Half of Americans polled see China as the biggest threat to the U.S., says Pew Research
- Details
- Category: USA
- Published: Saturday, 29 July 2023 20:35
- Written by: admin
- Hits: 3120
ชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งที่สำรวจเห็นว่าจีนเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อสหรัฐฯ Pew Research กล่าว
CNBC POLITICS Sumathi Bala
ประเด็นสำคัญ
ชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งมองว่าจีนเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดที่ประเทศของตนกำลังเผชิญ ผลสำรวจฉบับใหม่ของ Pew Research Center เปิดเผย
ในคำถามปลายเปิด ที่ขอให้ชาวอเมริกันตั้งชื่อประเทศใดก็ตามที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ มากที่สุด โดย 50% ตอบว่าจีน ซึ่งมากกว่าส่วนแบ่งที่ระบุว่ารัสเซีย (17%) เกือบสามเท่า Pew กล่าวในการสำรวจล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี
แม้ว่า จะเป็นการยากที่จะเปรียบเทียบการตอบสนองในแต่ละปี แต่ชาวอเมริกันก็ยังไม่เคยเห็นจีนเป็นภัยคุกคามอันดับต้นๆ ของสหรัฐฯ เสมอไป” พิวกล่าว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (ซ้าย) ของจีน จับมือกันระหว่างการประชุมสุดยอด G20 ที่เมืองนูซา ดูอา บนเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565
ซอลโลบ | เอฟพี | เก็ตตี้อิมเมจ
ผลสำรวจของศูนย์วิจัย Pew ฉบับใหม่เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งมองว่าจีนเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดที่สหรัฐต้องเผชิญ
ในคำถามปลายเปิด ชาวอเมริกันถูกขอให้ตั้งชื่อประเทศใดๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ มากที่สุด โดย 50% ตั้งชื่อว่าจีน
ซึ่งมากกว่าส่วนแบ่งที่ระบุว่ารัสเซีย (17%) เกือบ 3 เท่า พิวระบุในการสำรวจครั้งล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี
แม้ว่า จะเป็นการยากที่จะเปรียบเทียบการตอบสนองในแต่ละปี แต่ Pew ระบุว่า ”คนอเมริกันไม่ได้มองว่าจีนเป็นภัยคุกคามอันดับต้น ๆ ของสหรัฐฯ เสมอไป”
“เมื่อเราถามคำถามในลักษณะนี้ครั้งล่าสุดในปี 2562 ชาวอเมริกันจำนวนเท่าๆ กันชี้ว่าจีนและรัสเซียเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดที่ประเทศของพวกเขาต้องเผชิญ” รายงานระบุ
การสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าชาวอเมริกันมีมุมมองเชิงลบมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2020 พิวกล่าวเสริม แบบสำรวจครอบคลุมผู้ใหญ่มากกว่า 3,500 คนในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 26 มีนาคม 2566
การเดินทางครั้งล่าสุดของเยลเลนยังคงรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน: เจฟฟ์ มูน
การเดินทางครั้งล่าสุดของเยลเลนยังคงรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน: เจฟฟ์ มูน
ลอรา แคลนซี นักวิเคราะห์วิจัยจากศูนย์วิจัย Pew กล่าวว่า″ส่วนแบ่งของชาวอเมริกันที่มีความคิดเห็นไม่เอื้อ ต่อจีนเพิ่มขึ้นจาก 79% ในปี 2020 เป็น 83% ในปี 2023″
“ในช่วงเวลานั้น ศูนย์ได้สอบถามชาวอเมริกันเกี่ยวกับประเด็นเฉพาะหลายประการ รวมถึงความร่วมมือระหว่างจีนและรัสเซีย ซึ่ง 62% ระบุว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมากสำหรับสหรัฐฯ” เธอบอกกับ CNBC ทางอีเมล
ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยปัญหา
ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนเพิ่งถึงจุดต่ำสุดในรอบหลายปี ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นจากบอลลูนตรวจการณ์ของจีนที่ต้องสงสัยซึ่งบินอยู่เหนือสหรัฐอเมริกา
การต่อสู้เพื่ออำนาจสูงสุดทางเทคโนโลยีระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสองได้นำไปสู่มาตรการลงโทษ เช่น การจำกัดการค้าและการลงทุนในเทคโนโลยี
ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างปักกิ่งกับรัสเซียนับตั้งแต่เริ่มสงครามในยูเครน รวมถึงการที่จีนยังคงรุกรานช่องแคบไต้หวัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศสั่นคลอน
“มีปัญหาหลายอย่างที่เราถามเกี่ยวกับการที่ชาวอเมริกันสามารถระบุ ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงนโยบายของจีนด้านสิทธิมนุษยชนและอำนาจทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นของจีน” แคลนซีของ Pew กล่าว
“โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนที่มองว่าปัญหาเหล่านี้ร้ายแรงมากก็มีแนวโน้มที่จะมองจีนในแง่ลบด้วย”
ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่เห็นว่าจีนเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ 78% กล่าวว่าปักกิ่งเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ 73% ต่อความมั่นคง
ในทางตรงกันข้าม มีเพียง 36% เท่านั้นที่พบว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามอย่างมากต่อเศรษฐกิจ และ 66% ต่อความมั่นคง
ซ่อมความสัมพันธ์
ผลการสำรวจมีขึ้นหลังความขัดแย้งทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมุ่งเป้าไปที่การผ่อนคลายความสัมพันธ์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเฮนรี คิสซิงเจอร์ นักการทูตทหารผ่านศึกของสหรัฐฯ ได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ระหว่างการเยือนปักกิ่งอย่างกะทันหัน ตามรายงานของสื่อทางการ การต้อนรับอย่างอบอุ่นที่คิสซิงเจอร์ได้รับในปักกิ่งถือเป็นตัวอย่างล่าสุดของความพยายามของจีนในการออกนอกช่องทางทางการทูตเพื่อสร้างอิทธิพลต่อวอชิงตัน
ฝ่ายบริหารของ Biden ได้พยายามที่จะเริ่มต้นการติดต่อระดับสูงกับจีนอีกครั้งผ่านการเยือนทางการทูตที่มีชื่อเสียงเมื่อไม่นานมานี้
รัฐมนตรีต่างประเทศ Antony Blinken, Janet Yellen รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ John Kerryผู้แทนพิเศษด้านสภาพอากาศของประธานาธิบดีได้เดินทางเยือนปักกิ่งเมื่อไม่นานมานี้
การแยกทางระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีสาเหตุมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจและความมั่นคงที่'ตกเลือดพร้อมกัน' เพนนี พริตซ์เกอร์กล่าว
การแยกทางระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีสาเหตุมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจและความมั่นคงที่ ‘ตกเลือดพร้อมกัน’ เพนนี พริตซ์เกอร์กล่าว
Blinken จัดประชุมในนาทีสุดท้ายกับ Xi ซึ่งได้รับการอธิบายว่าแข็งแกร่ง แต่ประนีประนอม แผนการเดินทางเดิมของเขาในเดือนกุมภาพันธ์ถูกเลื่อนออกไปหลังจากเหตุการณ์บอลลูนสอดแนมของจีนที่ถูกกล่าวหา
ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายสามารถผ่อนคลายลงได้ หากมีความพยายามมากขึ้นในการรับฟังผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการรุ่นใหม่ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับจีน โจว จื้อซิง นักวิเคราะห์การเมืองของจีน ระบุ
“เป็นที่น่าสังเกตว่าชาวอเมริกันเหล่านี้ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทุกแง่มุม และพวกเขาใช้ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งดีกว่ารุ่นก่อนๆ ของพวกเขา” โจวเขียนบนแอพส่งข้อความจีน WeChat เมื่อเร็วๆนี้
“กลุ่มนักยุทธศาสตร์รุ่นเยาว์ในสหรัฐฯ ที่เข้าใจจีนอย่างแท้จริงกำลังเกิดขึ้น”เขากล่าวเสริม
“ปัญหาของเราคือ อย่างแรก เราไม่เข้าใจคนเหล่านี้จริงๆ ประการที่สอง เราไม่มีกลุ่มคนหนุ่มสาวที่สอดคล้องกัน ช่องว่างนี้แย่มาก!”
