วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8670 ข่าวสดรายวัน


สภาแจงบัตรสนช. 6 ปี อยู่แค่ 1 ปี! 
บก.ทบ.-ซ้อมพิธี โปรดเกล้านายก ชาวสวนยางใต้! จี้'บิ๊กตู่'ช่วยด่วน ราคาวูบ-โล 40 บ.

       สภาแจงวุ่น บัตรประจำตัวสนช.มีอายุยาว 6 ปีชี้ทำตามพ.ร.บ.บัตรเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้หมายความว่าสนช.จะอยู่ยาว 6 ปี บก.ทบ.ซ้อมพิธีรับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ "บิ๊กตู่-ประยุทธ์"เป็นนายกฯ คนที่ 29 คาดโปรดเกล้าฯ วันจันทร์นี้ "บิ๊กหมู"แม่ทัพภาค 1 เชื่อมือว่าที่นายกฯตู่ ยันคสช.มีความรู้ไม่ได้มาจากกระบอกไม้ไผ่ ไม่ใช่"แม้ว"เก่งคนเดียว ชี้ 8-9 ปีมีแต่ปัญหา ครม.ยังไม่คลอดอย่าเพิ่งวิจารณ์ เผยรู้ตัวมือโปรยใบปลิวถล่มคสช. แล้ว แค่กลุ่มวัยรุ่นหรือไม่ก็รับงานมาสร้างสถานการณ์ สนช.นัดถกกฎหมายด่วน 10 ฉบับ เล็งตั้งกรรมาธิการสามัญ 20 คณะ เพิ่มดาบถอดถอนนายกฯ ปลดสนช.โดดร่มถี่ ยอดเสนอชื่อสปช.วันที่สิบเพิ่มอีก 45 คน เลขาฯ กกต.เชื่อ"บิ๊กตู่"ไม่ห่วง เดินหน้าตามโรดแม็ป

บิ๊กหมูเชื่อมือว่าที่นายกฯตู่

      เมื่อวันที่ 23 ส.ค. พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเอกฉันท์เลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ว่า ในฐานะที่ตนเป็นทหารและประชาชนว่าเป็นห่วงหรือกังวลอะไร เพราะพล.อ.ประยุทธ์เป็นคนเก่ง ไม่ต้องไปกังวล พวกเราก็ช่วยกันสนับสนุนตามแนวทางหรือโรดแม็ปที่วางไว้ในการแก้ไขปัญหาประเทศ เราไม่ต้องไปบอกว่านายกรัฐมนตรีจะต้องทำอะไรก่อนหรือหลัง เพราะขณะนี้ คสช.เองก็ทำหมดทุกอย่างอยู่แล้ว ทางทหารเราทำตามนโยบาย สนับสนุนเต็มที่ให้เดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น ทั้งปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

มีความรู้ไม่ใช่มาจากกระบอกไม้ไผ่

      ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงกลุ่มบุคคลที่จะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลหรือไม่ พล.ท.ธีรชัยกล่าวว่า คงออกมาไม่ได้ จะออกมาได้อย่างไร ในสมัยที่พวกเขาบริหารประเทศอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อ คสช.เข้ามา บริหารประเทศแล้วจะขวางด้วยเหตุผลอะไร ขวางทำไม พวกเขาอยู่ตั้งนาน 8-9 ปีไม่เห็นทำอะไร พอ คสช.เข้ามาแล้วจะมาขวางเรื่องอะไร ขอให้ดูการบริหารงานของรัฐบาลก่อน เราต้องเป็นกำลังใจให้กัน เหมือนอย่างที่หัวหน้า คสช.พูดว่าต้องดูการทำงานก่อน เมื่อเปิดโอกาสให้เราเข้ามาบริหารประเทศซึ่งขณะนี้เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วจะ มาบอกว่าทำไม่ได้คงไม่ถูกต้อง 

     "อยู่มา 8-9 ปีมีแต่ปัญหาเยอะแยะ ขณะที่เราเข้ามาแก้ปัญหากำลังทำงานกันอยู่ทุกวัน ปัญหามีเยอะเราต้องช่วยกันสนับสนุนให้ราบรื่น ต้องหันหน้ามาช่วยกัน อย่าเพิ่งติทุกอย่างพูดคุยกันได้และต้องมีเสียงสะท้อนบ้างเป็นธรรมดา พูดคุยกันได้ ไม่ใช่ออกมาติกันเสียแล้วทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ใจเย็นๆ ดูการทำงานของรัฐบาลไปก่อนไม่ดีกว่าหรือ ผมขอรับรองว่านายกรัฐมนตรีตั้งใจทำงานเต็มที่ พวกเรา คสช.ทำงานด้วยใจกันทุกคน ทุ่มเทความรู้ความสามารถ เรามี ความรู้ไม่ใช่พวกเรามาจากกระบอกไม้ไผ่เสียที่ไหน ฉะนั้นทุกภาคส่วนต้องช่วยกันทำงานเพื่อให้ประเทศชาติขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้ได้ ในฐานะ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบแห่งชาติ สั่งเกาะติดกลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลซึ่งมีจำนวนหนึ่งแต่เปิดเผยไม่ได้" พล.ท.ธีรชัยกล่าว 

มั่นใจ 100% ไม่ใช่แม้วเก่งคนเดียว

     ต่อข้อถามว่าเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรีว่าจะฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้หรือไม่ พล.ท. ธีรชัยกล่าวว่า เชื่อมั่นแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเราจะช่วยพล.อ.ประยุทธ์ทำงาน ปัญหาต่างๆ จะช่วยกันแก้ไข เชื่อมั่นว่าว่าที่นายกรัฐมนตรีทำได้แน่นอน กำลังพลทั้งกอง ทัพบกเชื่อมั่นในความสามารถในตัวพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าปัญหาเศรษฐกิจและการปฏิรูปการเมืองเป็นเรื่อง ที่แก้ไขยาก พล.ท.ธีรชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ใครทำกันมาต้องกลับไปดูในอดีตกันบ้าง แต่ไม่ต้องเป็นห่วง คนไทยมีความรู้ความสามารถเยอะ เขาเก่งคนเดียวเสียที่ไหน เราต้องให้กำลังใจกันเพื่อให้ว่าที่นายกรัฐมนตรีมีกำลังใจทำงาน รับรองได้ว่าไม่เกินความสามารถ

ครม.ตู่ 1 ยังไม่คลอดอย่าเพิ่งวิจารณ์

     เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์การตั้งคณะรัฐมนตรีซึ่งจะมีนายทหารชั้นนายพลใน คสช.เข้ามาเป็นรัฐมนตรีจำนวนมาก พล.ท. ธีรชัยกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งกันเลย ยังไม่เห็นหน้าตาก็ออกมาวิจารณ์กันแล้ว คอยดูก่อน ไม่ดีกว่าหรือ ตอนนี้เป็นเพียงเขาเล่าว่า รอให้ ครม.ออกมาก่อนค่อยว่ากัน ต่อข้อ ถามว่าเป็นได้หรือไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม พล.ท.ธีรชัยกล่าวว่า รายชื่อ ครม.ยังไม่ออกมา ออกมาก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน อย่าไปคาดการณ์อะไรล่วงหน้า

ว่าที่นายกฯเข้าทำงานบก.ทบ.

    สำหรับ บรรยากาศที่กองบัญชาการกอง ทัพบกวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการและไม่มีการประชุม คสช.ชุดใหญ่ มีเพียง การประชุม คสช.ชุดย่อยของกลุ่มต่างๆ เพื่อติดตามงานเท่านั้น ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ทหาร โดยเปิดให้ใช้ประตูเข้า-ออกด้านหน้าบก.ทบ.เพียงประตูเดียว พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและสุนัขทหารเดินลาดตระเวนตรวจความเรียบร้อยรอบพื้นที่ ส่วนฝั่งตรงข้ามบก.ทบ. บริเวณด้านหน้าเวทีมวยราชดำเนินมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการดูแลความเรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง

      ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. ว่าที่นายกรัฐมนตรี เข้าปฏิบัติภารกิจที่บก.ทบ.ตามปกติแม้จะเป็นวันหยุดราชการ เพื่อให้การดำเนินงานด้านต่างๆ ของคสช. เดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการดำเนินงานต่างๆ ของกองทัพบกด้วย

คาดโปรดกล้าฯนายกฯ 25 ส.ค.

    ผู้สื่อข่าวรายงานการเตรียมพร้อมสถานที่รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ว่า ที่บก.ทบ. ถนนราชดำเนิน จัดเตรียมสถานที่ โดยเมื่อวันที่ 22 ส.ค. มีการซ้อมพิธีรับ สนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งไปแล้ว ขณะที่ทำเนียบรัฐบาลจัดเตรียมความพร้อม ปรับปรุงอาคารและภูมิทัศน์ เพื่อจัดเตรียมสถานที่ทำงาน ให้พล.อ.ประยุทธ์และคณะรัฐมนตรี โดยในช่วงบ่ายวันที่ 24 ส.ค. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ซักซ้อมพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยจัดเตรียมห้องประชุมบริเวณชั้น 2 เอาไว้ เพื่อใช้เป็นห้องจัดพิธี ทั้งนี้ คาดว่าจะมีพิธี รับสนองพระบรมราชโองการฯ ในเวลาประมาณ 10.00 น. วันจันทร์ที่ 25 ส.ค. โดยจะเผยแพร่ภาพผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และหลังจากเสร็จสิ้น พิธีแล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะแถลงแนวทางการทำงานต่อประชาชน

ปนัดดานำสื่อตรวจทำเนียบรัฐบาล

      ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าตรวจความเรียบร้อยการปรับปรุงซ่อมแซมบูรณะอาคารสถานที่ เพื่อเตรียมรับรองการเข้าปฏิบัติหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย โดย ม.ล.ปนัดดายืนยันความพร้อมหลังจากที่กรมศิลปากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าปฏิบัติงาน พร้อมนำสื่อมวลชนตรวจดูห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ห้องโถงใหญ่ชั้นล่างบริเวณบันไดทางขึ้น ห้องสีงาช้าง ซึ่งเดิมเตรียมไว้เป็นห้องทำพิธีรับสนองพระบรมราชโองการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อด้วยห้องโดมทองและ ห้องสีเขียวเป็นห้องสุดท้าย ทุกห้องพร้อม ใช้งานแล้ว

ยันแค่บูรณะไม่ปรับโบราณสถาน

     ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินการนั้นกรมศิลปากรควบคุมดูแลทั้งหมด เป็นไปตามระเบียบอาคารที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุทุกอย่าง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้ เพียงแต่บูรณะให้สง่างามและซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดเท่านั้น การปรับปรุงทำเนียบครั้งนี้ ไม่ได้ ทำมานานมาก จึงได้รับความเห็นชอบจาก ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะกรมศิลปากรไม่ได้ทำเพื่อรับรองรัฐบาลใหม่ เพราะทั้งหมดเป็นสมบัติชาติและของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันดูแลอนุรักษ์สืบต่อไป

     ม.ล.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ว่า แม้จะชัดเจนแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์จะใช้สถานที่ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เป็นสถานที่ทำพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ ในเรื่องกำหนดเวลานั้นอยู่ที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมา เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้ทำเนียบมีเวลาเตรียมการได้เรียบร้อยเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามกำหนดเวลาภาพรวมทั้งหมดยกเว้นตึกบัญชาการ 2 น่าจะแล้วเสร็จอย่างช้าที่สุดภายในเดือนส.ค.หรือต้นเดือนก.ย.เพราะเหลือเพียงการทาสี

คาดบิ๊กตู่เข้าทำเนียบหลังคลอดครม.

      ผู้สื่อข่าวถามว่าได้พูดคุยกับว่าที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่าหลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการแล้วจะเข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลทันทีหรือไม่ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์คงรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมยังมีขั้นตอน การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ส่วนตัวคาดว่าช่วงที่ยังไม่มี ครม.นายกรัฐมนตรีคงไม่เข้ามาทำงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล สำหรับตนไม่ได้ถูกทาบทามเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพราะเป็นข้าราชการประจำมาตั้งแต่กระทรวงมหาดไทย จนมารับหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีถือเป็นความฝันที่สูงสุดแล้ว 

      ม.ล.ปนัดดา กล่าวด้วยว่า การเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่นหรือผู้นำระดับประเทศต้องยึดมั่นความไม่ฟุ่มเฟือย ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะไปไม่รอด ส่วนตัวคิดว่าโดยเจตนารมณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช.ย้ำตลอดเรื่องความพอเพียง ความประหยัดและความจริงใจต่อกันเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องความจริงใจที่จะนำพาความอยู่รอดของประเทศไปสู่ความสำเร็จ 

โพสต์จวกนายกอบจ.กร่างบนเครื่อง

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเช้าวันเดียวกัน ม.ล.ปนัดดาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าความจริงที่น่าตกใจ ระบุว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่จะได้รับมอบรางวัลนั้นจะต้องมีการคัดเลือกเข้ามาโดยพิจารณาดูพฤติกรรมตามหลักธรรมาภิบาลและผลงานขององค์กร และผู้บริหารระดับสูงเป็นสิ่งสำคัญ คณะกรรมการคัดสรรจะออกไปตรวจสอบถึงพื้นที่ด้วยตนเองบาง อปท.ตกไปตั้งแต่รอบแรกตามกฎเกณฑ์ เนื่องจากมีการใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือยราวกับเป็นเงินของครอบครัวตัวเอง มีการบอกเล่าว่า นายก อบจ.บางคนนั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจไม่พอจะต้องนั่งเฟิร์สคลาส ไวน์ที่ดื่มจะต้องขวดละเป็นแสนบาท ขณะเดียวกันกลับเรียกหากะปิ น้ำพริก น้ำปลา บนเครื่องบินจนวุ่นวายไปหมด พนักงานบริการบนเครื่องบินลมขึ้นไปตามๆ กัน ถึงขนาดที่ว่าเลขาฯ คู่ใจที่นั่งในชั้นประหยัดต้องมานั่งคุกเข่ารับคำสั่งที่ข้างเก้าอี้ชั้น 1 เป็นชั่วโมง หนักไปกว่านั้นยังให้เพื่อนรักซื้อบ้านพัก แแทนชื่อตัวเองในทวีปยุโรปไว้สำหรับไปพักผ่อน

      "ผมได้ฟังข้อมูลแล้วตกใจว่าทำอะไรได้ถึงขนาดนี้ เพราะเป็นเพียง อปท. แล้วนักการเมืองระดับชาติจะขนาดไหนกัน ขอให้ก้าวผ่านขั้นตอนนี้ไปให้ได้ แล้วปรับทัศนคติ เสียใหม่ บรรดานักบริหารไม่ใช่เฉพาะอปท. ทุกกลุ่มในแวดวงข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ หากผู้ใดอยากใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยโดย ไม่อายประชาชนก็ควรออกไปทำสัมมาชีพส่วนตัว อย่ามาเป็นนักการเมืองหรือรับราชการให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิสถาบันข้าราช การไทยเลย" ม.ล.ปนัดดาระบุ

รู้ตัวมือโปรยใบปลิวถล่มคสช.แล้ว

        พล.ต.อภิรัตช์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) กล่าวถึงมาตรการดำเนินคดีกลุ่มผู้ต่อต้านคสช. ว่าทุกอย่างต้องปฏิบัติไปตามพ.ร.บ. กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 หากแต่ต้องดูที่เจตนา ทำตามขั้นตอนและกระบวนการอย่างละมุนละม่อม กฎหมายดังกล่าวก็ไม่ได้ใช้เต็มอัตราอยู่แล้ว ประชาชนทั่วไปเข้าใจดี อีกทั้งยังให้เวลา คสช.เข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศชาติ กลุ่มคนต่อต้านเล็กๆ น้อยๆ สามารถแสดงความเห็นได้แต่ไม่ควรแสดงออก ถ้าพบว่ามีการนัดกลุ่มชุมนุมประท้วงกันเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องประสานงานมายังเจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

       ต่อข้อถามถึงความคืบหน้าการจับกุมผู้โปรยใบปลิวโจมตี คสช.ที่หน้ากองบัญชา การกองทัพบก พล.ต.อภิรัชต์กล่าวว่า เป็นบางพวกบางกลุ่มที่อยากแสดงออกโจมตี คสช. ตอนนี้รู้ตัวผู้กระทำผิดหมดแล้วที่สามารถตรวจสอบได้ว่าน่าจะเป็นกลุ่มใดกระทำการ ทั้งนี้ จะเห็นได้ชัดเจนว่าคนที่กระทำการดังกล่าวไม่กล้าทำแล้ว จึงซาลงไปมาก เมื่อถามย้ำว่าเป็นกลุ่มใด พล.ต.อภิรัชต์กล่าวว่า เป็นวัยรุ่นที่ไม่เห็นด้วยกับ คสช. หรือไม่ก็อาจจะได้รับการว่าจ้างจากหัวใหญ่มาอีกต่อหนึ่ง เพื่อสร้างสถานการณ์ให้มีเชื้อในการต่อต้าน รอให้จับได้ก่อน ตอนนี้รู้หมดแล้ว รู้แหล่งว่าเป็นกลุ่มใดบ้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามสืบหาให้ละเอียดกว่านี้ รวมทั้งพยายามสืบหาผู้ที่โจมตี คสช.ตามสื่อออนไลน์ด้วย ส่วนจะเปิดเผยการจับกุมเมื่อใดต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สนช.นัดถกกฎหมายด่วน 10 ฉบับ

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำหนังสือด่วนมาก ที่ สว (สนช.) 0007/(น 7) ถึงสมาชิก สนช. ตามที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.มีคำสั่งให้นัดประชุม สนช.ครั้งที่ 4-5/ 2557 ในวันที่ 28-29 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น. โดย มีวาระการพิจารณาเรื่องด่วน ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาเสนอรายชื่อบุคคลที่เห็นสมควรเป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ หลังจากตุลาการ ศาลยุติธรรม 2 คน คือ นายพิภพ อะสีติรัตน์ และนายวรสิทธิ์ โรจนพานิช ครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังบรรจุระเบียบวาระเรื่องด่วน คือ พิจารณาร่างกฎหมายเร่งด่วน 10 ฉบับ ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เสนอให้ สนช.พิจารณา คือ 1.ร่างพ.ร.บ. การถวายความปลอดภัย 2.ร่างพ.ร.บ. การทวงถามหนี้ 3.ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 4.ร่างพ.ร.บ.ศุลกากร 5.ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร 6.ร่างพ.ร.บ.การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญ ตามพ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ 7.ร่างพ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ 8.ร่างพ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 9.ร่างพ.ร.บ.ประกันวินาศภัย และ 10.ร่างพ.ร.บ.ประกันชีวิต

เผยเล็งตั้งกรรมาธิการสามัญ 20 คณะ

      นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช.เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการพิจารณาข้อบังคับคืบหน้าไปมากแล้ว ส่วนใหญ่ยังคงยึดตามร่างของ สนช.ปี 2549 เป็นหลัก แต่ปรับปรุงเพิ่มหมวดต่างๆ ขึ้น เพื่อให้เป็นตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 โดยในส่วนของจำนวนคณะกรรมา ธิการสามัญประจำสนช. ซึ่งเดิมกำหนดไว้ 21 คณะ มีกรรมาธิการหลายคนเสนอแนะให้ปรับจำนวนลดลงเหลือเพียง 15 คณะ แต่สุดท้ายที่ประชุมกรรมาธิการยังคงให้มีคณะกรรมาธิการ 20 คณะ และให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ คณะกรรมาธิการวิสามัญการปฏิรูปการเมือง คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามกระบวนการและมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งเพิ่มหมวดการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดวิธีการขั้นตอนหลักเกณฑ์การให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี

ตั้งอนุกมธ.ยกร่างหมวดถอดถอน

       รองประธาน สนช.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในร่างข้อบังคับฉบับใหม่จะเพิ่มหมวดการถอดถอน และการพ้นสมาชิกภาพของ สนช.ด้วย แต่เนื่องจากมีกฎหมายอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น รัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ร.บ.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน พ.ร.บ.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และพ.ร.บ.คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ และกฎหมายอื่นๆ ดังนั้นกรรมาธิการจึงต้องรอบคอบและรัดกุมในการยกร่างในหมวดนี้ จึงตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นศึกษา โดยมีการประชุมแล้วและจะนำเสนอข้อสรุปให้คณะกรรมาธิการชุดใหญ่ในวันที่ 28 ส.ค.นี้เช่นกัน คาดว่าร่างข้อบังคับดังกล่าวจะเสร็จในสัปดาห์หน้า

ปลดสนช.โดดสภาถี่พ้นเก้าอี้

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างข้อบังคับการประชุม สนช.ที่คณะกรรมาธิการ ยกร่าง พิจารณาฉบับใหม่นี้มีการปรับเพิ่มในกรณีสิ้นสมาชิกภาพของสนช. โดยระบุถึงจำนวนครั้งที่สมาชิกไม่ได้แสดงตนเพื่อลงมติในที่ประชุมสภาตามกำหนดก็จะพ้นสมาชิกภาพ คือ หากสมาชิกไม่แสดงตนเพื่อลงมติในที่ประชุมสภาตามวรรคหนึ่งเกินกว่าหนึ่งในสามของจำนวนครั้งที่มีการแสดงตนเพื่อ ลงมติทั้งหมดในรอบระยะเวลาเก้าสิบวัน ให้สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงตามมาตรา 9 (5) ของรัฐธรรมนูญ วันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของแต่ละรอบระยะเวลาให้เป็นไปตามที่ประธานสภากำหนด

เพิ่มดาบถอดถอนนายกฯ

       ส่วนหมวดการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบการทุจริต (ป.ป.ช.) นั้น คณะกรรมาธิการยกร่างคร่าวๆ โดยเขียนคำจำกัดความของผู้ถูกกล่าวหา ผู้ดำรงตำแหน่ง และกำหนดขั้นตอนวิธีการพิจารณาการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูล โดยเมื่อป.ป.ช.ส่งมาให้ สนช.พิจารณาถอดถอน ให้ประธาน สนช.พิจารณาโดยบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วน แล้วแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบ จากนั้นให้ประธาน สนช.นัดประชุมนัดแรกภายใน 20 วัน นับแต่วันที่ได้รับรายงาน และความเห็นของคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อกำหนดวันแถลงของคณะกรรมการป.ป.ช. และผู้ถูกกล่าวหาและพิจารณาคำขอเพิ่มเติมพยานหลักฐาน จากนั้นให้เปิดประชุมเพื่อพิจารณาเพื่อถอดถอนบุคคล เมื่อเสร็จสิ้นให้ประธานเรียกประชุมเพื่อลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนภายใน 3 วัน นับแต่วันแถลงการณ์ปิดสำนวนด้วยวาจา หรือวันพ้นกำหนดให้ยื่นคำแถลงการณ์ปิดสำนวนเป็นหนังสือ ส่วนการออกเสียงลงคะแนนถอดถอนให้กระทำโดยวิธีลงคะแนน เมื่อสภามีมติแล้วให้ประธานสภาแจ้งมติให้คณะกรรมการป.ป.ช. ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งแล้วแต่กรณี รวมทั้งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบโดยเร็ว เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวน การถอดถอน ทั้งนี้กรรมาธิการ ยกร่างยังเพิ่มการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งนอกเหนือไปจากกฎหมายป.ป.ช.ด้วย เช่น การถอดถอนนายกรัฐมนตรี

สนช.ทหารรัดเข็มขัดเสนอลดกมธ.

        ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในส่วนจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญประจำ สนช.ที่มีจำนวน 20 คณะนั้นมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง โดยกรรมาธิการผู้ใหญ่ที่มาจากสายทหารเห็นว่าจำนวนคณะกรรมาธิการ 20 คณะมากเกินไป ควรมีเพียง 15 คณะ น่าจะเพียงพอกับระยะเวลาของสนช. อีกทั้งจะได้ประหยัดงบประมาณ ทั้งเบี้ยประชุม สัมมนา ดูงาน เป็นต้น อย่างไรก็ตามที่ประชุมลงมติคงไว้ 20 คณะเช่นเดิม แต่จะเปิดให้ที่ประชุม สนช.พิจารณาลงมติกันอีกครั้งว่าจะมีจำนวนเท่าใด

ยอดเสนอชื่อสปช.เพิ่มอีก 77 คน

      เวลา 16.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงผลการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.เป็นวันที่ 10 ว่า ตลอดทั้งวันมีองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ใน 11 ด้าน โดยมายื่นเองที่สำนักงานกกต. 35 คน ส่งทางไปรษณีย์ 10 คน รวม 45 คน ส่วนผู้ที่เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาในระดับจังหวัดวันนี้มีจำนวน 32 คน รวมนิติบุคคลและจังหวัดมีจำนวนทั้งสิ้น 77 คน ทำให้ยอดรวมการเสนอชื่อเป็น สปช.ตั้งแต่วันที่ 14-23 ส.ค. มีนิติบุคคล 586 คน และจังหวัด 1,321 คน รวม 1,907 คน ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ และเป็นไปได้ว่าภายในวันที่ 25 ส.ค.นี้จำนวนผู้ที่เข้ามาเสนอชื่อเป็น สปช.ทั้ง 11 ด้านและจังหวัดน่าจะแตะถึงหลัก 2 พันเป็นอย่างน้อย ขณะนี้สำนักงาน กกต.ยังไม่พบปัญหาอุปสรรคใดๆ ในการเสนอชื่อดังกล่าว 

เชื่อบิ๊กตู่ไม่ห่วง-เดินหน้าตามโรดแม็ป

       ต่อข้อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กังวลในเรื่องจำนวนผู้สมัครแต่ละด้านที่มีจำนวนแตกต่างกันหรือไม่ นายภุชงค์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญและเชิญชวนผู้สนใจเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. รวมทั้งเชิญชวนคนที่อยู่วงนอกเข้ามาด้วย จึงเชื่อว่าหัวหน้า คสช.ไม่เป็นห่วง เรื่องนี้ ที่ผ่านมาสำนักงาน กกต.ทำงานและประชาสัมพันธ์เต็มที่แล้ว ส่วนจะขยายวันเปิดรับการเสนอชื่อหรือไม่คงทำได้ยาก เพราะตามพ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช.กำหนดให้มีระยะเวลาการสรรหาสปช. 50 วัน ต้องทำตามข้อกำหนดของพ.ร.ฎ. และ คสช.ก็ต้องการทำตามระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในโรดแม็ป

เผยชื่อคนดังการศึกษา-นายกรถเช่า

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่เข้ารับการเสนอชื่อที่เป็นที่รู้จัก อาทิ มูลนิธิบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยเสนอชื่อนายวิจารณ์ พานิช อดีตประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในด้านการศึกษา มูลนิธิดังกล่าวยังเสนอชื่อนายวันชัย บุญแสง ผอ.สำนักบริหารโครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ ในด้านการศึกษาเช่นกัน ขณะที่สมาคมรถเช่าไทยเสนอชื่อ นายนที วรรธนะโกวินท์ นายกสมาคมรถเช่าไทยและกรรมการผู้จัดการบริษัทแจแปน เร้นท์ ประเทศไทย ในด้านเศรษฐกิจ มูลนิธิหวาน-จุ้ย สุขแก้ว เสนอชื่อนางศิริพร ไศละสูตร อดีตอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ในด้านพลังงาน และนายประเจิด สุขแก้ว อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เสนอชื่อในด้านพลังงานเช่นกัน

กก.สรรหาด้านศึกษานัดถกตั้งปธ.

       ทั้งนี้ ในวันที่ 25 ส.ค. เวลา 16.00 น. คณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านการศึกษาจะนัดประชุมโดยใช้สถานที่ที่สำนักงาน กกต. เป็นการประชุมครั้งแรกเพื่อเลือกผู้ที่เหมาะสมเป็นประธานคณะกรรมการสรรหา โดยคณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีต รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายกฤษณพงศ์ กีรติกร อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา คุณกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายพรชัย มาตังคสมบัติ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล นายวรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ นายสมชอบ ไชยเวช อดีตอธิการบดีมหาวิทยลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือและคุณหญิง สุมณฑา พรหมบุญ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

แจงบัตรสนช. 6 ปีทำตามพรบ.บัตร

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีบัตรของ สนช.มีอายุถึง 6 ปีนั้น สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ชี้แจงว่า เป็นการดำเนินการตามพ.ร.บ. บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2542 ในมาตรา 4 (1) ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ของ รัฐหมายความว่าข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และ (11) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา และในมาตรา 8 บัญญัติว่าบัตรประจำตัวซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้ได้หกปีนับแต่วันออกบัตร เว้นแต่บัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีวาระการดำรงตำแหน่งน้อยกว่าหกปีให้ใช้ได้จนถึงวันที่ผู้ถือบัตรครบวาระการดำรงตำแหน่ง และบัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับบำเหน็จบำนาญที่ใช้ได้ในวันที่ผู้ถือบัตรมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ให้คงใช้ได้ตลอดชีวิต

       ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วาระการดำรงตำแหน่งของ สนช.นั้นไม่ได้มีระบุไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 

"ตวง-ครูหยุย"ยันอายุบัตรเท่าปี"49

      นายตวง อันทะไชย อดีตส.ว.สรรหาและ สนช.กล่าวว่า เป็นไปตามพ.ร.บ.บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่กำหนดวงรอบอายุบัตรไว้ที่ 6 ปี เมื่อครั้งตนดำรงตำแหน่ง สนช.ปี "49 และส.ว.สรรหา ก็มีวงรอบอายุบัตรเท่ากัน อายุบัตรก็คือายุบัตร ไม่เกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งที่ต้องไปดูตามรัฐธรรมนูญว่ากำหนดไว้เท่าไร ส่วนการให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ธีรเดช มีเพียร และพล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา สนช. ที่ระบุว่าอายุบัตร 6 ปีของ สนช.เป็นเรื่องอนาคตนั้นตนไม่ทราบ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของทั้งสอง 

        ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช. กล่าวว่า การออกบัตร สนช.ออกตามพ.ร.บ.บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2542 ซึ่งต้องให้ใช้ได้ 6 ปี ไม่ว่าจะเป็นส.ว. หรือส.ส.ก็มีอายุบัตร 6 ปี ในสมัยที่ตนเป็น สนช.เมื่อปี 2549 บัตรประจำตัว สนช.ก็มีอายุ 6 ปี บัตรครบกำหนดเมื่อปีพ.ศ.2555 ที่เป็นข่าววิพากษ์วิจารณ์กันว่า สนช.จะอยู่ยาวคงไม่ทราบข้อมูลในส่วนนี้ ขณะเดียวกัน สนช.หลายคนก็รู้สึกแปลกใจ ซึ่งตนได้ชี้แจงให้รับทราบ ทุกคนก็สบายใจ

ชี้สนช.สิ้นสุดหลังได้รธน.ใหม่

นายยอดพล เทพสิทธา อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า อายุบัตรประจำตัวสนช. 6 ปี เป็นเรื่องปกติ เป็นไปตามพ.ร.บ.บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2542 ไม่ได้สะท้อนว่า สนช.ชุดนี้จะอยู่ยาว โดยปกติแล้วสภาที่ ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติและร่างรัฐธรรมนูญภายหลังจากการยึดอำนาจนั้น จะหมดวาระเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรม นูญฉบับใหม่ กลับไปสู่การเลือกตั้ง ยกตัวอย่างเช่น รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2549 ระบุไว้ชัดเจนว่าระยะเวลาการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ที่กลายมาเป็นฉบับ 2550 จะใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ปี โดยมีมาตรา 32 เป็นหลักประกันว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แม้จะให้อำนาจ คมช.หยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดก็ได้มาใช้ ซึ่ง สนช. ส.ส.ร. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญของ คมช.เมื่อปี "49 ก็สิ้นสุดวาระการทำหน้าที่ลงใน 1 ปี 

รธน.ชั่วคราวปี"57 ไม่ขีดเส้นร่างรธน.

       นายยอดพลกล่าวต่อว่า แต่หากพิจารณารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 จะพบความแตกต่าง เพราะในฉบับนี้ไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลาการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ชัดเจน มีแต่เพียงการกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญในแต่ละขั้นตอนเท่านั้น และหากแต่ละขั้นตอน ไม่เป็นไปตามเวลาที่กำหนดหรือไม่ได้รับการเห็นชอบก็จะให้ สปช.และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงแล้วตั้งใหม่ ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 38 หมายความว่ารัฐธรรม นูญ 2557 ไม่มีหลักประกันเงื่อนเวลาการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งที่ชัดเจน ดังนั้น วาระการดำรงตำแหน่ง ของ สนช.ปี 2557 ก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน สนช.อาจจะอยู่ทำหน้าที่มากกว่า 1 ปีหรือกี่ปีก็ได้ จนกว่า สปช.และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรม นูญฉบับใหม่แล้วเสร็จ

ปชป.แนะตู่เลือกคนให้ถูกกับงาน

      นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจการตัดสินใจของนายกฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติวางใจเลือกพล.อ.ประยุทธ์เข้ามาบริหารประเทศก็เป็นสิทธิของนายกฯ ในการเลือก ครม.เข้ามาทำงาน ถ้านายกฯ เลือกคนที่ไว้วางใจเลือกคนให้ถูกกับงาน และเป็นคนที่มีความสามารถเฉพาะด้านเข้ามาบริหารประเทศในช่วงเวลาที่ต้องปฏิรูปก็ไม่น่าจะมีอะไร แต่หากเลือกคนที่เข้ามาทำงานไม่ตรงความสามารถ ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งหมดจะไปตกอยู่ที่ตัว นายกฯ เชื่อว่าถ้าเลือกคนดีมีความสามารถ ในแต่ละด้านเข้ามาจะเป็นคุณูปการและเป็นศักดิ์ศรีให้ประเทศ ขอสนับสนุนคนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีตั้งใจทำงาน เพื่อให้ประเทศของเราเดินไปข้างหน้าได้

พท.วอนผ่อนปรนกิจกรรมการเมือง

      นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขา ธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลข่าวสารได้รับสัญญาณจากหลายฝ่ายว่าช่วงนี้เป็นห้วงเวลาของฝ่ายความมั่นคงที่เข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ในบ้านเมืองและปัญหาต่างๆ ในเวลาอันจำกัดตามโรดแม็ปที่ประกาศต่อสาธารณชนและชาวโลกไว้ ฝ่ายการเมืองจึงควรให้โอกาสและไม่ขัดขวางการทำงานของผู้ที่ทำหน้าที่อยู่ในขณะนี้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถแสดงความเห็นหรือเสนอแนะอะไรได้ ที่สำคัญขณะนี้ เรากำลังจะได้นายกฯ และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จึงอยากให้ คสช.พิจารณาผ่อนปรนโดยให้พรรคการเมืองเริ่มดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้บ้าง เพื่อให้บรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองทุเลาเบาบางลง 

       "ปัญหาบ้านเมืองที่ยุ่งอยู่ทุกวันนี้เกิดจากปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย ลงลึกไปยังตำบล หมู่บ้าน เป็นปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ถึงขั้นที่นักลงทุนอาจย้ายฐานการลงทุนหากการเมืองยังไม่มั่นคง และปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมาอีกมากมายจนเราจะไม่สามารถตามโลกและประเทศเพื่อนบ้านได้ทัน ประเทศของเราบอบช้ำมานานมากแล้ว ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันก้าวให้พ้นหลุมดำแห่งความขัดแย้ง ลำพังจะใช้หลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์แก้ไขปัญหาของประเทศอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องใช้หลักเมตตาและอภัยให้กัน" นายชวลิตกล่าว

วอน"บิ๊กตู่"เร่งแก้วิกฤตสวนยาง

        เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายไพโรจน์ ฤกษ์ดี ทนายความและตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางพารา ในนามแนวร่วมเกษตรกรชาวสวนยางพาราบ้านส้องและพันธมิตรในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.สุราษฎร์ธานี ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้เร่งช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางจากปัญหาราคาตกต่ำโดยจะให้เวลา 7 วัน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค. เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี มาพบขอข้อมูลปัญหาความเดือดร้อนโดยจะนำเข้าที่ประชุมของจังหวัด พร้อมนำคลิปวิดีโอการเรียกร้องไปให้ส่วนกลางรับทราบ ซึ่งอาจเชิญตัวแทนกลุ่มไปร่วมประชุมด้วย 

        ด้านนายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมชาวสวนยาง จ.กระบี่ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดไม่ชัดว่าการระบายยางพาราจะทำอย่างไร แต่ขออย่านำยางในสต๊อก 2.1 แสนตันไปขายซึ่งจะทำให้ราคาเสียหาย จึงเสนอให้เป็นเดตสต๊อก (สต๊อกตาย) นำมาใช้ในประเทศ ให้กระทรวงคมนาคมไปทำถนนหรือสนามกีฬา และขอให้สร้างเครือข่ายประเทศผู้ผลิตยาง ทั้งไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว กัมพูชา ศรีลังกาและพม่า รวมตัวเป็นฮับยางตั้งกองทุนยางอาเซียนควบคุมการปลูกและการขาย ไม่ตัดราคากัน เชื่อว่า คสช.จะทำได้ เพราะไม่มีผลประโยชน์

       "ขอให้ว่า ที่นายกรัฐมนตรีอย่าพูดกำหนดราคา จะทำให้เกษตรกรเสียโอกาสที่จะได้มากกว่านี้ ควรประกาศเป็นราคาขั้นต่ำจะเหมาะกว่า เพราะจริงๆ แล้วตอนนี้ขายได้ ก.ก.ละ 40 กว่าบาทเท่านั้น จะให้พักหยุดกรีดคงทำไม่ได้ ไม่รู้จะเอาเงินไหนไปเลี้ยงครอบครัว ราคายางตอนนี้เหมือนเลือดที่ไหลออกไม่หยุด ถ้าทางการประกาศนโยบายชัดเจนเชื่อว่าจะหยุดได้ เพราะรถยนต์ของสวนยางที่ถูกยึดไปแล้วมีเยอะ ที่จ.กระบี่เริ่มมียึดแล้วโดยเฉพาะรถใหม่ที่กำลังผ่อนดาวน์ ไม่มีเงินส่งต่อ รวมทั้งรถยนต์คันแรกส่งคืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ครอบครัวที่เคยส่งลูกไปโรงเรียนดีๆ ในตัวเมืองได้ให้ย้ายกลับมาเรียนในพื้นที่ นับเป็นวิกฤตรุนแรงที่สุด ยิ่งกว่ายุคฟองสบู่แตกปี 2540 จากค่าครองชีพสูงและราคาผลผลิตตกต่ำ" นายบุญส่งกล่าว