วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8602 ข่าวสดรายวัน
เนย์มาร์-แซมบ้าคึก อัดจังโก้ เมสซี่ยิง-ฟ้าขาวลิ่ว เฉือนหวิวบอสเนีย 2-1 ฝรั่งเศสต้อนฮอนดูรัส เบนเซม่าฮอตรัว 2 ลูก คืนนี้หมีขาวฟัดโสมขาว เบลเยียมฉะแอลจีเรีย
เทพเมสซี่ - ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าอาร์เจนตินา พาบอลแหวกหนีกองหลังบอสเนีย ก่อนสับไกยิงช่วยทีมเฉือนชนะ 2-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2014 กลุ่มเอฟ ที่สนามเอสตาดิโอ โด มาราคาน่า เมืองริโอ เดอ จาเนโร เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. |
"แซมบ้า"บราซิล เปิดศึกชิงบัลลังก์ผู้นำกลุ่มกับ"จังโก้"เม็กซิโก หลังประเดิมชัยนัดแรกมาด้วยกัน ได้เวลา"ปีศาจแดงยุโรป"เบลเยียม วาดลีลากับ"แอลจีเรีย" จิ้งจอกทะเลทรายจากแอฟริกาต่อด้วย "หมีขาว" รัสเซียพิสูจน์แจ้ง "โสมขาว"เกาหลีใต้ "เบนเซม่า"ฟอร์มฮอตตะบัน2ตุงพา"ตราไก่"ฝรั่งเศสถล่มฮอนดูรัส10คนกระจุย3-0ได้ประเดิมใช้โกล์ไลน์ด้วย"นายห้างนาฬิกา"สวิสยิงช่วงทดเวลาแซงชนะเอกวาดอร์สุดมัน2-1 เมสซี โชว์เทพลากเลื้อยเข้าไปยิง พาฟ้าขาวอาร์เจนตินาประเดิมชนะบอสเนีย น้องใหม่บอลโลกแบบเฉียดฉิว2-1
เบลเยียมดวลแอลจีเรีย
ฟุตบอลโลก 2014 นัดประจำคืนวันอังคารที่ 17 มิ.ย. คู่แรกเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามเอสตาดิโอ มิไนเรา เมืองเบโล ฮอริซอนเต้ ประเทศบราซิล ประเดิมกลุ่มเอช"ปิศาจแดง"เบลเยียม ดวลเกือก "จิ้งจอกทะเลทราย"แอลจีเรีย เกมนี้ยอดทีมจากยุโรปต้องรอเช็กความฟิต โรเมลู ลูคาคู, เควิน เด บรุยน์, ดิว็อก โอริกี้ แต่น่าจะลงสนามได้ทั้งหมด คาดว่าน่าจะวางหมาก 4-2-3-1 ธิโบต์ กูร์ตัวส์ ลงเฝ้าเสา กองหลัง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แว็งซ็องต์ กอมปานี, ดาเนียล ฟาน บุยเต็น, แยน แฟร์ตองเก้น คู่กลางรับ อาเซล วิตเซล ประสานงาน มารูยาน เฟลไลนี่ กลางรุกประกอบด้วย ดริส เมอร์เทนส์, เควิน เดอ บรุยน์, เอเดน ฮาซาร์ด โดยมี โรเมลู ลูคาคู เป็นศูนย์หน้าตัวเดียว
ส่วนแอลจีเรีย จิ้งจอกทะเลทรายจากแอฟริกา ไร้นักเตะเจ็บหรือติดโทษ คาดว่าจะใช้ระบบ 4-3-2-1 โมฮาเหม็ด เซมมามูเช่ เป็นนายทวาร แนวรับจากขวาไปซ้าย อาอิสซ่า มานดี้, ลิอัสซีน คาดามูโร่-เบนตาอิบา, มัดฌีด์ บูเกร์ร่า, ฟาอูซี่ กูลาม กลางรับ 3 ราย เมดี้ ลาเซน, นาบิล เบนตาเล็บ, ซาเฟียร์ ตาอิแดร์ ส่วนคู่กลางรุก เอล อาร์บี ฮิลเลล ซูดานี่ จะทำเกมร่วมกับ โซฟียาน เฟกูลี่ ขณะที่ อิสลัม สลิมานี่ จะเป็นกองหน้าตัวเป้า
คู่นี้เคยเจอกันมา 2 ครั้ง เบลเยียมชนะ 1 ครั้ง เสมอกัน 1 ครั้ง ล่าสุดเกิดเกมกระชับมิตรปี 2003 เบลเยียมชนะ 3-1 ประตู ผู้ตัดสินเกมนี้ มาร์โก โรดริเกซ จากเม็กซิโก
แซมบ้าชิงนำกลุ่มกับจังโก้
คู่ที่ 2 เวลา 02.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 17 มิ.ย.ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามเอสตาดิโอ คาสเตเลา เมืองฟอร์ตาเลซ่า นัดที่ 2 ของกลุ่มเอ "แซมบ้า" บราซิล เจ้าภาพ นัดแรกเอาชนะโครเอเชีย 3-1 นัดนี้รอเช็กความฟิต ฮัลก์ แต่คาดว่าน่าจะลงไม่ไหว คาดว่าจะยึดระบบ 4-2-3-1 เหมือนนัดแรก ฮูลิโอ เซซาร์ เป็นผู้รักษาประตู กองหลัง ดาเนียล อัลเวส, ติอาโก้ ซิลวา, ดาวิด ลุยซ์, มาร์เซโล่ คู่กลางรับ เปาลินโญ่ ประสานงานกับ หลุยส์ กุสตาโว่ กลางรุกใช้ ออสการ์, เนย์มาร์, เบอร์นาร์ด โดยมี เฟร็ด เป็นหน้าเป้า
ขณะที่"จังโก้"เม็กซิโก จากโซนคอนคาเคฟ นัดแรกเฉือนแคเมอรูน 1-0 นัดนี้ไร้ตัวเจ็บหรือติดโทษแบนเช่นกัน คาดดว่าจะใช้แผน 5-3-2 กิเยร์โม่ โอชัว เป็นนายทวาร แนวรับเป็น พอล อากีลาร์, ฟรานซิสโก้ ฮาเวียร์ โรดริเกซ, ราฟาเอล มาร์เกซ, เฮ็กตอร์ โมเรโน่, มิเกล ลายุน แดนกลางใช้ เฮ็กตอร์ เฮอร์เรร่า, โฮเซ่ ฮวน บาซเกซ, อันเดรส กวาร์ดาโด้ ส่วนกองหน้า โอลิเบ้ เปรัลต้า จะจับคู่กับ โจวานนี่ ดอส ซานโต๊ส
คู่นี้เคยเจอกันมา 38 ครั้ง บราซิลเหนือกว่าเยอะ ชนะ 22 ครั้ง เสมอกัน 6 ครั้ง เม็กซิโกชนะ 10 ครั้ง ล่าสุดศึกฟีฟ่า คอนเฟเดเรชันส์ คัพ 2013 รอบแบ่งกลุ่ม บราซิลเอาชนะ 2-0 ประตู ผู้ตัดสินเกมนี้ คูเนต ชาเคอร์ จากตุรกี
"หมีขาว"พิสูจน์แข้ง"โสมขาว"
คู่สุดท้ายเตะกันเวลา 05.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 17 มิ.ย. รุ่งเช้าวันพุธที่ 18 มิ.ย.ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอารีน่า ปันตานัล เมืองคูยาบ้า นัดประเดิมกลุ่มเอช "หมีขาว" รัสเซียปะทะแข้ง"โสมขาว"เกาหลีใต้ หมีขาวจากยุโรปไม่มีปัญหาเรื่องขาดนักเตะ คาดว่าจะวางหมาก 4-2-3-1 อิกอร์ อคินเฟเยฟ ลงเฝ้าเสา กองหลังมี อังเดร เยชเชนโก้, วาซิลี่ เบเรซุตสกี้, เซอร์เก อิกนาเชวิช, ดมิทรี คอมบาลอฟ คู่กลางรับ วิกตอร์ ฟายซูลิน ประสานงานกับ อิกอร์ เดนิซอฟ กลางรุกใช้ โอเล็ก ชาตอฟ, อลัน ซาโกเยฟ, ยูริ ชีร์คอฟ โดยมี อเล็กซานเดอร์ โคโคริน ห้อยในแดนหน้า
"ไก่"ดุ - คาริม เบนเซม่า กองหน้าฝรั่งเศส โชว์ลีลายิงประตูฮอนดูรัส พาทีมเอาชนะไปด้วยสกอร์สุดสวย 3-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2014 กลุ่มอี ที่สนามเอสตาดิโอ ไบร่า-ริโอ เมืองปอร์โต้ อเลเกร บราซิล เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. |
ส่วน"โสมขาว"เกาหลีใต้ ทีมแกร่งจากเอเชีย ไร้ปัญหาสภาพทีมเช่นกัน คาดว่าจะใช้แผน 4-2-3-1 เช่นกัน จอง ซอง-เรียง เป็น ผู้รักษาประตู แนวรับประกอบด้วย อี ยง, ฮง จอง-โฮ, คิม ยัง-กวอน, ยุน ซุก-ยัง คู่กลางรับ ฮัน กุ๊ก-ยัง ประสานงานกับ คี ซอง-ยอง กลางรุกเป็น อี ชอง-ยง, คู จา-โชล, ซอน ฮึง-มิน ขณะที่ ปาร์ก ชู-ยอง ทำหน้าที่หัวหอกตัวเป้า
คู่นี้เคยเจอกันหนเดียวในเกมกระชับมิตรปี 2013 รัสเซียชนะ 2-1 ประตู ผู้ตัดสินเกมนี้ เนสเตอร์ ปิตาน่า จากอาร์เจนตินา
ฟ้าขาวเฉือนบอสเนียหวิว 2-1
สำหรับ ผลการแข่งขันนัดประจำวันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่สนามเอสตาดิโอ โด มาราคาน่า นัดแรกกลุ่มเอฟ ระหว่าง "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา พบกับบอสเนีย เริ่มเกมอาร์เจนตินาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว นาทีที่ 3 ลิโอเนล เมสซี่ เปิดฟรีคิกริมเส้นฝั่งซ้าย เข้ากลางประตู บอลลอยผ่านผู้เล่นทั้ง 2 ทีมตกลงพื้นไปโดนเท้าเซอัด โคลาสซินัก กองหลังบอสเนีย เข้าประตูตัวเอง อาร์เจนตินาขึ้นนำ 1-0 ประตู
จากนั้นบอสเนีย น้องใหม่ฟุตบอลโลก ไม่มีอะไรจะสูญเสีย รวบรวมสมาธิกลับมาฮึดสู้อดีตแชมป์โลก 2 สมัยอย่างสนุก แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ นาทีที่ 40 นักเตะจากยุโรปตะวันออกเกือบตีเสมอได้ จากจังหวะเตะมุม มิราเล็ม ปานิช เปิดเข้ากลางให้เซนาด ลูลิช ขึ้นโหม่งเต็มๆ แต่โรเมโร่ นายทวารฟ้าขาวเซฟไว้ได้ จบครึ่งแรกอาร์เจนตินา นำ 1-0 ประตู
ครึ่งหลัง อดีตแชมป์โลก 2 สมัยปรับแผนตั้งแต่แรกเริ่ม ส่ง กอนซาโล่ อิกัวอิน และเฟอร์นันโด กาโก้ ลงสนาม แต่บอสเนียยังครองบอลได้มากกว่า นาที 49 ได้ฟรีคิก ระยะ 25 หลา หน้ากรอบเขตโทษ อิเซ็ต ฮาจโรวิช ปั่นด้วยซ้ายบอลโค้งข้ามกำแพงกำลังจะเสียบเสา โรเมโร่ต้องออกแรงป้องกันไว้ได้
"เมสซี่"โชว์เทพเลื้อยแล้วยิง
นาทีที่ 65 เมสซี่โชว์ความสามารถเฉพาะตัวระดับเทพ ลากเลื้อยจากกลางสนาม แล้วทำชิ่งกับอิกัวอินหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยซ้ายเท้าถนัด บอลพุ่งชนโคนเสากระดอนเข้าประตูอย่างสวยงาม เมสซี่แสดงอาการดีใจอย่างสุดๆ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของสาวก ฟ้าขาวดังกระหึ่ม อาร์เจนตินาหนีห่างเป็น 2-0 ประตู
หลังเสียประตูที่ 2 บอสเนียส่ง เวดัด อิบิเซวิช, เอดิน วิสก้า และฮาริส เมดุนยานิน ลงมาแก้เกม ทำให้เกมของบอสเนียดีขึ้นมาผิดหูผิดตา แล้วความพยายามของทีมที่เพิ่งสัมผัสฟุตบอลโลกครั้งแรกก็สัมฤทธิผล นาที 85 เซนาด ลูลิช แทงบอลทะลุช่องให้อิบิเซวิชหลุดเข้ามายิงทางฝั่งซ้ายของกรอบเขตโทษ บอลลอดขาโรเมโร่เข้าประตูตีไข่แตกให้บอสเนียไล่มาเป็น 1-2 ช่วงเวลาที่เหลือทั้ง 2 ทีมยิงเพิ่มไม่ได้ จบ 90 นาทีอาร์เจนตินาเฉือนชนะบอสเนียสุดระทึก 2-1 ประตู
ฝรั่งเศสถล่มฮอนดูรัส 10 คน
อีกคู่ที่สนามเอสตาดิโอ ไบร่า-ริโอ เมืองปอร์โต้ อเลเกร นัดแรกของกลุ่มอี "ตราไก่" ฝรั่งเศส พบกับฮอนดูรัส อดีตแชมป์โลก 1 สมัย ฝรั่งเศสเดินหน้าบุกฮอนดูรัส ตัวแทนจากคอนคาเคฟ ชนิดแทบไม่ได้หายใจ แต่ยังไม่สามารถจบสกอร์ได้ กระทั่งนาทีที่ 42 ฝรั่งเศสได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะพอล ป๊อกบา ถูกวิลสัน ปาลาซิออส ผู้เล่นฮอนดูรัสเจตนากระแทกด้านหลังล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่รอช้าเป่าให้จุดโทษแก่ฝรั่งเศส พร้อมกับควักใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ปาลาซิออส ออกจากสนาม คาริม เบนเซม่า รับหน้าที่สังหารไม่พลาด จบครึ่งแรก ฝรั่งเศสนำ 1-0 ประตู
ครึ่งหลัง นักเตะ "ตราไก่" ได้ประตูที่สองในนาทีที่ 48 เมื่อโยฮัน กาบาย เปิดบอลจากริมเส้นให้เบนเซม่าวิ่งแปด้วยซ้าย บอลชนเสาเด้งกลับมาแฉลบตัววัลลาดาเรส ผู้รักษาประตูฮอนดูรัส ข้ามเส้นประตู แม้วัลลาดาเรสจะควักบอลกลับมาเข้ามือ ทว่าเทคโนโลยีโกล์ไลน์ยืนยันลูกนี้เป็นประตู ทำให้ฝรั่งเศสขึ้นนำ 2-0 ประตู
"เบนเซม่า"ตะบันสะใจ 2 ตุง
ฝรั่งเศสเล่นได้เหนือกว่ามาก ทั้งความสามารถของนักเตะและได้เปรียบเรื่องตัว ผู้เล่น นาทีที่ 71 ก็ได้ประตูที่สาม มาติเยอ วัลบูเอน่า เปิดฟรีคิกจากริมเขตโทษเข้ามาในเขตโทษ มาติเยอ เดอบูชี่ วิ่งเข้ามาซัดด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งติดบล็อกฮอนดูรัสมาเข้าทางเบนเซม่าจับหนึ่งจังหวะก่อนตะบันด้วยขวาบอลเสียบตาข่ายทางเสาแรกอย่างสุดสวย จบ 90 นาที ฝรั่งเศส ถล่มฮอนดูรัส 3-0 ประตู เก็บ 3 คะแนนแรก
สมราคา - มัตส์ ฮุมเมิลส์ กองหลังทีมชาติเยอรมัน กระโดดขึ้นเบียดกับนักเตะทีมชาติโปรตุเกส ก่อนโขกให้ทีมทิ้งห่าง 2-0 จบเกมทีมชาติเยอรมันชนะทีมโปรตุเกสที่เหลือ 10 คน ด้วยสกอร์ถล่มทลาย 4-0 |
สวิสยิงทดเวลาแซงเอกวาดอร์ 2-1
อีกคู่ของกลุ่มอี ที่สนามเอสตาดิโอ นาซิอองนาล มาเน่ การ์รินช่า "นายห้างนาฬิกา" สวิตเซอร์แลนด์ พบกับเอกวาดอร์ ยอดทีมจากอเมริกาใต้ นาทีที่ 22 เอกวาดอร์ได้ประตูนำก่อน จากฟรีคิกริมฝั่งซ้าย วอลเตอร์ อโยบี เปิดด้วยซ้ายโค้งเข้ากลางประตู เอ็นเนอร์ วาเลนเซีย ขึ้นโขกโล่งๆ เต็มกบาลส่งบอลตุงตาข่าย
ครึ่งหลัง สวิตเซอร์แลนด์งัดฟอร์มเก่งเล่นได้ดีกว่า และทำได้ 2 ประตูรวด นาทีที่ 48 จากจังหวะที่ริคาร์โด้ โรดริเกซ เปิดลูกเตะมุมฝั่งซ้ายเข้ามาในกรอบเขตโทษ เมห์เมดี้ขึ้นโขกระยะเผาขนให้ทีมนายห้างนาฬิกาไล่เจ๊า 1-1 ประตู เกมทำท่าจะแบ่งแต้มกัน แต่แล้วช่วงทดเวลา สวิตเซอร์แลนด์โต้กลับจากจังหวะที่เกือบเสียประตู แฮริส เซเฟโรวิช กองหน้าตัวสำรองหลุดเข้าไปยิงจ่อๆ เป็นประตูชัยให้สวิตเซอร์แลนด์ชนะโคลัมเบียสุดเจ็บแสบ 2-1 ประตู
กุนซือชี้"ฟ้าขาว"ยังต้องปรับปรุง
อเลฮานโดร ซาเบญ่า กุนซือ "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา เปิดเผยภายหลังประเดิมชัยชนะเหนือบอสเนียว่า "เราต้องปรับปรุงฟอร์มการเล่นให้ดีกว่านี้ หากต้องการประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ครึ่งแรกเราครองเกมได้เหนือกว่าก็จริง แต่ไม่ได้สร้างสรรค์โอกาสอย่างมีประสิทธิภาพมากพอ ครึ่งหลังทำได้ดีขึ้น แต่เราจำเป็นต้องปรับปรุง และบางส่วนของการปรับปรุงมันขึ้นอยู่กับผม"
กุนซือฟ้าขาวเผยอีกว่า การเปลี่ยนผู้เล่นในครึ่งหลัง โดยส่งเฟอร์นันโด กาโก้ และกอนซาโล่ อิกัวอิน ลงแทนฮูโก้ คัมปานาโร่ และมักซี่ โรดริเกซ และปรับแท็กติกมาเล่นระบบ 4-3-3 ช่วยให้ลิโอเนล เมสซี่ เล่นได้เต็มศักยภาพมากขึ้น
"เราทำได้ไม่ดีหลายส่วน และเป็นความผิดพลาดของผม พอส่งอิกัวอินลงไปทั้งเซอร์จิโอ อเกโร่ และลิโอเนล เมสซี่ ก็มีทางเลือกมากขึ้น ผมคิดว่าเมสซี่เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องทำได้ทุกอย่าง การได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมทำให้มีพลังมากขึ้น"
"เมสซี่"รับต้องทำงานหนัก
ด้านเมสซี่กล่าวว่า พอใจกับการประเดิมเก็บ 3 แต้ม แต่เห็นด้วยกับโค้ชที่ว่าทีมต้องปรับปรุงฟอร์มการเล่นให้ดีกว่านี้ในนัดต่อๆ ไป
"มันไม่ง่ายกับการลงเล่นแมตช์แรกในฟุตบอลโลกที่มีทั้งความกังวลและกดดัน บอสเนียเป็นทีมที่ดีด้วย เราต้องทำงานหนักอีกมากเพื่อปรับปรุงผลงานให้ดีกว่านี้ อย่างไรก็ตาม การประเดิมเก็บชัยชนะ และคว้า 3 แต้มถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด" เมสซี่กล่าว
กุนซือบอสเนียสู้ต่อเพื่อเข้ารอบ
ส่วนซาเฟ็ต ซูซิช โค้ชของบอสเนีย ชี้ลูกทีมตื่นสนามกับการประเดิมเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนัดแรก และเจอกับทีมเต็งอย่างอาร์เจนตินาด้วย แต่ยังมั่นใจว่าจะทำได้ดีขึ้นใน 2 นัดที่เหลือของรอบแบ่งกลุ่ม
"เป้าหมายของเราก่อนเกมคือสร้างความยากลำบากให้กับอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นทีมเต็งแชมป์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมคิดว่าเราเล่นได้ดีทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลัง เมื่อเจอกับทีมอย่างอาร์เจนตินา จำเป็นต้องเล่นให้ได้ดีมากๆ และต้องอาศัยโชคช่วยบ้าง เป็นแค่เรื่องของจิตวิทยาที่ทำให้เราดูเหมือนหมดพลังช่วงท้ายเกม แต่ประตูที่เราทำได้มีความหมายมากสำหรับเกมนัดต่อไป เราอาจต้องการสัก 4 หรือ 6 แต้มเต็มจาก 2 เกมที่เหลือเพื่อผ่านเข้ารอบ ผมยังเชื่อว่าเรามีความหวัง" ซูซิชกล่าว
เดส์ชองส์ปลื้มเริ่มต้นดีมีชัย
ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ผู้จัดการทีม "ตราไก่" ฝรั่งเศส สุดแฮปปี้ลูกทีมประเดิมฟุตบอลโลก 2014 ได้สวยหรูถล่มฮอนดูรัส 3-0 โดยคาริม เบนเซม่า ดาวยิงตัวเก่งเหมา 2 ประตู "นี่คือการเริ่มต้นที่ดีมาก เรามีเวลาที่ดีระหว่างการเตรียมตัว แต่นี่คือการแข่งขันจริง ชัยชนะวันนี้คือการเริ่มต้นที่ดีมาก เราดีใจกับชัยชนะ 3-0 ในฟุตบอลโลก เพราะมันไม่มีทางทำได้ง่ายๆ เรามีความอดทน เรามีโอกาสและยิงชนคาน 2 ครั้งในครึ่งแรก เราทำได้ดี ความสุขคือผลรวมเมื่อมันชนะ ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นด้วย"
"เบนเซม่า"ประเดิมโกล์ไลน์
ด้านเบนเซม่ายืนยันลูกที่ 2 ของฝรั่งเศสเป็นประตูอย่างขาวสะอาด หลังยิงไปชนเสาด้านซ้ายแล้วบอลกระดอนไปโดนมือนายทวารฮอนดูรัสข้ามเส้นเข้าไป ซึ่งลูกนี้เป็นการตัดสินให้ประตูด้วยโกล์ไลน์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์บอลโลกด้วย
"ผมยิงบอลไปชนเสาแล้วโดนผู้รักษาประตู ผมเห็นลูกบอลข้ามเส้นไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าการใช้เทคโนโลยีแบบนี้เข้ามาช่วยเป็นผลดีต่อฟุตบอลหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเราคว้าชัย ผมพอใจมากที่ชนะ และมีความสุขที่ตัวเองสามารถยิงได้ 2 ประตู" กองหน้ารีล มาดริดกล่าว
ขณะที่เดส์ชองส์กล่าวเสริมว่า การนำเทคโนโลยีโกล์ไลน์มาใช้เป็นทางเลือกที่ดี แต่ภาพที่โชว์ออกมาต้องชัดเจน ไม่ทำให้เกิดความสับสนในสนามหลังภาพบนกรีนตอนแรกดูเหมือนลูกยิงของเบนเซม่ายังไม่ข้ามเส้น ก่อนมีการยืนยันว่าบอลข้ามเส้นไปแล้วหลังโดนมือวัลลาดาเรส
ทั้งนี้ขุนพลตราไก่จะเล่นนัดต่อไปกับ สวิตเซอร์แลนด์ วันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.
โค้ชฮอนดูรัสเซ็งโกล์ไลน์
หลุยส์ เฟอร์นันเดซ ซัวเรซ กุนซือฮอนดูรัส ไม่สบอารมณ์เทคโนโลยีโกล์ไลน์ที่ฟีฟ่านำมาช่วยตัดสินเป็นครั้งแรกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย จนเกิดความสับสนกับจังหวะเสียประตูที่ 2 ช่วงต้นครึ่งหลัง โดยตอนแรกโกล์ไลน์แสดงภาพบนจอในสนามว่า "No goal (ไม่ได้ประตู)" จากจังหวะคาริม เบนเซม่า ยิงไปชนเสาแล้วบอลไต่เส้นก่อนโนเอล วัลลาดาเรส นายทวารฮอนดูรัสที่ควักออกมาติดมือ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาภาพบนจอเปลี่ยนเป็น "Goal(ได้ประตู)" ผู้ตัดสินจึงชี้ไปที่กลางสนามให้ฝรั่งเศสได้ประตูขึ้นนำ 2-0
ซัวเรซกล่าวว่า "ครั้งแรกบอกไม่ได้ประตู ครั้งที่สองให้เป็นประตู ผมไม่รู้ว่าคุณจะคิดยังไง ถ้าเทคโนโลยีบอกแบบหนึ่งในทีแรก แต่บอกอีกอย่างหนึ่งหลังจากนั้น แล้วอะไรคือความจริงล่ะ"
อย่างไรก็ตาม ซัวเรซไม่กล่าวตำหนิ วิลสัน ปาลาซิออส ที่โดนไล่ออกจากการเข้าสกัดบอลโฉ่งฉ่าง 2 ครั้ง จนได้ใบเหลืองที่ 2 และทำให้ทีมเสียจุดโทษ โดยระบุว่า "ผมไม่ได้ผิดหวังกับเขา นี่คือฟุตบอล เขาสกัดทำฟาวล์และได้ใบเหลืองที่สอง ซึ่งผมก็ไม่มีอะไรโต้แย้ง นั่นเป็นความเสี่ยงที่เราเลือก"
ฟีฟ่าชี้แจง-ทบทวนกันสับสน
ขณะที่ฟีฟ่าเตรียมทบทวนขั้นตอนการแสดงภาพบนจอในสนามของโกล์ไลน์ หลังสร้างความสับสนจากเกมระหว่างฝรั่งเศสกับฮอนดูรัส แถลงการณ์ของฟีฟ่า ชี้แจงว่า "การรีเพลย์ครั้งแรกเป็นการแสดงภาพจังหวะที่ลูกชนเสาด้านในและยังไม่ข้ามเส้นประตูแบบเต็มใบ ส่วนการรีเพลย์ครั้งที่สองในอีกไม่กี่วินาทีต่อมาด้วยภาพแอนิเมชั่นเป็นการยืนยันว่าลูกฟุตบอลข้ามเส้นประตูไปแล้วแบบเต็มใบหลังจากโดนผู้รักษาประตู และเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากที่สุดในอนาคต สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นกับระบบโกล์ไลน์เทคโนโลยี ฟีฟ่าจะทบทวนขั้นตอนการแสดงภาพบนจอในสนามจากแมตช์นี้กับทีมงานออกอากาศ เพื่อปรับปรุงไม่ให้เกิดความสับสน"
"ฮิตซ์เฟลด์"ได้ปลดปล่อยพลัง
ออตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ กุนซือมากประสบ การณ์ชาวเยอรมันของสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า การพลิกกลับมาชนะเอกวาดอร์ 2-1 ช่วงทดเวลา ช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับลูกทีมในการเตรียมพร้อมรับมือฝรั่งเศสและฮอนดูรัส พวกเราหวังผ่านเข้ารอบต่อไป หลังจากฟุตบอลโลกครั้งก่อนออกสตาร์ตด้วยการคว้าชัยเหนือสเปน แต่สุดท้ายตกรอบแบ่งกลุ่ม
"มันวิเศษมากที่เราชนะในนาทีสุดท้าย เพราะมันช่วยปล่อยพลัง ส่งผลดีต่อขวัญและกำลังใจของทีม เราตอบโต้ได้ยอดเยี่ยมหลังโดนนำ และรู้วิธีฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของเอกวาดอร์" ฮิตซ์เฟลด์กล่าว
กุนซือเอกวาดอร์"ฟุตบอลก็อย่างนี้"
ขณะที่เรนัลโด้ รูเอด้า โค้ชเอกวาดอร์ เชื่อว่าลูกทีมแข็งแกร่งพอจะกลับมาได้ในเกม ต่อไป
"ฟุตบอลก็เป็นแบบนี้แหละ คุณสามารถแพ้ได้ในวินาทีสุดท้ายของเกม เราเสียสมาธิไปช่วงนาทีสุดท้าย ซึ่งเราก็ทราบดี และแน่นอนว่ามันส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเราพอสมควร แต่ผมเชื่อว่าลูกทีมแกร่งพอที่จะลืมความผิดหวังและกลับมาสู้ใหม่ในนัดต่อไป เพราะมันไม่ใช่ว่าสวิสเหนือกว่าเราโดยสิ้นเชิงในเกมนี้"