วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8603 ข่าวสดรายวัน
กระทิงหลังพิงฝา ต้องชนะ เข็นบีญ่าลุยชิลี หมากรุกกับหมอผีก็แพ้ไม่ได้ ฮอลแลนด์ฟูลทีม-ดวล'ออสซี่'-'เยอรมัน'สมราคา'โด้'แข้งฝืด สหรัฐหืดขึ้นคอเฉือนหวิว'กานา'
ถล่มเละ - โธมัส มุลเลอร์ กองหน้าเยอรมัน ยิงทำประตู ลูกที่ 3 ให้ตัวเอง และช่วยให้ทีมอินทรีเหล็ก ต้อนโปรตุเกสที่เหลือ 10 คน ไปขาดลอย 4-0 เป็นนักเตะคนแรกที่ ทำแฮตทริกได้ในศึกฟุตบอลโลก 2014 |
ตีสองคืนนี้ก็ห้ามพลาด กระทิงดุต้องชนะ บู๊ 'ชิลี' ส่ง 'อิเนียสต้า'บัญชาเกม เปลี่ยน 'บีญ่า'ยืนหอกอีกคู่ 'ฮอลแลนด์'ฟาดแข้ง 'ออสเตรเลีย'ถ้ากังหันลมชนะลิ่วเข้ารอบ 'ตาหมากรุก' ชน 'หมอผี'เอโต้'เจ็บอดล่าตาข่าย ซูฮกเยอรมันถล่มโปรตุเกส'มุลเลอร์'ตะบันแฮตทริก-'โด้'ราบคาบ "ไนจีเรีย' เจ๊า'อิหร่าน' เสมอนัดแรกบอลโลกบราซิล'สหรัฐ'หืดจับเฉือนหวิว'กานา'
'กังหันลม'ฟูลทีมเตะ'จิงโจ้'
สำหรับ ความพร้อมฟุตบอลโลก 2014 นัดประจำคืนวันพุธที่ 18 มิ.ย. คู่แรกเริ่มเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม เอสตาดิโอ ไบรา-ริโอ เมืองปอร์โต้ อเลเกร เป็นคู่กลุ่มบี "จิงโจ้"ออสเตรเลีย ตัวแทนจากโซนเอเชีย นัดแรกพ่ายต่อชิลี 1-3 เกมนี้ ไม่สามารถใช้งาน อิวาน ฟรานยิช ที่บาดเจ็บต้นขาด้านหลังในเกมแรก จนหมดสิทธิ์ลง เล่นตลอดทุกนัดที่เหลือแล้ว โดยใช้ระบบ 4-2-3-1 แมตธิว ไรอัน ลงเฝ้าเสา กองหลังมี ไรอัน แม็กโกแวน, อเล็กซ์ วิลกินสัน, แมตธิว สปิราโนวิช, เจสัน เดวิดสัน คู่กลางรับ ไมล์ เยดินัค ประสานงานกับ มาร์ก มิลลิแกน กลางรุกใช้ แมตธิว เลกกี้, มาร์ก เบรสชาโน่, ทอมมี่ ออร์ โดยมี ทิม เคฮิลล์ เป็นศูนย์หน้าตัวเป้า
"กังหันสีส้ม"เนเธอร์แลนด์ จากโซนยุโรป เกมแรกโชว์ฟอร์มหรูถลุงสเปน 5-1 ส่วนนัดนี้ต้องรอเช็กความฟิต ดาลีย์ บลินด์ แต่น่าจะลงเล่นได้ โดยวางหมาก 3-4-1-2 แยสเปอร์ ซิลเลสเซน เฝ้าเสา แนวรับประกอบด้วย สเตฟาน เดอ ฟรีจ์, รอน ฟลาร์, บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้ แผงกลาง ดาริล แยนมัต, โยนาธาน เดอ กุซมัน, ไนเจล เดอ ยอง, ดาลีย์ บลินด์ โดยมี เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ ทำหน้าที่กลางรุก ส่วนแดนหน้า อาร์เยน ร็อบเบน จะจับคู่กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
คู่นี้เคยเจอกันมา 3 ครั้ง ออสเตรเลียชนะ 1 ครั้ง เสมอกัน 2 ครั้ง โดยหนล่าสุดเจอกันในเกมกระชับมิตรเมื่อปี 2009 ผลเสมอกัน 0-0
สเปนบู๊เดือดชิลี-ต้องชนะ
ถัดมาคู่ที่ 2 เตะกันเวลา 02.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 18 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามเอสตาดิโอ โด มาราคาน่า เมืองริโอ เดอ จาไนโร เป็นคู่ในกลุ่มบี "กระทิงดุ"สเปน แชมป์เก่าจากโซนยุโรป นัดแรกเสียท่าต่อเนเธอร์แลนด์ 1-5 นัดนี้อดใช้งาน ดาวิด เด เกีย ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อขา และต้องเช็กความฟิต ดิเอโก้ คอสต้า โดยคาดว่าจะใช้ระบบ 4-3-3 และมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นพอสมควร อิเคร์ กาซิยาส น่าเป็นนายทวารต่อ แม้ทำพลาดในเกมแรก กองหลัง ฮวนฟราน, เซอร์คิโอ รามอส, เกราร์ด ปิเก้, จอร์ดี้ อัลบา แดนกลาง อันเดรส อิเนียสต้า, เซอร์คิโอ บุส เกตส์, ซาบี อลอนโซ่ ส่วนแดนหน้า ดาบิด ซิลบา อยู่ริมเส้นด้านขวา เปโดร โรดริเกซ ยืนฝั่งซ้าย โดยมี ดาวิด บีญ่า เป็นศูนย์หน้าตรงกลาง
ชิลี จากโซนอเมริกาใต้ นัดแรกชนะออสเตรเลียมา 3-1 นัดนี้ยังต้องเช็กฟิต อาร์ตูโร่ วิดัล แต่น่าจะลงได้ไม่มีปัญหา โดยจัดทัพ 4-3-1-2 เคลาดิโอ บราโว่ เป็นผู้รักษาประตู กองหลัง เมาริซิโอ อิสล่า, กอนซาโล่ ฮาร่า, แกรี่ เมเดล, ยูเจนิโอ มีน่า แดนกลาง มาร์เซโล่ ดิอาซ, คาร์ลอส การ์โมน่า, ชาร์ลส์ อราน กูอิซ โดยมี ฮอร์เก้ บัลดิเบีย เป็นกลางตัวรุก ส่วนคู่กองหน้า เอดูอาร์โด้ วาร์กาส ล่าตาข่ายกับ อเล็กซิส ซานเชซ
คู่นี้เคยเจอกันมา 10 ครั้ง สเปนเหนือกว่าเยอะชนะไป 8 ครั้ง เสมอกัน 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดที่เจอกันเป็นเกมกระชับมิตรเมื่อปี 2013 จบด้วยผลเสมอ 2-2
ชนะหืด - คลินต์ เดมพ์ซีย์ กองหน้ากัปตันทีมสหรัฐ ซัดบอลเข้าประตูให้ทีมขึ้นนำกานาตั้งแต่นาทีแรก จบเกมสหรัฐเฉือนชนะไปแบบหืดจับ 2-1 ในศึกฟุตบอลโลก กลุ่มจี ที่สนามดูนาส เมืองนาทัล บราซิล เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. |
'ตาหมากรุก'ชน'หมอผี'
ส่วนคู่สุดท้ายเตะเวลา 05.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 18 มิ.ย. ต่อเช้าวันที่ 19 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอารีน่า ดา อมาโซเนีย เมืองมาเนาส์ เป็นคู่ในกลุ่มเอ "หมอผี" แคเมอรูน จากโซนแอฟริกา นัดแรกพ่ายเม็กซิโก 0-1 นัดนี้ไม่มี ซามูเอล เอโต้ ที่บาดเจ็บ โดยน่าใช้แผน 4-1-4-1 ชาร์ลส์ อิต็องเช่ ลงเฝ้าเสา แนวรับประกอบด้วย อัลล็อง นียอม, นิโกลาส์ เอ็นคูลู, ออเรเลียง เฌดฌู, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ โดยมี อเล็กซานเดอร์ ซง ทำหน้าที่กลางรับ ส่วนมิดฟิลด์รายอื่น แบ็ง ฌาแม็ง มูก็องโฌ, สเตฟาน เอ็มเบีย, เอย็อง เอนอห์, เอริก ชูโป-โมติง ขณะที่กองหน้าตัวเป้า แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ น่าได้ลงล่าตาข่ายแทนเอโต้
"ตาหมากรุก"โครเอเชีย เกมแรกเสียท่าต่อบราซิล 1-3 เกมนี้ต้องเช็กฟิต ลูก้า โมดริช แต่คาดว่าจะลงสนามไหว เช่นเดียวกับ ดานิเยล ปรันยิช และยังได้ มาริโอ มานด์ซูคิช พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมด้วย โดยวางหมาก 4-2-3-1 สติเป้ เปลติโกซ่า เป็นนายทวาร กองหลังจากขวาไปซ้าย ดาริโย เซอร์น่า, เวอร์ดาน ชอร์ลูก้า, เดยัน ลอฟเรน, ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้ คู่กลางรับ ลูก้า โมดริช ประสานงานกับ อิวาน ราคิติช กลางรุกมี อิวาน เปริซิช, มาเตโอ โควาซิช, อิวิก้า โอลิช ทิ้งให้ มาริโอ มานด์ซูคิช ค้ำในแดนหน้า โดยคู่นี้ยังไม่เคยเจอกันมาก่อน นัดนี้ถือเป็นหนแรกที่ได้พบกัน
เยอรมันถล่มโปรตุเกส4-0
สำหรับ ผลการแข่งขันนัดประจำวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่สนามอารีน่า ฟอนเต้ โนวา เมืองซัลวาดอร์ นัดแรกกลุ่มจี ระหว่าง 2 ทีมจากโซนยุโรป "อินทรีเหล็ก"เยอรมัน เจอกับ "ฝอยทอง"โปรตุเกส เริ่มเกม "อินทรีเหล็ก" ได้เฮก่อนตั้งแต่นาที 11 มาริโอ เกิตเซ่ พลิกบอลหลุดการประกบของเจา เปเรร่า ในเขตโทษ ทำให้แบ๊กขวาโปรตุเกสต้องดึงจนล้ม ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษและแจกใบเหลือง ก่อนโธมัส มุลเลอร์ สังหารด้วยขวาเสียบมุมซ้ายมือของตัวเอง รุย ปาตริซิโอ พุ่งถูกทางแต่ไปไม่ถึง เยอรมันขึ้นนำ 1-0
เกมรุกของโปรตุเกสที่นำโดยคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังแผลงฤทธิ์ไม่ออก และจากจังหวะเตะมุมต่อเนื่อง โทนี่ โครส เปิดโค้งเข้ากลางให้มัตส์ ฮุมเมิลส์ ชิงจังหวะขึ้นโขกตุงตาข่าย "อินทรีเหล็ก" นำห่าง 2-0 ซึ่งสถานการณ์ของโปรตุเกสย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อเปเป้พยายามเลี้ยงหลบ แต่เอามือไปปัดเข้าหน้าโธมัส มุลเลอร์ ระหว่างที่มุลเลอร์นั่งพัก เปเป้กลับเดินเข้าไปเอาเรื่องและโขกซ้ำ จนผู้ตัดสินควักใบแดงให้เปเป้ทันที "ฝอยทอง" เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน นาทีที่ 45 โทนี่ โครส โยนบอลเข้าเขตโทษ บรูโน่ อัลเวส สกัดไปเข้าทางโธมัส มุลเลอร์ ซัดเหน่งๆ ทิ้งห่าง 3-0 เป็นประตูที่ 2 ในเกมนี้ของมุลเลอร์
ครึ่งหลังโปรตุเกสเจอข่าวร้ายซ้ำอีก ฟาบิโอ โคเอ็นเทรา บาดเจ็บจนต้องออกจากสนาม เช่นเดียวกับเยอรมันเจอข่าวไม่สู้ดีบ้าง มัตส์ ฮุมเมิลส์ แย่งโขกกับเอแดร์แล้วบาดเจ็บ แต่เกมยังดำเนินอย่างเข้มข้น เมื่ออังเดร ชูร์เล่ ตัวสำรองลงมากระชากหลุดเข้าริมเขตโทษด้านขวาแล้วเปิดอัดเข้ากลาง รุย ปาตริซิโอ ปัดออกมาเข้าทางโธมัส มุลเลอร์ ยิงจ่อๆ เข้าไป เป็นแฮตทริกแรกที่เกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ รวมถึงยังเป็นแฮตทริกที่ 49 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และยังเป็นแฮตทริกแรกในนามทีมชาติของ มุลเลอร์ด้วย จบเกมเยอรมันเอาชนะไป 4-0
บน : จุดโทษ - โซฟียาน เฟกูลี่ กองหน้าแอลจีเรีย สังหารจุดโทษผ่านมือผู้รักษาประตูเบลเยียม ช่วยทีมขึ้นนำก่อน 1-0 ในศึกฟุตบอลโลก นัดแรก กลุ่มเอช ที่สนามมิไนเรา เมืองเบโล ฮอริซอนเต้ ก่อนจบ 90 นาทีทีมเบลเยียมพลิกแซงชนะ 2-1, ล่าง : ตีเสมอ - มารูยาน เฟลไลนี่ กองกลางเบลเยียมขึ้นโหม่งตุงตาข่าย ช่วยให้ทีมตีเสมอแอลจีเรีย 1-1 ก่อนยิงแซง ชนะช่วงท้ายเกม ในศึกฟุตบอลโลก ที่สนามมิไนเรา ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. |
ไนจีเรียเจ๊าอิหร่านนัดแรก
คู่ต่อมาที่ที่สนามอารีน่า ดา ไบซาด้า เมืองคูริติบา กลุ่มเอฟ อิหร่าน จากโซนเอเชีย เจอกับ "อินทรีมรกต"ไนจีเรีย จากโซนแอฟริกา โดยเกมนี้ทั้งสองทีมแลกเกมบุกกันอย่างสนุก แต่จังหวะสุดท้ายกลับไม่เฉียบคมทั้งคู่ จบเกมเสมอกัน 0-0 แบ่งทีมละแต้ม และเป็นเกมแรกในการแข่งขันครั้งนี้ที่ไร้ผู้ชนะ
ส่วนคู่สุดท้ายที่สนามอารีน่า ดาส ดูนาส เมืองนาทัล สายจี "ดาวดำ"กานา จากโซนแอฟริกา เจอกับ "พญาอินทรี"สหรัฐอเมริกา จากโซนคอนคาเคฟ เริ่มเกมเพียง 31 วินาที "พญาอินทรี" เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะทำชิ่งริมเส้นฝั่งซ้ายไปถึง คลินต์ เดมพ์ซีย์ ตะลุยเข้าเขตโทษแล้วซัดชนเสาเข้าไป กลายเป็นประตูที่เร็วสุดในการแข่งขันครั้งนี้
หลังจากไนจีเรียบุกใส่อยู่นานในนาที 82 จากการทำเกมขึ้นปีกซ้ายจนบอลทะลุเข้ากรอบเขตโทษ อซาโมอาห์ กียาน เข้าถึงบอลแล้วตอกส้นคืนหลังให้อังเดร อายิว ซัดเสียบเสาแรกตีเสมอ 1-1 แต่ไนจีเรียดีใจไม่นาน นาที 87 สหรัฐขึ้นนำอีกรอบ เกรแฮม ซูซี่ เตะมุมเข้ากลางไปถึง จอห์น บรูกส์ โขกไม่เหลือซากเป็น 2-1 จบเกมสหรัฐเฉียดชนะกานาหวุดหวิด
'เลิฟ'ปรับทัพเจอกานา
ด้านโยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมัน ยกย่องลูกทีมทำผลงานได้สมบูรณ์แบบ และกล่าวว่า ทีมเราเล่นกันได้ดีมาก และไม่ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสเลย โดยโธมัส มุลเลอร์ ทำผลงานงานได้ดีมากๆ ในแดนหน้า และเกมนี้ทำได้ 3 ประตู ส่วนมัตส์ ฮุมเมิลส์ กองหลังของทีมที่บาดเจ็บต้นขา ต้องรอดูอาการใน 2-3 วันข้างหน้า แต่คงไม่รุนแรงอะไรและอาจมีการเปลี่ยนแปลงทีมนัดที่ 2 เพราะกานาเป็นทีมที่แข็งแกร่งและเร็ว บวกกับสภาพอากาศที่ร้อน จึงต้องเปลี่ยนแปลง ผู้เล่น
ขณะที่โธมัส มุลเลอร์ เผยว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถทำแฮตทริกได้สำเร็จในการประเดิมฟุตบอลโลก 2014 นัดแรก ยืนยันไม่มีเจตนายั่วยุให้เปเป้ โดนไล่ออกจากสนามแต่อย่างใด แต่ถูกกองหลังโปรตุเกสใช้มือฟาดหน้าจริง
นอกจากนี้ มีรายงานว่า นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันแวะไปให้กำลังใจนักเตะอินทรีเหล็กในห้องแต่งตัว หลังเกมถล่มโปรตุเกส 4-0 โดยมีภาพแพร่ในโลกออนไลน์ พร้อมภาพเซลฟี่กับนักเตะดาวดัง
กุนซือฝอยทองไม่ถอดใจ
ด้านเปาโล เบนโต้ กุนซือทีมชาติโปรตุเกส กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี แต่เชื่อมั่นลูกทีมยังไม่ยอมยกธงขาวในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้แน่นอน และจะสามารถคืนฟอร์มเก่งได้ในนัดถัดไป ส่วนฟาบิโอ โคเอ็นเทรา แบ๊กจอมบุกที่บาดเจ็บ อาจร้ายแรงถึงขั้นหมดสิทธิ์ลงสนามตลอดทัวร์นาเมนต์ที่เหลืออยู่
ส่วนราอูล เมเรเลส กองกลางทีมชาติโปรตุเกส มีสิทธิ์โดนลงโทษย้อนหลัง เนื่อง จากมีภาพชูสัญลักษณ์นิ้วใส่ผู้ตัดสิน หลัง เปเป้โดนไล่ออกจากสนาม
สำหรับโปรตุเกส เกมรอบแบ่งกลุ่มนัด ต่อไปพวกเขาจะพบกับสหรัฐ วันที่ 22 มิ.ย. ก่อนปิดท้ายดวลกานา วันที่ 26 มิ.ย.
คลินส์มันน์ชมสปิริตลูกทีม
ขณะที่เจอร์เก้น คลินส์มันน์ กุนซือชาวเยอรมันของทีมชาติสหรัฐ กล่าวชื่นชมสปิริตลูกทีมที่ช่วยกันต่อสู้จนสามารถเฉือนชนะทีม "ดาวดำ"กานา 2-1 ในช่วงท้ายเกมว่า เราแสดง ให้เห็นสปิริตที่ยอดเยี่ยมและสู้จนวินาทีสุด ท้าย โดยเฉพาะจังหวะเซ็ตพีต คู่ควรกับชัย ชนะ แต่ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุง เกมนี้เรามีปัญหากับการเก็บบอล
ส่วนคลินต์ เดมพ์ซีย์ กองหน้าของสหรัฐ โชคร้ายโดนนักเตะกานาเตะดั้งหักและยังไม่แน่จะลงสนามพบโปรตุเกสนัดต่อไปได้หรือไม่ แต่เดมพ์ซีย์กังวลกับอาการบาดเจ็บเอ็น หัวเข่าของโจซี่ อัลติดอร์ หัวหอกเพื่อนร่วมทีมมากกว่า หลังอัลติดอร์บาดเจ็บจากจังหวะวิ่งไล่บอล
ด้านเจมส์ คเวซี่ อัปเปียห์ โค้ชทีมกานา กล่าวว่า ดูจากฟอร์มการเล่นลูกทีมไม่ได้เล่นแย่ เพียงแต่โชคร้ายคว้าโอกาสทำประตูไม่ได้
เบลเยียมประเดิมเตะแอลจีเรีย
ส่วนการแข่งขันนัดประจำคืนวันอังคารที่ 17 มิ.ย. นัดแรก กลุ่มเอช "ปีศาจแดงแห่งยุโรป"เบลเยียม พบกับ "จิ้งจอกทะเลทราย" แอลจีเรีย ที่สนามเอสตาดิอู มิไนเรา ประเทศบราซิล โดยเบลเยียมใช้ระบบ 4-2-3-1 มี ธิโบต์ กูร์ตัวส์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ดาเนียล ฟาน บุยเต็น, แว็งซ็องต์ กอมปานี, แยน แฟร์ตองเก้น, อาเซล วิตเซล, นาเซอร์ ชาดลี, เควิน เดอ บรุยน์, มูซา เดมเบเล่, เอเดน ฮาร์ซาร์ด, โรเมลู ลูคาคู
ขณะที่แอลจีเรียใช้ระบบ 4-2-3-1 มีราอิส เอ็มโบลี่, มัดฌีด์ บูเกร์ร่า, ฟาอูซี่ กูลาม, ราฟิก ฮัลลิเช่, เมห์ดี้ มอสเตฟา, คาร์ล เมด์ฌานี่, โซฟียาน เฟกูลี่, ซาเฟียร์ ตาอิแดร์, นาบิล เบนตาเล็บ, เอล อาร์บี ซูดานี่, ริยาร์ด มาห์เรซ
เริ่มเกมแอลจีเรียเป็นฝ่ายเขี่ยบอลก่อนและเดินเกมบุกมากกว่า กระทั่งนาที 23 จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นเมื่อฟาอูซี่ กูลาม ของแอลจีเรียลากบอลทางริมเส้นแล้วเปิดเข้าหน้าประตู บอลเลยไปเสาสอง ก่อนโซฟียาน เฟกูลี่ ที่พยายามเข้าชาร์จถูกแยน แฟร์ตองเก้น ดึงแขนจนล้มในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที เฟกูลี่ลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารไม่พลาด แอลจีเรียขึ้นนำก่อน 1-0
หลังเสียประตูเบลเยียมตั้งหลักกลับมาบุกหนัก โดยได้ยิงนอกกรอบแต่แยน แฟร์ตองเก้น ยิงบอลเหินข้ามคานออกไป จบครึ่งแรกแอลจีเรียนำเบลเยียม 1-0
เฟลไลนี่โขก-เฉือนชนะ 2-1
ต่อมาครึ่งหลัง เบลเยียมโหมเกมรุกเข้าใส่เป็นระลอก แต่ยังยิงไม่ผ่านมือราอิส เอ็มโบลี่ นายทวารจอมหนึบ ทำให้ต้องปรับเกมแดนหน้าเปลี่ยนดิว็อก โอริกี้ กองหน้าดาวรุ่งลงแทนโรเมลู ลูคาคู ซึ่งโชว์ฟอร์มไม่ออก ส่งมารูยาน เฟลไลนี่ ลงแทนมูซา เดมเบเล่ พร้อมให้นาเซอร์ ชาดลี ออก และส่งดริส เมอร์เทนส์ ลงมา
โดยมารูยาน เฟลไลนี่ แผลงฤทธิ์ทันที เมื่อเควิน เดอ บรุยน์ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ มารูยาน เฟลไลนี่ โหม่งสะบัดส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย เบลเยียมตีเสมอได้สำเร็จ 1-1
จากนั้นนาที 80 แฟนบอลเบลเยียมได้เฮกันลั่นสนามเมื่อเอเดน ฮาซาร์ด จ่ายบอลทะลุช่องเข้ามาในเขตโทษให้ดริส เมอร์เทนส์ ยิงแสกหน้าขึ้นนำ 2-1 ก่อนไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ จบเกมเบลเยียมชนะแอลจีเรีย 2-1