความร่วมมือของทางญี่ปุ่นในโครงการรถไฟของไทยนั้น อาจเลือกเข้าร่วมโครงการรถไฟขนาดรางมาตรฐาน เส้นทางบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-มาบตาพุด จ.ระยอง เชื่อมโยงไปถึงชายแดนกัมพูชาเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งในเส้นทางภาคตะวันออกไปยังภาคตะวันตก
สำหรับ โครงการรถไฟภายใต้ความร่วมมือไทย-จีนนั้น เบื้องต้นเป็นการร่วมทุน(Joint venture) แต่ยังไม่สรุปเรื่องเงินลงทุน ส่วนรายละเอียดใครจะลงทุนเท่าไหร่เป็นเรื่องของการเจรจาขั้นที่ 2
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
'ประยุทธ์'ประชุมซูเปอร์บอร์ด เคาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการนโยบายกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือ ซูเปอร์บอร์ด โดยมีวาระสำคัญ อาทิ กาารพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่เข้าข่ายเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่มูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมชนถนนจิระ-ขอนแก่น ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
2.โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบังของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และ 3.โครงการขยายเขตระบบไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ห่างไกลของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาผลการพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการของ รฟท. องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท การบินไทย
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด