TIP ทิพยประกันภัยโดดเด่น ติดปีกลุยต่อหลังหมดเคลมโควิด โชว์กำไรไตรมาส 3 พุ่ง 253%
ทิพยประกันภัย หรือ TIP โชว์กำไรไตรมาส 3 ที่ 470.05 ล้านบาท เติบโต 253.40% จากไตรมาสก่อนหน้า พร้อมโชว์เบี้ยประกันภัยรับ 9 เดือน แตะ 2.2 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงช่องทางการขายร่วมกับพันธมิตร สนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ขณะที่ TIPH เตรียมส่งบริษัท มีที่ มีเงิน และ InsurVerse สร้างมิติใหม่ให้กับธุรกิจ Non-Bank และธุรกิจประกันภัยดิจิทัล ภายในสิ้นปีนี้
ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยผลการดำเนินงานของ ทิพยประกันภัย ในไตรมาส 3/2565 เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีกำไรสุทธิ 470.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 776.47 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 253.40 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ เพิ่มขึ้นจำนวน 85.43 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเบี้ยประกันภัยรับของบริษัทฯ ยังคงขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง ประกอบกับผลกระทบจากค่าสินไหมทดแทนสำหรับประกันภัยโควิดได้สิ้นสุดลงแล้ว
ทั้งนี้ TIP มีเบี้ยประกันภัยรับรวมในไตรมาส 3/2565 ถึง 7,307.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 917.94 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.37 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 1,248.11 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัทฯ สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 เพิ่มขึ้น 2,392.34 ล้านบาท มาอยู่ที่ 21,790.15 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับในทุกผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยเบี้ยประกันอัคคีภัย เติบโตร้อยละ 43.51 เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง เติบโตร้อยละ 24.95 เบี้ยประกันภัยรถยนต์ เติบโตร้อยละ 23.65 และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด เติบโตร้อยละ 4.87
ดังนั้น จากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3/2565 ส่งผลให้กำไรสุทธิของ TIP สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 อยู่ที่ 806.25 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ซึ่งมีกำไรสุทธิ จำนวน 336.21 ล้านบาท
ทั้งนี้ในส่วนของการดำเนินงานภายใต้แผนธุรกิจของ TIP บริษัทฯจะยังคงเดินหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบสนองและตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการพัฒนาช่องทางการขายร่วมกับพันธมิตรและยกระดับการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการขยายตัว และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในธุรกิจรับประกันภัย
ในส่วนของ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ TIPH ดร.สมพร ระบุว่าการลงทุนของบริษัทฯ ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เริ่มที่จะสะท้อนผลการดำเนินงานที่โดดเด่นตามที่บริษัทฯตั้งเป้าหมายไว้แล้ว โดยที่ผลการดำเนินงานปกติของบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัย (Insurance Supported Business) ได้แก่บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ Amity มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 อยู่ที่ 11.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 83.07 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่ ในการขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น และบริษัท ดีพี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด หรือ DP Survey มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 อยู่ที่ 19.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 140.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากรายได้จากการสำรวจภัยเพิ่มขึ้นและการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
ขณะที่ภายในสิ้นปีนี้ บริษัทที่ TIPH ได้เข้าลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาได้แก่ บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด และ บริษัท เอราวัณประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเริ่มสร้างมิติใหม่ให้กับธุรกิจบริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) และธุรกิจประกันวินาศภัยได้
โดยที่บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนระหว่าง TIPH กับธนาคารออมสิน และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่ง TIPH ถือหุ้น 31% คาดว่าจะเริ่มให้บริการธุรกิจแรก คือ สินเชื่อที่ดิน รับจำนองและขายฝาก ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งภายใต้ Business Model ของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด จะช่วยให้ประชาชน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนถูกลงด้วยอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรมอย่างแท้จริง โดยจะนำร่องเปิดให้บริการ สินเชื่อที่ดิน ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ
ในส่วนของ เอราวัณประกันภัย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรและพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อประกอบธุรกิจประกันภัยดิจิทัล 100% แห่งแรกในประเทศไทยภายใต้ชื่อ InsurVerse โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 100% ได้ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ดร.สมพร เชื่อมั่นว่าจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการเกิดขึ้นของ โควิด-19 และแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวในหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นการบริโภค การลงทุน และการท่องเที่ยว จะส่งผลให้บริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการปรับตัวทั้งในแง่ของ Business Model และบุคลากรเพื่อรองรับกับสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว เพื่อที่จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจ และยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจวินาศภัยของไทยควบคู่ไปกับการช่วยเหลือสังคมในมิติต่างๆ สอดคล้องกับแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ต้องการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่คำนึงถึงความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก คือ สิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นต่อไป
เอไอเอ ประเทศไทย จับมือ ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ จัดกิจกรรม ‘Well-Being มหกรรมสุขภาพดี 2565’
เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกับ ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ จัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Well-Being มหกรรมสุขภาพดี 2565” พร้อมเชิญสมาชิกเอไอเอ เพรสทีจ คลับ (AIA Prestige Club) กว่า 200 ท่านเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพทั้งร่างกาย สมอง อารมณ์และจิตใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งจิตแพทย์ผู้ชำนาญการ และนักจิตวิทยา มาร่วมพูดคุยและแบ่งปันเคล็ดลับการดูแลสุขภาพ เพื่อส่งเสริมทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรง ตอกย้ำคำมั่นสัญญาของเอไอเอ ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’
นายแพทย์ ประมุกข์ ทรงจักรแก้ว ที่ปรึกษาอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในนามของเอไอเอ ประเทศไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เอไอเอ ได้เป็นส่วนร่วมจัดงาน “Well-Being มหกรรมสุขภาพดี 2565” ซึ่งมาจากความมุ่งมั่นของเอไอเอที่ต้องการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบเพื่อส่งมอบองค์ความรู้ พร้อมวิธีการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล โดยครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีความพิเศษ และเราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับเอไอเอ คือต้องการให้คนไทยมีสุขภาพแข็งแรง และสามารถใช้ชีวิตเพื่อการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ผมต้องขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิที่มาร่วมงานกับเรา ทั้ง นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.และรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขด้วย ที่มาร่วมกิจกรรม Health Talk บอกเล่าเคล็ดลับการดูแลสุขภาพอย่างไรให้แข็งแรงและดูดีอยู่เสมอ และ ดร. จันจิรา จันทร์โฉม ที่มาร่วมสอนแต่งหน้า และมาปรับบุคลิกภาพเพิ่มเสน่ห์ Looking Young Forever ซึ่งทุกกิจกรรมในงานครั้งนี้ ล้วนเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมงาน เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน”
สำหรับกิจกรรมในงาน “Well-Being มหกรรมสุขภาพดี 2565” แบ่งออกเป็น Zone ต่างๆ อาทิ Diet Zone สาธิตการทำเมนูเพื่อสุขภาพ พร้อมด้วย Food For Mood ทานอย่างไรให้เฮลตี้ หรือ เมนู Plant Based diet ที่หลากหลายให้คุณได้ลิ้มลอง Fitness Zone ปรับสมดุลกายใจ Body & Mind ปรับสมดุลกายใจ ลมหายใจแห่งชีวิต โดย OASIS clinic โยคะบำบัดลดวิตกกังวลเช็กความฟิต และดูมวลกล้ามเนื้อด้วย Inbody โดยทีมเวชศาสตร์การกีฬา BASEM ช่วยแนะนำวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม ศิลปะบำบัด Art therapy ปั๋นจิ๋วฝึกสมาธิ Tea testing ชงชิมชาเพื่อสุขภาพ Chocolate Testing เพิ่มอรรถรส Healthy Drinker ดื่มอย่างไรให้สุขภาพดี ปิดท้ายด้วย Brain and Mental Health Zone การนอนหลับได้ดีและมีสุข การรักษาโรคซึมเศร้า ด้วย TMS พร้อมกับปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต โดยนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ผู้ชำนาญการ
ติดตามกิจกรรมดีๆ จากเอไอเอ ประเทศไทย ได้ทางเว็บไซต์ aia.co.th หรือช่องทาง Facebook: AIA Thailand และ Instagram: aia.thailand.official สำหรับท่านสมาชิกเอไอเอ เพรสทีจ คลับ สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมที่น่าสนใจได้ที่แอปพลิเคชัน AIA+
A11589
สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ถือฤกษ์ดี วันที่ 11 เดือน 11 จัดพิธีเปิดอาคารสำนักงานแห่งใหม่อย่างเป็นทางการพร้อมกัน
สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เรียนเชิญอดีตนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยสมัยต่างๆ ได้แก่ นายสุจินต์ หวั่งหลี นายยุตติ ล่ำซำ นายชัย โสภณพนิช นายประสาน นิลมานัตต์ นางสาวมาลินี เลี่ยวไพรัตน์ นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล พร้อมด้วยอดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ดร.สมพร สืบถวิลกุล และนายนพดล สันติภากรณ์ พร้อมด้วยนายชูฉัตร ประมูลผล รองเลขาธิการ ด้านกำกับ สำนักงาน คปภ. ให้เกียรติร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่ทำการสมาคมประกันวินาศภัยไทย และ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด โดยถือฤกษ์มงคลวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11.11 น. ทำพิธีเปิดป้ายอาคารทั้งสองเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีแขกผู้มีเกียรติในวงการประกันภัยให้เกียรติร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และประธานกรรมการบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของการสร้างอาคารสมาคมประกันวินาศภัยไทย และ อาคารบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ว่า สมาคมประกันวินาศภัยไทยนั้น ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2510 โดยการรวมตัวกันของสมาคมประกันภัย 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมบริษัทประกันภัยไทย สมาคมบริษัทประกันภัยจีน และสมาคมบริษัทประกันภัยต่างประเทศ กำหนดวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ธุรกิจประกันวินาศภัยเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งตลอดระยะเวลา 55 ปีที่ผ่านมา แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ รอบด้าน สมาคมประกันวินาศภัยไทยก็สามารถดำเนินภารกิจได้เป็นอย่างดีเนื่องมาจากการสนับสนุนและความร่วมมือของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ งานที่สัมฤทธิ์ผลและยังประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนธุรกิจประกันวินาศภัยไทย เป็นผลจากการทุ่มเทเสียสละของท่านอดีตนายกสมาคมฯ ทุกๆ ท่าน รวมทั้งอดีตคณะกรรมการบริหาร อดีตผู้บริหาร และพนักงานในทุกระดับ ที่มุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มความสามารถทำให้สมาคมฯ ยืนหยัดอยู่เคียงคู่กับธุรกิจประกันวินาศภัยตลอดมา
สำหรับบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัดนั้น จัดตั้งตามมาตรา 10 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2540 และได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2541 วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัท คือ ให้บริการเกี่ยวกับการรับคำร้องขอและการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นและการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือเงินต่างๆ ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มีสาขาให้บริการแก่ผู้ประสบภัยได้ครบ 76 จังหวัดทั่วประเทศไทยตามที่กฎหมายกำหนด ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2542 คณะรัฐมนตรีได้มีมติ ให้บริษัทกลางฯ รับประกันภัยเฉพาะรถจักรยานยนต์ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของประชาชนในการจัดทำประกันภัยประเภทนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2542 เป็นต้นมา
A11573
FWD ประกันชีวิต จัดเต็มโปรโมชั่น 11.11 Double Mega Sale ช้อป Easy E-SAVE 10/5 ผ่าน iFWD รับโปรโมชันสุดคุ้ม ส่วนลดเบี้ยฯ 5 ปี พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษี
FWD ประกันชีวิต มอบโปรโมชั่น 11.11 Double Mega Sale ส่งท้ายปีสำหรับลูกค้าที่ซื้อแบบประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ Easy E-SAVE 10/5 ระหว่างวันที่ 9-15 พ.ย. 65 มอบความคุ้มค่าด้วยโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆ สำหรับลูกค้าที่ชำระค่าเบี้ยประกันปีแรกตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป พร้อมส่วนลดเบี้ยประกันตลอด 5 ปี และสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท เมื่อสมัครพร้อมชำระเบี้ยฯ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม นี้
นายอาร์จัน เวส ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“FWD ประกันชีวิต”) เผยว่า ลูกค้าจำนวนมากกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ประกันเพื่อความคุ้มครองและรับผลประโยชน์จากสิทธิลดหย่อนภาษีในช่วงท้ายปี ด้วยความเข้าใจลูกค้าและยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (customer-led) FWD ประกันชีวิต คืนกำไรให้ลูกค้า เปิดตัวแคมเปญใหม่ และมอบสิทธิประโยชน์แบบพิเศษสุดให้ลูกค้าที่ซื้อแบบประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ Easy E - SAVE 10/5 ผ่านโปรโมชั่น 11.11 Double Mega Sale พร้อมส่วนลดเบี้ยประกันตลอด 5 ปี เมื่อสมัครและชำระเบี้ยฯ ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี 2565
Easy E-SAVE 10/5 เป็นแบบประกันสะสมทรัพย์ของ FWD ประกันชีวิต ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในสภาวะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำและสถานการณ์การลงทุนที่มีความผันผวน โดยรับประกันตั้งแต่อายุ 20-60 ปี ชำระเบี้ยประกันระยะสั้นเพียง 5 ปี ได้รับความคุ้มครองถึง 10 ปี ด้วยผลตอบแทนที่แน่นอน คือระหว่างสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-5 รับเงินคืน 4% ของทุนประกัน และสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 6-9 รับเงินคืน 5% ของทุนประกัน รับเงินคืน 350% ของทุนประกัน ณ สิ้นปีที่ 10 และแบบประกันนี้ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท ตามเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนดอีกด้วย
ตัวอย่างเบี้ยประกันหลังรับส่วนลด และผลประโยชน์ เมื่อสมัครและชำระเบี้ยฯ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2565
• เบี้ยประกัน 35,000 บาท พิเศษ ชำระเบี้ยฯ เพียงปีละ 34,510 บาท ได้ผลประโยชน์รวม ณ สิ้นปีที่ 10 สูงถึง 195,000 บาท
• เบี้ยประกัน 70,000 บาท พิเศษ ชำระเบี้ยฯ เพียงปีละ 69,020 บาท ได้ผลประโยชน์รวม ณ สิ้นปีที่ 10 สูงถึง 390,000 บาท
• เบี้ยประกัน 210,000 บาท พิเศษ ชำระเบี้ยฯ เพียงปีละ 207,060 บาท ได้ผลประโยชน์รวม ณ สิ้นปีที่ 10 สูงถึง 1,170,000 บาท
โดยลูกค้าสามารถซื้อเองได้ทางช่องทางออนไลน์ ง่าย สะดวก และรวดเร็ว พร้อมรับความคุ้มครองทันทีหลังการชำระเงินเสร็จสิ้น ผู้ที่สนใจสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ Easy E-SAVE 10/5 ผ่านแพลตฟอร์มประกันออนไลน์ ifwd.fwd.co.th
นอกจากนี้ ลูกค้ายังเข้าถึงบริการออนไลน์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Omne เครื่องมือที่เป็นตัวช่วยในการสร้างนิสัยใหม่ๆ เสริมด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานกำหนดเป้าหมายรายวันที่ต้องการ อัดแน่นด้วยกิจกรรมและคอนเทนต์ต่างๆ ที่พร้อมให้บริการตั้งแต่ พอดแคสต์ มินิเกม เพลง บริการด้านการประกันภัย และการใช้งานด้านอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้งาน แอปพลิเคชัน Omne เปิดให้บริการสำหรับลูกค้าในทุกประเทศของกลุ่มบริษัทเอฟดับบลิวดี สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Omne และใช้งานได้ฟรีผ่าน App Store และ Google Play ได้แล้ววันนี้
A11519
OCEAN LIFE ไทยสมุทร เปิดตัวแบบประกันใหม่! ‘OCHI CI TOP 3 EXTRA’ ประกันออนไลน์ไซซ์เล็กคุ้มครองโรคร้าย TOP 3 ของคนไทย จ่ายเบี้ยสบายๆ วันละไม่ถึง 4 บาท*
บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) ตระหนักดีว่าในปัจจุบันสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทำให้หลายคนต้องรัดเข็มขัดในการใช้ชีวิต แต่หากเกิดปัญหาสุขภาพ โรคภัยเข้ามารุมเร้า เงินเก็บที่มีจะเพียงพอหรือไม่ในการรองรับค่ารักษาพยาบาลที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น OCEAN LIFE ไทยสมุทร จึงได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพออนไลน์ให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวในยามเจ็บป่วยโดยเฉพาะจากโรคร้าย ล่าสุด!! ได้เปิดตัวแบบประกันโรคร้ายแรง “OCHI CI TOP 3 EXTRA” คุ้มครองโรคร้ายแรง 3 อันดับแรกที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทย ให้คนทำงานใช้ชีวิตอย่างสบายใจรับมือกับโรคร้ายแบบ Extra ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน โรคหลอดลมปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง/โรคปอดระยะสุดท้าย** รวมทั้งให้ความคุ้มครองกลุ่มโรคร้ายแรงอื่นรวม 7 กลุ่มโรคอีกด้วย OCHI CI TOP 3 EXTRA เป็นแบบประกันไซซ์เล็ก ให้คุณจ่ายเบี้ยสบายๆ เริ่มต้นเพียงวันละไม่ถึง 4 บาท* ทำง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ สะดวกทุกที่ทุกเวลา รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ 20 - 60 ปี มีแผนความคุ้มครองให้เลือก 2 แผน คุ้มครองกรณีเสียชีวิต 50,000 บาท หากเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรับเพิ่มอีก 500,000 บาท และหากไม่เคลมตลอด 3 ปี รับเงินคืน 10% ของเบี้ยประกันภัยที่ชำระมาทั้งหมดในวันครบกำหนดสัญญา
OCEAN LIFE ไทยสมุทร ตอกย้ำการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยพลังความรัก OCEAN LIFE LOVE MINDSET ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ LOVE YOUR HEALTH สนับสนุนให้คนไทยรักสุขภาพ พร้อมรับมือกับโรคภัยต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ โดยได้เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมการประกันชีวิต พร้อมการบริการที่เหนือความคาดหมาย เพื่อทำให้การประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน สนใจสามารถทำประกันผ่านช่องทางออนไลน์ คลิก https://www.ocean.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0 2207 8844
A11503
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด