ผู้ว่าธปท. ชี้สภาพัฒน์หั่นเป้าจีดีพีปีนี้เหลือโต 2.7-3.2% ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ระบุ พร้อมดูแลค่าบาท- จับตานโยบายเงินหยวน หลังบาทอ่อนค่าแล้ว 7%

     ธปท. ชี้สภาพัฒน์หั่นเป้าจีดีพีปีนี้เหลือโต 2.7-3.2% ใกล้เคียงกับที่ธปท.ประเมินไว้ ระบุมาตรการกระตุ้น ศก.ของรัฐบาล ต้องทำให้ตรงจุด-เน้นลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน  ยันยังไม่ได้ถูกทาบทามเข้าร่วม ครม.ชุดใหม่ ชี้ยังคงจับตานโยบายเงินหยวนในระยะต่อไปหลังจีนลดค่าเงิน - บาทอ่อนค่าแล้ว 7% ตั้งแต่ต้นปี พร้อมดูแลค่าเงินบาทอย่างเหมาะสม ไม่กังวลการเก็งกำไรค่าเงินฯ

     นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยถึงตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 และการปรับจีดีพีไทยปี 58 เหลือ 2.7-3.2% ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม หรือ สศช. ว่า เป็นตัวเลขใกล้เคียงกับที่ ธปท.ประมาณการไว้ โดยจะมีการประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 กันยายนนี้

       ส่วนการส่งออกทั้งปีที่กระทรวงการคลังคาดติดลบ 4% และสศช.คาดติดลบ 3.5% นั้นจะบั่นทอนเศรษฐกิจหรือไม่นั้น ยืนยันว่า การส่งออกที่ชะลอตัวนั้นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยยืนยันว่าปัจจุบันไทยเสถียรภาพการเงินยังแข็งแกร่ง เสถียรภาพต่างประเทศยังดี ทั้งด้านทุนสำรองระหว่างประเทศ ดุลยัญชีเดินสะพัด สถาบันการเงินยังมีความมั่นคง

    "การส่งออกไม่ได้เป็นเฉพาะเรา แต่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยอะไรที่พอบรรเทาได้เราก็จะทำ แต่ตอนนี้ยังดีในด้านเสถียรภาพ เราไม่หวั่นไหว แม้หน้าตาจะไม่สดใสก็ตาม"นายประสาร กล่าว

      ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น หากจะให้เกิดผลดีอย่างถาวร ควรเน้นในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก เพื่อให้มีเงินเข้าสู่ระบบจำนวนมาก ขณะที่การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น หากทำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เช่น พี่น้องเกษตรกร รัฐบาลได้ดำเนินการอยู่แล้ว และเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ทั้งนี้ การดำเนินการนั้นควรทำให้ตรงจุด ไม่ให้เกิดการรั่วไหล และต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

    นายประสาร กล่าวถึงกระแสการปรับ ครม.นั้น ยืนยันว่า ยังไม่มีการมาทาบทามตน เพื่อเข้าร่วมในครม.ชุดใหม่ และจะปรับเมื่อไหร่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากไม่มีข้อมูลใดๆ

    ส่วนกรณีที่จีนปรับลดค่าเงินลง 4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์นั้น ธปท.จะต้องติดตามนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีนว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ส่วนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่นั้น ไม่ได้กังวล เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันค่าเงินบาทไทยอ่อนค่า 7%

     โดยธปท.มีนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนให้เคลื่อนไหวตามภาวะตลาด และให้มีความยืดหยุ่น ซึ่งหากเห็นว่าค่าเงินบาทเคลื่อนไหวเร็วจนอาจส่งผลต่อผู้ประกอบการ ธปท.ก็อาจเข้าไปดูแล ส่วนการเก็งกำไรค่าเงินบาทนั้น ตนไม่มีอะไรน่ากังวล

ธปท. เผย สภาพัฒน์ประกาศจีดีพีไตรมาส 2 โต 2.8% สะท้อน ศก.ฟื้นตัวอย่างช้าๆ สอดคล้องคาดการณ์ ธปท.

     นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.8 เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน (ร้อยละ 0.4 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า) แสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่เป็นไปอย่างช้าๆ ตามที่ ธปท. คาดไว้ โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยว ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนชะลอลงบ้าง แต่ถือว่ามีเสถียรภาพท่ามกลางรายได้เกษตรกรและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำ

     สำหรับ ประมาณการเศรษฐกิจใหม่ของ สศช. ที่ร้อยละ 2.7-3.2 ถือว่าใกล้เคียงกับที่ ธปท. ประเมินไว้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งล่าสุด ซึ่ง กนง. มองว่าแม้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนอาจจะต่ำกว่าในช่วงครึ่งปีแรกได้ แต่ในรูปของอัตราการขยายตัวไตรมาสต่อไตรมาสน่าจะเป็นการปรับสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเม็ดเงินภาครัฐที่จะเข้าสู่ระบบมากขึ้น อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามแนวโน้มการลงทุนของภาคเอกชนที่หดตัวในไตรมาสที่ 2 รวมทั้งการส่งออกสินค้าที่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากทั้งภายนอกและภายในประเทศ

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย