วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8609 ข่าวสดรายวัน
'ซัวเรซ'ดวลคม'บาโล'ชิงเข้ารอบ 'สิงโต'สั่งลาคอสตาริกา 'โด'เซ็งแค่เสมออินทรี เบลเยียมลอยลำ-ดับหมี
ต้อนโสม - ราฟิก ฮัลลิเช่ กองหลังทีมชาติแอลจีเรีย ขึ้นโหม่งพังประตูทีมชาติเกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลก กลุ่มเอช ที่ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. จบเกมแอลจีเรียชนะไปสุดมัน 4-2 |
คืนนี้คู่หยุดโลก อิตาลีชี้ชะตาอุรุกวัย 'บาโลเตลลี่'ได้วัดคมเกือก'ซัวเรซ'ใครชนะเข้ารอบตามคอสตาริกา แต่อัซซูรี่ได้เปรียบแค่เสมอก็ฉลุยด้วยประตูได้เสียเหนือกว่า ขณะที่ 'กล้วยหอม' เตะสั่งลาอังกฤษแบบไม่มีผลใดๆ 'สิงโตคำราม'ต้องการชัยชนะเพื่อไม่ให้เสียฟอร์มพ่าย 3 นัดรวด นัดสุดท้ายรอบแรกอีกกลุ่ม 'ซามูไร'ญี่ปุ่นเหนื่อยหนัก ต้องชนะโคลัมเบียที่เข้ารอบแล้ว และยังต้องลุ้นผลคู่ 'ช้างดำ'ไอวอรีโคสต์ตัดกับกรีซ ชนิดต่างฝ่ายต่างต้องชนะ และไม่ให้ญี่ปุ่นชนะด้วย 'ปีศาจแดงยุโรป'เบลเยียมทะลุรอบ 2 เรียบร้อย หลังได้ประตูชัยนาที 88 เฉือน 'หมีขาว' รัสเซีย ขณะที่ 'ฝอยทอง' ยังได้ต่อลมหายใจ เมื่อไล่เจ๊า 'พญาอินทรี'สหรัฐ 2-2 ช่วงทดเวลา 'โสมขาว'เกาหลีใต้หมดสภาพโดนแอลจีเรียถล่มยับ 4-2
"โด้"นำทัพฝอยทองชนพญาอินทรี
ศึกฟุตบอลโลกนัดประจำคืนวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย. เป็นนัดที่สองของกลุ่มจี ที่สนามอารีนา อเมซอเนีย เมืองมาเนาส์ ตรงกับเวลา 05.00 น. รุ่งเช้าวันจันทร์ที่ 23 มิ.ย. ตามเวลาประเทศ ไทย "พญาอินทรี"สหรัฐอเมริกา พบกับ "ขุนพลฝอยทอง"โปรตุเกส นัดแรกทีมพญาอินทรีเฉือนชนะกานา 2-1 ขณะที่ขุนพลฝอยทองแพ้ยับต่อ "อินทรีเหล็ก"เยอรมนี 0-4 นัดนี้นี้ เจอร์เก้น คลินส์มันน์ กุนซือฉลามขาวของสหรัฐ ปรับทัพส่งคลินต์ เดมพ์ซีย์ ยืนกองหน้าตัวเป้าหลังจากไม่มี โจซี่ อัลติดอร์ ที่บาดเจ็บต้นขา ขณะที่ขุนพลฝอยทองต้องขาดเปเป้ ติดโทษแบน และฟาบิโอ โคเอ็นเทรา ที่บาดเจ็บ แต่ได้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้า ซูเปอร์สตาร์ผ่านความฟิตลงสนามช่วยทีมลุ้น 3 แต้มสำคัญ
"นานี่"ซัดลูกส้มหล่นตุงตาข่าย
เปิดฉากครึ่งแรกแค่ 5 นาที โปรตุเกสขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0 เมื่อมิเกล เวโลโซ่ เปิดบอลเข้ากลาง เจฟฟ์ คาเมรอน กองหลังมะกันสกัดพลาดมาเข้าทาง หลุยส์ นานี่ ในกรอบเขตโทษ แตะหนึ่งจังหวะก่อนซัดเสยเพดานตาข่ายเข้าประตูสุดสวย จากนั้นนาทีที่ 13 สหรัฐหวุดหวิดตีเสมอได้จากลูกฟรีคิกระยะหวังผลของ คลินต์ เดมพ์ซีย์ แต่บอลข้ามคานนิดเดียว เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 15 ขุนพลฝอยทองต้องเปลี่ยนตัว เฮลเดอร์ ปอสติก้า มีปัญหาบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่งเอแดร์ ลงแทน จบครึ่งแรกโปรตุเกสนำอยู่ 1-0
พญาอินทรียิงแซง 2 ลูกรวด
ครึ่งหลังโปรตุเกสแก้เกมทันทีส่งวิลเลียม คาร์วัลโญ่ แทนอังเดร อัลเมด้า และมีลุ้นก่อน นาที 48 เอแดร์อัดด้วยขวาโล่งๆ บอลข้ามคานออกไป แต่แล้วนาที 64 พญาอินทรีตามตีเสมอได้สำเร็จ เมื่อกองหลังฝอยทองสกัดไม่ขาดมาเข้าทางเจอร์เมน โจนส์ วิ่งเติมขึ้นมากดด้วยขวาหน้าเขตโทษบอลพุ่งเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม
หลังเสียประตูโปรตุเกส บุกแหลกทันที ได้ลุ้นจากลูกยิงของราอูล เมเรเลส แต่ทิม ฮาวเวิร์ด นายทวารจากเอฟเวอร์ตั้นยังเหนียว เปาโล เบนโต้ กุนซือฝอยทอง เปลี่ยนตัวนาทีที่ 69 ส่งซิลเวสเตร วาเรล่า ลงแทนราอูล เมเรเลส ขณะที่คลินส์มันน์ แก้เกมส่ง เดอันเดร เยดลิน มาแทน อเลฮานโดร เบโดยา นาที 72
เข้าสู่นาที 82 สหรัฐแซงขึ้นนำ 2-1 จังหวะที่ฟาเบียน จอห์นสัน เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเรียดไปหน้าประตู บรูโน่ อัลเวส สกัดไปเข้าทางไมเคิล แบรดลีย์ ได้ยิงแต่แฉลบไปถึงเกรแฮม ซูซี่ ตวัดต่อให้ คลินต์ เดมพ์ซีย์ ชาร์จจ่อๆ ด้วยต้นขาเข้าซุกตาข่าย
ฝอยทองไล่เจ๊าช่วงทดเวลา
เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของสหรัฐ และเขี่ยโปรตุเกสตกรอบสนิท ทว่าช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย ขุนพลฝอยทองตีเสมอได้แบบเหลือเชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เปิดบอลเข้าไปให้ ซิลแวสเตร วาเลร่า ตัวสำรองพุ่งโขกเต็มศีรษะเข้าประตูสุดสวย จบเกมเสมอกัน 2-2 โปรตุเกสเก็บ 1 แต้มสุดล้ำค่า ยังได้ต่อลมหายใจนัดสุดท้ายกับกานา ส่วนสหรัฐมี 4 แต้มเท่ากับเยอรมัน ต้องไปแย่งตั๋วกับแข้ง "อินทรีเหล็ก" นัดสุดท้าย ทั้ง 2 คู่เตะพร้อมกันเวลา 23.00 น. วันที่ 26 มิ.ย.
โสมขาวโดนแอลจีเรียอัดยับ
ก่อนหน้านั้นเวลา 02.00 น. ที่สนาม เอสตาดิโอ เบร่า เมืองปอร์โต อัลเลกรี เกมนัดที่สอง ของกลุ่มเอช "โสมขาว"เกาหลีใต้ มี 1 แต้มจากการเสมอรัสเซียนัดแรก พบกับแอลจีเรีย ที่แพ้เบลเยียม 1-2 ยังไม่มีแต้ม จึงถือเป็นเกมสำคัญสำหรับทั้งสองทีมเพื่อลุ้นโอกาสเข้ารอบ
ครึ่งแรกแอลจีเรียสร้างโอกาสทำประตูได้ลุ้นหวาดเสียวมากกว่า ขณะที่เกาหลีใต้เน้นรับแล้วโต้กลับ นาทีที่ 26 แอลจีเรียได้ประตูนำ 1-0 อิสลัม สลิมานี่ วิ่งเบียดแนวรับพลังโสม 2 คนก่อนจิ้มผ่านมือ จอง ซอง-เรียง เข้าไป หลังเสียประตูเกาหลีใต้เปิดเกมแลกแต่กลับโดนลูกที่ 2 นาทีที่ 28 จากลูกเตะมุม อับเดล มูเมน ฌาบู เปิดเข้ามาหน้าเขตโทษ ราฟิก ฮัลลิเช่ วิ่งเทกตัวโหม่งให้แอลจีเรียนำ 2-0 แข้งโสมขาวชอร์ตไปดื้อๆ นาที 37 แอลจีเรียได้ประตูที่ 3 อิสลัม สลิมานี่ พาบอลเข้าเขตโทษแล้วป้ายต่อ อับเดลมูเมน ฌาบู ยิงไม่พลาด จบครึ่งแรกแอลจีเรียนำห่าง 3-0 ประตู
ครึ่งหลังเกาหลีใต้ไม่มีทางเลือกต้องเปิดเกมบุก กระทั่งตีไข่แตกไล่มา 1-3 นาทีที่ 50 กองหลังเปิดบอลยาวขึ้นมา ซอน ฮึง-มิน พักบอลหนึ่งจังหวะแล้วพลิกหาช่องยิงเข้าไป จากนั้นแข้งโสมดาหน้าบุกต่อเนื่อง นาทีที่ 60 คี ซอง-ยง ยิงไกลบอลเกือบเสียบใต้คาน แต่ ราอิส เอ็มโบลี่ ปัดทิ้งหวุดหวิด โสมขาวบุกอยู่เพลินๆ นาที 61 แอลจีเรียได้ประตูทิ้งห่างอีกรอบ โซฟิยาน เฟกูลี่ ทำชิ่งกับยาซีน บราฮิมี หนีกองหลังโสมขาวก่อนจ่ายคืนให้ บราฮิมี หลุดเข้าไปแปลอดขาจอง ซอง-เรียง ให้แอลจีเรียหนีเป็น 4-1
ยังต้องลุ้นหนักนัดสุดท้าย
เกาหลีใต้ไม่ยอมแพ้ง่ายไล่ตามมาอีกครั้ง นาที 75 ลี คึน-โฮ เปิดบอลยัดเข้ากลางให้ คูจา-ชอล ตวัดยิงด้วยซ้ายระยะเผาขนสกอร์ขยับเป็น 2-4 ช่วงเวลาที่เหลือขุนพลพลังโสมเปิดเกมบุกหนักแต่ทำประตูเพิ่มไม่ได้ จบเกมทีมจากแอฟริกาถล่มยอดทีมจากเอเชียไป 4-2 ประตู เก็บ 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ กระโดดขึ้นมาอยู่ที่ 2 ของกลุ่ม ยังมีลุ้นเข้ารอบไปวัดกับ "หมีขาว" รัสเซีย ส่วนแข้งโสมขาวยังมีแต้มเดียว ต้องไปลุ้นหนักในเกมสุดท้ายกับ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป"เบลเยียม ทั้ง 2 คู่เตะพร้อมกันเวลา 03.00 น.หลังเที่ยงคืนวันพฤหัสบดีที่ 26 มิ.ย.
เจ๊าสนุก - หลุยส์ นานี่ ปีกทีมชาติโปรตุเกส ซัดประตูแรกให้ทีมฝอยทองพลิกขึ้นนำสหรัฐอเมริกา ในศึกฟุตบอลโลก นัดที่สอง กลุ่มจี ที่สนามเมืองมาเนาส์ บราซิล เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. จบเกมเสมอกันไป 2-2 |
'หมีขาว'เล่นดีแต่แพ้เบลเยียม
อีกคู่ของกลุ่มเอช ที่สนามมาราคาน่า นครริโอ เดอ จาเนโร "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เบลเยียม พบกับ "หมีขาว"รัสเซีย เกมนี้ มาร์ก วิลม็อตส์ กุนซือเบลเยียม ส่ง มารูยาน เฟลไลนี่ และดรีส เมอร์เทนส์ เป็นตัวจริง หลังทั้งคู่รับบทซูเปอร์ซับทำประตูให้ทีมพลิกแซงแอลจีเรีย 2-1 ในนัดแรก ส่วนรัสเซียยังไว้ใจ อิกอร์ อคินเฟเยฟ เฝ้าเสา แม้จะทำผิดพลาดนัดแรกและโดนวิจารณ์หนัก โดยมีอเล็กซานเดอร์ โคโคริน นำทีมล่าตาข่าย
เปิดฉากมา 11 นาที รัสเซียทักทายก่อน วิกตอร์ ฟายซูลิน จับบอลหน้าเขตโทษแล้วตวัดด้วยซ้ายแต่บอลพุ่งเข้าซองของธิโบต์ กูร์ตัวส์ ขณะที่เบลเยียมได้ลุ้นนาทีที่ 19 จากจังหวะสวนกลับ ดริส เมอร์เทนส์ กระชากลากหาพื้นที่ว่างแล้วกดเต็มข้อแต่บอลเข้าข้างตาข่าย
จากนั้นสองทีมเปิดเกมแลกกันสนุก นาที 29 รัสเซียบุกขึ้นมา มักซิม คานันนิคอฟ เกือบยิงขึ้นนำ แต่ธิโบต์ กูร์ตัวส์ ยังล้มตัวเซฟได้ นาที 32 เบลเยียมต้องเปลี่ยนแยน แฟร์ตองเก้น ลงแทนโธมัส แฟร์มาเลน ที่บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว นักเตะหมีขาวทำเกมได้ดีกว่า นาที 43 วิกตอร์ ฟายซูลิน ตั้งป้อมซัดด้วยขวานอกเขตแต่บอลข้ามคาน จบครึ่งแรกยังเสมอ 0-0
ปีศาจแดงได้ประตูชัยนาที 88
ครึ่งหลัง รัสเซียบุกมากกว่า นาที 53 มีลุ้นจากลูกยิงมุมแคบของ เดนิส กลูชาคอฟ แต่บอลออกหลังไป นาที 57 เบลเยียมเปลี่ยน ดิว็อก โอริกี กองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ปี ลงแทนโรเมลู ลูคาคู ที่เล่นไม่ออก นาที 74 รัสเซียเกือบขึ้นนำอีกครั้ง เดนิส กลูชาคอฟ พาบอลมาหน้าปากประตูแต่จังหวะสุดท้ายยิงข้ามคานออกไป เกมทำท่าจะแบ่งแต้มกันทว่าท้ายเกมนาที 88 เบลเยียมได้ประตูชัย เอเดน ฮาซาร์ด กระชากสุดเส้นหลังแล้วตบกลับมาให้ ดิว็อก โอกิรี ตัวสำรองยิงเสียบใต้คานตุงตาข่าย และไม่เปิดโอกาสให้รัสเซียแก้ตัว จบเกมเบลเยียมชนะ 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 6 แต้มตีตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว ส่วนรัสเซียต้องลุ้นหนักเกมสุดท้ายกับแอลจีเรีย
กุนซือฝอยทองรับเข้ารอบลำบาก
เปาโล เบนโต้ กุนซือโปรตุเกส ให้สัมภาษณ์หลังเกมเสมอสหรัฐ 2-2 ว่า เป็นผลการแข่งขันที่แย่สำหรับเรา แม้ไม่ทำให้เราตกรอบ แต่ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากมาก เพราะไม่ใช่แค่เราต้องชนะกานาในนัดต่อไป แต่ยังต้องลุ้นให้ผลคู่เยอรมนีกับสหรัฐ เป็นใจกับเราด้วย เกมนี้เราเริ่มต้นได้ดี ยิงนำก่อน แต่จากนั้นเรามีปัญหากับการขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งขวาของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม เราแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ยอดเยี่ยมจนตีเสมอได้ช่วงทดเวลา ตอนนี้เราต้องใส่เต็มที่ในเกมนัดสุดท้าย เพื่อคว้าโอกาสที่น้อยนิดไว้ให้ได้
ส่วนหลุยส์ นานี่ ผู้ทำประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 กล่าวเสริมว่า นักเตะทุกคนผิดหวังมากกับผลเสมอ เพราะต้องการคว้าชัยชนะในเกมนี้เพื่อต่อความหวังลุ้นเข้ารอบ ตอนนี้เป็นเรื่องยากมาก แต่เราต้องทำให้ดีที่สุดในเกมพบกานา
'ฉลามขาว'โวยเอาใจทีมใหญ่
ขณะที่เจอร์เก้น คลินส์มันน์ ผู้จัดการทีมพญาอินทรี กล่าวว่า การเสียประตูในวินาทีสุดท้ายถือว่าโชคร้าย แต่เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมมาก เราโชว์ฟอร์มได้น่าทึ่งจริงๆและคงไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากนักเตะได้มากกว่านี้อีกแล้ว ตอนนี้เราต้องการชนะเยอรมันนัดต่อไปเพื่อการันตีการเข้ารอบ 16 ทีม ผมผิดหวังเล็กน้อยกับผลเสมอนัดนี้ และต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
เจ้าของฉายา "ฉลามขาว" ยังโวยฝ่ายจัดการแข่งขัน พยายามทำทุกอย่างเพื่อจัดโปรแกรมแข่งให้เอื้อประโยชน์ต่อทีมใหญ่ โดยระบุว่า "เรามีเวลาพักฟื้นน้อยกว่าเยอรมนี 1 วัน พวกเขาแข่งเมื่อวันเสาร์ และเราลงเล่นวันอาทิตย์ แถมเรายังแข่งในอเมซอน ขณะที่คู่แข่งได้ลงเล่นในสนามที่ง่ายต่อการเดินทางมากกว่า ทุกอย่างถูกกำหนดไว้เพื่อช่วยทีมใหญ่ ดังนั้นเราต้องทำงานหนักมากขึ้น แต่เราสามารถทำได้"
ไม่มีคำว่ามิตรภาพกับ"เลิฟ"
พร้อมกันนี้ คลินซี่ยืนยันการเจอกับเยอรมันที่มีโยอาคิม เลิฟ อดีตผู้ช่วยโค้ชสมัยคุมทีม "อินทรีเหล็ก" ว่า จะไม่มีคำว่ามิตรภาพ
"โยอาคิม เลิฟ ก็ทำงานของเขา ผมก็ทำในส่วนของผม งานของผมคือทำทุกอย่างเพื่อผ่านเข้ารอบ 16 ทีม เราต้องสู้ด้วยสปิริตและมุ่งมั่นเต็มที่ เราจะไปที่เรซิเฟ่เพื่อเอาชนะเยอรมันให้ได้ นั่นคือเป้าหมายของเรา และผมก็มั่นใจว่าจะทำได้" กุนซือฉลามขาว กล่าว
สถานการณ์ของกลุ่มจี สหรัฐและเยอรมันมี 4 แต้มเท่ากัน หากเสมอจะเข้ารอบด้วยกันทั้งคู่ ส่วนกานา และโปรตุเกสมี 1 คะแนน ต้องเก็บชัยชนะสถานเดียว และลุ้นให้อีกคู่มีผลแพ้ชนะแล้วไปลุ้นประตูได้เสีย ซึ่งโปรตุเกสเสียเปรียบเพราะโดนยิงเยอะในนัดแรก
"วิลม็อตส์"ปลื้มเบลเยียมฉลุยรอบ2
มาร์ก วิลม็อตส์ โค้ชเบลเยียม กล่าวหลังเฉือนชนะรัสเซีย 1-0 พร้อมตีตั๋วผ่านเข้ารอบ 16 ทีมแน่นอนแล้วว่า เป็นแมตช์ที่ยาก รัสเซียเตรียมตัวมาดี แต่เราสมควรชนะ ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงไปได้ผล ผมเสี่ยงพอสมควรเพื่อชนะเกมนี้ และเป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่า เราลงสนาม 2 นัด เก็บได้ 6 คะแนน ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายแรก ตอนนี้ยังไม่รู้จะวางแผนนัดที่สามอย่างไร ต้องคุยกับนักเตะก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ เพราะผู้เล่นทั้งทีมมีความสำคัญเหนือกว่า 11 คนแรกที่ลงสนาม ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน เราต้องการผู้เล่น ทุกคน ชาวเบลเยียมสามารถภูมิใจกับทีมได้
บน-ขวิดส่งท้าย - เฟอร์นันโด ตอร์เรส กองหน้าสเปน หลุดเข้าไปยิงบอลรอดตัวนายทวารออสเตรเลียเข้าประตู ในศึกฟุต บอลโลกนัดสุดท้าย รอบแรกกลุ่ม บี จบเกมสเปนชนะ 3-0 เมื่อ วันที่ 23 มิ.ย. ล่าง-แชมป์กลุ่ม - เลรอย เฟอร์ กองกลางทีมชาติฮอล แลนด์สะบัดหัวโหม่งบอลเสียบตาข่ายทีมชิลี ในฟุตบอลโลกรอบแรกนัดสุดท้าย จบเกม 90 นาที ชนะ 2-0 เก็บ 9 คะแนนเต็มจาก 3 นัด คว้าแชมป์กลุ่มบี เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. |
วิลม็อตส์ยังกล่าวชม ดิว็อก โอริกี กองหน้าวัย 19 ปี ผู้ทำประตูชัยช่วงท้ายเกม หลังได้ลงสนามแทน โรเมลู ลูคาคู ด้วยว่า โอริกีหาพื้นที่ได้ดีมาก ทักษะเยี่ยมและมีความเร็ว เมื่อแนวรับคู่แข่งเริ่มล้า เราฝากความหวังไว้กับเขาได้ นับเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ไม่มีใครรู้จักเขาเลยก่อนที่ผมจะเลือกมา แต่ตอนนี้คงรู้กันทั่วแล้วว่าเขาคือใคร อย่างไรก็ตาม เราต้องขอบคุณคริสเตียน เบนเตเก้ ที่ช่วยให้เราผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่บราซิล และหากเบนเตเก้ฟิตพร้อม โอริกีคงไม่ได้มาที่นี่ด้วย
"โอริกี"ได้จารึกชื่อตำนานดาวยิง
สำหรับ โอริกี จารึกชื่อเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลก 2014 และเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย แซงหน้าลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าอาร์เจนตินา ที่ยิงได้ในวัย 19 ปีกว่า เมื่อปี 2006 แต่เจ้าของสถิติอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในฟุตบอลโลกคือเปเล่ ตำนานกองหน้าบราซิลเมื่อตอนอายุ 17 ปี 239 วัน แมตช์บราซิล ชนะ เวลส์ 1-0 ปี 1958
ขณะที่กองหน้าจากสโมสรลีลล์ กล่าวว่า ถือเป็นประตูที่สำคัญ แต่มาจากการทำงานเป็นทีม และต้องให้เครดิต เอเดน ฮาซาร์ด ที่จ่ายบอลสวยๆ มาให้ผม เพราะเป็นลูกที่ยากแต่สิ่งที่เขาทำแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักเตะชั้นเยี่ยม
ส่วนฮาซาร์ด เจ้าของตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ เผยหลังเกมว่า เราเล่นได้ไม่ดีนัก ยกเว้นช่วง 10 นาทีสุดท้าย ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมาเพิ่มความสดให้กับทีม และบางทีกองหลังรัสเซียก็เริ่มล้าแล้ว สำหรับผมรู้สึกว่าตัวเองฟิตเต็มที่ และพยายามสร้างความแตกต่างให้กับทีมซึ่งทำได้บ่อยครั้งช่วงท้ายเกม นั่นแสดงให้เห็นว่าผมยังกระปรี้กระเปร่าอยู่
"คาเปลโล่"เซ็งผลไม่ยุติธรรม
ด้านฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือ "หมีขาว" รัสเซีย ผิดหวังเพราะคิดว่าทีมสมควรชนะเนื่องจากเล่นดีกว่า "ผมคิดว่านี่เป็นเกมที่ดี ผมพอใจกับฟอร์มการเล่นของนักเตะ แต่ผลการแข่งขันที่ออกมาไม่ยุติธรรมสำหรับเรา เรามีโอกาสเป็นผู้ชนะแต่กลับแพ้เมื่อเจอทีเด็ดจากจังหวะสวนกลับ อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อว่าเรามีโอกาสเข้ารอบ ซึ่งต้องชนะแอลจีเรียให้ได้ในนัดต่อไป เราต้องมองไปข้างหน้า ผมเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าเมื่อเรามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย หลังห่างหายไป 12 ปี จะช่วยให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจระดับการเล่นที่ดีพอต่อการเข้ารอบเพื่อประโยชน์ในอนาคตข้างหน้า
กุนซือโสมขอโทษกองเชียร์
ส่วนฮง เมียง-โบ โค้ช "โสมขาว"เกาหลีใต้ กล่าวยอมรับว่าวางแท็กติกผิดพลาด และแนวรับหละหลวมทำให้พ่ายยับต่อแอลจีเรีย 2-4 ในนัดที่สอง ของกลุ่มเอช
"เราศึกษาสไตล์การเล่นของแอลจีเรีย แต่ผลการแข่งขันที่ออกมาบ่งบอกว่าแผนของเราล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะเราเสียประตูมากเกินไป ผมหวังว่าแนวรับจะนิ่งมากกว่านี้ แต่กลับทำผิดพลาดบ่อย โดยเฉพาะครึ่งแรก เราพยายามแก้ไขในครึ่งหลัง แต่ไม่ได้ผล รวมทั้งเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาได้เมื่อโดนนำห่าง ขณะที่แอลจีเรีย วางแผนมาดี เล่นกันอย่างมีระเบียบวินัยในเกมรับ แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เราต้องเตรียมตัวให้ดีกว่าเดิม สำหรับนัดต่อไป ในสนามวันนี้มีแฟนบอลเกาหลีใต้จำนวนมาก ผมอยากขอโทษพวกเขาสำหรับฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ และให้สัญญาว่าเราจะพยายามทำให้ดีที่สุดในนัดต่อไปเพื่อคว้าผลการแข่งขันที่ดีขึ้นกว่าเดิม"
แอลจีเรียชนะครั้งแรกรอบ 32 ปี
วาฮิด ฮาลิลฮอดซิซ กุนซือของแอลจีเรียกล่าวหลังทีมคว้าชัยในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปีว่า ขอมอบชัยชนะนัดนี้ให้กับแฟนบอลแอลจีเรียทุกคน ทั้งที่เดินทางชมเกมที่บราซิลและอยู่ที่บ้าน หลังรอคอยมานาน ผลการแข่งขันนัดนี้มีความหมายมาก ทีมเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ตนกำชับนักเตะให้รัดกุมช่วง 15 นาทีแรก และทุกคนก็ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เกือบสมบูรณ์แบบโดยเฉพาะครึ่งแรก ตอนนี้เราต้องพยายามชนะรัสเซียในนัดต่อไปเพื่อผ่านเข้ารอบ 16 ทีม ทุกอย่างยังเป็นไปได้
"สิงโต"สั่งลากล้วยหอม
ความเคลื่อนไหวของนัดประจำคืนวันอังคารที่ 24 มิ.ย. เป็นเกมนัดสุดท้ายของกลุ่มดี และกลุ่มซี เริ่มจากกลุ่มดีลงสนามพร้อมกัน 2 คู่ เวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามเอสตาดิโอ มิเนเรา เมืองเบโล โฮริซอนเต้ "กล้วยหอม"คอสตาริกา จากคอนคาเคฟ เกมแรกชนะอุรุกวัย 3-1 เกมต่อมาเฉือนอิตาลี 1-0 เก็บ 6 คะแนนเต็ม ยึดจ่าฝูงและผ่านเข้ารอบ 16 ทีมแน่นอนแล้ว นัดนี้แค่เสมอ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ก็จะได้แชมป์กลุ่ม
สภาพทีมไม่มีใครเจ็บหรือติดโทษแบน คาดว่าจะพักตัวหลักไว้สำหรับรอบต่อไป พร้อมจัดระบบ 5-4-1 เคย์เลอร์ นาบาส เป็นผู้รักษาประตู กองหลังประกอบด้วย คริสเตียน กัมโบอา, ออสการ์ ดูอาร์เต้, จานคาร์โล กอนซาเลซ, มิชาเอล อูมาน่า, จูเนียร์ ดิอาซ กองกลางเป็น รันดัลล์ เบรเนส, เซลโซ่ บอร์เกส, เยลต์ซิน เตเฮด้า, มิชาเอล บาร์รานเตส โดยมี มาร์โก้ อูเรน่า เป็นหัวหอกตัวเป้า
ส่วน"สิงโตคำราม"อังกฤษ แชมป์โลก 1 สมัยจากยุโรป นัดแรกแพ้อิตาลี 1-2 นัดต่อมาแพ้อุรุกวัย 1-2 ลงเตะ 2 นัดยังไม่มีแต้ม ตกรอบแน่นอนแล้ว สภาพทีมยังต้องเช็กฟิต อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แต่น่าจะลงไม่ได้ตามเดิม เกมนี้คาดว่าจะให้โอกาสแข้งสำรองลงสัมผัสเกมบ้าง ด้วยหมาก 4-2-3-1 เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ ลงเฝ้าเสา กองหลังใช้ ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, แกรี่ เคฮิลล์, ลุก ชอว์ คู่กลางรับ แฟรงก์ แลมพาร์ด ประสานงานกับ แจ๊ก วิลเชียร์ กลางรุกประกอบด้วย อดัม ลัลลาน่า, รอสส์ บาร์กลีย์, เจมส์ มิลเนอร์ โดยมี ริกกี้ แลมเบิร์ต เป็นศูนย์หน้าตัวเป้า ทั้งนี้อังกฤษคงเล่นเต็มที่เพื่อไม่ให้พ่าย 3 นัดรวด
คู่นี้ยังไม่เคยพบกันมาก่อน ผู้ตัดสินนัดนี้ ฌาแมล ไฮมูดี้ จากแอลจีเรีย
อิตาลีชี้ชะตาอุรุกวัย
อีกคู่ของกลุ่มเดียวกันเตะเวลา 23.00 น. พร้อมกัน ที่สนามอารีน่า ดาส ดูนาส เมืองนาทัล เป็นเกมชี้ชะตาหาทีมเข้ารอบตามคอสตาริกา "อัซซูรี่"อิตาลี แชมป์โลก 4 สมัยจากยุโรป นัดแรกชนะอังกฤษ 2-1 นัดต่อมาแพ้คอสตาริกา 0-1 เก็บได้ 3 แต้ม นัดนี้ขอแค่เสมอ "ฟ้าคราม"อุรุกวัยจะผ่านเข้ารอบทันที เพราะประตูได้เสียดีกว่า
สภาพทีมต้องรอเช็กความฟิต มัตเตีย เด ชิโญ่, มาร์โก แวร์รัตติ, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ โดยจะใช้แผน 4-1-4-1 จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน รับบทนายทวาร กองหลังจากขวาไปซ้าย อิกนาซิโอ อบาเต้, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, มัตเตโอ ดาร์เมียน โดยมี ติอาโก้ ม็อตต้า ทำหน้าที่กลางรับ ส่วนแดนกลางรายอื่นมี อันโตนิโอ คันเดรว่า, อันเดรีย ปิร์โล่, อัลแบร์โต้ อาควิลานี่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ทิ้งให้ มาริโอ บาโลเตลลี่ ค้ำแดนหน้าคนเดียว
ด้าน "ฟ้าคราม"อุรุกวัย แชมป์โลก 2 สมัยจากอเมริกาใต้ นัดแรกแพ้คอสตาริกา 1-3 นัดต่อมาชนะอังกฤษ 2-1 เก็บได้ 3 แต้ม นัดนี้ต้องชนะสถานเดียวหากหวังเข้ารอบ เนื่องจากประตูได้เสียเป็นรองอิตาลี
"ซัวเรซ"วัดคม"บาโลเตลลี่"
สภาพทีมนัดนี้คาดว่าจะได้ มักซิมิเลียโน่ แปร์เรร่า พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีม แต่ยังต้องเช็กความฟิต ดิเอโก้ ลูกาโน่, อัลวาโร่ แปร์เรร่า โดยจะใช้แผน 4-3-1-2 เฟอร์นันโด มุสเลร่า ลงเฝ้าเสา กองหลังใช้ มักซิมิเลียโน่ แปร์เรร่า, ดิเอโก้ โกดิน, โฮเซ่ มาเรีย จิเมเนซ, มาร์ติน คาเซเรส แดนกลางเป็น อัลวาโร่ กอนซาเลซ, เอจิดิโอ อเรวาโล่ ริออส, คริสเตียน โรดริเกซ โดยมี นิโคลัส โลเดโร่ ทำหน้าที่กลางรุก ส่วนคู่กองหน้า เอดินสัน คาวานี่ จะประสานงานกับ หลุยส์ ซัวเรซ
คู่นี้เคยเจอกัน 10 ครั้ง อุรุกวัยชนะ 3 ครั้ง เสมอกัน 4 ครั้ง อิตาลีชนะ 2 ครั้ง ล่าสุดเจอกันศึกฟีฟ่า คอนเฟเดเรชันส์ คัพ 2013 รอบชิงอันดับ 3 ผลเสมอกันใน 90 นาที 2-2 ต่อเวลาเสมอกันด้วยสกอร์เดิม สุดท้ายอิตาลีชนะจุดโทษ 3-2 ผู้ตัดสินนัดนี้คือ มาร์โก โรดริเกซ จากเม็กซิโก
ญี่ปุ่นบู๊โคลัมเบียลุ้นหลายชั้น
อีก 2 คู่ของกลุ่มซีจะลงเตะสั่งลารอบแรกพร้อมกัน เวลา 03.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 24 มิ.ย. ที่สนามอารีน่า ปันตานัล เมืองคูยาบา "ซามูไร"ญี่ปุ่น จากเอเชีย นัดแรกแพ้ไอวอรีโคสต์ 1-2 นัดต่อมาเสมอกรีซ 0-0 เก็บได้ 1 แต้ม เกมนี้ต้องชนะโคลัมเบียสถานเดียว และต้องยิงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วไปลุ้นให้ไอวอรีโคสต์ไม่ชนะกรีซ
สภาพทีมต้องรอเช็กความฟิต มาโกโตะ ฮาเซเบ้ แต่ไม่น่าจะลงเล่นไหว คาดว่าจะใช้แผน 4-2-3-1 เออิจิ คาวาชิม่า ลงเฝ้าเสา กองหลังใช้ อัตซูโตะ อูชิดะ, มายะ โยชิดะ, มาซาโตะ โมริชิเกะ, ยูโตะ นากาโตโมะ คู่กลางรับ ยาสุฮิโตะ เอ็นโดะ ประสานงานกับ โฮตารุ ยามากูชิ กลางรุกเป็น ชินจิ โอคาซากิ, เคสุเกะ ฮอนดะ, ชินจิ คากาวะ ทิ้งให้ ยูยะ โอซาโกะ ห้อยในแดนหน้า
ด้านโคลัมเบีย จากอเมริกาใต้ นัดแรกเอาชนะกรีซ 3-0 นัดต่อมาเฉือนไอวอรีโคสต์ 2-1 เก็บ 6 คะแนนเต็ม นำจ่าฝูง และผ่านเข้ารอบ 16 ทีมแน่นอนแล้ว นัดนี้แค่เสมอก็จะได้แชมป์กลุ่ม สภาพทีมสมบูรณ์ไม่มีบาดเจ็บหรือติดโทษแบน แต่อาจส่งตัวสำรองลงเล่นบ้าง คาดว่าจะวางหมาก 4-2-3-1 ดาวิด ออสปินา เป็นนายทวาร กองหลังมี ฮวน คามิโล ซูนิก้า, คริสเตียน ซาปาต้า, มาริโอ เยเปส, ซานติอาโก้ อาริอัส คู่กลางรับ อเบล อกิร์ลา ประสานงานกับ เฟรดี้ กวาริน กลางรุกใช้ ฮวน กินเตโร, เจมส์ โรดริเกซ, วิกเตอร์ อิบาร์โบ โดยมี แจ๊กสัน มาร์ติเนซ เป็นหัวหอกตัวเดียว
คู่นี้ เคยเจอกัน 2 ครั้ง โคลัมเบียชนะ 1 เสมอกัน 1 ครั้ง ล่าสุดศึกกิริน คัพ 2007 เสมอกัน 0-0 ผู้ตัดสิน เปโดร โปรเอ็นซ่า จากโปรตุเกส
ไอวอรีโคสต์ได้เปรียบกรีซ
อีกคู่ลงเตะเวลา 03.00 น. พร้อมกัน ที่สนามเอสตาดิโอ คาสเตเลา เมืองฟอร์ตาเลซ่า กรีซ จากยุโรป นัดแรกพ่ายโคลัมเบีย 0-3 นัดต่อมาเสมอญี่ปุ่น 0-0 เก็บได้ 1 แต้ม เกมนี้ต้องชนะ"ช้างดำ"ไอวอรีโคสต์ สถานเดียว และต้องลุ้นให้ญี่ปุ่นไม่ชนะโคลัมเบีย
สภาพทีมจะไม่มี คอสตาส คาสซูรานิสที่ติดโทษแบน และต้องเช็กความฟิต คอสตาส มิโตรกลู, คอสตาส มาโนลาส โดยจะวางหมาก 4-5-1 โอเรสติส คาร์เนซิส ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ วาซิลิส โทโรซิดิส, โซคราติส ปาปาสตาโตปูลอส, คอสตาส มาโนลาส, โฮเซ่ โฮเลบาส กองกลางประกอบด้วย ดิมิทริส ซัลปินจิดิส, พานาจิโอติส โคเน่, จิอันนิส มาเนียติส, จอร์จอส คารากูนิส, จอร์จอส ซามาราส โดยมี ธีโอฟานิส เกคาส เป็นหัวหอกตัวเป้า
ด้าน "ช้างดำ"ไอวอรีโคสต์ จากแอฟริกา เกมแรกเฉือนญี่ปุ่น 2-1 เกมต่อมาแพ้โคลัมเบีย 1-2 เก็บได้ 3 แต้ม เกมนี้ถ้าชนะการันตีการเข้ารอบ หรือถ้าแค่เสมอก็ต้องลุ้นให้ญี่ปุ่นไม่ชนะโคลัมเบีย
สภาพทีมไม่สามารถใช้งาน ดิดิเยร์ โซโกร่า ที่ติดโทษแบน คาดว่าใช้ระบบ 4-2-3-1 บูบาการ์ แบร์รี่ เป็นนายทวาร กองหลังจากขวาไปซ้าย แซร์จ โอริเยร์, โคโล ตูเร่, ซูเลย์มาเน่ บัมบ้า, อาร์ตูร์ โบก้า คู่กลางรับ เซเรย์ ดี ประสานงานกับ ชีก ติโอเต้ กลางรุกประกอบด้วย ซาโลมง กาลู, ยาย่า ตูเร่, แชร์วินโญ่ ส่วนศูนย์หน้าตัวเป้า ดิดิเยร์ ดร็อกบา น่าได้เป็นตัวจริง
คู่นี้ไม่เคยเจอกันมาก่อน ผู้ตัดสิน คาร์ลอส เวร่า จากเอกวาดอร์