ปมใหม่ฆ่า'สมยศ'น่าสงสัย คนใกล้ชิดมีพิรุธ เผยตอนต้นปีถูกดักยิงแต่ไม่ตาย เก็บตัว-ยากจะรู้ความเคลื่อนไหว แต่มือปืนไปรอ 5 ชม.อย่างมั่นใจ อีกประเด็น'เจ๊ม้อ'แจ้งจับ 15 ล้าน

        รูปคดีพลิก ตร.มุ่งคนใกล้ชิดบงการฆ่า'สมยศ สุธางค์กูร' พบเบาะแสและข้อพิรุธมือปืนจนนำมาสู่การขยายข้อสงสัย ขณะเดียวกันก็ได้ประเด็นใหม่ อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่เมืองกรุงรับเงิน 51 ล้านวิ่งเต้นคดียาเสพติด 3 คดี แต่เคลียร์ไม่สำเร็จ โดย 1 ใน 3 คดีนั้นคนว่าจ้างสูญไป 15 ล้าน ได้แจ้งความเอาผิดเสี่ยสมยศด้วย ตร.เชิญตัว'เสธ.ณุ'นายทหารนอกราชการมาสอบปากคำ ให้การเป็นประโยชน์ว่าผู้ตายเคยใช้ให้ไปทวงเงินจากกลุ่มที่โกงพนัน เมียและลูกสาวเข้าให้การอีกรอบ พร้อมมอบเอกสารต่างๆ ให้จนท. ส่วนเรื่องประกันชีวิตไม่น่าจะเกี่ยวเพราะวงเงินแค่หลักแสนบาท

วันที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8983 ข่าวสดรายวัน

สอบอีก - นางรัศมี และน.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร ภรรยาและลูกสาวนายสมยศ สุธางค์กูร เข้าให้ปากคำอีกครั้งที่ สน.คลองตัน ล่าสุดตร.สงสัยว่าผู้วางแผนฆ่าอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่เมืองกรุง อาจจะเป็นบุคคลใกล้ชิด เมื่อวันที่ 2 ก.ค.

      เมื่อวันที่ 2 ก.ค. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายสังหารนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ เสียชีวิต ว่า ได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 1 ก.ค.เจ้าหน้าที่ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัยที่เป็นมือปืนยิงนายสมยศแล้ว 2 คน ตามภาพสเกตช์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายอยู่ คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเนื่องจากอาจทำให้เสียรูปคดี อีกทั้งจะทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานยากลำบาก

      ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังไม่ได้ตัดประเด็นอันเป็นชนวนของการลอบสังหารใดทิ้ง ทั้งเรื่องธุรกิจการงาน การขัดแย้งผลประโยชน์ หรือเรื่องอื่นๆ ทุกประเด็นตำรวจยังคงให้ความสำคัญและเร่งขยายผลไปถึงผู้จ้างวานโดยเร็วที่สุด สำหรับการเชิญตัวบุคคลที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมครั้งนี้มาให้ข้อมูลนั้น เป็นไปตามดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่เห็นว่าใครน่าจะเกี่ยวข้อง หรือมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทางคดีมาซักถาม ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ส่วนขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยตามหมายจับได้หรือไม่นั้นขอไม่เปิดเผย แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวคนร้ายอย่างเต็มที่
     ด้านพล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผบ.ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร.ย้ำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยรอบคอบ พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานให้รวดเร็วที่สุด และต้องจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ โดยเฉพาะมือปืนและผู้ร่วมก่อเหตุขับรถพาหนี ส่วนกลุ่มผู้จ้างวาน ขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานติดตามตัวอยู่ โดยมีความคืบหน้ามาก จึงได้เรียกประชุมด่วนวันนี้เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตรวจสอบหลักฐานวัตถุพยานนิติวิทยาศาสตร์เพื่อให้พยานหลักฐานสมบูรณ์ การดำเนินการสืบสวนสอบสวนไปด้วยกัน และใช้ระยะเวลาสักระยะ รวบรวมพยานวัตถุเอกสารตัวบุคคล ยืนยันว่าได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานอย่างดี เพื่อที่จะไล่ลำดับในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับข้องข้อสงสัยในแนวทางการสืบสวน
     ผู้สื่อข่าวถามถึงการควบคุมตัวนายสมชัย นิตยา หรือนายเล็ก เซียนไพ่ สามีนางศุภนิดา หรือก้อย นรรัตน์ หญิงสาวคนสนิทของนายสมยศ ที่มีปัญหาเรื่องเงิน 24 ล้านบาทกับผู้ตาย เพื่อสอบปากคำนั้น พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า ในส่วนนี้เป็นกระบวนการสืบสวนสอบสวน ต้องทำให้รอบคอบทุกฝ่าย ส่วนคำให้การซัดทอดถึงใครเป็นผู้จ้างวานฆ่านั้น ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนยังพยายามตรวจสอบข้อมูลทุกเรื่อง โดยเฉพาะการสอบปากคำทางฝ่ายนางรัศมี สุธางค์กูร อายุ 53 ปี ภรรยาของผู้ตาย ได้ให้การแย้งในสิ่งที่ก้อยให้การ แต่ยังรอพยานเอกสารเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในการให้การดังกล่าว ส่วนการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเพิ่มเติม ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนดำเนินการส่งมอบให้ฝ่ายสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอน
     เมื่อถามว่า ประเด็นการพนันมีน้ำหนักที่สุดใช่หรือไม่ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า ได้ให้ประเด็นน้ำหนักไปในเรื่องความบาดหมางการโกงเงินพนันทำให้เป็นเหตุไม่พอใจ รวมถึงปัญหาสะสมมากรณีที่ผู้ตายให้คนใกล้ชิดประสานงานช่วยเหลือคดีต่างๆ จนทำให้เกิดเหตุความขัดแย้งรุนแรง โดยมีการต่อรองกัน หากไม่ทำตามก็ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ทำให้ความขัดแย้งเกิดขึ้น อีกประเด็นที่ตั้งเผื่อไว้คือเรื่องที่ดินแต่มีส่วนนิดหน่อย
      เมื่อถามว่า กลุ่มที่น่าสงสัยที่สุดคือกลุ่มของก้อยและวงพนันในวันนั้นใช่หรือไม่ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ขอใช้ว่าเป็นกลุ่มที่พอมีพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่กำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเติมเต็มข้อพิสูจน์ดังกล่าวก่อน ส่วนการติดตามตัวมา สอบปากคำเพิ่มเติม อยู่ระหว่างหารือกับพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. ว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อเร่งดำเนินการสอบปากคำให้ครบถ้วน นอกจากนี้ยังตรวจสอบเรื่องพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ อาทิ ดีเอ็นเอ รวมถึงหน่วยสนับสนุนทางการสื่อสารให้เร่งตรวจสอบเกี่ยวกับข้อมูลทางโทรศัพท์ กล้องซีซีทีวี ขณะนี้ดำเนินการตรวจสอบอยู่ตลอด 
      "สำหรับเบอร์โทรศัพท์ล่าสุดที่โทร.เข้ามาในเครื่องของผู้ตายนั้น เป็นความละเอียดของผู้เสียชีวิต ผู้เสียชีวิตนอกจากบันทึกเบอร์ไว้ด้วยตัวอักษร บันทึกข้อมูลไว้ในสมุดไดอารี่แล้ว ยังบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ไว้ด้วย" รองผบ.ตร.กล่าว
       ต่อข้อถามถึงผลการสอบปากคำนายเล็ก พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า จากตรวจสอบพบว่านายสมชาย นิตยา หรือเล็ก ได้เปลี่ยนชื่อนามสกุลมาหลายครั้ง ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบประวัติว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเรียงลำดับความสำคัญ อย่างกรณีที่ดิน หรือการอ้างเรื่องช่วยการรับเคลียร์คดีความแล้วหลอกเอาเงินผู้ตายมา 50 ล้านบาท แต่ไม่ได้ดำเนินการช่วยเหลือแต่อย่างใด อาจจะทำให้เป็นสาเหตุทำให้โกรธเคืองเป็นเรื่องความขัดแย้ง ถามว่าได้เชิญฝ่ายที่ให้ผู้ตายมาช่วยเคลียร์เรื่องคดีหรือไม่ ก็ยังคงตรวจสอบเพราะว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกันหรือไม่ แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะต้องตรวจสอบหาคนกลางพยานหลักฐานเอกสารมายืนยันข้อเท็จจริง อย่างเอกสารการเงิน และบัญชี ตรวจสอบไดอารี่ระบุไว้ถึงวันเวลาสถานที่บุคคล
     พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าวอีกว่า การบันทึกโทรศัพท์ อาวุธปืน ส่วนนี้พบว่า หัวกระสุน 3 ส่วน นำมาเปรียบเทียบอาวุธปืนชนิดอะไร ฐานข้อมูล ลักษณะของวิถีกระสุนในที่เกิดเหตุ ประมวลเหตุการณ์ได้ข้อมูลหลักฐานพึงพอใจ อย่างกรณีนำก้นบุหรี่หรือขวดเครื่องดื่มในพื้นที่เกิดเหตุที่เชื่อว่าน่าจะเป็นของคนร้ายวางไว้หรือทิ้งไว้ระหว่างที่นั่งรอก่อนเข้าไปลั่นไกยิงผู้ตาย ภายใน 1-2 วันนี้จะสามารถออกหมายจับเพิ่มเติมได้หรือไม่ ก็มีเค้าแต่ยังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน
     ขณะที่พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. กล่าวว่า ยังไม่ได้ให้น้ำหนักกลุ่มไหนเป็นพิเศษ แต่เน้นเรื่องของพยานหลักฐานเป็นหลัก เรื่องการสืบสวนนั้น บก.ป.ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติร่วมกันกับนครบาลในการคลี่คลายคดีนี้ ประเด็นหลักมีอยู่ประมาณ 3-4 ประเด็น ต้องพิสูจน์ทราบแต่ละประเด็นเป็นอย่างไร มีใครเกี่ยวข้องบ้าง
     ส่วนพ.ต.ท.ธนงศักดิ์ บุญมาก นักวิทยา ศาสตร์ สบ 2 กลุ่มงานพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) สพฐ.ตร. ระบุว่า หัวกระสุน 3 หัวพบในตัวผู้ตาย และอยู่ที่รถยนต์คันเกิดเหตุอีก 1 หัว อยู่ระหว่างทำการเปรียบเทียบ เมื่อนำไปเปรียบเทียบตัวอย่างหัวกระสุนทั้งหมดมาจากหัวกระสุนชนิดไหน เบื้องต้นเชื่อว่ามาจากขนาด .38 ลักษณะยาวใช้กับอาวุธปืนลูกโม่ .38 สเปเชี่ยล หรือ .357 แม็กนั่ม โดยไม่พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ ส่วนการวิเคราะห์ชนิดยี่ห้ออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ว่าใช้กับอาวุธปืนชนิดใด ในส่วนวิถีกระสุนปืนค่อนข้างกดลงค่อนข้างมาก และการยิงในลักษณะใกล้ จึงยกตัวอย่างรูปแบบของอาวุธปืน เป็นแบบลูกโม่ แต่ชนิดนั้นยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
      ต่อมาเวลา 11.30 น.ที่บช.น. พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผบ.ตร. เป็นประธานประชุมความคืบหน้าของคดีร่วมกับพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 ร่วมกับ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. และชุดสืบสวนบก.สส.บช.น.กก.สส.บก.น.5 สน.คลองตันและบก.ป.
      รายงานข่าวเปิดเผยว่า ชุดสืบสวนสอบ สวนได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในประเด็นหนี้สินการพนัน โดยสอบนางศุภนิดา หรือก้อย นรรัตน์ อายุ 48 ปี มาสอบปากคำเป็น รายแรก จากนั้นติดตามตัวนายสมชัย นิตยา หรือเล็ก ชุมพร เซียนพนัน สามีนางศุภนิดามาสอบเพื่อไขปมคดีที่ตั้งไว้เป็น 1 ใน 3 ของปมการสังหารว่าเป็นไปได้หรือไม่ จากการสอบปากคำทั้งคู่ขณะนี้ยังไม่พบพิรุธหรือข้อสงสัย รวมทั้งยังไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าทั้งคู่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนายสมยศ ชุดสืบสวนสอบสวนประสานพนักงานสอบ สวนสน.คลองตัน ให้สอบปากคำไว้เป็น หลักฐาน จากนั้นชุดสืบสวนจะตรวจสอบและจับผิดคำให้การดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ไม่ได้ควบคุมตัวไว้แต่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามดูพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด 
      รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า ล่าสุดชุดสืบ สวนบก.สส.บช.น. เชิญ พ.อ.ภาณุ จันทร์ศรี หรือเสธ.ณุ นายทหารบกนอกราชการ มา สอบปากคำอีกคนในประเด็นเรื่องเงินการพนัน จากการสอบสวนพ.อ.ภาณุให้ข้อมูลว่า นายสมยศเคยให้ไปทวงเงินจากกลุ่มของ นางก้อย โดยจะได้เงินค่าตอบแทนหากทวงเงินคืน มาได้ ซึ่งจากการสอบปากคำยังไม่พบประเด็นเกี่ยวข้องกับคดี
      นอกจากนี้ นางก้อยยอมรับว่าโทรศัพท์ติดต่อนางรัศมี สุธางค์กูร ภรรยานายสมยศ เพื่อขอยืมเงิน 2 แสนบาทจริง พร้อมกับยืนยันว่า ไม่รู้ว่านายสมยศจะเดินทางไปที่ร้านอาหารเฮงหูฉลาม สถานที่มือปืนบุกสังหาร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าวันเกิดเหตุนางก้อยไม่ได้ติดต่อกับนายเล็ก และทั้งนางก้อยและนายเล็กก็ไม่ได้ติดต่อกับนายสมยศในวันเกิดเหตุ
      ทั้งนี้ ชุดสืบสวนตรวจสอบเส้นทางคนร้ายก่อนลงมือสังหารพบว่า มือปืนมาดักรอนายสมยศตั้งแต่ช่วงห้าโมงเย็น ขณะนั้นนายสมยศยังตรวจร่างกายอยู่ที่ร.พ.หัวหมาก จากนั้นมากินหูฉลามที่ร้านเฮง เสร็จแล้วกำลังเดินขึ้นรถเบนซ์ก็ถูกคนร้ายวิ่งมาจ่อยิงเสียชีวิต จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางระหว่างร.พ.ถึงร้านอาหาร ไม่พบว่ามีรถจยย.หรือรถยนต์ต้องสงสัยติดตามเหยื่อก่อนลงมือ ชุดสืบสวนเชื่อว่าผู้วางแผนฆ่านายสมยศน่าจะเป็นบุคคลใกล้ชิด เพราะมือปืนดักรออยู่นานก็ต้องมั่นใจว่าเป้าหมายต้องมายังจุดสังหารอย่างแน่นอน 
       รายงานข่าวระบุด้วยว่า ตรวจสอบประกันชีวิตของนายสมยศ พบว่ามีวงเงินประกันแค่หลักแสนไม่ถึงล้านบาท ส่วนข้อมูลคนร้ายล่าสุดได้เบาะแสว่าหลบหนีหายไปบริเวณซอยรามคำแหง 24 แถวมหาวิทยาลัยเอแบค ทางชุดสืบสวนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด
       วันเดียวกันเวลา 13.30 น.ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบก.ป. พ.ต.อ. จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรมัย ผกก.4 บก.ป. และทีมสืบสวนบก.ป. ร่วมประชุมความคืบหน้าคดีสังหารนายสมยศ ภายหลังแบ่งงานหาพยานหลักฐาน
    พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ได้เข้าประชุมกับคณะทำงานที่บช.น. จนถึงขณะนี้รูปคดีเป็นไปตามที่พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ รองผบ.ตร. ระบุ โดยขีดวงให้แคบลง ยังมุ่งไปที่ 3 ประเด็นหลัก คือ ฆ่าหักล้างหนี้สินจากการเล่นพนัน, ความขัดแย้งเรื่องที่ดินย่านพระราม 9 และกรณีที่มีผู้เสียหายทราบเพียงว่าชื่อนางม้อ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ตั้งแต่ปี 2556 ให้ดำเนินคดีกับนายสมยศ โดยกล่าวหาว่านายสมยศอ้างว่าสามารถวิ่งเต้นล้มคดีได้ ซึ่งนางม้อได้จ่ายเงินให้ไป 15 ล้านบาท แต่กลับไม่เป็นไปตามที่อ้าง ส่วนประเด็นปลีกย่อยอื่นๆ นั้นขณะนี้ยังไม่พบ
       ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุ พ.ต.อ. อัคราเดชกล่าวว่า คงจะเร็วเกินไปที่จะระบุว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นมือปืนหรือไม่ หรือเป็นมือปืนสังกัดซุ้มใด เพราะต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้มีความชัดเจนมากกว่านี้
      ที่สน.คลองตัน เจ้าหน้าที่เชิญตัวนางรัศมี สุธางค์กูร อายุ 53 ปี ภรรยานายสมยศ และน.ส.ณัฐธิดา สุธางค์กูร อายุ 25 ปี ลูกสาวนายสมยศ มาสอบปากคำเพิ่มเติมเป็นวันที่สอง ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 7 ช.ม.
      นางรัศมี กล่าวว่า วันนี้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่โดยเดินทางมาตั้งแต่เวลา 09.00 น. ซึ่งได้มาให้ข้อมูลในประเด็นเดิมแต่ต้องลงรายละเอียดมากขึ้น เจ้าหน้าที่ซักถามข้อมูลแต่ละประเด็นอย่างละเอียดทุกประเด็น ทั้งประเด็นที่สามีถูกโกงพนัน ข้อพิพาทเรื่องที่ดิน โดยได้นำเอกสารต่างๆ มามอบให้เจ้าหน้าที่ อาทิ สมุดบัญชีธนาคาร โฉนดที่ดิน และกรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินประมาณ 600,000 บาท ตนได้ให้ข้อมูลเท่าที่ตนพอจะทราบ ไม่ได้รู้ว่าขัดแย้งกับคำให้การของใคร เพราะไม่ได้ติดตามสื่อเลย และยังคงมุ่งปมสังหารเรื่องกลุ่มบุคคลที่โกงพนัน และกรณีพิพาทที่ดิน
     ภรรยานายสมยศ กล่าวอีกว่า สำหรับนายสมชัย หรือเล็ก นิตยา สามีของนางก้อย ตนเคยเจอประมาณ 3-4 ครั้ง ตอนเล่นการพนัน ส่วนเสธ.ณุ ตนไม่เคยเจอ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น.ตนและลูกสาวจะไปให้ข้อมูลที่กองปราบปราม และช่วงบ่ายจะไปที่บช.น.
      ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลที่ได้จากครอบครัวและคนใกล้ชิดทราบว่า ตอนมีชีวิตอยู่นั้นนายสมยศเป็นคนละเอียดในทุกๆ เรื่อง และเป็นคนที่มีความเป็นระเบียบอย่างมาก จะไม่อนุญาตให้ภรรยาหรือลูกเข้าไปภายในห้องทำงาน หรือยุ่งวุ่นวายกับเรื่อง ส่วนตัว นอกจากนี้ยัง เป็นคนที่วางแผนการใช้จ่ายอย่างละเอียดรอบคอบ มีเพียงนางศุภนิดา หรือก้อย นรรัตน์ หญิงสาว คนสนิทที่มีกุญแจเข้าออกห้องทำงานและที่บ้านของนายสมยศ
      รายงานข่าวเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ชุดคลี่คลายคดีเชิญตัวน.ส.มุกรินทร์ หรือเรียม นิตยา อายุ 45 ปี น้องสาวนายสมชัย หรือเล็ก มาสอบปากคำ ภายหลังพบข้อมูลเชื่อมโยงประเด็นร่วมกับนายเล็ก และนางก้อยลวงนายสมยศไปเล่นไพ่เก้าเก แล้วโกงเงินจำนวน 3-4 ล้านบาท ซึ่งน.ส.มุกรินทร์ให้การสอดคล้องกับนายเล็ก พี่ชาย และนางก้อย อดีตพี่สะใภ้ ซึ่งทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์มีแนวทางเดียวกัน โดยต่างก็เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ตาย แต่ไม่ได้คิดที่จะร่วมกันฆาตกรรม อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งสามอย่างละเอียดอีกครั้ง
       ชุดคลี่คลายคดียังพบข้อมูลสำคัญอีกว่า ระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา ผู้ตายซึ่งเปิดสำนักงานทนายความ รับจ้างวิ่งเต้นสู้คดีให้ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อให้หลุดแต่ไม่สำเร็จถึง 3 คดี โดยคดีแรกรับเงินมา 15 ล้านบาท คดีที่สองวงเงิน 11 ล้านบาท โดยรับเงินมาแล้วแต่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ และคดีสุดท้ายรับเงินมา 25 ล้านบาท แต่ก็ วิ่งเต้นไม่สำเร็จเช่นกัน ซึ่งชุดคลี่คลายคดี กำลังขยายรายละเอียดของประเด็นนี้เพราะอาจเป็นอีกหนึ่งมูลเหตุของการสังหารนายสมยศ
       รายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดีเปิดเผยเพิ่มเติมว่า หลังจากสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องหลายปาก และรวบรวมพยานหลักฐานๆ ที่หลั่งไหลเข้ามามากขึ้น เจ้าหน้าที่พบว่านายสมยศมีเรื่องราวปัญหาต่างๆ มากมายหลายเรื่อง โดยเฉพาะข้อมูลใหม่ที่ได้มาคือการรับงานวิ่งเต้นคดี ปรากฏว่านอกจาก 3 คดีที่นายสมยศรับเงินมาแล้วรวม 51 ล้านบาท แล้วทำงานไม่สำเร็จจนคนจ้างไม่พอใจ ยังมีการรับงานลักษณะนี้อีกหลายคดี 
      ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมานายสมยศเดินทางไปร่วมงานที่จ.กาญจนบุรี ขากลับระหว่างเดินทางด้วยรถยนต์ถูกลอบยิงแต่นายสมยศไม่ได้รับอันตรายร้ายแรง จากนั้นนายสมยศก็เก็บตัวมาตลอดเพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกปองร้าย
       อย่างไรก็ตาม ชุดคลี่คลายคดียังให้น้ำหนักไปยังความขัดแย้งกับคนใกล้ชิด เนื่องจากพบประเด็นและข้อสังเกตหลายอย่าง ตั้งแต่การที่มือปืนไปรอนายสมยศที่ร้านหูฉลามที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงบ่าย ก่อนจะลงมือในช่วงประมาณ 4 ทุ่ม แม้ร้านดังกล่าวจะเป็นร้านประจำของนายสมยศ แต่อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่เมืองหลวงไปกินหูฉลามที่ร้านดังกล่าวครั้งล่าสุดเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ดังนั้นจึงสันนิษฐานไว้เป็นประเด็นเพื่อคลี่คลายคดีว่า มือปืนจะต้องได้ข้อมูลจากคนใกล้ชิดของนายสมยศ จนมั่นใจว่าวันดังกล่าวนายสมยศจะต้องมากินหูฉลามที่ร้านนี้แน่นอน จึงเตรียมมาลงมือก่อเหตุตั้งแต่ช่วงบ่าย และรออย่างใจเย็นและเปิดเผยตัวตนกระทั่งมีคนในร้านหูฉลามเห็นตัวและได้พูดคุยด้วยหลายคน เจ้าหน้าที่จึงมุ่งน้ำหนักไปยังคนใกล้ชิดของนายสมยศ โดยกำลังขยายผลอย่างรอบคอบรัดกุมเพื่อให้ได้พยานหลักฐานมามัดตัวไม่ให้ดิ้นหลุด