ที่ดินเขตศก.พิเศษพุ่งกระฉูดรับเก็งกำไร ดัน'แม่สอด'เมืองดิวตี้ฟรี
แนวหน้า : หอการค้าไทยฯ ดันเขตแม่สอดเป็นเมืองดิวตี้ฟรี ปลอดภาษีแข่งกับ'ฮ่องกง-สิงคโปร์'ด้านต่างชาติแห่ลงทุนสร้างคอนโดฯ พบแห่เก็งกำไรราคาที่ดินในเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จาก 3-4 ล้านบาทต่อไร่ เพิ่มเป็น 20 ล้านบาทชี้เป็นอุปสรรคการลงทุน
นายสมศักดิ์ คะวีรัตน์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดตาก เปิดเผยว่า ขณะนี้มีภาคเอกชนอยู่ระหว่างจัดทำแผนผลักดันให้อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นพื้นที่เขตปลอดภาษีหรือเขตดิวตี้ฟรี เหมือนกับเกาะฮ่องกง และสิงคโปร์ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาช็อปปิ้งซื้อสินค้าต่างๆ และดึงนักธุรกิจที่เข้ามาลงทุน อีกทั้งยังเป็นการรองรับการเปิดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล ที่คาดว่าในอนาคต อ.แม่สอดจะเป็นศูนย์กลางของธุรกิจด้านนวัตกรรม บริการ และโรงเรียนการสอนด้านต่างๆ ด้วย ขณะที่การค้าชายแดน และผ่านแดน ที่ อ.แม่สอดนั้นค่อนข้างที่จะคึกคัก มีมูลค่าการค้าจากเดิมเดือนละ 5,000 ล้านบาท เป็น 7,000 ล้านบาท และมองว่าทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 84,000 ล้านบาทและในปี 2559 น่าจะเพิ่มเป็น 100,000 ล้านบาท
ขณะทึ่ ภาคเอกชนประเมินว่าศักยภาพของ เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดมีศักยภาพเป็นมากกว่าเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษไปแล้ว และหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พบว่านักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอย่างมาก เช่น นักลงทุนจากจีนเข้ามาซื้อที่ดิน 20-25 ไร่ ในการสร้างคอนโดมิเนียมประมาณ 10 ตึกเพื่อรองรับนักธุรกิจที่จะมาพักอาศัย หรือพักผ่อนในช่วงที่มาติดต่อการทำธุรกิจในพื้นที่ และก่อนหน้านี้ก็มีคอนโดฯ หลายโครงการได้ก่อสร้าง รวมถึงห้างค้าปลีกค้าส่ง โรงภาพยนตร์และร้านค้าต่างๆ ก็เริ่มทยอยเข้ามาเปิดสาขาจำนวนมากขึ้นเช่นกัน
“ตอนนี้ราคาที่ดินในพื้นที่โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตากค่อนข้างแพง ที่ดินมีตั้งแต่ราคาไร่ละ 100,000 บาท หากติดถนนใหญ่ไร่ละ 20 ล้านบาท โดยที่ดินทั้งหมดจะมีประมาณ 2,182 ไร่ ซึ่งจำนวนมากชาวบ้านก็ยังไม่ยอม ดังนั้นคงต้องหามาตรการเยียวยากันต่อไป รวมถึงยังมีเรื่องผังเมืองที่ต้องจัดการ เพื่อป้องกันเรื่องของมลพิษด้วย ซึ่งมองว่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะแม่สอดไม่ควรมีการตั้งโรงงานขนาดใหญ่จนทำให้เกิดมลพิษ แต่ควรมีการส่งเสริมการค้า บริการ และการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวนวัตกรรมใหม่ๆ ในการเพิ่มมูลค่าสินค้า มากกว่า”
สำหรับ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดตาก ประกอบด้วย ต.สายลวด,ต.พระธาตุผาแดง, ต.แม่กาษา, ต.แม่กุ,ต.แม่ดาว, ต.แม่ปะ, ต.แม่สอด และต.มหาวัน ใน อ.แม่สอด นอกจากนี้ยังมีต.ช่องแคบ, ต.พบพระ และต.วาเล่ย์ ในอ.พบพระ รวมถึงต.ขะเนจื้อ, ต.แม่จะเรา และต.แม่ระมาด ในอ.แม่ระมาด
นายนิยม ไวยรัชพาณิชย์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ราคาที่ดินที่มีราคาแพงขึ้นนั้น มีผลต่อการเข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลอย่างมาก ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินในเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดขยับราคา 3-4 ล้านบาทต่อไร่ เพิ่มเป็นราคาไร่ละ 20ล้านบาท โดยเฉพาะที่ดินที่ติดถนนใหญ่เพราะนักลงทุนกลุ่มต่างๆ เข้ามาเก็งกำไร เพื่อลงทุนเองหรือขายต่อ และที่ดินของกรมธนารักษ์ที่นำมาจำหน่ายหรือให้นักธุรกิจเช่าก็ถือว่าแพงเช่นกัน ดังนั้นรัฐอาจต้องลดค่าเช่าที่ดินลงบ้าง เพราะที่ดินแพงมีผลต่อธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)มาก ขณะเดียวกันเอกชน และเจ้าของที่ดินอาจมีการเจรจากัน มีการลงทุนร่วมกันแบ่งผลกำไรตามสัดส่วน เพื่อให้โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ต่างๆ สามารถเดินหน้าต่อไปได้
หนุนเช่าที่พัสดุทำเขตศก.พิเศษอุตฯเตือน300โรงงานคุมเข้มน้ำทิ้ง
ไทยโพสต์ * ธนารักษ์เตรียมสรุปแนวทางให้เอกชนเช่าที่ราชพัสดุบริหารเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษไตรมาสแรกปี 59 แจงค่าเช่าราคาต่ำสุดหวังดึงดูดภาคธุรกิจ ด้านอุตฯ ร่อนจดหมายเตือน 300 โรงงานคุมเข้มน้ำทิ้ง หวั่นกระทบคุณภาพน้ำรับภัยแล้งปีหน้า
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่าภายในไตรมาสแรกปี 2559 กรมจะสรุปแนวทางการให้ภาคเอกชนเช่าที่ราชพัสดุ เพื่อบริหารเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ จัดทำรายละเอียดของอุตสาหกรรมที่เหมาะสม เพื่อเสนอให้กรมธนารักษ์สรุปร่างทีโออาร์ในขั้นสุดท้ายภายในสิ้นปี 2558 นี้
สำหรับ ที่ราชพัสดุที่จะให้เช่าทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะทำทั้ง 6 พื้นที่ที่รัฐบาลประกาศไว้ โดยขนาดพื้นที่จะมีมากกว่า 1 พันไร่ขึ้นไป โดยเอกชนที่สนใจต้องมีคุณสมบัติคือ สามารถในการบริหารจัดการพื้นที่อุตสาหกรรม รวมถึงการดูแลผู้ประกอบการรายเล็กในพื้นที่ และการดูแลชุมชนที่ได้ รับผลกระทบจากการทำเขตเศรฐกิจพิเศษ และที่สำคัญต้องจัดทำแผนที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
"ค่าเช่าที่ราชพัสดุยังไม่ มีการสรุป แต่จะต้องเป็นอัตราที่ต่ำ เพื่อดึงดูดเอกชนเข้ามา บริหารพื้นที่และนักลงทุนเข้า มาลงทุน ซึ่งในด้านการประ เมินราคาที่ดินขณะนี้ได้ให้คณะ กรรมการประเมินระดับท้องถิ่น ส่งการประเมินเข้ามาให้คณะ กรรมการชุดใหญ่ ที่มีปลัดกระ ทรวงมหาดไทยเป็นประธาน เพื่อประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2559 ซึ่งโดยเฉลี่ยราคาประเมินปรับเพิ่มขึ้น 17-25%
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่ากระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับปัญหาภัยแล้งในปี 2559 โดยจากข้อมูลกรมชลประทานภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้ มีปริมาณน้ำในเขื่อนหลักมากไม่น่ามีปัญหา แต่ในส่วนของพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความเสี่ยงสูงที่จะประ สบปัญหาภัยแล้งในปีหน้า เนื่อง จากมีปริมาณน้ำในเขื่อนหลักน้อยกว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำ ให้เขื่อนปล่อยน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศท้ายเขื่อนได้น้อยลง หากโรงงานอุตสาหกรรมระบายน้ำทิ้งลงสู่แม่น้ำในปริมาณมาก อาจมีความเสี่ยงส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำของแม่น้ำได้ ดังนั้นกระทรวงจึงได้ทำหนังสือแจ้งเตือนเตือนโรงงานที่มีน้ำทิ้งมากกว่า 500 ลบ.ม./วัน ซึ่งมีประมาณ 300 โรงงาน ให้เข้มงวดการระบายน้ำทิ้งอย่างเคร่งครัด
โดยโรงงานดังกล่าว ได้มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณ ภาพน้ำออนไลน์แล้ว เพื่อเฝ้าระวังการระบายน้ำทิ้งออกนอกโรงงาน และ ตรวจสอบค่าของปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำ หรือ DO ของน้ำทิ้งที่ จะระบายออกนอกโรงงานควรมีค่า DO มากกว่า 2 มก./ลิตร รวมถึงส่งเสริมให้โรงงาน มีการใช้น้ำด้วยหลักการ 3Rs คือลดการใช้ ใช้ซ้ำและนำกลับมาใช้ใหม่
นอกจากนี้ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้ส่งเสริมให้มีการพัฒนาขุมเหมืองเก่า ซึ่งได้มีการเก็บกักน้ำเอาไว้ และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อบต.) ได้ประสานเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ ประโยชน์แล้ว เช่นเพื่อการเกษตรกรรม อุปโภค และบริโภค รวม จำนวน 9 แห่ง ปริมาณน้ำรวม 27.4 ล้าน ลบ.ม.อยู่ในพื้น ที่จังหวัดพะเยา ลำพูน อุบลราช ธานี ขอนแก่น สระบุรี และตาก โดยทั้งหมดเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำต้นทุนน้อย.
ธนารักษ์เร่งเคาะทีโออาร์บริหารเขตเศรษฐกิจตั้งธงปิดจ๊อบไตรมาสแรกปี'59
แนวหน้า : นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์จะสรุปการให้เอกชนเช่าที่ ราชพัสดุเพื่อบริหารเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษตามนโยบายของรัฐบาลได้ภายในไตรมาสแรก ปี 2559 โดยขณะนี้ ได้ขอให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจัดทำร่างสัญญา หรือทีโออาร์ พร้อมทั้งมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่กำหนด เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไปดูรายละเอียดของการอุตสาหกรรม ที่เหมาะสม เพื่อเสนอเข้ามาให้กรมธนารักษ์สรุปร่างทีโออาร์สุดท้ายอีกครั้งภายในสิ้นปีนี้
สำหรับ ที่ราชพัสดุที่จะให้เช่าทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะทำทั้ง 6 พื้นที่ ที่รัฐบาลประกาศไว้ โดยขนาด พื้นที่จะมีมากกว่า 1,000 ไร่ขึ้นไป เพื่อรองรับอุตสาหกรรม ต่างๆ ได้มากพอ รวมถึงเตรียมการไว้สำหรับการขยายตัว ของการลงทุนในอนาคต เพราะรัฐบาลให้สิทธิพิเศษกับนักลงทุนที่จะเข้ามาประกอบกิจการในพื้นที่เศรษฐกิจอย่างมาก
นายจักรกฤศฎิ์กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติ ของผู้ที่จะมาบริหารพื้นที่เศรษฐกิจ ก็ต้องมีความสามารถในการจัดการบริหารพื้นที่อุตสาหกรรม ต้องดูแลผู้ประกอบการรายเล็ก ในพื้นที่ รวมถึงชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำเขตเศรฐกิจพิเศษ เอกชนที่สนใจจะเข้ามาบริหารจะต้องจัดการเรื่องต่างๆ และมีแผนงานเสนอมาเป็นรูปธรรมชัดเจน
สำหรับ ค่าเช่าที่ราชพัสดุ ก็ยังไม่มีการสรุป แต่จะต้องเป็นอัตราที่ต่ำ เพื่อดึงดูด เอกชนเข้ามาบริหารพื้นที่ รวมถึงนักลงทุนเข้ามา ลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษจำนวนมากๆ
โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการนโยบาย เขตเศรษฐกิจพิเศษ(กนพ.) ได้มีมติให้มีการ จัดสรรพื้นที่ในการดูแลของราชการ เช่น พื้นที่ป่าไม้ พื้นที่อุทยาน หรือพื้นที่ประเภทอื่นๆ เช่น พื้นที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) พื้นที่ของการรถไฟ แห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เพื่อให้เอกชน เช่าจากรัฐ
การเช่าพื้นที่ของภาคเอกชนให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ.2542 ซึ่งให้สิทธิเอกชนในการเช่าพื้นที่สูงสุด 50 ปี และขยายระยะเวลาในการเช่าต่อได้อีก 49 ปี รวมสิทธิในการเช่ารวม 99 ปี
ทั้งนี้ พื้นที่ที่จัดสรรให้เอกชนเช่า เป็นไปตามประกาศของ กนพ.ใน 6 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแล้วรวม 24,871 ไร่ ได้แก่ 1.พื้นที่ จ.ตาก ใน ต.ท่าสายลวด และ ต.แม่ปะ อ.แม่สอด รวม 14,858 ไร่ 2.จ.สระแก้ว ใน ต.บ้านป่าไร่และ ต.บ้านใหม่ หนองไทร อ.อรัญประเทศ รวม 2,944 ไร่ 3.จ.ตราด ใน ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ 740 ไร่ 4.จ.มุกดาหาร ใน ต.คำอาฮวน อ.เมือง 1,085 ไร่ 5.จ.มุกดาหาร ใน ต.สำนักขาม อ.สะเดา จำนวน 1,095 ไร่ และ 6.จ.หนองคาย ในพื้นที่ ต.หนองกอมเกาะ ต.มีชัย ต.โพนสว่าง อ.เมือง และ ต.สระใคร อ.สระใคร รวม 4,149 ไร่
นายจักรกฤศฎิ์ กล่าวว่า สำหรับการประเมินราคาที่ดิน ตอนนี้ได้ให้ คณะกรรมการประเมินระดับท้องถิ่น ส่งการ ประเมินเข้ามาให้คณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน เพื่อประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2559 ซึ่งโดยเฉลี่ยราคาประเมินปรับเพิ่มขึ้น 17-25%