เพื่อไทย มีมติเลือก’สมพงษ์ อมรวิวัฒน์’ นั่งหน.พรรคเพื่อไทย-ผู้นำฝ่ายค้าน,'อนุดิษฐ์'เลขาฯ ตามคาด
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเพื่อไทย ที่ประชุมมีมติเลือก นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่และผู้นำทัพฝ่ายค้าน ส่วนนาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ เป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทยตามคาด
สำหรับ รองหัวหน้าพรรค มี 15 คน ประกอบด้วย 1.นายปลอดประสพ สุรัสวดี 2.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง 3.นายชูศักดิ์ ศิรินิล 4. นายไพจิต ศรีวรขาน 5.นายเกรียง กัลป์ตินันท์ 6. นายวิทยา บุรณศิริ 7.นายสามารถ แก้วมีชัย 8.นายวิชาญ มีนชัยนันท์ 9.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว 10.นายชวลิต วิชยสุทธิ์ 11.นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ 12.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง 13.นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร 14. นายนคร มาฉิม และ15. พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์
ส่วนรองเลขาธิการพรรรค จำนวน 7 คน ประกอบด้วย 1.นางละออง ติยะไพรัช 2.นายจตุพร เจริญเชื้อ 3.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ 4.นายศราวุธ เพชรพนมพร 5.นายสุรชาติ เทียนทอง 6.น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล และ 7.นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด เป็นโฆษกพรรค, นายจักรพงษ์ แสงมณี เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค, นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เหรัญญิกพรรค
กรรมการบริหารพรรค ได้แก่ นายประพนธ์ เนตรรังษี, นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์
นายสมพงษ์ ได้กล่าวถึงแผนงานการทำงานในสภาฯว่า จะเริ่มตั้งแต่อภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาล เรื่องของจริยธรรม จากนั้นจะอภิปรายในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรราวเดือนกันยายน 2562 ว่า พรรคเพื่อไทยจะใช้ความสามารถของบุคลากรพรรคเพื่อไทยที่มีความรอบรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเป็นผู้ชี้แจงให้รัฐบาลทราบว่างบประมาณที่รัฐบาลตั้งมานั้น ควรหรือไม่ควร อะไรที่ต้องปรับ อะไรที่ต้องแก้ไข
และสุดท้าย ก่อนจะสิ้นสมัยประชุมสมัยแรก คงจะต้องมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมุ่งเน้นเรื่องนี้มาตลอด
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ต้องฝ่าฟันอุปสรรค นำพาพรรคไปในแนวทางที่ถูกที่ควร ด้วยจำนวนกรรมการบริหารพรรคที่ถูกกำหนดไว้ให้มีเพียง 29 คน เป็นคนรุ่นใหม่ มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน ไม่มีสตั๊นท์แมนหรือนอมินี แต่อย่างไรก็ตามนอกจากกรรมการบริหารพรรคแล้ว พรรคเพื่อไทยยังมีบุคลากรที่มีความสามารถ เข้ามาทำงานในคณะกรรมการต่างๆเช่น คณะกรรมการที่ปรึกษาพรรค มีนายเสนาะ เทียนทอง เป็นประธาน คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธาน
"ขอให้ประชาชน สมาชิกพรรคเพื่อไทย และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยทั่วประเทศได้รับทราบว่าเราจะไม่ละทิ้งหน้าที่ของเรา เราจะทำงานเพื่อพรรคเพื่อไทย อย่างที่เราเคยใช้สโลแกนว่า พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน" นายสมพงษ์ กล่าว
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์ที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ ทำให้ต้องเตรียมพร้อม เพื่อรองรับความท้าทาย 3 เรื่อง คือความท้าทายทางการเมือง การต่อสู้กับรัฐธรรมนูญและกติกาที่บิดเบี้ยว กับประชาธิปไตยจอมปลอม กลไกต่างๆ การใช้อำนาจรัฐการใช้องค์กรอิสระที่ไม่เป็นธรรม, ความท้าทายทางเศรษฐกิจ และความท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี จึงต้องปรับตัวให้พร้อมโดยปรับกระบวนทัศน์ จัดกระบวนคน สร้างกลไกยุติความขัดแย้ง จากนี้ เพื่อไทยยุคใหม่จะเข้าถึงประชาชนมากขึ้น และจะนำประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในสภามากขึ้น และร่วมติดตามการทำงานของรัฐบาลร่วมกับทีมเพื่อไทยให้มากขึ้น
อินโฟเควสท์
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยืนยันสถานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เผยเจ๊แดงวางมือ,ด้านสุดารัตน์ วอนอย่าเพิ่งมโนปั้นนังหัวหน้าพรรค
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ายืนยันความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยวันนี้ เช่นเดียวกับสมาชิกคนสำคัญจำนวนมากตามขั้นตอนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองเดิมเริ่มทำกิจกรรมในส่วนของงานธุรการได้ ส่วนนางเยาวภา วงษ์สวัสดิ์ ภรรยา ไม่ได้เดินทางมาด้วย เนื่องจากเลิกเล่นการเมืองแล้ว ส่วนเหตุผลว่าเลิกเล่นการเมืองเพราะอะไรนั้น ให้ไปถามเจ้าตัวเอาเอง
นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ถึงคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับผู้นำพรรคคนต่อไปว่า ทุกคนมีคุณสมบัติทั้งคนที่มายืนยันตนและคนที่จะสมัครเป็นสมาชิกใหม่ม่ อยู่ที่พรรคจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ ณ วันนี้พรรคยังเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ วันนี้ที่มีสมาชิกเดินมากันมากก็อย่าคิดว่าเป็นการเคลื่อนไหว แต่เป็นการทำตามกฎหมายที่เปิดให้ยืนยันสมาชิกระหว่างวันที่ 1-30 เม.ย.นี้
ส่วนหากมีเสียงสนับสนุนให้มาเป็นผู้นำพรรค พร้อมที่เข้ามาทำหน้าที่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ผู้นำพรรคต้องเป็นคนหนุ่ม ตนไม่ได้คิดอะไรเรื่องนี้ ทุกอย่างต้องว่าไปตามกระบวนการ หากสมาชิกต้องการสนับสนุนตนก็คงต้องรอให้พรรคสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ก่อน เพราะขณะนี้เองยังทำอะไรไม่ได้
"ถ้ามีเสียงสนับสนุนก็ดี รอถ้าสมัครเป็นส.ส.ก็ช่วยเลือกก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ อย่าเพิ่งไปเลือก เอาให้ปลดล็อคก่อน"นายสมชาย กล่าว
นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่าในวันนี้พรรคเพื่อไทยได้จัดงานรดน้ำดำหัวหัวผู้ใหญ่ของพรรคเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ นอกจากนายสมชายแล้ว ยังมีนายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรค และ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค ขณะที่อดีต ส.ส.กลุ่มต่างๆ ของพรรคเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มอดีต ส.ส.ภาคเหนือและอีสาน
ส่วนอดีต ส.ส.ภาคกลางส่วนใหญ่ก็เดินทางมา ยกเว้นกลุ่มสะสมทรัพย์ ขณะที่ภาคใต้นั้น กลุ่มวาดะห์ที่มีข่าวไปร่วมพรรคประชาชาติก็ไม่ได้เดินทางมาร่วมงาน แต่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็เดินทางมาอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับ แกนนำพรรคเพื่อไทยและสมาชิกพรรคต่างทยอยกันมาร่วมยืนยันความเป็นสมาชิกเป็นจำนวนมาก อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายชัยเกษม นิติสิริ, นายวัฒนา เมืองสุข, นายโภคิน พลกุล, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นต้น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นวันที่รู้สึกอบอุ่นหลังจากรัฐประหาร 4 ปี แม้เวลาจะน้อยในการยืนยันสมาชิกแต่ต้องทำตามกฎหมายให้ถูกต้องครบถ้วน ถึงเวลาแล้วที่ประเทศควรกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
"พรรคเราไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็พร้อม แม้ปีนี้ผู้ใหญ่ที่เราเคารพจะอยู่ไม่ครบถ้วนเหมือนที่เราอยากเห็น แต่เราก็ต้องหนักแน่นมั่นคงเพื่อนำประเทศไปสู่ประชาธิปไตยให้ได้มากที่สุด"
ขณะที่นายเสนาะ กล่าวว่า แม้ปีนี้จะอายุ 84 ย่าง 85 แต่ก็จะอยู่กับพรรคต่อไป เพราะร่วมงานกับพรรคนี้ตั้งแต่สมัยไทยรักไทยวันที่จับมือกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 เม.ย.43 และจากนี้ก็จะอยู่กันต่อไปเพื่อจรรโลงไว้ซึ่งพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรก็ตาม
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีสมาชิกพรรคสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าพรรคว่า "ไม่ได้พูดว่าอยากจะเป็นหัวหน้าพรรค แล้วแต่คนคิด แล้วต้องถามด้วยว่าอยากเป็นหรือไม่ ...วันนี้ยังไม่จำเป็นต้องหาหัวหน้าพรรค หรือผู้บริหารพรรคใหม่ เพราะมี และทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว วันนี้ต้องอยู่ในข้อเท็จจริง อย่าไปมโนภาพ ยังมีงานให้ทำเยอะแยะ"คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
อินโฟเควสท์
ในประเทศ/มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 12-18 มิ.ย.2558
หลังรัฐบาล คสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดฉากรุกคืบเข้าหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเป็นรูปธรรม
อาศัยเรื่องคลิปให้สัมภาษณ์ที่เกาหลีใต้ ถึงเบื้องหลังขบวนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 กล่าวพาดพิงถึงม็อบ กองทัพ และองคมนตรี ว่า เป็นขบวนการเดียวกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
เป็นเหตุในการยกเลิกพาสปอร์ตจำนวน 2 เล่ม ก่อนมีการผสมโรงปลุกกระแสขยายผลอย่างเมามันไปยังเรื่องการถอดยศและยึดคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นน้องสาว ซึ่งถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตีกรอบเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ หลังจากคดีโครงการรับจำนำข้าวขึ้นสู่ศาลเป็นทางการ
ก็ได้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต จากอดีตนายกฯ หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย มาสู่การใช้ชีวิตธรรมดา" หันมาออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ ปลูกผัก เพาะเห็ด เดินตลาด หรือไม่ก็เดินสายไหว้พระตามจังหวัดต่างๆ
วันจันทร์ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย มีทั้งอดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส. อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายสามารถ แก้วมีชัย นายอุดมเดช รัตนเสถียร นางนลินี ทวีสิน น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ฯลฯ
ยกขบวนเดินทางไปยัง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อพักผ่อนออกรอบตีกอล์ฟ พร้อมเข้ากราบสักการะหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารเฝ้าประกบติดตามชนิดไม่ให้คลาดสายตา
ก่อนวันรุ่งขึ้น เป็นวันที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. นัดหมาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และอดีตรัฐมนตรีอีก 5 คน
เข้ารับทราบข้อกล่าวหา กรณีจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองระหว่างปี 2548-2553 โดยมิชอบ ในอัตราสูงกว่าปกติและไม่มีกฎหมายรองรับ
ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลา น.ส.ยิ่งลักษณ์ มอบหมายให้ตัวแทนเข้ายื่นเอกสารต่อ ป.ป.ช. ขอเลื่อนวันเข้ารับทราบข้อกล่าวหาออกไป
พร้อมกันนั้นอดีตรัฐมนตรีผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเดียวกันทั้งสิ้น 34 คน จำนวนหนึ่งเตรียมเปิดฉากฟ้องกลับ นายวิชา มหาคุณ และอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง รวม 11 คน
เอาผิดในมาตรา 157, 200 และมาตรา 83 ตามประมวลกฎหมายอาญา
สู้กันในกรอบกติกาบนดิน ไม่ใช่ใต้ดิน
จากการตกเป็นฝ่ายถูกรุกไล่หนักหน่วง
หลายคนจับตา 2 อดีตนายกฯ "ชินวัตร" รวมถึงพรรคเพื่อไทย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
จะตกหลุมพรางนายพรานที่วางเกมล่อเสือออกจากถ้ำมาฆ่าทิ้งหรือไม่
แต่แล้วเกมล่อเสือดูเหมือนจะไม่เวิร์กเท่าใดนัก เพราะทั้งทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-พรรคเพื่อไทย และ นปช.คนเสื้อแดง ต่างพร้อมใจกันปรับตัวเข้าสู่โหมดจำศีล
อย่างมากแค่ขยับตัวยั่วแหย่ ไม่เคลื่อนไหวดับเครื่องชน
สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น หลังจากถูกถอนพาสปอร์ตก็ได้โพสต์รูปตัวเองนั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้ผู้มีอำนาจทั้งหลายพ้นจากความโลภ โกรธ หลง
จากนั้นวันที่ 6 มิถุนายน "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ โพสต์ภาพบิดาลงในอิสตาแกรม @ingshin21 พร้อมข้อความรายงานความเคลื่อนไหวว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ประเทศมอนเตเนโกร เพื่อมาเพิ่มหน้าพาสปอร์ตใหม่ เพราะเล่มเก่าไม่เหลือที่ให้ประทับตรา และกำลังจะเดินทางต่อไปยังประเทศเยอรมนี
สอดรับกับเวลาไล่เลี่ยกัน พ.ต.ท.ทักษิณได้โพสต์ภาพตัวเองลงในอินสตาแกรม @thaksinlive ขณะยืนอยู่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี พร้อมข้อความ "ร้านขาหมูเยอรมันที่เบอร์ลิน Zur Letzten Instanz เก่าตั้งแต่ปี 1621 เกือบ 400 ปี"
ตามติดด้วยภาพตีตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลคู่ชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่กรุงเบอร์ลิน ระหว่างทีมบาร์เซโลน่า แห่งสเปน กับ ยูเวนตุส จากอิตาลี
ระหว่างนั้นมีการแชร์ภาพและข้อความทางโลกออนไลน์ว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ซื้อเครื่องบินส่วนตัวลำใหม่ ราคา 128 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเตรียมบินโฉบไปทั่วโลกหลังถูกรัฐบาลไทยเพิกถอนพาสปอร์ต
แต่ต่อมา อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ในฐานะโฆษกจำเป็นประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความในอินสตาแกรมระบุเรื่องซื้อเครื่องบินลำใหม่เป็นแค่ข่าวโคมลอย
ที่ใช้อยู่เป็นเครื่องบินลำเดิม
ไม่มีใครรู้ต้นตอคนโพสต์เรื่องทักษิณซื้อเครื่องบินใหม่นี้มีเจตนาเยาะเย้ยรัฐบาลไทย
หรือในทางกลับกัน ต้องการกระตุ้นให้รัฐบาลไทยเร่งหาทางจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เด็ดขาดกว่านี้
มากกว่าแค่การให้กระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนพาสปอร์ต ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดือดเนื้อร้อนใจเท่าใดนัก เพราะยังถือพาสปอร์ตมอนเตเนโกรและนิการากัวอยู่ในมือ
ถึงแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ได้ซื้อเครื่องบินลำใหม่
แต่ไม่ได้หมายความว่ากำลังประสบปัญหาด้านการเงินหลังจากถูกศาลไทยตัดสินยึดทรัพย์สินกว่า 4 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 2553 และต้องเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศนานหลายปี
เนื่องจากการจัดอันดับมหาเศรษฐีของไทยประจำปี 2558 ของนิตยสารฟอร์บส์ประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา จัดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ในอันดับ 10
ด้วยทรัพย์สินจำนวน 57,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 4,000 ล้านบาท
จากนั้นถึงคิวหนุ่มโอ๊ค "พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายคนโตของมหาเศรษฐีไทยอันดับ 10 รับช่วงต่อจากอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร โพสต์ข้อความลงในอิสตาแกรม ดารา@oak_ptt ระบุ
จบจากภารกิจดูบอลที่ประเทศเยอรมนี พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บินไปเที่ยวต่อยังนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
แต่ที่เป็นปมชวนให้คิดเป็นปริศนา อยู่ตรงการโพสต์ภาพถ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนอยู่หน้าตึก Patek Philipe และตึก Rolex พร้อมข้อความตบท้าย
ส่งรูปมาให้ดูไม่รู้อยากให้ตรงเวลารึไร"
เจตนาหนุ่มโอ๊ค-พานทองแท้ มีนัยแฝงต้องการเหน็บแนมไปถึงใครบางคนซึ่งกำลังอยู่ในห้วงของความพยายามจะ "ยืดเวลา" บางอย่างออกไปหรือไม่
คำตอบอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม...
วันที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8897 ข่าวสดรายวัน
นปช.งงคดี 99 ศพ มีทหารในทีมสอบชุดใหม่ อธิบดีชี้เป็นจนท.ดีเอสไอ
จี้ 99 ศพ - นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. และคณะ เข้าพบนาง สุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ สอบ ถามการเปลี่ยนพนง.สอบสวนบางส่วนในคดี 99 ศพ และจี้คดีที่ยังล่าช้าอยู่ ที่ดีเอสไอ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. |
ตั้งข้อสังเกตทำไมมีทหารร่วมทีมสอบคดี 99 ศพด้วย 'จตุพร-ณัฐวุฒิ' ทวงถาม 'ดีเอสไอ'เหตุเปลี่ยนพนักงานสอบสวนชุดใหม่ หวั่นไม่โปร่งใส-ยุติธรรม ด้านอธิบดีดีเอสไออ้างทหาร 7 นายเป็น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตั้งไว้สำหรับประสานกับทหารที่เกี่ยวข้อง ปฏิเสธให้ตัวแทนนปช.ร่วมฟังสอบสวน แต่อนุญาตให้ทนายของ ผู้เกี่ยวข้องที่เข้าให้ปากคำ ขณะที่ญาติเหยื่อปืนเหตุการณ์ปี 2553 ยื่นหนังสือคสช.ขอจัดทำบุญ 10 เม.ย. ด้านโฆษกคสช.ระบุต้องให้ กอ.รมน.พิจารณา แต่พูดเป็นนัยจากรูปแบบงานข้องเกี่ยวทางการเมือง
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. นพ.เหวง โตจิราการ นายยศวริศ ชูกล่อม และนายวรชัย เหมะ แกนนำนปช. เข้าพบนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว และ พ.ต.ท. ไพศิษฐ์ วงศ์เมือง รองอธิบดีดีเอสไอ เพื่อสอบถามกรณีที่เปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวนบางส่วนในคดีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 จำนวน 99 ศพ พร้อมร้องขอให้มีตัวแทนของนปช.เข้าร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย
นายจตุพร กล่าวว่าคดีคืบหน้าช้ามาก ขอตั้งข้อสังเกตว่าจากการตั้งคณะทำงานสอบสวนเพิ่มใหม่นั้นส่วนใหญ่มาจากทหาร จึงเกรงว่าจะไม่มีความโปร่งใสและยุติธรรม ประเด็นของชายชุดดำที่มีภาพเพียงเหตุการณ์เดียว คือบริเวณแยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 ซึ่งไม่ทราบจุด จึงเกรงว่าจะเหมารวมว่าการก่อเหตุในจุดอื่นเกิดจากชายชุดดำ ภาพเหตุการณ์ดังกล่าว สำนักข่าวอัลจาซีร่าเป็น ผู้เผยภาพ พนักงานสอบสวนดีเอสไอก่อนหน้านี้ เคยเรียกสำนักข่าวเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับภาพ แต่สำนักข่าวบอกว่าไม่ได้ถ่ายด้วยผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเอง แต่มีคนมาขายภาพให้ จึงอยากให้คณะทำงานชุดนี้สอบสวนขยายผลไปถึงคนที่นำภาพมา ขายด้วย
ประธานนปช.กล่าวต่อว่า อีกทั้งอยากทราบว่าการตั้งคณะทำงานชุดใหม่เป็นไปเพื่อเริ่มต้นใหม่ หรือทำงานต่อจากคณะทำงานชุดเก่า และขอทราบรายละเอียดความคืบหน้าของคดี พร้อมแนวทางการทำงาน ส่วนคดีที่พิสูจน์ทราบแล้วว่าการเสียชีวิตเกิดจากกระสุนฝั่งเจ้าหน้าที่ ซึ่งในรัฐบาลที่มีความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจะสามารถดำเนินการได้แค่ไหน ทั้งในด้านสังกัดของเจ้าหน้าที่ และการนำอาวุธมาตรวจสอบ
ส่วนนายณัฐวุฒิกล่าวว่ามาทำหน้าที่เป็น กระบอกเสียงแทนครอบครัวผู้เสียชีวิต หลังจากการหารือในวันนี้ จะติดตามความคืบหน้าคดีเป็นระยะ และต้องขอบคุณในท่าทีเป็นมิตรของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ที่ยินดีและพร้อมรับฟังกลุ่มนปช. ตนไม่ต้องการให้ดีเอสไอทำให้เราสบายใจฝ่ายเดียว ไม่อยากให้ดีเอสไอทำให้อีกกลุ่ม ทั้งรัฐบาลที่เกี่ยวข้องคดีนี้ หรือเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงรู้สึกไม่สบายใจว่าเรามากดดันดีเอสไอ อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย
ด้านนางสุวณากล่าวว่า ดีเอสไอไม่ได้เปลี่ยนแปลงคณะพนักงานสอบสวนอย่างที่เป็นข่าวออกไป แต่เป็นการเพิ่มเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่มาจากทหาร 7 คน เพื่อมาประสานงานกับทหารที่เกี่ยวข้อง การสอบสวนคดีจะได้มีความคืบหน้าได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นการทดแทนคณะพนักงานสอบสวนชุดเดิมที่เกษียณอายุราชการ ส่วนกรณีที่ตัวแทนนปช.ขอเข้ามารับฟังการสอบสวนนั้น ไม่สามารถทำได้ เพราะอาจกระทบต่อรูปคดี แต่หากทนายความของผู้เกี่ยวข้องที่เข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ เข้าร่วมรับฟังได้ เป็นไปตามข้อกฎหมาย
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อว่า ในส่วนของทหารที่เข้ามาร่วมในคณะพนักงานสอบสวนชุดนี้ เป็นข้าราชการดีเอสไอที่เคยเป็นทหารพระธรรมนูญ ดีเอสไอต้องการให้พนักงานสอบสวนกลุ่มนี้เป็นผู้ประสานงานกับทหารในการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทหาร เพราะก่อนหน้านี้ได้รับการร้องเรียนนว่า ทหารไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน ดีเอสไอต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนเรื่องการตรวจอาวุธปืนนั้น จะดำเนินการตรวจสอบ เราทำงานด้วยความโปร่งใส และทำให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายเชื่อถือการทำงาน ยืนยันว่า การทำงานครั้งนี้ไม่ตั้งธงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ นายจตุพร ประธานนปช. กล่าวถึงการจัดพิธีทำบุญวันที่ 10 เม.ย.ว่าทำหนังสือถึงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อชี้แจงรายละเอียดการจัดงานในวันที่ 10 เม.ย. เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ ผู้เสียชีวิตทั้ง 99 ศพ จัดขึ้นที่วัดพลับพลาชัย ยืนยันว่าจะไม่มีการปราศรัย หรือมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงแต่อย่างใด ทำบุญเสร็จแล้วเดินทางกลับโดยทันที
ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกนปช. ยื่นหนังสือของนาย จตุพร ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เรื่องขออนุญาตจัดงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เดือนเม.ย.-พ.ค.2553 ในวันที่ 10 เม.ย. ที่วัดพลับพลาชัย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. ตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. โดยมี พล.ต.หญิง บุษบง นุตสถิตย์ หัวหน้าศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารกองทัพบก เป็นผู้รับหนังสือ
นายธนาวุฒิ กล่าวว่าหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 นปช.จัดงานทำบุญรำลึกให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วทุกปี แต่เนื่องจากปีนี้มีคำสั่งคสช.ตามมาตรา 44 นปช.และญาติผู้เสียชีวิตจึงยื่นหนังสือ 2 ฉบับ ฉบับแรกเป็นคำชี้แจงของนายจตุพร ส่วนฉบับที่ 2 เป็นคำขออนุญาตของตัวแทนญาติวีรีชนเพื่อขอจัดงาน พร้อมทั้งแนบกำหนดจัดงานไว้ด้วย เป็นเพียงการทำบุญ ไม่มีนัยยะใดๆ แอบแฝง รวมทั้งไม่ตั้งเวทีปราศรัยแต่อย่างใด พร้อมให้ คสช.ส่งทหารไปดูแลรักษาความสงบในพื้นที่จัดงาน
"หัวหน้าคสช.ระบุว่าจะใช้มาตรา 44 อย่างสร้างสรรค์ ก็จะดูว่าสร้างสรรค์จริงหรือไม่ หรือจะบังคับใช้มาตรา 44 แบบสองมาตรฐาน เพราะหัวหน้าคสช.เองยังไปทำบุญที่ จ.เชียงใหม่ ได้ ตลอดจนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จัดงานทำบุญพรรคได้เช่นกัน แต่นี่ญาติวีรชนมาขอจัดงานทำบุญบ้างจะไม่ได้หรืออย่างไร คสช.ไม่น่าปิดกั้น เพราะการทำบุญเป็นการทำพิธีตามศาสนาพุทธ หัวหน้าคสช.เป็นคนไทยก็น่าจะเข้าใจ" โฆษกนปช.กล่าว
ขณะที่ญาตินายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 กล่าวว่าเราทำบุญกันทุกปี พอทำบุญเสร็จแล้วแยกย้ายกลับบ้าน หากคสช.ไม่อนุญาตให้จัดงานทำบุญ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เพราะญาติๆ เตรียมของทำบุญไว้หมดแล้ว ทำบุญกันที่วัดพลับพลาชัยเป็นประจำทุกปี มีเพียงญาติผู้เสียชีวิต และเพื่อนๆ มาร่วมทำบุญกันไม่ถึง 100 คน
ที่กระทรวงการต่างประเทศ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. กล่าวถึงการขออนุญาตจัดทำบุญ 10 เม.ย. ว่ากองอำนวยการรักษาความสงบภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จะเป็นผู้พิจารณา หลักเกณฑ์การพิจารณาในแต่ละกิจกรรมมีความแตกต่างกัน โดยในกรณีนี้อาจมองได้หลายมุม ด้วยสถานที่และช่วงเวลา อาจทำให้ถูกมองในเชิงสัญลักษณ์ว่ามีนัยยะทางการเมือง สื่อถึงความขัดแย้งในอดีต ดังนั้น ต้องระมัดระวังในการนำเสนอว่าอาจถูกโยงให้มีความเกี่ยวโยงกันได้
ผู้สื่อข่าวถามว่านปช.ยืนยันว่าเป็นการทำบุญเท่านั้น ไม่มีการปราศรัย จะต้องส่งรายละเอียดการจัดงานให้ดูก่อนหรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่าการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ต้องมีรายละเอียดที่สมบูรณ์ บางครั้งในการรักษาความปลอดภัย อาจมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาสอดแทรก และก่อเหตุบางอย่างที่ทำให้สังคมมองผิดไปได้ เมื่อถามย้ำว่า คสช.ยืนยันว่าจะไม่ให้จัดงานใช่หรือไม่ โฆษกคสช.กล่าวว่า กอ.รมน.ภาค จะเป็น ผู้พิจารณา แต่จากลักษณะของกิจกรรม หลายฝ่ายยังมองว่ามีความข้องเกี่ยวทาง การเมือง
ขณะเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่คดี 99 ศพว่า เวลารัฐบาลก่อนเปลี่ยนคนทำสำนวน เปลี่ยนตำรวจ ทำไมถึงทำได้ ทำไมรัฐบาลที่แล้วทำ มันไม่ถูก ทำที่ไหน มันเกิดสมัยไหน พนักงานตอนนั้นก็ต้องเป็นคนทำ ถ้าอ้างว่าไม่เป็นธรรม ก็จะอ้างอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ไม่เกี่ยว เรื่องของการสอบสวนว่าด้วยหลักฐาน ด้วยวัตถุพยาน พยานบุคคล สื่อมวลชนต้องไปช่วยเป็นพยานด้วย ไปกันเยอะ ถือกล้องกันเป็นแถว เป็นร้อยเป็นพันไม่เห็นมาช่วยทหารเลย
มติชนออนไลน์ : สัมภาษณ์พิเศษ
หมายเหตุ - นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ "มติชน" ในประเด็นร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญกำลังทบทวนร่างเพื่อส่งให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พิจารณา
- มองภาพรวมของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร
มองในภาพรวม ผมไปย้อนดูที่เขาประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ในคำปรารภมีการเขียนไว้นิดหนึ่งว่า เขาจะร่างรัฐธรรมนูญโดยคำนึงถึงหลักการพื้นฐาน ยิ่งกว่าวิธีการในระบอบประชาธิปไตย ถ้าพิเคราะห์ถ้อยคำแล้วก็งงเหมือนกันว่าคืออะไร แต่ผมก็คิดเอาเองคงหมายความว่าเป็นแบบไทยๆ ไม่คำนึงถึงว่าวิธีการที่ทั่วโลกเขามีอยู่ในระบอบประชาธิปไตยเขามีอย่างไร เราจะตัดเสื้อตามสไตล์ของเรา ดังนั้นในรัฐธรรมนูญที่ออกมาในภาพรวม ผมเข้าใจว่าผู้ร่างไม่ได้คำนึงว่าหลักการในการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นต้องคำนึงถึงประชาชน ต้องตระหนักว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ในรัฐธรรมนูญทุกๆ ฉบับ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ อย่างไร เขาจะเขียนไว้ในมาตราต้นๆ ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ถ้าเรายึดมั่นหรือมีจุดยืนเช่นนี้ ต้องเข้าใจว่าสิทธิและอำนาจทั้งหลายต้องยกให้ประชาชน ผมมองในภาพรวมแล้วผมไม่เห็นว่าเขาได้คำนึงถึงจุดนี้ ผมอาจใช้คำว่าเขามองว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยมันต้องมีการควบคุม ต้องมีการกำกับ เพราะฉะนั้นเลยต้องสร้างองค์กรกำกับมามากมายไปหมด จนรัฐบาลไม่สามารถที่จะทำงานได้อย่างชนิดที่ควรจะทำ ที่บอกว่าจะยกประชาชนชาวไทยให้เป็นพลเมือง แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ตัดสิทธิพลเมืองเต็มไปหมด เช่น ตัดสิทธิในการเลือก ส.ว. เป็นต้น
- มองอย่างไรที่จะทำให้รัฐธรรมนูญแก้ไขยากขึ้น
เป็นเรื่องที่แปลกประหลาด รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่มีการทำประชามติ เว้นแต่คุณจะเปลี่ยนใจ ในอดีตที่ผ่านมา จริงอยู่รัฐธรรมนูญต้องแก้ไขยาก แต่การแก้ไขยากในอดีตเกือบทุกๆ ฉบับก็เอาเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา จะแก้รัฐธรรมนูญต้องประชุมรัฐสภา และมีขั้นตอนในวาระต่างๆ ไม่เหมือนกับกฎหมายธรรมดา รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังยกร่างนี้ไม่มีการทำประชามติ แต่กลับบอกว่า 1.ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของทั้งสองสภา 2.ถ้าเป็นหลักการสำคัญต้องไปศาลรัฐธรรมนูญ ดูแล้วการแก้ไขเกือบทุกเรื่องต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน แปลว่าให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจมากกว่ารัฐสภาที่เป็นตัวแทนของปวงชาวไทย และถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วก็อาจจะต้องไปทำประชามติ แปลกไหมว่าตอนร่างรัฐธรรมนูญไม่ต้องทำประชามติ แต่พอจะแก้ไขต้องทำ เขากำกับไว้ทั้งหมด คนที่เป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นคนที่ชี้ชะตาประเทศไทยว่าหลักการของประเทศไทยต้องเป็นแบบนี้ในอนาคต และห้ามเปลี่ยนนะ เหมือนกับเป็นการใช้อำนาจสิทธิขาดว่าสิ่งที่คิดและทำนั้นถูกต้องดีงามแล้ว ไม่คำนึงว่าประชาชนเขาเห็นดีเห็นงามด้วยหรือไม่
- มีคนวิจารณ์ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่สร้างขึ้นในห้องแล็บ ไม่สามารถเอามาใช้ได้จริง
ต้องถามว่าที่เขียนขึ้นจากหลักคิดของ กมธ.ยกร่างฯ หลักคิดนั้นเป็นหลักคิดที่ถูกต้องหรือไม่ และเป็นหลักคิดที่คุณไปเอามาจากไหน หลักการที่คุณคิดขึ้นนี้เหมือนเป็นหลักที่คิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของสังคมไทยและถูกต้องหรือไม่
ประเทศเยอรมนีเขามีมลรัฐ เพราะฉะนั้นเขาก็มี ส.ส.ตามสัดส่วนของมลรัฐ เขามีเหตุผลความจำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้ เพื่อไม่ให้รัฐบาลกลางในสมัยหนึ่งมีอำนาจสูงสุด เขาจึงให้มีพรรคเล็กพรรคน้อย กลุ่มต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองก็เกิดระบบนี้ขึ้น ของเราไม่มีมลรัฐ เราเป็นราชอาณาจักร เป็นอันหนึ่งอันเดียว รัฐธรรมนูญเขียนด้วยว่าแบ่งแยกไม่ได้ เราก็ไปสร้างทฤษฎีแบ่งเป็น 6 ภาค ทั้งที่ก็เคยใช้มาแล้วตอนรัฐธรรมนูญปี 2550 ตอนต้น ตอนนั้นแบ่งเป็น 8 ภาค ภาคหนึ่งมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 10 คน เอาจังหวัดนั้นรวมกับจังหวัดนี้ บ้านผมอยู่ จ.พิจิตร แต่ไปรวมกับ จ.ชัยภูมิ วุ่นวายไปหมด คราวนี้ก็คิดว่ารัฐบาลมีอำนาจมากเหลือเกิน จะทำอย่างไรให้รัฐบาลมีเสียงน้อยลง ให้เป็นรัฐบาลผสม ไปใช้คำว่าเป็นรัฐบาลเพื่อความปรองดอง
เหมือนกับยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อไปกำหนดว่าใครจะผสมกับใคร โดยไม่คำนึงว่าประชาชนเขาคิดอย่างไร ไม่คำนึงว่าพรรคการเมืองเขามีนโยบายอย่างไร เพราะฉะนั้นที่ถามว่าเหมือนเป็นการสร้างทฤษฎีอะไรในห้องแล็บ ปัญหามันไปไกลกว่านั้นมาก คุณไปเอาทฤษฎีอะไรมา ทฤษฎีนั้นถูกต้องไหม คุณได้ทดลองจริงๆ หรือเปล่า ที่สำคัญคือเป็นมาตรฐานสากลไหม ก็ไม่มี หรือล่าสุด ระบบโอเพ่นลิสต์ ไปค้นจริงๆ ประเทศที่เขาใช้ระบบนี้เขามีการเลือกตั้งระบบสัดส่วนอย่างเดียว หมายความว่ามีคนอยู่ในลิสต์ และประชาชนจะเลือกใครในลิสต์นั้น หรือบางประเทศคนสมัครได้ทั้งระบบเขตและระบบบัญชี เขาอาจจะไม่ได้ในระบบเขต แต่ได้ในระบบบัญชี สรุปว่าทดลองในห้องแล็บไม่มีหลักที่พอจะสรุปได้เลย เอามาใช้แบบมั่วไปหมด
- คิดว่าอะไรคือจุดอ่อนที่สุดของรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ผมคิดว่า การไม่ตระหนักว่าอำนาจอธิปไตยที่เป็นของประชาชนสะท้อนความไม่เชื่อถือ ไม่ไว้วางใจ ไม่เคารพประชาชน และการเอาระบบที่เป็นปัญหาในอดีตมาใช้ เช่น นายกฯไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง ส.ว.มาจากสรรหาทั้งหมด ที่สำคัญคือคุณจะทำให้รัฐบาลอ่อนแอ คิดดีแล้วหรือ จำเหตุการณ์ก่อนปี 2540 ได้หรือไม่ ที่รัฐบาลโดยเฉลี่ยอยู่ได้ประมาณหนึ่งปี ปีครึ่ง หรือ 2 ปี เป็นอย่างมาก เพราะรัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม มีพรรคเล็กพรรคน้อย ท้ายที่สุดคน 3 คน 5 คน กลายเป็นปัจจัยสำคัญทางการเมือง สำหรับความอยู่รอดของรัฐบาล ผมว่าคิดผิดที่จะให้รัฐบาลไม่มีเสียงข้างมากและมีหลายพรรค ที่ผ่านมารัฐบาลที่เข้มแข็งไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่เกิดจากนโยบาย เกิดจากประชาชน เขาคิดว่าเขาเลือกพรรคนี้เพราะมีนโยบายดีๆ ให้เขา เราวิจารณ์รัฐธรรมนูญปี 50 กันมาก แต่ว่าฉบับนี้จะไปไกลกว่า ถอยหลังลงไปไกลกว่านั้น
- คิดอย่างไรที่จะมีการตั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญต่างๆขึ้นมาอีกมาก
ถ้าเป็นองค์กรที่ถูกตีความได้ว่าคุณต้องการที่จะสืบทอดอำนาจ เช่น ตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปหรือคณะกรรมการยุทธศาสตร์ รวมถึงสมัชชาต่างๆ เอาคนจาก สนช. สปช. เข้ามาเป็น ก็มองได้ว่าคุณจะสืบทอดอำนาจโดยการนำคนของคุณเข้าไปเป็นกรรมการในองค์กรตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างนี้ก็ชัดเจนว่าคุณต้องการกำกับความเป็นไปของบ้านเมืองในอนาคตด้วย ไม่ได้ปล่อยวางอำนาจหลังจากที่มีการยึดอำนาจแล้วและมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
- อนาคตของพรรคเพื่อไทยจะมีทิศทางต่ออย่างไร
พูดตรงไปตรงมา เราเป็นฝ่ายถูกกระทำเกือบทุกด้าน ไล่ตั้งแต่ผู้นำพรรค อดีตนายกฯ ต้องไปสู้คดี ทั้งอดีตนายกฯสมชาย อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ แถมจะถอดถอน ส.ส.ของเราอีก ผมก็คิดว่าเราก็จำเป็นที่จะต้องยืนหยัดต่อสู้ สู้ประเด็นดีๆ อาจจะได้เห็นความเป็นไปเป็นมา อาจจะได้เห็นการใช้ทฤษฎีสมคบคิดเพื่อทำลายพรรคเพื่อไทย ข้อสำคัญเราจะต้องชี้แจงให้ประชาชนทราบ ถ้าประเทศนี้จะทำกันแบบนี้ก็ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบว่าเป็นอย่างไร เราได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ส่วนการที่เราจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต จะรวมตัวกันอย่างไร เช่น ผู้สื่อข่าวชอบถามผมว่า ถ้า 200 กว่าคนนี้โดนถอดถอนแล้วจะเอาใครมาสมัคร ผมว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต ส.ว.ไม่ถูกถอดถอน แต่ ส.ส.จะถูกถอดถอนกระนั้นหรือ เท่าที่ผมฟังดูทุกคนยังมีกำลังใจ พร้อมที่จะต่อสู้ในวิถีทางประชาธิปไตย พร้อมที่จะเข้าไปชี้แจงทุกคน แต่เราก็ไม่รู้ว่าในท้ายที่สุดคุณจะทำประชามติรัฐธรรมนูญไหม ระบบที่คุณว่ายังจะยืนยันเอาอย่างนั้นไหม ท้ายที่สุดคุณจะยังแบ่งเป็น ส.ส.เขต 250 ส.ส.บัญชีรายชื่อ 200-220 ไหม ก็ยังไม่ชัด ขณะนี้พรรคประชุมไม่ได้ วิธีการที่ทำอยู่ในขณะนี้ก็คือสดับตรับฟังกัน โทรศัพท์คุยกัน ไลน์คุยกัน บอกข่าวคราวกันไป ผมก็ยังเห็นว่าทุกคนก็ยังมีกำลังใจที่จะต่อสู้ในแนวทางประชาธิปไตยต่อไป
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด