อาเซียน ยังคงเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่สุดของจีนในไตรมาสแรกปีนี้
สำนักงานด่านศุลกากรจีน รายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของจีนในไตรมาสแรกปีนี้ว่า อาเซียนยังคงเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่สุดของจีนในช่วงเวลาดังกล่าว โดยการนำเข้าและส่งออกระหว่างจีน-อาเซียนอยู่ที่ 1.24 ล้านล้านหยวน คิดเป็น 14.7% ของยอดการนำเข้าส่งออกของจีน ในนี้ จีนส่งออกไปยังอาเซียน 683,480 ล้านหยวน นำเข้าจากอาเซียน 560,600 ล้านหยวน
ในช่วงเวลาดังกล่าว การนำเข้าส่งออกระหว่างจีน-สิงคโปร์ขยายตัวชะลอลงเล็กน้อย แต่การนำเข้าส่งออกระหว่างจีนกับอีก 9 ประเทศสมาชิกอาเซียนล้วนได้ขยายตัวในตัวเลขสองหลัก ทำให้การนำเข้าส่งออกระหว่างจีน-อาเซียนในไตรมาสแรกปีนี้พุ่งขึ้น 26.1%
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
ฯพณฯหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนแนะนำนโยบายต่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีน
การประชุมครั้งที่ 4 สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติสมัยที่ 13 ได้จัดงานแถลงข่าวทางวิดีโอในมหาศาลาประชาชน ฯพณฯ หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบคำถามของสื่อจีนและต่างประเทศเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีน
จีนยึดมั่นใน 'ลักษณะความเป็นสินค้าสาธารณะ' ของวัคซีน จีนเป็นประเทศแรกที่ประกาศให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะของโลกหลังจากพัฒนาเสร็จสิ้น จีนได้เข้าร่วมโครงการ COVAXขององค์การอนามัยโลกและตั้งมั่นว่าจะจัดหาวัคซีนล็อตแรก 10 ล้านโดส เพื่อตอบสนองความต้องการเร่งด่วนของประเทศกำลังพัฒนา จีนได้บริจาควัคซีนแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่มีความต้องการเร่งด่วน 69 ประเทศและส่งออกวัคซีนไปยัง 43 ประเทศ นอกจากนี้ เรายังบริจาควัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพจากประเทศต่างๆ ตามคำเรียกร้องของสหประชาชาติ เรายังยินดีร่วมมือกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากลในการจัดหาวัคซีนให้กับนักกีฬาที่เตรียมเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก วัคซีนของจีน 17 ตัวได้เข้าสู่การทดลองทางคลินิกและมากกว่า 60 ประเทศได้อนุญาตให้ใช้วัคซีนของจีน ความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีนจีนกำลังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ในปัจจุบัน มีวัคซีนหลายตัวได้เข้าสู่ตลาดทั่วโลกแล้วและแต่ละประเทศจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกวัคซีนตัวใด ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนจีนหรือวัคซีนต่างประเทศ ขอเพียงแต่มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือก็เป็นวัคซีนที่ดี เราคัดค้าน"วัคซีนชาตินิยม" และไม่ยอมรับการสร้าง ‘ช่องว่างภูมิคุ้มกัน’ และต่อต้านความพยายามใดๆ ที่จะทำให้ความร่วมมือด้านวัคซีนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง เราหวังว่าทุกประเทศที่มีความสามารถจะพยายามจัดหาวัคซีนให้กับประเทศที่มีความต้องการโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนาเพื่อให้ประชาชนทั่วโลกสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ในราคาไม่แพงเกินไป เพื่อทำให้วัคซีนกลายเป็น "วัคซีนของประชาชน" อย่างแท้จริง
ปีนี้เป็นปีครบรอบ 30 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์คู่เจรจาระหว่างจีนและอาเซียนเรายินดีที่จะสร้างประชาคมแห่งอนาคตร่วมกันที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับอาเซียน เราจะให้การสนับสนุนในการต่อสู้กับโควิด-19 ของอาเซียนต่อไป จีนกำลังจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศในอาเซียนและจะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษต่อความต้องการของประเทศในอาเซียนต่อไป เราจะขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับอาเซียนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เชื่อมการสร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่ของจีนกับ "กรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน" (ASEAN Comprehensive Recovery Framework : ACRF) และสร้างจุดเด่นใหม่ของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาที่ยั่งยืนและอื่นๆ เราจะเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับอาเซียน เร่งการปรึกษาหารือเกี่ยวกับ ‘ประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้’ ดำเนินความร่วมมือเชิงปฏิบัติทางทะเลอย่างแข็งขันและรักษาสันติภาพ เสถียรภาพของภูมิภาคในระยะยาว
ปีนี้เป็นปีครบรอบ 50 ปีของการคืนที่นั่งที่ชอบธรรมในสหประชาชาติให้จีนใหม่ กว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา จีนยึดถือความเป็นธรรมและความยุติธรรมมาโดยตลอดและยืนหยัดในหลักการว่าทุกประเทศทั้งใหญ่และเล็กมีความเท่าเทียมกัน การลงคะแนนเสียงของเราจะเป็นของประเทศกำลังพัฒนาเสมอ จีนได้เข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศระดับรัฐบาลเกือบทั้งหมดและอนุสัญญาระหว่างประเทศมากกว่า 500 ฉบับ จีนเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่อันดับสองในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติและเป็นประเทศที่ส่งเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพมากที่สุดในบรรดาสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนเชื่อว่าเราต้องยึดมั่นในวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ ยึดมั่นให้สหประชาชาติมีสถานะเป็นศูนย์กลางในระบบระหว่างประเทศและยึดมั่นในกติกาพื้นฐานว่าด้วยการปรึกษาหารืออย่างเท่าเทียมกันของสหประชาชาติ
จีนและสหรัฐฯ เป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อผลประโยชน์ผสมผสานกันจึงไม่น่าแปลกใจที่มีการแข่งขันกัน แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องเป็นการแข่งขันที่เท่าเทียมกันบนพื้นฐานความยุติธรรม ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับตนเองเท่านั้น แต่ยังส่องแสงสว่างให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งด้วย สิ่งที่สำคัญกว่าการแพ้หรือชนะก็คือความร่วมมือควรเป็นเป้าหมายหลักของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศหรือทั่วโลก เรายินดีที่จะหารือและกระชับความร่วมมือกับสหรัฐฯ อย่างเปิดกว้าง เราหวังว่าสหรัฐฯ กับจีนจะเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันและยกเลิกข้อจำกัดที่ไร้เหตุผลทั้งหมดสำหรับความร่วมมือระหว่างกันโดยเร็วที่สุด และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปสร้างอุปสรรคใหม่ๆ ขึ้นมาอีก
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
สภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป เผยแพร่รายงาน การรับมือกับการค้าผิดกฎหมายในอาเซียน การค้าผิดกฎหมายมีแนวโน้มเติบโตขึ้นหลังการแพร่ระบาด โดยในรายงานได้ออกคำแนะนำ เพื่อรับมือกับการค้าผิดกฎหมาย และกลุ่มอาชญกรรมข้ามชาติ
สภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป (EU-ABC) ซึ่งเป็นหน่วยงานเดียวสำหรับธุรกิจในยุโรปที่ทำตลาดครอบคลุมภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด ได้ออกรายงานฉบับล่าสุดที่มีชื่อว่า ‘การต่อสู้กับการค้าผิดกฎหมายในอาเซียน’ (Tackling Illicit Trade in ASEAN) ในขณะนี้การค้าผิดกฎหมายเป็นเรื่องที่อาเซียนต้องเร่งผลักดัน เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมการสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (AMMTC) ครั้งที่ 14 ที่กำลังจะมาถึง รายงานนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับวิธีที่รัฐบาลและผู้นำในอุตสาหกรรมทำงานร่วมกันเพื่อแนะนำการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนนี้
ทั้งนี้ มีตัวเลขคาดการณ์ว่าการค้าผิดกฎหมายจะทำลายเศรษฐกิจโลกราว 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการค้าระหว่างประเทศเกี่ยวกับสินค้าลอกเลียนแบบมีมูลค่าราว 461 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขนาดของตลาดสินค้าปลอมมีมูลค่าสูงถึง 35.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป คาดว่า ตลาดสินค้าลอกเลียนแบบจะมีมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เวียดนามยึดหน้ากากอนามัย 3M ปลอมได้กว่า 150,000 ชิ้น ขณะที่ฟิลิปปินส์ยึดเวชภัณฑ์มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การค้าผิดกฎหมายทำให้รัฐสูญเสียรายได้ และกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินงานอย่างถูกต้อง และยังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชีวิตมนุษย์และสิทธิมนุษยชน เมื่อเข้าใจถึงผลกระทบที่เป็นอันตรายของอุตสาหกรรมการค้าที่ผิดกฎหมาย ผู้นำอาเซียนได้แสดง ความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ ท่ามกลางความท้าทายและภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดจากการระบาดของโควิด -19 รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ให้มากขึ้น ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 37 เมื่อเร็วๆ นี้
คริส ฮัมฟรีย์ ผู้อำนวยการบริหาร สภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของคณะมนตรีในการแก้ไขปัญหานี้ โดยกล่าวว่า “คาดว่าตลาดค้าของปลอมในอาเซียนมีมูลค่าเกือบ 10% ของการค้าระหว่างประเทศ สำหรับสินค้าเหล่านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากปล่อยทิ้งไว้อุตสาหกรรมที่ผิดกฎหมายนี้จะเติบโตขึ้นในช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญกับวิกฤตด้านสุขภาพและเศรษฐกิจที่ไม่เคยประสบมาก่อน กลุ่มผู้ปลอมแปลงและผู้ค้าของเถื่อน ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของระบบ ดังนั้นแล้ว ผู้นำอาเซียนจำเป็นต้องเห็นความเร่งด่วนในการประสานงานและร่วมมือกันเพื่อต่อต้านปัญหาข้ามแดนนี้ เราเข้าใจดีว่าการแก้ปัญหานี้มีความสำคัญมากและผู้นำรัฐบาลไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้โดยลำพัง พวกเราที่คณะมนตรีพร้อมที่จะสนับสนุนความพยายามของอาเซียนในการต่อสู้กับการค้าผิดกฎหมายและผลกระทบเชิงลบที่จะตามมา”
สภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโปร ได้ร่วมกับ Société Générale de Surveillance (SGS) ซึ่งเป็น บริษัท ด้านการตรวจสอบชั้นนำของโลก และฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล จัดเวิร์กชอปการฝึกอบรมเสมือนจริงเพื่อสร้างความตระหนักในประเด็นการค้าผิดกฎหมายโดยเน้นเฉพาะเรื่องความเสี่ยง เทคนิคการทำโปรไฟล์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้บริหารศุลกากร ในการระบุสินค้าที่ผิดกฎหมายได้ดีขึ้น งานดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรกว่า 80 คนเข้าร่วมในงานประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาค โดยได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เช่น นายคริสทาฟ ชิมเมอออร์แมน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาของ SGS เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีที่ประเทศในอาเซียนจะทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น และรับมือกับภัยคุกคามระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นของการปลอมแปลงและการค้าที่ผิดกฎหมาย
ดร. แพทริก คอส หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ บริษัท Roche Pharma APAC กล่าวว่า “การค้าผิดกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับส่วนผสมของยา ตัวยา และเครื่องมือวินิจฉัยโรค นับเป็นเรื่องที่อันตรายต่อชีวิตและความเป็นไปของผู้ป่วย และจำเป็นต้องมีการป้องกัน อาชญากรอาศัยช่วงโควิด-19 กอบโกยผลประโยชน์ ดังนั้น การปกป้องผลิตภัณฑ์และผู้ป่วยจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุด ทำให้เกิดดำเนินการเชิงรุก เพื่อต่อต้านการปลอมแปลงและใช้ระบบซัพพลายเชนที่มีความปลอดภัย ผมขอแนะนำอย่างยิ่งให้ทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ และความพยายามของรัฐบาลในการพัฒนากฎหมายที่เข้มแข็งขึ้น และปรับปรุงการบังคับใช้ ให้ความรู้กับประชาชน และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของแต่ละประเทศ"
การเติบโตของการค้าผิดกฎหมาย สร้างความกดดันให้กับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วงเวลาที่ผู้นำต้องการสร้างฐานทางการเงินใหม่หลังจากใช้จ่ายเงินหลายพันล้านเพื่อให้แน่ใจว่าวิกฤตสุขภาพจะไม่ลุกลามไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตัวอย่างเช่น เมียนมาร์ผลิตหยกมูลค่า 12-31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่มีการลักลอบนำออกมากถึง 80% ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้ทางภาษี
ลิซ่า บีชทิเจอร์ จาก PMI และหัวหน้ากลุ่มต่อต้านการค้าผิดกฎหมาย สภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน กล่าวว่า“ องค์กรการค้าและอาชญากรที่ผิดกฎหมายกลายพันธุ์โยกย้ายและปรับเปลี่ยนสถานการณ์ใหม่ วิกฤต โควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น เกิดการค้าผิดกฎหมายบนอีคอมเมิร์ซ การเติบโตที่เห็นนับตั้งแต่เดือนมีนาคมนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ โลกหลังโควิดจะส่งผลกระทบต่อวิธีที่เราในฐานะตัวแทนของภาครัฐและเอกชนและภาคประชาสังคมมีปฏิกิริยาตอบสนอง การทำงานร่วมกันระหว่างอุตสาหกรรมภาครัฐและเอกชนไม่เคยมีความสำคัญมากไปกว่านี้ ถึงเวลาที่อาเซียนจะลงมือทำแล้ว”
แก็งค์ทำสินค้าลอกเลียนแบบเป็นภัยคุกคามทางการเงินและชื่อเสียงต่อแบรนด์ดัง ในขณะที่ธุรกิจต่างๆ มองไปถึงช่วงเทศกาลที่กำลังจะมาถึง การดูแลปกป้องแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ โรบิน สมิธ รองประธานและที่ปรึกษาของกลุ่มเลโก้ เอเชียแปซิฟิกและจีน กล่าวว่า “การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าเด็ก ๆ ต้องการเวลาเล่นกับครอบครัวมากขึ้น และพ่อแม่เห็นว่าการเล่นเป็นกิจกรรมสำคัญที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวได้รับความบันเทิงในช่วงการระบาดของโควิด-19 แต่อย่างไรก็ดี จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้เองทำให้ของเล่นด้อยคุณภาพมีการซื้อขายอย่างผิดกฎหมาย จากสินค้าที่ขายไม่ได้คุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก ในภูมิภาคอาเซียนควรมีการดูแลให้เด็กมีความเพลิดเพลินในการเรียนรู้ผ่านการเล่นด้วยความปลอดภัยและมีความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับการปกป้องจากอันตรายที่อาจเกิดจากของเล่นที่ซื้อขายผิดกฎหมาย การลงทุนของอาเซียนในการต่อต้านการค้าที่ผิดกฎหมายในปัจจุบันจะส่งผลที่ดีในอนาคตและจะมีส่วนสำคัญในการสร้างประชาคมอาเซียนที่มั่งคั่งและปลอดภัยสำหรับคนรุ่นต่อไป”
เจฟฟรีย์ ฮาร์ดี ผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มพันธมิตรข้ามชาติเพื่อต่อต้านการค้าผิดกฎหมาย (TRACIT) ผู้เขียนร่วมของรายงานฉบับนี้กล่าวว่า "เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) เพื่อจัดการกับการค้าผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ อาชาญกรรมดังกล่าวส่งผลกระทบในวงกว้าง ดังนั้น ภาครัฐ สังคม และธุรกิจไม่ควรมองข้าม รายงานฉบับนี้ ได้กล่าวถึงประเด็นเร่งด่วนที่รัฐบาลควรใช้ความพยายามมากขึ้นในการนำกรอบภูมิภาคที่แข็งแกร่งมาใช้ เพื่อต่อสู้กับการค้าที่ผิดกฎหมายอย่างมีประสิทธิผล ขณะนี้ รัฐบาลอาเซียนมาถูกทางแล้ว ผลการวิจัยจากรายงานแสดงให้เห็นว่าต้องให้ความสำคัญกับการบังคับใช้ การจัดสรรทรัพยากร และการยกระดับความร่วมมือในภูมิภาค TRACIT และ EU-ABC เป็นกลุ่มความร่วมมือโดยรัฐบาลอาเซียนในการอุดช่องว่างการกำกับดูแลเหล่านี้และนำเสนอแนวร่วมต่อต้านกลุ่มอาชญากรที่ซื้อขายสินค้าผิดกฎหมาย”
ในขณะที่อาเซียนมองไปข้างหน้าเพื่อเข้าสู่ภาวะปกติแบบใหม่ ภายในภูมิภาคจำเป็นต้องเปลี่ยนบทเรียนในการล็อคดาวน์ ให้เป็นระบบการกำกับดูแลหลังวิกฤตที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยต้องทำความเข้าใจว่ากลุ่มอาชญากรใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนได้อย่างไรบ้าง ถึงเวลาของอาเซียนแล้วที่จะต้องเอาจริงกับเรื่องนี้ หากไม่มีการดำเนินการใด อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและวิกฤติในการรักษาพยาบาล
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 26 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ผ่านระบบประชุมทางไกล
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT-GT ของไทยเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 26 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle: IMT-GT) ผ่านระบบประชุมทางไกล ณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยมีนายเอกัส สุพาร์แมนโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เข้าร่วมในฐานะประธานที่ประชุม พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมประชุมสำคัญรายอื่น ๆ ประกอบด้วย ดาโต๊ะ ซรี มุสตาปา โมฮาเหม็ด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียนายอาเหม็ด เอ็ม ซาอีด รองประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย นายอะลาดิน ดี ริลโล รองเลขาธิการอาเซียนด้านประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เจ้าหน้าที่และผู้แทนระดับอาวุโสของ 3 ประเทศ ผู้แทนภาครัฐและเอกชน โดยการประชุมฯ มีสาระสำคัญดังนี้
รัฐมนตรีแผนงาน IMT-GT ทั้ง 3 ประเทศรับทราบรายงานผลการดำเนินงานและกิจกรรมตลอดปี 2562 - 2563 ของแผนงาน IMT-GT โดยมีโครงการสำคัญที่คืบหน้า อาทิ การเจรจาจัดทำความตกลงกรอบความตกลงด้านพิธีการศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการตรวจโรคพืชและสัตว์ ระหว่างรัฐบาลอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย เพื่ออำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายสินค้าและคนข้ามพรมแดนในพื้นที่แผนงาน IMT-GT (FoC in CIQ) ที่ดำเนินการในส่วนสาระสำคัญแล้วเสร็จและมีกำหนดจะลงนามในช่วงการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 13 แผนงาน IMT-GT ในปี 2564 การจัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการเมืองยางพาราร่วมกันของ 3 ประเทศเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมยางระหว่างกัน โครงการก่อสร้างสนามบินเบตง จังหวัดยะลา
ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการในปี 2564 โครงการก่อสร้างทางด่วนเปกันบารู-ดูไม ในอินโดนีเซีย การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างกันในระดับอนุภูมิภาค การพัฒนาขีดความสามารถในอุตสาหกรรมฮาลาล และการกำหนดบทบาทความรับผิดชอบรายสาขาของสภาเทศมนตรีสีเขียวเพื่อดำเนินงานตามกรอบการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน (พ.ศ. 2562 – 2579) โดยถือเป็นการดำเนินงานที่ต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการเมืองสีเขียวซึ่งประเทศไทยมีเทศบาลนครสงขลาและเทศบาลนครหาดใหญ่เป็นเมืองนำร่อง รวมถึงแผนบูรณาการระบบการขนส่งสีเขียวซึ่งได้ทำการศึกษาแล้วเสร็จในพื้นที่จังหวัดกระบี่และภูเก็ตและอีก 5 เมืองอื่นๆ ในอนุภูมิภาค IMT-GT
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบผลการศึกษาทบทวนการดำเนินงานภายใต้แผนดำเนินงานระยะห้าปี ปี 2560 – 2564 ภายใต้วิสัยทัศน์ 2579 ซึ่งได้ให้ความสำคัญต่อแนวทางการนำเสนอโครงการของแผนงานในอนาคตว่าควรให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานในระดับพื้นที่อย่างแท้จริงและขยายการมีส่วนร่วมที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน รวมทั้งยังได้รับทราบผลการศึกษาจากธนาคารพัฒนาเอเชีย 2 ฉบับคือ ผลการประเมินและทบทวนระเบียงเศรษฐกิจแผนงาน IMT-GT และผลการศึกษาแนวทางความร่วมมือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและความร่วมมือในแผนงาน IMT-GT ซึ่งมุ่งเน้นการยกระดับกลไกการขับเคลื่อนความร่วมมือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การเชื่อมโยงระหว่างนโยบายการวางแผนระดับชาติและระดับพื้นที่ที่ต้องสอดคล้องกัน การจัดทำมาตรการส่งเสริมระบบห่วงโซ่คุณค่าข้ามพรมแดนที่ต้องเข้มข้นมากขึ้นและส่งเสริมให้พื้นที่แผนงาน IMT-GT เป็นแหล่งลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร ยาง และปาล์มน้ำมัน ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของพื้นที่ดังกล่าว
นอกจากนี้ รัฐมนตรีแผนงาน IMT-GT ทั้ง 3 ประเทศ พร้อมด้วยผู้แทนจากธนาคารพัฒนาเอเชียและสำนักงานเลขาธิการอาเซียนได้ร่วมกันให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมผลการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 26 แผนงาน IMT-GT โดยมีสาระสำคัญคือการเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคเพื่อรับมือและฟื้นฟูผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แสดงผลการดำเนินงานและร่วมกันยินดีกับความสำเร็จของการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา รวมทั้งระบุแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไปอาทิ การนำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการผลิตและการตลาดของสินค้าและอุตสาหกรรมการเกษตร
การส่งเสริมให้นำขั้นตอนการปฏิบัติด้านความปลอดภัยและสาธารณสุขมาประยุกต์ใช้กับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการท่องเที่ยวข้ามพรมแดน การพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรมฮาลาลให้เข้มแข็ง นำไปสู่การยอมรับมาตรฐานฮาลาลร่วมกันและการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลในอนุภูมิภาคให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และการพัฒนาหลักสูตรการเสริมทักษะใหม่สำหรับแรงงานในอนุภูมิภาค
รัฐมนตรีแผนงาน IMT-GT ของไทยได้ใช้โอกาสนี้นำเสนอผลการดำเนินงานเพื่อบรรเทาและฟื้นฟูผลกระทบจาก COVID-19 ของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการคนละครึ่ง ซึ่งต่างมีส่วนสำคัญในการช่วยบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน รวมทั้งเน้นย้ำในเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยที่จะสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียเพื่อช่วยกันรับมือกับการแพร่ระบาดของ COVID-19และร่วมกันแสวงหาแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจร่วมกันต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินงานทุกสาขาความร่วมมือ การให้ความสำคัญกับการลงทุนสีเขียวและเศรษฐกิจสีเขียวและการปรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวโดยมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงาน IMT-GT ในครั้งนี้จะนำไปรายงานต่อที่ประชุมระดับผู้นำครั้งที่ 13 แผนงาน IMT-GT ในปี 2564 ซึ่งจะจัดขึ้นในโอกาสเดียวกับการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 38 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ขณะเดียวกันรัฐบาลมาเลเซียจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 27 แผนงาน IMT-GT ณ รัฐกลันตัน ในช่วงปลายปี 2564 ต่อไป
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเอกสารการประชุมที่ลิงก์นี้ http://tiny.cc/26thIMTGTMM-Doc
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
ปธน.จีนกล่าวคำปราศรัยพิธีเปิดงานมหกรรมจีน-อาเซียนและการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนจีน-อาเซียนครั้งที่ 17
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวคำปราศรัยในพิธีเปิดงานมหกรรมจีน-อาเซียน และการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนจีน-อาเซียนครั้งที่ 17
โดยนายสี จิ้นผิงย้ำว่า ปี 2013 ข้าพเจ้าเสนอว่ายินดีร่วมกับประเทศอาเซียนร่วมสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 ร่วมมือสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของจีน-อาเซียนที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ช่วง 7 ปีมานี้ ความสัมพันธ์จีน-อาเซียน ได้กลายเป็นแบบอย่างความสำเร็จมากที่สุด และมีพลังชีวิตที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กลายเป็นตัวอย่างในการเดินหน้าสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ ต่อหน้าการแพร่ระบาดโควิด-19 สองฝ่ายควรเฝ้าดูแลช่วยเหลือกัน ร่วมกันผ่านพ้นความยากลำบากในเวลานี้ โลกปัจจุบันกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบร้อยปี จากที่ประชาชนทุกประเทศไม่เคยมีความเชื่อมกันอย่างแนบแน่นเช่นทุกวันนี้ นโยบายการต่างประเทศจีนมองอาเซียนมีความสำคัญอันดับต้นๆ และภูมิภาคสำคัญในการร่วมดำเนินโครงการ ‘1 แถบ 1 เส้นทาง’ ด้วยคุณภาพ ยินดี...
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด