คาดเชือก 3 ตุลาคม เวลา 09:19 น. ·
นโยบายดี แต่ลืมฐานราก
การแถลงนโยบาย ที่สโมสรตำรวจ เมื่อวันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม หลังการเข้ารับตำแหน่งผบ.ตร.คนที่ 12 ของ 'บิ๊กปั๊ด'พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ทั้งหมด 19 ขัอ ประกอบด้วย
1.จากนี้ไปการทำงาน งานทุกสายงานต้องทำตาม SOPs ต้องมีคณะทำงานในการขับเคลื่อนทุกสายงาน อย่างเป็นระบบ
2.ให้ตำรวจทุกระดับชั้น มาร่วมกันวาดภาพว่า ตำรวจ ใน 5 ปี ข้างหน้า จะเป็นอย่างไร ??
3.สอนให้ตำรวจทุกระดับมีความรู้ทั้งด้านกฏหมายและยุทธวิธี มีแผนเผชิญเหตุ ผู้บังคับบัญชาต้องจัดฝึกให้เกิดความชำนาญ
5.ต้องฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ เช่น เหตุตีกันในโรงพยาบาล ตำรวจจะปฏิบัติร่วมกันอย่างไร ??
เป็น 19 ข้อการปรับเปลี่ยนนโยบายตำรวจ ที่ดูดี มีหลักการ ทำได้ทุกข้อ ถือได้ว่า ตำรวจจะสามารถกู้ภาพลักษณ์ให้ดีขึ้นหลายระดับ
แต่ในจุดแข็ง ย่อมมีจุดอ่อน !!
นั่นคือ ไม่เห็นนโยบายข้อใด?? จะแก้เรื่องปากท้องตำรวจและครอบครัว ที่ทุกวันนี้รายจ่ายในครัวเรือนของตำรวจส่วนใหญ่จะติดลบ
ทั้งหนี้สหกรณ์ ค่าเล่าเรียนลูก ค่าครองชีพรายวัน อุปกรณ์ส่วนตัวที่เสื่อมสภาพต้องใช้กับการทำงาน หรือแม้แต่ค่าน้ำมัน
เป็นความเดือดร้อนตำรวจระดับฐานราก ที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ ที่คนเป็นนายระดับสูงอาจมองข้ามไป
จึงถูกมองว่า เป็นนโยบายที่กำหนดจากคนรวย...มองข้ามคนจน !!
คงต้องฝากถึง ท่านผบ.ตร.คนใหม่ ออกแผนจัดทำสวัสดิการส่งเสริมรายได้ ตำรวจชั้นผู้น้อย และครอบครัว
การระดมซ่อมแซมเครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงความเอาใจใส่ของผู้บังคับบัญชาทุกระดับต่อลูกนัอง
ลองเสริมหลักการนี้เข้าไปอีกนิด เมื่อชีวิตตำรวจฐานรากดี
ความมั่นคง และภาพลักษณ์ จากนโยบาย 19 ข้อ จะทำให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง
แน่นอน.
อิทธิเดช ลุย....
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
คลองกระไทยมีคุณประโยชน์มากกว่า EEC เสียอีก…
โดย อ.พิเชียร อำนาจวรประเสริฐ
โดยยุทธศาสตร์ และระเบียนวาระแห่งชาติรวมทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โครงการขุดคลองกระไทย ยังมีคุณค่า และมีคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนไทยมากกว่าโครงการ EEC เสียอีก โดยมีเหตุผลที่สำคัญดังต่อไปนี้
ในโลกยุคใหม่ขณะนี้และในอนาคตการค้าออนไลน์ การค้าแบบ E-Commerce ค้าขายผ่านระบบ Online ต่างๆ ทั้ง Website Facebook Line IG INSTAGRAM Youtube Twitter LAZADA Shoppee Sanook Pantip กำลังขยายตัวเข้ามาแทนที่การค้าปลีกแบบเดิมๆ ฯลฯ
ปัจจัยสำคัญของ E-Commerce ยุคใหม่กว่าราคาต้องถูกกว่า ชำระเงินง่ายสะดวกรวดเร็วและการส่งของ Delivery ต้องเร็ว ไว สะดวก ลดเวลาส่งของให้สั้นที่สุด โครงการคลองกระไทยสามารถตอบโจทย์ร่นระยะเวลาการส่งสินค้าได้ เร็วขึ้นถึง 3-5 วันในการส่งสินค้าทางเรือ Cargo ไม่ต้องแล่นลงไปถึงสิงคโปร์ เซฟระยะทางได้ 1,200-1,300 กม. ประหยัดเวลาได้ 3-5 วัน เพราะจราจรเรือในช่องแคบมะละกานับวันแน่นขนัดมาก ช่องแคบซุนดา ลอมบ๊อก ก็ติดหนักขึ้นทุกวัน คลองกระไทยเป็นทางลัดทางการเดินเรือที่ทุกฝ่ายจะหันมาใช้แน่นอน
ในขณะที่ EEC จำกัดพื้นที่อยู่แค่ 3 จังหวัดทางภาคตะวันออก คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ไม่ได้ร่นระยะทางหรือเวลาในการขนส่งแต่อย่างใดแถมยังไม่ยึดไปให้ถึงจันทบุรี ตราด ไม่ได้เชื่อมโยงไปถึงประเทศเพื่อบ้านกัมพูชาเลย
EEC ควรขยายพื้นที่ต่อออกไปให้ถึงกัมพูชา จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด รถไฟ Hi Speed Train ควรเชื่อมไปถึงตราด เพื่อให้วิ่งเข้าไปกัมพูชาได้จึงจะเกิดอรรถประโยชน์สูงสุด (Maximize Utilization)
EEC รัฐบาลไทยต้องทุ่มเงินงบประมาณลงไปมากถึง 1.5 ถึง 2.2 ล้านล้านบาท ในขณะที่คลองกระไทยจะใช้งบประมาณเพียงแค่ 6-8 แสนล้านบาท แถมรัฐบาลจีน, ญี่ปุ่น, ยุโรป, สหรัฐ พร้อมจะให้ทุน หรือสนับสนุนการเงินมาให้มากกว่า EEC เพราะคลองกระไทยมีความจำเป็นและก่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจเหนือกว่า EEC เยอะ
เม็ดเงินที่รัฐบาลไทย ทุ่มลงไปให้ในพื้นที่ภาคตะวันออก ประชาชนในภาคตะวันออก จะได้รับประโยชน์จาก EEC น้อยกว่าที่ควร เพราะผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งไทยและต่างประเทศ ชาวบ้านทั่วไปได้ประโยชน์น้อยมาก อุตส่าห์ทุ่มเงินลงไปถุง 2 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงมากและสิ้นเปลืองมาก แต่ประชาชนกลับได้ประโยชน์ไม่มาก
แต่ถ้าเป็นคลองกระไทย คนภาคใต้จะได้รับประโยชน์เต็มๆ การจ้างงานเพิ่มมากขึ้นมหาศาล จะมีการจ้างงานมากกว่า 8 แสน ถึง 1ล้านคน ทั้งการขุด การก่อสร้าง อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง สามารถกระจายรายได้มหาศาล สามารถพลิกพื้นเศรษฐกิจภาคใต้ ทำให้ GDP ภาคใต้พุ่งขึ้นมหาศาล ไม่ต้องพึ่งราคายางพาราและราคาผลปาล์มอีกต่อไป
ความคุ้มค่าของเม็ดเงินลงทุนมหาศาลถึง 8 แสนล้านบาท จะสามารถสร้างโครงการ Southern Seaboard ขึ้นมาได้เลย จะทำให้ภาคใต้เจริญก้าวหน้าขึ้นมาทันตาเห็น จะเกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆด้านพลังงาน ปิโตรเคมี เกษตรยุคใหม่ เกิดเมืองใหม่ Smart City ตลอด 2 ฝั่งคลอง 5-8 จังหวัด ชาวใต้จะมีรายได้เพิ่ม นอกจากปลูกยาง ,ปาล์ม และท่องเที่ยว คลองกระไทย จะช่วยพลิกฐานะทางใต้ขึ้นมาได้อย่างแท้จริง เหนือกว่า EEC หลายเท่า
Southern Sea Board ควรประกอบด้วย
- การสร้างท่าเทียบเรือยอชท์ เป็นอู่จอดเรือยอชท์ ตามเกาะแก่งต่างๆภาคใต้ของเรา
- การท่องเที่ยงแบบเรือสำราญ เรื่อ Cruise ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่
- การแข่งขันกีฬาทางน้ำประเภทต่างๆ, เรือใบ, เรือโดยสาร และเรือนำเที่ยวขนาดเล็ก กลางใหญ่
- การสร้างสนามบินส่วนตัว สำหรับเครื่องบินเล็ก เครื่องบินเอกชน เครื่องบินหรูหราทั้งหลาย
- โรงเรียนสอนขับขี่เครื่องบินเอกชน ทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ วิทยาลัยสอนนักบิน วิทยาลัยสร้างช่างซ่อมอากาศยาน วิทยาลัยการบริหารและบริการการบินทั้งภาคอากาศ และภาคพื้นดิน
ภาคใต้ของไทย มีทรัพยากรธรรมชาติทัดเทียมหรือจะเหนือกว่ายุโรปตอนใต้ Monaco, Niece, Riviera ของฝรั่งเศส อิตาลี เสียอีก
Southern Sea Board ไม่จำเป็นต้องเน้นแต่อุตสาหกรรมหนักอย่างเดียว อุตสาหกรรมเบาอย่างการท่องเที่ยว ก็สามารถทำเงินได้มากมายมหาศาลเช่นกัน
ส.นักข่าวจัดอบรม'เซฟตี้เทรนนิ่ง' ปีที่ 9 เพิ่มทักษะทำข่าวความขัดแย้ง-ภัยพิบัติ
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ 'การรายงานข่าวในสถานการณ์ความรุนแรงและภัยพิบัติ'หรือ Safety Training รุ่นที่ 9 เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับสื่อมวลชน
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ'การรายงานข่าวในสถานการณ์ความรุนแรงและภัยพิบัติ'หรือ Safety Training รุ่นที่ 9 ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 26 –วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น จ.สระบุรี
นายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เนื้อหาหลักสูตรของการอบรมครั้งนี้ประกอบด้วย 1.การเตรียมตัวและวางแผนก่อนลงพื้นที่ปฏิบัติงานข่าว 2.การเข้าทำข่าวในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติและพื้นที่ความขัดแย้ง 3. การเอาตัวรอด ช่วยชีวิต และการปฐมพยาบาลเชิงยุทธวิธีในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ 4.ภาษาที่ใช้ในการรายงานข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้งและภัยพิบัติ ไม่ให้เป็นผู้ขยายข้อความเพิ่มความขัดแย้ง หรือ Hate speech รวมทั้งเป็นผู้ตรวจสอบข่าวลือ ข่าวลวง หรือ Fake news ที่กำลังเป็นปัญหาของโลกออนไลน์ในปัจจุบัน
นายปราเมศ กล่าวว่า การอบรมในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่สื่อมวลชนทุกคน ไม่ว่าจะทำข่าวสายไหน เป็นสื่อประเภทใด จะได้มีโอกาสเพิ่มศักยภาพให้กับตัวเอง และเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ ที่มีเหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วโลก คนที่ไม่เคยทำสนามข่าวภัยพิบัติหรือความขัดแย้งมาเลย หลังจากผ่านการอบรมครั้งนี้จะได้นำบทเรียนที่ได้รับจากการอบรม ไปเป็นด่านทดสอบว่าเมื่อได้รับการอบรมมาแล้ว การทำข่าวดีขึ้นไหม การประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม กับกอง บก. เป็นอย่างไร
“ซึ่งอยากให้ระลึกไว้เสมอว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำข่าวไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงหรือภัยพิบัติ คือ นักข่าวต้องปลอดภัยกลับมา และการรายงานข่าว จะต้องไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ และไม่เป็นภัยต่อสังคม ซึ่งนี่คือหัวใจของการอบรม Safety Training”
ด้านนายจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง รองเลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในฐานะผู้จัดการโครงการฯ กล่าวว่า สำหรับการอบรม Safety Training เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ความรุนแรง จากการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 หลังผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้น สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ได้มีการจัดงานเติมกำลังใจ ให้กับสื่อมวลชน และรับการยื่นข้อเสนอ 11 ข้อ ให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์จัดหลักสูตรอบรม ให้องค์ความรู้ การทำข่าวในสถานการณ์ความรุนแรง ก่อนที่จะเริ่มมีการอบรมเชิงปฏิบัติการ Safety Training รุ่น 1 ในปี 2553 และจัดต่อเนื่องทุกปี มาจนถึงปัจจุบัน เป็นรุ่นที่ 9 แล้ว มีสื่อมวลชนที่ผ่านการเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ Safety Training แล้ว รวมกว่า 300 คน
"โดยปีนี้ มีการปรับและพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมกับสถานการณ์การทำงานของสื่อมวลชนในปัจจุบัน ที่ต้องลงพื้นที่ภัยพิบัติ โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง จึงมีการเพิ่มหลักสูตรการรายงานข่่าว การเอาตัวรอดในการทำข่าวทางน้ำเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้มีทักษะในการรายงานข่าวที่ถูกต้องและปลอดภัยมากขึ้น"
ผู้จัดการโครงการ กล่าวว่า สำหรับการอบรมครั้งนี้จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีผู้รับการอบรมเป็นสื่อมวลชนจากหลายสำนักและสื่อหลายแขนง จำนวน 29 คน ได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) บมจ. บางจาก บมจ.วิริยะประกันภัย เครือเนชั่น บริษัท แอลเอสเทคโนโลยี จำกัด นอกจากนี้ สมาคมนักข่าวฯ ยังขอขอบคุณทีมกู้ชีพทางน้ำ ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน ที่ส่งทีมงานมาร่วมถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เข้าอบรม และสถานีโทรทัศน์ PPTV ช่อง 36 ที่นำเสื้อชูชีพของสถานีมาสนับสนุนการอบรมทางน้ำครั้งนี้ด้วย
#safetytraining #safety9 ข้อมูล : ภาพ : เทียมใจ ทองเมือง
FOMC ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
สถานการณ์ เฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ขณะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และจะมีการปรับขึ้น3 ครั้งในปีหน้า และ 2 ครั้งในปี 2563
การปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2558 จากแนวโน้มเศรษฐกิจได้แข็งแกร่งขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า และจะมีเสถียรภาพใกล้กับเป้าหมายของเฟด
ในประเทศ ธปท.เตรียมทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ จากเดิมคาดเติบโต 3.9% หลังเศรษฐกิจโลกดี หนุนส่งออกเพิ่มขึ้น ภาคการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง พร้อมยืนยันเงินบาทแข็งค่าไม่ได้เกิดจากปัจจัยในประเทศ แต่เป็นปัญหาจากสถานการณ์สหรัฐ และธปท.พร้อมเข้าดูแล หากเงินบาทเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับ ความท้าทายของภาคส่งออกไทย คือ นโยบายกีดกันทางการค้า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ต้นทุนแรงงานสูงขึ้น และความต้องการสินค้า&บริการที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเงินบาทแข็งค่าได้ฉุดกำไรส่งออกติดลบครั้งแรกรอบ 1 ปี
โดยการส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.พ.ปีนี้ มีมูลค่า 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.26% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน แต่เมื่อเทียบในรูปเงินบาทจะมีมูลค่า 6.43 แสนล้านบาท ลดลง 0.56% หรือติดลบครั้งแรกในรอบ 12 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.พ.ปีก่อน ที่ลดลง 5.28%
การส่งออกปี 2561 นี้ ทางก.พาณิชย์ คาดว่าจะ +8% สูงกว่าที่สำนักวิจัยต่างๆ ประเมินไว้ที่บวก 5-6% สินค้าเกษตรที่ส่งออกได้สูงขึ้นดี คือ ข้าว มันสำปะหลัง ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์&พลาสติก คอมพิวเตอร์&อุปกรณ์ รถยนต์&อุปกรณ์
ส่วนตัวเลขนำเข้ามีมูลค่า 19,557 ล้านเหรียญสหรัฐ (+16%YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 807 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการเติบโตส่งออกมากจากการส่งออกสินค้าประเภทน้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์&พลาสติก คอมพิวเตอร์&อุปกรณ์ รถยนต์&อุปกรณ์ ข้าว มันสำปะหลัง (แต่ราคาส่งออกยางพาราและน้ำตาลลดลงทำให้มูลค่าส่งออกสินค้าสองรายการนี้หดตัว)
อย่างไรก็ดี แนวโน้มในประเทศยังเป็นบวก จำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ก.พ. 2018 อยู่ที่ 3.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19% YoY โดยนักท่องเที่ยวจีนยังคงมีสัดส่วนสูงสุดราว 34% ขณะที่ในเดือน ก.พ. 2018 จำนวนนักท่องเที่ยวจีน ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.2 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้นได้ถึง 52% YoY เนื่องจากเทศกาลตรุษจีน สร้างรายได้รวม 384,153.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.47%
ด้านส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.อยู่ที่ 89.9 ลดลงจาก 91.0 ในเดือนม.ค.และเป็นการลดลงครั้งแรกรอบ 4 เดือน ผลจาก SME กังวลต้นทุนการผลิตที่จะสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ รวมถึงความผันผวนค่าเงินบาทและมาตรการกีดกันทางการค้าที่มากขึ้น
หันมาดูตลาดทุนไทย Sentiment เริ่มดูดีขึ้น การเข้าเก็งกำไรสั้นๆ ต้องรับความเสี่ยงได้สูง หุ้นที่แนะนำให้หาจังหวะ Take profit AJ, VNT, MBK, MEGA, GPSC, VGI, CPALL และควร Stop เข้าสู่โหมด Wait&See เมื่อตลาดเผชิญกับปัจจัยการเมืองในประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน เน้น Selective รายตัว หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ S, ESSO, AP, AOT, SAT, TIPCO, BWG , MAJOR, PTTEP, TWPC, SCC, KWG, SOLAR และเด่น BANPU, EGCO, CPN, ERW, GLOBAL, MINT, PTTEP, SGP
หุ้นได้ประโยชน์มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) CK, STEC, SEAFCO, AMATA, ROJNA, WHA
หุ้นปันผลดี AIT, AP, ASEFA, ESTAR, FTE, GLOW, KKP, KTB, LH, MCS, NYT, PDI, PL, QH, ROJNA, SC, SPRC, TKS
สนุกสนานกับการลงทุน อีกหนึ่งเดือนครับพ้มๆๆๆ.......
สิงห์ทอง
คอลัมน์‘เรื่องเงินๆที่ใครๆต้องรู้!!’
หัวข้อ: นวัตกรรมการชำระเงินสมัยใหม่
เงินตรากับระบบการชำระเงินเป็นเรื่องที่มึความเกี่ยวโยงกันเสมอกล่าวคือการชำระเงินนั้นเป็นเรื่องของฟังก์ชั่นในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ระหว่างกันซึ่งกระบวนการนั้นจำเป็นต้องมีความปลอดภัยในการถ่ายโอนสินทรัพย์ต่างๆจะเห็นได้ว่ารูปแบบของการชำระราคาแบบดั้งเดิมนั้นจะเป็นการจ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการโดยใช้พวกเหรียญหรือธนบัตรต่างๆดังนั้นการจดบันทึกรายการประจำซื้อ-ขายแบบแยกประเภทจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะที่การชำระเงินแบบสมัยใหม่ (Modern Payment System) นั้นจะถูกประมวลและบันทึกลงในรูปแบบดิจิทัลบนบัญชีของธนาคารพาณิชย์ต่างๆระบบการชำระราคาแบบใหม่จึงมีความน่าสนใจอยู่สองประการประการแรกคือการบันทึกรายการซื้อ-ขายจะถูกเปลี่ยนจากรูปแบบของกระดาษบันทึกรายการเป็นรูปแบบอิเลคทรอนิคซึ่งเป็นการเพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรมทางการเงินแถมเป็นการลดความเสี่ยงด้านปฎิบัติการ (Operational risks) ส่วนอีกประการหนึ่งคือการวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีทำให้เกิดการประหยัดต้นทุนทำให้เกิดรายการชำระเงินรูปแบบใหม่โดยเราสามารถจำแนกระบบการชำระเงินสมัยใหม่และสกุลเงินทางเลือกออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ
1.Wrappers เป็นรูปแบบของการลดต้นทุนชำระเงินโดยเป็นระบบที่ผู้ใช้จะเชื่อมต่อเบอร์มือถือของตนกับเลขที่บัญชีธนาคารส่วนตัว ตัวอย่างเช่น Google Wallet, Apple Pay, Alipay และ WeChat Wallet เป็นต้นนวัตกรรมประเภทนี้ไม่ได้เป็นการนำเสนอสกุลเงินใหม่หรือระบบหลักในการชำระเงินแบบใหม่แต่อย่างใด
2. Mobile Money จะเป็นรูปแบบของการเติมเงินเข้าไปในบัตรเงินสด (Smart card) หรือสามารถเชื่อมกับระบบออนไลน์หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆในมือถือก่อนแล้วจึงค่อยไปใช้ในการชำระซื้อสินค้าและบริการต่างๆเช่น M-pesa ซึ่งเป็นบริการการชำระเงินผ่านมือถือยอดนิยมที่ประเทศเคนย่าโดยผู้ใช้ต้องทำการฝากเงินเข้าไปยังมือถือจากนั้นระบบตรวจสอบความปลอดภัยโดยการส่งรหัสผ่านในผู้ใช้ยืนยันตนอีกตัวอย่างของMobile Money ที่เราคุ้นเคยเช่น Paypal
3. Credits and Local Currencies เป็นรูปแบบการชำระเงินด้วยสกุลเงินแบบเชื่อใจเป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงินท้องถิ่นไปใช้บนplaltformที่เฉพาะเจาะจงถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นง่ายเช่นการใช้เงินจริงชำระแลกเปลี่ยนเป็นไอเท็มในเกมออนไลน์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเกมMMORPG ที่เล่นบนPC หรือแม้กระทั่งเกมออนไลน์ต่างๆที่เป็นที่นิยมเล่นผ่านมือถือระบบนี้เป็นการช่วยสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างไรก็ตามการชำระเงินรูปแบบนี้จะมีห่วงโซ่อุปทานที่สั้น
4. Digital Currencies สกุลเงินดิจิทัลหรือบางคนเรียกว่า Cryptocurrencies เป็นการผสมผสานระบบการชำระเงินแบบใหม่และสกุลเงินใหม่ดังนั้นผู้คนสามารถซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลกับสกุลเงินต่างๆและสามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการได้เช่นกันโดยไม่ต้องผ่านบุคคลที่สามอย่างเช่นธนาคารพาณิชย์อย่างไรก็ตามสกุลเงินดิจิทัลไม่ได้ถูกควบคุมโดยธนาคารกลางใดๆ Bitcoin Litecoin และ Peercoin เป็นตัวอย่างของสกุลเงินประเภทนี้
รูปแบบของนวัตกรรมการชำระเงิน
ในปัจจุบันเรากำลังเข้าสู่ยุคของสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อย่างเต็มรูปแบบเนื่องจากในทุกๆประเทศได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการเงินมาใช้ในการชำระราคาสินค้าและการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆซึ่งจะมาแทนที่การถือครองเงินสดที่เป็นธนบัตรเหรียญเพื่อไปชำระค่าสินค้าและบริการโดยตรงโดยธุรกรรมแบบดั้งเดิมจะเป็นระบบแบบรวมศูนย์ (Centralised System) คือในทุกรายการจะวิ่งเข้าหาตัวกลางทางการเงินเช่นธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินต่างๆและผ่านไปยังธนาคารกลาง
แต่ทุกวันนี้ การชำระราคาสมัยใหม่ที่นำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้จะเป็นแบบ Decentralised System ซึ่งการทำธุรกรรมต่างๆทำได้โดยผ่านสถาบันทางการเงินน้อยลงและสามารถตรวจสอบรายการทำธุรกรรมซึ่งกันและกันได้ข้อดีที่เห็นได้ชัดนั้นคือการประหยัดเวลาและการลดต้นทุนในการทำธุรกรรมต่างๆแต่ข้อเสียของการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลมันก็มีความเสี่ยงทุจริตหรือถูกโกง (Fraud Risk)
นอกจากนี้ ความเสี่ยงในการสูญเสียเงินดิจิทัลสูงกว่าการฝากเงินที่ธนาคารเพราะถ้าทำรหัสส่วนตัวสูญหายเพราะมีพังของhard disk อาจจะมีการสูญเสียเงินไปในขณะที่ Internet banking สามารถที่จะกู้รหัสหรือรีเซ็ตโดยการติดต่อธนาคารแล้วตอบคำถามดังนั้นราคาและผลตอบแทนของสกุลเงินดิจิทัลจึงผันผวนเป็นอย่างมากในตลาดการเงินสุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการชำระเงินแบบใดก็ตามเราก็ควรที่จะศึกษาเพื่อใช้ให้เหมาะสมในการทำธุรกรรมเรียนรู้ถึงผลประโยชน์และความเสี่ยงต่างๆก่อนที่จะเลือกใช้มัน
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด