ส.อ.ท. เผย ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. 57 อยู่ที่ 89.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 87.5 จี้รัฐเลิกกฏอัยการศึกกระตุ้นท่องเที่ยว
ส.อ.ท. เผย ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. 57 อยู่ที่ 89.7 เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค.57 อยู่ที่ 87.5 จี้ รัฐเลิกกฏอัยการศึกเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว พร้อมแนะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2557 อยู่ที่ระดับ 89.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 87.5 ในเดือนตุลาคม โดยค่าดัชนีฯที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า มีปัจจัยบวกจาก ยอดขายในประเทศที่เพ่มขึ้นใจหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงปลายปี
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการส่งออกที่เป็นกลุ่มตัวอย่างให้ข้อมูลว่าการส่งออไปยังประเทศคู่ค้ามีทิศทางดีขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง นอกจากนี้ผู้ประกอบการเห็นว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่อนคลายลง จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม แม้ระดับความเชื่อมั่นจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ผู้ประกอบการ SMEA ยังมีความกังวลต่อสภาพคล่องทางการเงิน การขาดแคลนวัตถุดิบและความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
สำหรับ ดัชนีความเขื่อมั่นฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 106.1 เพิ่มขึ้น 105.6 ในเดือนตุลาคม โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น เกิดจากองต์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ
ด้านผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นฯ รายภูมิภาค ประจำเดือนพฤศจิกายน จากการสำรวจพบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯของทุกภาคปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม
ภาคกลาง พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2557 อยู่ที่ระดับ 90.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 87.7 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯที่เพิ่มขึ้นในเดือนนี้ ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ อุตสาหกรรมในภาคกลางที่ส่งผลด้านบวกต่อค่าดัชนีฯ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร (สินค้าประเภทไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ทูน่ากระป๋อง ผักและผลไม้ จากตลาดยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง รวมทั้งอาหารสำเร็จรูปในประเทศมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น) อุตสาหกรรมยานยนต์ (มียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น จากการจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายช่วงปลายปี รวมทั้งการส่งออกรถยนต์ไปยังตลาดเอเชียแปซิฟิก เพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น) อุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม (สินค้าประเภทโทรทัศน์ และกล่องทีวีดิจิตอล มียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น จากโครงการคูปองทีวีดิจิตอลของภาครัฐ สินค้าประเภทอุปกรณ์สื่อสาร Smart Phone และ Tablet มียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น จากงาน commart ขณะที่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า มียอดการส่งออกไปยังตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง เพิ่มขึ้น) ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 105.9 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 105.8 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯที่เพิ่มขึ้นในเดือนนี้ ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ
ภาคเหนือ มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2557 อยู่ที่ระดับ 90.1 เพิ่มขึ้นจากระดับ 89.7ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯที่ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ อุตสาหกรรมในภาคเหนือที่ส่งผลด้านบวกต่อค่าดัชนีฯ ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ (ประเภทผ้าผืน ผ้าลูกไม้ มียอดการส่งออกไปประเทศสหรัฐฯ และยุโรปเพิ่มขึ้น รวมทั้งสินค้าประเภทเส้นด้ายและผ้าลาย มียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น) สินค้าประเภทของชำร่วย งานหัตถกรรม (มียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น จากฤดูกาลท่องเที่ยว และมียอดส่งออกไปตลาดอาเซียน ญี่ปุ่น และยุโรปเพิ่มขึ้นเนื่องจากใกล้เทศกาลปีใหม่ จึงส่งผลให้ปริมาณการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น) อุตสาหกรรมเซรามิก (ผลิตภัณฑ์ประเภทภาชนะเซรามิก มียอดคำสั่งซื้อจากประเทศดูไบ ญี่ปุ่นและยุโรปเพิ่มขึ้น) ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 107.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 106.8 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2557 อยู่ที่ระดับ 89.6จากระดับ 88.8 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯที่ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบและผลประกอบการ อุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ส่งผลด้านบวกต่อค่าดัชนีฯ ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมน้ำตาล (เนื่องจากอยู่ในฤดูกาลหีบอ้อย ขณะเดียวกันยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น จากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม) อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์กระดาษ (สินค้าประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ โบรชัวร์ แคตตาล็อก วารสาร มียอดคำสั่งซื้อในประเทศเพิ่มขึ้น รวมทั้งการส่งออกกล่องกระดาษลูกฟูกไปประเทศ ญี่ปุ่นและจีน เพิ่มขึ้น) ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 106.2 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 106.0 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
ภาคตะวันออก มีดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2557 อยู่ที่ 98.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 97.7 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯที่ปรับเพิ่มขึ้นได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ อุตสาหกรรมในภาคตะวันออกที่ส่งผลด้านบวกต่อค่าดัชนีฯ ได้แก่อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (มียอดขายเครื่องปรับอากาศในประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงสิ้นปีผู้ประกอบการมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย นอกจากนั้นประเภทคอมเพรสเซอร์ เครื่องทำความเย็น มียอดส่งออกไปตลาดญี่ปุ่น ยุโรปและตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น) อุตสาหกรรมเคมี (ผลิตภัณฑ์เพื่อความสะอาด น้ำยาฆ่าเชื้อโรค รวมทั้งเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกและปิโตรเคมี มียอดขายเพิ่มขึ้น) อุตสาหกรรม อัญมณีและเครื่องประดับ (สินค้าประเภทเครื่องประดับเงินและเพชรมียอดการส่งออกเพิ่มขึ้น จากตลาดตะวันออกกลาง และเยอรมนี อัญมณีประเภทพลอย ทับทิม มียอดคำสั่งซื้อจากประเทศรัสเซีย ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น) ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 108.9 เพิ่มขึ้นจาก 105.9 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ
ด้าน ภาคใต้ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ พฤศจิกายน 2557 อยู่ที่ระดับ 78.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 76.0 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ อุตสาหกรรมในภาคใต้ที่ส่งผลด้านบวกต่อค่าดัชนีฯ ได้แก่ อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (ยอดขายน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ และส่งออกไปยังตลาดในอินเดียและบังคลาเทศ เพิ่มขึ้น) อุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป (ส่งออกปลาทูน่ากระป๋อง ปลาหมึก และกุ้งแช่แข็งไปยังตลาดยุโรปและสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น) อุตสาหกรรมโรงเลื่อยและโรงอบไม้ (มีคำสั่งซื้อไม้แปรรูปจากโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ในประเทศเพิ่มขึ้น) ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 103.2 ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 103.8 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
สำหรับ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจำแนกตามการส่งออก (ดัชนีความเชื่อมั่นฯ จำแนกตามร้อยละของการส่งออกต่อยอดขาย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เน้นตลาดในประเทศกับกลุ่มที่เน้นตลาดต่างประเทศ) โดยจากการสำรวจพบว่า ในเดือนพฤศจิกายน จากการสำรวจพบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ กลุ่มที่เน้นตลาดในประเทศและกลุ่มที่เน้นตลาดต่างประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากในเดือนตุลาคม
กลุ่มที่มีการส่งออกน้อยกว่าร้อยละ 50 ของยอดขาย (เน้นตลาดในประเทศ) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ระดับ 88.3 ปรับตัวเพิ่มจาก 85.9 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ สำหรับอุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ที่ค่าดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมรองเท้า อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 105.4 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 105.1 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯ คาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
กลุ่มที่มีการส่งออกตั้งแต่ร้อยละ 50 ของยอดขายขึ้นไป (เน้นตลาดในต่างประเทศ) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 96.5 เพิ่มขึ้นจากระดับ 95.0 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการสำหรับอุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ที่ค่าดัชนีฯเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเลคทรอนิกส์และโทรคมนาคมอุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 109.6 เพิ่มขึ้นจากระดับ 108.4 ในเดือนตุลาคม องค์ประกอบดัชนีฯคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ
เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2557 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน และสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ อยู่ในระดับทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ส.อ.ท.ได้เสนอแนะภาครัฐ ว่า ต้องการให้ภาครัฐยกเลิกกฎอัยการศึก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและนักท่องเที่ยว และจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ต้องการให้ภาครัฐจัดตั้งศูนย์ติดตามมาตรการกีดกันทางการค้า เพื่อแก้ปัญหาทางการค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ และควบคึมการนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ มอก. เช่น เหล็ก อาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและช่วยเหลือผู้ผลิตในประเทศ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย