วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8662 ข่าวสดรายวัน


จี้ทบทวน-เปิดเซฟ สนช.โวย ปปช.มองแง่ร้าย 
หวั่นเป็น'ดาบสองคม'บิ๊กตู่วอนหยุดเฮตสปีช ขออย่ามีม็อบยาง-ข้าว 'ปู่ชัย'โผล่สมัครสปช. 2 วันเสนอชื่อแล้ว 184


พบ"บิ๊กตู่" - พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ในฐานะรองหัวหน้าคสช.นำนักลงทุนนักธุรกิจไทย-ต่างชาติรวม 26 บริษัท ที่ลงทุนในประเทศไทยมายาวนาน เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คสช. ที่บก.ทบ. เมื่อวันที่ 15 ส.ค.

"บิ๊กตู่"วอนหยุดเฮตสปีชสร้างความเกลียดชัง เลิกแชร์เรื่องไม่จริง ปรามม็อบยาง-ข้าว เดินขบวนไปก็ไร้ประโยชน์ ให้อดทนรอคสช.แก้ปัญหา ด้านสนช.ห่วง โชว์บัญชีทรัพย์สินเป็นดาบสองคม เปิดช่องมิจฉาชีพ นอกจากนั้นเอกสารเยอะ อาจตกหล่นกลายเป็นประเด็นภายหลัง จี้ป.ป.ช.ทบทวนมติ ว่าที่รองประธานสนช. วางปฏิทิน คาดวันที่ 18 นี้เริ่มประชุม โหวตนายกฯ 21-22 ส.ค. "ปู่ชัย"โผล่สมัครสปช. รวม 2 วันเสนอตัวแล้ว 184 คน

บิ๊กตู่หัวโต๊ะถกแผนผลิตไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อพิจารณาแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับใหม่ ระยะ 20 ปี พ.ศ.2558-2578 มีสาระสำคัญกำหนดแนวทางจัดหาโรงไฟฟ้าให้พอเพียงกับความต้องการในการใช้พลังงาน 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัญหาด้านพลัง งานต้องรับฟังประชาชนว่าเดือดร้อนอย่างไรและต้องการมีส่วนร่วมอย่างไร ก่อนจะกำหนดการมีส่วนร่วมที่เหมาะสมกับประโยชน์ในการพัฒนาพลังงานทุกด้าน ขอให้แนวทางการพัฒนาพลังงานเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา สิ่งที่เคยกำหนดไว้ก่อนหน้านี้จะดำเนินการเพียงรับทราบ จากนั้นจะนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงทุกเรื่อง ทุกมติ หรือทบทวนเพื่อให้สอดคล้องกับคสช. อย่างไรก็ตามสั่งการไปตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. ว่าสิ่งใดที่ดีให้ทำต่อ สิ่งใดที่ยังไม่ดีต้องแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น สิ่งใดที่ต้องเริ่มต้นใหม่และมีนโยบายที่ชัดเจนให้นำไปสู่การปฏิบัติได้ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ชอบธรรมและโปร่งใสมากที่สุด ทั้งนี้ ยอมรับว่าสิ่งที่มีปัญหามาก เมื่อแก้ไขแล้วก็จะดีขึ้น สิ่งที่ทำได้ดีก็เสมอตัว สิ่งที่ทำไม่ดีก็จะถอยหลังไป ฉะนั้นเราต้องช่วยกันเพื่อสร้างพลังงานสร้างชาติให้เกิดความมั่นคงให้ได้

มือมืดโปรยใบปลิวโจมตีคสช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.00 น. มีผู้ที่มีความคิดเห็นต่างทางการเมือง ขับขี่รถยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน นำใบปลิวพิมพ์ข้อความโจมตี คสช. มาโปรยทิ้งไว้บนถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกจปร.ถึงแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ ทั้งขาเข้าและขาออก 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องปิดถนนทั้งขาเข้าและขาออกเพื่อให้เจ้าหน้าที่ กทม.ทำความสะอาดถนน 20 นาที ก่อนจะเปิดการจราจรตามปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด พร้อมเปิดให้ใช้ช่องทางการจราจรตามปกติ ทั้งนี้ข้อความในใบปลิวเป็นอักษรขนาดใหญ่พิมพ์คำโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ และคสช. ด้วยถ้อยคำรุนแรง ลงบนกระดาษเอ 4 โดยมีหลายข้อความแตกต่างกัน

โฆษกโต้ใบปลิวชี้สังคมเข้าใจ

ที่สโมสรกองทัพบกเทเวศร์ พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีมีผู้โปรยใบปลิวโจมตีการทำงานของคสช.เมื่อเช้ามืดของวันที่ 15 ส.ค.ว่า วันนี้ยังมีบางส่วนต้องการแสดงออก แต่เชื่อว่าประชาชนและสังคมส่วนใหญ่เข้าใจว่าสิ่งที่คสช.ทำนั้นเพื่อผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่มีผลต่อการพิจารณาประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกเพราะเป็นคนละส่วน ส่วนการโปรยใบปลิวมีลักษณะเดียวกับที่จ.นนทบุรีนั้น ต้องถามตำรวจ เท่าที่ทราบพอมีข้อมูลอยู่บ้าง ซึ่งการดำเนินการเป็นหน้าที่ของตำรวจ และพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าว

เมื่อถามว่าถือเป็นการฝ่าฝืนกฎอัยการศึกหรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ใช้การสร้างความเข้าใจ ไม่ได้ใช้การบังคับ แต่เมื่อเกิดเหตุนี้แสดงว่าอาจยังมีความไม่เข้าใจอยู่ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจกับทุกกลุ่ม ซึ่งคนที่ดำเนินการคงอยากแสดงให้เห็นว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่ แต่เชื่อว่าสังคมและคนส่วนใหญ่เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่

มั่นใจไม่กระทบการทำงาน

เมื่อถามว่ากองทัพกังวลหรือไม่เพราะอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ความเห็นต่างและแสดงออกลักษณะนี้ยอมรับว่ายังมีอยู่บ้าง อาจเป็นในเครือข่ายโซเชี่ยลมีเดีย บางครั้งแสดงออกในเชิงกายภาพแต่ยังเป็นสัดส่วนที่น้อย กองทัพไม่อาจบอกได้ว่าให้ความสำคัญมากหรือน้อย แต่ถือว่าถ้ายังมีการเคลื่อนไหวอยู่ก็ต้องทำความเข้าใจกันต่อไป แต่ยังอยู่ในระดับที่ไม่เกินกว่าที่ประเมินไว้ มั่นใจว่าฝ่ายความมั่นคงยังคุมสถานการณ์ได้ ทางคสช.เชื่อว่าการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่กระทบการทำงาน 

เมื่อถามว่าการโปรยใบปลิวโจมตีคสช.ถึงหน้าบก.ทบ. ถือเป็นการเหยียบถ้ำเสือหรือไม่ พ.อ.วินธัยปฏิเสธว่าไม่ได้คิดเช่นนั้น เพียงแต่คนที่เห็นต่างต้องการแสดงออกเท่านั้น ส่วนจะเป็นกลุ่มใด ต้องถามตำรวจ ส่วนกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวโจมตีคสช.ในต่างประเทศนั้น เจ้าหน้าที่ดูเป็นกรณีๆ ถ้าต้องสงสัยว่าทำความผิด มีการออกหมายแล้วก็ต้องดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจและอัยการสูงสุด วันนี้แนวร่วมของกลุ่มที่เห็นต่าง รวมทั้งกลุ่มเสรีไทยนั้นไม่ได้รับข้อมูลว่ามีการขยายวงมากขึ้น เท่าที่เห็นเป็นกลุ่มเดิม ส่วนที่โปรยใบปลิวที่หน้าบก.ทบ.คงเป็นเพราะครั้งที่แล้วที่จ.นนทบุรีไม่ได้รับกระแสการตอบรับ เช่นเดียวกับกรณีน.ส.กริชสุดา คุณะแสน เพราะส่วนใหญ่เข้าใจว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงต้องการอะไร จึงเปลี่ยนสถานที่

ลั่นใบปลิวไม่เป็นที่ยอมรับ

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก ทบ. และทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า คาดว่าในการประชุมช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์คงได้รับรายงานเรื่องใบปลิวแล้วและแต่ละพื้นที่มี เจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว อยากขอความร่วมมือว่าอย่าทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือเข้าใจผิดในเรื่องต่างๆ เพราะการใช้ใบปลิวโจมตีไม่ใช่วิธีที่สังคมไทยยอมรับ ขอร้องว่าอย่าทำให้สังคมไทยกลับมาวุ่นวายอีก หากมีปัญหาก็มาพูดคุยกันหรือส่งเรื่องผ่านช่องทางต่างๆ ถึงคสช. เรายินดีรับฟัง ส่วนการดำเนินการกับผู้กระทำผิดนั้น มีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอยู่แล้ว 

เมื่อถามว่าข้อความที่เผยแพร่คล้ายกับใบปลิวโจมตีที่ป.ป.ช. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ไม่ขอลงรายละเอียด แต่การดำเนินการอะไรต้องดูที่วิธีการ ซึ่งข้อความอาจเป็นความคิดของเขาเอง แต่ในสังคมโดยรวม วิธีการแบบนี้ไม่เป็นที่ยอมรับและไม่ควรดำเนินการ

ยกโรดแม็ปโต้"จอห์น แคร์รี"

พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าวกรณีมีข่าวว่านายจอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ระบุประชาธิปไตยของไทยถอยหลัง ตั้งแต่มีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้ทางการไทยยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ในการแสดงออกและการเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า คสช.กำลังดำเนินการตามนั้น และกระทรวงการต่างประเทศกำลังทำความเข้าใจซึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่อง คสช.ก็มีกลไกตามภาครัฐปกติอยู่แล้วด้วยในการมุ่งสร้างความเข้าใจ และใช้งานได้ดี เพราะตั้งแต่ยึดอำนาจวันที่ 22 พ.ค.นั้น แรงกดดันจากประเทศต่างๆ ก็ลดลงเรื่อยๆ และกลไกการทำความเข้าใจยังทำงานอยู่ 

เมื่อถามว่านายจอห์น แคร์รี พูดย้ำเรื่อง ดังกล่าวถึง 2 ครั้งแล้ว พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าวว่า ไม่เป็นไร ผู้มีหน้าที่สร้างความเข้าใจยังต้องทำงานต่อไป เพื่อให้เข้าใจว่าคสช.ดำเนินการตามโรดแม็ปที่ระบุไว้ ตั้งแต่ก่อนที่มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และขณะนี้จะมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ถือว่าคสช.แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนและประเทศก็เดินหน้าตามธงที่วางไว้ ไม่ได้เบี่ยงเบนไปไหน และหลายประเทศก็เข้าใจในเจตนาเหล่านี้ แต่ต้องมีบ้างที่ไม่มั่นใจ ซึ่งต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติมกันต่อไป ทุกคนมีความคิดเห็นได้ แต่อยู่ที่เจตนา ซึ่งไม่เกินความสามารถของ ผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงจะดำเนินการ

ชี้สหรัฐจี้เลือกตั้งเป็นท่าทีปกติ

ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายทรงศักดิ์ สายเชื้อ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กล่าวถึงกรณีที่นายจอห์น แคร์รี เรียกร้องให้ไทยกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ว่าเป็นการแสดงท่าทีตามปกติ ที่สหรัฐอเมริกาเคยออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการทางการเมืองและหวังว่าประเทศไทยจะเดินหน้าตามแผนโรดแม็ปที่วางไว้ก่อนหน้านี้ 

ทั้งนี้ ตนมองว่าการออกมาแสดงความกังวลของรมว.ต่างประเทศของสหรัฐ ไม่ได้เป็นการแสดงท่าทีในเชิงลบ ไม่ได้แสดงความกังวลเพิ่มเติมกว่าที่เป็นอยู่ เห็นได้จากการพบกันระหว่างนาย สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติราชการแทนรมว.ต่างประเทศ กับนายแคร์รี ที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศพม่าซึ่งนายแคร์รี คาดหวังว่าไทยจะกลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจง และสร้างความเข้าใจกับสหรัฐถึงพัฒนาการของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

สนช.วางปฏิทินถกร่างพ.ร.บ.งบฯ

ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผอ.สำนักงบประมาณ และสมาชิกสนช. กล่าวถึงการเตรียมพิจารณาร่างพ.ร.บ.รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ว่า สำนักงบประมาณได้ประสานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสนช. เบื้องต้นน่าจะเปิดประชุมสนช.วันที่ 18 ส.ค. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 วาระแรกรับหลักการได้ จากนั้นจะตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณา เชื่อว่าจะเสร็จทันการประกาศใช้กฎหมายในวันที่ 1 ต.ค. เนื่องจากการพิจารณาของสนช.จะทำหน้าที่แบบสภาเดียว แต่ยอมรับว่ากรอบดำเนินการกระชั้นชิดมาก โดยจะเสนอให้เร่งประชุมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ส่วนจะตั้งคณะอนุกมธ.หรือคณะทำงานขึ้นมาช่วยพิจารณารายละเอียดนั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุม เบื้องต้นวางปฏิทินเริ่มวันที่ 19 ส.ค. และต้องพิมพ์สรุปรายงานชั้นกมธ.เสร็จในวันที่ 11 ก.ย. เพื่อเสนอต่อประธานสนช. ก่อนบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในวาระ 2 และ 3 ในวันที่ 16 ก.ย.

ผอ.สำนักงบประมาณกล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2558 ตั้งวงเงิน 2.575 ล้านล้านบาท โดยตั้งงบฯ แบบขาดดุลซึ่งกระทรวงศึกษาธิการถือเป็นหน่วยงานที่มีวงเงินงบประมาณสูงสุดเป็นลำดับแรก 502,245.5 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายจากงบลงทุนเพิ่มขึ้น รองลงมาคืองบ กลางตั้งไว้ 365,084.4 ล้านบาท และกระทรวงมหาดไทย วงเงิน 341,220.3 ล้านบาท

ทนายจวก"โชว์เซฟ"ละเมิดสิทธิ์

นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความคดีทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้สนช. ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินว่า ตนเห็นว่าการมีมติดังกล่าวอาจเป็นการกำจัดสิทธิ และเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ เพราะแม้แต่รัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ให้ ส.ส. ส.ว. หรือคณะรัฐมนตรี ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน แต่ไม่ได้ระบุว่าต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณะ หากแต่ครั้งนี้มติของป.ป.ช.ระบุว่าต้องให้เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะด้วย จึงอาจเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของสนช. 

"อยากให้ ป.ป.ช. พิจารณาด้วยว่า ที่มาของสนช.นั้นจะแตกต่างกับที่มาของ ส.ส.และส.ว. ซึ่ง ส.ส.และส.ว. ต่างมาด้วยความสมัครใจที่จะเข้ามาทำงาน แต่ทาง สนช.นั้น หลายคนอาจไม่ได้สมัครใจ แต่ที่มาเพราะถูกเชิญให้เข้ามาทำงานช่วยเหลือประเทศชาติ อีกทั้ง สนช.ยังมีระยะเวลาทำงานไม่นานเท่า ส.ส. และส.ว. ดังนั้นหากสนช.เกิดมีความรู้สึกว่าเมื่อเข้ามาทำงานแล้วถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ ก็อาจส่งผลทำให้ตัดสินใจลาออก หากเป็นเช่นนั้นแล้วใครจะรับผิดชอบจะยิ่งทำให้มีปัญหาตามมาอีก" นายบัญชากล่าว

จี้ป.ป.ช.ทบทวนมติ

นายบัญชากล่าวอีกว่า ขอให้ ป.ป.ช. ทบทวนมติดังกล่าวอีกครั้ง ไม่อยากให้ตีความทางกฎหมายจนทำให้เกิดผลในทางลบ อย่าเพิ่งไปมองในแง่ร้ายกับสนช.ซึ่งที่จริงควรจะให้กำลังใจและเปิดโอกาสให้ทำงานมากกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไร เชื่อว่าสนช.ที่ต่างก็เป็น ผู้มีเกียรติคงไม่มีทางมาทำงานให้ประเทศ เกิดความเสียหาย อีกทั้งถ้าพบการทุจริตจริง ก็มีกฎหมายอาญาไว้คอยดำเนินการอยู่แล้ว จึงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่สนช.จะต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน ส่วนจะยื่นเรื่องดังกล่าวต่อป.ป.ช.โดยตรงหรือไม่นั้นต้องพิจารณา อีกครั้ง 

นายบัญชากล่าวว่า ในฐานะนักกฎหมาย หากเห็นว่าการตีความทางกฎหมายแบบใดเกิดความไม่เหมาะสมก็จำเป็นที่จะต้องออกมาชี้แนะเพื่อให้เกิดความสามัคคี เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

พล.ร.อ.พลวัฒน์ สิโรดม รองปลัดกระทรวงกลาโหม และสมาชิกสนช. กล่าวว่า เมื่อป.ป.ช.มีมติออกมาให้สนช.ที่ทำหน้าที่ ส.ส. ส.ว. และสมาชิกรัฐสภาชี้แจงแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ตามกฎหมาย ป.ป.ช. ในฐานะสนช.คนหนึ่งก็พร้อมดำเนินการตามเพื่อความโปร่งใส ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า การเปิดเผยนี้เป็นดาบสองคม อีกคมหนึ่งคือ อาจทำให้สมาชิกบางคนกลัวว่าการเปิดเผยดังกล่าวจะทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีรับรู้ว่าใครมีทรัพย์สินอะไรบ้าง สุ่มเสี่ยงต่อการก่อเหตุลักขโมยได้ หรืออาจนำไปสู่การปลอมแปลงเอกสารทางการเงินได้อีกด้วย แต่ตนอยากบอก สนช.ทุกคนว่าไม่ต้องกลัว เพราะ ป.ป.ช.มีมาตรการป้องกันปัญหาดังกล่าวไว้อยู่แล้ว

ชี้มติเปิดเซฟเป็นกระแสสังคม

พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะสมาชิกสนช. กล่าวถึง ป.ป.ช. มีมติให้ สนช.แสดงบัญชีทรัพย์สินภายใน 30 วันว่า สนช.ฝ่ายทหารพร้อมปฏิบัติตามมติป.ป.ช. ตนรับราชการมากว่า 35 ปี ทรัพย์สินทุกอย่างมีที่มาที่ไป เปิดเผยได้ ส่วนการเสนอชื่อ นายกฯนั้น สนช.ยังไม่ได้หารือกัน ต้องรอประชุมก่อน ซึ่งประธานและรองประธาน สนช.จะกำหนดหัวข้อการประชุม คาดว่าอีก 3-4 วันน่าจะชัดเจน ยอมรับว่าการทำงานต่อจากนี้ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะพล.อ.ประยุทธ์มีสถานะเป็นทั้งพี่ชายและ ผู้บังคับบัญชา

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสนช. กล่าวว่าการแสดงบัญชีทรัพย์สินของ สนช.ต้องแยกเป็น 2 ประเด็น คือ ประเด็นทางกฎหมายกับประเด็นทางข้อเท็จจริง ในส่วนของข้อเท็จจริงก็ควรแจกแจงอยู่แล้ว เพราะ สนช.ถือเป็นบุคคลสาธารณะ ทำหน้าที่ส.ส.และส.ว. จึงควรแสดงบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งขณะนี้เป็นที่ยุติแล้ว และตนเห็นว่ามีความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม คิดไว้อยู่แล้วว่ามติป.ป.ช.จะออกมาแบบนี้เพราะกระแสสังคมต้องการให้ สนช.ชี้แจงบัญชีทรัพย์สิน อีกทั้งแสดงให้เห็นถึงการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่น ดังนั้น คนที่เข้ามาทำหน้าที่ตรงส่วนนี้ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะจะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ จึงเหมาะสมแล้วที่ทุกคนที่เข้ามาทำหน้าที่ต้องชี้แจง

สนช.ชี้แจงทรัพย์สินยุ่งยาก

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร สมาชิกสนช. กล่าวว่า เห็นว่าการแสดงบัญชีทรัพย์สินของ สนช.เป็นเรื่องที่ยุ่งยากแน่นอน เนื่องจากเอกสารเยอะมาก ตนกังวลว่าเราจะรู้ได้ทั้งหมดหรือไม่ว่าเรามีอะไรบ้าง ซึ่งคิดว่าน้อยคนมากที่จะมีระบบการจัดการกับทรัพย์สินโดยแยกอย่างละเอียดเอาไว้ หากพบภายหลังก็จะกลายเป็นว่าเราทำผิด ทั้งที่เราไม่ได้ตั้งใจซึ่งจะเกิดความเสียหายได้ ตนไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น แต่ในเมื่อป.ป.ช.มีมติออกมาแล้วตนก็ไม่ขัดข้อง และทุกคนต้องปฏิบัติตามเพราะเราจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นจนทำงานไม่ได้ก็ไม่สมควร เนื่องจากการทำงานเพื่อประเทศชาติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่รองประธาน สนช. คนที่ 1 กล่าวว่า เห็นด้วยกับที่ให้สนช.ต้องแสดง และเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อสาธารณะ เพราะหน้าที่ของสนช.คือต้องไปตรวจสอบคนอื่น จึงต้องพร้อมให้คนอื่นตรวจสอบและรับรู้ อย่างไรก็ตามฝ่ายสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ประสานฝ่ายเลขาธิการป.ป.ช. เพื่อส่ง เจ้าหน้าที่มาชี้แจงการยื่นบัญชีทรัพย์สินของสนช.อีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อให้เข้าใจรายละเอียด และต้นเดือน ก.ย.จะให้เจ้าหน้าที่มารับเอกสาร ทั้งนี้ขอให้สมาชิกไม่ต้องกังวลประเด็นข้อห้ามการถือหุ้นรัฐวิสาหกิจ หรือสัมปทานภาครัฐ เพราะเป็นข้อห้ามคณะรัฐมนตรี

สุรชัยวางคิวโหวตนายก 21-22 ส.ค.

นายสุรชัยกล่าวว่า จะมีการหารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าที่ประธาน สนช. เพื่อปรับปฏิทินการทำงานใหม่ โดยประชุม สนช.นัดต่อไป วันที่ 18 ส.ค.เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ ในวาระที่ 1 และยกร่างข้อบังคับ การประชุม สนช. โดยจะตั้งคณะกรรมาธิการ 19 คน พิจารณาให้เสร็จภายใน 1-2 วัน เพื่อนัดประชุมเลือกนายกฯในวันที่ 21-22 ส.ค. และให้มีคณะรัฐมนตรีภายในสิ้นเดือนก.ย. โดยในร่างข้อบังคับการประชุมฉบับใหม่ ได้กำหนดหมวดว่าด้วยการเลือกนายกฯ โดยเทียบเคียงจากรัฐธรรมนูญปี 2550

นายสุรชัยในฐานะกรรมการสรรหา สปช. ด้านการเมือง กล่าวอีกว่า คาดว่าปลายสัปดาห์หน้าจะประชุมร่วมกันทั้ง 11 คณะ 77 คน เพื่อให้เข้าใจระเบียบการ จากนั้นแต่ละคณะจะไปประชุมเพื่อเลือกประธานต่อไป และตามกรอบต้องสรรหา สปช.ให้เสร็จต้นเดือน ต.ค. ซึ่งคงประชุมเพียง 3-4 ครั้ง ก่อนเสนอให้คสช. คัดเลือกในช่วงต้นเดือน ก.ย. ส่วนข้อครหาที่อาจมีการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้เป็นสปช.นั้น ยืนยันว่าจะทำให้กระบวนการโปร่งใส และอาจเปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์การประชุม แต่ส่วนหนึ่งเกรงว่าจะมีการนำเสนอข่าวเชิงวิเคราะห์และไปคาดเดาผู้ที่ได้ตำแหน่งจนเกิดการวิ่งเต้นในที่สุด อย่างไรก็ตามจะต้องปรึกษาคณะกรรมการคนอื่นๆ ด้วยว่าจะดำเนินการอย่างไรให้สังคมเชื่อมั่น

"ปู่ชัย"โผล่สมัครสปช.

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต.พร้อมคณะผู้บริหารสำนักงานกกต. ตรวจความเรียบร้อยการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. 11 ด้าน ซึ่งวันนี้เปิดให้องค์กรนิติบุคคลเสนอชื่อเป็นวันที่สอง โดยบรรยากาศการเปิดรับเสนอรายชื่อเข้าสรรหาเป็นสปช.วันที่ 2 ตั้งแต่ช่วงเช้ายังไม่คึกคักเท่าวันแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเสนอชื่อเป็นสปช.ในวันที่ 2 ยังมีผู้มายื่นเอกสารเพื่อเข้ารับการสรรหาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่คึกคักเหมือนวันแรก โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่จากพรรคภูมิใจไทยมายื่นเอกสารเสนอชื่อนายชัย ชิดชอบ เข้ารับการสรรหาเป็นสปช.ด้านการเมือง ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เป็นผู้เซ็นรับรองและส่งผู้เข้าสรรหาเพียงคนเดียว ขณะที่ตลอดทั้งวันมีบุคคลที่ได้รับความสนใจอื่นๆ อาทิ นางภรณี ลีนุตพงษ์ เสนอชื่อโดยมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของศาล จ.นนทบุรี ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม พล.ร.อ.สุรินทร์ เริงอารมณ์ อดีตรองผบ.สส. จากสมาคมอาสาสมัครพยาบาลและสวัสดิการชุมชนชายแดนใต้ ด้านการเมือง นายยืนหยัด ใจสมุทร โดยมูลนิธิหลวงต่างใจราษฎร์หลวงสมุทรโยธีบรรพบุรุษใจสมุทร เสนอด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

เปิดรับวันที่สองมีเพิ่มอีก 28 

นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิ การกกต. แถลงหลังปิดรับสมัครว่า วันนี้มีนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรมาเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช.ทั้งหมด 28 คน แบ่งเป็นมายื่นที่สำนักงานกกต. 21 คน ส่งไปรษณีย์ 7 คน มีเสนอชื่อด้านการเมือง 7 คน ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 2 คน ด้านการปกครองท้องถิ่น 5 คน ด้านการศึกษา 2 คน ด้านเศรษฐกิจ 2 คน ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม 3 คน ด้านสื่อสารมวลชน 1 คน ด้านสังคม 1 คน ด้านอื่นๆ 4 คน ส่วนด้านบริหารราชการแผ่นดินและด้านพลังงานไม่มีผู้เสนอชื่อ โดยแยกเป็นองค์กรนิติบุคคลจากพรรคการเมือง 11 พรรค สมาคม 13 แห่ง มูลนิธิ 15 แห่ง วัด 4 แห่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 แห่ง นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร 1 แห่งและวิสาหกิจชุมชน 1 แห่ง 

นายบุณยเกียรติกล่าวว่า ขณะที่การสรรหาระดับจังหวัดมีผู้มาเสนอรายชื่อเมื่อเวลา 16.30 น. มาเสนอชื่อ 73 คน รวมวันนี้มีผู้เสนอทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด 101 คน และเมื่อรวมกับเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่มี 83 คน มีผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาแล้วทั้งสิ้น 184 คน

ที่กระทรวงมหาดไทย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเสนอชื่อบุคคลเข้าร่วมเป็น สปช.ในสัดส่วนของกระทรวงมหาดไทยว่า ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนในส่วนของตัวบุคคล เนื่องจากมีบุคลากรจำนวนมาก ทั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่เกษียณอายุราชการ บุคคลภายนอกกระทรวง รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยมีรัฐวิสาหกิจอีกมาก ต้องรอการเสนอชื่อบุคคลเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าผู้บริหารกระทรวงจะหารือกันอีกครั้ง คาดว่าทันตามกำหนดเวลาการรับสมัคร ซึ่งวันที่ 2 ก.ย.เป็นวันสุดท้าย ยังมีเวลาเหลือพอ 

สิงห์ทองชงปฏิรูปองค์กรอิสระ

นายสิงห์ทอง บัวชุม คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้ามีนายทหารมาเชิญตนที่บ้านให้ไปที่ สน. วังทองหลาง เมื่อไปถึงได้พบ พ.ท.กิตติ คงหอม ผู้บังคับการกองพันทหารช่าง รักษาพระองค์ โดยมีนายทหารและตำรวจจำนวนหนึ่ง มีการสอบถามเรื่อง สปช.ว่าพรรคเพื่อไทยและ นปช.จะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมกับ สปช.หรือไม่ ตนบอกว่าเราเสนอความคิดเห็นได้ แต่ไม่ควรเข้าไปเป็น สปช.เพราะเราเป็นคู่ขัดแย้ง ขณะที่ พ.ท.กิตติระบุว่า อยากให้ทางเราทบทวน ตนตอบไปว่าก็ชัดเจนว่าจะไม่เข้าร่วม แต่สามารถแสดงความเห็นนอกรอบได้ 

นายสิงห์ทองกล่าวว่า พ.ท.กิตติได้สอบถามถึงการหาทางออกและแนวทางการสร้างความปรองดอง รวมถึงแนวทางการทำงานของ สปช. ซึ่งตนเสนอว่าทหารจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชน และคดีของทุกกลุ่ม ทุกสี ต้องได้รับการพิจารณาอย่างยุติธรรม นอกจากนี้คสช.จะต้องปฏิรูปองค์กรอิสระอย่างจริงจัง ไม่ใช่การยุบ แต่ปฏิรูปบุคคลและนโยบายองค์กร มีการตรวจสอบที่มาของบุคคล และการทำหน้าที่

"บิ๊กตู่"คืนความสุข-แจงโรดแม็ป

เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. กล่าวในรายการ"คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า ครั้งที่แล้วตนกล่าวคำว่าคิดถึง ซึ่งทุกคนสงสัยว่าส่งให้ใคร เป็นการกล่าวจากใจของตนและคสช.ทุกคน ที่คิดถึงประชาชนคนไทยที่ยังยากลำบากอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้น้อย เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวนที่อยู่ในภาคการผลิต ต้องอาศัยน้ำจากน้ำฝนและการชลประทาน ซึ่งเรายังไม่สามารถตอบสนองได้ในทุกพื้นที่ น่าเห็นใจ ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลคงต้องแก้ปัญหาเขาให้ได้ จะทำให้เขาสมหวังได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การขับเคลื่อนประเทศของ คสช.ในปัจจุบันระยะที่ 2 สรุปว่ามี 3 มิติที่สำคัญที่ต้องเดินไปพร้อมกันข้างหน้า เราต้องรักษาสมดุลเรื่องเหล่านี้ไว้ให้ได้ ได้แก่ 1.การปรองดองและการปฏิรูป 2.การพร้อมรับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของโลกและของประเทศ 3.การยกระดับรายได้ สร้างอาชีพ สร้างงาน ลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ประชาชนต้องช่วยกัน ซึ่งการที่เราจะปฏิรูปเศรษฐกิจ ต้องยอมรับว่ามีคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ถ้าทั้งสองฝ่ายยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง น่าจะสร้างสมดุลตรงนี้ไว้ได้ ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมาเศรษฐกิจเริ่มเดินหน้าไปได้ และหลังจากมีรัฐบาล ประมาณเดือนก.ย. เราจะมีงานหลายอย่างต้องทำควบคู่กันไป ไม่ว่าเรื่องปฏิรูป และด้านเศรษฐกิจ

เร่งจัดทำงบฯปี"58

หัวหน้าคสช. กล่าวว่า เรื่องการจัดทำงบฯปี 2558 ต้องพร้อมเบิกจ่ายโดยเร็วตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ ฉะนั้นงบฯที่คิดว่าจะสร้างงานให้ได้มากคืองบการซ่อมแซม การก่อสร้างสถานที่ราชการ โรงพยาบาลและอุปกรณ์ต่างๆ ให้เร่งรัดทำในปี 2558 อันไหนที่เป็นนโยบาย คสช.หรือรัฐบาลโดยเร่งด่วนก็ต้องดำเนินการตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ ขอให้ทุกกระทรวง ทบวง กรมทำตามนโยบายนี้ด้วย 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนความร่วมมือการบูรณาการภาครัฐต้องเข้มแข็ง ทุกกระทรวงต้องร่วมมือกัน ร่วมรับผิดชอบ ไม่ทำเป็นรายกระทรวงอย่างเดียว ให้ประชุมร่วมกัน เช่น การทำโครงการไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ที่ต้องฝังใต้ดินก็คุยกันว่าจะทำเมื่อไร เอาแผนงานโครงการมาดูและทำทีเดียว ไม่ใช่ขุดทีละ 3 ครั้ง 4 ครั้ง กว่าจะเสร็จก็ทำให้การจราจรติดขัด ฉะนั้นงานกลุ่มเดียวกันเราไม่สามารถแยกงบประมาณ และแยกแผนงานเป็นอิสระโดยไม่คุยกันต่อไปเราคงไม่อนุมัติ จึงต้องทำให้เรียบร้อย ประชาชนก็คอยดูและช่วยกันแจ้งมาด้วย

ชี้สัมพันธ์ดี-กัมพูชาถึงปล่อยวีระ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องปรองดองปฏิรูปก็ดำเนินการอยู่แล้ว เรื่องไม่เป็นเรื่องที่ทะเลาะกันก็หยุดไว้ก่อน ไปหาเรื่องที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ในอนาคต เอาประเทศชาติเป็นหลักก่อน ภาพรวมคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง คดีอาวุธสงคราม ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ มีทั้งหมด 70 คดี เป็นคดีดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 7 คดี และ มีความเห็นสั่งฟ้องส่งสำนวนให้ตำรวจ อัยการแล้ว จำนวนผู้ต้องหาทั้งสิ้น 148 คน จับกุมแล้ว 116 คน หลบหนีหมายจับ 32 คน 

หัวหน้าคสช. กล่าวว่า ส่วนที่นายวีระ สมความคิด ได้รับการปล่อยตัวจากคุกกัมพูชาแล้วมาพูดจาต่างๆ นั้น อาจจะไม่เข้าใจ ยืนยันว่าคสช.ไม่เคยมีข้อตกลงใดๆ กับสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา การที่นายกฯกัมพูชาปล่อยตัวเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งความร่วมมือไทย-กัมพูชา หรือไทยกับทุกประเทศที่มาเยี่ยมเยือน มาพูดคุย ไม่มีการตกลงนอกกติกา ไม่มีเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทุกเรื่องจะตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล พูดคุยเปิดเผยในทุกกรณี ขอให้ประชาชนไว้วางใจและกรุณาหยุดพูดได้แล้ว ขอให้เชื่อมั่นคำพูดของตนมากกว่าไปฟังจากคนอื่น

วอนหยุดวาทกรรมเกลียดชัง

หัวหน้าคสช. กล่าวว่า วันนี้ขอความร่วมมือ ช่วยกันแชร์ในเรื่องดีๆ บ้าง ช่วยกันขจัดขยะต่างๆ คำพูดหรือสิ่งที่เรียกว่า Hate speech หรือวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง หยาบคาย ดูถูกกัน หมิ่นสถาบันต่างๆ นำออกไปให้ได้ ถ้าเป็นคนไทยต้องช่วยกันขจัด ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายมากในวันข้างหน้า ในเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก แอพต่างๆ อันตรายต่อเด็กด้วย สังคมโดยรวมก็กระทบกระทั่งมาตลอด เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ส่วนใหญ่จะเชื่อ พอเขียนเรื่องจริงก็ไม่เชื่อ แต่เขียนเรื่องไม่จริง แชร์กันใหญ่ ต้องดูด้วยว่าที่เขาแชร์กันผิดหรือถูก ตรวจสอบหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ อย่าแชร์กันเลย บางทีโกรธแค้นเกลียดชังตามเขาไปหมด 

"ปลุกปั่นง่ายเหลือเกินประเทศไทย วันข้างหน้าจะทำอย่างไร การติดต่อสื่อสารโทรคมนาคม การให้บริการมากขึ้นแล้วเราควบคุมไม่ได้ ประเทศชาติจะเสียหาย ความมั่นคงจะไม่เกิด สังคมเสียหายเสื่อมโทรม การท่องเที่ยวก็เสียหายไปหมด คนจะทะเลาะกันแบบนี้ เกลียดชังกันทั้งประเทศไม่ได้ ขอร้องทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทุกคนที่ชอบทำ ผมรู้ว่า เด็กสมัยใหม่ชอบเล่นแอพต่างๆ ผมไม่เก่ง แต่อ่านแล้วไม่สบายใจมาก ต้องช่วยกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ขอเวลาปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ

หัวหน้าคสช. กล่าวว่า การปรับปรุงกิจการของรัฐวิสาหกิจต้องใช้เวลา ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน อาจต้องใช้เวลา 3-6 เดือนเพื่อเดินตรงนี้ให้ได้ และจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อเดินไปข้างหน้า ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างแก้ได้ภายใน 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน จึงต้องกำหนดว่าหลังจาก 12 เดือน ปี 2558 เลือกตั้งใหม่ สมมติถึงเวลาเลือกตั้งแล้วจะไปกันได้หรือไม่ ถ้าไม่แก้วันนี้ก็ไปไม่ได้ ถ้าแก้เฉพาะวันนี้ เดี๋ยว 3 เดือนหน้าก็มีเรื่องอีกเพราะไม่ได้แก้ตั้งแต่พื้นฐาน รายได้มีพอหรือไม่ 

"ต้องคิดให้ครบว่าอันไหนควรอยู่เป็นรัฐวิสาหกิจ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ อันไหนต้องผสมกัน รัฐกับเอกชนร่วมกัน บางอย่างอาจแบ่งให้เอกชนทำบางส่วน ต้องมาคิดแบบนี้ ถ้ามาคิดว่าอันนี้เลิก อันนั้นทำแล้วจะทำอย่างไร ความมั่นคงจะเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าประท้วงกันอย่างเดียวก็ไปไม่ได้อีก ฉะนั้นต้องรักษาความมั่นคงให้ได้ และต้องมีการบริการ ความแตกต่างของประชาชนในชาติต้องลดลง ต้องช่วยกันรับภาระของประเทศชาติไว้ด้วยร่วมกับรัฐ ร่วมกันลดความแตกต่าง ความเหลื่อมล้ำของรายได้ ลดช่องว่างของประชาชนให้ลดลง ประเทศชาติถึงจะไปได้ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ปรามอย่าเดินขบวน 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอบคุณแรงใจ แรงสนับสนุนด้วยดีเสมอมา ต้องยอมรับว่า กำลังใจมามากก็กดดันมาก แต่ไม่เป็นไรรับได้ คิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีความสุขโดยเร็ว บางอย่างอาจต้องใช้เวลามากบ้าง น้อยบ้างแตกต่างกัน ขอให้ช่วยกันอดทนอดกลั้น อย่าอารมณ์เสีย อย่าหงุดหงิด 

"อย่าเดินขบวนกันมาก ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เหมือนเดิม ท่านเดินขบวนจำได้ไหม เรื่องยาง เรื่องข้าวก็ซื้อด้วยเงินอนุมัติ ผมอนุมัติไปเมื่อเร็วๆ นี้ ตั้งแต่ปี 2555 เดินมากี่ปีแล้ว 2 ปีที่ผ่านมา เพิ่ง มาได้เงิน ฉะนั้นเดินวันนี้ก็ไม่ได้วันนี้ ขอร้องอย่าเดิน ไปแก้กันใหม่ว่าจะทำอย่างไรถ้าแก้ไขระยะสั้นไม่ได้ก็ต้องแก้ไขระยะยาว ขอร้อง ไม่ได้กลัวแต่ไม่อยากให้เสีย ประเทศชาติกำลังสวยงาม ถนนหนทางปลอดโปร่ง ประท้วงเดี๋ยวท่านก็มากางมุ้ง กางอะไรนอนอยู่แถวนี้ รู้ว่าลำบาก นั่นคือสิ่งที่สำคัญ พวกเราทุ่มเทให้ท่านอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สุดท้ายต้องกล่าวคำว่าคิดถึงเหมือนเดิม ตราบใดที่ประชาชนยังไม่มีความสุข ประเทศชาติไม่ปลอดภัย การปฏิรูปยังไม่สำเร็จ พวกเราทุกคน คสช. ข้าราชการทุกคนยังคงส่งความคิดถึงไปยังคนไทยทั้งประเทศตลอดไป