คสช.ไฟเขียวออนแอร์ได้ ทีวี 12 ช่อง เอเชียอัพเดท-บลูสกาย ยอมเปลี่ยนชื่อ-ปรับผัง บิ๊กต๊อกแจงยิบรื้อกม. ขัง'วีระ'ฝืนอัยการศึก ยิงสดรับราชโองการฯ

โดนรวบอีก - ตำรวจจับกุมนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น และแกนนำภาคีเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ขึ้นรถอย่างทุลักทุเล ขณะร่วมกับพวกเดินรณรงค์ปฏิรูปพลังงาน ที่บริเวณถนนพหลโยธิน ซอย 2 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม

        ตำรวจรวบตัว'วีระ สมความคิด'พร้อมพวกเดินชุมนุมปฏิรูปพลังงาน ฝ่าฝืนกฎอัยการศึก คสช.แจ้ง กสทช.ไฟเขียวให้ 12 สถานีทีวีดาวเทียมออกอากาศอีกครั้ง

@ จัดสถานที่รองรับพิธีรับสนองฯ

      เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) และสำนักงานเลขานุการกองทัพบก (สลก.ทบ.) ต่างช่วยกันจัดเตรียมห้องเลี้ยงรับรอง 221 อาคาร 2 ภายในกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 25 สิงหาคม โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์และเก็บภาพแต่อย่างใด

       สำหรับ พิธีวันที่ 25 สิงหาคม เริ่มตั้งแต่เวลา 10.39 น. นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นผู้อัญเชิญพระบรมราชโองการฯ วางบนแท่น และอ่านพระบรมราชโองการฯ ซึ่งในพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ จะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบริเวณพิธี จะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) หรือทีวีพูล ซึ่งมีสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 เป็นแม่ข่าย และจะเริ่มปล่อยสัญญาณตั้งแต่เวลา 09.55 น.เป็นต้นไป โดยขอความร่วมมือไปยังสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ เพื่อรับสัญญาณการถ่ายทอดสดจากช่อง 5 เพียงช่องเดียว

@ 'อ๋อม-ขวัญ'ร่วมเอ็มวีเพื่อชาติ

     วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางเข้ามาที่ บก.ทบ. เมื่อเวลาประมาณ 11.40 น. เพื่อปฏิบัติภารกิจตามปกติ แม้จะเป็นช่วงวันหยุดราชการ ขณะที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) และเลขาธิการ คสช. ได้เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานด้วยเช่นกัน 

     ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สโมสรทหารบก คสช.ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกองดุริยางค์ทหารบก ร่วมกันถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง "รักกันไว้เถิด" เวอร์ชั่นใหม่ ในโครงการรวมพลังชาติเชื้อเยาวชนไทย" เพื่อปลุกใจให้เยาวชนและคนไทยมีความรักชาติ และสามัคคีปรองดอง เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการให้คนไทยหันกลับมารักกัน มีความสำนึกรักชาติมากยิ่งขึ้น

      โดยใช้กำลังพลจากกองดุริยางค์ทหารบก จำนวน 20 นาย กำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 11 จำนวน 100 นาย หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก (นปอ.) จำนวน 50 นาย และกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) จำนวน 50 นาย นอกจากนี้ ยังมีดารานักแสดง คือ "อ๋อม" อัครพันธุ์ นะมาตร์ และ "ขวัญ" อุษามณี ไวทยานนท์ ร่วมขับร้องเพลงและถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ พร้อมเป็นตัวแทนถ่ายโปสเตอร์เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ "รวมพลังชาติเชื้อเยาวชนไทย" คาดว่ามิวสิกวิดีโอดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคม เพื่อสอดรับกับกิจกรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อคนในชาติของ คสช. และมีกำหนดเผยแพร่ครั้งแรกในงาน "คืนความสุขให้คนในชาติ" ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในงานรวมพลังชาติเชื้อเยาวชนไทย

@ ร่างระเบียบประชุมสนช.ใกล้เสร็จ

       พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงร่างระเบียบข้อบังคับการประชุม สนช. ว่าจะเสร็จสิ้นตามกำหนดการแน่นอนภายในปลายเดือนสิงหาคมนี้ ระหว่างนี้ยังอยู่ในระหว่างการร่างที่มีหลายประเด็นต้องพูดคุยกัน อาทิ ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 มีการพูดถึงการลงมติของสมาชิก สนช.แต่ละครั้ง หรือการแสดงตนของสมาชิก สนช. เพราะกฎหมายบางฉบับที่จะผ่าน สนช.นั้นมีถึง 20-30 มาตรา จะคิดการขาดการลงมติหรือแสดงตนของสมาชิก สนช.ทุกครั้งที่ลงมติหรือว่านับเป็นฉบับไป ตัวอย่างเช่น สมาชิก สนช.บางคนรับราชการประจำ บางครั้งอาจจะติดงานราชการจำเป็น มาเข้าร่วมการลงมติไม่ได้จริงๆ แล้วกฎหมายฉบับหนึ่งมีถึง 30 มาตรา เท่ากับต้องขาด 30 ครั้ง หรือ ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกันต่อไป

@ 'บิ๊กต๊อก'ย้ำใช้กม.เป็นธรรม

      พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. ให้สัมภาษณ์พิเศษ "มติชน" ถึงแนวทางการปฏิรูประบบกฎหมายและความยุติธรรมว่า เป็นที่รู้กันอยู่แล้วในสังคมว่ามีปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายมาตลอด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. มักกล่าวอยู่เสมอในการให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนทุกฝ่าย เรื่องการบังคับใช้กฎหมายถือเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจัยสำคัญที่เป็นปัญหาต่อการบังคับใช้กฎหมายอยู่ที่ตัวผู้บังคับใช้กฎหมายเอง เช่น เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เช่น เรื่องง่ายๆ การจอดรถในพื้นที่ห้ามจอด ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการจริงจังหรือเปล่า หากเปรียบเทียบกรณีปัจจุบันที่ได้มีการดำเนินการจัดระเบียบแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิขอถามว่าดีขึ้นหรือเปล่า แล้วเมื่อก่อนเป็นอย่างไร อยากถามอีกว่าก่อนหน้านั้นมีกฎหมายบังคับใช้ ใช่ไหม ก็ใช่ แต่ว่า คสช.ได้ไปใช้อำนาจที่นอกเหนือในกฎหมายไปปฏิบัติหรือ ก็ไม่ใช่ แต่ คสช.ได้ใช้อำนาจของกฎหมายที่มีอยู่เดิม ไม่ว่ากฎหมายใดๆ ก็ตาม ฉะนั้น ในส่วนนี้ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องทำความเข้าใจอย่างจริงจัง แล้วต้องอธิบายให้เข้าใจว่าทำไม อย่างไร 

@ ปม 2 มาตรฐานอยู่ที่บังคับใช้

      เมื่อถามว่า ในฐานะดูแลด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจะขจัดข้อครหาสองมาตรฐานอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตนเป็นผู้ที่ดูแลกฎหมายและกระบวนยุติธรรม มีหน้าที่ดำเนินการเรื่องการสร้างกฎหมาย ปรับปรุงกฎหมาย หรืออำนวยความสะดวกต่อประชาชน เพราะฉะนั้นไม่ได้เป็นคำตอบว่าทำแบบนี้แล้วจะไปตอกย้ำเรื่องภาวะความเป็นสองมาตรฐาน แต่จริงๆ อยู่ที่ผู้บังคับใช้ และผู้ผลิตกฎหมายออกมาต่างหาก แต่กรณีตนปฏิบัติงานตามสิ่งที่หัวหน้า คสช.มอบหมายมาให้แล้วก็จะเชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพูดคุยหารือถึงกรอบในการพิจารณาแก้ไข หรือปรับปรุงกฎหมายในสังคมไทยที่เห็นว่ามันล้าสมัย ให้มีความทันสมัยขึ้น 

      เมื่อถามว่า หากกฎหมายที่แก้ไข ปรับปรุงออกมาให้ทันสมัยอาจถูกตีความว่าสองมาตรฐาน พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ถ้ากฎหมายที่จะทำออกมาแล้วจะไปมองว่าเป็นสองมาตรฐานก็ขอบอกว่าไม่เกี่ยวกับ คสช. ทั้งนี้ คสช.ผลิตกฎหมายไปให้เจ้าหน้าที่เอาไปบังคับใช้ ตามความต้องการของผู้ใช้และผู้ที่ถูกบังคับใช้ ฉะนั้น อยู่ที่เจ้าหน้าที่ที่จะทำให้เกิดภาวะสองมาตรฐาน เพราะฉะนั้นมันต้องไปดูในกระบวนการยุติธรรมว่าสองมาตรฐานอยู่ตรงไหน ไม่ใช่อยู่ที่ตัวกฎหมาย คสช.ระวังเรื่องนี้อย่างมากเรื่องการออกกฎหมาย ใครจะได้ประโยชน์ แล้วใครจะเสียประโยชน์ มิใช่ออกกฎหมายไปแล้วไปเอื้อประโยชน์ให้อีกกลุ่มหนึ่ง แล้วอีกกลุ่มหนึ่งกลับไม่ได้ประโยชน์ 

@ ชี้เก้าอี้รมว.ยธ.ถือเป็นเรื่องอนาคต

      เมื่อถามว่า ทาง คสช.ได้ทาบทามให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ยังไม่มีพูดถึงเรื่องนี้ เห็นข่าวจากหนังสือพิมพ์มาตั้งให้เป็นเอง ก็ขำๆ ไม่ต้องถามหรอก ก็ทำอยู่ตลอด แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นก็ถือเป็นเรื่องอนาคต หรือไม่ถ้าหากจะมีใครจะมารับงานต่อหรือสานต่อภารกิจก็ส่งมอบไปเท่านั้น

       รายงานข่าวแจ้งถึงการจัดสรรตำแหน่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยผู้ที่คาดว่าได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รหัส มท.1 คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย "มท.2" คือ นายสุธี มากบุญ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

@ กก.สอบงบสภาชี้เสียหาย20ล.

       แหล่งข่าวจากคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณรัฐสภา เปิดเผยว่า การตรวจสอบโครงการต่างๆ ของรัฐสภาที่อาจจะมีการทุจริตนั้น สมัยรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยตรวจสอบเกือบเสร็จสิ้นแล้ว 6 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการปรับปรุงลานหินอ่อนพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 วงเงิน 13,896,000 บาท พบว่าบริษัทที่รับงานไม่ได้นำเข้าหินอ่อนจากต่างประเทศ และไม่เคยจดทะเบียนเป็นบริษัทนำเข้าหรือส่งออกหินอ่อน 2.โครงการปรับปรุงฐานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 มีมูลว่าบริษัทรับเหมาขาดคุณสมบัติ 3.โครงการห้องจัดเก็บขยะ 4.โครงการจัดจ้างกำจัดขยะบริเวณพื้นที่ภายในสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถนนอู่ทองใน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม-กันยายน 2556 รวมระยะเวลา 7 เดือน วงเงิน 2,359,350 บาท 5.โครงการจัดจ้างกำจัดปลวก ยุง มด แมลงสาบและหนู ระยะเวลา 8 เดือน วงเงิน 6,158,742 บาท 6.โครงการก่อสร้างห้องจำหน่ายของที่ระลึกและห้องรับเรื่องร้องทุกข์ โดยพบว่ามีมูลค่าความเสียหายทั้ง 6 โครงการ รวมประมาณ 20 ล้านบาท และขณะนี้กำลังตรวจสอบการปรับปรุงห้องสื่อมวลชน ซึ่งเรื่องที่สอบสวนเสร็จแล้วจะสรุปสำนวนส่งให้นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภา ได้ประมาณต้นเดือนกันยายน

@ กัน 20 ข้าราชการเป็นพยาน 

      แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า การที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าอาจะมีการลงโทษข้าราชการชั้นผู้น้อยกว่า 20 คนนั้น คณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้เพิ่มมาตรการเพื่อกันบุคคลที่เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ให้ความร่วมมือในชั้นการสอบสวน และให้การเป็นประโยชน์ไว้เป็นพยาน เนื่องจากเห็นว่าข้าราชการกลุ่มดังกล่าว ถ้าพบความผิดแค่ภาคทัณฑ์หรือตัดเงินเดือนก็เพียงพอแล้ว เพราะสิ่งสำคัญที่คณะกรรมการต้องการ คือเอาตัวผู้บงการในการกระทำความผิด ไม่ได้ต้องการลงโทษข้าราชการตัวเล็กๆ แต่คิดว่าคงมีข้าราชการจำนวนไม่น้อยที่จะถูกลงโทษทางวินัย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย ทั้งนี้หากการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำโดยทุจริต คณะกรรมการจะส่งหลักฐานทั้งหมดให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป 

@ ปชป.หนุน'พ.ร.บ.ทวงถามหนี้'

      นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ได้เห็นวาระการประชุมของ สนช.ที่ให้ความสำคัญ จัดร่าง พ.ร.บ.ทวงถามหนี้ เป็นวาระที่สอง จะมีการพิจารณาในวันที่ 28 สิงหาคม ถือเป็นเรื่องดีที่ต้องสนับสนุน เพราะตนในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ร่วมร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่มาถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่องก็เงียบหายไป จึงเป็นโอกาสที่จะมีการใช้อำนาจพิเศษให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่ต้องทนความเดือดร้อนจากการทวงหนี้ที่ไม่คำนึงถึงสิทธิและแม้แต่ศีลธรรมอันดี กฎหมายนี้จะคุ้มครองไม่ให้เจ้าหนี้ทวงถามหนี้จากคนอื่น เช่น พ่อ แม่ หรือญาติพี่น้อง ห้ามไม่ให้ไปทวงถามหนี้ที่ทำงานหรือที่อื่นที่ไม่ได้เป็นที่นัดหมาย ห้ามประจานหรือข่มขู่ ฯลฯ การทวงต้องมีขอบเขต กฎหมายนี้จะช่วยกำหนดกติกาการทวงหนี้ให้ชัดเจน

@ ควบคุมตัว'วีระ สมความคิด'

     เมื่อเวลา 16.00 น. กลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย รวมตัวกันบริเวณลานวิคตอรี่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเดินเท้าไปตามถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าสวนจตุจักร พร้อมแจกเอกสาร ประชาสัมพันธ์ เรื่อง "พลังไทย พลังงานใคร" ให้กับประชาชน

      นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา แกนนำ กลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย กล่าวว่า วันนี้ได้ชักชวน น.ส.บุญยืน ศิริธรรม อดีต ส.ว.สมุทรสงคราม มาเดินเพื่อออกกำลังกายไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง ไม่ได้มีการชักชวนใครให้มาร่วมชุมนุม ส่วนคนที่เดินทางมารวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก็ไม่รู้จักกัน เรื่องพลังงานนั้นเห็นว่า ควรยกเลิกระบบสัมปทาน เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนและไม่เป็นธรรม และควรหันมาใช้ระบบอื่นแทน อาทิ ระบบแบ่งปันผลผลิตทดแทนจะมีความเป็นธรรมมากกว่า

      จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินเท้ามาถึงบริเวณถนนพหลโยธินซอย 2 โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) และตำรวจ สน.พญาไท ตั้งแถวสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางต่อ ก่อนจะควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีการตะโกนให้ปฏิรูปพลังงาน พร้อมเดินฝ่าแนวกั้นตำรวจ ไป 8 คน หนึ่งในกลุ่มที่ถูกควบคุมตัวคือ นายวีระ สมความคิด อดีตแกนนำคนไทยหัวใจรักชาติ

     ส่วนอีก 7 คน ได้แก่ นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา นางบุญยืน ศิริธรรม นางอาภรณ์ ถิ่นวัฒนากูล น.ส.นวพร มัชฌาเวทย์ น.ส.ดาลิน สิริสุวรรณกิจ น.ส.ภานี ถิรังกูร และ น.ส.จงกลนีย์ หร่อนพานิช

     ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ. ช่วยราชการ บช.น. ดูแลงานความมั่นคง เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีการนัดหมายกันผ่านโซเชียลมีเดีย และได้มีการเจรจาแล้วว่า ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน แต่ผู้ชุมนุมก็ได้มีการฝ่าฝืน จึงต้องมีการจับกุมตามอำนาจกฎอัยการศึก 7 วัน แล้วส่งตัวให้ สน.พญาไท ดำเนินการต่อไป เห็นว่าหากประชาชนต้องการปฏิรูปด้านใด ก็ควรที่จะนำเข้าสู่สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เช่นเดียวกับตนเองที่อยากปฏิรูประบบราชการ และอาจจะเข้าสมัคร สปช. เช่นกัน

       เบื้องต้นมีรายงานว่า ผู้ชุมนุมถูกส่งไปควบคุมตัวที่ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต

@ ทหารส่งวีระ-ขังกองปราบ7วัน 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทหารพระธรรมนูญได้ควบคุมตัวนายวีระ และพวกรวม 8 คน นำตัวมาฝากขังต่อที่กองปราบปราม ในข้อหาฝ่าฝืนประกาศกฎอัยการศึก และคำสั่งของ คสช. ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน

     พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ทหารประสานมาให้ควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 8 คน โดยกองปราบปรามจะควบคุมตัวไว้เป็นเวลา 7 วัน แต่การสอบสวนจะเป็นหน้าที่ของทหารพระธรรมนูญ เบื้องต้นนายวีระและนางบุญยืนให้การปฏิเสธ อ้างว่าขณะที่มีการรวมตัวของเครือข่าย ทั้งสองคนไม่ได้ร่วมเดินขบวนด้วย 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 20.12 น. นายวีระได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก VEERA SOMKWAMKID สั้นๆ ว่า "ย้ายมากองปราบ" 

@ นิติบุคคลแห่เสนอชื่อสรรหา

    เมื่อเวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 11 ด้าน ระหว่างวันที่ 14 สิงหาคม-2 กันยายน ที่ลานอเนกประสงค์ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรทยอยเข้าเสนอรายชื่ออย่างต่อเนื่อง อาทิ สมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เสนอชื่อนายยรรยงก์ ถนอมพิชัยธำรง อดีตอธิบกรมป่าไม้ รับการสรรหาด้านการเมือง มูลนิธิโอเคไลฟ์ เสนอชื่อ นพ.นพดล จิรสันติ์ อดีต ส.ว.ลำปาง สรรหาด้านการเมือง 

      สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสนอชื่อนายพงษ์ศักดิ์ เสมสันต์ อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร สรรหาด้านการปกครองท้องถิ่น วัดบ้านทุ่ง เสนอชื่อ พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา อดีต ส.ว.สรรหา ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สมาคมเพื่อความมั่นคงของชาติ เสนอชื่อนายทวีชัย เจริญบัณฑิต อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา สรรหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และนายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เข้าสรรหาด้านสื่อมวลชน มูลนิธินักเรียนเก่าอำนวยศิลป์ เสนอชื่อนายวรวุฒิ โรจนพานิช อดีต ส.ว.สรรหา สรรหาด้านสื่อมวลชน สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนยานนาเวศวิทยาคม เสนอชื่อนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต สรรหาด้านสังคม และสมาคมองค์กรสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมไทยเข้มแข็ง เสนอชื่อนายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 และอดีต ส.ว.นครราชสีมา สรรหาด้านการเมือง 

@ 'ดำรงค์'ลงสปช.ด้านการเมือง

     เมื่อเวลา 14.15 น. ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย ได้เดินทางมาเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการสรรหา สปช.ด้านการเมือง ในนามพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย นายดำรงค์กล่าวว่า การลงสรรหาด้านการเมืองทั้งที่มีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากทรัพยากรพังเพราะเกิดจากนักการเมือง จึงอยากแก้ไขการเมือง หากได้รับเลือกเป็น สปช.มีแนวคิดปฏิรูปโครงสร้างการเมืองโดยเสนอว่าไม่ควรยึดอาชีพนักการเมืองเป็นอาชีพหลัก แต่ควรมีวาระในการดำรงตำแหน่ง คนที่เป็น ส.ส.ควรเป็นได้คนละหนึ่งสมัย ไม่ว่าจะด้วยการยุบสภาด้วยเวลาเท่าใด และคนที่มาเป็นนักการเมืองควรมีอายุระหว่าง 30-65 ปี เท่านั้น 

      ด้าน นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ในฐานะนายกสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า สอท.ในฐานะที่นิติบุคคลด้านการศึกษา ได้หารือร่วมกันแล้วมีมติเสนอชื่อตัวแทน สอท.เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็น สปช. ได้แก่ นายประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) และ นายชูศักดิ์ ลิ่มสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) โดยเสนอเข้ารับการคัดเลือกเป็น สปช.ฝ่ายปฏิรูปการศึกษา

@ สรุปสมัครสปช.เกิน2พันคน

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายภุชงค์แถลงสรุปยอดการเปิดรับบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. วันที่ 11 ว่า มีองค์กรนิติกรบุคคลเสนอรายชื่อสรรหาเป็น สปช.ในส่วน กกต.กลาง จำนวน 11 ด้าน รวม 109 คน ส่วนที่เข้าเสนอชื่อต่อคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดมี 73 คน รวมวันนี้ (24 สิงหาคม) ทั่วประเทศมีผู้เสนอชื่อ 182 คน สรุป 11 วันของการเปิดรับการเสนอชื่อตั้งวันที่ 14-24 สิงหาคม รวมทั้งสิ้น 2,122 คน ขณะนี้เหลือเวลาอีก 9 วัน ที่คาดว่าจะมีองค์กรนิติบุคคลเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาประมาณ 3,000 คน ก็น่าจะเป็นไปได้ โดยองค์กรนิติบุคคลที่ประสงค์จะเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาก็ขอให้เร่งดำเนินการ 

@ หนองบัวลำภูเสนอมากที่สุด

     นายภุชงค์ กล่าวว่า จากการเปิดรับการเสนอชื่อ 10 วัน พบว่า 5 ด้านที่มีการเสนอชื่อมากที่สุด ได้แก่ ด้านการศึกษา 119 คน ด้านสังคม 97 คน ด้านอื่นๆ 93 คน ด้านปกครองท้องถิ่น 82 คน และด้านการเมือง 59 คน โดยด้านที่มีผู้เข้าเสนอชื่อน้อยที่สุดคือพลังงาน 22 คนเท่านั้น ส่วนระดับจังหวัดที่เปิดเสนอชื่อและทาบทาม พบว่า 10 อันดับจังหวัดที่เสนอชื่อมากที่สุด คือ หนองบัวลำภู 50 คน มหาสารคาม 46 คน กาฬสินธุ์ 45 คน นครสวรรค์และสงขลาจังหวัดละ 40 คน เชียงใหม่ 38 คน นครปฐมและนครพนมจังหวัดละ 34 คน กรุงเทพมหานคร 32 คน พิษณุโลก 29 คน และกำแพงเพชร 28 คน ขณะที่จังหวัดที่น้อยที่สุดคือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีเพียง 4 คน 

     นายภุชงค์ กล่าวว่า ส่วนกรณีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความเห็นประชาชนว่ามีความเชื่อมั่นในกระบวนการสรรหา สปช.ของคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดน้อยนั้น ทั้ง กกต.และกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือกำชับไปยังผู้อำนวยการเลือกตั้ง (ผอ.กต.) ประจำจังหวัด ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหา และผู้ว่าราชการจังหวัดที่ส่วนใหญ่จะเป็นประธานคณะกรรมการสรรหาว่าจะไม่สามารถลงมติคัดเลือกบุคคลที่สมควรเป็น สปช.ได้ก่อนวันที่ 2 กันยายน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการเปิดรับการเสนอชื่อ 

@ อบจ.แต่งดำประท้วง'ปนัดดา'

     นายชัยมงคล ไชยรบ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 25 สิงหาคม นี้ นักการเมืองท้องถิ่นใน อบจ.ทั่วประเทศและข้าราชการจะนัดแต่งชุดดำ เพื่อไว้อาลัยให้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดแถลงข่าวที่ สำนักงาน อบจ.สกลนคร เวลา 10.00 น. เพื่อเรียกร้องให้ ม.ล.ปนัดดา ชี้แจงตัวบุคคลที่มีพฤติกรรมตามที่กล่าวหา อย่าเหมารวมให้ประชาชนเข้าใจผิดเกิดความเสียหาย หรือ หากมีความประสงค์จะยุบ อบจ.ขอให้ดำเนินการให้ชัดเจน ไม่ต้องมีการกล่าวหาว่าร้ายบุคคลใด 

"ขอร้องว่าอย่าหลงอำนาจเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ขอให้ใช้เหตุผล อย่าใช้ความรู้สึกส่วนบุคคลมากล่าวหา ที่สำคัญขอให้กลับไปกวาดบ้านตัวเองที่กระทรวงมหาดไทย อย่าทำงาน 2 มาตรฐาน จากกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดบางคน ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลการทุจริตในการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช แต่ไม่ทำอะไร แตกต่างจากการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอที่มีการทุจริตแล้วสั่งไล่ออก" นายชัยมงคลกล่าว

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ม.ล.ปนัดดา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Panadda Diskul ระบุว่า "พบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือยเหมือนกับเป็นเงินของครอบครัวตนเอง มีคนบอกว่าตัวนายก อบจ.นั่งเครื่องชั้นธุรกิจไม่พอ ต้องนั่ง First Class ประเภทของ Wine ที่ดื่มราคาขวดละเป็นแสน แต่เรียกหากะปิน้ำปลาบนเครื่องบิน จนเลขาคู่ใจนั่งอยู่ชั้น Y ต้องมานั่งคุกเข่ารับคำสั่งที่ข้างเก้าอี้ชั้นหนึ่งเป็นชั่วโมง หนักกว่านั้น ยังให้เพื่อนรักซื้อบ้านพักแทนชื่อตนที่ทวีปยุโรปไว้สำหรับไปพักผ่อน..." ตอนท้าย ระบุอีกว่า "ถ้าอยากใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยไม่อายประชาชน น่าออกไปดำรงสัมมาชีพส่วนตัว อย่ามาเป็นนักการเมืองหรือรับราชการให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิ สถาบันข้าราชการไทย"

     ด้านนายวิจารณ์ กุลชนะรัตน์ นายกสมาคมข้าราชการ อบจ.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมข้าราชการ อบจ.จะไม่เข้าร่วมแต่งชุดดำกับสมาคม อบจ. เนื่องจาก ม.ล.ปนัดดา เป็นผู้ใหญ่ในแวดวงข้าราชการระดับสูง เพียงออกมาเตือนสติเพื่อให้นำไปวิเคราะห์ปรับปรุง แก้ไข เชื่อว่าในแวดวงนายก อบจ.ทั่วประเทศ คงทราบดีว่ากรณีดังกล่าวเป็นบุคคลใด

@ คสช.ปลดล็อก 12 ช่องทีวีดาวเทียม

      นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เผยว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ทาง กสทช. ได้รับหนังสือจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจ้งเรื่องการเห็นชอบให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ถูกระงับการออกอากาศทั้ง 12 สถานี ตามประกาศ คสช. ให้กลับมาออกอากาศตามปกติโดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและประกาศ คสช.โดยเคร่งครัด ดังนั้น ขั้นตอนดำเนินการต่อไปจะรีบนำเรื่องเสนอให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) วันที่ 25 สิงหาคม เพื่อพิจาณาผลการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ คสช.กำหนด และเพื่อให้การกลับมาออกอากาศของทั้ง 12 สถานี เป็นผลโดยเร็ว

     เงื่อนไขของทาง คสช. ประกอบด้วย 1.การขอใบอนุญาตใหม่พร้อมเปลี่ยนชื่อช่องรายการ 2.การปรับผังรายการใหม่ทั้งหมด และ 3.ห้ามละเมิดคำสั่งตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของ คสช.และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะเพื่อให้การปฏิบัติงานของ คสช.เป็นไปได้ความเรียบร้อย และเพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือนและความเข้าใจผิด อันจะส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม

     นายฐากร กล่าวว่า สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมทั้ง 12 สถานี ดังกล่าว ประกอบด้วยสถานีโทรทัศน์ ดังนี้ 1.เอ็มวี 5 2.ดีเอ็นเอ็น 3.ยูดีดี 4.เอเชียอัพเดท 5.พีแอนด์พี 6.โฟร์แชนแนล 7.บลูสกาย 8.เอฟเอ็มทีวี 9.เอเอสทีวี 10.ฮอตทีวี 11.เร็สคิ้ว และ 12.เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูประเทศ หรือ คปท.