ดัชนี เชื่อมั่นอุตฯเดือนพ.ค.ร่วงส.อ.ท.มึนหนี้ท่วมฉุดผลิตยานยนต์หด
ไทยโพสต์ : ศูนย์ฯ สิริกิติ์ * ส.อ.ท.เผยดัชนีอุตฯ พ.ค.2558 ลดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ชี้ภาวะภัยแล้งกระทบการบริโภคและการผลิตภาคเกษตร ขณะภาคผลิตรถยนต์ติดลบครั้งแรกรอบ 5 เดือน เหตุสถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยกู้รถ หนี้ครัวเรือนสูงถึง 80% ของจีดีพี
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประ เทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทย เดือน พ.ค.2558 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 85.4 เทียบกับเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีค่าดัชนี 86.2 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากเกิดความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับปัญหาภัยแล้งที่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศ โดยเฉพาะภาคเกษตร รวมถึงภาวะการแข่งขันและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังกังวลต่อการที่สหภาพยุโรป (อียู) ให้ใบเหลืองไทย กรณีการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าประมงและอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินบาทถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการส่งออก ช่วยให้การส่งออกสินค้าไทยสามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้
สำหรับความเชื่อมั่นใน 3 เดือนข้างหน้านั้น คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 100.9 ลดลงจากระดับ 102.1 ในเดือน เม.ย.2558 เพราะยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจใน ประเทศ ซึ่งต้นเดือน ก.ค.2558 ทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จะประชุมเพื่อสรุปประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศ (จีดีพี) และการส่งออกของไทยอีกครั้ง
"ภัยแล้งยังเป็นปัญหาที่ น่าเป็นห่วง เนื่องจากส่งผล กระทบต่อการผลิตภาคเกษตรกรรมและการบริโภคภายในประเทศ ดังนั้นรัฐบาลควรต้อง รีบแก้ไขโดยเร็ว ส่วนปัญหาท่องเที่ยวเชื่อว่าจะไม่ได้รับผล กระทบจากโรคไวรัสเมอร์ส เพราะไทยมีการดูแลและดำ เนินการชัดเจนไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดได้"นายสุพันธุ์กล่าว
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒน พงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวว่า ยอดผลิตรถยนต์ใน เดือน พ.ค.2558 มีทั้งสิ้น 135,045 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2557 เป็นสัด ส่วน 8.76% เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศลดลง ประกอบกับเป็นช่วงของการเปลี่ยนรุ่นรถกระบะของรถยี่ห้อหนึ่งทำให้เกิดการชะลอซื้อ นอกจากนี้ยังมีผลมาจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ของสถาบันการเงิน เนื่องจากพบว่าปัจจุบันหนี้ครัวเรือนสูงถึง 80% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
"ยอดผลิตที่ลดลงถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ซึ่งลดต่ำใกล้เคียงกับช่วงเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเชื่อว่าในเดือน มิ.ย.2558 ยอดผลิตรถจะกลับมาเพิ่มขึ้นได้หลังจากผ่านพ้นช่วงการเปลี่ยนรุ่นรถกระบะไปแล้ว พร้อมกันนี้ ส.อ.ท.จะพิจารณาเป้าหมายการส่งออกรถยนต์ในปี 2558 นี้ใหม่ในเดือน ก.ค.2558 โดยปัจจุบันยังคงตัวเลขส่งออกไว้ที่ 1.2 ล้านคัน จากปัจจุบันผลิตเพื่อส่งออกได้รวม 495,633 คัน.
ส.อ.ท.เบรครัฐบาลปรับขึ้น'ค่าแรง' หนุนใช้ดุลยพินิจรายจังหวัด
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกรณีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำควรปรับขึ้นเป็นรายจังหวัดภายใต้ดุลยพินิจของคณะกรรมการไตรภาคีในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ไม่ควรปรับขึ้นพร้อมกันทั้งประเทศ เนื่องจากจะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบ และหากจะใช้วิธีการลอยตัวค่าแรงก็ไม่ควรต่ำกว่า 300 บาทต่อวัน ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการเรื่อง "แนวทางการกำหนดอัตราค่าจ้างปี 2559" ของ ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาตร์ หรือ นิด้า พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 61.32 ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เนื่องจากทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่ประสิทธิภาพของแรงงานเท่าเดิม จึงมองว่า ควรคงอัตราค่าจ้างไว้ที่ 300 บาท หรือปรับขึ้นแบบลอยตัวตามความสมัครใจของผู้ประกอบการ โดยรัฐบาลควรชะลอการปรับขึ้นค่าแรงไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค
ดัชนีภาคอุตฯพ.ค.ต่ำสุดรอบ 1 ปี ชี้ส่งออกชะลอตัวตามศก.โลก
แนวหน้า : นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือนพฤษภาคม 58 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ อยู่ที่ระดับ 85.4โดยเป็นการปรับลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันและเป็นค่าดัชนีฯ ที่ต่ำสุดในรอบ 1 ปีนับตั้งแต่ พ.ค. 57 ที่ค่าดัชนีอยู่ที่ 85.1 ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าดัชนีฯ ให้ลดต่ำลงเนื่องจากความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลกระทบต่อภาวะการส่งออกชะลอตัว และปัญหาภัยแล้งที่จะกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศ รวมถึงกังวลต่อการที่สหภาพยโรป (EU)ให้ใบเหลืองไทยกรณีการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฏหมาย(IUU) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าประมงและอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป สำหรับการอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการส่งออกช่วยให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเห็นว่าบทบาทของภาครัฐจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาวะที่กำลังซื้อชะลอตัว ขณะเดียวกันโครงสร้างการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ในปัจจุบันไม่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในต่างประเทศ ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการปรับปรุงเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิต การพัฒนาฝีมือแรงงาน จะช่วยขยายโอกาสทางการตลาด และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาว
ส่วน ดัชนีความเชื่อมั่นจำแนกตามขนาดของของกิจการ ในเดือนพฤษภาคม 58 จากการสำรวจพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของอุตสาหกรรมขนาดย่อม และขนาดกลาง ปรับตัวลดลงจากเดือนเมษายน ขณะที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจำแนกตามการส่งออก แบ่งออก พบว่า ในเดือนพฤษภาคม 58 มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ กลุ่มที่เน้นตลาดในประเทศ ปรับตัวลดลงจากเดือนเมษายน ขณะที่กลุ่มที่เน้นตลาดต่างประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากในเดือนเมษายน
ขณะที่ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 100.9 ลดลงจากระดับ 102.1 ในเดือนเมษายน โดยพบว่า 3 เดือนข้างหน้า เอกชนมีความวิตกปัจจัยผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ระดับราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ที่เพิ่มขึ้น มีเพียงปัจจัยผลกระทบจากการเมืองในประเทศ และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความกังวลน้อยลง ดังนั้นผู้ประกอบการจึงเสนอต่อภาครัฐให้มีการส่งเสริมโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เพื่อจูงใจให้เข้าระบบภาษีและขยายฐานภาษีให้แก่ประเทศ สนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในการผลิตที่มีประสิทธิภาพเพื่อทดแทนการขาดแคลนแรงงาน รวมถึงหามาตรการเร่งพัฒนามาตรฐานสินค้าไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาด เป็นต้น