วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8601 ข่าวสดรายวัน
ลุ้น'โด้'ลงบู๊เยอรมัน สิงโตซึม โดน'บาโล'โขกฝัง 'ฮอดจ์สัน'มั่นใจอังกฤษเข้ารอบ กล้วยหอมพลิกถล่มอุรุกวัยเละ คืนนี้ 3 คู่-อิหร่านเจออินทรีมรกต อินทรีสหรัฐดวล"ดาวดำ-กานา"
ประตูชัย - มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าอิตาลีโดดโหม่งประตูชัยให้ทีมชนะอังกฤษ 2-1 ศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี ที่สนามอารีน่า อเมซอเนีย ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. |
บิ๊กแมตช์วันนี้ ลุ้นฟิต 'โด้'นำทัพ โปรตุเกสฉะเยอรมัน ส่วนอีก 2 คู่ 'อิหร่าน'พบ 'ไนจีเรีย' 'กานา'ฟัด 'สหรัฐ' ญี่ปุ่นโอดมัวพะวง 'ดร็อกบา'ทำแพ้ช้างดำ 2-1ด้านอังกฤษเซ็งพ่ายหวิวต่อขุนพลอัซซูรี่ 'รอย ฮอดจ์สัน'ป้องรูนีย์ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว มั่นใจยังสามารถผ่านเข้ารอบได้ จอมโหดช็อก กล้วยหอมพลิกล็อกแซงชนะ 3-1
โคลัมเบียยำกรีซ 3-0
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. มหกรรมฟุตบอลโลก 2014 ได้แข่งขันผ่านมาแล้ว 3 วัน โดยผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 เมื่อคืนวันที่ 14 มิ.ย. เวลา 23.00 น. เป็นเกมรอบแรกของ กลุ่มซี ที่เอสตาดิโอ มิเนเรา เมืองเบโล โฮริซอนเต้ ระหว่างโคลัมเบียตัวแทนจากอเมริกาใต้กับกรีซทีมชั้นนำจากยุโรป
เริ่มเกมครึ่งแรกโคลัมเบียเปิดฉากบุกเข้าใส่ทันทีและขึ้นนำเร็วตั้งแต่ 6 นาทีแรก จากจังหวะที่ปาโบล อาร์เมโร แบ๊กซ้ายเติมขึ้นมาได้ยิงในกรอบเขตโทษบอลแฉลบคอสตาส มาโนลาส กองหลังกรีซ เปลี่ยนทางเสียบโคนเสาให้ทีมจากอเมริกาใต้ออกนำ 1-0 ทำให้กรีซหันมาเปิดเกมรุกเข้าใส่หวังตีเสมอและเกือบทำสำเร็จในนาที 28 เมื่อวาซิลิส โทโรซิดิส กองหลังเติมขึ้นมาได้โหม่งบอลพุ่งถากเสาออกหลังไป จบครึ่งแรกโคลัมเบียยังนำอยู่ 1-0
กลับมาเล่นในครึ่งหลัง กรีซที่เป็นฝ่ายเปิดฉากบุกใส่ แต่กลับเป็นโคลัมเบียที่มาได้ประตูขึ้นนำ 2-0 ในนาทีที่ 59 จากจังหวะเตะมุม อเบล อกิร์ลา โฉบสะกิดบอลที่เสาแรกเปลี่ยนทางมาหน้าประตู เตโอฟิโล กูเตียร์เรซ จิ้มด้วยซ้ายง่ายๆ ตุงตาข่าย หลังเสียประตูที่สองกรีซเปิดฉากบุกแหลก นาที 63 วาซิลิสได้เปิดจากด้านข้างเข้ากลางให้ธีโอฟานิส เกคาส พุ่งโหม่งโล่งๆ แต่บอลชนคานกระดอนออกมาพลาดได้ประตูอย่างไม่น่าเชื่อ เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย กรีซเริ่มทำเกมบุกไม่ขึ้นและมาเสียประตูปิดท้ายช่วงทดเวลา จากเจมส์ โรดริเกซ ที่ได้ยิงในกรอบเขตโทษช่วยให้โคลัมเบียถล่มกรีซ 3-0 ประเดิม 3 คะแนนได้สำเร็จ
อุรุกวัยนำก่อนจากจุดโทษ
คู่ต่อมาเวลา 02.00 น. เป็นการแข่งขันนัดแรกของกลุ่มดี อุรุกวัย ทีมดังจากทวีปอเมริกาใต้ลงสนามพบคอสตาริกา เกมนี้อุรุกวัยของออสการ์ ตาบาเรซ มีปัญหาเล็กน้อยเมื่อหลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าฟอร์มฮอตจากลิเวอร์พูลยังไม่ฟิตเต็มร้อย แต่ก็ยังมีสาม นักเตะดังอย่าง ดิเอโก้ โกดิน, เอดินสัน คาวานี่ รวมทั้งดิเอโก้ ฟอร์ลัน พร้อมลงสนามทั้งหมด ขณะที่ ฮอร์เก้ หลุยส์ ปินโต้ กุนซือคอสตาริกา ใช้บริการไบรอัน รุยซ์ และโจเอล แคมป์เบลล์ ในเกมรุก
เริ่มเกมครึ่งแรกทั้งสองทีมซึ่งถนัดที่เล่นเกมรุกด้วยกันทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างเปิดเกมบุกเข้าใส่กันอย่างสนุก เกมเข้าสู่นาที 15 ดิเอโก้ โกดิน กองหลังอุรุกวัย ส่งบอลเข้าประตูไปแล้ว แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าทำให้พลาดการได้ประตูอย่างน่าเสียดาย มาถึงนาที 23 จูเนียร์ ดิอาซ กองหลังคอสตาริกาไปดึง ดิเอโก้ ลูกาโน่ ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าฟาวล์เป็นจุดโทษ คาวานี่รับหน้าที่สังหารไม่พลาดให้อุรุกวัยขึ้นนำ 1-0 และนาทีที่ 44 ก็เกือบได้ประตูที่สอง เมื่อฟอร์ลันยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษบอลแฉลบกองหลังย้อยเสียบใต้คาน แต่เคย์เลอร์ นาบาส ผู้รักษาประตูคอสตาริกา ยังถอยหลังกลับไปปัด ทิ้งได้ทันเวลา ทำให้หมดครึ่งแรกอุรุกวัยยัง นำอยู่ 1-0
คอสตาริกาพลิกแซงชนะ 3-1
เข้าสู่ครึ่งหลังคอสตาริกาเปิดฉากบุกเข้าใส่เพื่อทำประตูตีเสมอ และมาประสบความสำเร็จนาทีที่ 54 เมื่อโจเอล แคมป์เบลล์ กองหน้าคอสตาริกาเก็บตกจากลูกเปิดจากด้านข้าง ก่อนซัดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบโคนเสาสองสกอร์ขยับเป็น 1-1
จากนั้นนาที 56 วอลเตอร์ การ์กาโน่ ทำฟาวล์ไบรอัน รุยซ์ เสียฟรีคิก คริสเตียน โบลานอส เปิดไปเสาสอง ออสการ์ ดูอาร์เต้ กองหลังคอสตาริกา โถมเข้าโหม่งเปลี่ยนทางตุงตาข่ายให้คอสตาริกาพลิกกลับมานำ 2-1
หลังถูกนำ 2-1 อุรุกวัยปรับหมากด้วยการถอดวอลเตอร์ การ์กาโน่ และฟอร์ลัน ออกแล้วส่งอัลวาโร่ กอนซาเลซ และนิโคลัส โลเดโร่ ลงไปเล่นแทนในนาทีที่ 60 และ นาทีที่ 76 ส่งอาเบล เฮอร์นันเดซ ลงมาแทนคริสเตียน โรดริเกซ แม้ปรับทัพแต่เกมรุกของอุรุกวัยก็ยังไม่สามารถกดดันกองหลังคู่แข่ง
และเป็นคอสตาริกาที่ทำได้ดีกว่า นาทีที่ 73 คอสตาริกาส่งมาร์โก้ อูเรน่า ลงสนามเล่นแทน ไบรอัน รุยซ์ หลังจากลงสนามได้นาทีเดียวอูเรน่าใช้ความเร็ววิ่งแซงกองหลังอุรุกวัยเข้าไปรับบอลจากแคมป์เบลล์แล้วตวัดบอลหนีมือเฟอร์นันโด มุสเลร่า ตุงตาข่ายให้คอสตาริกาหนีห่าง 3-1 และเป็นประตูปิดท้ายให้คอสตาริกาพลิกล็อกคว้า 3 คะแนนประเดิม สนามอย่างยอดเยี่ยม
บิ๊กแมตช์อังกฤษปะทะอิตาลี
จากนั้นเวลา 05.00 น. เป็นคู่บิ๊กแมตช์ กลุ่มดี'สิงโตคำราม'อังกฤษ พบกับ 'อัซซูรี่'อิตาลี ที่สนามอารีน่า อเมซอเนีย ในเมือง มาเนาส์ เกมนี้รอย ฮอดจ์สัน กุนซืออังกฤษส่ง 5 นักเตะจาก'หงส์แดง'ลิเวอร์พูล ลงเป็นตัวจริงประกอบด้วยสตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เกล็น จอห์นสัน และดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ประสานงานกับเวย์น รูนีย์ และแดนนี่ เวลเบ็ก สองกองหน้าจากแมนฯ ยู
ส่วนอิตาลีไม่มีจิอันลุยจิ บุฟฟ่อน ผู้รักษาประตูมือ 1 ที่บาดเจ็บ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ กุนซือของทีม ส่งซัลวาตอเร่ ซิริกู ลงเฝ้าเสาแทน แดนกลางมีอันเดรีย ปิร์โล่ ปั้นเกม โดยมาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าจากเอซี มิลานเป็นกองหน้าตัวเป้า
ช่วงต้นเกมทั้งสองทีมเน้นครองบอล นาทีที่ 13 อังกฤษมีลุ้นได้ประตูเมื่อสเตอร์ริดจ์ลากลุยขึ้นมาทางฝั่งขวาแต่ยิงไปติดกองหลังอิตาลี จากนั้นนาทีที่ 19 อัซซูรี่มีลุ้นบ้างจากลูกยิงไกลของอันโตนิโอ คันเดรว่า บอลพุ่งเข้ากรอบ โจ ฮาร์ต รับกระฉอกแต่ไม่มีกองหน้าอิตาลีเข้าชาร์จได้ทัน
ครึ่งแรกเสมอ 1-1
กระทั่งนาทีที่ 35 อิตาลีได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะเตะมุมทางด้านขวา ดานิเอเล่ เด รอสซี่ เปิดเข้ามากรอบเขตโทษ ปิร์โล่โดดข้ามหลอกสเตอร์ริดจ์ บอลมาถึงเคลาดิโอ มาร์คิซิโอ จับบอลหนึ่งจังหวะก่อนจะซัดเต็มข้อบอลพุ่งเข้าตุงตาข่ายอย่างสวยงาม
ตีเสมอ - ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าอังกฤษ ชูมือดีใจหลังยิงให้ทีมตีเสมออิตาลี ในการแข่งฟุตบอลโลก กลุ่มดี ที่สนามอารีน่า อมาโซเนีย ประเทศบราซิล แต่สุดท้ายไม่รอด จบเกมอิตาลีชนะ 2-1 |
แต่จากนั้นอีกนาทีถัดมา อังกฤษก็ตีเสมอได้ทันควัน จากจังหวะโต้กลับเร็ว สเตอร์ลิงได้บอลตรงกลางสนาม ก่อนเปิดยาวให้รูนีย์ หลุดขึ้นมาทางด้านซ้ายก่อนเปิดเข้ามาหน้าประตูให้สเตอร์ริดจ์แปด้วยขวาเสียบตาข่ายเข้าไปเป็น 1-1
ช่วงทดเวลา อิตาลีน่าได้ลูกที่สอง บาโลเตลลี่ชิพข้ามหัวโจ ฮาร์ต แต่ฟิล จากิลก้า โหม่งสกัดข้ามเส้นประตูได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นมีโอกาสยิงอีกครั้งจากเคลาดิโอ มาร์คิซิโอ แต่โจ ฮาร์ต ปัดไว้ได้ จบครึ่งแรกเสมอ 1-1
บาโลเตลลี่โขกเฉือนชัย
กลับมาเล่นครึ่งหลังผ่านไปนาทีที่ 50 อิตาลีมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะที่อันโตนิโอ คันเดรว่า พาบอลขึ้นมาทางขวา แล้วเปิดไปที่เสาสอง บาโลเตลลี่หนีตัวประกบก่อนจะขึ้นโขกเบียดเสาเข้าประตู
ทำให้ลูกทีมสิงโตคำรามเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสทำประตูตีเสมอหลายครั้ง โดยนาทีที่ 53 รูนีย์ลองส่องไกลระยะ 30 หลาบอลเฉี่ยวเสาออกหลัง นาทีที่ 62 รูนีย์หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงในเขตโทษแต่บอลไม่เข้ากรอบ ถัดจากนั้นนาทีเดียว รอส บาร์กลีย์ ที่ลงมาแทนเวลเบ็กกระชากขึ้นไปทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วซัดเต็มข้อ แต่ซิริกูพุ่งปัดไว้ได้ นาทีที่ 76 อังกฤษมีลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะ 25 หลา เลห์ตั้น เบนส์ ปั่นโค้งเข้ากรอบแต่ซิริกู ยังไม่พลาด ช่วงท้ายเกม สิงโตคำรามพยายามโหมบุกแต่เจาะแนวรับอัซซูรี่ไม่ได้
และช่วงทดเวลา อิตาลีเกือบได้ประตูที่สามจากฟรีคิกระยะ 25 หลาของปิร์โล่ แต่บอลชนคานอย่างน่าเสียดาย จบเกม อิตาลีชนะ 2-1
นัดต่อไปของสายดี อิตาลีจะพบคอสตา ริกา ขณะที่อังกฤษมีคิวดวลกับอุรุกวัย ซึ่งคู่นี้ทั้งสองทีมต้องชนะสถานเดียวเพื่อลุ้นเข้ารอบ
ญี่ปุ่นยิงนำครึ่งแรก
คู่ต่อมา 08.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. ตามเวลาไทย เป็นการแข่งขันนัดแรกของกลุ่มซี ระหว่างขุนพล 'ซามูไร'ญี่ปุ่น ตัวแทนจากทวีปเอเชียพบกับ'ช้างดำ'ไอวอรีโคสต์ ของแอฟริกาใต้
เกมนี้ไอวอรีโคสต์ได้ ยาย่า ตูเร่ จอมทัพคนสำคัญฟิตกลับมาลงสนาม แต่ซาบรี ลามูซี่ กุนซือของทีมช้างดำส่ง วิลฟรีด โบนี่ ลงสนามในแนวรุกร่วมกับแชร์วินโญ่ และ ซาโมลอน กาลู ด้านอัลแบร์โต้ ซักเคโรนี่ ของญี่ปุ่นจัดดาวดังลงครบนำโดย เคสุเกะ ฮอนดะ, ชินจิ คากาวะ และยูโตะ นากาโตโมะ
เปิดฉากครึ่งแรก ไอวอรีโคสต์บุกได้ดีกว่า นาทีที่ 5 ได้ลุ้นจากจังหวะโต้กลับ แชร์วินโญ่พาบอลจี้ขึ้นมาก่อนไหลต่อให้วิลฟรีดยิงตามน้ำแต่ติดบล็อกกองหลังญี่ปุ่น
เข้าสู่นาทีที่ 16 แฟนบอลซามูไรได้เฮลั่นเมื่อนากาโตโมะจ่ายบอลให้ฮอนดะ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนซัดด้วยซ้ายเต็มๆ บอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างเฉียบขาด จากนั้นยังเป็นญี่ปุ่นที่บุกอย่างต่อเนื่อง บูบาการ์ บาร์รี่ ผู้รักษาประตูไอวอรีโคสต์ต้องออกแรงเซฟหลายหน
เกมช่วงท้ายครึ่งแรกเป็น'ช้างดำ'ที่โหมบุกบ้าง โดยนาทีที่ 40 วิลฟรีดได้ซัดเหน่งๆ แต่วางเท้าไม่ดีบอลข้ามคานไป นาทีที่ 42 กาลูได้โหม่งแต่ยังไม่เข้ากรอบ ตามด้วยลูกยิงของอาร์ตูร์ โบก้า นาทีที่ 44 แต่บอลพุ่ง เข้าซองเออิจิ คาวาชิม่า จบครึ่งแรกญี่ปุ่น นำอยู่ 1-0
เสีย 2 ลูกรวดพ่าย'ช้างดำ'
กลับมาเล่นครึ่งหลังไอวอรีโคสต์เปิดเกมบุกต่อทันทีเพื่อทวงคืน แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบขาด กระทั่งนาทีที่ 61 กุนซือช้างดำแก้เกมด้วยการถอดเจฟฟรีย์ เซเรย์ เดีย ผู้เล่นมิดฟิลด์ออก และส่งดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าจอมเก๋าลงเติมเกมรุกเต็มสูบ
การส่งดร็อกบาลงมาก็ได้ผล เพราะทำให้เกมรับญี่ปุ่นเสียสมาธิไป ก่อนมาพลาดในนาทีที่ 64 ปล่อยให้ไอวอรีโคสต์มาได้ประตูตีเสมอสำเร็จเมื่อ แชร์ช โอริเยร์ เปิดบอลจากฝั่งขวาไปให้วิลฟรีดโฉบโหม่งเสาไกลผ่านมือคาวาชิม่า เข้าไปตุงตาข่ายสกอร์ขยับ เป็น 1-1
ถัดจากนั้นแค่ 2 นาที ก็พลิกแซง 2-1 โดยแชร์ชคนเดิมเติมขึ้นมาเปิดบอลจากทางฝั่งขวาไปเข้าหัวแชร์วินโญ่ โขกเสียบเสาแรก คาวาชิม่าพยายามล้มตัวเซฟแต่ไม่ทัน
หลังจากนั้น ทีมตัวแทนจากแอฟริกาใต้ยังทำได้ดีกว่าแต่ทำประตูเพิ่มไม่ได้ ทำให้จบเกมไอวอรีโคสต์เป็นฝ่ายชนะ 2-1 เก็บสามแต้มเต็มประเดิมฟุตบอลโลก 2014
เกมนัดต่อไปของสายซี ไอวอรีโคสต์ จะพบ โคลัมเบีย วันที่ 19 มิ.ย. เวลา 23.00 น. และญี่ปุ่น พบ กรีซ เวลา 05.00 น. (เช้า วันศุกร์)
ฮอดจ์สันยังมั่นใจเข้ารอบ 2 ได้
รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษ กล่าวภายหลังเกมว่า เป็นเรื่องยากที่ยอมรับความพ่ายแพ้ในนัดนี้ เพราะคิดว่านี่เป็นฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของทีมภายใต้การคุมทีมของตน อย่างไรก็ตามยังมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะทำได้ดีพอในสองนัดต่อไปเพื่อผ่านเข้ารอบ ตอนนี้ทุกคนต่างผิดหวังและเศร้าใจกับผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ครึ่งหลังทีมพยายามทำทุกอย่างแล้ว เพียงแต่ยิงประตูไม่ได้ เราเจอกับทีมที่ยอดเยี่ยมและเล่นกับพวกเขาได้สูสี ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ดีในเกมพบอุรุกวัย และคอสตาริกา และจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้
ฮอดจ์สัน ระบุอีกว่า แต่ทีมคู่แข่งก็ต้องการคว้าชัยชนะเหมือนกัน อิตาลีออกสตาร์ตได้ดีที่สุด เช่นเดียวกับคอสตาริกา ทำให้เราและ อุรุกวัยอยู่ในสถานการณ์หลังผิงฝา แต่เรารู้วิธีรับมือกับอุรุกวัยและคอสตาริกา ดังนั้น ชะตากรรมในการเข้ารอบอยู่ในมือเรา
ออกโรงป้อง'เวย์น รูนีย์'
ขณะเดียวกัน กุนซือสิงโตคำรามยังกล่าวปกป้องเวย์น รูนีย์ กองหน้าคนสำคัญทำหน้าที่ได้ดีแล้ว หลังถูกขยับไปเล่นทางฝั่งซ้าย และโดนหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ฟอร์มการเล่นอย่างหนัก จนถึงขั้นเรียกร้องให้ดร็อปในเกมที่จะพบอุรุกวัยนัดต่อไป
"มันแรงไปนิดสำหรับคนที่วิพากษ์วิจารณ์ ว่าเวย์น รูนีย์ ไม่เข้ากับการเล่นทางฝั่งซ้ายเลย เพราะผมคิดว่าเขาทำได้ดี ช่วยเปิดบอลให้ เราได้ประตูแรก และทำงานหนัก เรารู้ว่าเราสามารถใช้รูนีย์เล่นได้หลายตำแหน่ง และผมก็พอใจกับฟอร์มของเขา" ฮอดจ์สันกล่าว
ยิงยุ่น - วิลฟรีด โบนี่ กองหน้าทีมชาติไอวอรีโคสต์ ยิงตีเสมอทีมญี่ปุ่น 1-1 ในการแข่งบอลโลก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี ที่สนามอารีน่า แปร์นัมบูโก้ บราซิล จบเกมไอวอรีโคสต์ชนะไป 2-1 |
ฮอดจ์สันยังกล่าวชมผู้เล่นดาวรุ่งของทีม โดยระบุว่า "ผมคิดว่านักเตะดาวรุ่งของเราทำได้ดีทุกคน สเตอร์ริดจ์โดดเด่นมาก ก่อนมีปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อยต้องโดนเปลี่ยนออก สเตอร์ลิงคืออนาคตที่สดใสของเรา รอสส์ บาร์กลีย์ ก็ทำได้ดีเมื่อถูกเปลี่ยนลงมา แจ๊ก วิลเชียร์ ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ที่เหมาะสม และเราต่างรู้ศักยภาพของ แดนนี่ เวลเบ็ก นักเตะเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวัง"
เจอร์ราร์ดลั่นต้องชนะอุรุกวัย
ด้านสตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมชาติอังกฤษ กล่าวว่า เป็นค่ำคืนที่ยากลำบาก อากาศร้อน สภาพสนามเล่นยาก แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงข้ออ้าง ต้องให้เครดิตอิตาลีเล่นได้ดีมาก พวกเขาสร้างปัญหามากมายกับเราทางฝั่งซ้ายในครึ่งแรก แต่เราก็ปรับปรุงช่วงครึ่งหลังและรับมือได้ดีขึ้น แต่ยิงประตูเพิ่มไม่ได้ ทว่าเรายังมีโอกาสเข้ารอบ เราต้องเอาชนะ อุรุกวัยในนัดต่อไป
นอกจากแพ้นัดแรกอังกฤษยังได้รับข่าวร้ายเมื่อแกรี่ เลวิน นักกายภาพวัย 50 ปีของทีมได้รับบาดเจ็บหนักจนถูกหามลงเปล จากการ กระโดดฉลองประตูที่ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ตีเสมอ 1-1 ในครึ่งแรก และพลาดท่าหัวทิ่มลงมากองกับพื้น ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
กุนซืออิตาลีปลื้มลูกทีม
เชซาเร่ ปรันเดลลี่ กุนซืออัซซูรี่ กล่าวชื่นชมผลงานลูกทีมทำได้เยี่ยม พร้อมระบุแผงมิดฟิลด์คุมเกมได้เหนือกว่าอังกฤษ ทำให้เป็นฝ่ายคว้าชัยในเกมนี้
"ผมพอใจมากกับชัยชนะเหนืออังกฤษ นัดนี้ เพราะเป็นเกมที่ยาก เราไม่ได้มีนักเตะที่แข็งแกร่งเหมือนคู่แข่ง แต่เรามีผู้เล่นที่เปี่ยมไปด้วยทักษะ และครองเกมได้เหนือกว่าในแดนกลาง มาริโอ บาโลเตลลี่ ทุ่มเททุกอย่างที่เขาสามารถทำได้ ทุกคนทำหน้าที่อย่างดีที่ สุดแล้ว" ปรันเดลลี่กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปรันเดลลี่ได้ตำหนิสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่ไม่ยอมเพิ่มเวลานอกให้นักเตะพักดื่มน้ำระหว่างเกมแข่งขันทั้งที่สภาพอากาศร้อนจัด โดยระบุว่า
"มันแย่มากที่ฟีฟ่าไม่ยอมเพิ่มเวลานอกระหว่างแข่งขันในสภาพอากาศเช่นนี้ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักษาระดับการเล่นในสภาพอากาศร้อนแบบนี้ นักเตะในทีมต่างบอบช้ำ โชคดีที่ผู้ตัดสินยังช่วยบ้าง หากต้องการเห็นการเล่นที่เอ็นเตอร์เทนก็ต้องทำให้นักเตะอยู่ในสภาพที่พร้อมจะโชว์ฟอร์ม ที่ยอดเยี่ยมออกมา"
สำหรับอิตาลีจะลงสนามนัดต่อไปพบคอสตาริกา ในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. ก่อนปิดท้ายพบอุรุกวัย วันที่ 24 มิ.ย.
'บาโล'พอใจทำประตูแรก
ด้านบาโลเตลลี่ กล่าวว่า รู้สึกยอดเยี่ยมากที่ทำประตูแรกในฟุตบอลโลก และขอมอบประตูนี้ให้กับทุกคนในครอบครัวของตน พร้อมกันนี้หัวหอกจากเอซี มิลาน ยังบ่นเรื่องสภาพอากาศร้อนมาก และต้องดูไปทีละ แมตช์ แต่ตอนนี้ทีมยังทนไหว
บาโลเตลลี่เสริมอีกว่า "เราชนะอังกฤษได้ แต่ต้องรักษาฟอร์มการเล่นให้ดีในนัดต่อไป ไม่เช่นนั้นเราอาจไม่ได้เข้ารอบ"
อุรุกวัยลุ้น'ซัวเรซ'ฟิตขยี้สิงโต
ขณะที่ออสการ์ ตาบาเรซ กุนซือทีมชาติ อุรุกวัย ให้สัมภาษณ์หลังพ่ายพลิกล็อกต่อคอสตาริกา 1-3 ว่า วันนี้เราทำผิดพลาดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน ในเกมฟุตบอลมันก็มีแพ้ได้ แต่ต้องไม่เสียขวัญ กำลังใจ เราต้องปรับปรุงแก้ไขในเกมถัดไป สำหรับคอสตาริกาเล่นได้ดีมากเกมนี้ และสมควรที่จะเป็นฝ่ายชนะแล้ว
ตาบาเรซ ระบุอีกว่า หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวเก่ง หายจากอาการบาดเจ็บหัวเข่าแล้ว เขาเป็นผู้เล่นที่สำคัญของเรา มีศักยภาพที่จะช่วยให้เราคว้าชัยชนะได้ ตอนนี้ยังมีเวลาอีก 4 วันก่อนพบอังกฤษ เราต้องรอดูอีกว่าเขาจะสามารถลงเล่นได้หรือไม่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือสภาพร่างกายของนักเตะ
'ปินโต้'ชี้เป็นนัดประวัติศาสตร์
ด้านฮอร์เก้ หลุยส์ ปินโต้ เทรนเนอร์ของทีมคอสตาริกา ยกย่องผลงานหักปากกาเซียนนัดนี้ ว่าเป็นชัยชนะประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนัง'กล้วยหอม'เลยทีเดียว
"แมตช์นี้เป็นชัยชนะแห่งประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลคอสตาริกา ก่อนเริ่มเกมทีมเรามีความกังวลในการเจอกับอุรุกวัย แต่ทว่าวันนี้เราทำได้ดีและเป็นผู้ชนะ มันเป็นชัยชนะที่สำคัญและเป็นแรงกระตุ้นให้เรา ผมต้องการแสดงความยินดีกับทีมที่ทำงานป้อง กันเกมรับได้เป็นอย่างดี"กุนซือวัย 61 ปีกล่าว
เปเกร์มันชื่นชมเล่นกันเป็นทีม
ส่วนโฮเซ่ เปเกร์มัน โค้ชทีมชาติโคลัมเบีย กล่าวหลังประเดิมถล่มกรีซ 3-0 ในกลุ่มซี ว่า "สิ่งสำคัญคือนักเตะทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างยอดเยี่ยม และนั่นทำให้เราเล่นได้แบบผ่อนคลายไม่กดดัน เราปิดสกอร์ได้เมื่อมีโอกาส และเล่นเป็นทีม ผลการแข่งขันนัดนี้สำคัญมาก ช่วยให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดี รวมทั้งเพิ่มความมั่นใจสำหรับเกมสองนัดที่เหลือในรอบแบ่งกลุ่ม แม้ตอนนี้เรายังไม่เข้ารอบ แต่ผมก็มีความสุขมากกับฟอร์มการเล่นในนัดนี้ เราพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมของฟุตบอลโคลัมเบีย อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่เกมแรกเท่านั้น"
ขณะที่เฟอร์นันโด ซานโต๊ส กุนซือของกรีซ กล่าวว่า โคลัมเบียสร้างปัญหากับเราอย่างมากตั้งแต่นาทีแรก แต่เราก็พยายามกลับมาสู่เกมได้ และผลการแข่งขันที่ออกมาก็ไม่ยุติธรรมสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะสกอร์ไม่ได้สะท้อนรูปเกมที่แท้จริง ผมคิดว่าเราเล่นได้ดีทีเดียว และเรายังภูมิใจที่ได้เข้าร่วมแข่งขันรอบสุดท้ายที่บราซิล รวมทั้งจะยังทุ่มเทเต็มที่ในสองนัดถัดไป
ชี้ดร็อกบาจุดเปลี่ยนญี่ปุ่นพ่าย
ด้านซาบรี ลามูชี่ กุนซือทีม'ช้างดำ'ไอวอรีโคสต์ กล่าวว่า การส่งดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้ามากประสบการณ์ลงสนามในครึ่งหลังช่วยเปลี่ยนเกมอย่างเห็นได้ชัด และทำให้ทีมพลิกสถานการณ์กลับมาทำ 2 ประตูในสองนาทีแซงชนะขุนพล 'ซามูไร'ญี่ปุ่น 2-1 ในนัดแรกของกลุ่มซี
"เราเริ่มเกมได้ไม่ดีนักก่อนโดนยิงนำ แต่จากนั้นเราเริ่มสร้างสรรค์โอกาสทำประตูได้ การมีผู้เล่นอย่างดิดิเยร์ ดร็อกบา ภายในทีมเขาสามารถเปลี่ยนเกมได้ นักเตะทุกคนต่างดีใจกับชัยชนะ แต่เรายังไม่ได้ผ่านเข้ารอบ"
ส่วนอัลแบร์โต้ ชักเคโรนี่ ผู้จัดการทีมชาวอิตาลีของญี่ปุ่น ยอมรับว่าความแข็งแกร่งเป็นรองทีมช้างดำ แต่ก็คาดหวังว่าทีมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ และจากความพ่ายแพ้ทำให้ทีมจะพลาดอีกไม่ได้ ต้องชนะกรีซในนัดถัดไปเพื่อลุ้นเข้ารอบ
"ไอวอรีโคสต์เพิ่มความดุดันขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเกมดำเนินไป พวกเขามีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งมาก เหนือกว่าพวกเขา โดยเฉพาะในกรอบเขตโทษ ดังนั้น เราต้องสกัดการเปิดบอลจากด้านข้างเข้ามาหน้าปากประตู ผมคิดว่าเราน่าจะเก็บชัยชนะได้ เราสามารถทำได้ดีกว่านี้ แต่หลังจากแพ้ทำให้เราตกอยู่ในสถาน การณ์หลังผิงฝา"
ขณะที่สื่อญี่ปุ่น และแฟนบอล รวมถึงทาเคชิ โคคาดะ อดีตโค้ช ต่างมองว่าทีมโดนความขลังของดร็อกบาเล่นงาน ทำให้ทีมต้องปราชัยทั้งที่ขึ้นนำก่อน
โพโดลสกี้ป้องโอซิลถูกวิจารณ์
ลูคัส โพโดลสกี้ กองหน้าทีมชาติเยอรมนีของ'ปืนใหญ่'อาร์เซนอล แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษออกโรงปกป้องเมซุต โอซิล เพลย์ เมกเกอร์เพื่อนร่วมทีมชาติและร่วมสังกัด หลังจากโอซิลโดนรุมวิจารณ์ถึงเรื่องฟอร์มการเล่นอันตกต่ำ
โพโดลสกี้ กล่าวว่า "เมซุตเป็นนักเตะที่มีคุณภาพ เขาเป็นผู้เล่นระดับโลกและจะนำ เราไปสู่การเล่นที่ดี คุณไม่ควรมองข้ามเขา เขาแค่อยู่บนเส้นทางของตัวเอง"
นอกจากนี้ โพโดลสกี้ยังกล่าวถึงกรณีที่อังเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงเยอรมนี จะเข้ามาชมเกมนัดประเดิมสนามที่พบโปรตุเกสในวันที่ 16 มิ.ย. โดยระบุว่า "นี่เป็น การปลุกใจและเป็นบางสิ่งที่พิเศษ"
คืนนี้ลุ้น'เยอรมัน-โปรตุเกส'
สำหรับ ความพร้อมของคู่ที่ลงแข่งขันในวันที่ 16 มิ.ย. คู่แรกที่จะเตะกัน 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอารีน่า ฟอนเต้ โนวา เมืองซัลวาดอร์ เป็นคู่ในกลุ่มจี'อินทรีเหล็ก'เยอรมนี จากโซนยุโรป ต้องรอเช็กความฟิต บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ซึ่งคาดว่าจะลงเล่นไม่ไหว โดยจะวางแผน 4-2-3-1 มานูเอล นอยเออร์ ลงเฝ้าเสา กองหลังใช้ เยอโรม บัวเต็ง, เพอร์ แมร์เตซักเกอร์, มัตส์ ฮุมเมิลส์, เอริก ดวร์ม คู่กลางรับ ฟิลิปป์ ลาห์ม น่าจะขยับมาเล่นตำแหน่งนี้ โดยประสานงานกับซามี่ เคดิร่า กลางรุกเป็นโธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, ลูคัส โพโดลสกี้ ส่วนตำแหน่งหน้าเป้าน่าจะใช้มาริโอ เกิตเซ่
'ฝอยทอง'โปรตุเกส จากโซนยุโรป ต้องลุ้นความฟิตคริสเตียโน่ โรนัลโด้, เปเป้ แต่น่าลงสนามไหวทั้งคู่ โดยจะใช้ระบบ 4-3-3 รุย ปาตริซิโอ เป็นนายทวาร กองหลังจากขวาไปซ้าย เจา เปเรร่า, บรูโน่ อัลเวส, เปเป้, ฟาบิโอ โคเอ็นเทรา กองกลางมี ราอูล เมเรเลส, วิลเลียม คาร์วัลโญ่, เจา มูตินโญ่ ส่วนแดนหน้า ซิลเวสเตร วาเรล่า ทำเกมริมเส้นฝั่งขวา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยืนฝั่งซ้าย โดยมีฮูโก้ อัลเมด้า เป็นหัวหอกตรงกลาง
คู่นี้เคยเจอกันมา 17 ครั้ง เยอรมนีเหนือกว่าชนะ 9 ครั้ง เสมอกัน 5 ครั้ง โปรตุเกสชนะ 3 ครั้ง โดยหนล่าสุดที่ทั้งคู่เจอกันเกิดขึ้นในศึกยูโร 2012 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเยอรมนีชนะไปได้ 1-0
เกมนี้ผู้ตัดสินเป็น มิโลรัด มาซิช จาก เซอร์เบีย
อิหร่านปะทะไนจีเรีย
คู่ที่ 2 จะเตะกัน 02.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 16 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอารีน่า ดา ไบซาด้า เป็นคู่ในกลุ่มเอฟ อิหร่าน จากโซนเอเชีย สภาพทีมไม่มีปัญหา นัดนี้จะใช้แผน 4-4-2 ดาเนียล ดาวารี่ เป็นผู้รักษาประตู กองหลังมี โคสโรว์ เฮดารี่, จาลัล ฮอสเซนี่, เปจ์มัน มอนตาเซรี่, เอห์ซาน ฮัจซาฟี่ กองกลางจากขวาไปซ้าย อัชคาน เดจากาห์, จาวัด เนคูนัม, อันดรานิก เตย์มูเรียน, อาไลเรซ่า จาฮันบักช์ ส่วนกองหน้า เรซ่า คูชานเนจฮัด จะจับคู่กับ มาซูด โชเจอี
'อินทรีมรกต'ไนจีเรีย จากโซนแอฟริกา ไร้ปัญหาเรื่องความพร้อมเช่นกัน โดนจะวางหมาก 4-2-3-1 วินเซนต์ เอ็นเยียมา ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ เอเฟ่ อัมโบรส, เคนเน็ธ โอเมรู, ก๊อดฟรีย์ โอบัวโบน่า, เอลเดอร์สัน คู่กลางรับ จอน โอบี มิเกล ประสานงานกับ อ๊อกเกนยี่ โอนาซี่ กลางรุกประกอบด้วย ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้, อาห์เม็ด มูซ่า, วิกเตอร์ โมเซส ส่วน หัวหอกตัวเป้าเป็นงานของเอ็มมานูเอล เอเมนิเก้
คู่นี้เคยเจอกันมาเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 1998 ในการแข่งขันรายการพิเศษ คาร์ลสเบิร์ก คัพ ซึ่งไนจีเรียชนะไป 1-0
เกมนี้ผู้ตัดสินเป็น คาร์ลอส เวร่า จากเอกวาดอร์
'กียาน'นำดาวดำฉะสหรัฐ
คู่สุดท้ายจะเตะกัน 05.00 น. หลังเที่ยงคืนวันที่ 16 มิ.ย. ต่อเช้าวันที่ 17 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอารีน่า ดาส ดูนาส เมืองนาตาล เป็นคู่ในกลุ่มจี 'ดาวดำ'กานา จากโซนแอฟริกา นัดนี้ต้องรอเช็กฟิต มาจีด วาริส โดยจะใช้แผน 4-2-3-1 ฟาตาอู ดาอูดา เป็นนายทวาร กองหลังเป็น ฮาร์ริสัน อัฟฟูล, โจนาธาน เมนซาห์, จอห์น โบเย่, ควัดโว อซาโมอาห์ คู่กลางรับ โมฮัมเหม็ด ราบิอู ประสานงานกับซัลลีย์ มุนตารี่ กลางรุก ใช้ คริสเตียน อัตซู, เควิน-ปรินซ์ บัวเต็ง, อังเดร อายิว โดยมีอซาโมอาห์ กียาน เป็นศูนย์หน้าเดี่ยว
"พญาอินทรี"สหรัฐอเมริกา จากโซนคอนคาเคฟ ไม่มีปัญหาเรื่องตัวเจ็บหรือติดโทษแบน เกมนี้จะวางหมาก 4-4-1-1 ทิม ฮาวเวิร์ด ลงเฝ้าเสา แนวรับประกอบด้วย ฟาเบียน จอห์นสัน, เจฟฟ์ คาเมรอน, แมตต์ เบสเลอร์, ดามาร์คัส บีสลีย์ แดนกลางมี เกรแฮม ซูซี่, เจอร์เมน โจนส์, ไมเคิล แบรดลีย์, แบรด เดวิส ส่วนแดนหน้า คลินต์ เดมพ์ซีย์ จะรับบทหน้าต่ำทำเกมหลังหัวหอกอย่างโจซี่ อัลติดอร์
คู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมด 3 ครั้ง เป็นกานาที่เอาชนะได้ทั้งหมด โดยหนล่าสุดทั้งคู่เจอกันในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเสมอกันในเวลาปกติ 1-1 ก่อนที่กานาจะเอาชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1
เกมนี้ผู้ตัดสินเป็น โยนาส อีริกส์สัน จากสวีเดน