หวั่นส่งออกปีนี้หลุดเป้ากกร.ถกแบงก์ชาติดูแลค่าเงินบาท-ศก.โลก 11 ก.พ.นี้
บ้านเมือง : นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมเดือนแรกปี 2558 ว่า กกร.มีความเป็นห่วงความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งขันทางการค้าในตลาดโลก หากสถานการณ์ยังไม่ได้รับการแก้ไขอาจส่งผลให้การส่งออกของไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าปีนี้จะขยายตัวประมาณ 3.5-4%
ทั้งนี้ กกร.เตรียมจะไปหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ เพื่อขอให้จัดหามาตรการดูแลค่าเงินบาทที่เหมาะสม เพราะที่ประชุม กกร. คาดว่าแม้ภาพรวมการส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้ 3.5-4% ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตขึ้น แต่ยังกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวนโดยเฉพาะกรณีที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศใช้มาตรการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก จากปัจจุบันที่แข็งค่าเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอยู่แล้ว หากเป็นเช่นนั้น อาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลง เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้านั้น ก็เป็นปัจจัยลบอีกประการที่กระทบความเชื่อมั่นของเอกชน โดยในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา เบิกจ่ายได้เพียง 17,000 ล้านบาท ลดลงจากเป้าที่ตั้งไว้ถึง 8.4% ซึ่ง กกร. จะตั้งคณะกรรมการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดส่วนภาคการท่องเที่ยวในปีนี้ ยังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน
โดยที่ประชุมยังเตรียมนำเสนอ 5 ประเด็นสำคัญ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ได้แก่
มาตรการขับเคลื่อนเอสเอ็มอีระยะเร่งด่วน ที่จะเสนอให้ลดอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้เอสเอ็มอีทุกขนาด ที่จัดตั้งโดยบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยและถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่ง อาทิ เอสเอ็มอีที่มีรายได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท ให้จัดเก็บภาษีในอัตราไม่เกิน 5%, จัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูประบบราง, ส่งเสริมการใช้สินค้าของประเทศไทย, พิจารณาจัดสรรการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนประเภทที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ และการยกเลิกจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศทุกประเภท
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันที่ 11 ก.พ.นี้ หอการค้าไทยจะเข้าพบธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อชี้แจงผลกระทบจากปัญหาเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง พร้อมขอให้ ธปท.ช่วยพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือ โดยภาคเอกชนอยากเห็นเงินบาทอยู่ในระดับที่ช่วยให้สินค้าส่งออกของประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยจะขอให้ ธปท.พิจารณาค่าเงินบาทเปรียบเทียบรายกลุ่มประเทศคู่ค้า เพราะ ธปท.เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ขณะที่ภาคเอกชนไม่มีข้อมูลลึกเท่ากับ ธปท.
ด้านการท่องเที่ยวของไทยนั้น จะต้องติดตามสถานการณ์ในช่วง 1-2 เดือนนับจากนี้ไป เพราะนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเคยมียอดรวมประมาณปีละ 1.6 ล้านคน อาจจะลดลงเหลือ 1.1-1.2 ล้านคนหรือไม่ ทั้งนี้ เป็นผลกระทบจากเงินรูเบิลที่อ่อนค่าลงและช่วงนี้ยังไม่นิ่ง เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงเริ่มปรับขึ้นบ้างแล้ว นักท่องเที่ยวจากยุโรปอาจลดลง แต่การที่เงินจีนยังแข็งค่าส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนยังคงเพิ่มขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านพบว่าเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นลักษณะทัวร์สุขภาพ
ส่วนการท่องเที่ยวของคนไทยเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลจากการเข้าใช้บริการสถานีบริการน้ำมัน พบว่าในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า โดยจังหวัดสกลนครนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ขณะที่บางจังหวัดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว ซึ่งเป็นผลจากการจัดกิจกรรมของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า นักท่องเที่ยวยังคงเข้ามามาก แต่ที่กังวลมาก คือ ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก นอกจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง จึงยังต้องเตรียมตัว เพราะการค้าจะลำบาก เรื่องนี้จะต้องได้รับการดูแล ล่าสุดผลจากการที่ธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบี เริ่มทำคิวอีส่งผลทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันเริ่มปรับขึ้นและระยะต่อไปต้องเผชิญกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแต่อาจเป็นปลายปีนี้ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนและเป็นประเด็นที่สำคัญมากสำหรับการค้าในสภาวะที่ผันผวน
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เพื่อชี้แจงกรณีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ม.ค.58 ที่ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน โดยระบุว่านับตั้งแต่ไตรมาส 4/57 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอุปทานในตลาดโลกเพิ่มขึ้นมาก และท่าทีของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่ไม่ลดกำลังการผลิต ในขณะที่อุปสงค์ในตลาดโลกยังขยายตัวช้า ซึ่งการลดลงของราคาน้ำมันดิบได้ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศและอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน