นักธุรกิจเข็ดม็อบ วอนอย่าป่วนอีก ให้ทุกฝ่ายรับมติ สนช.ถอดถอนปู
แนวหน้า : นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) แสดงความเห็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งปล่อยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ว่าอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับกติกาผลการตัดสินที่ออกมา เพื่อแสดงความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ ว่าการเมืองของไทยมีเสถียรภาพอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการเคลื่อนไหว จนส่งผลกรระทบต่อเนื่องทำให้เกิดการชุมชน ประท้วงปิดถนน จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ สุดท้ายจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมทันที
“มติที่ออกมาถ้าใครไม่เห็นด้วย แล้วออกมาเพียงแค่แสดงความคิดเห็น ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลของการแสดงความคิดเห็น แต่ถ้านำมาซึ่งการประท้วงปิดถนน สร้างความวุ่นวาย จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแน่นอน ซึ่งขณะนี้ภาคเอกชนต่างๆ เพิ่งได้กลับมาลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่องไม่นาน หลังจากช่วงต้นปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน รอดูสถานการณ์ ถ้ามีปัญหาความวุ่นวายอีก จะยิ่งส่งผลกระทบไปกันใหญ่ ในมุมกลับกันถ้าทุกฝ่าย ยอมรับ จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนอย่างมากแน่นอน เพราะเป็นตัวสะท้อนว่า การเมืองไทยมีมีเสถียรภาพอย่างแท้จริง” นายสุพันธุ์กล่าว
ส่วนผลกระทบทางด้านการลงทุน ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากต้องรอพิจารณาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ จะมีความรุนแรงหรือไม่ ถ้าสถานการณ์ปกติ เชื่อว่า นักลงทุนจะลงทุนอย่างต่อเนื่องแน่นอน แต่ถ้าเกิดสถานการณ์รุนแรง นักลงทุนจะกลับมาชะลอการลงทุนอีกครั้งแน่นอน
ด้าน นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ยืนยันว่าไม่น่ากังวลและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจของภาคเอกชนลดลง
“สถานการณ์ทางด้านการเมือง โดยปกติย่อมมีคลื่นใต้น้ำและคลื่นบนน้ำ ซึ่งหากไม่เกิดสึนามิขึ้นเชื่อว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน และการตัดสินคดีความทางการเมืองไม่ว่าในกรณีใดๆ หากตัดสิน ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม เป็นสิ่งที่ต้องเกิดความพอใจและไม่พอใจซึ่งเป็นเรื่องปกติ ส่วนผลกระทบที่จะตามมาจะมากหรือน้อยก็ต้องยอมรับ ซึ่งมองว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่สามารถจะเดินไป ข้างหน้าได้” นายบัณฑูร กล่าว