วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8627 ข่าวสดรายวัน


คสช.ถ่วงดุลรบ.ใหม่ '
บิ๊กตู่'แย้มรธน. เขียนแบ่งหน้าที่


ยิงเอ็ม79 - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. แถลงจับนายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม ผู้ต้องหาขัดขืนหมายเรียกคสช. สารภาพเคยใช้เอ็ม 79 สร้างสถานการณ์ในกทม. 3 ครั้ง เพื่อขู่ให้ กปปส.ยุติการชุมนุม เมื่อวันที่ 11 ก.ค.

      'ประยุทธ์'เผยรธน.ชั่วคราว มีไม่เกิน 50 มาตรา เขียนถ่วงดุลอำนาจ'คสช.-รัฐบาล' แบ่งหน้าที่ดูแลงานความมั่นคง กับงานบริหาร สภาปฏิรูปมาจากการคัดสรรและตัวแทนจังหวัด แจงโยกย้ายข้าราชการ ยันไม่ตั้งคนที่มีสัมพันธ์ส่วนตัวกับ คสช.มาแทน มหาดไทยเด้งผู้ว่าฯ หนองคาย 'สมยศ'แถลงจับมือยิงเอ็ม 79 ถล่มป.ป.ช.-ตึกชินวัตร เผยอีก 3-4 วันจับยกก๊วนยิงหน้า บิ๊กซี ราชดำริ ป.ป.ช.ดันกกต.ออกกฎหมายคุมพรรคการเมืองใช้'ประชานิยม'หาเสียง 'บัวแก้ว'ถอนพาสปอร์ต'อ.ปวิน' 

บช.น.แถลงจับกุมมือยิงเอ็ม 79 

     เวลา 11.00 น. วันที่ 11 ก.ค. ที่กองบัญชา การตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ท. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผบ.ตร.รรท.ผบช.น. และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.ศ. ปฏิบัติราชการ บช.น. ร่วมกันแถลงการจับกุมตัวนายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม หรือตุ้ย อายุ 31 ปี จับกุมตัวได้บริเวณหน้าห้องเช่าเลขที่ 2/503 ชั้น 5 อาคารสุขสบายอพาร์ทเมนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา 

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สืบเนื่องจากทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ศสช.) เคยเรียกนายณรงค์ศักดิ์ให้มารายงานตัวที่สโมสรทหารบก วันที่ 2 มิ.ย. แต่นายณรงค์ศักดิ์ ไม่ได้มารายงานตัว ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายณรงค์ศักดิ์มาพักอาศัยอยู่ที่ห้องดังกล่าว จึงเชิญตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียด การสอบสวนนายณรงค์ศักดิ์ รับสารภาพว่า เป็นบุคคลตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ จก 8/2557 ลง 8 มิ.ย. 2557 ในข้อหาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกให้บุคคลให้มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จริง 

    พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า นายณรงค์ศักดิ์ยังรับสารภาพเคยก่อเหตุยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 จำนวน 3 ครั้งคือ โดยเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 57 ก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่บริเวณหน้าอาคารชินวัตร 3 วันที่ 27 มี.ค.2557 ก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี และเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2557 ก่อเหตุยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 ใส่บริเวณถนนสวรรคโลก ใกล้แยกเสาวนีย์ แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กทม. โดยใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นคลิก สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน ฬวน 870 กทม. ซึ่งตระเวนก่อเหตุเพียงคนเดียว และนำระเบิดดังกล่าวซุกซ่อนไว้ในถุงเต็นท์ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จ่อจับมือยิงหน้าบิ๊กซี 

    พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า นายณรงค์ศักดิ์ ให้การอีกว่าเคยเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของกลุ่ม นปช. และเห็นเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ปะทะกับนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงรู้สึกฝังใจ ต่อมาได้ไปรับอาวุธดังกล่าวจากห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว โดยได้รับค่าจ้างก่อเหตุครั้งละ 3,000-4,000 บาท เพียงยิงขู่เท่านั้น เพื่อต้องการให้การชุมนุมยุติลง

     พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ภายใน 3-4 วันนี้จะมีข่าวดี เกี่ยวกับการจับกุมตัวเเละดำเนินคดี ผู้ก่อเหตุในพื้นที่ชุมนุมต่างๆ รวมทั้งการยิง เอ็ม 79 บริเวณหน้าบิ๊กซี ราชดำริ กระทั่ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก จำนวน 2 ราย เบื้องต้นคาดว่าผู้ก่อเหตุที่จะจับกุมในครั้งนี้ มีเกินกว่า 6 คน เเละจะขยายผลไปถึงคดีอื่นๆ ต่อไป

วิจารณ์แซดตัวเงินตัวทองกัดกัน 

     ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลัง คสช.ประสานขอใช้ตึกนารีสโมสร ซึ่งเดิมเป็นศูนย์แถลงข่าวของรัฐบาลมาหลายชุดนับตั้งแต่สมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และเป็นห้องทำงานของทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่รับรองแขกของรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ และจะเสนอเข้าที่ประชุม คสช.เห็นชอบต่อไปในสัปดาห์นี้นั้น วันเดียวกันนี้ซึ่งเป็นวันหยุดวันอาสาฬหบูชามีเพียงเจ้าหน้าที่จากกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้ามาสำรวจ ถ่ายภาพและเก็บรายละเอียดภายนอกตัวอาคารเพื่อเป็นข้อมูลการปรับปรุง ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ได้เข้าไปสำรวจภายในอาคารแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อตัวเงินตัวทองสองตัวที่หลบอยู่โพรงดินใต้ตึกบัญชาการ เดินออกมาบริเวณถนนด้านข้างตึกบัญชาการ 2 ฝั่งลานจอดรถของเจ้าหน้าที่ แล้วจู่ๆ ก็กัดกันจนบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องออกมาไล่ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในกลุ่ม เจ้าหน้าที่ สื่อมวลชน รวมทั้งผู้ที่พบเห็น เนื่องจากปกติตัวเงินตัวทองที่ทำเนียบจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบ ไม่เคยมีข่าวกัดกันมาก่อน 

ใช้งบ 300 ล.-โต้ปรับฮวงจุ้ย 

     รายงานข่าวแจ้งว่า ความคืบหน้าการดำเนินการปรับปรุงอาคารภายในทำเนียบ ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรีและตึกนารีสโมสร ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรเข้ามาดูแลรับผิดชอบเนื่องจากเป็นอาคารที่ขึ้นทะเบียนไว้ โดยทำงานร่วมกับกรมยุทธโยธาทหารบก กรมโยธาธิการและผังเมือง และกทม.ได้เข้ามาดำเนินการปรับปรุงภายในและปรับภูมิทัศน์รอบอาคาร ขณะที่ภายในตึกบัญชาการได้ปรับปรุงห้องทำงาน รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์สำนักงานเพื่อรองรับคณะทำงานของรัฐบาลใหม่ 

      รายงานข่าวเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคสช.และหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดฯ กทม.เป็นครั้งที่ 2 เพื่อติดตามความคืบหน้าการปรังปรุงอาคารสถานที่ภายในทำเนียบ ที่ประชุมหารือถึง ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสถานที่และปรับ ภูมิทัศน์ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกบัญชาการ 1-2 ว่ามีส่วนใดที่ต้องเพิ่มเติมหรือซ่อมแซมบ้าง เบื้องต้นคาดจะใช้งบประมาณไม่เกิน 300 ล้านบาท โดยมีสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ 

     อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงสถานที่ครั้งนี้ได้คำนึงถึงภูมิสถาปัตย์และการใช้งานและมีการเตรียมการมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากเกิดการชุมนุมปิดล้อมทำเนียบก่อนที่รัฐบาลที่แล้วจะพ้นไป ไม่ใช่การปรับเพื่อเสริมปรับฮวงจุ้ยอย่างที่มีการตั้งข้อสังเกตแต่อย่างใด

คสช.ลุยงานช่วงหยุดยาว 

     สำหรับความเคลื่อนไหวของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช.เดินทางเข้าทำงานที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน เหมือนเช่นทุกวัน ไม่ได้หยุดพักผ่อนแม้เป็นวันหยุดยาวหลายวัน เนื่องจากต้องติดตามการดำเนินงานด้านต่างๆ ของคสช. และกองทัพบกให้มีความคืบหน้า รวดเร็วและเรียบร้อย ส่วนการทำบุญใหญ่ที่ทำเนียบวันที่ 14 ก.ค.นั้น หัวหน้าคสช.ได้รับหนังสือเชิญมาแล้ว แต่ คาดว่าจะไม่ได้เดินทางไปร่วม เนื่องจากช่วงนี้หัวหน้าคสช.งดออกงานทุกงาน เพราะต้องการทำงาน ของคสช.เพียงอย่างเดียว

     ส่วน พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. รองหัวหน้าคสช.ฝ่ายสังคมและจิตวิทยา แม้ว่าจะไม่มีประชุมคสช. แต่ก็เข้าติดตามการ ทำงานของคสช. ในส่วนที่รับผิดชอบที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมคสช.ชุดใหญ่วันที่ 15 ก.ค. ขณะที่พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. รองหัวหน้าคสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ สั่งการให้แต่ละส่วนงานดำเนินงานในส่วนของตนเองให้เรียบร้อยและพร้อมประชุมคสช. ชุดใหญ่ วันที่ 15 ก.ค.เช่นกัน 

"บิ๊กตู่"แจงโยกย้ายขรก. 

เวลา 20.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่า การย้ายข้าราชการระดับสูงในห้วงที่ผ่านมาสังคมอาจเป็นกังวลอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับความจริงว่าห้วง 17 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ได้เข้ามามีอิทธิพลและมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับกลุ่มข้าราชการระดับสูงในทุกๆ กระทรวง ทำให้การทำงานของข้าราชการไม่ได้สะท้อนถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเท่าที่ควร เมื่อ คสช.เข้ามาบริหารประเทศช่วงนี้ได้ให้โอกาสข้าราชการทำงานอย่างเป็นอิสระปราศจากการครอบงำ 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แต่ห้วงเกือบ 2 เดือนที่เฝ้าติดตามการทำงานของบางหน่วยงานยังมีปัญหา โดยเฉพาะความขัดแย้งภายในองค์กร การร้องเรียน การทุจริตไม่โปร่งใส มีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย ข้อสำคัญคือความไม่พึงพอใจของผู้ใต้บังคับบัญชาในหน่วยงานนั้นๆ เนื่องจาก คสช. มีระยะเวลาจำกัด จำเป็นต้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วงโดยเร็ว บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ทุกๆ คนไม่มีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวกับ คสช. แต่ประการใด เป็นบุคคลที่เติบโตและก้าวหน้ามาในองค์กรนั้นๆ เป็นหลัก คสช.จะพิจารณาเรื่องความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพและการยอมรับภายในองค์กร เป็นเงื่อนไขในการพิจารณาแต่งตั้งและการยอมรับในหน่วยงานเหล่านั้น เพื่อให้งานต่างๆ เป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว

ยึด 9 ยุทธศาสตร์หลัก 

    หัวหน้า คสช. กล่าวว่า แนวทางการพัฒนาประเทศ คสช.น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ คือ เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ด้วยความมีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกันที่ดี ภายใต้เงื่อนไขความรู้คู่คุณธรรม โดยยุทธศาสตร์หลักที่ คสช.ยึดถือเป็นแนวทางในปัจจุบัน มีดังต่อไปนี้

    1. ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมในสังคม 2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน 3.ยุทธศาสตร์สร้างความเข้มแข็งภาคการ เกษตร ความมั่นคงของอาหารและพลังงาน 4. ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน 5. ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม 

     6. ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 7. ยุทธศาสตร์ในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง การบริหารงานของรัฐวิสาหกิจให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ในการใช้บริการอย่างแท้จริง 8. ยุทธศาสตร์ในเรื่องการปรับปรุงระบบโทรคมนาคม เทคโนโลยีของชาติให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคตให้ทัดเทียมอาเซียน และประชาคมโลก 9. ยุทธศาสตร์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชั่นอย่างยั่งยืน

ผลงานรอบสัปดาห์ 

    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความก้าวหน้าของ คสช.ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในด้านความมั่นคง ทำกิจกรรมร่วมกับมิตรประเทศ วันที่ 29 พ.ค.-6 มิ.ย. ฝึกอบรมการต่อต้านเครือข่ายวัตถุระเบิดแสวงเครื่องระหว่างกองทัพบกไทยกับกองทัพบกสหรัฐ ภาคพื้นแปซิฟิก อบรมหลักสูตรการจัดเตรียมสนามรบด้านการข่าวสำหรับงานป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ โดยเจ้าหน้าที่จากศูนย์ฝึกข่าวกรองกลาโหมออสเตรเลีย ที่โรงเรียนข่าวทหารบก ต้อนรับการเยือนจากของผบ.สส.เมียนมาร์ ทูตสิงคโปร์และลาว 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่ง สหประชาชาติ ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. รองหัวหน้า คสช. หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ต้อนรับเอกอัครราชทูตรัฐกาตาร์ประจำประเทศไทยและคณะ 

เปิดศูนย์บริการต่างด้าวในกทม. 

     จากนั้นกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ โดย กนร.จัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพิ่มเติมรวมเป็น 8 จังหวัด สัปดาห์ต่อไปจะจัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ ใน กทม. เพิ่มจำนวน 10 ศูนย์ อำนวยความสะดวกให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานใน กทม. ด้านการค้ามนุษย์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับกฎระเบียบด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา TIP Report 

     นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ ทั้งการพิจารณามาตรการเยียวยาผู้ส่งออกและผู้ที่อยู่ในวงจรสินค้าเกษตรที่อาจได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบต่อการส่งออกในห้วงปลายไตรมาสที่ 2 การเปิดตลาดส่งออกและกระตุ้นตลาดเดิมโดยเฉพาะตลาดในยุโรป รวมถึงจะส่งเสริมและเร่งพัฒนาการค้าชายแดน ที่สั่งให้แก้ปัญหาเส้นทางที่เป็นคอขวดในด่านเส้นทางเข้า-ออกด่านศุลกากร ซึ่งอาจตัดขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ ที่ต้องใช้งบประมาณสูงหลาย 10 ล้านบาท ด้านการลงทุนให้สร้างแรงจูงใจต่างชาติ 

ยกระดับสำนักงานสสว. 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงมาตรการเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวไฮซีซั่นที่จะมาถึงห้วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ให้เร่งทำกิจกรรมการตลาดในทุกตลาดสำคัญทั้งญี่ปุ่น อินเดีย ฮ่องกง อาเซียน สหภาพยุโรป และจีน โดยมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสภาธุรกิจท่องเที่ยวจับมือสายการบินต่างประเทศเร่งออกแคมเปญ ส่วนการเร่งดำเนินการสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ โดยเฉพาะความร่วมมือเจรจาการค้า ทั้งในกรอบพหุภาคีและทวิภาคีที่ติดขัดมาเป็นเวลานาน อันเนื่องมาจากข้อกฎหมายและปัญหาการเมืองของไทย และเร่งรัดให้พิจารณาจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ในพื้นที่ห่างไกล 

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมาได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าเอสเอ็มอีเป็นกลไกพื้นฐานที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ ต้องพร้อมปรับปรุงโครงสร้างการยกระดับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้มีขอบเขตงานที่กว้างขึ้น เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ มีการ บูรณาการร่วมกับส่วนราชการทุกกระทรวงและภาคเอกชน การสนับสนุนงบประมาณ การบริหารจัดการให้เกิดความรวดเร็ว รวมถึงการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

ปรับเพิ่มบำนาญผู้สูงอายุ 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ด้านสังคมจิตวิทยา นอกจากการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ คสช.มียุทธศาสตร์เร่งด่วนคือ การลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนด้วยการแก้ไขปัญหาปากท้อง ความยากจน ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม การสร้างระบบความยุติธรรม โดยมอบหมายให้ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กระทรวงมหาดไทย องค์กรส่วนท้องถิ่นและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันบูรณาการในแต่ละพื้นที่ โดยให้สอดคล้องกับแนวทางตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 

     หัวหน้า คสช.กล่าวว่า หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช. (พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร.) ร่วมประชุมกับกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เรื่องการแก้ไขปัญหาบ่อขยะ การลักลอบตัดไม้ การบุกรุกป่าและอุทยาน กระทรวงคมนาคมและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ขสมก.) มีการพิจารณาทบทวนโครงการจัดซื้อรถเมล์ ขสมก. 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปรับปรุงเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญสำหรับ ผู้สูงอายุ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้สูงอายุ คสช.อนุมัติให้ปรับเพิ่มเงินบำนาญขั้นต่ำให้ได้รับไม่น้อยกว่าเดือนละ 9,000 บาท

จับมือพม่าแก้ปัญหาผู้ลี้ภัย 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องอื่นๆ ที่สำคัญในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการพบปะหารือของคณะผบ.สส.เมียนมาร์กับ คสช. ประเด็นสำคัญที่ไทยและพม่าจะร่วมมือกันในการดูแลช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ บุคคลเหล่านี้ถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ควบคุมนานหลายปีแล้ว ขาดอิสระเสรีภาพ เป็นปัญหามายาวนาน มีผู้ลี้ภัยจากการสู้รบพำนักอยู่ในศูนย์พักพิงของไทย 9 แห่งจำนวนมากกว่า 1.3 แสนราย ไทยและพม่าจะอำนวยความสะดวกให้บุคคลเหล่านั้นได้เดินทางกลับประเทศโดยสวัสดิภาพเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ยังมีความร่วมมือด้านอื่นๆ เช่น การพิสูจน์สัญชาติผู้อพยพชาวโรฮิงยา การปักปันเขตแดนในพื้นที่ที่ไม่มีปัญหา และการไม่สนับสนุนกลุ่มต่อต้านของทั้งสองประเทศ รวมทั้งการร่วมมือกันพัฒนาเรื่องพลังงาน เมียนมาร์ขอบคุณ คสช.ที่มีมาตรการดูแลช่วยเหลือลูกเรือประมงชาวเมียนมาร์ให้ได้รับความปลอดภัยและมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเตรียมการสู่ประชาคมอาเซียน คสช.เร่งรัดเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมถนนโครงข่ายต่างๆ ช่องทางเข้า-ออกด่านศุลกากร คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า ระบบรางที่จะต้องเจรจากับเพื่อนบ้านให้เชื่อมต่อกันได้ทั้งอาเซียน และให้กระทรวงพาณิชย์และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปเร่งเจรจาทางด้านกฎกติกาทางการค้า แก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคให้เอื้อต่อการค้าการลงทุนในกรอบของอาเซียนโดยที่ฝ่ายไทยต้องไม่เสียประโยชน์ และมีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ หรือ ซูเปอร์บอร์ด เพื่อดูแลเรื่องของรัฐวิสาหกิจ

ร่วมปปช.สอบจำนำข้าว 

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว มีอยู่ 2 แนวทาง/การปฏิบัติ 1. เป็นการปฏิบัติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบและระบายข้าวของ คสช. จะมีที่รับบัญชีจากวันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นมา เพื่อตรวจสอบตามโกดังข้าวต่างๆ ในอนาคตจะทยอยระบายข้าวต่อไป ในส่วนที่มีปัญหาคงเป็นเรื่องของการดำเนินการทางกฎหมายทั้งแพ่งและอาญา ในส่วนของ ป.ป.ช.จะตรวจสอบไป ส่วนของ คสช.ก็จะตรวจสอบ เป็นลักษณะการตรวจสอบและการถ่วงดุลทั้ง 2 ฝ่าย ทั้ง 2 ด้าน ข้อมูลก็คนละข้อมูลกันตอนท้ายคงต้องมาสรุปข้อมูลให้ตรงกันอีกครั้ง

   หัวหน้า คสช. กล่าวว่า การตรวจสอบทางบัญชีก่อนหน้าวันที่ 1 มิ.ย.จะเป็นเรื่องของ ป.ป.ช.ดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องการของจำนำข้าว เก็บข้าว รักษาข้าว ของ คสช. จะรับบัญชีมาตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เพื่อตรวจสอบจำนวนข้าวที่มีอยู่และจะระบายข้าวอย่างไร เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการอีก 2-3 คณะที่จะดำเนินการต่อไป

แจงเนื้อหารธน.ชั่วคราว 

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งที่สังคมคงอยากทราบคือ เราจะเดินไปข้างหน้ากันอย่างไร เรื่องแรกคือรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว จะมีไม่เกิน 50 มาตรา ระบุให้รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นมาภายในเดือนก.ย. 2557 ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสะดวกรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองที่มีจำนวนมากให้เป็น ผลสัมฤทธิ์ตามความคาดหวังของประชาชน อาจต้องมีข้อจำกัดบางประการอยู่บ้างในรัฐธรรมนูญดังกล่าว หากใช้วิธีการบริหารราชการปกติทุกเรื่องอย่างที่ทุกคน หลายๆ ฝ่ายต้องการก็จะแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ได้แน่นอน จะไม่เกิดประโยชน์ ต้องให้เวลา คสช. ให้โอกาส และเครื่องมือในการทำงานนี้ด้วย

    หัวหน้า คสช. กล่าวว่า เรื่องอำนาจ คสช./รัฐบาล มีการตรวจสอบถ่วงดุลกันเท่านั้น การบริหารจะเน้นหนักให้รัฐบาลเป็นผู้บริหารราชการ ด้านความมั่นคงจะเน้นหนักให้ คสช.ดูแลรับผิดชอบ สำหรับความร่วมมือระหว่าง 2 ฝ่าย คือการหารือร่วม ประชุมร่วม แลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลกัน มีการประชุม เมื่อจำเป็น และเสนอแนะข้อพิจารณาต่างๆ ให้รัฐบาลนำไปสู่การปฏิบัติ ในเรื่องอื่นๆ เป็นไปในลักษณะคำแนะนำที่ คสช.จะมีต่อรัฐบาล

ปรองดองก่อนถึงปฏิรูปได้ 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปรองดอง/ การปฏิรูป การปรองดองคือการสร้างสภาวะแวดล้อมสู่การปฏิรูปเพื่อลดความขัดแย้ง มีการพบปะพูดคุยกัน ระบายความคิดเห็นได้บ้าง ถ้าเราปรองดองกันไม่ได้ก็ปฏิรูปไม่ได้แน่นอน ฉะนั้นต้องหาทางออกจากความ ขัดแย้งให้ได้ก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาสร้างความเข้าใจ ทุกกลุ่มฝ่ายต้องลดความบาดหมาง กินใจ หรือความไม่ไว้วางใจต่อกันและต้องทำอย่างต่อเนื่อง ทุกฝ่ายต้องหาจุดที่จะเข้าไปร่วมกันว่าจะหาทางออกความขัดแย้งอย่างไร ทั้งในระยะเร่งด่วนและยั่งยืนในอนาคต วันนี้ต้องช่วยกัน จะทะเลาะเบาะแว้งกันต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องยอมรับในความต่าง ความชอบส่วนตัว ความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ไปดูบทเรียนของอินโดนีเซีย ที่กำลังเลือกตั้งประธานาธิบดี วันนี้ก็มีผลการเลือกตั้งในระยะที่ 1 ออกมาแล้ว มีประชาชนเป็นอันดับ 3 ของโลก เขายอมรับในความเห็นต่าง ความชอบที่แตกต่างกันก็ต้องนำเขามาเป็นแบบอย่าง ถ้าสร้างกลไกประชาธิปไตยให้ดีแล้วเหมือนที่เรากำลังจะทำในขั้นของการปฏิรูป ถ้าทุกคนร่วมมือกันก็จะไม่เกิดความขัดแย้งต่อไปในอนาคต เราก็จะเป็นอย่างที่เขาเป็น เราเสียเวลามามากแล้วเกี่ยวกับเรื่องของการเป็นประชาธิปไตยของไทย หลายสิบปีมาแล้วคงต้องแก้ไขให้ได้โดยเร็ว

แจกแจงที่มาสภาปฏิรูป 

      หัวหน้า คสช. กล่าวว่า การปฏิรูป ขณะนี้ทางสำนักงานปฏิรูปของ คสช.ได้รวบรวมคน/ข้อมูลจากหลายภาคส่วนไว้แล้ว ในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ต้องการให้ทุกส่วนเตรียมการจัดผู้แทนเพื่อสมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป ในระยะที่ 2 โดยมีกระบวนการคัดสรรที่กำหนดไว้แต่เดิมประมาณ 11 กลุ่ม น่าจะประมาณ 550 คน และเพิ่มเติมในส่วนการคัดเลือกจากจังหวัดต่างๆ เพื่อเป็นผู้แทนจังหวัด น่าจะจังหวัดละ 5 คน รวมเป็น 380 คน ในส่วนของจังหวัดต้องคัดเลือกให้เหลือจังหวัดละ 1 คน โดยประมาณ จาก 380 คนจะเหลือ 76 คน รวมกับกลุ่มปฏิรูปที่รับสมัครจากทั่วไปอีก 11 กลุ่ม (550 คน) และจะคัดสรรให้เหลือไม่เกิน 250 คน และแบ่งลงกลุ่มต่างๆ ให้ได้ทั้ง 11 กลุ่ม โดยต้องมีส่วนร่วมในทุกๆ กลุ่ม 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จำนวน 550 บวก 76 ก็จะประมาณ 630 เป็นตัวเลขโดยรวมก่อน เสร็จแล้วจะคัดเลือกออกมาให้ได้เหลือ 250 ใน 250 จะแบ่งลง 11 กลุ่มให้ได้ ในกลุ่มต่างๆ ต้องมีคนทุกภาคส่วนเข้าร่วม กลุ่มที่ 1 กลุ่มการเมือง มีมากไปก็ต้องเฉลี่ยไปยังกลุ่มอื่นๆ ด้วย เพื่อจะได้รับรู้รับทราบโดยทั่วกัน ทั้งหมดจะเป็นผลของการปฏิรูปและนำเสนอสู่ที่ประชุมของสภาปฏิรูป เป็นมติออกมา เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเสนอไปยังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวร 

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คณะกรรมการ ดังกล่าวจะรับข้อมูลจากทั้ง 2 ส่วนคือ สภาปฏิรูป สภานิติบัญญัติ โดยรวบรวมปัญหา/ข้อขัดข้องต่าง ๆ ที่เป็นความขัดแย้งมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมาเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข จัดทำ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร เพื่อจะนำไปใช้ในการเลือกตั้งในโอกาสต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชอบธรรมและเป็นธรรมแก่ทุกพวกทุกฝ่าย เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันอีกต่อไปในอนาคต

ระยะ 2 สำคัญมาก 

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะเห็นว่าช่วงเวลาระยะที่ 2 เป็นระยะเวลาที่มีความสำคัญยิ่งกับประเทศชาติและประชาชน คสช.ต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ประชาชนทุกพวกทุกฝ่ายต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียวช่วยกันแก้ปัญหาทุกอย่างทุกด้านให้ได้ในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปี ให้ได้อย่างยั่งยืน ถ้าการปฏิรูปยังเกิดขึ้นไม่ได้ก็จะมีการต่อต้าน มีความขัดแย้ง มีความวุ่นวาย มีความไม่สงบเกิดขึ้นอีกในอนาคต ในปีข้างหน้าต่อไป ฉะนั้นช่วงของการปฏิรูปมีความสำคัญ ทุกคนต้องลดอัตตาตนเองลงบ้าง โดยต้องมองที่ประเทศชาติเป็นหลักว่าจะเดินไปอย่างไร ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม พลังงาน การศึกษา การทุจริตคอร์รัปชั่น กฎหมาย มีปัญหาอยู่มากมาย จริงๆ แล้ว 1 ปี ค่อนข้างจะน้อยด้วยซ้ำไป แต่ คสช.ไม่ต้องการจะรบกวนเวลา วันนี้เราใช้วิธีการตามกฎหมายที่ไม่ปกติควบคุมอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้นหากบอกว่าในห้วงที่ 2 จะเป็นปกติมากกว่านี้ จะต้องเป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้ ถามว่าจะแก้ไขอะไรได้หรือไม่ ถ้าแก้ได้ง่ายขนาดนั้นตนก็ไม่จำเป็นต้องออกมา 

สคร.รื้อเกณฑ์-เฉือนโบนัส 

   นายกุลิศ สมบัติศิริ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า จะมีการหารือพิจารณาเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์ และการจ่ายผลตอบแทนของรัฐวิสาหกิจใหม่ทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ ในหลักการจะพิจารณาว่ามีรัฐวิสาหกิจแห่งใดบ้าง ที่มีการจ่ายผลตอบแทน รวมถึงโบนัสที่ยังไม่มีความเหมาะสม หลักการการจ่ายผลตอบแทนต่างๆ มีความสมเหตุสมผลเพียงพอหรือไม่ ก่อนจัดทำแผนปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ทั้งหมด เข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือ ซูเปอร์บอร์ด และขอความเห็นชอบจาก คสช. อีกครั้งในเร็วๆ นี้

     นายกุลิศ กล่าวว่า ทั้งนี้ การปรับปรุงอาจต้องตัดการให้สิทธิประโยชน์บางเรื่องที่ให้กับผู้บริหารรัฐวิสาหกิจออก ขณะที่ประเด็นการจ่ายเงินโบนัส คงไม่ได้มีการปรับลดเงินโบนัส หรือปรับอัตราการจ่ายลดลง แต่จะไปปรับเกณฑ์การประเมินการจ่ายโบนัสใหม่ให้เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม จะไม่มีการจ่ายโบนัสสูงเกินไปเหมือนในปัจจุบัน ที่มีรัฐวิสาหกิจหลายแห่งจ่ายโบนัสเฉลี่ยสูงถึง 6-11 เดือน เป็นต้น การปรับโบนัสพนักงานให้เหมาะสมนั้นเป็นอำนาจที่ สคร.สามารถดำเนินการ โดยเตรียมนัดประชุมกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาว่าเกณฑ์ให้โบนัสที่ สคร.ใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมถึงกระบวนการพิจารณาโบนัสนั้นเหมาะสมหรือไม่ ควรจะมีการปรับตัวชี้วัดหรือปรับเกณฑ์ใหม่หรือไม่ เพราะเกณฑ์เดิมใช้มานานหลายปีแล้ว

สั่งลดการจ่ายค่าตอบแทน 

     รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สคร.เตรียมส่งหนังสือแจ้งไปยังรัฐวิสาหกิจที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์เพื่อพิจารณาปรับลดการจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่มีความเหมาะสม เช่น การออกบัตรเครดิต บัตรเดบิตให้กับกรรมการรัฐวิสาหกิจ โดยเปิดวงเงินให้เฉลี่ยเดือนละ 1-3 แสนบาท หากใช้ไม่หมดสามารถสมทบใช้เดือนถัดไปได้ หรือการเลี้ยงรับรองสำหรับผู้บริหารใช้พาลูกค้าไปตีกอล์ฟและเลี้ยงสังสรรค์ โดยมองว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้มีได้ในปริมาณที่สมควรเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เป็นหลักหลายล้านบาทเหมือนในปัจจุบัน ขณะที่รัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะส่งหนังสือขอความร่วมมือเพราะไม่สามารถไปออกคำสั่งได้

'ปู'ยังไม่แจงปปช.'นาฬิกาหรู'

    ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นาย วรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการป.ป.ช. เผยความคืบหน้ากรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2556 เกี่ยวกับนาฬิกา เรือนละ 2.5 ล้านบาท ไม่ปรากฏในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ว่า หลังจากที่คณะอนุกรรมการขอให้น.ส. ยิ่งลักษณ์ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีการขายแล้วนำไปซื้อเครื่องประดับ เท่าที่ทราบยังไม่มีการชี้แจงเข้ามา อย่างไรก็ตามปกติการชี้แจงดังกล่าวจะส่งไปที่ประธานอนุกรรมการและหากเป็นข้อมูลสำคัญประธานอนุฯก็จะเรียกประชุมทันที

ดันออกกฎคุม'ประชานิยม'

     นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า จะทำหนังสือประสานไปยังเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในเร็วๆ นี้ เพื่อนัดหารือระหว่าง ป.ป.ช.และกกต.ชุดใหญ่ เกี่ยวกับมาตรการดูแลนโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองที่จะใช้หาเสียงเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมาหลายนโยบายสร้างความเสียหายให้กับประเทศ เมื่อมีการร้องเรียนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับอ้างและให้เหตุผลว่าที่ต้องดำเนินการแม้จะรู้ว่ามีผลเสีย เนื่องจากเป็นนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน การอ้างดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ป.ป.ช จึงอยากเสนอแนวทางเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาจากนโยบายประชานิยมของพรรคการเมือง กกต.ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการเลือกตั้งควรออกระเบียบหรือกฎหมายตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนที่จะมีการใช้หาเสียง หากเป็นนโยบายประชานิยมก็จะต้องดูความชัดเจนของนโยบาย เช่นความเป็นไปได้ แหล่งเงินทุน งบประมาณที่ใช้ และผลกระทบของการดำเนินโครงการด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาเหมือนโครงการรับจำนำข้าว และโครงการประชานิยมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน

   นายสรรเสริญ กล่าวว่า เป็นมติของป.ป.ช.ชุดใหญ่ที่มองเห็นปัญหาจากนโยบายประชานิยม ที่มีเรื่องร้องเรียนมายังป.ป.ช.เป็นจำนวนมาก จึงอยากเสนอให้แก้ปัญหาแต่ต้นทาง โดยจะหารือกับกกต. ขอให้ตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมืองก่อนที่จะมีการหาเสียง โดยกำหนดให้ทุกพรรคก่อนหาเสียงต้องส่งรายละเอียดนโยบายให้กกต.พิจารณาตรวจสอบดูก่อนว่ามีความเหมาะสม เป็นไปได้ และจะสร้างความเสียหายหรือไม่

กกต.เล็งแก้กฎหมาย 

    รายงานข่าวจาก กกต.แจ้งว่า ภายในสัปดาห์นี้ กกต.จะประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกกต. ไม่ว่าจะเป็นตัวรัฐธรรมนูญในมาตราที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น กกต.คงจะพิจารณาว่ากฎหมายข้อใดที่ยังเป็นปัญหาในการจัดการเลือกตั้ง หรือการปฏิบัติหน้าที่ของกกต. 

    รายงานข่าวเผยว่า สำนักงานกกต.มีข้อมูลดิบแล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นลงในรายละเอียดมากนักว่าจะแก้ไขในมาตราใดบ้าง เพราะยังไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์การแก้ไขหรือวางกติกาใดๆ อีกทั้งการแก้ไขกฎหมาย กกต.ยังต้องรอดูตัวรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด เปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งกกต.ก็ต้องปรับแก้ให้รองรับกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ 

    รายงานข่าวระบุ กรณีป.ป.ช.เตรียมหารือร่วมกับกกต.เพื่อกำหนดมาตรการดูแลนโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองว่า การตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมืองเป็นหน้าที่โดยตรงของกกต. แต่คงเป็นเรื่องยากที่หากพรรคเสนอนโยบายประชานิยมมาแล้วป.ป.ช.บอกว่าผิดจึงให้กกต.ต้องแจกใบเหลืองหรือใบแดง กฎหมายที่ใช้ตรวจสอบเป็นคนละส่วนกัน อีกทั้งนโบายประชานิยมที่ดีและเป็นรูปธรรมก็มีอยู่มาก ดังนั้นคงต้องรอให้มีการหารือกันก่อนจึงจะแน่ชัดอีกครั้ง 

บัวแก้วถอนพาสปอร์ต"ปวิน" 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของบุคคลที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 1 ราย เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา คือ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ การยกเลิกหนังสือเดินทางเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 23 (2) ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่สามารถยกเลิก หรือเรียกหนังสือเดินทางได้เมื่อปรากฏภายหลังว่าผู้ถือหนังสือเดินทางเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อาจออกหนังสือ เดินทางได้ เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งถือป็นการดำเนินการตามขั้นตอนหลังกระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ขอให้เพิกถอนหนังสือ เดินทางของนายปวิน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีในคดีอาญาที่ได้ออกหมายจับไว้แล้ว

     นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่รมว.ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนจีนกล่าวถึงข่าวการถอนหนังสือเดินทางของนายปวินว่า เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ หลังได้รับแจ้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

'พิเชษฐ'อาลัย'ปาน พึ่งสุจริต'

    ร.ต.อ.ภูมินทร์ พึ่งสุจริต บุตรชายนายปาน พึ่งสุจริต รองเลขาธิการพรรคมาตุภูมิ เปิดเผยว่า หลังจากพบร่างคุณพ่อปาน ที่ท่าน้ำของโกดังแห่งหนึ่งย่าน อ.พระประแดง จ.สมุทร ปราการ สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับบรรดาญาติสนิท มิตรสหายเป็นอย่างมาก ญาติได้จัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพในวันที่ 10-18 ก.ค. เวลา 18.30 น. (งดสวดวันที่ 11-12 ก.ค.) ที่ศาลา 5 วัดโสมนัสราชวรวิหาร และกำหนดฌาปนกิจ วันที่ 19 ก.ค. เวลา 17.00 น. ทั้งนี้ทางญาติขอกราบขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมงานมา ณ โอกาสนี้ด้วย

     นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนรู้จักกับ นายปานมานานแล้วเมื่อตอนที่เคยเป็นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีร่วมกันประมาณ 4-5 ครั้ง ซึ่งนายปาน มีความรู้เรื่องงบประมาณลึกซึ้งดี เป็น ผู้คอยซักถามและให้ความเห็นเกือบทุกหน่วยงาน ทุกมาตราของกฎหมายโดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น นายปานมีลักษณะเป็นคนพูดจาฉะฉาน เสียงดัง ขยันเข้าประชุม ไม่ค่อยขาดงาน อีกทั้งยังเป็นคนพูดจาสนุกเฮฮา แต่ในช่วง 2 ปีหลังรู้สึกนายปานมีท่าทีซึมเศร้า เคร่งเครียดไม่ค่อยพูดจา เจ้าตัวเคยบอกว่าเป็นโรคเรื้อรังไปหาแต่หมอเป็นประจำและอายุก็มากแล้ว รู้สึกเบื่อเต็มที ไม่อยากอยู่ให้ทรมานทั้งตัวเองและผู้อื่น จึงเข้าใจถึงความทุกข์ของนายปานดี จึงขอให้นายปานเพื่อนรักไปสู่สุคติ

เผยธรรมนูญ 50 มาตรา จัดถ่วงดุล'คสช.-ครม.'แบ่งอำนาจ 'บิ๊กตู่'ออกทีวีแจงเอง เปิดสูตรคัดสภาปฏิรูป ชู 12 ข้อค่านิยมคนไทย จีนเชิญ'ป๋าเปรม'เยือน ถอนพาสปอร์ต'อ.ปวิน'

 

ย้ำร่วมมือ - นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เยี่ยมคารวะและหารือกับนายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศจีน ที่กระทรวงต่างประเทศจีน โดยจีนยืนยันจะผลักดันความร่วมมือรอบด้าน พร้อมเชิญ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เยือนจีนฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 40 ปี เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม

มติชนออนไลน์ :

     'บิ๊กตู่'ชวนทุกฝ่ายสมัครนั่งสภาปฏิรูป ก่อนคัดเหลือ 250 คน แบ่ง 11 กลุ่ม แจงแต่งตั้งบิ๊ก ขรก.เน้นโปร่งใส ไร้สัมพันธ์ส่วนตัวกับ คสช. ชู 12 ข้อปลุกค่านิยมคนไทยใหม่ เผย รธน.ชั่วคราวเน้นถ่วงดุล บัวแก้วถอนพาสปอร์ต"ปวิน"

'บิ๊กตู่'ชี้ขรก.สัมพันธ์การเมือง

      เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 11 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า เรื่องการสร้างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้กับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกภาคส่วน จะต้องทำให้บุคคลเหล่านั้นสามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการย้ายข้าราชการระดับสูง ในห้วงที่ผ่านมาสังคมอาจมีความเป็นกังวลอยู่บ้าง ต้องขอเรียนว่าต้องยอมรับความจริงก่อนว่า ในห้วง 17 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เข้ามามีอิทธิพลและมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับกลุ่มข้าราชการระดับสูงในทุกๆ กระทรวง ทำให้การทำงานของข้าราชการไม่ได้สะท้อนถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเท่าที่ควร

ยันตั้งขรก.ไร้สัมพันธ์คสช.

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อ คสช. เข้ามาบริหารประเทศในช่วงนี้ ก็ให้โอกาสข้าราชการทำงานอย่างเป็นอิสระปราศจากการครอบงำ แต่ในห้วงเกือบ 2 เดือนที่ได้เฝ้าติดตามการทำงานของบางหน่วยงานยังมีปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความขัดแย้งภายในองค์กร การร้องเรียน การทุจริต ไม่โปร่งใส มีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมายตลอดจนข้อสำคัญคือความไม่พึงพอใจของผู้ใต้บังคับบัญชาในหน่วยงานนั้นๆ 

    "บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ทุกๆ ท่านไม่มีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวกับ คสช. แต่ประการใด เป็นบุคคลที่เติบโตและก้าวหน้ามาในองค์กรนั้นๆ เป็นหลัก คสช. จะพิจารณาเรื่องความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพและการยอมรับภายในองค์กรในการพิจารณาแต่งตั้ง และการยอมรับในหน่วยงานเหล่านั้น เพื่อให้งานต่างๆ เป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว" หัวหน้า คสช.กล่าว

ชู 12 ข้อปลุกค่านิยมคนไทย

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า น่าจะกำหนดค่านิยมหลักของคนไทยขึ้นมาให้ชัดเจนขึ้น เพื่อจะได้สร้างสรรค์ประเทศไทยให้เข้มแข็ง ฉะนั้นคนต้องเข้มแข็งก่อน คนในชาติจะต้องเป็นอย่างไร คือ 1.มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม 3.กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ 4.ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียน 5.รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม 6.มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน 7.เข้าใจ เรียนรู้ การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง 

     8.มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่ 9.มีสติ รู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 10.รู้จักดำรงตนอยู่ โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 11.มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาป ตามหลักของศาสนา 12.คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และต่อชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง เป็นสิ่งที่ตนรวบรวมไว้ได้ประมาณ 12 เรื่องที่เป็นค่านิยมของคนไทย

เผย'คสช.-รบ.'ถ่วงดุลกัน

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว จะมีไม่เกิน 50 มาตรา ระบุให้รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นภายในเดือนกันยายน ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสะดวกรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองที่มีจำนวนมากให้เป็นผลสัมฤทธิ์ตามความคาดหวังของประชาชน อาจจะต้องมีข้อจำกัดบางประการอยู่บ้างในธรรมนูญดังกล่าว หากใช้วิธีการบริหารราชการปกติทุกเรื่องอย่างที่หลาย ๆ ฝ่ายต้องการ จะแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ได้แน่นอน ฉะนั้นจะไม่เกิดประโยชน์ ต้องให้เวลา คสช. ให้โอกาสและเครื่องมือในการทำงานนี้ด้วย

    "เรื่องอำนาจ คสช.กับรัฐบาล มีการตรวจสอบถ่วงดุลกันเท่านั้น การบริหารจะเน้นหนักให้รัฐบาลเป็นผู้บริหารราชการ ด้านความมั่นคงจะเน้นหนักให้ คสช. ดูแลรับผิดชอบ สำหรับความร่วมมือระหว่าง 2 ฝ่าย คือการหารือร่วม ประชุมร่วม แลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลกัน มีการประชุมเมื่อจำเป็น และเสนอแนะข้อพิจารณาต่างๆ ให้รัฐบาลนำไปสู่การปฏิบัติ ในเรื่องอื่นๆ เป็นไปในลักษณะคำแนะนำที่ คสช. จะมีต่อรัฐบาล" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ยก"อินโดฯ"แนวปรองดอง

     หัวหน้า คสช. กล่าวว่า ต้องการให้สังคมเข้าใจว่าการปรองดองคืออะไร การปฏิรูปคืออะไร การปรองดองคือการสร้างสภาวะแวดล้อมสู่การปฏิรูป เพื่อลดความขัดแย้งลงมีการพบปะพูดคุยกัน ระบายความคิดเห็นได้บ้าง ถ้าหากปรองดองกันไม่ได้ ก็ปฏิรูปไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นต้องหาทางออกจากความขัดแย้งให้ได้ก่อน จากทุกพวกทุกฝ่าย การปรองดองนั้นต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจ ทุกกลุ่มฝ่ายต้องลดความบาดหมาง กินใจ หรือความไม่ไว้วางใจต่อกัน และต้องทำอย่างต่อเนื่อง วันนี้เราทำให้รับรู้ร่วมกัน คบค้าสมาคมกัน มีความสุขร่วมกัน สดชื่น รื่นเริง แต่ขณะเดียวกันก็รับฟังความคิดเห็นของทุกพวกทุกฝ่าย ในระดับพื้นที่ จนกระทั้งถึงระดับสำนักงานคณะกรรมการปรองดองและการปฏิรูปของ คสช.

     "ทุกฝ่ายต้องหาจุดที่จะเข้าไปร่วมกันตรงนั้นว่าจะหาทางออกของความขัดแย้งได้อย่างไร ทั้งในระยะเร่งด่วน และยั่งยืนในอนาคต ต้องทราบว่าขัดแย้งกันด้วยอะไร และจะแก้ด้วยอะไร ถ้าใจไม่ยอมรับกัน ก็ไม่สามารถแก้อะไรได้เลย แล้วจะอยู่กันอย่างไรต่อไปในอนาคต วันนี้ต้องช่วยกัน ต้องยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ ผมอยากให้ดูประเทศอินโดนีเซียที่กำลังเลือกตั้งประธานาธิบดี เขามีประชาธิปไตยมาประมาณ 20 ปีเท่านั้นเอง เขาก็ยอมรับในความเห็นต่าง ความชอบที่แตกต่างกัน วันนี้เขาก็ยอมรับในผลการเลือกตั้งในระยะที่ 1 เขายอมรับในกติกาว่าควรจะต้องเป็นอย่างไร" หัวหน้า คสช.กล่าว 

ชวนทุกกลุ่มสมัครสภาปฏิรูป

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำนักงานปฏิรูปของ คสช.ได้รวบรวมคน ข้อมูลจากหลายภาคส่วนไว้แล้ว ในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ต้องการให้ทุกส่วนเตรียมการจัดผู้แทน เพื่อไปสมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป ในระยะที่ 2 โดยจะมีกระบวนการคัดสรรที่กำหนดไว้แต่เดิมประมาณ 11 กลุ่ม น่าจะประมาณ 550 คน และจะต้องไปเพิ่มเติมในส่วนการคัดเลือกจากจังหวัดต่างๆ ด้วย เพื่อเป็นผู้แทนจังหวัด น่าจะจังหวัดละ 5 คน รวมเป็น 380 คน ในส่วนของจังหวัดต้องคัดเลือกให้เหลือจังหวัดละ 1 คน จาก 380 คน ก็จะเหลือ 76 คน รวมกับจากกลุ่มปฏิรูป ที่รับสมัครจากทั่วไปอีก 11 กลุ่ม (550 คน) เหล่านั้นก็จะคัดสรรให้เหลือไม่เกิน 250 คน และแบ่งลงกลุ่มต่างๆ ให้ได้ทั้ง 11 กลุ่ม โดยจะต้องมีส่วนร่วมในทุกๆ กลุ่มหัวหน้า คสช.กล่าวว่า ฉะนั้นเมื่อถึงเวลานั้นผู้ที่สมัครจากหน่วยงาน หรือจากทุกภาคส่วนที่มีสิทธิในการเข้ามาสมัครนั้น จัดอยู่ในนั้นรวมหมดแล้ว ถ้าไปสมัครไว้ตรงนั้น แล้วเมื่อตั้งขึ้นมาได้จำนวน 550 บวก 76 ก็จะประมาณ 630 เป็นตัวเลขโดยรวมก่อน

คัดเหลือ 250 คนแบ่ง 11 กลุ่ม 

   "เสร็จแล้วจะคัดเลือกออกมาให้ได้เหลือ 250 ใน 250 ก็จะแบ่งลง 11 กลุ่มให้ได้ ในกลุ่มต่างๆ จะต้องมีคนทุกภาคส่วนเข้าร่วม ท่านสมัครอะไรมาก จากกลุ่มที่ 1 กลุ่มการเมืองมีจำนวนมากไปก็ต้องเฉลี่ยไปยังกลุ่มอื่น ๆ ด้วย เพื่อจะได้รับรู้รับทราบโดยทั่วกัน ทั้งหมดจะเป็นผลของการปฏิรูปขึ้นมา และนำเสนอสู่ที่ประชุมของสภาปฏิรูป เป็นมติออกมา ก็เสนอมาให้สภานิติบัญญัติส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เสนอไปยังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวร" หัวหน้า คสช.กล่าว

   พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจะรับข้อมูลจากทั้ง 2 ส่วนคือ สภาปฏิรูป สภานิติบัญญัติ โดยรวบรวมปัญหา ข้อขัดข้องต่างๆ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข จัดทำ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร เพื่อจะนำไปใช้ในการเลือกตั้งในโอกาสต่อไป เพื่อให้เกิดความชอบธรรม และเป็นธรรมแก่ทุกพวกทุกฝ่าย เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันอีกต่อไปในอนาคต

วอนลดอัตตา-ร่วมปฏิรูป

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าช่วงเวลาระยะที่ 2 มีความสำคัญยิ่งกับประเทศชาติและประชาชนในอนาคต คสช. ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน ทุกพวก ทุกฝ่าย ต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อจะช่วยกันแก้ปัญหาทุกอย่าง ทุกด้าน ได้รับการแก้ไขในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปีให้ได้อย่างยั่งยืน

     "ทุกคนกลัวว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ถ้าการปฏิรูปยังเกิดขึ้นไม่ได้ ก็จะมีการต่อต้าน มีความขัดแย้ง มีความวุ่นวาย มีความไม่สงบเกิดขึ้นอีกในอนาคต เราต้องเตรียมการวันนี้ให้พร้อม ฉะนั้นในช่วงการปฏิรูปมีความสำคัญ ทุกคนต้องลดอัตตาตนเองลงบ้าง ทุกคนต้องคิดว่าทำอย่างไรจึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติในอนาคต" หัวหน้า คสช.กล่าว

'บิ๊กตู่'ไม่ร่วมทำบุญทำเนียบ

   ก่อนหน้านั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. เดินทางเข้าทำงานที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ตามปกติ แม้จะเป็นวันหยุดราชการ เพื่อติดตามการดำเนินงานด้านต่างๆ ของ คสช.และกองทัพบก ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ได้รับบัตรเชิญร่วมทำบุญใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 14 กรกฎาคมแล้ว แต่คาดว่าจะไม่ได้เดินทางไปร่วมงาน เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์งดออกงาน ต้องการทำงานของ คสช.เพียงอย่างเดียว

   เช่นเดียวกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายสังคมและจิตวิทยา เข้าทำงานตามปกติที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) เพื่อติดตามการทำงานของ คสช.ในส่วนที่รับผิดชอบเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุม คสช.ชุดใหญ่ในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ขณะที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ สั่งการให้แต่ละส่วนงานดำเนินงานของตนเองให้เรียบร้อยและพร้อมประชุม คสช.ชุดใหญ่วันที่ 15 กรกฎาคม

ทุ่ม 300 ล.ปรับทำเนียบใหม่

   ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลัง คสช.ขอใช้ตึกนารีสโมสร ซึ่งเดิมเป็นศูนย์แถลงข่าวของรัฐบาลมาหลายรัฐบาลและเป็นห้องทำงานของทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่รับรองแขกของรองนายกฯ สำหรับรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่นั้น วันเดียวกันนี้มีเพียงเจ้าหน้าที่จากกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้ามาสำรวจและถ่ายภาพเก็บรายละเอียดภายนอกตัวอาคารเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุง

    ในส่วนการปรับปรุงอาคารภายในทำเนียบรัฐบาล ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกบัญชาการ 1-2 และตึกนารีสโมสร เจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรเข้ามาดูแลรับผิดชอบเนื่องจากเป็นอาคารที่ขึ้นทะเบียนไว้ โดยทำงานร่วมกับกรมยุทธโยธาทหารบก กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรุงเทพมหานคร เข้ามาปรับปรุงภายในและปรับภูมิทัศน์รอบอาคาร โดยภายในตึกบัญชาการได้ปรับปรุงห้องทำงาน รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์สำนักงานเพื่อรองรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.และหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าการปรังปรุงอาคารสถานที่ภายในทำเนียบรัฐบาลเพื่อรองรับ ครม.ชุดใหม่ ที่ประชุมได้หารือถึงค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสถานที่ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณไม่เกิน 300 ล้านบาท

วิจารณ์แซดตัวเหี้ยกัดกันเอง

     รายงานข่าวแจ้งว่า การปรับปรุงสถานที่ครั้งนี้มีการเตรียมการมาระยะหนึ่งแล้วแต่ยังไม่ได้ทำเนื่องจากมีการชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ไม่ใช่การปรับเพื่อเสริมฮวงจุ้ยอย่างที่มีการตั้งข้อสังเกตแต่อย่างใด

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการปรับปรุงตกแต่งสถานที่ภายในทำเนียบ ตัวเหี้ยสองตัวที่อยู่โพรงดินใต้ตึกบัญชาการเดินออกมาบริเวณถนนด้านข้างตึกบัญชาการ 2 ฝั่งลานจอดรถของเจ้าหน้าที่ และกัดกันเองจนได้รับบาดเจ็บ จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องออกมาไล่ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่ สื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา เนื่องจากสัตว์ดังกล่าวอยู่ร่วมกันอย่างสงบและไม่เคยทำร้ายกันมาก่อน

มทภ.1 แจงคง'กฎอัยการศึก'

    พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวว่า หากมีธรรมนูญปกครองชั่วคราวแล้วจะประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกหรือไม่นั้น ต้องประเมินสถานการณ์กันก่อน เพราะขณะนี้ยังมีการตรวจจับอาวุธสงคราม ของเถื่อน และไม้เถื่อนอย่างต่อเนื่อง การจะยกเลิกกฎอัยการศึกต้องดูเรื่องความเหมาะสม อาทิ ด้านความมั่นคง ความเป็นไปของสังคมที่ต้องปราศจากการแทรกซ้อนจากปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะความสงบสุขของประชาชนว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วมาพิจารณาว่าจะยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกหรือไม่

     "ไม่ทราบว่า จะต้องคงการใช้กฎอัยการศึกไว้อีกนานหรือไม่ ต้องดูสภาพแวดล้อมหลังมีธรรมนูญชั่วคราวก่อนเนื่องจากยังมีปัญหาต้องเฝ้าระวังอยู่ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คสช. จะเป็นผู้พิจารณาเรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสม ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี ต้องติดตามหลังมีธรรมนูญปกครองชั่วคราวอีกครั้ง" พล.ท.ธีรชัยกล่าว

    พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูลเบื้องต้นในยกเลิกการใช้กฎอัยการศึก ต้องติดตามดูหลังจากมีธรรมนูญปกครองชั่วคราวอีกครั้ง ต้องประเมินปัจจัยหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความมั่นคง คล้ายๆ กับการยกเลิกประกาศเคอร์ฟิวที่ผ่านมา

เด้งผู้ว่าฯหนองคายเข้ากรุ 

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ไปช่วยราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นการประจำ ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง 

    นอกจากนี้ มีคำสั่งให้นายธนวัฒน์ พลอยโสภณรองผู้ว่าฯหนองคาย ไปดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯหวัดเลย, นายสุชาติ นพวรรณ รองผู้ว่าฯนครราชสีมา ไปดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯหนองคายและรักษาราชการแทนผู้ว่าฯหนองคาย และนายภานุ แย้มศรี รองผู้ว่าฯเลย ไปดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม เป็นต้นไป

จีนยันไทยเป็น"เพื่อน-ญาติ"

     นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการะหว่างวันที่ 11-12 กรกฎาคม เข้าร่วมการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-จีน ครั้งที่ 2 ที่กระทรวงต่างประเทศจีน ในกรุงปักกิ่ง กับนายหลิว เจิ้นหมิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงจากนั้นทั้งคู่แถลงข่าวร่วมกัน

     นายหลิว กล่าวว่า การหารือบรรลุวัตถุประสงค์อย่างกว้างขวาง มีการแสดงความคิดเห็นในเชิงลึกทั้งในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและประเด็นในภูมิภาค หลายปีมานี้ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์จีน-ไทยได้พัฒนาไปในเชิงลึก ผู้นำสองประเทศจึงมีความแลกเปลี่ยนผู้นำเสมือนญาติ จีนมีความยินดีที่จะต้อนรับเพื่อนเก่า รวมถึงรับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ไทยที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนเป็นระยะ ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวไทยมากที่สุด ไทยถือเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของจีนในอาเซียน จีนพร้อมส่งเสริมความร่วมมือทุกด้านกับไทย อาทิ การค้า การลงทุน การศึกษา ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

      "ไทยถือเป็นหุ้นส่วนของความร่วมมือที่สำคัญของจีนในภูมิภาคนี้ เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งหุ้นส่วน และเป็นญาติที่ดี จีนต้องการเห็นไทยมีความมั่นคง ความก้าวหน้า มีความสามัคคี และแสดงบทบาทที่มากขึ้นบนเวทีระหว่างประเทศ และเห็นด้วยที่จะให้มีการจัดกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกันเพื่อเฉลิมฉลอง 40 ปีความสัมพันธ์จีน-ไทยในทุกมิติ" นายหลิวกล่าว

ชมไทยประสาน"จีน-อาเซียน"

     นายหลิว กล่าวว่า จีนจัดให้ความสัมพันธ์กับอาเซียนเป็นวาระต้นๆ ของการดำเนินนโยบายทางการทูตของจีน ขณะนี้เข้าสู่ทศวรรษที่ 2 ของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์จีน-อาเซียน จีนพร้อมร่วมมือกับอาเซียนเพื่อให้ความสัมพันธ์เดินหน้าไปด้วยดี โดยจีนพร้อมหารือและลงนามในสนธิสัญญาเพื่อความเป็นมิตรภาพและเป็นเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมจะริเริ่มการเจรจาเพื่อยกระดับความร่วมมือเขตการค้าเสรีอาเซียนจีนให้พัฒนาไปสู่ระดับใหม่ ส่งเสริมการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย ส่งเสริมความร่วมมือทางทะเล และเสริมสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 และส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระดับบุคคล 

     "จีนชื่นชมบทบาทของไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-จีน ที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนและอาเซียน โดยจีนพร้อมพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับไทยเพื่อให้ความสัมพันธ์อาเซียน-จีนพัฒนาก้าวหน้าต่อไป" นายหลิวกล่าว

จีนเชิญ"เปรม"เยือนฉลอง 40 ปี

     ด้านนายสีหศักดิ์กล่าวขอบคุณจีนที่จัดให้เข้าเยี่ยมคารวะนายหยาง เจียฉือ มนตรีแห่งรัฐ (เทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรี) และนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน รวมถึงหารือกับนายหลิว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและความสำคัญที่จีนให้กับไทย การหารือเชิงยุทธศาสตร์ ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สองฝ่ายเห็นตรงกันว่าความสัมพันธ์และการเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทย-จีน ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อสองประเทศเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อภูมิภาคโดยรวมด้วย 

    นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ช่วงนี้ไทยและจีนให้ความสำคัญกับการยกระดับความร่วมมือในทุกด้านให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เนื่องจากในปี 2558 จะครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน ไทยจึงเสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วม 2 ประเทศ เพื่อหารือถึงการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญนี้ หนึ่งในกิจกรรมที่ถือเป็นส่วนสำคัญคือจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างสองประเทศ ตั้งแต่ระดับพระราชวงศ์ ผู้นำประเทศ นอกจากนี้ ทางจีนยังเชิญ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เยือนจีนอย่างเป็นทางการ โดยจะหารือถึงกำหนดวันที่ชัดเจนต่อไป

จีนหนุนไทยแก้ปัญหากันเอง

      นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงสถานการณ์การเมืองไทยว่ามีการดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ประเทศกลับมามีความสงบ มีเสถียรภาพ และกลับสู่ประชาธิปไตยภายใต้โรดแมป 3 ขั้น ซึ่งนายหลิวแสดงความเข้าใจและสนับสนุนแนวทางที่ไทยดำเนินอยู่ จีนเห็นว่าการเมืองไทยเป็นเรื่องที่คนไทยต้องหาทางแก้ไขกันเอง เพื่อนำประเทศกลับสู่เสถียรภาพและความเป็นประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังเห็นว่าความมั่นคงและเสถียรภาพของไทยมีความสำคัญต่ออาเซียนและภูมิภาคโดยรวม

     นายสีหศักดิ์กล่าวว่า จีนอยากเห็นบทบาทไทยในภูมิภาค โดยเฉพาะในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-จีน ซึ่งได้ยืนยันว่า ไทยจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านต่างๆ และเห็นว่าอาเซียน-จีนต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดตามกรอบความร่วมมือ 2+7 (นโยบายในการพัฒนาความสัมพันธ์กับอาเซียนของรัฐบาลใหม่จีน) เพื่อให้เกิดความคืบหน้าและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

บัวแก้วถอนพาสปอร์ต"ปวิน" 

    รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทางของบุคคลที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 1 ราย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา คือนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ 

     ทั้งนี้ การยกเลิกหนังสือเดินทางเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 23 (2) ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถยกเลิกหรือเรียกหนังสือเดินทางได้เมื่อปรากฏภายหลังว่าผู้ถือหนังสือเดินทางเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อาจออกหนังสือเดินทางได้ เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว ถือเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนหลังกระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอให้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนายปวิน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้ออกหมายจับไว้แล้ว

     นายสีหศักดิ์ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ยืนยันกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับข่าวการถอนหนังสือเดินทางของนายปวินว่า เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ หลังได้รับแจ้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ปปช.-กกต.ถกคุมประชานิยม

     นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) กล่าวว่า จะทำหนังสือประสานไปยังเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในเร็วๆ นี้ เพื่อนัดหารือระหว่าง ป.ป.ช.และ กกต.ชุดใหญ่ เกี่ยวกับมาตรการดูแลนโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองที่จะใช้หาเสียงเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมาหลายนโยบายสร้างความเสียหายให้กับประเทศ เมื่อมีการร้องเรียนว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นและ ป.ป.ช.รับเรื่องมาตรวจสอบ แต่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับอ้างว่าที่ต้องดำเนินการแม้จะรู้ว่ามีผลเสีย เพราะเป็นนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน การอ้างดังกล่าวไม่ถูกต้อง ป.ป.ช.จึงอยากเสนอแนวทางเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาจากนโยบายประชานิยมของพรรคการเมือง 

    นายสรรเสริญ กล่าวว่า กกต.ที่ดูแลการเลือกตั้งควรออกระเบียบในการตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนที่จะใช้หาเสียง โดยดูความเป็นไปได้ แหล่งเงินทุน งบประมาณที่ใช้ และผลกระทบด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาเหมือนโครงการรับจำนำข้าว และโครงการประชานิยมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน

"เป็นมติของ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ที่เห็นปัญหาจากนโยบายประชานิยม และมีเรื่องร้องเรียนมายัง ป.ป.ช.จำนวนมาก จึงอยากเสนอให้แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง โดยจะหารือกับ กกต.ขอให้ตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ที่จะใช้ก่อนหาเสียง โดยกำหนดให้ทุกพรรคส่งรายละเอียดนโยบายให้ กกต.พิจารณาตรวจสอบก่อนว่ามีความเหมาะสม เป็นไปได้ และจะสร้างความเสียหายหรือไม่ ก่อนนำไปหาเสียง" นายสรรเสริญกล่าว

วัดแก้วฟ้างดงานวันเกิดแม้ว

    นายสิงห์ทอง บัวชุม อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการจัดงานวันคล้ายวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ว่าตามปกติ 4 ปีที่ผ่านมาจะเป็นแม่งานจัดงานที่วัดแก้วฟ้าย่านบางกรวย แต่เนื่องจากปีนี้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ประเทศอยู่ภายใต้การปกครองของ คสช. อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปตรวจค้น ขอร้องเจ้าอาวาสไม่ให้จัดงานดังกล่าว จึงจำเป็นต้องงดไป 

    นายสิงห์ทอง กล่าวว่าแจ้ง พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็ไม่อยากให้จัดงานในปีนี้ เพราะต้องการให้ คสช.เดินหน้าทำงานคืนประชาธิปไตยและเลือกตั้งให้เร็วที่สุด ส่วนการจัดงานที่ประเทศฝรั่งเศสนั้น พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีแผนจะจัดงานเอง แต่เป็นเรื่องของคนที่รักเคารพต้องการจัดงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณย้ำว่าต้องการให้สงบที่สุด จะไม่จัดงานแถบประเทศเอเชีย เพราะคนจะไปกันมาก อาจตกเป็นประเด็นทางการเมือง

      รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า สถานที่จัดงานวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ วันที่ 26 กรกฎาคมนี้ จะมีขึ้นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น จอร์จ ไฟฟ์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยจะให้เฉพาะคนสนิทเท่านั้นเข้าร่วมอวยพร