สอท.ผวาเงินบาทแข็ง วอนธปท.ดูแลก่อนเสียเปรียบคู่แข่ง
แนวหน้า : นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกกำลังติดตามสถานการณ์ค่าเงินในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ภายหลังจากที่กรณีที่ธนาคารกลางสวิส (SNB) ได้ยกเลิกการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนของเงินฟรังก์สวิส (CHF) กับค่าเงินยูโร (EUR) โดยไม่ให้แข็งไปกว่า 1.20 ฟรังก์สวิส ต่อ 1 ยูโร ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินบาทผันผวนและแข็งค่าขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นจึงต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ดูแลให้ค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเกินไปและสอดคล้องกับภูมิภาค
“ผู้ส่งออกเองควรจะต้องทำประกันความเสี่ยงเพื่อป้องกันค่าเงินบาทผันผวน ซึ่งขณะนี้ค่าเงินบาทที่เคลื่อนไหวอยู่ระดับ 32-33 ก็ยังพอทนได้อยู่แต่หลังจากที่ธนาคารกลางสวิสลอยตัวเงินฟรังก์ก็เกรงว่าสหภาพยุโรปจะออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือคิวอีจะทำให้เงินไหลเข้าภูมิภาคมากขึ้นยิ่งกดดันให้เงินบาทไทยผันผวนและแข็งค่าเพิ่มอีกจากที่ขณะนี้เริ่มแข็งค่าบ้างแล้ว” นายวัลลภกล่าว
ปัจจุบันแม้ว่าค่าเงินบาทของไทยจะสอดคล้องกับภูมิภาคแต่ก็พบว่ายังคงแข็งค่าเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญโดยเฉพาะเวียดนามที่มีการประกาศลดค่าเงินด่องลงทำให้ผู้ส่งออกไทยเสียเปรียบด้านความสามารถทางการแข่งขัน โดยสถานการณ์ทางการเงินของโลกที่เกิดขึ้นภายในไตรมาสแรกคงจะเห็นทิศทางที่ชัดเจนว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกไทยมากน้อยเพียงใดแต่หากมองในขณะนี้การส่งออกไทยคงจะมีอัตราการเติบโตไม่ถึง 3% จากปีก่อนแต่หากบาทแข็งค่ามากขึ้นในอนาคตก็คงจะลดต่ำกว่านี้ได้
นายวีระศักดิ์ เลอวิศิษฐ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับสอท.ยอมรับว่การลอยตัวค่าเงินฟรังก์มีผลกระทบต่อการส่งออกอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในส่วนของตลาดยุโรปแต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะมากน้อยเพียงใด แต่ก็ยังหวังตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักจะฟื้นตัว รวมถึงตลาดเพื่อนบ้านที่ไทยกำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียนหรือ AEC
“ปี 2557 อุตสาหกรรมนี้แทบไม่โตเลยเรามองว่าปีนี้น่าจะโตได้ 5% จากปีก่อนแม้ว่าภาพรวมค่าเงินอาจผันผวนบ้างแต่เราก็หวังตลาดโดยเฉพาะสหรัฐจะขยายตัว และอยากเห็นรัฐบาลเร่งส่งเสริมการหาตลาดใหม่ๆ รองรับโดยเฉพาะกลุ่มประเทศบริคส์’ (BRICS countries) ที่ประกอบด้วย บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ หากเปิดตลาดนี้ได้จะดีมาก” นายวีระศักดิ์กล่าว