'สมคิด'มั่นใจ ศก.ไทยปี 60 สดใส เตรียมชงแพ็คเกจภาษีหนุนเอกชนทั้งใน-ตปท.ลงทุน EEC เข้าครม.สัปดาห์หน้า

     'สมคิด' มั่นใจปี 60 ศก.ไทยขยายตัวดีตามการส่งออก-ลงทุนภาครัฐ เล็งชงแพ็คเกจภาษีบุคคลธรรมดา ให้เอกชนทั้งใน-ตปท.ที่ลงทุนใน EEC เข้าครม.สัปดาห์หน้า พร้อมประเมินนโยบาย ‘ทรัมป์’ ส่งผลดีต่อการค้าไทยในระยะสั้น สั่งคุมเข้มการใช้จ่ายของภาครัฐทุกเดือน ยกเป็นเคพีไอของทุกกระทรวง พร้อมตั้งซูเปอร์บอร์ดติดตามโครงการที่ได้รับอนุมัติจากครม. สร้างความโปร่งใส คุมงบให้อยู่ในกรอบ

      นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสครบรอบ 40 ปี มติชน ในหัวข้อ Push Forward ส่องเศรษฐกิจ 4.0 ปีไก่ทอง ว่า ในปี 2560 รัฐบาลมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้มากกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เห็นได้จากตัวเลขที่สำนักงานการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ที่ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 2559 ขยายตัวได้ 3.2% ซึ่งเป็นระดับที่ควรรักษาไว้ 

      สำหรับ ในปี 2560 รัฐบาลจะเร่งและสนับสนุนให้เกิดการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรือ EEC ที่ในสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการทางภาษีโดยให้เอกชนทั้งในและต่างประเทศ เลือกแบบเสียภาษีแบบคงที่ 17% จากเดิมสูงสุดที่ 35% หรือ เสียภาษีบุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย  สำหรับบุคคล นักวิจัย มหาวิทยาลัย บริษัทบุคคลทั้งในและต่างประเทศที่จะเข้าไปลงทุนในพื้นที่ EEC ให้คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาในสัปดาห์หน้า 

     “ผมพอใจกับตัวเลขที่ออกมา มันไม่ง่าย เพราะปีที่แล้วเศรษฐกิจโลกหลายประเทศมันทรุดต่ำ ไทยก็มีปัญหาเกษตรกรพบความแห้งแล้ง ราคาสินค้าเกษตรต่ำเตี้ย มีภัยธรรมชาติ ซึ่งเราผ่านมาได้ ตอนผมเข้ามาตอนแรก ไทยเหมือนชีพจรที่เต้นแผ่ว ผมห่วงและกังวล และมองว่าหากไม่รีบกระชากจะยิ่งแย่ สิ่งสำคัญคือ ช่วงที่ผ่านมา ประชาชนขาดความเชื่อมั่น เอกชนไม่มั่นใจเพราะไม่รู้อนาคต สิ่งที่ทำได้ในปีที่ผ่านมา คือ เรื่องการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาครัฐ ที่พยายามทำดีที่สุด”นายสมคิด กล่าว 

      สำหรับ ในปีนี้ ประเมินว่าการส่งออกจะขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว นำโดยสหรัฐ ที่คาดว่าจะขยายตัวได้จากนโยบายของทรัมป์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อการค้าของไทยในระยะสั้น ขณะที่ในระยะยาวยังไม่ประเมินในตอนนี้ ขณะที่ญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวได้ดี ขณะที่จีนแม้จะทรงตัว แต่ก็ยังขยายตัวในระดับสูงที่ 6-7% ด้านอาเซียนทั้งอาเซียนมีอัตราการเติบโตเร็ว และเป็นคู่ค้าที่สำคัญ เพราะปัจจุบันสัดส่วนการส่งออกไปอาเซียนมีถึง 25% ของการส่งออกทั้งหมด 

      ดูจากตรงนี้ เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ก็มองว่าการส่งออกจะได้มากกว่า 3-4% แน่นอน  เราจะต้องหาช่องทาง กระจายการส่งออกไป ไปยังกลุ่มจีนที่มีอำนาจซื้อสูง พยายามเข้าไปเชื่อมโยงการทำธุรกิจ รวมถึงจะต้องเพิ่มและสร้างการเกิดหุ้นส่วนทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกเติบโต 5% ถือเป็นตัวเลขที่ท้าทาย ขณะเดียวกันจะต้องไม่ลืมเรื่องการค้าชายแดนที่มีการเติบโตสูง นอกจากนี้ยังอยากให้บริษัทใหญ่ๆของประเทศไทย มีการขยายการลงทุนในต่างประเทศ หากทำได้ ปีนี้จะเป็นปีไก่ไข่ทองแน่นอน”นายสมคิด กล่าว 

      ทั้งนี้ นายสมคิด มองว่าไทยยังมีปัญหาในเรื่องโครงสร้างการส่งออก ดังนั้นไทยจะต้องเร่งปรับตัว และขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยตนมองว่า หากประเทศมีเศรษฐกิจดีจากการส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีการลงทุนไปขยายตลาดยังต่างประเทศ เชื่อว่าไม่นานประเทศนั้นจะด้อยการพัฒนา นอกจากนี้ภาคการส่งออกบริการเริ่มเข้ามีบทบาทในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยสนับสนุนภาคการบริการที่ไม่ใช่การท่องเที่ยวด้วย 

      ทั้งนี้ ในปี 2560 ในทุกเดือนตนจะเร่งติดตามความคืบหน้าของการเบิกจ่ายของภาครัฐในทุกเดือนและทุกกระทรวงว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ โดยจะให้จัดอยู่ในเคพีไอของการประเมินผลงานของทุกกระทรวง ขณะเดียวกัน ในช่วง 2-3 วันข้างหน้า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะจัดตั้งซูเปอร์บอร์ดในการกำกับดูแลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ครม.ได้อนุมัติแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการของบประมาณเพิ่มเติม หรือ ปรับเงื่อนไขเพิ่มเติม TOR เหมือนที่ผ่านมา และซูเปอร์บอร์ดดังกล่าวจะมีคนนอกเข้ามานั่งเป็นคณะทำงานด้วย เพื่อติดตามและตรวจสอบความโปร่งในทุกขั้นตอนในการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อปิดช่องโหว่ในการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุน 

     ในส่วนของนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ว่า ในความหมายของตนนั้น ไม่ได้หมายถึง 4.0 ไฮเทคโนโลยี แต่หมายถึง การสร้างเศรษฐกิจอย่างสมดุล ในเชิงความสามารถในการแข่งขัน การสร้างความเท่าเทียมสู่ภูมิภาคและชนบท ต้องมีระบบเศรษฐกิจที่มีผู้ประกอบการขนาดเล็กขยายตัวจำนวนมาก เพื่อให้ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยที่ผ่านมา ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย