วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8606 ข่าวสดรายวัน


สิงโต ซึม-ซัวเรซแสบ ซัด 2 ตุง คืนนี้'เมสซี่'นำทัพ อาร์เจนฯดวลอิหร่าน กานาต้องชนะเยอรมัน'บาโลเตลลี่'โชว์เกรียน ขอให้'ควีน'หอมแก้ม ถ้าอิตาลีช่วยยื้ออังกฤษ

ฝังสิงโต - หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย ซัด บอลผ่านมือ โจ ฮาร์ต ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ให้ทีมแซงขึ้นนำ 2-1 ก่อนรักษาสกอร์ ไว้ได้จนหมดเวลา 90 นาที โดยซัวเรซเหมาทั้งหมด 2 ลูก

        เทพ "ซัวเรซ" สุดแสบ โหม่ง 1 ตะบัน 1 ให้อุรุกวัยคว้าชัยเหนืออังกฤษ 2-1 ได้ลุ้นเข้ารอบ 2 ในนัดสุดท้ายกับอิตาลี ขณะที่สิงโตคำรามอาการร่อแร่ ต้องลุ้นหลายลุ้นตั้งแต่เชียร์อัซซูรี่ชนะทั้งคอสตาริกาและอุรุกวัย แล้วตัวเองต้องชนะทีมกล้วยหอมแบบยิง ประตูเยอะๆ ในนัดสุดท้าย ดาวยิงจากลิเวอร์พูล สุดสะใจได้กลบเสียงเยาะเย้ยกองเชียร์ผู้ดี ส่วนกุนซือฮอดจ์สันยืนยันยังไม่ลาออก "โคลัมเบีย"ลอยลำเข้ารอบอีกทีมหลังเบียดชนะไอวอรีโคสต์ 2-1 ส่วน"ขุนศึกซามูไร"สุดเซ็งทำอะไรกรีซ 10 คนไม่ได้ ต้องลุ้นเหนื่อยนัดสุดท้ายต่อไป "มาริโอ บาโลเตลลี่" ดาวยิงมาดเกรียนโชว์เกรียนอีก ขอให้ควีนอลิซา เบธมาหอมแก้ม ถ้าอิตาลีช่วยสยบคอสตาริกาเพิ่มความหวังเข้ารอบให้กับอังกฤษ

อังกฤษ-อุรุกวัยหลังพิงฝาทั้งคู่
    การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 นัดประจำคืนวันพฤหัสบดีที่ 19 มิ.ย. กลุ่มดี นัดที่สอง ระหว่างทีม "สิงโตคำราม"อังกฤษ อดีตแชมป์โลก 1 สมัย พบกับ "ฟ้าคราม"อุรุกวัย อดีตแชมป์โลก 2 สมัย เกมแรกทั้งสองทีมแพ้มาด้วยกันทั้งคู่ นัดนี้จึงต้องการชัยชนะเพราะหากพลาดท่าปราชัยอีกโอกาสตกรอบแรกแทบเกือบจะ 100%
     เกมนี้ รอย ฮอดจ์สัน กุนซืออังกฤษยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากนัดแรกที่แพ้อิตาลี 1-2 ขณะที่อุรุกวัยที่นัดแรกเสียท่าให้แก่ "กล้วยหอม" คอสตาริกา 1-3 ได้รับข่าวดี เมื่อหลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกตัวเก่งจาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สามารถเรียกความฟิตกลับมาลงสนามเป็น 11 ตัวจริงได้ทันเวลา

'ซัวเรซ'โชว์เทพโขกขึ้นนำ
    เริ่มเกมสิงโตคำรามครองบอลได้มากกว่า นาทีที่ 9 เกือบได้ประตูก่อน จากจังหวะเวย์น รูนีย์ ปั่นฟรีคิกโค้งหนีกำแพง บอลหลุดกรอบไปนิดเดียว จากนั้นอังกฤษเดินเกมรุกใส่ต่อเนื่อง นาทีที่ 30 สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมเปิดฟรีคิกจากริมเส้นด้านซ้าย เฟอร์นันโด มุสเลร่า นายด่านอุรุกวัยตัดบอลพลาด บอลไปถึงเสาสอง รูนีย์เทกตัวขึ้นโขกจ่อๆ แต่บอลชนคานอย่างน่าเสียดาย
     กระทั่งนาทีที่ 38 อุรุกวัยได้เฮกันสนั่น เมื่อเอดินสัน คาวานี่ พาบอลขึ้นมาทางด้านซ้ายก่อนชิพบอลโด่งข้ามฟิล จากีลก้า ชนิดเท้าชั่งทองมาให้หลุยส์ ซัวเรซ ที่วิ่งเติมขึ้นมาบรรจงโหม่งย้อนศรผ่านมือโจ ฮาร์ต ประตูสิงโตคำรามเข้าประตูไปอย่างสุดสวย เป็นประตูที่ 40 ในทีมชาติของดาวยิงลิเวอร์พูล อุรุกวัยขึ้นนำ 1-0 และรักษาไว้ได้จนจบครึ่งแรก

'รูนีย์'ทำประตูแรกในบอลโลก
     ครึ่งหลัง นาทีที่ 60 มักซิมิเลียโน่ แปร์ เรร่า กองหลังอุรุกวัยหมดสติในสนาม จากจังหวะศีรษะโดนเข่าของราฮีม สเตอร์ลิ่ง อย่างจัง ต้องเรียกแพทย์ลงมาปฐมพยาบาล แต่สามารถเล่นต่อได้ นาทีที่ 75 อังกฤษตามตีเสมอ 1-1 สำเร็จ จากจังหวะเกล็น จอห์นสัน กระชากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนเปิดให้เวย์น รูนีย์ เข้ามาชาร์จจ่อๆ เป็นประตูแรกของรูนีย์ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และเป็นประตูที่ 40 ในนามทีมชาติ

เทพซัวเรซตะบันประตูชัย
    จากนั้นสิงโตคำรามเดินเครื่องบุกหนักและมีโอกาสเพิ่มสกอร์หลายครั้ง แต่กลับต้องเสียประตู ในนาทีที่ 85 เมื่อเฟอร์นันโด มุสเลร่า นายทวารอุรุกวัยเปิดบอลยาวมากลางสนาม เจอร์ราร์ด ขึ้นโหม่งเบียดกับคาวานี่ แต่ผิดจังหวะ บอลแฉลบเลยไปถึงซัวเรซ กระชากบอลเข้าไปตะบันเต็มหลังเท้าขวาสวนตัวโจ ฮาร์ต ตุงตาข่าย เป็นประตูชัยให้ อุรุกวัยเฉือนชนะอังกฤษ 2-1 เก็บ 3 แต้มสำเร็จ ยังมีโอกาสผ่านเข้ารอบ แต่ต้องไปวัดกับอิตาลีนัดสุดท้าย ส่วนอังกฤษโอกาส เข้ารอบเลือนราง ต้องลุ้นให้อิตาลีชนะทั้งคอสตาริกา และอุรุกวัย ขณะที่สิงโตคำรามก็ต้องชนะคอสตาริกาในเกมสุดท้าย และต้องทำประตูให้มากกว่าทีมคู่แข่งในกลุ่ม

โคลัมเบียดับไอวอรีโคสต์
     ส่วนผลคู่กลุ่มซี นัดที่สอง โคลัมเบียนัดแรกชนะกรีซ 3-1 พบกับไอวอรีโคสต์นัดแรกชนะญี่ปุ่น 2-1 ที่กรุงบราซิเลีย ครึ่งแรกยิงกันไม่ได้ เสมอ 0-0 ครึ่งหลังโคลัมเบียบุกได้น่ากลัวกว่า และได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะฮวน กัวดราโด้ เปิดลูกเตะมุมให้เจมส์ โรดริเกซ ขึ้นโขกเหนือดิดิเยร์ ดร็อกบา ส่งบอลเข้าตุงตาข่ายนาที 64 ก่อนจะได้ประตูที่สองจากจังหวะ เตโอฟิโล กูเตียร์เรซ ฉกบอลได้จากกลางสนาม ไหลให้ฮวน เฟอร์นานโด กินเตโร่ หลุดเข้าไปแปหนีมือบูบาการ์ บาร์รี่ นายทวาร "ช้างดำ" จากกาฬทวีปเข้าไปอย่างสวยงาม โคลัมเบียนำห่าง 2-0
     กระทั่งนาทีที่ 73 แชร์วินโญ่ทวงประตูคืนให้ไอวอรีโคสต์ ไล่มาเป็น 1-2 จากจังหวะที่อดีตหัวหอกทีมอาร์เซนอลลากเลื้อยจากริมเส้นหลบกองหลังโคลัมเบียสองคน ก่อนสับไกด้วยเท้าขวายัดเข้าเสาแรกสุดสวย ท้ายเกมไอวอรีโคสต์โหมบุกหนักแต่ยิงเพิ่มไม่ได้ จบเกมโคลัมเบียเฉือนชนะ 2-1 คว้าชัยเป็นเกมที่ 2 มี 6 คะแนนเต็มเข้ารอบสองแน่นอนแล้ว 

กรีซ 10 คนต้านเสมอซามูไร
    อีกคู่ของกลุ่มซี "ขุนพลซามูไร"ญี่ปุ่น พบกับกรีซ ที่เมืองนาตัล เกมนี้แข้งซามูไรได้โอกาสลุ้นก่อนในครึ่งแรก จากจังหวะเคสุเกะ ฮอนดะ ปั่นฟรีคิกระยะ 23 หลา บอลข้ามกำแพงกำลังจะมุดเข้าประตู แต่โอเรสติส คาร์เนซิส ประตูกรีซ พุ่งปัดไว้ได้ ชินจิ โอคาซากิ ตามยิงซ้ำ แต่นายด่านกรีซยังเซฟไว้ได้ นาที 28 อดีตแชมป์ยุโรปที่รูปเกมเป็นรองต้องเสียเปรียบกว่าเดิม เมื่อคอสตาส คาสซูรานิส พุ่งเสียบมาโกโตะ ฮาเซเบ้ โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนามนาที 37 แต่ถึงแม้จะเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน ทว่ากรีซอาศัยรูปร่างใหญ่โตกว่ามากลงมาตั้งรับเต็มหน้าประตูตัวเอง ต้านทานการบุกแหลกของนักเตะซามูไรได้อย่างแข็งแกร่ง จบเกมเสมอ 0-0 แบ่งกันทีมละ 1 แต้ม ต้องไปชี้ชะตาเข้ารอบในนัดสุดท้าย โดยกรีซจะพบกับไอวอรีโคสต์ ส่วนญี่ปุ่นพบกับโคลัมเบีย

'ฮอดจ์สัน'ลั่นไม่ลาออก
    รอย ฮอดจ์สัน กุนซืออังกฤษประกาศยังไม่คิดลาออกจากตำแหน่ง แม้นำทัพสิงโตคำรามทำผลงานย่ำแย่ด้วยการแพ้ 2 นัดติดในรอบแรก หากอิตาลีไม่ชนะคอสตาริกาในคืนวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. ลูกทีมของฮอดจ์สันจะตกรอบแรกทันที

ปลอบใจ - หลุยส์ ซัวเรซ ปลอบใจสตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมชาติอังกฤษ เพื่อนร่วมสโมสรลิเวอร์พูล หลังอุรุกวัยเฉือนชนะอังกฤษ ทำให้โอกาสเข้ารอบ 2 ค่อนข้างริบหรี่ เพราะแพ้ติดกันถึง 2 นัด

     "ผมไม่มีความคิดที่จะลาออกจากตำแหน่ง เพราะยังมีความสุขกับการทำทีมของตัวเองและกับนักเตะ เราทำงานกันหนักมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แน่นอนผมผิดหวังที่ผลการแข่งขันออกมาไม่ดี แต่ไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องลาออกตอนนี้ อย่างไรก็ตามถ้าสมาคมฟุตบอลอังกฤษคิดว่าผมไม่ใช่คนที่สมควรทำหน้าที่ต่อ นั่นเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะพิจารณาไล่ผมออก แต่จะไม่ใช่การตัดสินใจของผมแน่นอน" ฮอดจ์สันกล่าว
     กุนซือวัย 67 ปีของอังกฤษกล่าวอีกว่า "เราจำเป็นต้องชนะอุรุกวัยนัดนี้เพื่อลุ้นเข้ารอบ หรือเสมอก็ยังดี แต่เราทำไม่สำเร็จ ตอนนี้โอกาสของเราริบหรี่เต็มทน ต้องพึ่งอิตาลีให้ชนะในสองนัดถัดไป แล้วเราก็ต้องชนะคอสตาริกาด้วยผลต่างประตูที่เยอะมาก ซึ่งมันรับประกันอะไรไม่ได้เลย ผมรู้สึกผิดหวัง เจ็บปวดและเศร้าใจมาก มันชามันตื้อไปหมดตอนนี้ เพราะเราเดินทางมาที่นี่อย่างมีความหวังแต่ไม่สามารถทำได้ตามที่คาดหวังไว้"

'เจอร์ราร์ด'อาจอำลาทีมชาติ
    ส่วนสตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีมแย้มอาจเลิกเล่นทีมชาติหลังจบฟุตบอลโลก พร้อมระบุว่าอังกฤษไม่ได้เล่นแย่แม้แพ้ 2 นัดติด เพียงแต่ขาดการวางแผนเกมที่ดีและเล่นไม่ฉลาด รวมทั้งไม่เด็ดขาดพอที่จะเป็นฝ่ายคว้าชัยหลังจากตีเสมอได้ และเกมนี้หลุยส์ ซัวเรซ ก็อันตราย ฉลาดและเฉียบขาดมากในแดนหน้า ทั้งที่ไม่ได้เล่นมา 5 สัปดาห์ แต่ทุกคนตระหนักถึงศักยภาพของซัวเรซดี สำหรับฮอดจ์สันเป็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม วางแท็กติกดี แต่เราไม่สามารถทำได้ตามแผนของเขา ดังนั้น เราต้องรับผิดชอบ
    ด้านสื่อผู้ดีต่างพาดหัวข่าวต่างกันไปเกี่ยวกับเกมนัดนี้ "เดอะ ซัน" พาดหัวติดตลกว่า อังกฤษจะเข้ารอบหากอิตาลีชนะทุกนัดที่เหลือ และเวย์น รูนีย์ ยิงประตูถล่มทลายในนัดสุดท้ายกับคอสตาริกา ขณะที่สื่ออื่นๆ "เมล สปอร์ต" และ "สตาร์ สปอร์ต" ชื่นชมหลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงอุรุกวัยที่ทำ 2 ประตู ส่วน "เดลี่ สตาร์" ยอมรับว่าอังกฤษต้องพึ่งปาฏิหาริย์
    ทั้งนี้ หากอังกฤษตกรอบจะเป็นครั้งแรกที่ไม่สามารถผ่านเข้ารอบสองศึกฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ปี 1958

'ซัวเรซ'สะใจกลบเสียงพวกผู้ดี
    ขณะที่หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าฮีโร่ของ อุรุกวัยที่ฟิตกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลา กล่าวว่า "ก่อนเกมนี้ผู้คนมากมายในอังกฤษต่างหัวเราะเยาะกับทัศนคติของผมตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นี่จึงเป็นเวลาที่ดีสำหรับผม และอยากเห็นจริงๆ ว่าตอนนี้พวกเขาคิดอย่างไร มันเหมือนฝันเลยที่ผมสามารถทำได้ถึง 2 ประตูในเกมกับอังกฤษ ซึ่งเป็นการกลับมาลงเล่นเกมแรกสำหรับผมในฟุตบอลโลกครั้งนี้ มันยอดเยี่ยมจริงๆ ผมเองได้รับบาดเจ็บไปนานและต้องพักฟื้นอยู่หลายสัปดาห์ทีเดียวกว่าจะกลับมาลงสนามได้ ผมมีความสุขมากที่เราเก็บชัยชนะคว้า 3 แต้มได้สำเร็จ แม้ว่าเกมแรกเราออกตัวไม่ดีเท่าไหร่ แต่ตอนนี้กำลังใจของเรากลับมาแล้ว"
    ดาวยิงจากลิเวอร์พูลกล่าวถึงเกมต่อไปว่า "สำหรับเกมกับอิตาลียอมรับว่าเป็นเกมที่หนักเอาการทีเดียว แต่ผมและเพื่อนๆ จะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อพวกเราจะได้ก้าวเข้าสู่รอบต่อไป"
    ออสการ์ ตาบาเรซ ผู้จัดการทีมอุรุกวัย กล่าวชื่นชมผลงานลูกทีม โดยให้เครดิต เอดินสัน คาวานี่ กองหน้าจากปารีสแซงต์แยร์แมง เป็นพิเศษ หลังเปิดบอลให้ซัวเรซโหม่งลูกแรก และขยันไล่กดดันสตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมผู้ดีจนเล่นไม่ออก รวมทั้งมีส่วนช่วยให้ได้ประตูที่สองด้วย

โคลัมเบียยกเป็นชุดประวัติศาสตร์
     ทางด้านโฮเซ่ เปเกร์มัน กุนซือโคลัมเบีย กล่าวยกย่องความพยายามและผลงานของลูกทีมทำได้ยอดเยี่ยม จนสามารถคว้าชัยเหนือไอวอรีโคสต์ 2-1 รู้สึกมีความสุขมากกับฟอร์มการเล่นของนักเตะทุกคน รวมทั้งดีใจที่เห็นทีมมาถึงระดับนี้ได้
     เจมส์ โรดริเกซ มิดฟิลด์ตัวเก่งที่ทำ 1 ประตูเกมนี้ และคว้ารางวัลแมน ออฟ เดอะแมตช์ กล่าวว่า เกมนี้ยากกว่าเจอกรีซนัดแรก เพราะนักเตะทีมไอวอรีโคสต์มีความแข็งแกร่งกว่า แต่ก็พอใจที่ทำประตูได้ และช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบ
     ขณะที่แฟนบอลโคลัมเบียยกย่องทีมชุดนี้ว่าเป็นชุดประวัติศาสตร์ เป็นทีมที่พลิกฟื้นศักดิ์ศรีฟุตบอลให้กับชาวโคลัมเบีย เพราะทีมไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลกมานานถึง 16 ปี รวมทั้งหวังลึกๆ ว่าจะสร้างเซอร์ไพรส์เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ

ซามูไรเซ็งไม่ชนะกรีซ 10 คน
     อัลแบร์โต้ ซักเคโรนี่ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่นชาวอิตาลี ผิดหวังแข้ง "ซามูไร" ขาดประสิทธิภาพในจังหวะจบสกอร์ ส่งผลให้ทำได้แค่เสมอกรีซ ที่เหลือผู้เล่น 10 คน 0-0 ประตู ในนัดที่สอง ของกลุ่มซี เก็บได้เพียงแต้มเดียว
    ญี่ปุ่นได้เปรียบตัวผู้เล่นตั้งแต่ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก 7 นาที และมีสถิติผ่านบอลเหนือคู่แข่งถึง 553-117 ครั้ง แต่จังหวะเข้าทำไม่เด็ดขาด หลังเกมซักเคโรนี่กล่าวว่า "รู้สึกผิดหวังมาก เพราะคาดหวังว่าจะชนะได้ สถานการณ์ทุกอย่างก็เป็นใจ แต่เราไม่มีทีเด็ดเพื่อน็อกคู่แข่ง เราสร้างสรรค์โอกาสทำประตูหลายครั้งแต่คว้าไว้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ผมคาดหวังว่าเราน่าจะหาจังหวะเข้าทำประตูได้มากกว่านี้ เราบุกตั้งแต่ต้นเกม แต่ขาดความเฉียบคมในกรอบเขตโทษ"

ทีมเทพนิยายหวังพึ่งพระเจ้า
    ส่วนเฟอร์นันโด ซานโต๊ส กุนซือกรีซ กล่าวว่า ลูกทีมทำได้ยอดเยี่ยม เราต้องทำงานหนักมากหลังมีใบแดง หากไม่มีใบแดงเราน่าจะเก็บชัยชนะได้จากเกมนี้
    ขณะที่โซคราติส ปาปาสตาโตปูลอส นักเตะจากแดนเทพนิยาย เสริมว่า ทีมเริ่มต้นได้แย่ และยังมาเสียผู้เล่นไป 1 คน แต่ยังยื้อจนแบ่งแต้มได้ ทำให้ทีมยังมีความหวังเข้ารอบ หากทุกอย่างเป็นใจ ขอให้เราเก็บ 4 แต้มด้วยการเอาชนะนัดต่อไป แต่หากพระเจ้าจะตัดสินให้เราตกรอบเพราะผลการแข่งขันของอีกคู่ก็ปล่อยให้มันเป็นไป

เสียบตาข่าย - ไบรอัน รุยซ์ กองกลาง คอสตาริกา โขกบอลเสียบคานตุงตาข่าย ขณะที่จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน นายทวารอิตาลีพุ่งปัดไม่ทัน จบเกมคอสตาริกา ช็อกโลกชนะทีมแชมป์ 4 สมัย 1-0

    โปรแกรมนัดสุดท้ายกลุ่มนี้ ทั้ง 2 คู่เตะพร้อมกันคืนวันอังคารที่ 24 มิ.ย. เวลา 03.00 น.รุ่งเช้าวันพุธที่ 25 มิ.ย. โคลัมเบียพบกับญี่ปุ่น และกรีซพบกับไอวอรีโคสต์

'โอ้'เกรียน-ขอให้ควีนหอมแก้ม
     มาริโอ บาโลเตลลี่ ดาวยิงทีมชาติอิตาลี โชว์ความเกรียนให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง เมื่อทวีตข้อความขอให้ควีนอลิซาเบธ แห่งสหราชอาณาจักรหอมแก้มตน หากนักเตะอัซซูรี่สามารถคว้าชัยชนะเหนือคอสตาริกาได้
    ภายหลังจาก "สิงโตคำราม"อังกฤษ พลาดท่าแพ้ต่ออุรุกวัย 1-2 ประตู ทำให้ทัพสิงโตคำรามต้องพึ่งพานักเตะอัซซูรี่หากยังต้องการเข้ารอบฟุตบอลโลก โดยอังกฤษจะมีลุ้นเข้ารอบก็ต่อเมื่ออิตาลีเก็บชัยชนะสองนัดที่เหลือกับคอสตาริกา และอุรุกวัย แล้วอังกฤษก็ต้องเอาชนะคอสตาริกาแบบยิงประตูตุนให้มากที่สุดในนัดสุดท้าย บาโล เตลลี่ได้ทวีตข้อความ ใจความว่า "If we beat Costa Rica I want a kiss, obviously on the cheek, from the UK Queen." แปล ความหมายได้ว่า "ถ้าเราเอาชนะคอสตาริกาได้ ผมต้องการให้ราชินีแห่งสหราชอาณาจักรหอมแก้มผม"

อิตาลีพิสูจน์แข้งกล้วยหอม
    ศึกฟุตบอลโลกนัดประจำคืนวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. คู่แรก 23.00 น. นัดที่สองของกลุ่มดี "อัซซูรี่"อิตาลี อดีตแชมป์โลก 4 สมัย พบกับ "กล้วยหอม"คอสตาริกา นัดแรกทั้งคู่เก็บ 3 แต้มไว้ในมือ โดยขุนพลอัซซูรี่เฉือนอังกฤษ 2-1 ขณะที่คอสตาริกาชนะอุรุกวัย 3-1 เกมนี้ใครชนะจะเข้ารอบทันที เซซาเร่ ปรันเดลลี่ โค้ชอิตาลีวางตัว จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน ผู้รักษาประตูจากยูเวนตุสที่หายจากบาดเจ็บกลับมาลงเฝ้าเสา พร้อมกับสวมปลอกกัปตันทีม
    ขณะที่ฮอร์เก้ หลุยส์ ปินโต้ ผจก.คอสตาริกา ยังคงใช้ชุดเดิมลงสนามด้วยระบบ 4-5-1 โจ เอล แคมป์เบลล์ ฮีโร่ในเกมเอาชนะอุรุกวัย ยังเป็นกำลังหลัก ส่วนคริสเตียน โบลานอส และโฮเซ่ มิเกล คูเบโร่ 2 มิดฟิลด์ พร้อมลงสนาม
    รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง อิตาลี : จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, อิกนาซิโอ อบาเต้, มัตเตโอ ดาร์เมียน, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, อันเดรีย บาร์ซาญี่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, อันเดรีย ปิร์โล่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, อันโตนิโอ คันเดรว่า, ติอาโก้ ม็อตต้า และมาริโอ บาโลเตลลี่
     คอสตาริกา : เคย์เลอร์ นาบาส, คริสเตียน กัมโบอา, จูเนียร์ ดิอาซ, ออสการ์ ดูอาร์เต้, มิชาเอล อูมาน่า, จานคาร์โล กอนซาเลซ, เยลต์ซิน เตเฮด้า, คริสเตียน โบลานอส, เซลโซ่ บอร์เกส, โจเอล แคมป์เบลล์ และ ไบรอัน รุยซ์
    เริ่มเกมที่สนาม อิตาปาว่า อรีน่า แปร์นัมบูกู เมืองเรซีเฟ่ เอ็นริเก้ โอสเซส ผู้ตัดสินชาวชิลีเป่าเริ่มเกม อิตาลีเขี่ยบอลก่อนเพียงแค่นาทีแรกก็ได้จังหวะวูบวาบจากการ เปิดบอลยาวให้ มาร์คิซิโอ หลุดเดี่ยว ทว่า ผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้า ขุนพลอัซซูรี่ต่อบอลทำชิ่งขึ้นทางกราบซ้าย ก่อนจะถูกสกัดบอลออกเป็นลูกเตะมุมโยนเข้ามาเสาสอง แต่บาโลเตลลี่ไปผลักผู้เล่นคู่แข่งหงายท้องก่อนตวัดบอลหวดข้ามคานเช่นกัน ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกฟาวล์ 
    ผ่านไปสิบนาที อิตาลีเริ่มครองเกม แต่นักเตะแดนกล้วยหอมไม่เกรงศักดิ์ศรี เคาะบอลลูกเรียดตามช่องสวนกลับเป็นระลอก นาที 18 คอสตาริกาได้ลูกเตะมุม แคมป์เบลล์โยนบอลยาวเลยเสาสองออกไปแบบเสียของ แนวรับของอิตาลียังคงประสานงานกันได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังเปิดบอลยาวมาให้ บาโลเตลลี่ กระชากเข้ากรอบเขตโทษ แต่ก็ยังถูกแผงรับของคอสตาริกาสามสี่คนช่วยกันรุมสกัดทิ้งออกมากลางสนาม

บาโลเตลลี่หลุดเดี่ยวทำหมูหก
     ผ่านไปครึ่งชั่วโมง อิตาลีมีโอกาสน่า จะได้ประตูอย่างที่สุด จากจังหวะ อันเดรีย ปิร์โล่โยนบอลยาวแบบจับวางให้ บาโลเตลลี่ หลุดล้ำหน้าจับบอลหนึ่งจังหวะก่อนกระดกข้ามหัวผู้รักษาประตูคอสตาริกา ทว่าบอลกลับออกนอกกรอบไปอย่างเหลือเชื่อ 2 นาทีถัดมาอิตาลีโยนบอลหลุดแนวรับมาถึงบาโลเตลลี่อีกครั้ง ดาวยิงมาดเกรียนตวัดยิงเต็มเหนี่ยวแต่บอลตรงตัวนายทวารจอมหนึบล้มตัวเซฟแม้บอลจะกระฉอกออกมา แต่ยังตามมาตะปบไว้ได้หวุดหวิด แชมป์โลก 4 สมัย ยังคงโหมเกมรุกเข้าใส่เป็นระลอก นาที 36 คอสตาริกาทักทายบ้าง เมื่อ คริสเตียน โบลานอส ได้โอกาสหวดเต็มข้อบ้างบอลพุ่งเสียบเสาสอง แต่บุฟฟ่อนล้มตัวเซฟลูกอันตรายไว้ได้หวุดหวิด 

กล้วยหอมเกือบได้โทษก่อนขึ้นนำ
     จากจังหวะคอสตาริกา น่าจะได้ลูกจุดโทษนาที 43 โจเอล แคมป์เบลล์ กระชากหลุดเดี่ยวเข้าไป ก่อนโดน จอร์โจ้ คิเอลลินี่ เบียดกระแทกล้มดื้อๆ ในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินกลับไม่ให้เป็นลูกจุดโทษ ทำเอาฮอร์เก้ หลุยส์ ปินโต้ กุนซือคอสตาริกา ต้องลุกขึ้นโวยวายทว่าอึดใจต่อมาความพยายาม ก็สัมฤทธิผล จูเนียร์ ดิอาซ ลากบอลขึ้นมาจากกราบซ้าย โยนลอยให้ไบรอัน รุยซ์ เข้าชาร์จด้านเสาสองโหม่งบอลกระแทก คานกระดอนลงพื้น กลายเป็นประตูให้คอสตาริกาทำเซอร์ไพรส์ขึ้นนำก่อน 1-0 จนจบครึ่งแรก

ครึ่งหลังอิตาลีปรับทัพเร็ว
    ครึ่งหลัง อิตาลีปรับทัพเปลี่ยน ติอาโก้ ม็อตต้า ออก ส่ง อันโตนิโอ คาสซาโน่ จากปาร์ม่าลงมาแทน บาโลเตลลี่มีจังหวะลากบอลขึ้นมาทางกราบซ้ายโดนสกัดออกได้เป็นลูกเตะมุม บอลลอยโค้งมาหน้าประตู บาโลเตลลี่ถูกสกัดบอลจากด้านหลังล้มหงายในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินยังเฉยและเป็นโอกาสให้คอสตาริกาสวนกลับเร็ว ทว่าจังหวะที่แคมป์เบลล์ได้บอลกลายเป็นลูกล้ำหน้าอย่างน่าเสียดาย นาทีถัดมาคอสตาริกาได้ลูกเตะมุมบ้าง ลูกเลยมาเสาสอง กอนซาเลซโหม่งมุมแคบบอลออกหลังไปแบบเสียของ อิตาลีได้ยิงไกลตรงกรอบบ้างจาก มัตเตโอ ดาร์เมียน แต่บอลถูกนาบาส เหินตัวปัดออกไปปลายมือ กลายเป็นลูกเตะมุมของอิตาลี ทว่าบอลก็ยังโดนสกัดออกมาให้อิตาลีได้ลูกฟาวล์เรียกฟรีคิกหน้าเส้นกะโหลกอีกครั้ง 
    นาที 52 อันเดรีย ปิร์โล่ รับหน้าที่ปั่นฟรีคิกแฉลบข้ามกำแพงสุดสวย แต่นาบาส จอมหนึบยังเหินปัดบอลออกข้างไปอย่างงดงาม ทำให้คอสตาริการอดพ้นถูกตีเสมอไปอย่างหวุดหวิด

ยิ่งเล่นกล้วยหอมยิ่งได้ใจ
    ครึ่งหลังผ่านไปสิบนาที เซซาเร่ ปรันเดลลี่ กุนซืออัซซูรี่ จำต้องปรับแผนส่งลอเรนโซ่ อินซิเญ่ ลงแทน อันโตนิโอ คันเดรว่า ขณะที่ผู้เล่นของคอสตาริกายิ่งเล่นยิ่งได้ใจ กล้าเคาะบอลตามช่องหลอกล่อนักเตะอิตาลีแบบไม่กลัวเสียบอล แถมเกมยังเริ่มฟาวล์บ่อยครั้งขึ้น กองเชียร์ทีมกล้วยหอมเริ่มส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม ขณะที่ผู้เล่นอิตาลีแทบหาบอลไม่เจอ เมื่อถูกคอสตาริกาต่อบอลหลอกล่อเป็นส่วนใหญ่
   นาที 68 คอสตาริกาเปลี่ยนแผนส่ง เยลต์ซิน เตเฮด้า ออก ส่งโฮเซ่ มิเกล คูเบโร่ ลงมาแทน นาทีถัดมา บาโลเตลลี่ โดนใบเหลืองจากลูกนอกเกมที่เริ่มคุมอารมณ์ไม่อยู่ ด้านอิตาลีเปลี่ยน เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ออกแล้วส่ง อเลสซิโอ แชร์ซี่ ลงมาแทน

ล้มแชมป์ 4 สมัยส่งสิงโตโกโฮม
     นาที 71 โฮเซ่ คูเบโร่ ของคอสตาริกาเจตนาบังทางบอลถ่วงเวลาจึงโดนใบเหลือง นาที 74 คอสตาริกาเปลี่ยน โจเอล แคมป์เบลล์ กองหน้าออก แล้วส่งกองหน้า มาร์โก้ อูเรน่า ลงมาแทน ถึงนาที 80 ทีมกล้วยหอมเปลี่ยนตัวอีกครั้ง ส่ง ไบรอัน รุยซ์ ออก ส่ง แรนดัลล์ เบรเนส ลงมาแทน
     ช่วงท้ายทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ คอสตาริกาสร้างเซอร์ไพรส์ล้มอิตาลี แชมป์โลก 4 สมัย 1-0 ผ่านเข้ารอบสองเป็นที่แน่นอน ด้วยผลงาน 2 นัดชนะรวด มี 6 คะแนนเต็ม ขณะที่อิตาลีต้องไปลุ้นเข้ารอบกับอุรุกวัย ในนัดสุดท้าย ส่วน "สิงโตคำราม"อังกฤษตกรอบแน่นอนแล้ว แม้จะเหลือนัดสุดท้ายกับคอสตาริกาก็ตาม

คืนนี้ฟ้าขาวเหนือกว่าอิหร่าน
     โปรแกรมการฟาดแข้งประจำคืนวันเสาร์ที่ 21 มิ.ย. คู่แรกเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามเอสตาดิโอ มิเนเรา เมืองเบโล โฮริซอนเต้ นัดที่สองของกลุ่ม เอฟ "ฟ้าขาว"อาร์เจนตินา อดีตแชมป์โลก 2 สมัย จากอเมริกาใต้ นัดแรกเฉือนบอสเนีย 2-1 เกมนี้ต้องรอเช็กความฟิต กอนซาโล่ อิกัวอิน, อังเคล ดิ มาเรีย แต่น่าจะพร้อมลงสนามทั้งคู่ คาดว่าจะจัดทัพ 4-3-3 เซอร์จิโอ โรเมโร่ เป็นผู้รักษาประตู กองหลังประกอบด้วย พาโบล ซาบาเลต้า, เอเซเกล การาย, เฟเดริโก้ เฟอร์นันเดซ, มาร์กอส โรโฮ กองกลางใช้ มักซี่ โรดริเกซ, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, อังเคล ดิ มาเรีย ส่วนแดนหน้าจะเป็นการประสานงานกันระหว่าง ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกัวอิน, เซอร์จิโอ อเกโร่
     ขณะที่ "ยักษ์เปอร์เซีย"อิหร่าน จากโซนเอเชีย นัดแรกเสมอไนจีเรีย 0-0 นัดนี้สภาพทีมไม่มีปัญหา คาดว่าจะใช้แผน 4-2-3-1 อลิเรซ่า ฮากีกี เป็นผู้รักษาประตู กองหลังมี เปจ์มัน มอนตาเซรี่, จาลัล ฮอสเซนี่, อาเมียร์ ฮอสเซน ซาเดกี, เมห์รดัด ปูลาดี คู่กลางรับ จาวัด เนคูนัม ประสานงานกับ อันดรานิก เตย์มูเรียน กลางรุกใช้ โคสโรว์ เฮดารี่, เอห์ซาน ฮัจซาฟี่, อัชคาน เดจากาห์ ทิ้งให้ เรซ่า คูชานเนจฮัด ค้ำแดนหน้า
    คู่นี้เคยเจอกันครั้งเดียวในรายการพิเศษฉลองครบรอบ 75 ปีของสโมสรรีล มาดริด ปี 1977 ผลเสมอกัน 1-1 ก่อนที่อาร์เจนตินาจะชนะจุดโทษ 4-1 เกมนี้ผู้ตัดสินคือ มิโลรัด มาซิช จากเซอร์เบีย

กานาพิงฝาแต่ต้องเจอเยอรมัน
    คู่ที่ 2 เวลา 02.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 21 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม เอสตาดิโอ คาสเตเลา เมืองฟอร์ตาเลซ่า นัดที่สองของกลุ่มจี "อินทรีเหล็ก"เยอรมนี อดีตแชมป์โลก 3 สมัยจากยุโรป นัดแรกถล่มโปรตุเกส 4-0 นัดนี้ต้องเช็กความฟิต มัตส์ ฮุมเมิลส์, เฌอโรม บัวเต็ง, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ คาดว่าจะใช้แผน 4-3-3 มานูเอล นอยเออร์ ลงเฝ้าเสา กองหลังใช้ ฟิลิปป์ ลาห์ม, เฌอโรม บัวเต็ง, เพอร์ แมร์เตซักเกอร์, เบเนดิกต์ โฮเวเดส กองกลางประกอบด้วย ซามี่ เคดิร่า, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โทนี่ โครส ส่วนแดนหน้าเป็นการประสานงานกันระหว่าง เมซุต โอซิล, มาริโอ เกิตเซ่, โธมัส มุลเลอร์
     ด้าน "ดาวดำ"กานา จากโซนแอฟริกา เกมแรกพ่ายสหรัฐอเมริกา 1-2 เกมนี้ต้องรอเช็กความฟิต มิชาแอล เอสเซียง คาดว่าจะใช้แผน 4-2-3-1 ฟาตาอู ดาอูดา เป็นนายทวาร กองหลังเป็น ดาเนียล โอปาเร, โจนาธาน เมนซาห์, จอห์น โบเย่, ควัดโว อซาโมอาห์ คู่กลางรับ มิชาแอล เอสเซียง ประสานงานกับ ซัลลีย์ มุนตารี่ กลางรุกใช้ คริสเตียน อัตซู, เควิน-ปรินซ์ บัวเต็ง, อังเดร อายิว โดยมี อซาโมอาห์ กียาน เป็นศูนย์หน้าเดี่ยว
     คู่นี้เคยเจอกันมา 2 ครั้ง เยอรมนีชนะทั้งหมด ล่าสุดศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบแบ่งกลุ่ม เยอรมนีชนะ 1-0 เกมนี้ผู้ตัดสินคือ ซานโดร ริกชี่ จากบราซิล

'บอสเนีย'ก็แพ้ไม่ได้ใส่ไนจีเรีย
     คู่สุดท้ายเวลา 05.00 น. รุ่งเช้าวันที่ 22 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอารีน่า ปันตานัล เมืองคูยาบ้า นัดที่สองของกลุ่มเอฟ "อินทรีมรกต"ไนจีเรีย จากโซนแอฟริกา นัดแรกเสมออิหร่าน 0-0 นัดนี้จะไม่มี ก๊อดฟรีย์ โอบัวโบน่า ที่บาดเจ็บ คาดว่าจะวางหมาก 4-2-3-1 วินเซนต์ เอ็นเยียมา ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ เอเฟ่ อัมโบรส, เคนเน็ธ โอเมรู, โจเซฟ โยโบ, จูวอน โอชานิว่า คู่กลางรับ จอห์น โอบี มิเกล ประสานงานกับ อ๊อกเกนยี่ โอนาซี่ กลางรุกประกอบด้วย ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้, อาห์เม็ด มูซ่า, วิกเตอร์ โมเซส ส่วนหัวหอกตัวเป้าเป็นงานของ เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้
    ส่วนบอสเนีย น้องใหม่ฟุตบอลโลกจากโซนยุโรป นัดแรกพ่ายอาร์เจนตินา 1-2 เกมนี้ไม่มีปัญหาขาดนักเตะแต่อย่างใด คาดว่าจะจัดทัพ 4-4-2 อัสเมียร์ เบโกวิช ลงเฝ้าเสา แนวรับมี เมนซูร์ มูจด์ซา, เออร์มิน บิคักซิช, เอเมียร์ สปาฮิช, เซอัด โคลาสซินัก กองกลางจากขวาไปซ้าย ซเวซดาน มิซิโมวิช, มิราเล็ม ปานิช, มูฮาเหม็ด เบซิช, เซนาด ลูลิช ส่วนคู่กองหน้า เวดัด อิบิเซวิช จะประสานงานกับ เอดิน เซโก้