วันที่ 04 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8834 ข่าวสดรายวัน


ฮือค้านยุบรวม ผู้ตรวจ-กสม.ปื๊ดเห็นตรงป๋า ตั้งศาลคดีโกง 

กล้าทำดี - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โชว์หมวกและเสื้อยืดโครงการกล้าทำดี หลังได้รับมอบจากนายพร้อมบุญ พานิชภักดิ์ เลขาธิ การมูลนิธิรักษ์ไทย และคณะ ที่เข้าพบเพื่อประชา สัมพันธ์โครงการ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 3 ก.พ.

       "บวรศักดิ์"ขานรับแนวคิด "ป๋าเปรม" ชี้กมธ.ยกร่างฯ เสนอ ตั้งศาลวินัยการคลังฯ สอด คล้องศาลคดีฉ้อราษฎร์บังหลวง ยังกั๊กถกร่วมกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. ผู้ตรวจการแผ่นดินแถลง รับได้ยุบรวมกรรมการสิทธิฯ แต่ 30 องค์กรยื่นค้าน "บิ๊กตู่"ยันจ่ายเงินช่วยชาวสวนยางแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ย้ำขึ้นทะเบียนเกษตรกรทั้งระบบ สปช.จังหวัดออกโรงจี้รัฐบาลเร่งแก้ราคายาง ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน 479 อดีตส.ส.

"บิ้กป้อม"หัวโต๊ะครม. 10 กพ.
      เวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.พ. ที่ตึกบัญชา การ ทำเนียบรัฐบาล ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผู้สื่อข่าวถามว่าวันที่ 2 ก.พ. ได้กินผัดหมี่โคราช เป็นอย่างไรบ้าง นายกฯกล่าวว่า "น่าจะอร่อย" ก่อนเดินขึ้นห้องประชุมด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี
       พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯเผยว่า วันที่ 4 ก.พ. เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประธานประชุมร่วมแม่น้ำ 5 สาย ประกอบด้วย คสช. ครม. สนช. สปช. และกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ ส่วนสัปดาห์หน้า นายกฯไปเยือนญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ. ดังนั้นการประชุมครม.วันที่ 10 ก.พ. จะมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมครม.แทน และวันที่ 17 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์มีภารกิจเข้าเฝ้าฯรับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จ.น่าน จึงเลื่อนการประชุมครม.เป็นวันพุธที่ 18 ก.พ. และจากนั้นวันที่ 24 ก.พ. จะประชุมร่วมระหว่างคสช.กับครม.ครั้งที่ 2/2558

สั่งทำฐานข้อมูลกลาง 
       พล.ต.สรรเสริญ แถลงผลประชุมครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุมครม.ถึง การขับเคลื่อนการทำงาน ตามนโยบายของรัฐบาล หลังจากตั้งคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนติดตามการทำงานของรัฐบาล และคณะกรรมการของ คสช. และขณะนี้ ตั้งคณะกรรมการระดับกระทรวง ซึ่งนายกฯ ให้แนวทางว่าบุคคลที่มาทำหน้าที่ต้องไม่มีหน้าที่ประจำของแต่ละกระทรวง โดยแต่ละกระทรวงต้องตั้งคณะทำงานเพื่อรองรับผู้แทนที่จะเข้ามาร่วมอยู่ในคณะทำงานขับเคลื่อน โดยกรรมการทั้ง 3 ชุดต้องติดต่อประสานเพื่อหาสาเหตุข้อขัดข้องของปัญหาและติดต่อกับหน่วยงานที่ตรงกับปัญหาได้ถูกต้อง
       พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์สั่งการให้จัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากร ธรรมชาติ เศรษฐกิจ ความมั่นคง ที่ผ่านมามาตรฐานข้อมูลของแต่ละกระทรวงอาจไม่ตรงกัน ทำให้การเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อนำมาใช้ล่าช้า จึงให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) และศูนย์ปฏิบัติการของนายกฯ ร่วมกันจัดทำข้อมูลให้ทันสมัย ดึงและเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกภาคส่วนมาใช้ได้ เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน

ตั้งกรรมการป้องกันทุจริต 
      พล.ต.สรรเสริญ แถลงว่า ครม.เห็นชอบในหลักการโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ โดยให้ภาคเอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ โดยมีข้อตกลงคุณธรรมว่าจะไม่กระทำการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและทำให้การจัดซื้อจัดจ้างโปร่งใส มีบุคคลภายนอกร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ ข้อตกลง ดังกล่าวจะมุ่งเน้นการตรวจสอบและลงโทษหากเกิดทุจริต 
       พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ครม.ยังอนุมัติ แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมมือป้องกันการทุจริต มีรมว.คลัง เป็นประธาน และประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) เป็นรองประธานคนที่ 1 ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นรองประธานคนที่ 2 มีอำนาจพิจารณากำหนดแนวทางและวิธีการดำเนินการโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ อาทิ พิจารณารูปแบบ ปรับปรุง เนื้อหาของข้อตกลงคุณธรรม พิจารณาคัดเลือกโครงการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเข้าร่วมโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตฯ พิจารณา คัดเลือกผู้สังเกตการณ์เพื่อเข้าร่วมโครงการ

ลดพื้นที่ปลูกยาง 7 แสนไร่ 
       พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกฯมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวบรวมความต้องการของทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่มี แผนงาน กิจกรรม และโครงการที่จำเป็นต้องใช้ยางพาราภายในเวลา 2 สัปดาห์ จะได้ประเมินถูกต้องว่าต้องจัดซื้อยางจำนวนเท่าไรเพื่อแก้ปัญหายางทั้งระบบ และจะรู้จำนวนเงินที่ต้องใช้จ่าย นอกจากนั้นนายกฯยังพูดถึงการลดพื้นที่ปลูกยางพารา 7 แสนไร่ ภายใน 7 ปี เพื่อให้ปริมาณการผลิตยางใกล้เคียงกับ ความต้องการยางของตลาด หากไปลดพื้นที่ทั้งหมดพร้อมกันเป็นเรื่องยาก จึงให้ดำเนินการเร่งด่วนในพื้นที่ที่มีการบุกรุกเพื่อปลูกยาง เช่น พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(อ.อ.ป.) รับซื้อหรือตัดต้นยางไปใช้ทำประโยชน์ในเรื่องต่างๆ ขณะเดียวกันให้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ช่วยเหลือเยียวยาหลังลดพื้นที่ปลูกที่มีการบุกรุก และชี้แจงว่าไม่ใช่ไล่ออกจากพื้นที่เพียงอย่างเดียว 
       นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวหลังภายประชุมครม. ว่าไม่มีการเสนอเรื่องโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรมูลค่า 4,000 ล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมครม.วันนี้ แต่นายกฯมีข้อสั่งการเกี่ยวกับการเกษตร รวมถึงระบบสหกรณ์ การแก้ปัญหาราคามันสำปะหลัง อ้อย และข้าว หลังนายกฯลงพื้นที่จ.นครราชสีมา
      ส่วนข้อเสนอให้รับซื้อยางก.ก.ละ 80 บาทนั้น เท่าที่ได้รับฟัง ผู้ประกอบการยางพาราระบุจะพยายามช่วยรัฐบาล โดยราคายางในตอนนี้เป็นสภาพปกติในช่วงเดือนก.พ. ซึ่งมีเทศกาลตรุษจีน

นายกชี้จ่ายเงินช่วยยางแล้ว 90%
       เวลา 13.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางว่า มีการรายงานการจ่ายเงินช่วยเหลือมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ยังเหลือ อีกเล็กน้อยที่ยังไม่ถูกต้อง เมื่อถามว่ากระทรวง เกษตรฯขออนุมัติเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าจ่ายไปหมดแล้วทั้งข้าวและยาง รัฐบาลต้องดูแลยังมีเรื่องของผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ถูกต้อง เป็นความบกพร่องของรัฐบาลที่ผ่านมาแต่ไม่อยากโทษใคร เพราะสนับสนุนการปลูกยางและบุกรุกพื้น ที่ป่า กลุ่มดังกล่าวมาขอเงินช่วยเหลือด้วย รัฐบาลก็ช่วยเหลือเพราะเห็นเป็นคนจน 
     นายกฯกล่าวว่า ตนจะจัดระเบียบใหม่ ต้องขึ้นทะเบียนอย่างเป็นระบบและแก้ไขเกษตรกรที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่หรือผู้บุกรุก เพราะถือว่าผิดทั้งยังปล่อยปละละเลยมาตลอด หากอยู่มาตั้งแต่ดั้งเดิมก็อาจมีมาตรการผ่อนปรนให้

2 สัปดาห์สรุปใช้ยางในประเทศ 
      นายกฯกล่าวว่า ตนถามไปแล้วว่าให้เงินช่วยเหลือไปแล้วหนึ่งพันบาท เจ้าของสวนยางบอกว่าได้แต่คนกรีดไม่ได้ เรื่องยางพาราไม่ใช่แค่คนปลูกต้องจ้างคนกรีดอีก วันนี้เจ้าของสวนยางบอกอยากให้คนกรีดด้วย ปัญหาซับซ้อนจึงต้องแก้ไขโดยจัดระเบียบใหม่ เพราะเป็นผลให้ต้นทุนสูงขึ้น จากการลงพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ตนนั่งคิดว่าเกษตรกรทุกกลุ่มทั้งยาง ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง จะจัดระบบสหกรณ์มาใช้ได้ หรือไม่ ขึ้นทะเบียนทั้งหมด หากส่งเสริม ในระบบสหกรณ์ได้จะสร้างความเข้มแข็ง หากสหกรณ์ต้องการเงินทุนก็พร้อมสนับสนุน
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอฝากไปยังเกษตรกรชาวสวนยางว่ารัฐบาลพยายามเร่งรัดการช่วยเหลือ ทั้งสนับสนุนการใช้ยางภายในประเทศ โดยจะหารือให้เร็วที่สุดภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อดูว่าสามารถใช้ยางในประเทศได้มากน้อยเพียงใด เพื่อเตรียมรับฤดูกรีดยางครั้งหน้าให้ราคาดีขึ้น แต่วันนี้ต้องดู ที่การลดต้นทุน เมื่อขายได้ก.ก.ละ 60 บาท ก็แบ่งกับคนกรีด 50 เปอร์เซ็นต์

แม่น้ำ 5 สายเดินได้ตามโรดแม็ป 
      นายกฯให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วม ระหว่างคสช. ครม. สปช. สนช. และกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 4 ก.พ. ที่สโมสรทหารบก วิภาวดีฯ ว่าเป็นการหารือเพื่อการขับเคลื่อนของแม่น้ำ 5 สาย จะพูดคุยว่าแต่ ละส่วนมีความคืบหน้าไปถึงไหน จะมาจัดระเบียบกันว่ากำหนดการตามโรดแม็ปที่วางไว้ยังมีปัญหาอะไรบ้างหรือไม่ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีปัญหา ยังเป็นไปตามโรดแม็ปที่วางไว้ วันนี้ได้พูดคุยถึงรายละเอียดของกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งวันที่ 4 ก.พ.จะหารือว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง เพราะถึงเวลาที่ต้องเสนอเข้ามายังครม.และคสช. ตอนใกล้เวลาอาจติดปัญหากันหมด 
      เมื่อถามว่า จนถึงวันนี้ความคืบหน้ายัง เป็นไปตามโรดแม็ปที่กำหนดหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระยะเวลาและแผนงานที่วางไว้ ถ้าไม่เป็นตามแผนและกรอบเวลาทุกอย่างก็เดินต่อไม่ได้ เพราะกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจน เม.ย.นี้กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะต้องเสนอร่างฯแรกเข้ามา ให้ได้และภายในเดือนส.ค.ก็จะดำเนินการต่อไป ดังนั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามโรดแม็ป ไม่เช่นนั้นก็จะเดินไม่ได้ ยืนยันว่าพยายามเดินตามโรดแม็ปให้ได้ ถ้าสถานการณ์ไม่เป็นปกติ ยังมีความขัดแย้งกันอยู่มากแล้วมัน จะเดินต่อกันไปอย่างไร ต้องไปหาคำตอบกันเอง อย่ามาหาคำตอบจากตน

ต้องมีกม.พิเศษคุมสถานการณ์ 
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญที่จะร่างขึ้นต้องคิดเผื่อการปฏิรูปไว้ด้วยว่าจะทำอย่างไร เพราะวันข้างหน้า เมื่อมีรัฐบาลเข้ามาเขาสามารถทำอะไรได้อีกต่อไป ดังนั้นต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดปีกว่าๆ เดินหน้าต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาเปล่า ตนไม่ได้มุ่งหวังไปกีดกันใครหรือสร้างอำนาจต่อ ยืนยันว่าไม่ได้หวังเช่นนั้น หวังแต่ว่าพวกเราจะอยู่กันอย่างไร สิ่งที่คิดอยู่ทุกวันนี้ไม่เคยคิดเพื่อตัวเองและไม่ได้คิดเพื่อใคร สิ่งที่ทุ่มเทและคิดวันนี้มีแต่วันข้างหน้าจะไปกันอย่างไร บางคนอาจเห็นว่าทำดีบ้างไม่ดีบ้าง เป็นธรรมดา ความคิดแตกต่างกันได้ แต่อย่าลืมตนเข้ามารับภาระวันนี้ไม่ต้องมาชม เพียงแต่ขอความเข้าใจว่าเข้ามาเพื่อทำอะไรและไม่ว่าอย่างไร ก็พร้อมฟังจากทุกคน ความจริงไม่ฟังก็ได้ แต่ตนก็ต้องฟังเพราะเป็นคนไทยด้วยกัน
      "ขนาดเป็นอย่างนี้และให้โอกาสอย่างนี้ ผ่อนผันมากยังมีการสร้างความรุนแรงเกิดขึ้น แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น กล้ายืนยันกับผม หรือไม่ ถ้าไม่ใช้กฎหมายพิเศษแล้วมันจะไม่มีเรื่อง แต่วันนี้มันยังมีเรื่องอยู่เลย ถามว่าคนเหล่านี้มันเป็นใคร ไปหามา ที่พูดไม่ได้โมโหเลย" นายกฯกล่าว

ยืนนานเจ็บขา 
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ขณะเดินออกจากโพเดียมเพื่อขึ้นไปยังห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงอาการเจ็บขา เมื่อถามว่าไม่สบายหรือ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอะไร แต่เจ็บขาเล็กน้อย เนื่องจากยืนนานและ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ช่วงลงพื้นที่จ.นครราชสีมา ไม่ค่อยได้พูดกับสื่อมวลชนเนื่องจากเจ็บคอ แต่วันนี้อารมณ์ดี
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการให้สัมภาษณ์ ของพล.อ.ประยุทธ์วันนี้ ผิดจากหลายครั้งที่ ผ่านมา ให้สัมภาษณ์เพียง 18 นาทีและไม่มีการแสดงอารมณ์รุนแรงหรือโกรธเกรี้ยว แต่ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

กมธ.รายงานปฏิรูปประเทศ 3 ระยะ
      นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการ(กมธ.)สามัญกิจการสปช. หรือวิปสปช. กล่าวถึงการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ว่า จะรายงานความคืบหน้าการทำงานของ สปช. ตามโรดแม็ประยะที่ 2 ที่ครอบคลุมกระบวนการปฏิรูปประเทศ การร่างรัฐธรรม นูญ ล่าสุดสปช.จัดทำแผนแม่บทการจัดทำการปฏิรูปประเทศ 3 ระยะ ดังนี้ 1.การดำเนินการตามกรอบโครงสร้างการปฏิรูป ซึ่งต้องเสร็จ ในวันที่ 27 ก.พ.นี้ 2.แผนแม่บทการปฏิรูปโครงสร้างและระบบ ซึ่งต้องเสร็จวันที่ 10 เม.ย. และ 3.แผนแม่บทการปฏิรูปด้านกฎหมาย ต้องเสร็จในวันที่ 31 ก.ค. ทั้ง 3 ระยะนี้ ต้องเสร็จก่อนวันลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ที่กมธ.ยกร่างฯต้องเสนอใน วันที่ 6 ส.ค.นี้ การปฏิรูปกฎหมายของสปช. ที่ต้องเสร็จภายในวันที่ 31 ก.ค. จะไม่ครอบคลุมในส่วนของการร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกมธ.ยกร่างฯ จะต้องชี้แจงต่อแม่น้ำ 5 สาย ว่าพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจะต้องร่างหลังจากมีการเห็นชอบรัฐธรรมนูญแล้ว มีทั้งสิ้นกี่ฉบับ และต้องใช้เวลาเท่าไร 
     นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สปช.จะหารือเพิ่มเติมกับแม่น้ำ 5 สาย เรื่องการรณรงค์การมีส่วนร่วมของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ แม้สปช.จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศแล้ว แต่ในแง่คุณภาพการมีส่วนร่วมของประชาชนในระยะต่อไปยังมีความสำคัญ และยังต้องรับการสนับสนุนจาก ทุกฝ่าย ประชาสัมพันธ์ให้เกิดการตื่นตัว สร้างเครือข่ายเป็นแนวร่วมครอบคลุมทั้งประเทศเพื่อร่วมผลักดันการปฏิรูปต่อไป
      นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกกมธ. วิสามัญกิจการสนช. หรือวิปสนช.กล่าวว่า ที่ประชุมวิปสนช.ยังไม่ได้พูดกันว่าจะหยิบยกเรื่องใดเข้ารายงานต่อที่ประชุมแม่น้ำ 5 สาย คาดน่าจะนำเสนอปัญหาของร่างพ.ร.บ.ที่มีปัญหาที่เสนอเข้าสนช. ซึ่งต้องหารือกัน เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่จะไม่มีการเสนอให้ยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะไม่ใช่หน้าที่ของสนช. กฎอัยการศึกที่ประกาศใช้ ก็เพื่อ ไว้สร้างความปรองดอง 

เปิดทรัพย์สิน-ปูรวยขึ้น 11 ล้าน
      วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของส.ส. กรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 7 และ 8 ธ.ค. 2557 จำนวน 479 คน หลังรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภาวันที่ 9 ธ.ค. 2556 มีบุคคลที่น่าสนใจ ดังนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ แจ้งมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 586,757,419 บาท โดยไม่รวมทรัพย์สินและหนี้สินของคู่สมรส (ไม่ได้จดทะเบียน) ที่ยื่นไว้ว่ามีทรัพย์สิน 76,546,159 บาท แต่เป็นทรัพย์สินและหนี้ของผู้ยื่นและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 
     น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 615,844,660 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1,475,466 บาท ดังนั้น ทรัพย์สินรวมของผู้ยื่นและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 617, 320,127 บาท ส่วนหนี้สินระบุเป็นหนี้สินอื่น 30,562,708 บาท มาจากการกู้ยืมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ในต่างประเทศ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2557 โดยเป็นหนี้เดิมที่เคยกู้จากพ.ต.ท. ทักษิณ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 55 นำไปซื้อที่ดินบึงกุ่ม 1 แปลง มูลค่า 28,847,269 บาท ต่อมาวันที่ 8 ธ.ค. 57 ยืมเงินในบัญชีเพิ่มอีก 1,715,439 บาท นำไปใช้จ่ายในครอบครัว ตามที่พ.ต.ท.ทักษิณอนุญาตให้ผู้ยื่นกู้ยืมเงินในบัญชีเงินฝากได้ทั้งหมดโดยไม่มีดอกเบี้ย
     เทียบกับกรณีพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2557 แจ้งว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 574,346,149 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของผู้ยื่น 601,860,347 บาท และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1,333,070 บาท รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น 603,193,418 บาท มี หนี้สิน 28,847,269 บาท ระบุไว้เช่นกันว่า เป็นเงินกู้จากพ.ต.ท.ทักษิณ นำไปซื้อที่ดิน ย่านบึงกุ่ม ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 12,411,270 บาท หนี้สินเพิ่มขึ้น 1,715,439 บาท 

ประกอบแชมป์รวยสุด 2 พันล้าน 
     นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตส.ส. เชียงใหม่ มีทรัพย์สิน 17,586,329 บาท เทียบกับสมัยยื่นบัญชีพ้นจากตำแหน่งส.ส.เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 56 พบว่ามีทรัพย์สินลดลง 4.5 แสนบาท นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มีทรัพย์สิน 123,861,586 บาท เทียบกับสมัยยื่นบัญชีพ้นจากตำแหน่งส.ส.เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 56 พบมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 6.7 แสนบาท นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ มีทรัพย์สิน 39,377,047 บาท นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา มีทรัพย์สิน 1,210,102 บาท 
       อดีตส.ส.ที่จัดว่าอยู่ในกลุ่มร่ำรวย รวยที่สุดได้แก่ นายประกอบ จีรกิตติ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังคงรักษาตำแหน่ง ส.ส.รวยที่สุดไว้ได้ มีทรัพย์สิน 2,138,642,791 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝาก ในบัญชีธนาคาร เงินลงทุน และที่ดิน รวยขึ้นกว่าเมื่อตอนยื่นบัญชีพ้นจากตำแหน่งเมื่อเดือนธ.ค. 56 ถึง 35.9 ล้านบาท รองลงมา คือ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ มีทรัพย์สิน 1,781,586,744 บาท รวยขึ้นกว่าเมื่อตอนยื่นบัญชีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เดือนธ.ค. 56 ถึง 185.9 ล้านบาท อันดับสาม คือ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย มีทรัพย์สิน 1,249, 087,455 บาท 

"พิชัย"อดีตส.ส.ลพบุรีจนสุด 
     สำหรับอดีตส.ส.ที่จัดอยู่ในกลุ่มจนที่สุด อาทิ นายพิชัย เกียรติวินัยสกุล อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สิน 394,972 บาท โดยมีเพียงรถยนต์ 1 คัน สร้อยทอง 1 เส้น และปืน 1 กระบอก ไม่มีทรัพย์สินอื่นๆ นายศิริโชค โสภา อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สิน 626,520 บาท นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้แจ้งต่อป.ป.ช.สมัยยื่นบัญชีพ้นจากตำแหน่งส.ส. ธ.ค. 56 ว่ามีบัญชีทรัพย์สินแค่ 45,061 บาท แต่ล่าสุดพบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 13,904,428 บาท นายสมเพชร แต่งงาม อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย มีทรัพย์สิน 1,012,397 บาท โดยระบุเป็นบัญชีเงินฝากในธนาคารเพียงแค่ 94 บาทเท่านั้น ส่วนทรัพย์สินที่เหลือเป็นที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และยานพาหนะ
     น่าสังเกตว่า กรณีนายชวนนท์ ก่อนหน้านี้เคยแจ้งต่อป.ป.ช.ในสมัยพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เดือนธ.ค. 56 ว่า มีบัญชีทรัพย์สินเพียง 45,061 บาท แต่เมื่อพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี แจ้งว่ามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 13,904,428 บาท เมื่อเทียบแล้วพบว่า มีทรัพย์สินมากขึ้น 13,859,367 บาท เมื่อตรวจสอบรายละเอียดพบว่าที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเงินฝาก 3,045,786 บาท และบ้านที่ ถ.ศรีนครินทร์ เขตสวนหลวง มูลค่า 25 ล้านบาท ซึ่งระบุว่าได้มาเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 57 และแจ้งไว้ด้วยว่ามีหนี้สิน 14,141,358 บาท นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 35,450,779 บาท เมื่อเทียบกับตอนพ้นตำแหน่งแล้วพบว่าทรัพย์สินไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก 

ชูวิทย์ ทรัพย์สินหด 183 ล้าน 
     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สิน 55,022,675 บาท เทียบสมัยยื่นบัญชีพ้นจากตำแหน่ง ธ.ค. 56 พบว่า รวยขึ้น 8 แสนบาท นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชา ธิปัตย์ มีทรัพย์สิน 893,943,154 บาท นายชวน หลีกภัย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สิน 6,121,583 บาท ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หัวหน้าพรรครักษ์สันติ มีทรัพย์สิน 315,594,060 บาท พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มีทรัพย์สิน 63,421,665 บาท 
       นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และคู่สมรส มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 17,407,691 บาท เทียบกับกรณีพ้นจากรมช.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 ซึ่งแจ้งว่า มีทรัพย์สินมากกว่า หนี้สิน 16,264,590 บาท พบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1,143,101 บาท นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,390,635 บาท เทียบกับกรณีพ้นจากรมช.คลัง เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 ซึ่งแจ้งว่ามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,228,049 บาท พบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 162,586 บาท ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 170,529,156 บาท เทียบกับกรณีพ้นจากรมว.แรงงาน เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 57 แจ้งว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 171,146,701 บาท พบว่า มีทรัพย์สินลดลง 617,545 บาท
      นายก่อแก้ว พิกุลทอง มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 100,399,398 บาท เมื่อเทียบกับกรณีพ้นจากส.ส. เมื่อเดือนธ.ค. 56 ซึ่งแจ้งว่ามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 86,114,497 บาท พบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 14,284,901 บาท นายวรชัย เหมะ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 7,034,026 บาท เทียบกรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เมื่อเดือนธ.ค. 56 ซึ่งแจ้งว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 6,002,238 บาท พบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1,031,788 บาท นายพิชิต ชื่นบาน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 11,474, 788 บาท เทียบกับกรณีพ้นจากส.ส. เมื่อเดือนธ.ค. 56 ซึ่งแจ้งว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 11,103,165 บาท พบว่ามีทรัพย์เพิ่มขึ้น 371,623 บาท นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 345,556, 371 บาท เมื่อเทียบกับกรณีพ้นจากตำแหน่งส.ส. เมื่อเดือนธ.ค. 56 ซึ่งแจ้งว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 529,103,317 บาท พบว่ามีทรัพย์สินลดลง 183,546,946 บาท

12 คนไม่ได้ยื่นบัญชี 
       รายงานข่าวจากป.ป.ช.แจ้งว่า มีอดีตส.ส. ที่ยังไม่ได้ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สิน 12 คน ได้แก่ นายชื่นชอบ คงอุดม อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายธีรภัทร พริ้ง ศุลกะ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นพ. บุรณัชย์ สมุทรรักษ์ อดีตส.ส.พรรคประชา ธิปัตย์ นายคมเดช ไชยศิวามงคล อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย นายทองดี มนิสสาร อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย (เสียชีวิต) นายถาวร ตรีรัตน์ณรงค์ อดีตส.ส.พรรค เพื่อไทย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตส.ส. พรรคเพื่อไทย (เสียชีวิต) นางอุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อดีตส.ส.พรรคชาติพัฒนา และนางพัชรินทร์ มั่นปาน อดีตส.ส.พรรคประชาธิปไตยใหม่

สปช.เสนอแยกคดีอาญาจากตร.
      เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธานสปช. คนที่ 1 เป็นประธานการประชุมสปช. วาระเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิก สปช. เรื่องจะทำอย่างไรให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสปช. อภิปรายว่า ปัจจุบันการบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดปัญหาหลายเรื่อง ล่าสุดเกิดเหตุระเบิดที่หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ท้าทายอำนาจรัฐ เจ้าหน้าที่ต้องหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็มีปัญหา วิ่งเต้นโยกย้ายไม่เป็นธรรม ทุจริตในวงกว้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ แนวทางแก้ปัญหารัฐต้องกวดขันให้เจ้าหน้าที่เคร่งครัดต่อการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการต้องเป็นธรรม หากเจ้าหน้าที่กระทำความผิดต้องถูกลงโทษเป็น 2 เท่า จากนั้นสมาชิกอภิปรายอย่างกว้างขวาง เห็นตรงกันว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังจึงเกิดปัญหาขึ้น อาทิ นางตรึงใจ บูรณสมภพ พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ เสนอให้มีกฎหมายควบคุมผู้ที่มีหน้าที่บังคับบัญชาใช้กฎหมาย แต่กลับละเมิดไม่ปฏิบัติตาม เช่น ตำรวจ ผู้ว่าฯ หรือข้าราชการระดับรองลงมา นอกจากนี้ประชาชนที่คอยเป็นหูเป็นตาหรือรู้เบาะแสในความผิดต่างๆ สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานฟ้องแต่ละคดีได้นั้นต้องได้รับรางวัล และยังเสนอให้แยกคดีอาญา ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เพราะจะทำให้การทำงานมีความเป็นธรรมมากขึ้น ภายหลังอภิปราย 3 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติเห็นชอบส่งความเห็นดังกล่าวให้กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและความเป็นธรรม และกมธ.ที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ด้วยคะแนน 221 งดออกเสียง 5 เสียง จากนั้นประธานสั่งปิดการประชุมในเวลา 14.00 น.

ทหารผ่านศึก - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก เป็นประธานในพิธีสวนสนามของกำลังพล 3 เหล่าทัพ เพื่อเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึก ในวันทหารผ่านศึก ที่กรมทหารราบที่ 11 (รอ.) เมื่อวันที่ 3 ก.พ.

ผู้ตรวจฯ แถลงปมยุบรวมกสม.
       เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีราชา วงศารยางกูร และพล.อ.วิทวัส รชตะนันท์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจฯ แถลงกรณีกมธ.ยกร่างฯ มีมติควบรวมผู้ตรวจฯและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เป็นองค์กร "คณะผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิประชาชน" 
      นายศรีราชา กล่าวว่า ตนเคารพมติเพราะ ดูจากร่างรัฐธรรมนูญที่ออกมา อำนาจของ ผู้ตรวจฯและกสม.ยังอยู่ครบถ้วน ยกเว้น การตรวจสอบจริยธรรมที่กมธ.ยกร่างฯ ให้เป็นหน้าที่ของสมัชชาคุณธรรมจริยธรรมเป็นผู้ดำเนินการแทน แต่อยากขอให้กมธ.ยกร่างฯให้ผู้ตรวจฯมีหน้าที่ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมต่อไป ไม่ควรให้องค์กรใดจองกฐินเป็นเจ้าภาพเพียงฝ่ายเดียว
       นายศรีราชา กล่าวว่า หากควบรวมสององค์กร อยากให้สร้างความชัดเจนในการทำงาน เพื่อลดข้อครหาทำงานซ้ำซ้อนกัน ส่วนกรรมการที่จะให้มี 11 คนนั้นมากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหามากคนก็มากความ จึงคิดว่ามีเพียง 5 คนน่าจะเหมาะสม อีกทั้งยังกังวลเรื่องความเป็นสากลขององค์กร เนื่องจาก ผู้ตรวจฯมีหน้าที่ให้สิทธิประชาชน ส่วนกสม.คอยปกป้องคุ้มครองสิทธิประชาชน รวมทั้งเรื่องสถานะ ปัจจุบันกสม.จะเป็นข้าราชการเต็มตัว แต่ผู้ตรวจฯเป็นพนักงาน สิทธิประโยชน์จะแตกต่างกัน เมื่อรวมกันแล้วต้องเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง

เหน็บกมธ.ยกร่างนั่งเทียน 
        นายศรีราชา กล่าวว่า หากรวมกันในส่วนกรรมการของทั้งสององค์กรคงไม่มีปัญหา เพราะกสม.ชุดนี้จะหมดวาระวันที่ 25 มิ.ย.นี้ ส่วนตนจะครบวาระช่วงที่รัฐธรรมนูญใหม่ใกล้ใช้บังคับ แต่ที่เป็นห่วงคือพนักงาน เจ้าหน้าที่ จึงอยากให้กมธ.ยกร่างฯรับฟังเสียงของประชาชนและเสียงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในชั้นการยกร่างกฎหมายประกอบควรให้ผู้แทนของสององค์กรได้เข้าร่วม ไม่ใช่ทำกันเหมือนนั่งเทียน โครงสร้างที่จะรัดกุมอาจหละหลวมได้ ตนยังสบายใจและ มีความสุขที่กมธ.ยกร่างฯกำหนดชื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นชื่อนำอยู่ แต่ต้องดูว่าเกมนี้การควบรวมจะเป็นไปได้อย่างไรเพราะยังมีเสียงคัดค้านอยู่ จิ้งจกทักก็ต้องฟัง
       เมื่อถามว่า กสม.ต้องรายงานการทำงาน ต่อสหประชาชาติทุกปี หากควบรวมกับ ผู้ตรวจฯจะได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติหรือไม่ นายศรีราชากล่าวว่า ถ้าสหประชาชาติมีความเข้าใจว่า แม้เปลี่ยนแปลงชื่อองค์กร แต่อำนาจหน้าที่ยังเหมือนเดิมก็ไม่น่ามีปัญหา สหประชาชาติทำหน้าที่เพียงคนที่คอยควบคุมและกระตุ้น สิ่งสำคัญเราต้องทำให้ชัดเจน ทำให้เป็นผลดีต่อประเทศไทย ไม่ใช่สหประชาชาติ เพราะเราไม่ได้ยืมจมูกคนอื่นหายใจ 

องค์กรใหม่กก. 5 คนก็พอ 
       ด้านพล.อ.วิทวัส กล่าวว่า มาตรฐานเรื่องสิทธิในประเทศไทยนั้น แม้สหประชาชาติจะเป็นผู้ประเมิน แต่นี่เป็นหน้าที่สำคัญของคนไทยที่ต้องไม่ทำให้อันดับการละเมิดสิทธิของไทยตกลงไประดับเทียร์ 4 ถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะถูกแขวนไปถึง 4 ปี และจะมีผลกระทบต่อทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคม
      พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า ถ้ามีการควบรวมเราก็ไม่ติดใจ แต่ต้องปรับปรุงแก้ไขลดช่องว่าง ในข้อกฎหมาย และฝากให้กมธ.ยกร่างฯเขียนโครงสร้างอำนาจหน้าที่ในรัฐธรรมนูญไม่ให้ยืดเยื้อหรือยาวจนเกินไป อีกทั้งเมื่อควบรวมแล้ว การทำรายงานต่อสหประชาชาติเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ ส่วนองค์อำนาจนั้นมี 5 คนก็เพียงพอ จะแบ่งหน้าที่อย่างไรก็พิจารณาต่อไป 

30 องค์กรค้านยุบรวม
      เวลา 13.30 น. นายจตุรงค์ บุญยรัตนสุนทร ประธานสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน พร้อมตัวแทนสมาคม มูลนิธิ และเครือข่ายด้านสิทธิเสรีภาพของประชาชน 30 องค์กร ยื่นหนังสือต่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ขอให้ทบทวนกรณีควบรวมผู้ตรวจฯ กับกสม. เป็น "ผู้ตรวจการแผ่นดินพิทักษ์สิทธิของประชาชน" เนื่องจากทั้ง 30 องค์กรเห็นว่าเจตนารมณ์และการก่อตั้ง รวมถึงการตรวจสอบร้องเรียนแตกต่างกัน กสม.มุ่งตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ หรือตามสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทยมีพันธกรณีที่ปฏิบัติตาม ขณะที่ผู้ตรวจฯ มีหน้าที่ตรวจสอบการ กระทำของเจ้าหน้าที่รัฐตามกฎหมาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ได้ จึงอยากให้กมธ.ยกร่างฯ ทบทวน คำนึงถึงมาตรฐานสิทธิมนุษยชนที่ประชาชนจะได้รับเป็นหลัก
      นายบวรศักดิ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า กมธ.ยกร่างฯ พร้อมรับฟังความคิดเห็น ยังเปิดรับฟังจนถึงวันที่ 23 ก.ค. นี้ ซึ่งต้องพิจารณาข้อดี ข้อเสีย และอยากให้ทุกคนคิดถึงประชาชนมากกว่าว่าทำแล้วประชาชนได้อะไร มิเช่นนั้นจะไม่สามารถขจัดปัญหาของสังคมได้ เหตุที่ควบรวม 2 องค์กร เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และยกระดับให้มีกรรมการ 11 คน ดูแล 11 ด้าน แทนที่ประชาชนจะไปร้องเรียน 3 แห่ง ก็ร้องเรียนได้ในแห่งเดียว ทำให้กระบวนการรวดเร็วมากขึ้น 

รับฟังถกร่วมกมธ.ปฏิรูปการเมือง
      เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเริ่มคัดค้านการยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา จะทบทวนหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ทบทวนอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา หากมีความเห็นของประชาชนเข้ามา เราพร้อมรับฟังแต่ไม่ใช่เชื่อฟัง
       เมื่อถามถึงข้อเสนอแนะของสปช.ให้กมธ.ยกร่างฯ ประชุมร่วมกับกมธ.ปฏิรูปการเมือง เนื่องจากเกรงรัฐธรรมนูญจะถูกคว่ำเมื่อเข้าสู่ที่ประชุมสปช. นายบวรศักดิ์กล่าวว่า จะรับไว้พิจารณาแต่เรื่องต่างๆ ที่กมธ.ปฏิรูปการเมืองเสนอมา ส่วนใหญ่กมธ.ยกร่างฯ เอาด้วยเกือบทุกเรื่อง อาทิ มีคณะกรรมการประเมินผลแห่งชาติ ปลัดกระทรวงรักษาการรัฐมนตรีช่วงเลือกตั้ง ส่วนที่กมธ.ปฏิรูปการเมืองไม่เห็นด้วยกับระบบการเลือกตั้งแบบเยอรมัน เพราะเกรงจะมีปัญหานั้น ตนเห็นว่าระบบการเลือกตั้งมีปัญหาทุกระบบ ในโลกนี้ไม่มีระบบใดสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องดูว่าระบบไหนเหมาะกับวัตถุประสงค์บางอย่าง ตรงนี้ต่างหากที่ตอบคำถามได้และเป็นความยุติธรรม อยากให้คนที่ออกมาพูดไปดูว่าเยอรมันมีปัญหาและมีเสถียรภาพหรือไม่ เราอย่าไปดูแค่จิ๊กซอว์ อันเดียว ถึงจะเห็นว่ารูปนี้เป็นรูปอะไร

ศาลวินัยการคลังสอดรับแนวคิด"ป๋า" 
       เมื่อถามว่ากมธ.ยกร่างฯ เห็นอย่างไรต่อข้อเสนอแนะของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ให้ตั้ง "ศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง" เพื่อให้คดีโกงลดกระบวนการให้เร็วขึ้น นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ในส่วนนี้กมธ.ยกร่างฯได้เพิ่มขึ้นอีก 1 ศาลแล้ว ในการป้องการทุจริตคือการตั้งศาลวินัยการคลังและงบประมาณ ถือว่าสอดคล้องกับข้อเสนอของพล.อ.เปรม จากเดิมที่มีเพียงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ต้องใช้หลักฐานที่แน่นหนาและชัดเจน อัยการจึงฟ้องได้ แต่ศาลวินัยการคลังและงบประมาณ ที่กมธ.ยกร่างฯ สนอตั้งขึ้นใหม่ หากป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือข้าราชการระดับสูง ทุจริตก็ฟ้องศาลโดยตรงได้ โดยไม่ต้องรอหลักฐานจนถึงที่สุด ตรงนี้เป็นการอุดช่องว่าง
       นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ต่อไปหากรัฐธรรม นูญฉบับใหม่มีผลบังคับใช้จะมีการถอดถอนทางการเมือง รวมถึงดำเนินคดีการคลังและงบประมาณ เป็นการเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ ไม่ต้องพิสูจน์จนปราศจากข้อสงสัย แค่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าก็เพียงพอที่ จะฟ้อง ส่วนฝ่ายที่ดำเนินการหรือทำนโยบายต้องพิสูจน์ว่าตัวเองสุจริต และศาลต้องพิจารณาตามสมควร ตรงนี้ถือว่าไมใช่คดีอาญาดังนั้นหลักฐานก็ไม่ต้องแน่นหนา
      นายประมนต์ สุธีวงศ์ สมาชิกสปช. ในฐานะประธานกมธ.ปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สปช. กล่าวถึงข้อเสนอตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวงว่า ส่วนตัวเห็นว่าทำได้ ตั้งศาลเฉพาะในคดีทุจริตเรามีข้อเสนอในชั้นกมธ.ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว โดยอาจเป็นหนึ่งในหน่วยงานศาลที่มีหน้าที่รับเรื่องไว้พิจารณา ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ ซึ่งอาจจะเสนอให้บรรจุไว้รัฐธรรมนูญด้วย

ยันสปช.ไม่คว่ำร่างรธน.
       นายวันชัย สอนศิริ โฆษกกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวถึงกมธ.ปฏิรูปการเมืองขอประชุมร่วมกับกมธ.ยกร่างฯว่า ปกติกมธ.ปฏิรูปการเมืองมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกมธ.ยกร่างฯอยู่ตลอด มีการปรึกษาปัญหา ช่วยกันดูข้อมูลให้ครบถ้วน รอบด้านและถูกต้อง ส่วนที่มีกระแสว่ารัฐธรรมนูญจะถูกคว่ำเมื่อเข้าสู่ที่ประชุมสปช. ยืนยันว่ากมธ.ปฏิรูปการเมือง รวมทั้ง สปช.ทั้งหมด ไม่มีใครคิดพิเรนแบบนั้น เราอาจมีความคิดเห็นที่ แตกต่างแต่เป็นความเห็นทางวิชาการเท่านั้น ไม่มีการตั้งแง่ว่าจะคว่ำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พวกเราสำนึกอยู่เสมอว่าเราเป็นพวกเดียวกัน เป็นแม่น้ำ 5 สายที่ไหลรวมมาบรรจบกัน เพื่อประเทศชาติ
       นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกมธ. ยกร่างฯกล่าวว่า เรื่องขอให้ประชุมร่วม ระหว่างกมธ.ยกร่างฯกับกมธ.ปฏิรูปการเมือง ขณะนี้ยังไม่มีใครทำเรื่องติดต่อเข้ามา ส่วนประเด็นความขัดแย้งจนอาจเกิดการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่างสปช.และกมธ.ยกร่างฯ คงไม่มีปัญหา ทุกคนแสดงความคิดเห็นและยื่นญัตติขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญได้ หากเห็นตรงไหนยังมีความไม่เหมาะสมอยู่ ทางกมธ.ยกร่างฯพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นอยู่แล้ว ไม่ได้ปิดกั้น

ผบ.สส.แจงฝึกร่วมคอบร้าโกลด์
       พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. กล่าวกรณียกเลิกแถลงข่าวร่วมระหว่างไทยกับสหรัฐเกี่ยวกับการฝึกร่วมผสมคอบร้าโกลด์ 2015 เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ไม่อยากให้มีการสัมภาษณ์ หรือพูดมากไป เพราะจะเป็นประเด็นการเมือง แต่ในวันที่ 9 ก.พ.นี้จะมีพิธีเปิดการฝึกอย่างเป็นทางการที่โรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก มีรอง ผบ.สส.เป็นประธาน ในส่วนของสหรัฐได้เชิญอุปทูตไป แต่ไม่ทราบว่าจะเดินทางมาด้วยตนเอง หรือไม่ ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีปัญหากับเรา เป็นทหารก็อยากฝึกทั้งนั้น
       เมื่อถามว่า กฎหมายสหรัฐมีข้อห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เกี่ยวข้องกับท่าทีของสหรัฐหรือไม่ พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่าการเมืองกับการทหารก็ต้องคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไร ในส่วนของทหารไม่มีปัญหา มีการวางแผนการฝึกร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีปัญหาเกิดขึ้น เราก็วางแผนการฝึกเหมือนเดิม และคงไม่ต้องโทรศัพท์ไปทำความเข้าใจกับผู้นำทหารของสหรัฐ เพราะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ด้านการทหารทั้งสองชาติยินดีที่มีการฝึกร่วมกัน
       พล.อ.วรพงษ์กล่าวว่า สหรัฐแจ้งว่ามีปัญหาเล็กน้อยเรื่องการเคลื่อนย้ายยุทโธ ปกรณ์เข้าร่วมฝึก โดยเรือที่ขนย้ายมานั้น ไปเกยตื้นที่ญี่ปุ่น สหรัฐจึงมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดเล็กน้อย จากเดิมที่เป็นยุทโธปกรณ์ของกองทัพบก ก็เปลี่ยนเป็นของนาวิกโยธิน แต่ยังมีปืนใหญ่ รถถังเหมือนเดิม ส่วนยอดกำลังพลไม่ได้ลดลง แต่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว มีการฝึกทางยุทธวิธี และการฝึกยิงด้วยกระสุนจริง ส่วนโปรแกรมการฝึกเป็นไปตามที่กำหนดไว้

เรืองไกรทำหนังสือฟ้องมะกัน
        นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงาน ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ตนส่งหนังสือถึงนายแพทริก เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อให้ความชัดเจนแก่สหรัฐว่าการถอดถอนน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นเรื่องการเมือง เพราะสมาชิกสนช.เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อป.ป.ช. แต่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงไม่ใช่ตัวแทนปวงชนชาวไทย การถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเป็นการถอดถอนนักการเมืองซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยการกระทำของนักการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง 
      นายเรืองไกร กล่าวว่า อีกทั้งคำร้องขอถอดถอนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีเพียงลายมือชื่อและหมายเลขลำดับส.ส.ที่ใช้กันอยู่ในสภาเท่านั้น ไม่เป็นไปตามมาตรา 61 พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ที่ต้องระบุชื่อ ที่อยู่ หมายเลขประจำตัวประชา ชนด้วย 

เตรียมสรุปช่วยนักโทษการเมือง 
       นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาน.ส.กมลเกด อัคฮาด วีรชนที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมที่วัดปทุมฯเมื่อปี2553 เผยว่าขณะนี้ การทำงานของคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง สปช. ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน แบ่งกลุ่มย่อยทำหน้าที่ตามที่รับมอบหมาย คณะกรรมการที่เป็นสมาชิกสปช. รับผิดชอบเดินสายพบปะหน่วยงานด้านยุติธรรม เพื่อหารือมาตรการช่วยเหลือนักโทษการเมือง ส่วนกลุ่มญาติเหยื่อผู้เสียชีวิตทางการเมือง 3 คน ได้แก่ ตน นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 นางนิชา ธุวธรรม ภรรยาพล.อ.ร่มเกล้า รับผิดชอบด้านการหาแนวทางเยียวยา ผู้ต้องหา โดยเฉพาะทางด้านจิตใจที่หลายคนสูญเสียไปมากจากการต้องติดอยู่ในเรือนจำหลายปีโดยไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว 
      นางพะเยาว์ กล่าวว่า ยังรับผิดชอบรวบรวมข้อมูลจำนวนนักโทษการเมืองที่ยังติดคุกอยู่ตั้งแต่ปี 2548-2557 เพื่อนำมาเสนอต่อคณะกรรมการให้ผลักดันจนได้รับสิทธิการประกันตัวระหว่างการต่อสู้คดีต่อไปตามที่ได้รับ ปากไว้ คาดว่าจำนวนผู้ต้องหาที่ต้องได้รับการช่วยเหลือนี้จะมีความชัดเจนภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้อย่างแน่นอน

ครม.ตั้ง"พีระยุทธ"ผู้ว่าการรฟม.
      วันที่ 3 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ดังนี้ 1.พล.ท.วิวรรธน์ สุชาติ ประธานกรรมการ แทน พล.อ.ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ 2.พล.อ.อ.ยุทธนา สุกุมลจันทร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ แทนพล.อ.ท.บรรจง คลายนสูตร์ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.เป็นต้นไป 
      เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการแต่งตั้งนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล เป็น ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเงินเดือน 340,000 บาท ค่าตอบแทนพิเศษประจำปี และสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้าง จะได้รับตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้าง แต่ไม่ก่อนวันที่ครม.มีมติ อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2553 ครบกำหนด 4 ปี ในวันที่ 30 ก.ย. 2557 ต่อไปอีก 1 ปี (ครั้งที่ 1) ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2557 ถึง 30 ก.ย. 2558 
        อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (เอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ) ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง 3 ราย 1.นายประสิทธิพร เวทย์ประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล เป็นเอกอัครราชทูต กรุงไนโรบี เคนยา 2.นายวุตติ วุตติสันต์ อัครราชทูตกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย เป็น เอกอัครราชทูตกรุงกาฐมาณฑุ เนปาล และ 3.นายวิจักขณ์ ชิตรัตน์ อัครราชทูตกรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย เป็นเอกอัครราชทูต กรุงดาการ์ เซเนกัล ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
      ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า นอกจากนี้ ครม.มีมติรับทราบรายชื่อผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้ประสานงานครม.และรัฐสภา (ปคร.) ของส่วนราชการที่นายกฯ กำกับดูแลและส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จำนวน 41 ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ

พล.อ.สุรยุทธ์ ผู้แทนพระองค์ วางพวงมาลาวันทหารผ่านศึก

       เวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.พ. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์วางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึกประจำปี 2558 โดยมีผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงาน ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย สมาคม ชมรม มูลนิธิต่างๆ ตลอดจนทหารผ่านศึกนอกประจำการ กรณีสงครามต่างๆ ร่วมวางพวงมาลาอย่างพร้อมเพรียง
       ช่วงเช้ามีตัวแทนหน่วยงานทหาร ภาครัฐ และภาคเอกชน มาร่วมวางพวงมาลาอย่าง ต่อเนื่อง อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. และผู้แทนผบ.เหล่าทัพ
      ทั้งนี้ องค์การทหารผ่านศึก (อผศ.) ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะทำหน้าที่ดูแลให้การสงเคราะห์แก่ทหารผ่านศึกและครอบครัว ทหารนอกประจำการและผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความมั่นคงของชาติ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสดุดีและรำลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญ และเชิดชูเกียรติแก่ทหารผ่านศึก

"บิ๊กตู่"เยือนญี่ปุ่นผลักดันเศรษฐกิจ
        วันที่ 3 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.และภริยา มีกำหนดเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการวันที่ 8-10 ก.พ. ตามคำเชิญของนายชินโซ อาเบะ นายกฯ ญี่ปุ่นและภริยา เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ความร่วมมือระบบรางของไทย การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย การส่งเสริมการค้าและการลงทุนให้เกิดความคืบหน้าเป็นรูปธรรม ตลอดจนเสริมสร้างความเชื่อมั่นของภาคส่วนต่างๆ ของญี่ปุ่น และต่อประชาคมระหว่างประเทศ 
       ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า นายกฯ จะหารือแบบทวิภาคีกับนายกฯ ญี่ปุ่น และพบกับบุคคลสำคัญในรัฐบาลและภาคเอกชนญี่ปุ่น ได้แก่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น ประธานสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น ผู้บริหารขององค์กรระดับสูงของเศรษฐกิจที่สำคัญทั้ง 5 แห่งในเขตคันไซ ประธานไทยแลนด์ เจแปน บิสซิเนส ฟอรั่ม และผู้บริหารระดับสูงเอกชนญี่ปุ่นที่ลงทุน ในไทย ทั้ง 2 ฝ่ายจะลงนามในบันทึกแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมไทยและกระทรวงคมนาคมญี่ปุ่น และบันทึกว่าด้วยการร่วมมือส่งเสริมธุรกิจไทยในญี่ปุ่นระหว่างองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กับคณะกรรมการร่วมสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย มีนายกฯ ทั้งสองฝ่ายเป็นสักขีพยาน
      เวลา 15.00 น. วันเดียวกัน นายเอโซ โคะบะยะชิ และนายโทะชิยุคิ ชิกะ ประธานและประธานร่วมของคณะกรรมการการค้าและเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น ในสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โดยนายกฯ ยืนยันว่าการเมืองไทย มีเสถียรภาพ รัฐบาลมุ่งมั่นปฏิรูปการเมืองไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ดำเนินตามโรดแม็ปที่วางไว้ และให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมมากที่สุด พร้อมขอบคุณที่บริษัทญี่ปุ่นใช้ชิ้นส่วนจากไทยผลิตยานยนต์ หากญี่ปุ่นมีปัญหาข้อติดขัดด้านการค้า การลงทุน รัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ ประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศหรือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ภาคเอกชนญี่ปุ่นแสดงความพร้อมต้อนรับนายกฯ ที่เดินทางเยือนญี่ปุ่น และเชื่อมั่นการเยือนครั้งนี้ของนายกฯ จะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

สปช.จี้รัฐบาลเร่งแก้ราคายาง 
      เวลา 14.00 น. วันที่ 3 ก.พ. ที่รัฐสภา นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ สมาชิกสภาปฏิรูป แห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปการเกษตร พร้อมสมาชิก สปช.จังหวัด 10 คน แถลงว่า สปช.จังหวัดที่มีพื้นที่การปลูกยางพารากว่า 64 จังหวัด ได้รับการร้องเรียนจากชาวสวนยางอยากให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการแก้ไขราคายางตกต่ำอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากอีก 1 เดือนยางจะผลัดใบ หากราคายางยังตกต่ำเช่นนี้ชาวบ้านจะไม่พอกิน 
      นายอุทัย กล่าวว่า 16 มาตรการการช่วยเหลือราคายางของรัฐบาล ยังไม่ขยับเขยื้อนเท่าที่ควร บางมาตรการไม่สามารถทำได้จริง ทั้งที่มีการประชุมกว่า 20 ครั้ง เข้าครม. 4 ครั้ง เช่น การตั้งงบประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อรับซื้อน้ำยางสดที่ราคา 50 บาทต่อกิโลกรัม ก็มีปัญหาติดขัด ในส่วนของสภาอุตสาหกรรมที่อ้างว่าติดขัดระเบียบและกฎเกณฑ์ จึงไม่สามารถทำได้
       นายอุทัย กล่าวว่า ส่วนการเข้าหารือกับผู้ประกอบการรายใหญ่มีการรับปากว่าจะช่วยดันราคายางให้ถึง 80 บาทต่อกิโลกรัม ชาวบ้านร้องเรียนมีผู้ประกอบการขนาดกลางและ ขนาดใหญ่บางรายแอบนำยางในสต๊อกไปขายเพื่อตัดราคาเกษตรกรรายย่อย จึงขอให้รัฐบาลนำมาตรการตามพ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ.2542 ลงโทษด้วย
       นายอุทัย ยังกล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาราคายางของกมธ.ด้วยว่า รัฐบาลต้องนำยางในสต๊อกไปขายต่างประเทศให้ได้ราคาไม่ต่ำ 65 บาทต่อกิโลกรัม ห้ามขายต่ำกว่าราคาทุนที่ 40 บาทต่อกิโลกรัม มาตรการแทรกแซงราคายางก็ไม่ควรจำกัดอยู่ที่สหกรณ์หรือผู้รับซื้อขนาดใหญ่เท่านั้น ต้องกระจายให้ผู้รับซื้อขนาดกลางและขนาดเล็กด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลควรเร่งสนับสนุนการแปรรูปยางพาราในทุกด้าน โดยเฉพาะการนำยาง 5 เปอร์เซ็นต์ไปผสมราดถนน

ยื่น 2 หมื่นชื่อชะลอกม.ดิจิตอล
      วันที่ 3 ก.พ. ที่รัฐสภา น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล ประธานมูลนิธิเพื่ออินเตอร์เน็ตและวัฒนธรรมพลเมือง พร้อมตัวแทนองค์กรเครือข่าย สถาบันพัฒนาสื่อภาคประชาชน มูลนิธิโลกสีเขียว และสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายจุมพล รอดคำดี ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยี สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้ทบทวนและเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและประชาชนต่อร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิตอล 
     น.ส.สฤณี กล่าวว่า กฎหมายชุดนี้เป็นกฎหมายเชิงโครงสร้าง รวมถึงสาระของกฎหมายยังละเมิดสิทธิอย่างกว้างขวาง ทั้งการแสดงออก สิทธิส่วนบุคคล เครือข่ายฯ จึงรณรงค์รวบรวมรายชื่อประชาชน 20,678 ราย เรียกร้องให้ชะลอร่างกฎหมายดังกล่าว และให้ประชาชนจากทุกฝ่ายมีส่วนร่วมร่างกฎหมายนี้ ขอให้ สปช.และกมธ.ยกร่างฯพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
      นายคำนูณ กล่าวว่า จะนำจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้แจกให้ กมธ.ยกร่างฯ ทั้ง 36 คนศึกษา ต่อไป เพราะเรื่องเสรีภาพเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 รวมถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังร่างมีความมุ่งหมายขยายสิทธิเสรีภาพของประชาชน