KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
  
ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตัวแรงกระโดด ขยับทำจุดสูงสุดของวันที่ 1729.64 จุด เพิ่มขึ้น 8.27 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายกดดัชนีไหลลงแรงเข้าสู่แดนลบพร้อมกับแกว่งตัวสลับขึ้นลงยืนทั้งแดนบวกและลบ โดยช่วงบ่ายกดดัชนีไหลลงแรงอีกครั้ง ทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1713.70 จุด ลดลง 7.67 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 15.94 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ SCC, AOT, PTTGC, ESSO, SPRC, TOP ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1714.55  จุด ลดลง 6.82 จุด (-0.40%) มูลค่าการซื้อขาย 68,071 ล้านบาท
 
ภาพตลาดวันนี้
  ดัชนีวานนี้มีทิศทางผันผวนอิงทางลงในกรอบที่กว้าง  ด้วยการเปิดกระโดดขยับขึ้นทดสอบ High เดิม (1729) แต่ไม่สามารถฝ่าขึ้นไปได้ ก่อนเผชิญแรงขายหนักกดดดัชนีไหลลงทำ Low ที่ 1713 จุด และทำปิดใกล้จุดต่ำสุดของวันที่ 1714 จุด ส่งผลให้กราฟแท่งเทียนแสดงในเชิงลบมีรูปแบบเป็น Bearish Engulfing บวกกับมีโครงสร้างกลับตัวที่เป็น Double Top // Bearish Divergence ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มปรับฐาน โดยมีแนวรับ 1704-1709 // 1695 จุด แนวต้าน 1719-1724 จุด 
แกว่งตัวผันผวน  -  มีแนวโน้มปรับฐาน จากสัญญาณที่เตือนในเชิงลบ
Support  1700 // 1690  จุด        Resistance 1728 // 1735  จุด
 
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel  02- 6481124
Email: [email protected] 
 
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

" มี rebound หลังประธาน Fed อาจมาจากสายพิราบ "
          ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ มี rebound แต่ยังผันผวน แม้นายเพาเวล อาจได้ขึ้นเป็นประธาน Fed คนใหม่ ...... การประชุม FOMC คณะกรรมการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% ตามตลาดคาด และมีข่าวว่าคืนนี้ (2) ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯจะเสนอชื่อ นายเจอโรม พาวเวล ขึ้นเป็นประธาน Fed คนใหม่ ที่มีแนวนโยบายเช่นเดียวกับนางเยลเลน ที่มีการบริหารนโยบายการเงินแบบประนีประนอม คือไม่เร่งในการปรับขึ้นดอกเบี้ย ก่อนหน้านี้ตลาดและ KTBST คาดว่าประธาน Fed คนใหม่จะมาจากสายที่มีแนวนโยบายตรงข้ามกับนายเยลเลน ผลต่อดอลล่าร์จะเป็นลบ แต่ผลต่อตลาดหุ้นเอเซียคาดเป็นลบ จากค่าเงินและนโยบายการเงินของสหรัฐฯที่ยังเอื้อต่อการลงทุนไปอีกระยะหนึ่ง กล่างคือ คาดจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศลดการขายหุ้นลง .......   ปัจจัยอื่นๆ ของตลาด นักลงทุนจะยังรอดูรายละเอียดของมาตรการช้อปช่วยชาติ ที่เราคาดว่าน่าจะอนุมัติได้เร็วที่สุดคือสัปดาห์หน้า  ข่าวการประมุลคลื่นความถี่(โทรศัพท์) อาจดึงให้นักลงทุนกลับเข้ามาสนใจหุ้นผู้ประกอบการโทรศัพท์อีกครั้ง ปัจจัยที่มีผลในระหว่างวัน คือ การรายงานผลประกอบการและคาดการณ์กำไร 3Q  โดยวันนี้ หุ้นที่คาดจะมีการส่งงบ คือ PTTEP และ IRPC
          กลยุทธ์การลงทุน : ความกังวลต่อชื่อประธาน Fed คนใหม่ที่มีมาก่อนหน้านี้ลดลง ดอลล่าร์อาจชะลอการแข็งค่า และปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศที่ยังแข็งแกร่ง น่าจะดึงเงินกลับเข้ามาในตลาดหุ้นได้ แต่จะเป็นลักษณะ selective buy เพราะราคาหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นมามาก ........ กลยุทธ์การลงทุน จึงยังเป็น selective buy  เปลี่ยนตัวเล่นหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก เช่นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี โดยเรายังเน้นสองปัจจัยหลัก คือกลุ่มได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐฯ หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีแรงซื้อกลับเข้ามา เช่น BBL, KBANK  และหุ้นมีปัจจัยเฉพาะตัว รวมทั้งหุ้นงบ 3Q ที่คาดว่าจะออกมาดี
          หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ  ADVNC, RJH, CENTEL, HANA
          หุ้นแนะนำทางเทคนิค : MC, PK, HTECH           
          * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
 
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
          (-) ANAN : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ปรับตัวลดลง แต่จะกลับมาโดดเด่นใน 4Q17
 
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                                 
          ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (01 พ.ย.)  ปิดที่ 1,714.55 จุด ลดลง 6.82 จุด หรือ -0.40% มูลค่าการซื้อขาย 68,071.14 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลงสวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาค มองเป็นการขายทำกำไรของต่างชาติซึ่งมีสถานะสุทธิเป็นขายที่ 1,040.67 ล้านบาท
          ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่  23,435.01 จุด เพิ่มขึ้น 57.77 จุด หรือ +0.25% ตลาดได้รับแรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทต่างๆที่ออกมาดี นอกจากนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงขยายตัวต่อเนื่องด้วย .... แต่ด้าน Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น +0.4% ปิดที่ 396.77 จุด
          ปัจจัยต่างประเทศ : Fed คงดอกเบี้ยตามคาด, สื่อรายงานประธาน Fed คนใหม่คือ Powell, ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี ที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% เป็นไปตามที่ตลาดคาด โดยตลาดคาดว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคมนี้ .... The Wall Street Journal รายงานว่าปธน.ทรัมป์จะเลือกนายพาวเวลเป็นประธาน Fed คนใหม่ในวันนี้ ซึ่งตลาดยังไม่มีผลตอบรับจากข่าวนี้มาก ค่าเงินดอลลาร์ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับก่อนที่จะมีข่าวประกาศออกมา เรามองแนวคิดของพาวเวลมีลักษณะเหมือนแนวคิดของนางเยลเลน ซึ่งจะไม่ส่งผลต่อกรอบเวลาในด้านนโยบายทางการเงินมากนัก .... ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี ทั้งตัวเลข ISM และ PMI ออกมาดีกว่าที่คาด
          ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบปิดที่ 54.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 8 เซนต์ หรือ -0.19% หลัง EIA เปิดเผยารผลิตน้ำมันของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตามเรามองว่าการปรับตัวลงในวันนี้เป็นเพียงแค่ช่วงสั้นเท่านั้น ปัจจัยบวกจากการที่ OPEC ขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงสิ้นปีหน้ายังคงมีน้ำหนักมากกว่า
          ปัจจัยในประเทศ : ประเด็นบวกกลุ่ม ICT จากความคืบหน้าเรื่องการประมูลคลื่น, วันนี้มีรายงานผลประกอบการ 3Q17 ของ PTTEP, IRPC  สัมปทานคลื่น 900 MHz, 1,800 MHz จะหมดลงในวันที่ 15 ก.ย. 2018 คลื่น 900 MHz แบ่งเป็น 1 ใบอนุญาต ราคาประมูลขั้นต่ำ 37,988 ล้านบาท และคลื่น 1,800 MHz 37,457 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ใบอนุญาต คาดจะประมูลในเดือน พ.ค. 2018  ปัจจุบันเรามองว่าผู้เล่นทั้ง 3 ราย ADVANC, DTAC, TRUE มีจำนวนใบอนุญาตคลื่นความถี่ที่เพียงพอ การประมูลในครั้งนี้คาดว่าจะไม่มีราคาสูงเหมือนครี้งก่อน อีกทั้งค่าปรับหากเบี้ยวการจ่ายจะสูงถึง 7,000 ล้านบาท จึงมองว่ากรณีการชนะการประมูลและเบี้ยวจ่ายเงินจะไม่เกิดขึ้นในการประมูลครั้งนี้ เป็นบวกต่อกลุ่ม ICT .... ในวันนี้หุ้นขนาดใหญ่ที่จะประกาศผลการดำเนินงาน 3Q17 ได้แก่ PTTEP (Bloomberg คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 6,575 ล้านบาท +21% YoY, -13% QoQ) และ IRPC (Bloomberg คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 2,816 ล้านบาท +115% YoY, +129% QoQ)
 
Stock in Focus
หุ้น                เหตุผล
          ADVANC(ราคาปิด 193.00)   เลือก ADVANC จากประเด็นบวกจากข่าวเรื่องการประกาศเกณฑ์การประมูลคลื่น 900, 1800 ซึ่งเรามองว่าราคาประมูลจะไม่สูงอย่างปีที่แล้ว อีกทั้ง กสทช. ยังกำหนดค่าปรับหากเบี้ยวจ่ายเงินที่สูงถึง 7,000 ล้านบาท จึงมองว่ากรณีการชนะการประมูลและเบี้ยวจ่ายเงินจะไม่เกิดขึ้นในการประมูลครั้งนี้  .... เรามอง ADVANC มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 2018 เป็นต้นไป จากการคาดการณ์การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เบาบางลง คาดปี 2018 เติบโต +18% YoY ….  (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่  190.00 บาท)
RJH(ราคาปิด  26.00)    เรามอง RJH เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่จะรายงานผลประกอบการช่วง 3Q17 ที่เติบโตสูง โดยเรามองว่าช่วง 3Q17 กำไรจะเติบโตได้ดีจากการปรับค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูงจาก สปส. เหลือเพียงอัตราเดียวเป็น 12,800 บาท/RW และการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ …. KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 215 ล้านบาท เติบโต +39% YoY และปี 2018 ที่ 230 ล้านบาท (+7% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่  33.00 บาท)
CENTEL(ราคาปิด 46.25)      เราเลือก CENTEL จากการที่จะได้รับผลบวกจากมาตรการช็อปช่วยชาติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องอีกด้วย .... คาดกำไรสุทธิใน 3Q17 จะอยู่ที่ 386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%YoY แต่ลดลง 3% QoQ โดยการเพิ่มขึ้น YoY มาจากธุรกิจอาหารที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ดี ส่วนธุรกิจโรงแรมเติบโตได้จากต่างจังหวัดเป็นหลัก  .... คาดการณ์ KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 215 ล้านบาท เติบโต +39% YoY และปี 2018 ที่ 230 ล้านบาท (+7% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่  51.00 บาท)
HANA(ราคาปิด 49.25)      ด้วยการคาดการณ์ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งจากการเลือกประธาน Fed คนใหม่ เราจึงมองว่าหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับผลบวกจากประเด็นดังกล่าว เราเลือก HANA เป็น Top Pick ของอุตสาหกรรมเนื่องจาก เรามองอุตสาหกรรม IC ยังเติบโตดีในตลาดโลก คาดการณ์ผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 เติบโต +22% YoY, +3% QoQ .... คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 2,932 ล้านบาท (+39.3% YoY) …. (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 57.50 บาท)
 
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(-) ANAN  คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังไม่เด่นราว 181 ล้านบาท ลดลง 27% YoY และ 35% QoQ ตามยอดโอนโครงการคอนโดที่ชะลอตัว แม้ในงวด 3Q17 จะมีโครงการคอนโดใหม่เริ่มโอน 3 โครงการ แต่การก่อสร้างยังล่าช้า ส่วนใหญ่จะเริ่มโอนในช่วงปลายเดือน ก.ย.2017 ทำให้การรับรู้รายได้ใน 3Q17 ยังไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม เรายังคงคาดกำไรสุทธิ 4Q17 จะกลับมาฟื้นตัวได้โดดเด่น ทั้งจากคอนโดใหม่ที่โอนต่อเนื่องจาก 3Q17 และใน 4Q17 ที่จะมีคอนโดใหม่เริ่มโอนถึง 6 โครงการ ทั้งนี้ เรายังคงประเมินกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 1,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY แม้เรายังแนะนำ ซื้อ เป้าหมายปี 2018 ที่ 7 บาท แต่ระยะสั้นอาจมีปัจจัยกดดันจากกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ปรับตัวลดลงมาก
(+) D  เปิดเผยว่าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันนี้มีมติอนุมัติแผนลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลทันตกรรมเอกชนที่เป็นเลิศเฉพาะทางขนาดใหญ่สุดในประเทศไทย บนทำเลทอง ย่านเพลินจิต มูลค่าการลงทุนกว่า 450 ล้านบาท (รวมที่ดิน 275 ล้านบาท) โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในต้นปี 2019 โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและชาวไทยที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงบนที่ต้องการคุณภาพในการให้บริการรักษาทันตกรรมตามมาตรฐาน JCI เราคาด รพ.ฟันดังกล่าวจะช่วยพลักดันรายได้และกำไรในอีก 5 ปีข้างหน้า ปัจจุบันเราให้คำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสม 9.8 บาท ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับประมาณการขึ้นในอนาคต
(+) THANI  THANI ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ โดยเฉพาะรถบรรทุกที่มีสัดส่วนสินเชื่อสูงถึง 70% เราคาดว่าสินเชื่อรวมของบริษัทปี 2017-2018 ขยายตัวที่ 15.0% และ 13.3% ตามลำดับ โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดขายรถบรรทุกที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เรายังคาดว่า NPLs ปี 2017-2018 ดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนมาอยู่ที่ 4.46% และ 4.38% รวมทั้งการตั้งสำรองที่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากบริษัทได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นสูงในช่วงที่ผ่านมา คาดบริษัทมี Coverage Ratio ที่สูงถึง 106.3% และ 114.7% ในปี 2017-2018 โดยรวมเราคาดกำไรสุทธิปี 2017-2018 ที่ 1.1 และ 1.4 พันล้านบาท (+27.0% และ 25.2% YoY)  เราเริ่มต้นให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 11.00 บาท โดยอิง PBV ที่ 4.4x
Source: KTBST Research
         
Analyst :   Mongkol Puangpetra
          License No: 001937  
          +662 648 1123
          [email protected]
          Nontapat Rushtasomboon
          License No: 081447  
          +662 648 1127
          [email protected]
OO1872