WORLD7

ร่างกฎกระทรวงจัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ....

LINE it!
ร่างกฎกระทรวงจัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ....
0 Share

GOV 14

ร่างกฎกระทรวงจัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ....

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงจัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

          ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการจัดตั้ง รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งกำหนดให้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการศึกษาธิการจังหวัดแทน ประกอบกับการเสนอร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2564 และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว

          สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง

          1. ยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการจัดตั้ง รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2550

          2. กำหนดหลักเกณฑ์การจัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษา ดังนี้

                    2.1 การจัดตั้งสถานศึกษามีหลักเกณฑ์ ดังนี้ 

                              (1) ระดับประถมศึกษาต้องมีนักเรียนในแต่ละชั้นเรียนไม่น้อยกว่า 25 คน ถ้าไม่เป็นไปตามเกณฑ์ให้จัดตั้งเป็นสาขาของสถานศึกษาอื่น

                              (2) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและหรือระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมีนักเรียนในแต่ละชั้นเรียนไม่น้อยกว่า 80 คน ถ้าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ให้จัดตั้งเป็นสาขาของสถานศึกษาอื่น

                              (3) สถานที่จัดตั้งเป็นที่ดินที่มีหลักฐานอนุญาตให้ใช้ไม่น้อยกว่า 25 ไร่

                              (4) กรณีจัดตั้งขึ้นใหม่ต้องอยู่ห่างจากสถานศึกษาประเภทเดียวกันของรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตั้งอยู่เดิมไม่น้อยกว่า 6 กิโลเมตร

                              (5) กรณีในท้องที่ชุมชนหนาแน่นหรือมีความจำเป็นพิเศษ หากไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหรือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเสนอคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดให้ความเห็นชอบการจัดตั้งสถานศึกษา ในท้องที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงงบประมาณ ประสิทธิภาพ และคุณภาพของการจัดการศึกษา

                              (6) จัดทำแผนการคาดคะเนประชากรวัยเรียนไม่น้อยกว่า 3 ปีการศึกษาถัดไป จัดทำที่ตั้ง แผนผัง และชื่อสถานศึกษา หลักฐานการอนุญาตให้ใช้ที่ดิน หลักสูตรการเรียนการสอน การดำเนินการเกี่ยวกับบุคลากร และงบประมาณ

                              (7) ให้เสนอแผนการจัดตั้งฯ ต่อเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ความเห็นเพื่อนำเสนอคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดประกอบการให้ความเห็นชอบ เมื่อเห็นชอบแล้ว ให้สำนักงานฯ ประกาศการจัดตั้งสถานศึกษานั้น ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งมติจากคณะกรรมการฯ และเผยแพรให้ประชาชนทราบโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงาน พร้อมทั้งรายงานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยเร็วเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา

                    2.2 การยุบสถานศึกษามีหลักเกณฑ์ ดังนี้

                              (1) ระดับประถมศึกษาที่มีนักเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 น้อยกว่า 10 คน ติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปีการศึกษา

                              (2) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีนักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 น้อยกว่า 10 คน ติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปีการศึกษา หรือมีนักเรียนทั้งระดับน้อยกว่า 30 คน

                              (3) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้ (3.1) มีนักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 น้อยกว่า 10 คน ติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปีการศึกษา (3.2) มีนักเรียนชั้นใดชั้นหนึ่ง น้อยกว่า 10 คน (3.3) มีนักเรียนทั้งระดับ น้อยกว่า 40 คน (3.4) มีแผนชั้นเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น น้อยกว่า 3 ห้องเรียน

                              (4) กรณีในท้องที่ที่มีความจำเป็นพิเศษหากมีความจำเป็นอย่างอื่นให้สำนักงานฯ เสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบการยุบสถานศึกษาในท้องที่ดังกล่าว

                              (5) จัดทำแผนเกี่ยวกับบุคลากรเด็กนักเรียน จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ การยุบสถานศึกษาให้ยุบทีละ 1 ชั้นเรียน เริ่มตั้งแต่ชั้นต้นของระดับ เว้นแต่มีเหตุผลความจำเป็นอาจยุบปีละเกินกว่า 1 ชั้นเรียน หรืออาจยุบทั้งระดับ

                              (6) ให้เสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบการยุบสถานศึกษา เมื่อเห็นชอบแล้ว ให้ประกาศภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งมติจากคณะกรรมการฯ และให้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงาน พร้อมทั้งรายงานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทราบโดยเร็ว

                    2.3 การรวมสถานศึกษามีหลักเกณฑ์ ดังนี้

                              (1) มีนักเรียนรวมกันทุกชั้นเรียนไม่เกิน 120 คน ให้จัดทำแผนเกี่ยวกับบุคลากร งบประมาณ ทรัพย์สิน เอกสารสำคัญ และการช่วยเหลือเด็กนักเรียน

                              (2) จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน

                              (3) ให้นักเรียนทุกชั้นเรียนในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ใกล้กันตั้งแต่สองแห่งขึ้นไปมาเรียนรวมกัน เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร

                              (4) เมื่อคณะกรรมการให้ความเห็นชอบแล้ว ให้ประกาศภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งมติจากคณะกรรมการ และให้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงาน พร้อมทั้งรายงานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทราบโดยเร็ว

                              (5) เมื่อประกาศการรวมสถานศึกษาแล้ว ให้สถานศึกษาหลักรับย้ายนักเรียนที่มาเรียนรวมจากสถานศึกษาอื่นมาเป็นนักเรียนของสถานศึกษาหลัก ให้สถานศึกษาที่มารวมโอนบรรดาสิทธิในงบประมาณหรือเงินอุดหนุน ทรัพย์สิน สิทธิ สิทธิเรียกร้อง หนี้ ไปเป็นของสถานศึกษาหลัก และให้สำนักงานดำเนินการเลิกสถานศึกษาที่มารวมภายใน 360 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งมติจากคณะกรรมการ

                    2.4 การเลิกสถานศึกษามีหลักเกณฑ์ ดังนี้

                              (1) การเลิกสถานศึกษากรณีไม่มีนักเรียนที่จะจัดการเรียนการสอนให้จัดทำแผนเสนอคณะกรรมการฯ ให้ความเห็นชอบการดำเนินการเกี่ยวกับบุคลากร งบประมาณ ทรัพย์สิน และเอกสารสำคัญ

                              (2) การเลิกสถานศึกษากรณีเป็นสถานศึกษาที่ไปรวมสถานศึกษาหลักให้จัดทำแผนการดำเนินการเกี่ยวกับบุคลากร งบประมาณ ทรัพย์สิน เอกสารสำคัญ และการช่วยเหลือเด็กนักเรียน

                              (3) จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน

                              (4) เมื่อสำนักงานดำเนินการตาม (1) และ (2) แล้ว ให้เสนอคณะกรรมการฯ ให้ความเห็นชอบ เมื่อเห็นชอบแล้ว ให้ประกาศภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งมติจากคณะกรรมการ และให้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงาน พร้อมทั้งรายงานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยเร็วเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา

                              (5) เมื่อประกาศการเลิกสถานศึกษานั้นแล้ว ให้สำนักงานจัดให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชี รวมถึงการดำเนินการโอนหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ยังคงเหลืออยู่ของสถานศึกษาให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นกำหนด

                              (6) บรรดาเอกสารสำคัญของสถานศึกษาที่ถูกเลิก ให้โอนไปอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสำนักงานหรือสถานศึกษาหลัก เช่น การเลิกสถานศึกษากรณีไม่มีนักเรียนที่จะจัดการเรียนการสอนให้เก็บไว้ที่สำนักงาน สำหรับการเลิกสถานศึกษากรณีเป็นสถานศึกษาที่ไปรวมสถานศึกษาหลักให้เก็บไว้ที่สถานศึกษาหลัก

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 2 พฤษภาคม 2566

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396

 

 

A5064

Click Donate Support Web  

kasat 720x100

MTL 720x100

TU 720 x 109

sme 720x100

ธกส 720x100

SPALAI 720x100

PF 720x100

TOA 720x100