BKI ปี 66 กำไรทำสถิติสูงสุดรอบ 76 ปี ตั้งเป้าปี 67 เบี้ยรับโต 8% ปรับพอร์ตขายหุ้นโยกลงทุนพันธบัตร
- Details
- Category: ประกัน
- Published: Friday, 15 December 2023 14:49
- Written by: admin
- Hits: 3627
BKI ปี 66 กำไรทำสถิติสูงสุดรอบ 76 ปี ตั้งเป้าปี 67 เบี้ยรับโต 8% ปรับพอร์ตขายหุ้นโยกลงทุนพันธบัตร
BKI กรุงเทพประกันภัย ปี 2566 โตตามแผน หลังงวด 9 เดือนท็อปฟอร์ม กำไรได้ 2.5 พันล้านบาท ทำสถิติสูงสุดรอบ 76 ปี เปิดแผนปี 2567 เบี้ยรับรวมโต 8% แตะ 32,500 ล้านบาท ลุ้นกำไรทะลุ 3,000 ล้านบาท ปรับพอร์ตโยกเงินฝากลงทุนพันธบัตรดาวรุ่งผลตอบแทนดี ส่วนตลาดหุ้นหดตัวลงขายหุ้นใน SET ออกไปบางส่วนเพื่อทำกำไร
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) BKI เผยว่า แผนธุรกิจปี 2567 บริษัทตั้งเป้าเบี้ยรับรวม เติบโต 8% หรือ ประมาณ 2,400 ล้านบาท มาอยู่ที่ 32,500 ล้านบาท จากปี 2566 ที่คาดเบี้ยรับรวมจะทำได้ 30,000 ล้านบาท และมีกำไรมากกว่า 3,000 ล้านบาท ขณะที่ผลดำเนินงานปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังงวด 9 เดือน บริษัทมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 21,982 ล้านบาท เติบโต 12.5% และมีกำไร 2,546 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่บริษัทเปิดดำเนินการมา 76 ปี
ทั้งนี้ การทำธุรกิจในปี 2567 ยังมีความไม่แน่นอน และหลายสำนักคาดการว่า GDP จะโต 3.7-3.8% จากปีนี้ 2.4-2.5% ซึ่งการที่บริษัทสามารถเติบโตได้ 8% ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยปรัชญาในการบริหารจะต้องสร้างดุลยภาพระหว่างการเติบโตของเบี้ยรับรวมและการสร้างความมั่นคงเข้มแข็งของผลกำไรธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องเสถียรภาพ การเมืองในประเทศ ปัญหาหนี้สินในแรงงานภาคเอสเอ็มอี กว่า 1.3 ล้านคน ที่ความสามารถชำระหนี้น้อยลง จากปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้น จากดอกเบี้ยปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งแตะ 90% ของ GDP ล้วนส่งผลกระทบทางอ้อมต่อธุรกิจประกันภัยในที่สุด
สำหรับ ปี 2567 บริษัทยังคงเชื่อว่า จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยพอร์ตที่จะเป็นตัวผลักดันหลัก คือ ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพราะเป็นเทรนด์อนาคต โดยปีนี้มียอดรถอีวีจดทะเบียน 100,000 คัน เติบโตขึ้น 10 เท่าจากปีที่แล้ว (ยอดจดทะเบียนแค่ 10,000 คัน) และเชื่อว่าปีหน้าคงจะมีการเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับ ตลาดรถอีวี มีสิ่งที่ต้องพิจารณา ได้แก่ หลายบริษัทประกันภัยมองเป็นโอกาสเข้ามาแข่งขันแย่งชิงเค้กก้อนนี้ ซึ่งการแย่งชิงเค้กในตลาดประกันภัยไทยใช้กลไกทางราคา โดยจากข้อมูลตลาดโลกพบว่าเบี้ยประกันรถอีวีในตลาดญี่ปุ่นมีอัตราสูงกว่าเบี้ยประกันรถสันดาป 10-20% และในตลาดสหรัฐอเมริกาสูงถึง 25% แต่ในประเทศไทยเบี้ยรถอีวีจะต่ำกว่าเบี้ยรถสันดาปแล้ว
โดยปัจจุบันอัตราความเสียหายหรือเคลมสินไหม (Loss Ratio) ของรถอีวี ทุกบริษัทมองว่า อยู่ได้ เพราะปีแรกๆ แค่ระดับ 10-15% แต่ผ่านไป 2 ปี กระโดดขึ้นมาเป็น 40% และปีนี้ Loss Ratio เฉลี่ยของตลาดขึ้นไปเกือบ 60% แล้ว แต่ในความเป็นจริงมองว่า ถ้าเบี้ยที่แข่งกันในราคาที่ต่ำ Loss Ratio ไปถึงระดับ 75-80% จะอยู่รอดไม่ได้ เพราะไม่มีกำไร เพราะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นอีก 18% ดังนั้น BKI ยังต้องรอบคอบในประเด็นเหล่านี้
ในส่วนของ พอร์ตลงทุน BKI จึงขยับพอร์ตลงทุนในสภาวะที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง เงินทุนไหลออกต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีการขายหุ้นใน SET ออกไปบางส่วน เพื่อทำกำไร และปรับพอร์ตด้วยการย้ายเงินฝากไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อสอดรับกับทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งมีเทรนด์การลงทุนชัดเจนในตราสารหนี้ จะให้ผลตอบแทนที่ดี
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจากการลงทุน(IRR)ปีนี้ คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5-3% ส่วนปี 2567 คาดจะใกล้เคียงจากปีนี้ เนื่องจากสภาวะตลาดหุ้นยังมีความผันผวน และมีความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก
"การขายหุ้นที่มีกำไรออกไป และรอจังหวะที่ดีเพื่อเข้าไปซื้อหุ้นอีกรอบ โดยก่อนหน้านี้ BKI ได้โยกเงินฝากประมาณ 3,000 ล้านบาท ไปลงพันธบัตรรัฐบาล เพื่อรับดอกเบี้ยที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้เงินฝากคงเหลือไว้ที่ 6,000 ล้านบาท"ดร.อภิสิทธิ์ กล่าว