วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8677 ข่าวสดรายวัน


'ครม.ตู่1'เตรียมรับ โปรดเกล้า 
ปรับ 4 แม่ทัพ-กัมปนาทคุมภาค1 น้องประยุทธ์ขยับขึ้นผช.ผบ.ทบ. สมัครสปช.คึก-คาดแตะ 5 พันคน

       นายกฯ สั่งการ "ว่าที่ครม.ประยุทธ์ 1" เตรียมพร้อมรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ภายในวัน จันทร์หรืออังคารนี้ ก่อนนำเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ "บิ๊กต๊อก" โยกพ้น ทบ. นั่งรองปลัด เปิดทางให้ "บิ๊กนมชง" ขึ้นรอง ผบ.ทบ. เปลี่ยน 4 แม่ทัพภาคยกแผง น้องบิ๊กตู่ขยับจากแม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นผช.ผบ.ทบ. พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ คุมกทม.-ปริมณฑล พล.ต.ปราการ ชลยุทธ รอง มทภ.4 ผงาดคุมภาค 4 ด้าน ปธ.แรงงานไทยหนุน "บิ๊กเต่า" คุมแรงงาน มั่นใจแก้ปัญหาได้เร็ว สมัคร สปช.วันที่ 17 ยังคึกคัก ยอดรวม 4,584 คน กกต.เตรียมรับมือคนแห่สมัคร 2 วันสุดท้ายถึง 5 พันคน กมธ.วางกฎเหล็ก สนช.โดดประชุมเกิน 1 ใน 3 พ้นสมาชิกภาพทันที ยังคงข้อบังคับถอดถอนตาม รธน.ปี"50 ชงเข้าสนช. 4 ก.ย.นี้ 

"บิ๊กตู่-บิ๊กโด่ง"ฟิต-เข้าทำงานวันหยุด

        เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าปฏิบัติภารกิจเพื่อติดตามงานตามปกติที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) หลังกระแสข่าวนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้ว ทั้งนี้ แม้จะเป็นวันหยุด พล.อ.ประยุทธ์จะใช้เวลาช่วงบ่ายมาทำงานที่บก.ทบ.ตามปกติ ขณะที่พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. ที่คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผบ.ทบ.คนต่อไปได้เดินทางเข้ามาทำงานที่บก.ทบ.เช่นกัน

ทั้งนี้ มาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด มีสารวัตรทหารดูแลทางเข้า-ออกและตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนคร บาล 1 จำนวน 1 กองร้อยสลับหมุนเวียนตรวจความเรียบร้อยโดยรอบ

สั่ง"ว่าที่รมต."เตรียมพร้อม

รายงานข่าวเปิดเผยว่า หลังจากมีการนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว ได้มีการประกาศเป็นการภายในให้บรรดาผู้มีรายชื่อร่วม ครม.ทั้งหมดเตรียมพร้อมเพื่อรับพระบรมราชโองการ และเตรียมเข้าพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน โดยคาดว่าจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ในวันจันทร์ที่ 1 ก.ย. หรืออังคารที่ 2 ก.ย.นี้

ทำเนียบเสร็จพร้อมรับครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล เพื่อรองรับ นายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะนี้ตึกไทยคู่ฟ้าซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของนายกฯ ตึกบัญชาการซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และมีห้องประชุมครม. ได้ปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว เหลือทำความสะอาดอีกเล็กน้อยเท่านั้น โดยจะส่งมอบงานในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ดังนั้น หากนายกฯ พร้อมเข้าทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า และมี ครม. ชุดใหม่ก็เข้าทำงานและประชุม ครม.ในทำเนียบได้ทันที สำหรับตึกนารีสโมสรและตึกบัญชาการ 2 ที่ยังปรับปรุงไม่เสร็จนั้น เจ้าหน้าที่จากกรมโยธากรมศิลปากร และทหารพร้อมเจ้าหน้าที่วิศวกรได้เร่งทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีกระแสข่าวนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วนั้น เมื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งครม.แล้วนั้น จะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นนายกฯ ต้องนำ ครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนตามวันและเวลาที่สำนักราชเลขาธิการกำหนด ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 แล้วจึงมีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติและเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงต่างๆ

คสรท.เชียร์"บิ๊กเต่า"คุมแรงงาน

นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวถึงกรณีพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหมมีรายชื่อจะมานั่งในตำแหน่ง รมว.แรงงานว่า การที่ รมว.แรงงานคนใหม่เป็นทหารมีข้อดี คือไม่รู้จักทั้งข้าราชการ นายจ้างและลูกจ้าง รวมทั้งไม่ใช่นักการเมือง จึงน่าจะตัดสินใจแก้ปัญหาด้านแรงงานได้รวดเร็ว ทำงานตรงไปตรงมาเพราะไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องฝ่ายใด แต่ข้อเสียจะถูกมองว่าไม่มีประสบการณ์ด้านแรงงาน ซึ่งคิดว่าไม่ใช่ปัญหา หากพล.อ.สุรศักดิ์ทำการบ้านเยอะ และเชื่อว่าขณะนี้คงมีข้อมูลด้านแรงงานในมืออยู่แล้วระดับหนึ่ง 

นายชาลีกล่าวว่า เรื่องที่อยากให้ รมว.แรงงานคนใหม่แก้ปัญหาคือ การละเมิดสิทธิแรงงาน รวมทั้งปฏิรูประบบการทำงานของข้าราชการ เน้นทำงานเชิงรุกไม่ใช่ตั้งรับ เนื่องจากปัญหาด้านแรงงานมีเยอะ และเร่งช่วยเหลือเพื่อให้เกิดปัญหาแรงงานถูกเลิกจ้างน้อยที่สุด รวมทั้งปฏิรูปสำนักงานประกันสังคมให้เป็นองค์กรอิสระ บริหารงานโดยมืออาชีพ โปร่งใสและตรวจสอบได้ ให้ผู้ประกันตนมีส่วนร่วมบริหาร ทั้งนี้ คสรท.และเครือข่ายแรงงานจะขอเข้าพบ รมว.แรงงานคนใหม่เพื่อยื่นหนังสือถึงข้อเรียกร้องนี้

พท.ยอมเสียแชมป์หากยึดกติกา

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง ครม.ประยุทธ์ 1 ว่า ขอตอบแบบไปไหนมา สามวาสองศอกว่า ขอให้กำลังใจน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ที่แพ้ตกรอบการแข่งขันแบดมินตันเวิลด์กรังด์ปรีซ์ที่ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งน้องเมย์อายุยังน้อย มีฝีมือมาก อย่าเสียกำลังใจ กีฬามีแพ้มีชนะ คนเคยเป็นแชมป์เมื่อฟิตซ้อมสมบูรณ์ ร่างกายดี จิตใจแข็งแกร่ง ยังไงก็กลับมาทวงแชมป์คืนได้ เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ใครๆ ก็หวังล้มแชมป์ เรายินดีเสียแชมป์ในกติกาที่เป็นธรรมและเป็นประชาธิปไตย

นายชวลิตกล่าวว่า ขณะนี้ชาวไทยหรือชาวโลกที่หวังดีกับประเทศไทยก็ให้กำลังใจคนไทย และให้กำลังใจ ครม.ใหม่ ซึ่งทั้งคสช. ครม. สนช.และสปช. มีธงทำงานในแนวทางเดียวกัน ก็อวยพรให้ทำงานบรรลุวัตถุประสงค์ที่เข้ามาถืออำนาจปกครองประเทศ แก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง และคืนอำนาจให้ประชาชนตามโรดแม็ปที่วางไว้ ส่วนประเด็นอื่นยังไม่ถึงเวลาวิจารณ์ เพราะ ครม.ใหม่ยังไม่ได้ทำงาน

ฝากครม.ตู่ยึดหลักเมตตา-อภัย

เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึง ครม.ใหม่บ้าง นายชวลิตกล่าวว่า ฝากเรื่องสำคัญไปหลายครั้งแล้วว่าปัญหาของประเทศมีมาก ในการทำงานในเวลาอันจำกัดตามโรดแม็ปจึงจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหา หาหัวใจสำคัญของปัญหาให้ได้ ซึ่งคิดว่านายกฯ ทราบแล้วและเห็นตรงกันว่าปัญหาสำคัญขณะนี้คือปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง ส่วนทางแก้นั้นต้องรอดูการทำงานของ ครม.และส่วนอื่นๆ ที่วางไว้อย่างมีเอกภาพ ตนเห็นว่าทางแก้ที่ตรงจุดที่สุดคือ 1.การกำหนดกติกาบ้านเมืองหรือรัฐธรรมนูญ เป็นธรรมและเป็นประชาธิปไตย 2.การยึดหลักนิติศาสตร์และหลักรัฐศาสตร์มาแก้ไขนั้นยังไม่เพียงพอ จึงควรนำหลักศาสนามาประยุกต์ใช้ด้วย คือเมตตาและอภัย 

"ขณะนี้ผมยังไม่มั่นใจนักกับแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะมีผู้สมัครเป็น สปช. หลายคนมีความคิดสุดโต่ง ไม่ประนีประนอม หากได้รับเลือกเข้าไปจำนวนมาก การแก้ปัญหาความขัดแย้งซึ่งยืดเยื้อจะสำเร็จหรือไม่ ก็ได้แต่หวังว่าหากคนเหล่านั้นได้รับเลือกเป็น สปช.ก็หวังให้กลับมาสู่แนวทางประนี ประนอม หากยังสุดโต่งเหมือนเดิมขอให้เป็นเสียงส่วนน้อย ไม่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ขอให้กำลังใจนายกฯ ทำงานแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้สำเร็จตามโรดแม็ปที่วางไว้" นายชวลิตกล่าว

ปชป.ไม่แปลกใจทหารพรึ่บครม.

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโผ ครม.ว่า ไม่แปลกใจที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.แต่งตั้งบุคคลที่มีความคิดเห็นเรื่องการทำงานในทิศทางเดียวกัน เพราะระยะเวลาทำงานมีจำกัด คนที่มาเป็นรัฐมนตรีต้องมองตาก็รู้ใจและพร้อมทำงานได้เลย ส่วนที่มีสัดส่วนทหารเข้ามามากนั้นไม่แปลกใจ เนื่องจาก คสช.ยังอยู่ และองค์ประกอบหลักก็คือทหารอยู่แล้ว เช่นเดียวกับโผการแต่งตั้งนายทหาร ที่บุคคลจะเป็นผู้นำเหล่าทัพ ต้องเป็นคนที่สนับสนุนการทำงานของคสช. มิฉะนั้นอาจทำให้การทำงานของรัฐบาลยุ่งยาก

นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า การควบตำแหน่งรองนายกฯ กับรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ นั้นเป็นเรื่องปกติ รัฐบาลชุดที่ผ่านๆ มาก็เคยปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน จึงไม่มีปัญหา ที่น่าห่วงคือเรื่องเศรษฐกิจ เพราะทีมเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะเป็นนักวิชาการที่อาจมองปัญหาเศรษฐกิจในทางทฤษฎี เช่น การแก้ปัญหาราคายางพารา ตามทฤษฎีแล้วการแก้ปัญหาของทีมเศรษฐกิจนั้นถูกหมด ทั้งการลดต้นทุนการผลิต การแปรรูป แต่ในทางปฏิบัติกว่าจะทำได้อาจใช้เวลานาน กว่าจะถึงจุดที่แก้ปัญหาได้เกษตรกรอาจรอไม่ไหว ฉะนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยด่วน ถ้าเศรษฐกิจเดินหน้าไม่ได้ จะทำให้ระบบการเมืองเดินไม่ได้เช่นกัน 

"บิ๊กนมชง"ตท.12 ขึ้นรองผบ.ทบ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ได้ลงนามในบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี และส่งให้สำนักราชเลขาธิการ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งรายชื่อมีการปรับเปลี่ยนจากที่มีการเสนอจากเหล่าทัพเพียงบางตำแหน่ง โดยพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล (ตท.13) เสนาธิการทหาร เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. มาเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม หลังมีข่าวว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผช.ผบ.ทบ. เพื่อน ตท. 12 ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกวางตัวให้เป็นประธานคณะที่ปรึกษา ทบ. ขอขึ้นอัตราจอมพลในตำแหน่ง รองผบ.ทบ. 

กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร (ตท.12) รอง ผบ.สส. เป็น ผบ.สส. พล.อ.อักษรา เกิดผล (ตท.14) เสนาธิการทหารบก เป็น รองผบ.สส. พล.อ.วุฒินันท์ ลีลายุทธ (ตท.13) ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เป็น รองผบ.สส. พล.ร.อ. ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ (ตท.15) เสธ.ทร. เป็น รองผบ.สส. พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ (ตท.15) ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) เป็น เสธ.ทหาร พล.อ.ทวีป เนตรนิยม (ตท.16) หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำ ผู้บังคับบัญชา เป็นผบ.นทพ. 

น้องบิ๊กตู่ขึ้นผู้ช่วยผบ.ทบ.

กองทัพบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร (ตท.14) รองผบ.ทบ. เป็น ผบ.ทบ. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ (ตท.12) ผช.ผบ.ทบ. เป็น รองผบ.ทบ. พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา (ตท.15) แม่ทัพภาคที่ 3 เป็น ผช.ผบ.ทบ. พล.ท.ธีรชัย นาควานิช (ตท.14) แม่ทัพภาคที่ 1 และเป็นผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย คสช. เป็น ผช.ผบ.ทบ. พล.ท.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข (ตท.15) รองเสธ.ทบ. เป็น เสธ.ทบ. พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ (ตท.13) หน.ฝสธ.ประจำ ผบช. เป็นประธานคณะที่ปรึกษา ทบ. (อัตราจอมพล) พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงษ์ (ตท.14) รองเสธ.ทบ.เป็น ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. พล.ท.สุชาติ หนองบัว (ตท.15) ผช.เสธ.ทบ. ฝ่ายกำลังพล เป็น ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. 

ทั้งนี้ ตามโครงสร้างใหม่ได้ยุบตำแหน่ง ผช.เสธ.ทบ. 5 ตำแหน่ง และไปเพิ่มอัตราพลโท ในตำแหน่งรองเสธ.ทบ.อีก 2 ตำแหน่ง เป็น 5 ตำแหน่ง (เดิม 3 ตำแหน่ง) โดยมีชื่อ พล.ท.พิสิษฐ์ สิทธิสารท แม่ทัพน้อยที่ 1 เป็น รองเสธ.ทบ. พล.ท.ศุภกร สงวนชาติศรไกร ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายกำลังพล เป็น รองเสธ.ทบ. พล.ท.ภานุวัชร นาควงษ์ม ผช.เสธ.ทบ.ฝกร. เป็น รองเสธ.ทบ.

ตั้งใหม่แม่ทัพภาคยกแผง

ที่น่าสนใจคือการปรับเปลี่ยนแม่ทัพภาคยกแผง ไล่ตั้งแต่พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ (ตท.16) ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายยุทธการ และเป็นหัวหน้าศูนย์ปรองดองเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ(ศปป.) เป็น แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 ขณะที่พล.ท.จารุเกียรติ ชัยวงษ์ (ตท.14) ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.สาธิต พิธรัตน์ (ตท.15) แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต. ปราการ ชลยุทธ (ตท.15) รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็น แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.กิตติ อินทสร (ตท.14) ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายข่าว เป็น แม่ทัพน้อยที่ 4 

สะพัด"บิ๊กป้อม"ดันศิริชัยนั่งปลัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชีรายชื่อโยกย้ายครั้งนี้พล.อ.ประวิตร มีส่วนผลักดันโผจากนายทหารที่ใกล้ชิดเข้าสู่ตำแหน่งหลักหลายตำแหน่ง เช่น พล.อ.ศิริชัย ได้เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม และพล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็นผช.ผบ.ทบ. และวางตัวขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป หรือกองทัพภาคที่ 2 ที่พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาค ที่ 2 คนปัจจุบันซึ่งเป็นทหารในสายของพล.อ.ประวิตร ก็ผลักดัน พล.ท.จารุเกียรติ ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สำเร็จ 

สภาถกตั้งสนง.วิจัยศก.อาเซียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำหนังสือด่วนมาก ที่ สว(สนช.) 0007/(น 8) ลงวันที่ 29 ส.ค.2557 ถึงสมาชิก สนช.ว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. มีคำสั่งให้นัดประชุมสนช.ครั้งที่ 6-7/2557 ในวันที่ 4-5 ก.ย. เวลา 10.00 น. มีวาระเรื่องด่วนเพื่อพิจารณาร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน +3 ("AMRO") ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. เป็นผู้เสนอ

กมธ.เคาะขาดเกิน 1 ใน 3-พ้นสนช.

นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างข้อบังคับการประชุมสนช. กล่าวว่า ขณะนี้กมธ.ได้พิจารณาเสร็จแล้วและได้สรุปรายงานเสนอต่อประธาน สนช.เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม สนช. ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ ประเด็นที่สำคัญและถือเป็นมาตรฐานสูงสำหรับนักการเมืองซึ่งไม่เคยบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับใดมาก่อน คือ ข้อบังคับเกี่ยวกับการสิ้นสมาชิกภาพ โดยกมธ.กำหนดว่า หากสมาชิก สนช. ไม่แสดงตนเพื่อการลงมติในการประชุมสนช. โดยขาดประชุมเกิน 1 ใน 3 ตามวงรอบ 3 เดือนหรือ 90 วัน จะสิ้นสุดสมาชิกภาพทันที ยกเว้น บุคคลที่ประธาน สนช.มอบให้เป็นตัวแทนปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ หรือติดภารกิจ หรือป่วย จะพิจารณาเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ ในแต่ละเดือนทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติจะรวบรวมผลการลงมติในการเข้าประชุม เพื่อให้สมาชิกได้ตรวจสอบและถือเป็นการแจ้งเตือนให้ทราบ

คงข้อบังคับถอดถอนตามรธน.ปี"50

นายตวงกล่าวว่า สำหรับการถอดถอน ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้อบังคับเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เพียงแต่ปรับให้สอดคล้องเชื่อมโยงรัฐธรรม นูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 นอกจากนี้มีประเด็นสำคัญคือทงกมธ.มีมติให้มีกมธ.สามัญประจำ สนช.จำนวน 15 คณะ ซึ่งเป็นไปตามประเด็นการปฏิรูปที่สอดคล้องโรดแม็ปของคสช.และภารกิจที่สำคัญ

สมัครสปช.ยังคึกคัก 

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับในวันที่ 17 ของการเปิดรับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีองค์กรนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรยื่นเสนอรายชื่อ 11 ด้าน เสนอรายชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยยื่นที่กกต. 215 คน และเสนอชื่อต่อคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด 20 คน รวมวันนี้มีผู้เสนอรายชื่อ 235 คน ทั้งนี้ รวม 17 วัน มีนิติบุคคลเสนอรายชื่อที่กกต. 2,417 คน และเสนอชื่อระดับจังหวัด 2,167 คน รวมทั้งหมด 4,584 คน

เอกสาร"จ้อน"ถึงมือกกต.แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าสรรหาในวันนี้ อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอชื่อ นายนันทวัฒน์ ปรมานันท์ มูลนิธิพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย เสนอชื่อนายอลงกรณ์ พลบุตร สมาคมศัลยแพทย์ทั่วไปแห่งประเทศไทย เสนอชื่อพล.ท.นพ.ปริญญา ทวีชัยการ สมาคมครูสังคมศึกษาแห่งประเทศ ไทย ส่งนางวลัย อิศรางกูร ณ อยุธยา และนางรพีพรรณ เอกสุภาพันธ์ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานกกต.ได้ตอบรับเอกสารการสมัครเข้าสรรหาเป็นสปช.ของนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ส่งมาทางไปรษณีย์ลงทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจรับเอกสาร เผยว่า เบื้องต้นหลังตรวจสอบเอกสารของนายอลงกรณ์ มีความเรียบร้อยครบถ้วนสมบูรณ์ อยู่ในลำดับที่ 130 ด้านพลังงาน หากพบว่ามีข้อผิดพลาดส่วนไหน กกต. จะรีบแจ้งกลับไปยังนายอลงกรณ์ เพื่อแก้ไขในทันที

คาดยอดรวมแตะ 5 พันคน

นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการกกต. แถลงว่า สรุปว่าจนถึงวันที่ 30 ส.ค. มีรายชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช.ทั้งสิ้น 4,584 คน และคาดว่าจนถึงวันที่ 2 ก.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายจะมีถึง 5,000 คน โดยด้านที่มีการเสนอชื่อมากที่สุดคือ ด้านการศึกษา 4,054 คน และด้านที่น้อยที่สุดคือด้านสื่อสารมวลชน 105 คน ทั้งนี้ ปัญหาและอุปสรรคในภาพรวมที่ประเมินจากฝ่ายเลขาฯ ของทุกด้านพบว่า ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเรื่องเอกสารที่ไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะการยื่นทางไปรษณีย์ และบางนิติบุคคลยื่นมาซ้ำซ้อน ยื่นแล้วขอถอน นอกจากนี้จะต้องวางแผนการรับมือการเสนอชื่อในช่วงวันสุดท้ายคือวันที่ 1-2 ก.ย.นี้ เนื่องจากอาจมีผู้ยื่นรายชื่อจำนวนมาก 

กปปส.ตั้งมูลนิธิหนุนคสช.ปฏิรูป

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ให้สัมภาษณ์ว่า ทิศทางการเคลื่อนไหวของกปปส.หลังจากนี้จะเป็นภายใต้กฎกติกาเงื่อนไขของคสช. โดยกปปส.จะเคลื่อนไหวในนามมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปทุกรูปแบบ พร้อมสรุปแนวทางการปฏิรูปภายในเวลา 1 ปีตามโรดแม็ปคสช. และเสนอต่อสปช. ซึ่งจะรวบรวมกลุ่มเครือข่ายต่างๆ อาทิ นักวิชาการ และมูลนิธิอื่นๆ เพื่อศึกษาแนวทางการปฏิรูปประเทศ

นายเอกนัฏกล่าวว่า เชื่อว่าประชาชนจะให้โอกาสคสช.และสปช.เดินหน้าปฏิรูปประเทศ และมูลนิธิของกปปส.ส่วนหนึ่งจะศึกษาเรื่องการปฏิรูป อีกส่วนจะทำกิจกรรมส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ทั้งนี้ แนวทางการปฏิรูปของกปปส. ที่กำหนดหัวข้อการปฏิรูปไว้ 5 ด้านในช่วงชุมนุม ได้รวบรวมและเสนอต่อคสช.ไปแล้ว โดยนำไปจัดอยู่ในหัวข้อการปฏิรูปของ คสช.ทั้ง 11 ด้าน ซึ่งแกนนำกปปส.จะเป็นตัวแทนประชาชนร่วมสร้างพลังและสานต่อเจตนารมณ์ในการปฏิรูปประเทศให้ประสบผลสำเร็จ ก่อนตัดสินอนาคตทางการเมือง ต่อไป

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดยการทุจริตเป็นเรื่องแรกๆที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนที่สุดใน 1 ปีว่า เป็นเรื่องดีที่นายกฯให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เชื่อว่าเป็นคนเอาจริง และยุทธศาสตร์ของประเทศขณะนี้ คือต้องเร่งปราบปรามการทุจริต ซึ่งตนพร้อมให้ข้อมูล ที่มีอยู่กับรัฐบาล 

พระปกเกล้าดันแก้ทุจริตวาระชาติ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ สถาบันพระปกเกล้าจัดงานสัมมนาเรื่อง "ปฏิรูปประเทศไทย : การต่อต้านการทุจริต" โดยนายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิ การสถาบันพระปกเกล้า กล่าวเปิดงานพร้อมปาฐกถาพิเศษว่า การที่สังคมไทยมองเรื่องทุจริตเป็นเรื่องปกตินั้น มีแนวโน้มน่าเป็นห่วง ดังนั้น ต้องทำให้การทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ สร้างกลไกและความเข้มแข็งทางสังคม ในประเด็นค่านิยมด้านการซื่อสัตย์สุจริต ไม่ยอมรับการทุจริต และผู้นำประเทศต้องทำเป็นตัวอย่าง ในปัจจุบันแม้ผู้นำจะมีคำกล่าวที่สะท้อนถึงการรังเกียจการทุจริต แต่คำกล่าวอย่างเดียวไม่พอ ต้องปฏิบัติด้วย ประเด็นการผลัดกันเกาหลังต้องหยุด ในท้ายสุดต้องไม่ทำให้การคอร์รัปชั่นเดินตามการปฏิรูป แม้ทั้ง 2 เรื่องจะอยู่บนพรมหรือใต้พรมเดียวกันก็ตาม

จากนั้นน.ส.ถวิลวดี บุรีกุล ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า อภิปรายเรื่อง "สถานการณ์การทุจริตในประเทศไทยและมาตรการต่อต้านการทุจริต" ว่า ต้องมีทั้งนโยบายเชิงโครงสร้างในการเลื่อนตำแหน่งบุคคล และการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องโปร่งใส เป็นธรรม ซึ่งมองว่า สนช.ควรดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เพื่อควบคุมการดำเนินงานของนักการเมือง 

จี้"บิ๊กตู่"ยึดจีนต้นแบบปราบโกง 

ต่อมามีการอภิปรายเรื่อง "การปราบปรามการทุจริต" โดยนายวีระ สมความคิด เลขาธิ การเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า การทุจริตไม่ทำให้หมดไปได้ จึงต้องหามาตรการทำให้การทุจริตเกิดขึ้นให้น้อย และสุภาษิตไทยที่ว่าหัวไม่ส่ายหางไม่กระดิกก็สอดคล้องกับเรื่องนี้ เนื่องจากหากหัวหน้าหน่วยงานไม่ทุจริตจะทำให้คนในองค์กรไม่ทุจริตไปด้วย ดังนั้น ตราบใดนายกฯ ไม่ทุจริตคนในสังคมก็จะไม่ทุจริตด้วย แต่ถึงขณะนี้ยังไม่พบนายกฯ ที่ไม่ทุจริตเลย ดังนั้น ไม่ว่าเราจะหาวิธีการปราบปรามการทุจริตอย่างไร แต่ถ้าคนที่กระทำการทุจริตยังอยู่ในอำนาจอยู่ก็จะเป็นเรื่องยาก

"ในรายการคืนความสุข พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. เน้น คสช.ให้ความสำคัญปราบปรามทุจริต ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่ได้ฟังอย่างนี้มาทุกรัฐบาล จึงขอฝาก คสช.ว่าหากจะแก้ปัญหาทุจริตต้องใช้อำนาจเบ็ดเสร็จอย่างผู้นำของจีน ไม่เห็นแก่หน้าใครแล้วเอาตัวเองเป็นต้นแบบ ไม่เช่นนั้นต่อให้สถาบันพระปกเกล้าทำวิจัยเรื่องนี้แค่ไหนก็แก้ปัญหาการทุจริตไม่ได้" นายวีระกล่าว 

ชี้ภาคปชช.ต้องตรวจสอบมากขึ้น

เวลา 10.30 น. พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ประธานอนุกรรมการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม อภิปรายเรื่องการเสริมสร้างสังคมคุณธรรมว่า ประเทศไทยให้ความเห็นชอบอนุสัญญาป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชั่นเป็นประเทศแรกๆ แต่ปัจจุบันยังไม่ทำ เราต้องแก้กฎหมายว่าในกรณีการให้และรับสินบนถือเป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศต้องดำเนินคดีไม่มีที่สิ้นสุด ปีนี้สหประชาชาติส่ง 2 ประเทศมาตรวจสอบไทยว่าแก้กฎหมายหรือยัง เราพูดถึงการส่งเสริมคนดีให้เข้าสู่การปกครอง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นตัวอย่างที่ดี เราหานักการเมืองเป็นตัวอย่างที่ดีได้หรือไม่ คนดีเป็นคนที่มีความเป็นมนุษย์สูง รู้ผิดชอบชั่วดี มีคุณธรรมจริยธรรม

"กฎหมายป.ป.ช.ฉบับใหม่มีการคุ้มครองพยาน แต่ต้องปฏิรูปกระบวนการคุ้มครองพยาน ปรากฏว่าทุกคนไม่ไว้วางใจตำรวจก็ต้องปฏิรูปตำรวจ สิ่งที่ควรทำที่สุดขณะนี้คือควบคุมการใช้เงิน คนมีเงินต้องโปร่งใส อธิบายว่าได้เงินมาจากไหน ต่อจากนี้ทุกคนต้องยื่นภาษีเงินได้ใช้เอกสารประกอบ ถ้าใช้เงินซื้อสังหาริมทรัพย์เกินห้าแสนบาทหรือเกินหนึ่งล้านบาทต้องแจ้ง ต่อไปจะบังคับประชาชนทุกคน ขณะนี้บางคนซื้อรถ 30 ล้านแต่ไม่มีที่มาของเงิน ถ้าทำได้เงินผิดกฎหมายทุกชนิดจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ผมไม่แน่ใจว่าทำไมบางคนกลัวการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ภาคประชาชนต้องตรวจสอบมากขึ้น" พล.อ.อ.วีรวิทกล่าว

'ปนัดดา-สุวพันธุ์'นั่งรมต. ฮือฮา'โด่ง'รมช.กลาโหมควบผบ.ทบ. 'พิเชฐ'วิทย์'วีระ'ได้คุมวธ. 'อาคม'ช่วย'บิ๊กจิน'ดูแลคค. ครม.บิ๊กตู่พรึบ'11 นายพล'

    'บิ๊กโด่ง'ขยับขึ้นตำแหน่ง ผบ.ทบ.ยังได้ควบเก้าอี้ รมช.กลาโหมใน รบ.ประยุทธ์ 1 'บิ๊กแบงก์กรุงเทพ'ชี้ไม่มีปัญหา'นายพล'ตบเท้าเข้านั่งเก้าอี้รัฐมนตรี มองเป็นเรื่องการรักษาความมั่นคง

@ "ประยุทธ์"ติดตามงานคสช.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.55 น. วันที่ 30 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ใช้ช่วงวันหยุดราชการ เดินทางเข้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เพื่อติดตามงาน คสช.ที่ยังคั่งค้าง และส่วนงานกองทัพบกที่เกี่ยวข้องตามปกติ ภายหลังมีข่าวว่านายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ติดต่อให้บุคคลที่มีชื่อจะเป็นรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่มีตำแหน่งในคณะกรรมการ (บอร์ด) อยู่ในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ และบริษัทเอกชน เข้ามากรอกประวัติเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติซึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ส่งรายชื่อรัฐมนตรีทั้งหมดเข้าสู่ขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ภายในเดือนกันยายน

      ทั้งนี้ได้มีการประกาศเป็นการภายในให้ผู้ที่มีรายชื่อร่วม ครม.เตรียมความพร้อมพระบรมราชโองการและเตรียมเข้าพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน คาดว่าจะทรงโปรดเกล้าฯรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ระหว่างวันที่ 1 หรือ 2 กันยายนนี้

@ "บิ๊กโด่ง"ควบผบ.ทบ.-รมช.กห.

      รายงานข่าวเปิดเผยว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ มีจำนวน 32 คน ดังนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 

       นายวิษณุ เครืองาม เป็นรองนายกรัฐมนตรี, ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นรองนายกรัฐมนตรี, นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี

    ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ว่าที่ ผบ.ทบ. เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 

@ "อาคม"นั่งรมช.คมนาคม

     พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุธี มากบุญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสมหมาย ภาษี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

      พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

      นายณรงค์ชัย อัครเศรณี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพรชัย รุจิประภา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสาร, นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

@ อดีตปลัดวีระเป็นรมว.วัฒนธรรม

     พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รอง เสธ.ทบ. เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายกฤษณพงศ์กีรติกร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯธนบุรี อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 

    ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นพ.สมศักดิ์ ชุนหรัศมิ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 

     นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ช่วงระหว่างปี 2549-2553 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

       ทั้งนี้ รายชื่อ ครม.มีนายทหารเข้าดำรงตำแหน่งรวมทั้งสิ้น 11 นายด้วยกัน และมีผู้หญิงใน ครม.นี้ 2 คน ได้แก่ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

@ "โฆสิต"แนะรบ.ควรเร่งเบิกจ่าย 

      นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โผรายชื่อ ครม.ประยุทธ์ 1 ทุกคนที่มีรายชื่อล้วนแต่เป็นผู้ที่มีความรู้ เชื่อว่าทุกคนจะใช้ความรู้และประสบการณ์ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติเป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีรายชื่อทหารอยู่ใน ครม. แต่มองว่าเป็นเรื่องการรักษาความมั่นคงทำให้ประเทศไทยสงบ ซึ่งความสงบเป็นปัจจัยสำคัญในการเดินหน้าประเทศ เชื่อว่าต่างชาติจะเข้าใจและยอมรับได้ ทั้งนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. รองหัวหน้าคณะ คสช. ฝ่ายความมั่นคง ที่มีรายชื่อเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถือเป็นทูตที่มีความสามารถสูง มีส่วนช่วยในการอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจสถานการณ์ได้ 

       นายโฆสิต กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำต่อจากนี้คือ การเร่งเบิกจ่ายเพื่อลงทุนในโครงการต่างๆ โดยให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในโครงการเพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้ข้อกังวล ขณะเดียวกันเห็นว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ ภาครัฐไม่จำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพราะเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว เห็นได้จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในช่วงไตรมาส 2/2557 ที่ผ่านมา คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตที่ 1.5-2% ขณะที่ปี 2558 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 4% 

@ รมต.สายเศรษฐกิจไม่มีปัญหา

       นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า รายชื่อ ครม.ที่นำขึ้นทูลเกล้า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่ารัฐมนตรีที่อยู่ในกระทรวงสายเศรษฐกิจล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีความรู้ในหน่วยงานนั้นเป็นอย่างดี ทำงานได้ทันทีหลังดำรงตำแหน่ง อาทิ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่คาดว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านเศรษฐกิจ เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการคลัง เคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญมากในด้านการเงิน คือ เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจการทำงานของภาคเอกชนเป็นอย่างดี ส่วนนาย

       สมหมาย ภาษี คาดว่า จะได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความรู้ความเข้าใจทั้งนโยบายการคลังและตลาดเงินตลาดทุน ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ที่มีรายชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แม้จะเป็นทหารแต่ถือว่าเหมาะสม เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ต้องมีนโยบายที่เด็ดขาด ต้องการการตัดสินใจเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ด้านรัฐมนตรีอุตสาหกรรมที่คาดว่านายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช จะมาดำรงตำแหน่ง ถือว่าเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจเรื่องการส่งเสริมการลงทุน

@ อยากให้รบ.ยกเลิกอัยการศึก

       นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ในส่วนของ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ มีความคุ้นเคยและทำงานได้ทันที ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่คาดว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. จะดำรงตำแหน่งนั้นมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจากนี้เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องอาศัยเม็ดเงินลงทุนจากโครงสร้างพื้นฐานปีละ 3 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว 

    นายธนวรรธน์ กล่าวว่า หลังจากนี้รัฐบาลควรเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาไม่ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ ทำให้รัฐบาลต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนและงบประจำให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ควรยกเลิกกฎอัยการศึกเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และควรดูแลราคาสินค้าเกษตร ควรรักษาระดับราคายางพาราให้ได้ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อเพิ่มกำลังการบริโภคจากเกษตรกร นอกจากนี้ รัฐบาลควรดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากปัจจุบันประชาชนยังรู้สึกว่าค่าครองชีพสูงเมื่อเทียบกับรายได้ หากทำได้ทั้งหมดจะช่วยให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4/2557 ฟื้นตัว และเศรษฐกิจทั้งปีจะโตที่ 1.5-2% ซึ่งปรับลดจากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตที่ 2-2.5% ผลจากการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ คาดว่าทั้งปีการส่งออกไทยจะทำได้เพียง 1-1.5% 

@ หนุนเด็กไทยเรียนอังกฤษ-จีน

     นายธนวรรธน์กล่าวว่า สำหรับระยะยาวรัฐบาลต้องสร้างให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างมั่นคง ทั้งการกำหนดราคาอาหารและพลังงานให้มีราคาที่เหมาะสม สนับสนุนการศึกษา ทั้งภาษาอังกฤษและจีน ให้พร้อมในการทำการค้าและรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จัดการปัญหาคอร์รัปชั่นให้ลดลง เพราะมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของต่างประเทศ และส่งเสริมวิทยาศาสตร์และการวิจัยพัฒนาให้มากขึ้น จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 2558 ขยายตัวอยู่ที่ 5% ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงที่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยคือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกช้ากว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะปัญหาของวิกฤตการเมืองยูเครนกับรัสเซีย และสหรัฐกับรัสเซียที่มีมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย

@ ผู้นำแรงงานมั่นใจทหาร

      นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวกรณีมีชื่อ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ว่า ด้วยความที่เป็นทหาร ทำให้ไม่รู้จักข้าราชการ นายจ้าง ลูกจ้าง และไม่ใช่นักการเมือง จะทำให้สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาด้านแรงงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับฝ่ายใด ถือเป็นข้อดี ส่วนข้อเสียคือ จะถูกมองว่าไม่มีประสบการณ์ด้านแรงงาน แต่คิดว่าคงไม่ใช่ปัญหาหากมีการทำการบ้าน และเชื่อว่าขณะนี้ พล.อ.สุรศักดิ์น่าจะมีข้อมูลทางด้านแรงงานบ้างแล้ว เรื่องที่อยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่เข้ามาแก้ปัญหาคือ เรื่องของการละเมิดสิทธิแรงงาน เรื่องการดำเนินคดีด้านแรงงาน อยากให้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาในชั้นฎีกาให้เร็วขึ้น ปัจจุบันใช้เวลานานถึง 6 ปี 

     นายชาลี กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลเร่งรับรองอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัวกัน และอนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 98 ว่าด้วยการปฏิบัติตามหลักการแห่งสิทธิในการรวมตัวกันและการร่วมเจรจาต่อรอง รวมถึงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ อีกทั้งอยากให้ปฏิรูประบบการทำงานของข้าราชการให้เน้นการทำงานเชิงรุกไม่ใช่ตั้งรับ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งปฏิรูปสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ให้เป็นองค์กรอิสระ บริหารงานโดยมืออาชีพ โปร่งใสตรวจสอบได้และให้ผู้ประกันตนมีส่วนร่วมในการบริหาร ทั้งนี้ คสรท.และเครือข่ายแรงงานจะขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่เพื่อยื่นหนังสือถึงข้อเรียกร้องข้างต้น

@ อจ.จุฬาฯยอมรับ"บิ๊กเข้"

       นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หาก พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ถือว่าเหมาะสมมีความเข้าใจในเรื่องการศึกษาค่อนข้างดี เห็นได้จากช่วงกำกับดูแลในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้สั่งยกเลิกการแจกแท็บเล็ตทันที และมีนโยบายแก้ปัญหาการศึกษาออกมาเป็นระยะก็ค่อนข้างชัดเจน แม่นยำ ส่วนใหญ่มาได้ถูกทางแล้ว ถือเป็นข้อดีที่จะผลักดันการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะช่วงที่อยู่ในภาวะการปกครองพิเศษ 

      นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ดูรายชื่อทั้งรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยต่างเป็นทหาร จึงอยากให้หาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางการศึกษาเข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยอีกคน อาทิ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) หรือนายกฤษณพงศ์ กีรติกร อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เป็นต้น 

@ ชี้มีความเข้าใจเรื่องการศึกษา

        นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า เท่าที่ได้สัมผัส พล.ร.อ.ณรงค์ ในการประชุมและรับมอบนโยบาย เห็นว่ามีความเข้าใจเรื่องการศึกษาค่อนข้างดี มีจุดเด่นในเรื่องความโปร่งใสในการทำงาน เวลา สอศ.เสนอการแก้ปัญหาด้านต่างๆ ก็รับฟังและให้การสนับสนุน โดยเฉพาะปัญหานักเรียนนักศึกษาทะเลาะวิวาท ปัญหาการเพิ่มเงินเดือนของลูกจ้าง สอศ. ส่วน พล.ท.สุรเชษฐ์เป็นคนตัดสินใจรวดเร็ว รอบคอบ 

       นพ.เฉลิม บุญยะลีพรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า เท่าที่ได้รับฟังนโยบายของ พล.ร.อ.ณรงค์ คิดว่ารู้เรื่องการศึกษาค่อนข้างดี ทำงานในระดับบริหารนโยบายได้อย่างเหมาะสม แต่อาจจะต้องตั้งทีมที่ปรึกษาที่มีความรู้ความเข้าใจรายละเอียดในเรื่องการศึกษาให้รอบด้าน

@ "เสี่ยหนู"หนุน"นายกฯ-ครม." 

      นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาล "ประยุทธ์ 1" ว่า ไม่มีอะไรจะพูดมาก เพียงแต่อยากให้กำลังใจทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และคนที่มีรายชื่อใน ครม.ทั้งหมด เข้าใจทุกคนมีเจตนาที่จะเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และต้องการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น เชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์และ ครม.ชุดใหม่ จะทำให้ประเทศเดินหน้าและปฏิบัติภารกิจสำเร็จตามโรดแมป เพื่อให้ประเทศเข้าสู่การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว

@ "ชวลิต"อวยพรให้บรรลุเป้า

       นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึง ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ขณะนี้ชาวไทยหรือแม้กระทั่งชาวโลกที่หวังดีกับประเทศไทยก็ให้กำลังใจคนไทย และให้กำลังใจ ครม.ใหม่ มีเอกภาพทั้ง คสช. ครม. สนช. และ สปช. ซึ่งมีธงในการทำงานไปในแนวทางเดียวกัน อวยพรให้ท่านทำงานบรรลุวัตถุประสงค์ที่เข้ามาถืออำนาจในการปกครองประเทศคือ แก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง และคืนอำนาจให้ประชาชนตามโรดแมปที่วางไว้ ส่วนประเด็นอื่น ยังไม่ถึงเวลาวิจารณ์ เพราะ ครม.ใหม่ยังไม่ได้ทำงาน

@ จี้กำหนดกติกากรอบปชต. 

       เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรไปถึง ครม.ใหม่บ้าง นายชวลิตกล่าวว่า ได้ฝากเรื่องสำคัญไปหลายครั้งแล้วว่า ปัญหาของประเทศมีมากมาย ท่ามกลางการทำงานในเวลาอันจำกัดตามโรดแมปที่วางไว้จึงจำเป็นที่จะต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหา หาหัวใจสำคัญของปัญหาให้ได้ ทางแก้ที่ตรงจุดที่สุดคือ 1.การกำหนดกติกาบ้านเมือง (รัฐธรรมนูญ) ที่เป็นธรรมและเป็นประชาธิปไตย 2.น้อมนำหลักศาสนามาแก้ไขปัญหาประเทศด้วย ส่วนการยึดหลักนิติศาสตร์และหลักรัฐศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาของประเทศยังไม่เพียงพอกับปัญหาที่สลับซับซ้อนตามลักษณะสังคมไทย โดยเฉพาะความขัดแย้งยืดเยื้อมายาวนาน กระทบกับความมั่นคงของชาติ จึงควรนำหลักศาสนามาประยุกต์ใช้ด้วยคือ เมตตาและอภัย

@ ห่วง"สปช."สุดโต่งพาป่วน 

      "ขณะนี้ผมยังไม่มั่นใจนักกับแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะมีผู้สมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. หลายคนที่มีความคิดสุดโต่ง ไม่มีลักษณะประนีประนอมตามลักษณะสังคมไทยในอดีต หากได้รับเลือกเข้าไปจำนวนมาก การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งซึ่งยืดเยื้อยาวนานจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ได้แต่หวังว่า หากท่านเหล่านั้นมีโอกาสได้รับเลือกเป็น สปช. หวังให้กลับมาสู่แนวทางประนีประนอม หากยังสุดโต่งเหมือนเดิมก็ขอให้เป็นเสียงส่วนน้อยที่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง ประการสำคัญ สังคมและชาวโลกสามารถพิสูจน์ความตั้งใจจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหา" นายชวลิตกล่าว

@ "นิพิฏฐ์"ไม่แปลกใจ"ครม.ตู่" 

       ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า ปชป. กล่าวถึง ครม. ที่ปรากฏออกมาว่า ไม่แปลกใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องแต่งตั้งบุคคลที่มีความคิดเห็นเรื่องการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เพราะระยะเวลาการทำงานมีเวลาจำกัด คนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีต้องเป็นพวกที่มองตาก็รู้ใจและพร้อมทำงานได้เลย แต่การจัดสรรบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นมีความยาก คนที่จะเข้ามาเหมือนเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทำงานเพื่อแก้ปัญหาประเทศจะต้องสำเร็จ สำหรับสัดส่วนที่มีทหารเข้ามามากหรือน้อยนั้น ส่วนตัวไม่แปลกใจ เนื่องจากการบริหารประเทศจากนี้จนถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คสช.ยังอยู่ องค์ประกอบหลักก็คือทหารอยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับโผการแต่งตั้งนายทหาร ที่บุคคลที่จะเข้ามาเป็นผู้นำเหล่าทัพต้องเป็นคนที่สนับสนุนการทำงานของ คสช.

@ เร่งรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

      นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า การควบตำแหน่งรองนายกฯกับรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ มองว่าเป็นเรื่องปกติ รัฐบาลชุดที่ผ่านๆ มาก็เคยปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน ที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องเศรษฐกิจ เพราะทีมเศรษฐกิจนั้น ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการที่อาจมองปัญหาเศรษฐกิจในทางทฤษฎี เช่น การแก้ปัญหาราคายางพารา โดยตามทฤษฎีแล้วการแก้ปัญหาของทีมเศรษฐกิจนั้นถูกทั้งหมด ทั้งการลดต้นทุนการผลิต การแปรรูป ในทางปฏิบัติกว่าจะทำได้อาจต้องใช้เวลานาน แต่เกษตรกรมีความเดือดร้อน กว่าจะถึงจุดที่แก้ปัญหาได้เขาอาจรอไม่ไหว เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยด่วน เพราะถ้าระบบเศรษฐกิจเดินหน้าไปไม่ได้ ก็จะทำให้ระบบการเมืองเดินไปไม่ได้เช่นกัน 

@ ปชป.ปูดสภาใช้งบน่าสงสัย

      นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. ปชป. กล่าวว่า การทุจริตในรัฐสภาที่ต้องทำการตรวจสอบ โดยเฉพาะการจัดงานสัมมนานอกสถานที่ที่ทุกครั้งมักจัดขึ้นที่โรงแรมพูลแมน บางกอก คิงเพาเวอร์ ทั้งที่ควรจัดในอาคารรัฐสภาที่มีห้องว่างเป็นจำนวนมาก และการที่นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้กำหนดนโยบาย ว่า การจัดสัมมนาจะต้องจัดกันที่รัฐสภา แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา สำนักพัฒนาบุคลากร สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดงานสัมมนาเรื่อง การแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวิเทศสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงาน การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประจำปีงบประมาณ 2557 ที่โรงแรมพูลแมนบางกอก คิงเพาเวอร์ พบว่ามีค่าใช้จ่ายแพงกว่าปกติ 3-4 เท่า อีกทั้งมีชื่อของนายจเรเข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ด้วย

@ วอน"บิ๊กตู่"ปราบทุจริตจริงจัง

      นายวิลาศ กล่าวต่อว่า การที่ตนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนกรณีการจัดซื้อนาฬิกาดิจิตอลที่ติดตั้งในอาคารรัฐสภานั้นปรากฏว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ชี้มูลมาให้ดำเนินคดีอาญาและสอบสวนทางวินัยกับข้าราชการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 11 คน อีกทั้งได้ยื่นเรื่องการทุจริตในรัฐสภา ต่อคณะกรรมการป้องการและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอีกหลายคน ทำให้เห็นแล้วว่าการทุจริตในรัฐสภาไม่ได้โยงเฉพาะข้าราชการประจำเท่านั้น ยังมีข้าราชการรัฐสภาหลายคนที่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม การที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวผ่านรายการคืนความสุขประชาชน ระบุว่าให้ความสำคัญกับการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องที่ต้องถูกแก้ไขเร่งด่วนที่สุดใน 1 ปี ว่า เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนเอาจริง ยุทธศาสตร์ของประเทศขณะนี้ คือต้องเร่งปราบปรามการทุจริต ตนพร้อมให้ข้อมูลที่มีอยู่กับรัฐบาลชุดใหม่เพื่อใช้ไปดำเนินการแก้ปัญหาการทุจริต

@ "ศิริชัย"นั่งเก้าอี้ปลัดกลาโหม

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ส่งให้สำนักราชเลขาธิการ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนในการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยรายชื่อมีการปรับเปลี่ยนจากที่มีการเสนอจากเหล่าทัพเพียงบางตำแหน่ง โดย พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล (ตท.13) เสนาธิการทหาร เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) โยกเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม หลังจากมีข่าวว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผช.ผบ.ทบ. เพื่อน ตท. 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกวางตัวให้เป็นประธานคณะที่ปรึกษา ทบ.ขอขึ้นอัตราจอมพลในตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. 

@ "วรพงษ์"ผงาดเป็นผบ.สส. 

      กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร (ตท.12) รอง ผบ.สส. เป็น ผบ.สส., พล.อ.อักษรา เกิดผล (ตท.14) เสนาธิการทหารบก เป็น รอง ผบ.สส., พล.อ.วุฒินันท์ ลีลายุทธ (ตท.13) ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เป็น รอง ผบ.สส., พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ (ตท.15) เสธ.ทร. เป็น รอง ผบ.สส., พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ (ตท.15) ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) เป็นเสนาธิการทหาร, พล.อ.ทวีป เนตรนิยม (ตท.16) หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็น ผบ.นทพ. 

@ "อุดมเดช"นั่งผบ.ทบ.ตามคาด 

       กองทัพบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร (ตท.14) รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) เป็น ผบ.ทบ., พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ (ตท.12) เป็น รอง ผบ.ทบ., พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา (ตท.15) แม่ทัพภาคที่ 3 เป็น ผช.ผบ.ทบ., พล.ท.ธีรชัย นาควานิช (ตท.14) แม่ทัพภาคที่ 1 และเป็น ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย คสช. เป็น ผช.ผบ.ทบ., พล.ท.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข (ตท.15) รอง เสธ.ทบ. เป็น เสธ.ทบ., พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ (ตท.13) หน.ฝสธ.ประจำ ผบช. เป็นประธานคณะที่ปรึกษา ทบ. (อัตราจอมพล), พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงษ์ (ตท.14) รอง เสธ.ทบ.เป็น ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ., พล.ท.สุชาติ หนองบัว (ตท.15) ผช.เสธ.ทบ. ฝ่ายกำลังพล เป็น ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. 

     ทั้งนี้ ตามโครงสร้างใหม่ ได้มีการยุบตำแหน่ง ผช.เสธ.ทบ. 5 ตำแหน่ง และไปเพิ่มอัตราพลโท ในตำแหน่งรอง เสธ.ทบ.อีก 2 ตำแหน่งเป็น 5 ตำแหน่ง (เดิม 3 ตำแหน่ง) โดยมีชื่อของ พล.ท.พิสิษฐ์ สิทธิสารท แม่ทัพน้อยที่ 1 เป็น รองเสธ.ทบ. พล.ท.ศุภกร สงวนชาติศรไกร ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายกำลังพล เป็น รอง เสธ.ทบ. พล.ท.ภานุวัชร นาควงษม์ ผช.เสธ.ทบ.ฝกร.เป็นรอง เสธ.ทบ.

@ "บิ๊กโชย"เป็นแม่ทัพภาค1

       ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ที่น่าสนใจคือการปรับเปลี่ยนแม่ทัพภาคยกแผง ไล่ตั้งแต่ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ (ตท.16) ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายยุทธการ และเป็นหัวหน้าศูนย์ปรองดองเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ เป็นแม่ทัพภาคที่ 1, พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ขณะที่ พล.ท.จารุเกียรติ ชัยวงษ์ (ตท.14) ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นแม่ทัพภาคที่ 2, พล.ท.สาธิต พิธรัตน์ (ตท.15) แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นแม่ทัพภาคที่ 3, พล.ต.ปราการ ชลยุทธ (ตท.15) รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็น แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.กิตติ อินทสร (ตท.14) ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายข่าว เป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชีรายชื่อโยกย้ายครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีบทบาทในการผลักดันหลายตำแหน่ง เช่น พล.อ.ศิริชัย ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.วางตัวขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป หรือแม้กระทั่งกองทัพภาคที่ 2 ที่ พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบันซึ่งเป็นทหารในสายของ พล.อ.ประวิตร ก็สามารถผลักดัน พล.ท.จารุเกียรติ ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สำเร็จ 

@ "พรเพชร"นัดสนช.ถกกม.เพิ่ม 

       ขณะที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ทำหนังสือด่วนมาก ที่ สว (สนช.) 0007/ (น 8) ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2557 ถึงสมาชิก สนช. ตามที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ได้มีคำสั่งให้นัดประชุม สนช.ครั้งที่ 6-7/2557 ในวันที่ 4-5 กันยายนนี้ เวลา 10.00 น. โดยมีวาระเรื่องด่วนเพื่อพิจารณาร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน + 3 (AMRO) ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ นอกจากนี้ยังรับทราบเรื่องสรุปการดำเนินการในพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในเขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. ในห้วงวันที่ 1-10 สิงหาคม 2556

@ เคาะข้อบังคับฯห้ามขาด1ใน3

      นายตวง อันทะไชย สนช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. กล่าวถึงความคืบหน้าการยกร่างข้อบังคับฯ สนช.ปี 2557 ว่า คณะ กมธ.ได้พิจารณาเสร็จแล้วและได้สรุปรายงานเสนอต่อประธาน สนช.เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม สนช.ในวันที่ 4 กันยายนนี้ มีประเด็นที่สำคัญและถือเป็นมาตรฐานสูงสำหรับนักการเมือง ไม่เคยมีการบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับใดมาก่อน คือข้อบังคับเกี่ยวกับการสิ้นสมาชิกภาพ โดยคณะ กมธ.ได้กำหนดว่า หากสมาชิก สนช.ไม่แสดงตนเพื่อการลงมติในการประชุมสภา สนช. ขาดการประชุมเกิน 1 ใน 3 ตามวงรอบ 3 เดือน หรือ 90 วัน ก็จะสิ้นสุดสมาชิกภาพทันที 

@ หมวดถอดถอนปรับเชื่อมรธน.57

      "แต่มีข้อยกเว้นสำหรับบุคคลที่ประธาน สนช.มอบหมายให้เป็นตัวแทนปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ หรือติดภารกิจ หรือป่วย จะพิจารณาเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ ในแต่ละเดือนทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช.จะรวบรวมผลการลงมติในการเข้าประชุมเพื่อให้สมาชิกได้ตรวจสอบและถือเป็นการแจ้งเตือนให้ทราบ" นายตวงกล่าว และว่า สำหรับหมวดการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นไปตามข้อบังคับที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 นั้น ได้มีการปรับให้สอดคล้องเชื่อมโยงรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 นอกจากนี้ มีประเด็นที่สำคัญคือ คณะ กมธ.สามัญประจำ สนช.ทาง กมธ.ได้มีมติให้มีจำนวน 15 คณะ เป็นไปตามประเด็นการปฏิรูปที่สอดคล้องโรดแมปของ คสช.และภารกิจที่สำคัญ 

@ สรรหาสปช.วันที่17ยอด4,584คน 

     ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานในวันที่ 17 ของการเปิดรับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีองค์กรนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรยื่นเสนอรายชื่ออย่างต่อเนื่อง มีการมายื่นที่ กกต. 215 คน เสนอต่อคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด 20 คน รวมวันนี้มีผู้เข้ารับการเสนอรายชื่อ 235 คน เมื่อรวม 17 วัน มีนิติบุคคลเสนอรายชื่อที่ กกต. 2,417 คน และเสนอชื่อระดับจังหวัด 2,167 คน รวมทั้งหมด 4,584 คน

       เวลา 16.15 น. นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาฯกกต.แถลงว่า สรุปว่าในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ มีรายชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิก สปช. รวม 4,584 คน คาดว่าจนถึงวันที่ 2 กันยายน เป็นวันสุดท้ายจะมีถึง 5,000 คน ด้านที่มีการเสนอชื่อมากที่สุดคือด้านการศึกษา จำนวน 4,054 คน และด้านที่น้อยที่สุดคือด้านสื่อสารมวลชน จำนวน 105 คน 

@ ศอ.บต.เสนอชื่อ"เลิศเกียรติ" 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายชื่อบุคคลที่น่าสนใจในแต่ละด้าน แบ่งเป็น ด้านการเมือง อาทิ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอชื่อนางฐะปาณีย์ อาจารวงศ์, พรรคธรรมาภิบาลสังคม เสนอชื่อนายสุเมตร แก้วคำหาร, มูลนิธิสหพันธ์ครอบครัวเพื่อความสามัคคีและสันติภาพโลก เสนอชื่อ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอชื่อนายนันทวัฒน์ บรมานันท์ ด้านการปกครองท้องถิ่น, ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอชื่อ ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ ด้านพลังงาน, มูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย เสนอชื่อนายอลงกรณ์ พลบุตร ด้านพลังงาน, อาคารชุดอินเตอร์ทาวเวอร์ เสนอชื่อ พ.อ.ก่อเกียรติ กิตติสุวรรณ, สมาคมศัลยแพทย์ทั่วไปแห่งประเทศไทย เสนอชื่อ พล.ท.นพ.ปริญญา ทวีชัยการ 

@ อุตฯยานยนต์ไทยเสนอ"ธนวัฒน์" 

       สำหรับ รายชื่อสรรหา สปช.ด้านสังคม วัดสมรโกฏิ เสนอชื่อนายสมปอง ภู่มุสิก, มูลนิธิสนธิอิสลาม เสนอชื่อนายมนูญพันธุ์ รัตนเจริญ, สมาคมพ่อตัวอย่างแห่งชาติ เสนอชื่อนายสุปรีดิ์ วงศ์ดีพร้อม, ด้านการศึกษา สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยฯ เสนอชื่อนายสรรเสริญ มิลินทสูตร, วัดวังจิด สมาคมครูสังคมศึกษาแห่งประเทศไทย เสนอชื่อนางรพีพรรณ เอกสุภาพันธ์ และนางวลัย อิศรางกูร ณ อยุธยา, ด้านเศรษฐกิจ มูลนิธิชัยนาวีพัฒนา เสนอชื่อนายสุวันชัย แสงสุขเอี่ยม, สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เสนอชื่อนายธนวัฒน์ คุ้มสิน, สมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคมไทย เสนอชื่อนายสุพร สิมะกุลธ