วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8605 ข่าวสดรายวัน


สิ้นยุคทองสเปน ตกรอบ! คืนนี้ดูเทพอิตาลี 'อัซซูรี่'ขี่กล้วยหอม ส่วนฝรั่งเศสอัดสวิส 'จิงโจ้-หมอผี'ก็จบเห่ ชิลีฉลองทั้งประเทศ โค่นแชมป์เก่าราบ

แชมป์ร่วง - จังหวะเอดูอาร์โด้ วาร์กาส กองหน้าชิลี ล้มตัวยิงให้ทีมขึ้นนำสเปน ในศึกฟุตบอลโลก นัดที่สอง ที่สนามเอสตาดิโอ โด มาราคาน่า จบ 90 นาที ชิลีชนะ 2-0 ส่งผลให้สเปนแชมป์เก่า ร่วงตกรอบแรกแบบช็อกโลก

       'สเปน'น้ำตาร่วง โดนชิลีหักเขากระทิง 2-0 เขี่ยตกรอบแรกฟุตบอลโลกแบบหมดลายแชมป์เก่า ทำสถิติย่ำแย่เป็นแชมป์เก่าที่ตกรอบแรกเร็วที่สุด ขณะที่ชิลีได้แย่งอันดับ 1 ของสาย กับ'กังหันสีส้ม'ฮอลแลนด์ที่บดเอาชนะออสเตรเลีย 3-2 โดยนักเตะจิงโจ้ทำฮือฮายิงประตูขึ้นนำก่อนแต่ยืดเยื้อสู้อดีตรองแชมป์โลกไม่ไหว ต้องตกรอบก่อนกำหนดอีกทีม เช่นเดียวกับ 'หมอผี'แคเมอรูนพ่ายเป็นนัดที่สอง โดน 'ตาหมากรุก'โครเอเชียถล่มแหลก 4-0 'เดล บอสเก้'บิ๊กบอสกระทิงยอมรับสภาพสมควรตกรอบ'อลอนโซ่'ชี้หมดยุคทองของสเปนแล้ว 

'กระทิง'แพ้ไม่ได้เจอชิลี
       เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบแรก กลุ่มบี นัดที่ 2 ที่สนามมาราคาน่า ประเทศบราซิล ลงสนามช่วงเวลา 02.00 น. หลังเที่ยงคืนวันพุธที่ 18 มิ.ย. 'กระทิงดุ'สเปน แชมป์เก่า นัดแรกแพ้'กังหันสีส้ม'ฮอลแลนด์มา 1-5 ประตู นัดนี้พบกับชิลี ต้องชนะสถานเดียวหากต้องการเข้ารอบ โดยชิลีนัดแรกเก็บ 3 แต้มเต็มจากการชนะออสเตรเลีย 3-1 ประตู
     เกมนี้ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือแชมป์เก่ายังไว้ใจให้ อิเคร์ กาซิยาส ลงเฝ้าเสา แม้จะทำผิดพลาดนัดพ่ายยับต่อฮอลแลนด์ แต่ดร็อป เกราร์ด ปิเก้ กองหลัง และซาบี เฮอร์นันเดซ มิดฟิลด์จอมเก๋าจาก 11 คนแรก ส่ง ฮาวี่ มาร์ติเนซ และเปโดร โรดริเกซ ลงเล่นแทน แดนหน้ามี ดิเอโก้ คอสตา ล่าตาข่าย ทางฝั่งฮอร์เก้ ซามปาโอลี่ โค้ชชิลี จัดชุดใหญ่ทั้ง อาร์ตูโร่ วิดัล, อเล็กซิส ซานเชซ และ เอดูอาร์โด้ วาร์กาส

แค่ครึ่งแรกแชมป์เก่าโดน 2 ตุง
      ชิลีเปิดฉากบุกอย่างดุดันและเกือบขึ้นนำก่อนจากลูกเตะมุม อเล็กซิส ซานเชซ เปิดเข้ามาแนวรับแชมป์เก่าสกัดไม่ดีเข้าทางกอนซาโล่ ฮาร่า โขกสวนบอลหลุดกรอบนิดเดียว นาทีที่ 14 สเปนมีลุ้น ซาบี อลอนโซ่ มีโอกาสซัดจ่อๆ หน้าปากประตู แต่เคลาดิโอ บราโว่ ออกมาบล็อกไว้ได้ทัน แต่แล้วนาที 19 แฟนบอลชิลีได้เฮลั่นสนาม เมื่อได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะ อเล็กซิส ซานเชซ จ่ายบอลให้ชาร์ลส์ อรานกูอิซ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษปาดบอลเข้ามากลางประตูให้เอดูอาร์โด้ วาร์กาส ตรงบริเวณจุดโทษ วาร์กาสแตะบอลหลอกกาซิยาสหนึ่งจังหวะ และจิ้มบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย 
     หลังเสียประตูสเปนพยายามต่อบอลขึ้นมาบ้าง นาที 26 ดาวิด ซิลบา โขกชงให้ดิเอโก้ คอสต้า ยิงตามน้ำด้วยซ้ายเข้าแค่หน้าต่างประตู เข้าสู่นาที 43 แชมป์เก่าสเปนเสียลูกที่สองจากจังหวะฟรีคิก บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ อเล็กซิส ซานเชซ ปั่นไปเสาแรก บอลพุ่งเข้ากรอบประตู กาซิยาสเซฟไว้ได้อย่างหวุดหวิดในจังหวะแรก แต่บอลไม่เป็นใจกระดอนกลับมาเข้าทางชาร์ลส์ อรานกูอิซ แต่งหนึ่งจังหวะก่อนสะบัดด้วยขวาเข้าเสาแรกให้ชิลีนำ 2-0 ก่อนจบครึ่งแรก

แชมป์เก่าร่วงรอบแรกเร็วที่สุด
      ครึ่งหลัง บิเซนเต้ เดล บอสเก้ แก้เกมส่งโกเก้ลงมาแทนซาบี อลอนโซ่ และนาทีที่ 48 อันเดรส อิเนียสต้า แทงทะลุช่องให้ดิเอโก้ คอสต้า หลุดเข้าไปยิงแต่ถูกแนวรับชิลีจิ้มทิ้งออกไปได้ นาที 52 สเปนพลาดโอกาสทองได้ประตูตีตื้น เซอร์คิโอ รามอส ซัดฟรีคิกถูกเคลาดิโอ บราโว่ ชกทิ้งแต่มาเข้าทางดิเอโก้ คอสต้า จักรยานอากาศกลับมาให้เซอร์คิโอ บุสเกตส์ ชาร์จจ่อๆ หลุดกรอบเหลือเชื่อ
     หลังจากนั้นแม้เดล บอสเก้ จะส่งเฟอร์นันโด ตอร์เรส ลงมาแทนดิเอโก้ คอสต้า และซานติ กาซอร์ล่า แทนที่เปโดร โรดริเกซ แต่สถานการณ์ของทีมยังไม่ดีขึ้น จบเกมแชมป์เก่าพ่ายไป 0-2 กระเด็นตกรอบแรกหลังแพ้สองนัดติด 
      ส่งผลให้สเปนกลายเป็นแชมป์เก่าทีมที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่ต้องกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มของศึกฟุตบอลโลก และถือเป็นครั้งที่ 5 ของฟุตบอลโลกที่แชมป์เก่าโดนเขี่ยร่วงรอบแรก โดย 3 ทีมก่อนหน้านี้คืออิตาลี แชมป์เก่าเคยตกรอบแรกฟุตบอลโลกมาแล้วถึง 2 ครั้งในปี 1950 และปี 2010 เช่นเดียวกับฝรั่งเศส แชมป์ปี 1998 ไม่ผ่านรอบแรกปี 2002 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วม และบราซิล ในฐานะแชมป์ปี 1962 ตกรอบแรกในปี 1966
      อย่างไรก็ตาม สเปนสร้างสถิติอันชอกช้ำด้วยการเป็นแชมป์เก่าที่ตกรอบเร็วที่สุดในรอบ 64 ปี นับตั้งแต่อิตาลีโดนเขี่ยร่วงก่อนลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายในฟุตบอลโลกปี 1950 

'จิงโจ้'เซอร์ไพรส์ตีไข่กังหัน
     อีกคู่ของกลุ่มบี ลงสนามเวลา 23.00 น. "กังหันสีส้ม"ฮอลแลนด์ ลงเล่นนัดที่สองพบ "จิงโจ้"ออสเตรเลีย ที่สนามเอสตาดิโอ เบร่า ริโอ นัดแรกรองแชมป์เก่าถล่มแชมป์เก่าสเปนมา 5-1 ประตู หากลูกทีมของหลุยส์ ฟาน กัล ชนะได้ในนัดนี้จะผ่านเข้ารอบทันที เกมนี้ไม่เปลี่ยนผู้เล่นจากนัดแรกมี เวสลีย์ สไนจ์เดอร์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ อาร์เยน ร็อบเบน ในแนวรุก ส่วนออสเตรเลียที่แพ้ไม่ได้เพราะนัดแรกพ่ายชิลีมา 1-3 ประตู มีดาราดังอย่าง มาร์ก เบรสชาโน่ และทิม เคฮิลล์
      เกมผ่านไป 20 นาที ขุนพลดัตช์ขึ้นนำ 1-0 อาร์เยน ร็อบเบน แต่งบอลหนีอเล็กซ์ วิลกินสัน หลุดเดี่ยวขึ้นมาซัดด้วยซ้ายสวนตัวแมตธิว ไรอัน เข้าไปซุกตาข่าย แต่เฮได้ไม่ถึงนาที ไรอัน แม็กโกแวน เปิดบอลยาวข้ามไปเสาสอง เป็นทิม เคฮิลล์ สลัดหนีรอน ฟลาร์ ง้างวอลเลย์ด้วยเท้าซ้ายบอลผ่านมือแยสเปอร์ ซิลเลสเซน เสียบใต้คานอย่างหมดจดไล่ตีเป็น 1-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ฮือฮาขึ้นนำแต่สุดท้ายก็พ่าย
      ครึ่งหลังออสเตรเลียแก้เกมส่งโอลิเวอร์ โบซานิช ลงมาและทำแสบทันทีเปิดยัดใส่มือของ ดาริล แยนมัต ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษนาทีที่ 52 ก่อนไมล์ เยดินัก รับหน้าที่สังหารไม่พลาดให้ออสซี่แซงนำ 2-1 แต่เข้าสู่นาที 58 เมมฟิส เดปาย ตัวสำรองซึ่งลงมาแทน บรูโน่ มาร์ติน อินดี้ ที่บาดเจ็บจ่ายบอลทะลุช่องให้โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปกลับตัวยิงซุกก้นตาข่าย กังหันสีส้มไล่มาเป็น 2-2 และนาทีที่ 61 เมมฟิส เดปาย ได้โอกาสยิงไกลระยะกว่า 30 หลา แบบไม่มีตัวประกบ บอลกระดอนพื้นหนีมือผู้รักษาประตูออสซี่เข้าไป ฮอลแลนด์ขึ้นนำ 3-2 และรักษาสกอร์ไว้จนจบเกม พร้อมกรุยทางเข้าสู่รอบสองต่อไป และส่งออสเตรเลียกลับบ้าน
      ทั้งนี้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงตัวเก่งของกังหันส้ม และทิม เคฮิลล์ กองหน้าออสซี่ จะหมดสิทธิ์ลงสนามช่วยทีมในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม หลังได้ใบเหลืองที่สองของทัวร์นาเมนต์ ทำให้ต้องติดโทษแบนโดยอัตโนมัติ โดยเพอร์ซี่ได้จากจังหวะทำฟาวล์แมตธิว สปิราโนวิช ช่วงต้นครึ่งหลัง ส่วนเคฮิลล์ได้ใบเหลืองหลังเข้าเสียบสกัดแรงใส่บรูโน่ มาร์ติน อินดี้ จนได้รับบาดเจ็บช่วงท้ายครึ่งแรก
      เกมสุดท้ายของกลุ่มบี ฮอลแลนด์จะไปลุ้นแย่งอันดับ 1 พบกับชิลี ขณะที่ออสเตรเลียลุ้นหนีบ๊วยกับสเปน ในวันจันทร์ที่ 23 มิ.ย. ทั้งสองคู่ลงเตะพร้อมกันเวลา 23.00 น.

โครเอเชีย-แคเมอรูนแพ้ไม่ได้ทั้งคู่
     อีกคู่เป็นเกมนัดที่ 2 สายเอ ลงสนามรุ่งเช้าวันพฤหัสบดีที่ 19 มิ.ย. เวลา 05.00 น.'หมอผี'แคเมอรูน ลงสนามเจอกับ'ตาหมากรุก'โครเอเชีย เล่นกันที่สนามอารีน่า อเมเนีย เมืองมาเนาส์ เกมนี้ถ้าใครแพ้เก็บกระเป๋ากลับบ้านทันที เพราะต่างก็พ่ายในนัดแรกมาด้วยกันทั้งคู่ โดยโครเอเชียแพ้เจ้าภาพบราซิล 1-3 ประตู ส่วนแคเมอรูนแพ้เม็กซิโก 0-1 ประตู นัดนี้'หมอผี' ไม่มีซามูเอล เอโต้ หัวหอกจอมเก๋าที่บาดเจ็บ ฝากความหวังไว้กับแวง ซ็องต์ อาบูบาการ์ ขณะที่โครแอต ได้มาริโอ มานด์ซูคิช พ้นโทษแบนกลับมาล่าตาข่าย
     เริ่มเกมมาเพียง 12 นาที ลูกทีมของนิโก้ โควัช ได้เฮก่อน อิวาน เปริซิซ เปิดเรียดให้ อิวิก้า โอลิช พุ่งเข้าชาร์จโล่งๆ ทางเสาสองให้ทีมออกนำเร็ว 1-0 หลังจากเสียประตู'หมอผี'เดินหน้าบุกหวังไล่ตีเสมอให้ได้ แต่ช่วงท้ายครึ่งแรก อเล็กซานเดอร์ ซง วิ่งไล่มากับมาริโอ มานด์ซูคิช ก่อนเอามือตบใส่หัวหอกโครแอต ถูกผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามในนาที 40 ก่อนจบครึ่งแรกโครเอเชียนำ 1-0

'หมากรุก'ส่ง'หมอผี'กลับบ้าน
     ครึ่งหลังนาที 47 นายทวารแคเมอรูนเปิดบอลพลาดไปเข้าทางอิวาน เปริซิซ ลากขึ้นมาทางซ้ายจี้เข้ากรอบโทษก่อนที่จะหลอกยิงเสาแรกให้ทีมขึ้นนำ 2-0 จากนั้นนาที 60 มาริโอ มานด์ซูคิช ทำประตูแรกของตัวเองในฟุตบอลโลก 2014 จากลูกเตะมุม หัวหอกบาเยิร์น มิวนิก โถมมาโขกแบบไม่มีตัวประกบบอลกระดอนลงพื้นเสียบตาข่ายให้ทีมนำห่าง 3-0 

หมอผีพรุน - อิวิก้า โอลิช กองหน้าโครเอเชียซัดบอลผ่านมือ ชาร์ลส์ อิต็องเช่ นายทวารทีมแคเมอรูน ในเกมแข่งขันกลุ่มเอ นัดที่สอง ที่สนามอมาซอเนีย จบเกมโครเอเชียชนะ 4-0 เขี่ยทีมแคเมอรูนตกรอบแรก

     เข้าสู่นาที 73 สกอร์ไหลเป็น 4-0 มาเตโอ้ โควาซิช ตัวสำรองสอดขึ้นมายิงติดเซฟของ ชาร์ลส์ อิต็องเช่ ไปเข้าทางมาริโอ มานด์ซูคิช แปง่ายๆ ไม่พลาด จบเกมโครเอเชียเอาชนะไป 4-0 ประตู ยังได้ลุ้นเข้ารอบนัดสุดท้ายกับ'จังโก้'เม็กซิโก ขณะที่แคเมอรูนจอดป้ายฟุตบอลโลก 2014 ตามหลังออสเตรเลียและสเปน หลังจากปราชัย 2 นัดติดต่อกัน เกมสุดท้าย'หมอผี'จะพบบราซิล เจ้าภาพ เวลา 03.00 น. หลังเที่ยงคืนวันจันทร์ที่ 23 มิ.ย.

กุนซือกระทิงรับหมดสภาพ
     บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ผู้จัดการทีมชาติสเปน แชมป์เก่า กล่าวยอมรับสภาพ ลูกทีมสมควรตกรอบแรก หลังแพ้ชิลี 0-2 ในการลงสนามนัดที่สอง และเป็นการพ่าย 2 นัดติดโดยยิงได้เพียง 1 ลูกเท่านั้น แต่เสียไปถึง 7 ประตู 
    "เราลงเล่นสองนัด และไม่สามารถทำได้ดีกว่าฮอลแลนด์หรือชิลี ดังนั้นพวกเราสมควรตกรอบในศึกฟุตบอลโลกแล้ว มันเจ็บปวด แต่เกมนี้ชิลีทำได้ดีกว่า เล่นอย่างกล้าหาญดุดัน และผมก็ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ กับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ คู่แข่งทำให้เราเล่นยากในครึ่งแรก ไม่ปล่อยให้เรามีโอกาสมากนัก แต่ผู้เล่นของเรายังสู้และพยายามเปิดเกมรุกในครึ่งหลังเพื่อที่จะกลับมา แต่เราไม่มีโชคเลยในจังหวะจบสกอร์" กุนซือสเปนกล่าว
      อย่างไรก็ตาม เดล บอสเก้ ย้ำว่านักเตะทุกคนพยายามเต็มที่แล้ว และไม่จำเป็นต้องขอโทษกับผลงานที่ออกมา โดยกล่าวเสริมว่า "ในช่วง 25 วันที่เราได้อยู่ร่วมกัน ทุกคนได้ทำงานหนักตลอด ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น เราไม่จำเป็นต้องขอโทษหรือรู้สึกเสียใจอะไรทั้งนั้น ผมขอย้ำว่าผู้เล่นทุกคนพยายามกันอย่างเต็มที่แล้ว แต่ว่ามันยังไม่ดีพอ"

'อลอนโซ่'ยุคทองสเปนจบลงแล้ว
      ส่วนเรื่องอนาคตการคุมทีม เดล บอสเก้ ขอเวลาทบทวนและพูดคุยกับสหพันธ์ฟุตบอลสเปนก่อนเพื่อตัดสินใจอีกที พร้อมยืนยันลูกหนังสเปนยังไม่ล่มสลาย โดยเผยกับผู้สื่อข่าวที่ถามถึงเรื่องนี้หลังเกมว่า "ตอนนี้มันยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาหารือเกี่ยวกับอนาคตของผมกับทีมชาติ ผมยังไม่ต้องการวิเคราะห์หรือประเมินอะไรตอนนี้ ยังมีเวลาอีกมากสำหรับทำสิ่งเหล่านี้ เรามีนักเตะและสหพันธ์ฟุตบอลที่แข็งแกร่ง เราไม่ได้กำลังล่มสลาย เราต้องใช้เวลาสำหรับทบทวนก่อนตัดสินใจทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับฟุตบอลสเปน รวมถึงอนาคตของผมด้วย เราจะไม่ด่วนตัดสินใจจากสิ่งที่เกิดขึ้นที่บราซิลเท่านั้น"
      ขณะที่ซาบี อลอนโซ่ กองกลางของสเปนยอมรับว่า แชมป์เก่าไม่สามารถรักษาระดับการเล่นได้เหมือนในศึกยูโร 2012 และฟุตบอลโลก 2010 และขาดความกระหายที่จะป้องกันแชมป์ จึงทำได้ไม่ดีพอ บวกกับเจอคู่แข่งที่วางแผนมาดี และอยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม ทำให้ต้องกลับบ้านเร็ว 
      "มันเจ็บปวดมาก แต่นี่คือฟุตบอล เราเรียนรู้ที่จะชนะและตอนนี้เราต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับความพ่ายแพ้ สิ่งต่างๆ กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป ยุคทองของสเปนจบลงแล้วจากความล้มเหลวในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นี่เป็นความล้มเหลวที่เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น แต่เราต้องยอมรับและเดินหน้าต่อไป" อลอนโซ่กล่าว

'กาซิยาส'เรื่องอายุไม่ใช่ข้ออ้าง
     ส่วนอิเคร์ กาซิยาส ผู้รักษาประตูกัปตันทีมให้สัมภาษณ์ว่า แม้ทีมมีผู้เล่นหลายคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปี แต่ไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างในการตกรอบครั้งนี้ ต้องแสดงความยินดีกับชิลี พวกเขาทำได้ดีกว่า 
     "สำหรับเรื่องอนาคตเฝ้าเสากับทีมชาติ ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นเกมสุดท้ายของตนกับสเปนหรือเปล่า ต้องรอดูกันต่อไป ขึ้นอยู่กับโค้ชว่าจะตัดสินใจอย่างไรและเราพร้อมเคารพการตัดสินใจของโค้ช แต่นักเตะชุดนี้ไม่สามารถจบลงแบบนี้ได้ เราต้องมองไปยังอนาคต และพยายามคว้าชัยชนะเหนือออสเตรเลียก่อนออกจากทัวร์นาเมนต์นี้"กาสิยาสกล่าว

'ชิลี'ขอดับกังหันเพื่อหลีกเจ้าภาพ
     ด้านฮอร์เก้ ซามปาโอลี่ กุนซือของ ชิลี กล่าวชื่นชมลูกทีมสู้กับสเปนได้อย่างกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีแชมป์เก่า โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า "เราเล่นเกมเร็วและกล้าเล่น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เราชนะนัดนี้ เราคว้าชัยเหนือคู่แข่งที่ยากและตอนนี้เราก็ผ่านเข้าสู่รอบสองได้เร็วกว่าที่คาดไว้ เรามีความสุขมากและผมก็ภูมิใจในตัวลูกทีม ต้องให้เครดิตกับวิธีการเล่นที่เราหยุดสเปนได้อยู่หมัด"
     ซามปาโอลี่ระบุอีกว่า จะไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่นในเกมพบกับฮอลแลนด์นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ลุ้นเป็นอันดับ 1 เพื่อหลีกเลี่ยงไม่เจอกับบราซิล เจ้าภาพ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และหวังว่า อาร์ตูโร่ วิดัล มิดฟิลด์คนสำคัญจะฟิตทันบู๊กังหันสีส้ม หลังดาวเตะจากยูเวนตุสมีปัญหาบาดเจ็บหัวเข่ากำเริบต้องเปลี่ยนตัวออกช่วงท้ายเกมกับสเปน
      นายใหญ่ชิลี กล่าวเสริมว่า "เราทราบดีว่าหากเราไม่ชนะฮอลแลนด์ ก็อาจต้องเจอกับบราซิล ในบ้านของพวกเขา แน่นอนว่าตอนนี้เราเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ แต่เมื่อพิจารณาจากฟอร์มการเล่นของเรา ผมคงไม่เปลี่ยน แปลงไสตล์การเล่นในเกมพบฮอลแลนด์ เราต้องเล่นในแนวทางที่จะทำให้ทีมชนะ ไม่สามารถทำผิดพลาดได้และหวังว่าลูกทีมของผมจะทำได้ดีเหมือนเกมกับสเปน"
      ส่วนอาร์ตูโร่ วิดัล มิดฟิลด์คนสำคัญเชื่อว่า ชิลีสามารถไปได้ไกลในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และจะสร้างเซอร์ไพรส์ช็อกวงการลูกหนังโลกได้อีก เพราะเป็นทีมคนหนุ่ม และมีความมุ่งมั่นสูงที่จะคว้าชัยชนะ

จับ 85 แฟนบอลชิลีฮือพังสนาม
       สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า แฟนบอลชาวชิลีจำนวนมาก ที่ไม่มีบัตรเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลโลก ได้บุกพังรั้วทางเข้าสนามมาราคาน่า ในนครริโอ เดอ จาเนโร เพราะต้องการชมการแข่งขันนัดสำคัญของศึกฟุตบอลโลกคู่ระหว่างชิลีกับสเปน ส่งผลให้มีผู้ถูกจับกุม 85 คน ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองแล้วในรอบสัปดาห์นี้ ที่แฟนบอลบุกเข้าไปในสนามอันเป็นสัญลักษณ์ของนครริโอ เด จาเนโร ซึ่งจะใช้ทำพิธีปิดการแข่งขันวันที่ 13 ก.ค.นี้ด้วย
       แฟนบอลชิลีส่วนใหญ่สวมเสื้อทีมชาติ สีแดง ได้ทุบประตูกระจกของศูนย์ข่าวภายในสนามมาราคาน่า พังรั้วและผนังกั้น และบุกเข้าไปยังบริเวณระเบียงด้านใน ก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเข้าสกัด ตำรวจแถลงในเวลาต่อมาว่า ให้เวลาแฟนบอล 85 คนที่ถูกจับเดินทางออกจากประเทศ ภายในเวลา 72 ช.ม. ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกเนรเทศออกไป

กุนซือหมากรุกโวน่ายิงครึ่งโหล
       นิโก้ โควัช กุนซือวัย 42 ปีของ'ตาหมากรุก'โครเอเชีย กล่าวหลังเกมไล่ถล่มแคเมอรูน 4-0 ในนัดที่ 2 ของกลุ่มเอ ว่า "เราออกสตาร์ตช้าช่วง 10 นาทีแรก แต่หลังจากนั้นเข้าสู่เกมได้ เมื่ออิวิก้า โอลิช ยิงนำเกมก็เปิด และน่ายิงได้มากกว่า 4 ประตู น่าจะเป็นสัก 6-0 ด้วยซ้ำ ต้องให้เครดิตลูกทีมทุกคน ที่คว้าชัยชนะได้สวยหรูท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดเล่นยาก แค่นั่งหรือยืนในสนามยังลำบากเลย"
      สถานการณ์เวลานี้โครเอเชีย อยู่อันดับ 3 ของกลุ่มเอ มี 3 คะแนนจาก 2 นัด ตามหลังบราซิล และเม็กซิโก 1 แต้ม เกมนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มขุนพลโครแอตต้องลุ้นเข้ารอบกับ 'จังโก้'เม็กซิโก ซึ่งโควัชกล่าวว่า "จะเป็นเหมือนนัดชิงชนะเลิศเลยทีเดียว ตอนนี้เราต้องพักฟื้น เพราะมีคู่แข่งที่หนักรออยู่ เม็กซิโกเป็นทีมแข็งแกร่ง แต่เราก็แกร่งไม่แพ้กัน พวกเขามีเกมรุกที่น่ากลัว แต่ก็มีจุดอ่อนในแนวรับ"
      ส่วนมาริโอ มานด์ซูคิช ที่เหมาสองประตู ยกย่องโควัช วางแท็กติกยอดเยี่ยมทำให้ทีมเก็บชัยชนะเหนือแคเมอรูนได้สวยหรู แต่รู้สึกเสียดายที่ชวดทำแฮตทริกหลังพลาดจังหวะดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตูหมอผี
     "เราทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ เราซ้อมหนักและทำทุกอย่างตามที่โค้ชบอก เขาต้องการให้เราขึ้นนำเร็ว และช่วงพักครึ่งเขากำชับให้ปิดเกมให้เร็วที่สุด"

บิ๊กบอสหมอผีฉุนนักเตะตัวเอง
       ขณะที่อิวาน ราคิติช ระบุว่า การลงเล่นที่สนามอเมซอเนีย ในเมืองมาเนาส์ เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก เพราะสภาพอากาศร้อนจัด หายใจลำบาก โชคดีครึ่งหลังได้ลูกที่สองเร็ว บวกกับคู่แข่งเหลือ 10 คน 

โขกตุง - เจมส์ โรดริเกซ กองหน้าโคลัมเบียขึ้นโขกตุงตาข่ายขึ้นนำทีมไอวอรีโคสต์ 1-0 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก นัดที่สอง กลุ่มซี ที่สนามการ์รินชา ประเทศบราซิล จบเกมโคลัมเบียเฉือนชนะ 2-1

      ด้านโฟลเคอร์ ฟิงเค่ ผู้จัดการทีม'หมอผี' แคเมอรูน ตำหนิ เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ ผู้เล่นกองหลังที่ใช้ศีรษะโขกใส่ แบ็งฌาแม็ง มูก็องโฌ กองกลางเพื่อนร่วมทีม ในนัดแพ้โครเอเชีย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงท้ายเกมหลังจากเอก็อตโต้ ไม่พอใจมูก็องโฌ ที่ไม่มีประสิทธิภาพทำอะไรเกมรับของ โครแอตได้เลยจึงเกิดการโต้เถียงกัน ก่อนที่ เอก็อตโต้จะเอาหัวโขกใส่ และผู้ตัดสินไม่เห็นทำให้ไม่โดนลงโทษ
      ฟิงเค่ ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เป็นอะไรที่คาดไม่ถึง และคงต้องหาสาเหตุว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งตนเกลียดมากที่มีเรื่องแบบนี้ นี่ไม่ใช่ภาพลักษณ์ของแคเมอรูนที่อยากให้เป็น

กังหันบ่นเล่นเสี่ยงเกิน
      หลุยส์ ฟาน กัล โค้ชทีม'กังหันสีส้ม'ฮอลแลนด์ ภูมิใจในลูกทีมช่วยกันต่อสู้จนสามารถเฉือนชนะออสเตรเลีย 3-2 คว้าชัย 2 นัดติดพร้อมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว แม้ว่าเกมนี้จะเล่นกันหละหลวมไม่ระมัดระวัง และเสี่ยงเกินไปหลายครั้งก็ตาม 
      "เราเล่นแบบไม่ค่อยระมัดระวัง เล่นกันเสี่ยงมากเกินไป จ่ายบอลกันสั้นแล้วก็เสียง่ายๆ และเติมเกมรุกน้อยไป เราต้องเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ผมค่อนข้างพอใจกับการตอบโต้ของเราในครึ่งหลัง ทั้งการเก็บบอลและการสร้างสรรค์โอกาสทำประตู ต้องขอแสดงความยินดีกับทีม เพราะเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ และพลิกกลับมาชนะได้ ทุกคนมีส่วนร่วม ผมไม่ต้องการเจาะจงใครเป็นพิเศษ เมมฟิส เดปาย ยิงประตูที่ยอดเยี่ยม และเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีกองหน้าอย่างโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ในทีม ตอนนี้เขาทำ 3 ประตูแล้วหลังผ่านไป 2 เกม" กุนซือกังหันสีส้ม กล่าว
      ขณะที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ผู้ทำประตูตีเสมอ 2-2 และเป็นประตูที่ 3 ของทัวร์นาเมนต์นี้ กล่าวว่า ทีมเล่นได้แย่มากในครึ่งแรก และออสเตรเลียก็ทำได้ดีมากด้วย วิ่งไม่หยุด แต่ครึ่งหลังพวกเรากลับมาทำได้ดีขึ้น และตนก็มีความสุขมากที่ทีมคว้าชัยชนะรวมทั้งผ่านเข้ารอบต่อไปได้ เพราะจะไม่สามารถลงช่วยทีมได้ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เนื่องจากติดโทษแบนได้ใบเหลืองที่สองของทัวร์นาเมนต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก 

บิ๊กบอสจิงโจ้แพ้อย่างขมขื่น
       ส่วนอันเก้ ปอสเตโคกลู ผจก.ทีมออสเตรเลีย ว่า เป็นความผิดหวังที่น่าขมขื่นที่สุด การเล่นกับทีมระดับโลกอย่างฮอลแลนด์ไม่ใช่เรื่องง่าย หากพิจารณาลูกทีมของผมที่ส่วนใหญ่ยังด้อยประสบการณ์ ต้องให้เครดิตพวกเขาทุกคนที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ แม้สุดท้ายเราไม่สามารถคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการได้ก็ตาม

อิตาลีดวลเกือกกล้วยหอม
      สำหรับ ความเคลื่อนไหวศึกฟุตบอลโลกประจำคืนวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. คู่แรกเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอารีน่า แปร์นัมบูโก้ เมืองเรซิเฟ่ นัดที่สองของสายดี'อัซซูรี่'อิตาลี อดีตแชมป์โลก 4 สมัยจากยุโรป นัดแรกเอาชนะอังกฤษ 2-1 เกมนี้จะไม่มี จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, มัตเตีย เด ชิโญ่ ที่ยังไม่หายเจ็บ และต้องเช็กความฟิต ดานิ เอเล่ เด รอสซี่, อันเดรีย บาร์ซาญี่, มาร์โก แวร์รัตติ, ซัลวาตอเร่ ซิริกู
     นัดนี้คาดว่า จะใช้แผน 4-1-4-1 ซัลวาตอเร่ ซิริกู ได้โอกาสลงเฝ้าเสาอีกนัด กองหลังจากขวาไปซ้าย อิกนาซิโอ อบาเต้, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, มัตเตโอ ดาร์เมียน โดยมี ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ที่น่าผ่านการเช็กความฟิตลงทำหน้าที่กลางรับ ส่วนแดนกลางรายอื่นมี อันโตนิโอ คันเดรว่า, อันเดรีย ปิร์โล่, ติอาโก้ ม็อตต้า, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ทิ้งให้ มาริโอ บาโลเตลลี่ ค้ำแดนหน้าคนเดียว
     ส่วน'กล้วยหอม'คอสตาริกา จากโซนคอนคาเคฟ นัดแรกพลิกล็อกชนะ'ฟ้าคราม'อุรุกวัย 3-1 นัดนี้ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพทีมแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะวางหมาก 5-4-1 เคย์เลอร์ นาบาส เป็นผู้รักษาประตู กองหลังประกอบด้วย คริสเตียน กัมโบอา, ออสการ์ ดูอาร์เต้, จานคาร์โล กอนซาเลซ, มิชาเอล อูมาน่า, จูเนียร์ ดิอาซ กองกลางเป็น ไบรอัน รุยซ์, เซลโซ่ บอร์เกส, เยลต์ซิน เตเฮด้า, คริสเตียน โบลานอส โดยมี โจเอล แคมป์เบลล์ เป็น หัวหอกตัวเป้า
     คู่นี้เคยเจอกันมา 2 ครั้ง ผลัดกันเอาชนะฝ่ายละครั้ง ล่าสุดเกมกระชับมิตรเมื่อปี 1994 อิตาลีชนะคอสตาริกา 1-0 ประตู

สวิสได้วัดชั้นฝรั่งเศส
      คู่ที่ 2 เวลา 02.00 น.หลังเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอารีน่า ฟอนเต้ โนว่า เมืองซัลวาดอร์ นัดที่สองของสายอี'นายห้างนาฬิกา'สวิตเซอร์แลนด์ จากโซนยุโรป นัดแรกเฉือนเอกวาดอร์ 2-1 นัดนี้ไม่มีปัญหาขาดนักเตะตัวหลัก คาดว่าจะใช้แผน 4-2-3-1 ดีเอโก้ เบนากลิโอ ลงเฝ้าเสา กองหลังใช้ สเตฟาน ลิกต์สไตเนอร์, โยฮัน ฌูรู, สตีฟ ฟอน เบอร์เก้น, ริชาร์โด้ โรดริเกซ คู่กลางรับ โกคาน อินแลร์ ประสานงานกับ วาลอน เบห์รามี่ กลางรุกมี เชอร์ดาน ชาคิรี่, กรานิต ซาคา, อัดเมียร์ เมห์เมดี้ โดยมี โจซิป เดอร์มิช รับบทศูนย์หน้าตัวเป้า
       ส่วน'ตราไก่'ฝรั่งเศส อดีตแชมป์โลก 1 สมัยจากยุโรป นัดแรกขยี้ฮอนดูรัส 3-0 เกมนี้ต้องรอเช็กความฟิต โยฮัน กาบาย แต่น่าจะลงสนามไหว คาดว่าน่าจะวางระบบ 4-3-3 นายทวารเป็น ฮูโก้ โยริส กองหลังใช้ มาติเยอ เดอบูชี่, ราฟาแอล วาราน, มามาดู ซาโก้, พาทริซ เอวร่า กองกลางประกอบด้วย พอล ป๊อกบา, แบลส มาตุยดี้, โยฮัน กาบาย ส่วนแดนหน้า มาติเยอ วัลบูเอน่า เล่นริมเส้นฝั่งขวา อองตวน กริซมันน์ ยืนฝั่งซ้าย โดยมี คาริม เบนเซม่า เป็นหัวหอกตรงกลาง
      คู่นี้เคยเจอกันมา 38 ครั้ง ฝรั่งเศสเหนือกว่าชนะ 17 ครั้ง เสมอกัน 9 ครั้ง สวิตเซอร์แลนด์ชนะ 12 ครั้ง ล่าสุดศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบแบ่งกลุ่ม ผลเสมอกันแบบไม่มีประตู

ฮอนดูรัส-เอกวาดอร์ใครแพ้ร่วง
   คู่สุดท้ายเตะเวลา 05.00 น. รุ่งเช้าวันเสาร์ที่ 21 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอารีน่า ดา ไบซาด้า เมืองคูริติบ้า นัดที่สองของสายอี ฮอนดูรัส จากโซนคอนคาเคฟ เกมแรกพ่ายฝรั่งเศส 0-3 นัดนี้จะไม่มี วิกเตอร์ เบอร์นาร์เดซ ที่มีอาการบาดเจ็บ วิลสัน ปาลาซิออส ที่ติดโทษแบน คาดว่าจะใช้แผน 4-4-2 โนเอล วัลลาดาเรส ลงเฝ้าเสา แนวรับจากขวาไปซ้าย บรายัน เบ๊กเคเลส, ออสมัน ชาเวซ, เมย์นอร์ ฟิเกอรัว, เอมิลิโอ อิซากุยเร่ กองกลางมี แอนดี้ นาจาร์, หลุยส์ การ์ริโด้, ออสการ์ การ์เซีย, โรเจอร์ เอสปิโนซ่า ส่วนคู่กองหน้า เจอร์รี่ เบงต์สัน ล่าตาข่ายร่วมกับ คาร์โล คอสต์ลีย์
      ขณะที่เอกวาดอร์ จากอเมริกาใต้ เกมแรกแพ้สวิตเซอร์แลนด์ 1-2 เกมนี้ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพทีม และน่าจะจัดทัพ อเล็กซานเดอร์ โดมิงเกซ เป็นผู้รักษาประตู แนวรับประกอบด้วย ฮวน คาร์ลอส ปาเรเดส, ฟริกสัน เอราโซ่, ฮอร์เก้ กัวกัว, วอลเตอร์ อาโยวี่ แดนกลางมี อันโตนิโอ วาเลนเซีย, คาร์ลอส กรูเอโซ่, คริสเตียน โนบัว, เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่ ส่วนคู่หน้า เอ็นเนอร์ วาเลนเซีย ล่าตาข่ายร่วมกับเฟลิเป้ ไซเซโด้
     คู่นี้เคยเจอกันมา 13 ครั้ง เอกวาดอร์ชนะ 3 ครั้ง เสมอกัน 8 ครัง ฮอนดูรัสชนะ 2 ครั้ง ล่าสุดเกมกระชับมิตรเมื่อปี 2013 เสมอกันไป 2-2 ประตู คู่นี้ใครแพ้ตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2014 ทันที

'ฟ้าขาว'ดวลยักษ์เปอร์เซีย
       สำหรับ ความเคลื่อนไหวของศึกฟุตบอลโลกนัดประจำวันเสาร์ที่ 21 มิ.ย. คู่แรกฟาดแข้งเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามเอสตาดิโอ มิเนเรา เมืองเบโล โฮริซอนเต้ นัดที่สองของกลุ่มเอฟ ?ฟ้าขาว? อาร์เจนตินา จากโซนอเมริกาใต้ นัดแรกเฉือนบอสเนีย 2-1 ประตู เกมนี้ต้องรอเช็กความฟิต กอนซาโล่ อิกัวอิน, อังเคล ดิ มาเรีย แต่น่าจะพร้อมลงสนามทั้งคู่ คาดว่าจะจัดทัพ 4-3-3 เซอร์คิโอ โรเมโร่ เป็นผู้รักษาประตู กองหลังประกอบด้วย พาโบล ซาบาเลต้า, เอเซเกล การาย, เฟเดริโก้ เฟอร์นันเดซ, มาร์กอส โรโฮ กองกลางใช้ มักซี่ โรดริเกซ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, อังเคล ดิ มาเรีย ส่วนแดนหน้าจะเป็นการประสานงานกันระหว่าง ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกัวอิน, เซอร์คิโอ อเกโร่
       ขณะที่ 'ยักษ์เปอร์เซีย'อิหร่าน จากโซนเอเชีย นัดแรกเสมอไนจีเรีย 0-0 ประตู สำหรับนัดนี้สภาพทีมไม่มีปัญหา คาดว่าจะใช้แผน 4-2-3-1 เรซ่า ฮากีกี เป็นผู้รักษาประตู กองหลังมี เปจ์มัน มอนตาเซรี่, จาลัล ฮอสเซนี่, อาเมียร์ ฮอสซีน ซาเดกี, เมห์รดัด ปูลาดี คู่กลางรับ จาวัด เนคูนัม ประสานงานกับ อันดรานิก เตย์มูเรียน กลางรุกใช้ คอสโรว์ เฮดารี่, เอห์ซาน ฮัจซาฟี่, อัชคาน เดยากาห์ ทิ้งให้ เรซ่า คูชานเนจฮัด ค้ำแดนหน้า
      คู่นี้เคยเจอกันครั้งเดียวในรายการพิเศษฉลองครบรอบ 75 ปีของสโมสรรีล มาดริด เมื่อปี 1977 ผลเสมอกันในเวลา 1-1 ก่อนที่อาร์เจนตินาจะเอาชนะจุดโทษ 4-1 ประตู

'กานา'ลำบากต้องชนะเยอรมัน
      คู่ที่ 2 เตะเวลา 02.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 21 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามเอสตาดิโอ คาสเตเลา เมืองฟอร์ตาเลซ่า นัดที่สองของกลุ่มจี ?อินทรีเหล็ก?เยอรมนี จากโซนยุโรป นัดแรกถล่มโปรตุเกส 4-0 ประตู นัดนี้ต้องรอเช็กความฟิต มัตส์ ฮุมเมิลส์, เฌอโรม บัวเต็ง, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ คาดว่าจะใช้แผน 4-3-3 มานูเอล นอยเออร์ ลงเฝ้าเสา กองหลังใช้ ฟิลิปป์ ลาห์ม, เฌอโรม บัวเต็ง, เพอร์ แมร์เตซักเกอร์, เบเนดิกต์ โฮเวเดส กองกลางประกอบด้วย ซามี่ เคดิร่า, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โทนี่ โครส ส่วนแดนหน้าเป็นการประสานงานกันระหว่าง เมซุต โอซิล, มาริโอ เกิตเซ่, โธมัส มุลเลอร์
      ขณะที่ 'ดาวดำ'กานา จากโซนแอฟริกา เกมแรกพ่ายสหรัฐอเมริกา 1-2 ประตู เกมนี้ต้องรอเช็กความฟิต มิชาแอล เอสเซียง โดยจะใช้แผน 4-2-3-1 ฟาตาอู ดาอูดา เป็นนายทวาร กองหลังเป็น ดาเนียล โอปาเร, โจนาธาน เมนซาห์, จอห์น โบเย่, ควัดโว อซาโมอาห์ คู่กลางรับ โมฮัมเหม็ด ราบิอู ประสานงานกับ ซัลลีย์ มุนตารี่ กลางรุกใช้ คริสเตียน อัตซู, เควิน- ปรินซ์ บัวเต็ง, อังเดร อายิว โดยมี อซาโมอาห์ กียาน เป็นศูนย์หน้าเดี่ยว
     คู่นี้เคยเจอกันมา 2 ครั้ง เยอรมนีชนะได้ทั้งหมด ล่าสุดในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบแบ่งกลุ่ม เยอรมนีชนะ 1-0 ประตู

บอสเนีย ก็พ่ายไนจีเรียไม่ได้
     คู่สุดท้ายจะเตะกัน 05.00 น. รุ่งเช้าวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอารีน่า ปันตานัล เมืองคูยาบา นัดที่สองของกลุ่มเอฟ ?อินทรีมรกต?ไนจีเรีย จากโซนแอฟริกา นัดแรกเสมออิหร่าน 0-0 ประตู นัดนี้จะไม่มี กอดฟรีย์ โอบัวโบน่า ที่บาดเจ็บ คาดว่าจะวางหมาก 4-2-3-1 วินเซนต์ เอนเยียมา ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ เอเฟ่ อัมโบรส, เคนเน็ธ โอเมรู, โจเซฟ โยโบ, จูวอน โอชานิว่า คู่กลางรับ จอน โอบี มิเกล ประสานงานกับ อ๊อกเกนยี่ โอนาซี่ กลางรุกประกอบด้วย ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้, อาห์เม็ด มูซ่า, วิกเตอร์ โมเซส ส่วนหัวหอกตัวเป้าเป็นงานของ เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้
      ขณะที่บอสเนีย จากโซนยุโรป นัดแรกพ่ายอาร์เจนตินา 1-2 ประตู เกมนี้ไม่มีปัญหาขาดนักเตะแต่อย่างใด คาดว่าจะจัดทัพ 4-4-2 อัสเมียร์ เบโกวิช ลงเฝ้าเสา แนวรับมี เมนซูร์ มูจด์ซา, เออร์มิน บิคักซิช, เอเมียร์ สปาฮิช, เซอัด โคลาซินัก กองกลางจากขวาไปซ้าย ซเวซดาน มิซิโมวิช, มิราเล็ม ปานิช, มูฮาเหม็ด เบซิช, เซนาด ลูลิช ส่วนคู่กองหน้า เวดัด อิบิเซวิช จะประสานงานกับ เอดิน เซโก้
      คู่นี้ยังไม่เคยพบกันมาก่อน เกมนี้เป็นครั้งแรกของทั้งคู่

โคลัมเบียดวลไอวอรีโคสต์
      สำหรับ การแข่งขันประจำคืนวันพฤหัสบดีที่ 19 มิ.ย. คู่แรกเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เป็นนัดที่สองของสายซี ระหว่างโคลัมเบียพบกับไอวอรีโคสต์ ฟาดแข้งที่เอสตาดิโอ นาซิอองนาล กรุงบราซิเลีย คู่นี้ต่างชนะนัดแรกมาด้วยกัน โคลัมเบียประเดิมถล่มกรีซ 3-0 ประตู ส่วนไอวอรีโคสต์เฉือนญี่ปุ่น 2-1 ประตู นัดนี้เป็นการเจอกันครั้งแรก แต่โฮเซ่ เปเกร์มัน กุนซือโคลัมเบีย เคยคุมทีมอาร์เจนตินาเอาชนะไอวอรีโคสต์ 2-1 เมื่อฟุตบอลโลก 2006
     เกมนี้ เปเกร์มันจัด 11 ผู้เล่นโคลัมเบีย ดังนี้ ดาวิด ออสปินา ผู้รักษาประตู, คริสเตียน ซาปาต้า, มาริโอ เยเปส, คาร์ลอส ซานเชซ, ปาโบล อาร์เมโร, อเบล อกิร์ลา, เตโอฟิโล กูเตียร์เรซ, เจมส์ โรดริเกซ, ฮวน กัวดราโด้, วิกเตอร์ อิบาร์โบ และฮวน ซูนิก้า
     ขณะที่ซาบรี ลามูชี่ เฮดโค้ชไอวอรีโคสต์ ไม่สามารถใช้งานดิดิเยร์ ยา โกน็อง กองหน้าที่บาดเจ็บ แต่ยังวางดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกตัวเก๋าไว้เป็นทีเด็ดในม้านั่งสำรองเช่นเดิม โดย 11 ตัวจริง ประกอบด้วย บูบาการ์ บาร์รี่, อาร์ตูร์ โบก้า, ดิดิเยร์ โซโกร่า, ชีก ติโอเต้, แชร์วินโญ่, แซร์ช โอลิเยร์, วิลฟรีด โบนี่, มักซ์-อแล็ง กราเดล, ยาย่า ตูเร่, เจฟฟรีย์ เซเรย์ เดีย และซูเลย์มาเน่ บัมบ้า

ครึ่งแรกแลกกันสนุกก่อนเจ๊า
      เริ่มเกมโคลัมเบียได้ทักทายจากบอลโด่งเปิดเกม เตโอฟิโล กูเตียร์เรซ วิ่งสอดขึ้นกดด้วยซ้ายบอลยังไม่เข้ากรอบ นาที 17 เกมจากริมเส้นของโคลัมเบียอันตรายจากความเร็วของฮวน กัวดราโด้ เปิดโค้งเข้ากลางจะให้ เตโอฟิโล กูเตียร์เรซ เข้าชาร์จ แต่ดิดิเยร์ โซโกร่า ล้มตัวเตะออกหลังไปได้ก่อน เกมยังแลกกันสนุก โดยเฉพาะเกมโต้กลับเร็วของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ยังเจาะกันไม่เข้า นาที 24 ชีก ติโอเต้ สบโอกาสไม่มีตัวประกบตั้งป้อมยิงไกลบอลข้ามคาน
     นาที 27 ฮวน กัวดราโด้ ตักบอลข้ามฟากไปฝั่งซ้ายให้เจมส์ โรดริเกซ กระชากก่อนเข้ากลาง เตโอฟิโล กูเตียร์เรซ สลัดตัวประกบหน้าปากประตูหลุดเดี่ยวไปประจันหน้ากับนายทวารไอวอรีโคสต์ระยะแค่ 3 หลา แต่หัวหอกโคลัมเบียกลับเตะแป้กทำบอลออกหลังแบบไม่น่าเชื่อ นาที 30 ไอวอรีโคสต์ได้ลุ้นบ้าง แซร์ช โอลิเยร์ สับขาหลอกมาริโอ เยเปส กดเน้นๆ ด้วยซ้ายบอลเรียดติดมือดาวิด ออสปินา นายด่านโคลัมเบีย จบครึ่งแรกยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันอยู่ 0-0 ประตู

'โรดริเกซ'โหม่งตุงตาข่าย
      ครึ่งหลังไม่มีการเปลี่ยนตัว เกมยังเปิดหน้าแลกกันเหมือนเดิม โคลัมเบียเล่นเร็วขึ้นกว่าครึ่งแรก นาทีที่ 49 เจมส์ โรดริเกซ กระชากถึงเส้นหลังแล้วปาดเข้ากลาง กองหลังไอวอรีโคสต์สกัดออกไปได้หวุดหวิด นาที 52 โคลัมเบียเริ่มขยับปรับเกมโดยถอดเอาวิกเตอร์ อิบาร์โบ ออกและส่งฮวน เฟอร์นานโด กินเตโร นาทีถัดมา ดิดิเยร์ โซโกร่า เล่นงานปาโบล อาร์เมโร่ จนโดนใบเหลืองใบแรกของเกมไป
      นาที 55 ยาย่า ตูเร่ ตักบอลโด่งข้างแผงกองหลังวินฟรีด โบนี่ พยายามลอยตัวตวัดยิงแต่เตะวืดบอลออกหลังไป นาทีถัดมากองหลังโคลัมเบียจับบอลพลาด มักซ์ อแล็ง กราเดล ฉกบอลเข้าในกรอบเขตโทษแต่ยังมีเยเปสล้มตัวขวางไว้ได้หวุดหวิด นาที 57 กัวดราโด้เก็บบอลโด่งที่มุมเขตโทษก่อนสับขาหลอกอาร์ตูร์ โบก้า เข้าไปซัดเต็มข้อบอลทำท่าจะเข้าแสกหน้าแต่บูบาการ์ บาร์รี่ นายทวารไอวอรีโคสต์ ปัดชนเสากระเด้งออกไป
      นาทีที่ 59 ไอวอรีโคสต์ถอดวินฟรีด โบนี่ ที่โชว์ฟอร์มไม่ออก ส่งดิดิเยร์ ดร็อกบา ลงมา แต่ไม่ทันที่ดร็อกบาจะแผลงฤทธิ์ นาทีที่ 64 กัวดราโด้เปิดเตะมุมให้เจมส์ โรดริเกซ ขึ้นโขกเบียดดร็อกบาเข้าไปตุงตาข่ายขึ้นนำ 1-0 เป็นประตูที่สองของโรดริเกซ นาที 66 ดร็อกบาเรียกฟาวล์จากจังหวะลากเลื้อยก่อนโดน อเบล อกิร์ลา แซะร่วงหน้ากรอบเขตโทษ ดร็อกบาปั่นฟรีคิกยังไม่ผ่านกำแพง ไอวอรี โคสต์แก้เกมอีกครั้งโดยส่งซาโลมอน กาลู มาแทนมักซ์ อแล็ง กราเดล

โคลัมเบียนำห่างก่อนโดนตีไข่
      ในจังหวะโคลัมเบียพยายามโหมบุก แต่เจฟฟรีย์ เซเรย์ เดีย ทำเสียบอลกลางสนาม เตโอฟิโล กูเตียร์เรซ ฉกบอลสวนกลับและไหลให้ฮวน เฟอร์นานโด กินเตโร่ หลุดเข้าไปแปหนีมือบูบาการ์ บาร์รี่ เข้าไปอย่างสวยงามให้โคลัมเบียนำห่าง 2-0 นาที 73 แชร์วินโญ่ลากเลื้อยชนิดวันแมนโชว์จากริมเส้นหลบกองหลังโคลัมเบียสองคนเข้าไปหักหลบคาร์ลอส ซานเชซ ก่อนจะสับด้วยขวายัดเข้าเสาแรกให้ไอวอรีโคสต์ ตามมาห่างๆ 1-2 ช่วงเวลาที่เหลือนักเตะจากกาฬทวีปโหมบุกหนัก แต่ยอดทีมจากอเมริกาใต้ต้านทานไว้ได้จนหมดเวลา จบเกมโคลัมเบียเฉือนชนะไปได้ 2-1 ประตู ผ่านเข้ารอบสองแน่นอนแล้ว ส่วนไอวอรีโคสต์ต้องไปลุ้นนัดสุดท้าย และรอดูผลของคู่ญี่ปุ่นกับกรีซ