วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8665 ข่าวสดรายวัน


จ่อย้าย'ปลัดมท.'ภาณุแทน รื้อใหญ่อธิบดี '
จรินทร์-ฉัตรชัย'ผงาด! กฤษฎากลับใต้คุมศอ.บต. 'บิ๊กตู่'แจงเข้ม-งบ 58 ฉลุย มติสนช.เอกฉันท์ 183-0 'บิ๊กนมชง'นั่ง'ปธ.กมธ.'


โปรดเกล้าฯ - นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานคนที่ 1 และนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานคนที่ 2 รับราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งดำรงตำแหน่ง ที่ห้องรับรองอาคารรัฐสภา 2 เมื่อวันที่ 18 ส.ค.

       จ่อเปลี่ยนแปลงใหญ่กระทรวงมหาดไทย ย้าย"วิบูลย์ สงวนพงศ์" ประจำสำนักนายกฯ ดึง"ภาณุ อุทัยรัตน์"มาเสียบแทนส่วนเลขาธิการศอ.บต.คนใหม่ ดัน"กฤษฎา บุญราช"ไปรับหน้าที่แก้ปัญหาไฟใต้ เผยสองสิงห์ดำเตรียมผงาดเก้าอี้สำคัญ"ฉัตรชัย พรหมเลิศ-จรินทร์ จักกะพาก"นั่งอธิบดีกรมการปกครองหรือไม่ก็กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นคนละเก้าอี้ หัวหน้าคสช.รุดแจงในสภาเอง สนช.โหวตฉลุยร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2558 วาระแรก ด้วยมติ 183 ต่อ 0 ตั้งกมธ.วิสามัญพิจารณาภายใน 7 วัน เลือก "บิ๊กนมชง"นั่งประธาน

ปธ.-รองปธ.สภารับบรมราชโองการ

       เมื่อเวลา 09.19 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่ห้องประชุม 2 อาคารรัฐสภา 2 สำนักงานเลขาธิ การวุฒิสภา จัดพิธีรับสนองพระบรมราช โองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายพรเพชร วิชิตชลชัย เป็นประธาน สนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นรองประธานสนช. คนที่ 1 และนายพีระศักดิ์ พอจิต เป็นรองประธานสนช.คนที่ 2 โดยมีสนช. และข้าราชการประจำสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระสยามเทวาธิราช และพระภูมิเจ้าที่ เพื่อสิริมงคลในการปฏิบัติหน้าที่

      ต่อมาเวลา 09.30 น. นายพรเพชรกล่าวว่า วันนี้ตนรู้สึกปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิ คุณที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตำแหน่งประธานและรองประธานสนช. ซึ่งสนช.จะเริ่มปฏิบัติงานเพื่อให้องค์กรนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หลายคนมองว่าสถานะของประเทศตอนนี้ยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะสภานี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ขอเรียนว่าสนช.จะทำหน้าที่สร้างนิติรัฐหรือกฎหมายขึ้นมา โดยสนช.จะยึดหลักนิติรัฐและนิติธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อนำไปสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยต่อไป 

ปลื้มมีสัญลักษณ์ฝ่ายนิติบัญญัติ

ด้านนายสุรชัยกล่าวว่า ตนจะทำหน้าที่ร่วมกับประธานและรองประธานอย่างซื่อสัตย์สุจริต น้อมนำพระบรมราโชวาทในวันรัฐพิธีมาปฏิบัติ สนช.จะเริ่มทำหน้าที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าจากนี้ประเทศไทยจะมีฝ่ายนิติบัญญัติมาทำหน้าที่ในช่วงที่เราปฏิรูปประเทศ เพื่อนำประเทศสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สนช.ทั้ง 197 คนจะอุทิศตนทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ 

ขณะที่นายพีระศักดิ์กล่าวว่า ตนจะปฏิบัติหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด ว่าสนช.โดยการนำของประธานและรองประธานทั้งสอง จะทำหน้าที่ให้เป็นที่น่าเชื่อถือแก่ประชาชนทั้งประเทศ

ต่อมาเวลา 10.00 น. มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 2 มีนายพรเพชร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยมีสมาชิกลงชื่อเข้าประชุม 178 คน จากทั้งหมด 197 คน และก่อนเข้าสู่วาระ นายพรเพชร นำสนช.รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานและรองประธานสนช. จากนั้นนายพรเพชรได้นำพล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ นายบุญทักษ์ หวังเจริญ นายรัชตะ รัชตะนาวิน พล.ท.วลิต โรจนภักดี สนช. ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่ได้เข้าประชุม สนช. นัดแรก เมื่อวันที่ 8 ส.ค.

จากนั้นเข้าสู่วาระการประชุม เรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. โดยนายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. เสนอกมธ.ดังกล่าว 20 คน ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบตามที่เสนอ และให้ทำงานเสร็จภายใน 15 วัน ต่อมาเข้าสู่วาระการตั้งกมธ.สามัญกิจการสภา สนช. (ชั่วคราว) หรือวิปสนช.ชั่วคราว จำนวน 23 คน

"ประยุทธ์"ลุกขึ้นแจงงบฯ 2558

จากนั้นเวลา 10.35 น. ที่ประชุมเข้าสู่วาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 โดยพล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ขึ้นแถลงชี้แจงเป็นครั้งแรก โดยนำเสนอหลักการและเหตุผลร่างพ.ร.บ.ว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2558 ได้พิจารณาความต่อเนื่องแผนงานโครงการทุกกระทรวง ทบวง กรม โดยบูรณาการกลุ่มงานเดียวกันที่มีงบประมาณอยู่หลายกระทรวง เพื่อให้เกิดความยั่งยืน สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ตั้งแต่ปี 2555-59 รวมถึงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ เกิดผลงานเป็นรูปธรรม และวางกรอบควบคุมวินัยการเงินการคลังไว้อย่างชัดเจน ต่อจากนี้ทุกกระทรวง ต้องมีแผนงานและสรุปรายงานในรอบไตรมาส การเดินหน้าต้องมีแผนงานโรดแม็ปว่า 3 เดือนจะทำอะไร แล้วให้รายงานเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำงาน เพราะคสช. มีเวลาน้อย เพียงปีเศษ จะได้นำส่งต่อรัฐบาลใหม่ได้มีประสิทธิภาพ 

"ต้องขอโทษสมาชิกสนช.ที่เสียงอาจจะดัง เพราะผมเป็นอย่างนี้ แต่ไม่ได้ดุเดือดอะไร เขาเตือนให้ผมใจเย็นๆ แต่ผมตื่นเต้น ปวดท้องตั้งแต่เช้า และทุกคนยังไม่มีความสุข" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ระบุเศรษฐกิจขยายตัว 3.5-4.5%

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า งบประมาณปี 2558 วงเงินไม่เกิน 2.575 ล้านล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น 2,533,034,659,800 บาท และเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 41,965,340,200 บาท สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2557 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 1.5-2.5 อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 1.9-2.9 มีปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญจากอุปสงค์ภายในประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์การเมืองชัดเจนและการบริหารดำเนินต่อได้ 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2558 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5-4.5 มีปัจจัยสนับสนุนจาการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าโลก สนับสนุนให้มูลค่าส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อุปสงค์ภายในประเทศ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปี2557 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อปี 2558 จะมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ 1.8-2.8 ใกล้เคียงปี 2557 แม้จะมีแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัว แต่คาดว่าราคาน้ำมันจะทรงตัว ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากมูลค่าการส่งออกที่เร่งตัวขึ้นและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ทั้งนี้ ประมาณการว่าจะเก็บรายได้สุทธิ 2,434,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนร้อยละ 2.1 เมื่อหักการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 109,000 ล้านบาท คงเหลือเป็นรายได้สุทธิที่นำมาจัดสรรเป็นรายจ่ายรัฐบาล 2,325,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)

ศก.ยังไม่ฟื้นตัว-จัดเก็บรายได้น้อย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คสช.ตระหนักดีถึงความสามารถจัดเก็บรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มไม่มาก เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประกอบกับใช้มาตรการทางภาษีเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน การลดความเหลื่อมล้ำและกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงกำหนดงบประมาณปี 2558 จำนวน 2,575,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงบประมาณปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 2 โดยเป็นเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 250,000 ล้านบาท ปัจจุบันฐานะเงินคงคลังมี 333,429 ล้านบาท จะบริหารเงินคงคลังให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ งบประมาณปี 2558 เป็นการตั้งงบแบบขาดดุล นำการใช้จ่ายในปี 2557 เป็นข้อมูล ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางกรอบกำหนดวงเงินงบประมาณ 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กรอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเร่งรัดวางรากฐานที่ดีของประเทศ 186,240.7 ล้านบาท 2.ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งรัฐ 222,762.7 ล้านบาท 3.ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม169,112.6 ล้านบาท 4.ยุทธศาสตร์การศึกษา สาธารณสุข คุณธรรม จริยธรรม และคุณภาพชีวิต 955,921 ล้านบาท 5.ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 135,121.8 ล้านบาท 6.ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม 24,741.4 ล้านบาท 7.ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 9,594.9 ล้านบาท 8.ยุทธ ศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี 354,484.6 ล้านบาท และ 9.รายการค่าการดำเนินการภาครัฐ 517,020.3 ล้านบาท

ยันไม่เรียกรับประโยชน์-ค่าหัวคิว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันว่าการจัดสรรงบประมาณปี 2558 มีพื้นฐานหลักการ เหตุผลที่ชัดเจนและเหมาะสม ขอให้มั่นใจว่าเงินภาษีจะมีการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ยึดหลักระมัดระวัง ความคุ้มค่าและโปร่งใส และระหว่างปีงบประมาณจะมีกลไกเพื่อติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายอย่างใกล้ชิด ทุกหน่วยงานจะต้องรายงานการใช้จ่ายงบประมาณทุก 3 เดือน ค่าก่อสร้างต้องลดลงร้อยละ 10-30 จะต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ ใครเก็บค่าหัวคิว ขอให้เรียกคสช.ได้เลย ซึ่งคสช.เชื่อมั่นว่าหากดำเนินการตามร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จะแก้ปัญหาสำคัญของชาติได้ รวมทั้งวางรากฐานที่ดีเพื่ออนาคตของประเทศ แม้จะมีเวลาจำกัด ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอย่างดี 


แจงเข้ม - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. ชี้แจงร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2558 ต่อที่ประชุม สนช. ก่อนลงมติผ่านวาระแรก ด้วยเสียง 183 ต่อ 0 ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 

      "ผมหวังว่าสมาชิกสนช.จะให้การสนับสนุนและรับหลักการร่างพ.ร.บ.นี้เพื่อให้ยึดถือเป็นหลักใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติสืบไป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที ชี้แจงหลักการและ เหตุร่างพ.ร.บ.งบประมาณ

อภิปรายกันประปราย-ลงชื่อ 17 คน 

      จากนั้น เข้าสู่การอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 เป็นประธาน มีสมาชิกลงชื่ออภิปราย 16 คน กำหนดเวลาอภิปรายคนละ 10 นาที ก่อนเริ่มการอภิปราย นายตวง อันทะไชย เสนอให้สมาชิกที่ประสงค์จะร่วมอภิปรายสามารถยกมือขออภิปรายได้ตลอดเวลา เนื่องจากไม่แน่ใจว่ากระบวนการได้มาซึ่งรายชื่อของสมาชิกที่ขออภิปรายเป็นไปตามข้อบังคับหรือไม่ พร้อมขอเพิ่มเวลาการอภิปราย เนื่องจาก 10 นาที น้อยเกินไป 

นายสุรชัยชี้แจงว่า รายชื่อสมาชิกที่ขออภิปรายเปิดให้แสดงความจำนงล่วงหน้าและสิ้นสุดการลงชื่อเมื่อเวลา 10.00 น. แต่หากยังมีสมาชิกติดใจขอสอบถามในที่ประชุมว่ามีสมาชิกท่านใดประสงค์จะขออภิปรายเพิ่มเติม ปรากฏว่ามีเพียงนายตวง คนเดียว ทำให้มี สมาชิกร่วมปภิปรายทั้งสิ้น 17 คน โดยไม่เพิ่มเวลาการอภิปรายเพราะอาจส่งผลกระทบต่อกรอบเวลาการประชุมที่ค่อนข้างเร่งรัด 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ไม่มีสมาชิกสนช.ที่เป็นทหารหรือตำรวจลงชื่อขอร่วมอภิปรายเลย 

ราบเรียบต่อเนื่อง-ไร้ประท้วง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายกร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการประท้วง สมาชิก สนช.ส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นสนับสนุนใน 2 แนวทาง คือการน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง และสอดคล้องต่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ของพล.อ.ประยุทธ์ โดยเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ สร้างความปรองดองสมาน ฉันท์ และส่งเสริมศักยภาพของประเทศในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้ 

จากนั้น เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวชี้แจงปิดท้ายการพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณ วาระแรกขั้นรับหลักการว่า เมื่อเดินมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องทำให้ได้มากที่สุด แต่ยอมรับว่าคงทำไม่ได้ทั้งหมด พวกเราต้องปรับโครงสร้างการปฏิรูปด้านต่างๆ ต่อไป อยากให้ทำอะไรขอให้เสนอมา แต่สุดท้ายแล้วต้องร่วมกันรับผิดชอบ ปัญหาที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด 20 ปีขอให้เปิดช่องว่าปีนี้ไว้ให้ตนได้แก้ปัญหา แนวทางทุกอย่างคิดไว้หมดแล้วโดยสมองทหาร ซึ่งตนไม่อยากสร้างภาระด้วยการกู้เงิน เราต้องช่วยกันหาราย ได้ด้วย 

"สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือหาปัญหา หาวิธีแก้ปัญหา กำหนดแนวทางแก้ปัญหาและส่งต่อให้รัฐบาลชุดใหม่ร่วมแก้ปัญหาต่อไป คสช.ไม่ใช่เทวดาที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดได้ สนช.ทุกคนที่เสนอแนะต้องช่วยกันทำให้ได้ ไม่ใช่ว่าโยนปัญหาให้ผมคนเดียว วันนี้ทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากทำไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ผมไม่อยากสร้างภาระ ไม่กู้เงินปีหน้าปีเดียวจะทำทุกอย่างที่ควรทำ จะกำหนดปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนโดยทำเป็นโรดแม็ป 1-5 ปี" หัวหน้าคสช.กล่าว

ผ่านฉลุย 183 เสียง-งดโหวต 3

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาชี้แจงปิดท้ายประมาณ 30 นาที โดยสมาชิกสนช.นั่งเงียบและรับฟังอย่างตั้งใจ และก่อนที่จะจบการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ ถามด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า "มีใครมีปัญหาอะไรหรือไม่ มีใครไม่เห็นด้วยบ้างหรือไม่" ซึ่งสมาชิกทุกคนได้แต่นั่งยิ้ม ไม่มีใครแสดงความคิดเห็น แต่อย่างใด 

หลังใช้เวลาอภิปรายกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง นายพรเพชรในฐานะประธานการประชุม จึงให้ที่ประชุมลงมติ โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบรับหลักการวาระแรก ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 วงเงิน 2.57 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนน 183 ต่อ 0 งดออกเสียง 3 พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบ แต่งตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณปี 2558 จำนวน 50 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของ คสช. 10 คน และสัดส่วนสนช. 40 คน กำหนดให้สมาชิก สนช.เสนอแปรญัตติได้ภายใน 7 วัน และต้องจัดทำรายงานให้เสร็จภายในวันที่ 5 ก.ย. เพื่อนำเข้าสู่การประชุมวาระ 2 ในวันที่ 17 ก.ย.ต่อไป 

นายพรเพชรยังนัดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 21 ส.ค. เวลา 10.00 น. แต่ไม่ได้ระบุว่าจะให้ที่ประชุมพิจารณาในเรื่องใด ทั้งยังกล่าวขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ที่สละเวลาเข้าร่วมการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนสมาชิก สนช.ปรบมือขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ดังกึกก้อง ก่อนสั่งปิดประชุมในเวลา 15.40 น. รวมใช้เวลาพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 ทั้งสิ้นกว่า 6 ชั่วโมง

"สุรชัย"นั่งปธ.กมธ.กิจการสภา

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุม 301 อาคารรัฐสภา 2 มีการประชุมกมธ.สามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) ชั่วคราว มีนายสุรชัย เป็นประธานการประชุม โดยมีมติเลือกนายสุรชัย เป็นประธานกมธ. ขณะที่รองประธานกมธ. ประกอบด้วย พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ และนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ มีนายสมชาย แสวงการ เป็นเลขานุการ นายเจตน์ ศิรธรานนท์ เป็นโฆษก และพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ เป็นที่ปรึกษากมธ. จากนั้นที่ประชุมให้ประชุมวิป ทุกวันพุธ เวลา 09.30 น. และประชุม สนช. ทุกวันพฤหัสบดี และวันศุกร์ 

จากนั้นนายสุรชัย ให้สัมภาษณ์หลัง ประชุมวิป สนช.ว่า การประชุมวิป สนช. จะพิจารณาร่างกฎหมายเร่งด่วน 10 ฉบับที่ คสช.ส่งมาให้ สนช.เร่งพิจารณา อาทิ ร่างพ.ร.บ.ถวายความปลอดภัย และร่างพ.ร.บ.การทวงถามหนี้ ซึ่งจะจัดลำดับความสำคัญต่อไป ส่วนวาระการเลือกนายกฯ ยืนยันว่าจะได้ นายกฯภายในเดือนส.ค.นี้แน่นอน ส่วนจะโหวตในการประชุม สนช. วันที่ 21 ส.ค.หรือสัปดาห์ถัดไป ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของวิป สนช.ที่จะประชุมวันที่ 20 ส.ค. 

นัด 21 ส.ค.โหวต"บิ๊กตู่"นายกฯ

นายสุรชัยกล่าวว่า ส่วนข้อกังวลว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ควบเก้าอี้นายกฯแล้วจะไม่สามารถตรวจสอบได้นั้น สนช.จะรับไว้พิจารณาประกอบการตัดสินใจ เมื่อดูรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็ไม่น่าเกี่ยวข้องกันเพราะหลังจากมีนายกฯ และครม.แล้ว บทบาทของ คสช.จะลดลง และ ดูเรื่องความมั่นคงเท่านั้น ส่วนการตรวจสอบเรื่องต่างๆ เป็นหน้าที่ สนช. โดยใช้กลไก กมธ.ตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาลและนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นัดประชุม สนช.วันที่ 21 ส.ค.โดยไม่ได้กำหนดวาระการประชุมนั้น มีรายงานข่าวว่า วาระการประชุมในวันดังกล่าวจะพิจารณาวาระการลงมติเลือกนายกฯ จากนั้นจะพิจารณากฎหมายเร่งด่วนหลายฉบับที่ คสช. ส่งให้กับ สนช.พิจารณา ซึ่งวาระการประชุมเรื่องกฎหมายนั้น วิปสนช.ชั่วคราว จะดูความสำคัญและความเร่งด่วนของกฎหมายก่อนนำขึ้นมาพิจารณา

เลือก"บิ๊กนมชง"นั่งปธ.กมธ.งบ

เมื่อเวลา 16.15 น. ที่อาคารรัฐสภา 2 มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ที่มี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร สมาชิกสนช. ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมชั่วคราว เพื่อเลือกประธานกมธ. ซึ่งนางนิพัทธา อมรรัตนเมธา เสนอชื่อ พล.อ.ธีรเดช และพล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ เสนอชื่อพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ทั้งนี้ พล.อ.ธีรเดช ได้ขอถอนตัว ทำให้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ พล.อ.ฉัตรชัย เป็นประธานกมธ.

ขณะที่รองประธานกมธ. มี 10 คนประกอบด้วย นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ พล.อ.โสภณ ศีลพิพัฒน์ พล.อ.รังสาทย์ แช่มเชื้อ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ นายมนุชญ์ วัฒนโกเมร น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ นายปรีชา วัชราภัย คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ และนายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ มีนายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย เป็นเลขานุการกมธ. และนายวีระยุทธ ปั้นน่วม พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นรองเลขาฯกมธ. ส่วนโฆษก กมธ.มี 5 คนคือ นางนิสดาร์ก เวชยานนท์ นางกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร พล.ท.ชาตอุดม ติตถะสิริ พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ และนายกิตติ วะสีนนท์

ด้านพล.อ.ฉัตรชัย ยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ และได้แจ้งนัดประชุมตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.ถึงวันที่ 3 ก.ย. โดยขอให้ประชุมทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 10.00-21.00 น. และวันที่ 4 ก.ย. ให้สมาชิกที่ขอแปรญัตติเข้าชี้แจงเพื่อให้ทันกรอบการพิจารณาเสร็จภายในวันที่ 5 ก.ย. ได้ตรวจรายงานกมธ.และจัดพิมพ์เอกสารเสนอต่อ สนช.ในวันที่ 11 ก.ย.ต่อไป


(บน)82 ปี -นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในวันคล้ายวันเกิด ครบ 82 ปี โดยมีลูกหลานและบุคคลสำคัญมาร่วมงานคึกคัก ที่วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 18 ส.ค.

(ล่าง)สมคิด - ป้ายล้อเลียนเสียดสีนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ และสมาชิก สนช. ที่มีผู้นำมาติดไว้ตามบอร์ด และสถานที่ต่างๆ ภายใน ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในวันแรกของการเปิดเทอม เมื่อวันที่ 18 ส.ค.

ปปช.ส่งวิชา-สรรเสริญนั่งสปช.

เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถ.พิษณุโลก นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช.จะเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. 2 ส่วนคือ ด้านกฎหมาย นายวิชา มหาคุณ เพื่อเสนอกฎหมายสำคัญต่างๆ ให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ กฎหมายระหว่างประเทศ การดำเนินคดีติดตามทรัพย์สินคืนและเรื่องอายุความ ที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขให้ทันสมัย ส่วนที่ 2 ด้านการเมือง เสนอชื่อ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. เพื่อเสนอเกี่ยวกับบทบาทขององค์กรว่าจะทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ อย่างไร

นายปานเทพกล่าวถึงการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ คสช.ว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมายและประกาศของ ป.ป.ช. ซึ่งขณะนี้ป.ป.ช.ยังไม่จำเป็นต้องพิจารณาให้คสช.ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อป.ป.ช. เนื่องจากกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ ยกเว้นหากคสช.เข้ารับตำแหน่งทางการเมืองในครม. จำเป็นต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินตามกฎหมายอยู่แล้ว

คสช.ยื่นบัญชีทำได้-แต่ไม่บังคับ

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. ระบุพร้อมยื่นบัญชีทรัพย์สินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า มีหลายเรื่องที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล หากจะแสดงความบริสุทธิ์ใจก็ทำได้ เจ้าหน้าที่รัฐตำแหน่งใดที่ไม่มีกฎหมายบังคับให้ยื่นก็ยื่นได้ทั้งนั้น แต่คงไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐตำแหน่งใดบ้างที่ต้องยื่นและต้องเปิดเผย

นายสรรเสริญกล่าวว่า ส่วนที่มีข้อถกเถียงว่าสปช. จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. หรือไม่ เพราะสปช.ปี 2549 ก็ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินนั้น ต้องไปดูแนวทางการปฏิบัติเก่า เพื่อนำมาเปรียบเทียบว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ซึ่งกฎหมายที่ใช้บังคับขณะนั้นมันต่างกัน ป.ป.ช.จึงต้องดูรายละเอียดในอำนาจหน้าที่ และตัวบทกฎหมายว่าแตกต่างกันอย่างไร แต่มาตรา 40 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ระบุให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐตำแหน่งใดบ้างยื่นบัญชีทรัพย์สิน

ถกกมธ.ยกร่างข้อบังคับไร้ข้อยุติ

เมื่อเวลา 16.15 น. ที่ห้อง 310 อาคารรัฐสภา 2 มีการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมสนช. ที่มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. ในฐานะประธานกมธ. เป็นประธานการประชุม โดยนายพีระศักดิ์กล่าวถึงแนวทางการยกร่างข้อบังคับว่า มีการยกร่างข้อบังคับเพิ่มเติมขึ้นจากข้อบังคับสนช.ปี 2549 เพื่อเป็นตุ๊กตาให้กมธ.ทุกคนร่วมกันศึกษาและพิจารณาเห็นชอบ ก่อนนำไปขอความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่อีกครั้ง อาทิ จำนวนกมธ.และคณะอนุกมธ.จะมีกี่คณะ และสมาชิกสนช. 1 คนจะดำรงตำแหน่งกมธ.ได้กี่คณะ เป็นต้น 

"เรามีเวลาร่างข้อบังคับให้เสร็จภายใน 15 วัน หากวันที่ 21 ส.ค. ประธานสนช. บรรจุวาระให้เลือกนายกรัฐมนตรี ก็คงยกร่างข้อบังคับไม่ทัน แต่ประธานในที่ประชุมอาจใช้อำนาจขออนุโลม นำข้อบังคับหมวดที่ 8 การพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกฯที่ร่างไว้ มาใช้มติเลือกนายกฯ จึงอยากให้กมธ.ศึกษาร่างข้อบังคับในหมวด 8 ไว้ด้วย" นายพีระศักดิ์กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมกมธ. ยกร่างข้อบังคับยังไม่ได้ข้อยุติ ในการกำหนดวันประชุมประจำสัปดาห์ จึงนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 19 ส.ค. เวลา 09.30 น.

ตร.ชงเข้าสนช.-ร่างพรบ.ชุมนุม

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต. อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกตร. กล่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานยกร่างกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่งหรือประกาศเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมสาธารณะว่า ที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ... ที่เคยผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไปแล้ว แต่ต่อมาร่างพ.ร.บ.นี้ตกไปเนื่องจากมีการยุบสภา โดยตร.เห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.นี้สำคัญและจำเป็นต่อการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย จึงเร่งพิจารณาแก้ไขปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำร่างกฎหมายนี้เสนอต่อสนช.อีกครั้ง

พล.ต.ต.อนุชากล่าวว่า การพิจารณาปรับปรุงร่างกฎหมายดังกล่าว ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักสากลโดยประชาชนยังคงมีเสรีภาพชุมนุมและแสดงความคิดเห็นที่ได้รับรองโดยหลักการของรัฐธรรมนูญ หากแต่มีการกำหนด กฎเกณฑ์ วิธีจัดการการชุมนุมให้เป็นระบบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการชุมนุม รวมทั้งดูแลไม่ให้มีการละเมิดสิทธิ เสรีภาพของประชาชนอื่นๆ จนเกิดความเดือดร้อนเกินสมควรอีกด้วย

"เติ้ง"ทำบุญพระจีน-วันเกิด 82 ปี

เมื่อเวลา 07.00 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันเกิดที่จะมีอายุครบ 82 ปี ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ โดยถวายภัตตาหารเช้าแด่คณะสงฆ์อาจริยวาท มหายานจีนนิกาย 21 รูป ที่โรงเตี๊ยมในหมู่บ้านมังกรสวรรค์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จ.สุพรรณบุรี คณะสงฆ์สวดชัยมงคลพิธีจีนนิกายและทำพิธีเบิกเนตรพระยูไล 

จากนั้น เวลา 10.00 น. นายบรรหาร ทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 101 รูป ที่วัดป่าเลไลยก์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ก่อนเปิดให้แขกผู้มาร่วมงาน อาทิ แกนนำและสมาชิกพรรค ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าอวยพรวันเกิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับของชำร่วยในงานคือหนังสือชื่อ บึงฉวากกับบรรหาร ศิลปอาชา และพระผงสุพรรณกับหลวงปู่ทวด อย่างไรก็ตาม นายบรรหารได้ของดให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว โดยยกพัดสีแดงที่มีข้อความเขียนไว้ทั้งสองด้านขึ้นมาโชว์ ด้านหนึ่งเขียนว่า หมองดใช้เสียง อีกด้านเขียนว่า กล่องเสียงอักเสบ 

ชาติพัฒนาส่ง"ธวัชชัย"นั่งสปช.

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่กกต. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดรับเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทั้ง 11 ด้าน ในวันที่ห้า บรรยากาศในช่วงเช้ายังคงมีองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรทยอยเข้าเสนอรายชื่ออย่าง ต่อเนื่อง พรรคชาติพัฒนา ส่งตัวแทนพรรคมายื่นเอกสารและเสนอชื่อพล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตรองหัวหน้าพรรค เข้าสรรหาเป็นสปช.ด้านการเมือง ทั้งนี้ พล.อ.ธวัชชัย เคยได้รับการแต่งตั้งจากคสช. ให้ป็น สนช. แต่ตรวจพบว่ามีคุณสมบัติต้องห้าม เนื่องจากเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงได้ลาออกจากสนช. นอกจากนี้ด้านการเมืองยังมีนายพรหมชาติ กองสินหลาก เสนอชื่อโดยพรรคเพื่อประชาชนด้วย

จากนั้นเวลา 10.15 น. นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. พร้อมนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการกกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง และผู้บริหารสำนักงานกกต. ได้มาตรวจความเรียบร้อยพร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติงานรอบคอบ โดยเฉพาะการตรวจสอบข้อมูลและเอกสารของผู้ที่ถูกเสนอรายชื่อ 

นายศุภชัยกล่าวว่า ภาพรวมที่สำนักงาน กกต.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่ได้รับรายงานเหตุการณ์ผิดปกติ ส่วนกระแสข่าวการสรรหาในบางจังหวัดมีการกำหนดตัวบุคคลเพื่อเป็นสปช.ไว้แล้วนั้น กรณีนี้กกต. คงไม่ไปก้าวยุ่ง เพราะอำนาจการสรรหาทั้งหมด ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการสรรหาจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่มีผู้ว่าฯ เป็นประธานสรรหา ส่วนกกต.มีหน้าที่แค่ฝ่ายธุรการเท่านั้น แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีเหตุการณ์ใดที่ผิดปกติ กกต.จะรายงานให้คสช.รับทราบ

ประธานกกต. กล่าวต่อว่า ตนกำชับประธานกกต.จังหวัดทุกจังหวัดซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหาให้สรรหาบุคคลด้วยความโปร่งใสตามที่พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหาสปช.กำหนด หากตรวจสอบพบว่าดำเนินการไม่โปร่งใสอาจถูกร้องเรียนว่ากระทำผิดหรือละเว้นต่อตำแหน่งหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้

กำชับผอ.กต.จว.เข้มโปร่งใส

ด้านนายบุณยเกียรติกล่าวถึงกระแสข่าวการล็อบบี้สปช.ในส่วนจังหวัดว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน จากการหารือร่วมกับนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต.นั้น สำนักงาน กกต.จะทำหนังสือกำชับกกต.จังหวัดทุกจังหวัด ให้สรรหาสปช.จังหวัดด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผอ.กต.จว. จะเป็นแค่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการสรรหา ถ้าพบสิ่งผิดปกติก็ให้คำแนะนำกับคณะกรรมการสรรหาได้ ซึ่งวันที่ 19 ส.ค. เวลา 09.00 น. เลขาธิการกกต.และตนจะไปชี้แจงและรายงานความคืบหน้าการเปิดรับเสนอรายชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ตั้งแต่วันแรกให้คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน ที่นัดประชุมที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต รับทราบด้วย 

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. กล่าวระหว่างตรวจความเรียบร้อยของการเปิดรับการเสนอชื่อสรรหาเป็นสปช. ถึงกรณีมีกระแสข่าวคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดการล็อกตัวบุคคลที่จะเป็นสปช.ไว้แล้วว่า ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่เมื่อ กกต.ทราบข่าวก็มีหนังสือไปยังผอ.กต.จว. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด ให้แจ้งต่อประธานคณะกรรมการสรรหาว่าขอให้ระมัดระวัง เนื่องจากมีกระแสข่าวเกิดขึ้น และถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะรายงานให้คสช. รับทราบ เชื่อว่าคสช.จะเอาจริงเพราะคสช.ต้องการได้คนที่มีความหลากหลายจากทุกเพศและสาขาอาชีพ 

ยอดสมัครวันที่ห้า-มีทั้งสิ้น472คน

นายภุชงค์กล่าวว่า กรณี จ.อุตรดิตถ์ ที่มีกระแสข่าวดังกล่าว ตนได้คุยกับผู้ว่าฯ ก็บอกว่าตอนนี้เปิดกว้างให้ผู้สนใจยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อเข้ารับการสรรหาเลย และบอกว่าจะให้แสดงวิสัยทัศน์ทุกคน ทราบว่าอีกหลายจังหวัดก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน ทั้งนี้คณะกรรมการสรรหาส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ ระดับผู้ว่าฯ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด เชื่อว่าคงไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องและการสรรหาจะโปร่งใส แต่ยอมรับว่ากระแสข่าวการล็อกตัวบุคคลเป็นสปช.ไว้แล้ว อาจทำให้องค์กรนิติบุคคลไม่อยากมาเสนอชื่อ เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าเสนอชื่อก็จะไม่ได้รับการคัดเลือก

เวลา 17.30 น. นายภุชงค์แถลงสรุปยอดการเปิดรับเสนอรายชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช. เป็นวันที่ 5 ว่า ตลอดทั้งวันมีองค์กรนิติกรบุคคลไม่แสวงหากำไรยื่นเสนอรายชื่อ ต่อสำนักงานกกต.กลาง 9 ด้าน รวม 32 คน โดยเป็นองค์กรนิติบุคคลยื่นเอง 29 คน และส่งเอกสารทางไปรษณีย์ 3 คน ส่วนที่เข้าเสนอชื่อต่อคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดมี 150 คน รวมวันนี้ทั่วประเทศมี ผู้เสนอชื่อ 182 คน สรุป 5 วัน มีองค์กรนิติบุคคลเสนอชื่อ 126 คน สมัครทางจังหวัด 346 คน รวมทั้งสิ้น 472 คน 

นายภุชงค์กล่าวกรณีนางลีนา จังจรรจา ซึ่งเคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้มีหนังสือแสดงความจำนงไม่ประสงค์เข้ารับการสรรหาสปช.ว่า แม้นางลีน่า จะแจ้งความประสงค์ดังกล่าว แต่กกต.ไม่มีอำนาจตัดรายชื่อออกจากบัญชีผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นสปช. โดย กกต.จะส่งรายชื่อทั้งหมดให้คณะกรรมการสรรหา สปช. แต่จะมีการหมายเหตุแจ้งให้ทราบว่ามีความประสงค์ไม่ขอเข้ารับการสรรหา

จ่อเด้ง"ปลัดมท."-ดัน"ภาณุ"เสียบ

รายงานข่าวจาคสช.เปิดเผยว่า ขณะนี้ คสช.กำลังพิจารณาบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทยวาระประจำปี โดยนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะถูกย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้นจะย้ายนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) มารับตำแหน่งแทน สำหรับเลขาธิการศอ.บต.คนใหม่นั้น จะโยกนายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง ไปทำหน้าที่แทน 

รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และนายจรินทร์ จักกะพาก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย คนใดคนหนึ่งจะย้ายมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง ส่วนอีกคนก็จะมาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมกันนี้ ยังมีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทยที่จะถูกปรับย้ายในล็อตเดียวกัน คือ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นต้น

ออกหมายจับ2ทหาร-ฉกปืน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่ศาลทหารกรุงเทพ พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ พร้อมด้วย พล.ร.ท.กฤษฎา เจริญพานิช หัวหน้าสำนักงานตุลาการศาลทหาร แถลงกรณีมีข่าวอาวุธปืนสูญหายจากศาลทหารกรุงเทพว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 และ 24 ก.ค. ที่ศาลทหารกรุงเทพมีนัดพิจารณาคดีซึ่งต้องเบิกอาวุธปืนที่เป็นวัตถุของกลางในคดีมาประกอบการพิจารณา แต่ไม่พบของกลาง จึงตรวจสอบบัญชีของกลางตั้งแต่ พ.ศ.2535 ถึงปัจจุบัน พบว่ามีอาวุธปืนของกลางที่เก็บรักษาไว้ที่ห้องเก็บรักษาสูญหายไป 46 กระบอก เป็นอาวุธมีทะเบียน 15 กระบอก อาวุธเถื่อน 31 กระบอก และในจำนวนนั้นมี 2 กระบอกอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี อีก 44 กระบอกคดีสิ้นสุดแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งให้กับกรมสรรพาวุธทหารบกนำไปทำลายเพราะอาจมีการรื้อคดีใหม่ 

"ยืนยันทั้ง 46 กระบอก เป็นอาวุธปืนสั้น ไม่ใช่อาวุธสงคราม และเป็นของกลางในคดีปกติ จำเลยเป็นทหารเท่านั้น รวมถึงเป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนใช้กฎอัยการศึก และไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาวุธปืนตามประกาศของ คสช. เนื่องจากคดีดังกล่าวอยู่ในชั้นสอบสวน ยังมาไม่ถึงศาลทหารแม้แต่คดีเดียว" พล.อ.จิระกล่าว

พล.อ.จิระกล่าวว่า มอบให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.ชนะสงคราม กับนายทหาร 2 นายที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและอนุมัติหมายจับแล้ว คือ ร.อ.อ.ชินพล ออรุ่งโรจน์ ตำแหน่งประจำแผนกเก็บรักษา ซึ่งเป็นผู้ถือกุญแจห้องเก็บสำนวนคดีและตู้เหล็กเก็บอาวุธปืนของกลางของศาลทหารกรุงทพ ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำทหารอากาศ และจ.ส.อ.สมเกียรติ ม้ายอง ปฏิบัติหน้าที่แทนตำแหน่งเสมียนแผนกเก็บรักษา ซึ่งมักได้รับมอบหมายจาก ร.อ.อ. ชินพล นำกุญแจไปเปิดห้องเก็บของกลางบ่อยครั้ง ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี พบสัญญาณการใช้โทรศัพท์มือถือในจ.นนทบุรี แต่ยังหาตัวไม่พบ จะนำตัวมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด 

พล.อ.จิระกล่าวว่า ขั้นตอนการเก็บรักษาของกลางที่ผ่านมาไม่มีปัญหา แต่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทบทวนระเบียบราชการทหาร พ.ศ.2535 และจะพัฒนาระบบการจัดเก็บให้รัดกุมยิ่งขึ้น อาจสร้างลูกกรงเหล็กอีกชั้นหนึ่ง และสั่งการให้ศาลทหารจังหวัดทหารบกและศาลทหารมณฑลทหารบกทั่วประเทศตรวจสอบของกลางว่าสูญหายหรือไม่ ซึ่งตนได้เรียนพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ทราบแล้วและคาดว่าหัวหน้าคสช. คงรับทราบแล้ว เช่นกัน

ด้านพล.ร.ท.กฤษฎา กล่าวว่า ปัญหาไม่ได้เกิดจากระบบ แต่เกิดจากเจ้าพนักงานเป็นผู้นำของกลางออกไป ซึ่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในศาลทหารกรุงเทพพบว่าไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามาในสถานที่จัดเก็บของกลาง

รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ชนะสงคราม รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ผู้บังคับบัญชาระดับบช.น. รับทราบแล้ว และจากข้อมูลทางทหารระบุว่าอาวุธปืนดังกล่าวน่าจะทยอยสูญหายตั้งแต่ปี 2540

ปปช.ฟ้องเอง-สลายม็อบพธม.

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถ.พิษณุโลก นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีคณะทำงานร่วมอัยการสูงสุด-ป.ป.ช.ไม่สั่งฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ว่า หลังจากคณะทำงานร่วมฯ มีความเห็นไม่สั่งฟ้องคดีดังกล่าว เนื่องจากพยานและหลักฐานไม่เพียงพอนั้น ขณะนี้เรื่องดังกล่าวกลับมาสู่การพิจารณาของป.ป.ช. ที่ผ่านมาหากเกิดกรณีนี้ขึ้น ป.ป.ช.จะสั่งฟ้องเองได้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการฟ้องเอง แต่ไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะสั่งฟ้องเมื่อไร ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการป.ป.ช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าว คณะกรรมการป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรงกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากนั้น มีการส่งฟ้องคดีไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่อมามีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง อสส.-ป.ป.ช. กระทั่งมีความเห็นไม่สั่งฟ้องในที่สุด 

ทั้งนี้ คสช.ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ให้ยกโทษปลดออกจากราชการของพล.ต.อ.พัชรวาท โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.พ.2557 ให้นายกฯ สั่งยกโทษปลดพล.ต.อ.พัชรวาท