กกร.ติงขึ้น VAT ฉุดกำลังซื้อในประเทศดิ่งเพราะศก.ยังไม่ฟื้น-เบิกจ่ายงบ-ลงทุนภาครัฐไม่คืบ
แนวหน้า : ฉุดกำลังซื้อในประเทศดิ่งเพราะศก.ยังไม่ฟื้น-เบิกจ่ายงบ-ลงทุนภาครัฐไม่คืบ กกร.ติงขึ้น VAT ซ้ำเติมศก.
กกร.หั่นเป้าจีดีพีปี’58 เหลือ 3.5-4 % ส่งออกโต 3.5% ต่ำกว่าประมาณการครั้งแรก เหตุเศรษฐกิจโลกทรุดต่อ ซ้ำการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐ ก็ช้ากว่าที่คาดไว้ เตือนรัฐบาลไม่ควรรีบปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มตอนนี้ เพราะจะทำให้กำลังซื้อในประเทศหดลงไปอีก จากปัจจุบันที่แย่อยู่แล้ว ชี้จีดีพีโตถึง 4% แล้วค่อยมาว่ากัน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือถึงภาวะเศรษฐกิจในปี 2557 พบว่า สถานการณ์การส่งออกในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า 3.9% และในเดือนพฤศจิกายนคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น แต่ทั้งนี้ในเดือนธันวาคมมีโอกาสติดลบได้หลังจาก สหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐอเมริกาจะเริ่มหยุดทำธุรกรรม ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกในปีนี้อาจไม่เติบโตและมีโอกาสติดลบ 0.2%
ขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1% หรือบวกลบ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการส่งออก รวมทั้งการใช้จ่ายของโครงการรัฐไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อาทิ เงินอุดหนุนเกษตรกรโดยตรง การจ่ายเงินข้าวมีความคืบหน้าเพียง 30–40% การจ่ายเงินยางคืบหน้าเพียง 10% โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายผลักดันให้การจ่ายเงินอุดหนุนเกษตรกรคืบหน้าถึง 90% ในเดือนนี้ ซึ่งต้องติดตามผลการดำเนินงานอีกครั้ง
สำหรับ ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2558 ที่ประชุมกกร.คาดการณ์จีดีพีจะเติบโต 3.5-4% ปรับลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 4–4.5% โดยประเมินจากแนวทางการลงทุนของภาครัฐที่คาดว่ายังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน แต่ทั้งนี้หากมีนโยบายการลงทุนที่เพิ่มขึ้นและการท่องเที่ยวสามารถกลับมาเติบโตได้ในช่วง ไตรมาส 1 และ 2 ของปี’58 จากเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถช่วยผลักดันจีดีพีให้กลับไปมากกว่า 4% ได้
ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.5% เนื่องจากได้รับปัจจัยจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลัก กลับมาเติบโตได้ รวมทั้งการค้าชายแดน CLMV จะเติบโตได้ถึง 7-8%
รวมทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่เริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามเศรษฐกิจของจีนที่ล่าสุดเริ่มมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่มีการคงอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ปี 2555 รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ที่ต้องลุ้นการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
นอกจากนี้ ที่ประชุมกกร.มีมติเห็นชอบให้มีการผลักดันการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ (เฮด ควอเตอร์) ของนักลงทุนต่างชาติในไทยเพิ่มขึ้น โดยกกร.จะหารือกับสภาธุรกิจต่างประเทศในการกำหนดแนวทางร่วมกันเพื่อเสนอรัฐบาลออกนโยบายดังกล่าวต่อไป โดยการจัดตั้งเฮด ควอเตอร์ในไทย มีความจำเป็น เพราะนอกจากกระตุ้นการลงทุนโดยตรงแล้ว ยังทำให้เกิดการลงทุนต่อเนื่อง การท่องเที่ยว การจัดประชุมสัมมนาของนักลงทุนต่างชาติ เพิ่มขึ้น และที่ประชุมกกร.ได้เห็นชอบให้มีการนำเสนอการแก้กฎหมายที่เอื้อต่อการค้าการลงทุนของประเทศ โดยจะนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป
พร้อมกันนี้ ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคม จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยที่ประชุมจะนำเสนอมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอี การสนับสนุนเรื่องสภาพคล่อง การสนับสนุนให้ภาครัฐใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือเอสเอ็มอีจะมีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในเร็วนี้ก่อนที่จะมีการประชุมกรอ.
ส่วนกรณีนโยบายการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 8% ของกระทรวงการคลัง นั้น กกร.เห็นว่าควรให้ฐานเศรษฐกิจของประเทศแข็งแรง และมีจีดีพีเติบโต 4% ขึ้นไป แต่หากจีดีพียังอยู่ในระดับ 1-2% เช่นปัจจุบัน ก็อาจไม่เหมาะสม โดยเชื่อว่า รัฐบาลอาจโยนหินถามทาง หากเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นอาจไม่มีการปรับ
ด้านนายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม รัฐบาลจะต้องดูปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะกำลังซื้อของประชาชน และปัญหาภาวะหนี้ครัวเรือน ทั้งนี้มองว่ารัฐบาลอาจกำหนดกรอบในการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องสอดคล้องกับการปรับลดภาษีรายได้ เพราะเป็นแนวทางการจัดเก็บที่เหมาะสม
นายบุญทักษ์ กล่าวด้วยว่า เป็นห่วงเรื่อง ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ …) พ.ศ…. เพราะห่วงเรื่องการค้ำประกัน ของภาคเอกชนที่กู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ ว่าจะกู้ได้ยากลำบากมากขึ้น กระทบภาคธุรกิจโดยรวม ในขณะที่ธนาคารภาครัฐยังมีการค้ำประกันจากรัฐบาลได้ จึงน่าเป็นห่วง
ด้านนายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นด้วยกับกระทรวงการคลังในการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากขณะนี้กำลังซื้อของประชาชนอยู่ในระดับต่ำ
กกร.ติงคลังขึ้น VAT ฉุดกำลังซื้อหวังรัฐเร่งลงทุนหนุนศก.โต กสทช.ชงดึงเงิน 4Gรวมจีดีพี
ไทยโพสต์ * กกร.ติงขุนคลังหลุดปากจะขึ้น VAT ชี้ฉุดกำลังซื้อลงแน่ เหตุผู้บริโภคยังมีหนี้ครัวเรือนสูง หวังปีหน้ารัฐเร่งลงทุน หนุนเศรษฐกิจโต 4% ด้าน กสทช.ถกแบงก์ชาติ แนะดึงเงิน 4G กว่า 3 แสนล้านบาท เข้าคำนวณจีดีพี
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประ ธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประ เทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ถึงกรณีที่ นายสมหมาย ภาษี รมว.การคลัง ระบุว่าจะมีการปรับขึ้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในปี 2558 ว่า การจะปรับขึ้น VAT นั้น มองว่าต้องรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศว่าจะ มีอัตราการเติบโตมากน้อยเพียง ใด เพราะถ้าเศรษฐกิจยังคงเติบโตแบบชะลอตัว หรือทรงตัวอยู่ ก็ยังไม่สมควรปรับเพิ่ม VAT ถ้าเพิ่มจะเป็นการเพิ่มภาระ ให้กับประชาชน และปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคค่อนข้างอ่อนแอ และคาดว่าจะชะลอตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงอยู่
นอกจากนี้ ที่ประชุม กกร. ยังมีความเป็นห่วงเรื่องร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในเรื่องการค้ำประกันของภาคเอกชนที่กู้เงินจากธนาคารพา ณิชย์ ว่าจะกู้ได้ยากมากขึ้น กระ ทบภาคธุรกิจโดยรวม ขณะที่ ธนาคารภาครัฐยังมีการค้ำประ กันจากรัฐบาลได้ จึงยังไม่น่าเป็นห่วง
สำหรับ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2558 คาดว่ามีทิศทางเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 4% โดยประเมินจากการลงทุนของภาครัฐที่ได้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม มองว่าในส่วนโครงการภาครัฐอยู่ในช่วงของการศึกษาความเป็นไปได้ คาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ช่วงกลางปีหน้าเป็นต้นไป ขณะที่ภาคการส่งออกมีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดี คาดว่าปีหน้าจะเติบโต 3.5-4%
"กกร.ประเมินว่า เศรษฐกิจปี 2558 ขยายตัวดีกว่าปีนี้ เนื่องจากมีเสถียรภาพทางการเมืองดีกว่า เศรษฐกิจของคู่ค้า เช่น จีน สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น น่าจะขยับตัวดีกว่าปีนี้ ขณะที่การส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านคาดว่าจะขยายตัว 7-8% แต่ปีหน้าคงต้องรอดูความเป็นไปได้ของโครงการภาครัฐว่าจะดำเนินการได้รวดเร็วเพียงใด ถ้าเป็นรูปธรรมได้ จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจเติบโตขึ้นได้" นายสุพันธุ์กล่าว
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจ การวิทยุกระจายเสียง กิจการ โทรทัศน์ และกิจการโทรคม นาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ได้หารือกับธนาคารแห่งประ เทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม และคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2558 ซึ่งจากการรับฟังข้อมูลจาก ธปท.ไม่ได้มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเข้าไปด้วย โดย ธปท.คาดว่าปีหน้าจีดีพีจะเติบโต 4% จากเม็ดเงินอุตสาหกรรมนำเข้า-ส่งออก ท่องเที่ยว และการสร้างระบบคมนาคม
โดย กสทช.ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในปีหน้า กสทช.จะจัดให้มีการประมูลคลื่นความถี่ 4G จำนวน 4 ใบอนุญาต ของคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ และ 900 เมกะเฮิรตซ์ อย่างละ 2 ใบอนุญาต เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เศรษฐกิจประเทศขยายตัว ซึ่งประเมินว่าจากการเปิดประมูล 4G จำนวน 4 ใบอนุญาต จะมีเม็ดเงิน เพิ่มเข้ามาในอุตสาหกรรมกว่า 300,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการประมูลคลื่น 4G ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้ให้คณะทำงานเตรียมแผน งานประมูลแล้ว คาดว่าจะได้ ข้อสรุปช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.2558.