1บายศร

พท.ซัดสนช.ซื้อเวลา ปชป.ก็ยี้กมธ.สันติสุข แห่กรี๊ดปูทัวร์ร้อยเอ็ด

      เพื่อไทยเย้ย สนช.ดันตั้งกมธ.เสริมสร้างสังคมสันติสุข แค่ซื้อเวลา พายเรือในอ่าง 'ณัฐวุฒิ'ชี้ถ้ารธน.ยังขัดหลักประชาธิปไตย ก็ออกจากความขัดแย้งไม่ได้ปชป.แนะศึกษาของเก่าที่ กก.หลายชุดเคยทำไว้แล้ว 'องอาจ'หวั่นมีวาระซ่อนเร้น กปปส.หนุน แต่ย้ำห้ามมีนิรโทษกรรม เพื่อไทยติงกรธ.อย่าร่างรธน.ซ้อนรธน. ร้อยเอ็ดจัดใหญ่บายศรีสู่ขวัญ'ปู' อดีตส.ส.อีสานร่วมงานคึก


วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9175 ข่าวสดรายวัน

บายศรี - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อต่อแขน โดยมีพระพุทธิสารมุนี เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด ฝ่ายมหานิกาย เป็นผู้ทำพิธี ที่วัดบ้านเปลือยใหญ่ ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 10 ม.ค.


สปท.จี้รบ.เดินหน้าปรองดอง
     วันที่ 10 ม.ค. นายสมพงษ์ สระกวี คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางการนิรโทษกรรมและการสร้างความปรองดองของ กมธ.ปฏิรูปด้านการเมือง ว่า ขณะนี้ กมธ.มีเรื่องเฉพาะหน้าที่ต้องเร่งสรุปประเด็นเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แต่ทันทีที่มีการประชุมเราจะเร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวทันที ยืนยันว่าไม่ช้าแน่นอน อย่างไรก็ตามความเห็นส่วนตัวยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะเอาใจใส่เรื่องนี้ หากรัฐบาลจะทำก็ทำได้แล้ว เพราะ สปท.ได้เสนอแนวทางเบื้องต้นในการสร้างความปรองดองของคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธานไปแล้ว จากนี้ก็เหลือแอ๊กชั่น อารมณ์ และความตั้งใจของรัฐบาลเท่านั้น ทั้งนี้ แม้ว่า เราจะเสนอแนวทางไปเบื้องต้นแล้วแต่ก็ยังต้องทำเรื่องนี้ต่อเพราะอาจมีประเด็นเพิ่มเติมที่ต้องเสนอต่อไปยังรัฐบาล
    ส่วนที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะผลักดันตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข แสดงว่าหลายฝ่ายให้ความสนใจเรื่องการสร้างความปรองดอง ถือว่าทุกฝ่ายเห็นความสำคัญและเป็นแนวโน้มที่ดีที่แม่น้ำทั้ง 5 สายให้ความสำคัญอีกด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลยังสับสน ใจหนึ่งอยากสร้างความปรองดองแต่อีกใจก็กลัวความไม่สงบเกิดขึ้น รัฐบาลยังกลัวๆ กล้าๆ อยู่

'วันชัย'ประกาศหนุนสุดตัว
     นายวันชัย สอนศิริ โฆษก กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวว่า กมธ.ปฏิรูปด้านการเมืองเห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องปรองดองสมานฉันท์เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลชุดนี้ต้องแก้ไขให้สำเร็จ ถ้าทำไม่สำเร็จจะเป็นอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะดีแค่ไหนถ้าคนในชาติไม่มีความปรอง ดองสมานฉันท์ทุกอย่างจะล้มเหลวไปหมด นอกจากนี้ เชื่อว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นพรรคใดไม่มีทางจะทำเรื่องปรองดองสมานฉันท์ได้ ดังนั้น ต้องทำในรัฐบาลชุดนี้ในระยะเวลาที่เหลืออยู่ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้หรือไม่สำเร็จก็ถือว่าเป็นความล้มเหลวอย่างหนึ่งของการปฏิวัติ
     นายวันชัย กล่าวว่า การที่ สนช.จะตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข เพื่อศึกษาหาแนวทางสร้างความปรองดองและสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคมไทยนั้นถือเป็นเรื่องดีที่ทุกองค์กรจะได้ร่วมมือกัน ใครจะออกมาโต้แย้งหรือกล่าวหาอย่างไรขออย่าไปสนใจหรือให้ความสำคัญกับคนที่จมปลัก หรือวนเวียนอยู่กับความขัดแย้ง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องการอยากเห็นความปรองดองสมานฉันท์ เกิดขึ้นในชาติ ตนสนับสนุนแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสนช. รวมทั้งทุกฝ่ายที่จะร่วมมือกันทำให้เสร็จภายใน 180 วัน หรือจะมากไปกว่านั้นไม่เกิน 1 ปี ถ้าทำสำเร็จก็ถือว่าไม่ช้าเกินไป อย่างไรก็ตาม กมธ.ปฏิรูปด้านการเมืองขอสนับสนุนการทำเรื่องนี้และพร้อมจะร่วมมืออย่างเต็มที่ ใครขวางใครไม่ร่วมมือหรือใครที่คัดค้านถือว่าเป็นตัวปัญหาของแผ่นดินและเป็นตัวสร้างความแตกแยก

พท.ขออย่ากลายเป็นปองร้าย
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวคิดตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข โดยเชิญคู่ขัดแย้งทุกกลุ่มและพรรคการเมืองเข้าร่วม ว่า ถือเป็นอีกครั้งที่สังคมได้สัมผัสถึงเส้นทางปรองดองในเขาวงกต พายเรือในอ่าง ซื้อเวลา เหมือนตอนที่ คสช.เข้ามาครั้งแรกที่มาจุดประกายความหวังในการปรองดองของคนในชาติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปยิ่งได้เห็นว่าไม่มีผลสัมฤทธิ์ปรองดองอะไรเกิดขึ้นจริง
      นายอนุสรณ์ กล่าวว่า นอกจากสัญญาณปรองดองจะดับสนิทแล้วกลับมีคำถามมีการแปลงสัญญาณปรองดองเป็นปองร้าย ไล่ล่าบางฝ่ายหรือไม่ ทั้งที่การปรองดองสามารถเกิดขึ้นได้จากพื้นฐานสังคมที่เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน การมีกติกาการอยู่ร่วมกัน ในสังคมประชาธิปไตยตามหลักสากล มีสิทธิ เสรีภาพ ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ ไม่มีการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน การเคารพสิทธิความเป็นมนุษย์ของกันและกัน ถ้าทำพื้นฐานสังคมให้เป็นอย่างนี้ได้ก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ เปลืองเวลา มาพายเรือในอ่าง วนเวียนอยู่ในเขาวงกต ดังนั้น ถ้าปรองดองไม่ได้ก็อย่าปองร้าย ไล่ล่าบางฝ่าย

'เต้น'ชี้เป็นปชต.ถึงปรองดอง
      นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงแนวคิดปรองดอง ว่า ไม่ปฏิเสธแนวคิดเรื่องสร้างความปรองดอง และที่ผ่านมาเคยให้ความร่วมมือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมมาแล้วหลายชุด แต่ความเป็นจริงคือคณะกรรมการปรองดองมีสถานะเพียงเครื่องช่วยอธิบายของผู้มีอำนาจว่ามีการดำเนินการเรื่องนี้ การบอกว่าต้องเอาทุกฝ่ายที่เป็นเหตุแห่งความขัดแย้ง เช่น นปช. กปปส. หรือพรรคการเมืองต่างๆ มาตั้งวงคุยกันก็ไม่ตรงกับสภาพปัญหา เพราะกลุ่มคนดังกล่าวไม่ใช่เหตุแต่เป็นผลของความขัดแย้งหลักระหว่างแนวคิดอนุรักษ นิยมกับเสรีนิยมที่สู้กันมาตั้งแต่ปี 2475 หัวใจของการปรองดองจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่การทำให้หลักการประชา ธิปไตยเข้มแข็งเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ภายใต้กติกาที่เป็นสากล เมื่อมองจากจุดนี้การตั้งคณะกรรมการปรองดองโดยที่เนื้อหารัฐธรรมนูญซึ่งกำลังร่างขัดหลักการประชา ธิปไตย จึงไม่ใช่คำอธิบายว่าจะนำประเทศออกจากความขัดแย้งได้
     นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ฝากถึง สนช.หลายคน อย่ามัวไล่ตอบโต้คนวิจารณ์การตั้ง กมธ. แต่ควรใช้เวลาของสภาเชิญกรรมการปรองดองที่ตั้งมาแล้วทุกชุดมานำเสนอว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้างและมีผลคืบหน้าอย่างไร ที่สำคัญคือไปถามแป๊ะให้ชัดว่าจะปรองดองกันจริงๆ หรือพูดไปพลางเล่นงานฝ่ายตรงข้ามไปพลางจนกว่าจะสิ้นซากไป ไม่เชื่อว่าการปรองดองจะเกิดขึ้นบนเรือแป๊ะที่ทุกคนมีหน้าที่ตามใจแป๊ะได้ ต้องทำตามหลักการประชาธิปไตยเท่านั้นวิกฤตจึงพบทางคลี่คลาย

กปปส.ติงอย่ารวมนิรโทษ
    นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปท.) แกนนำกปปส. กล่าวกรณีกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข ว่า กปปส.ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ถ้าเชิญก็จะส่งตัวแทนเข้าร่วม ไม่ขัดข้อง แต่เข้าไปแล้วก็คงต้องดูเนื้อหารายละเอียดว่าต้องไม่มีประเด็นที่มีปัญหา เช่น เรื่องนิรโทษกรรมที่จะออกกฎหมายล้างผิดแบบเมื่อก่อน ถ้ามีแต่เรื่องเสริมสร้างสันติ เรื่องการสร้างความปรองดองให้สังคมเราไม่มีปัญหา และสำคัญที่สุดคือเงื่อนไขคืออะไรในการพูดคุยมากกว่า
    นายเอกนัฏ กล่าวว่า การจัดตั้งกมธ.สร้างสันติสุขของสนช. ถือเป็นการเปิดโอกาสให้หลายฝ่ายมีการสื่อสารกันโดยการเชิญกลุ่มตัวแทนต่างๆ ที่มีความเห็นต่างเข้าร่วมพูดคุย เพื่อเดินหน้าสู่การปรองดองให้สำเร็จเร็วขึ้น ด้วยการตั้งกมธ.ชุดนี้ขึ้นมา ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างว่าเราไม่ควรไปสับสนเอาเรื่องปรองดองไปรวมกับการนิรโทษกรรม เพราะการนิรโทษกรรมมีความละเอียดอ่อนมาก

ปชป.ชี้อย่ามีวาระซ่อนเร้น
      นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า สนช.อาจมีเจตนาดีที่จะมีส่วนร่วมคลี่คลายความขัดแย้ง แต่ข้อเท็จจริงต้องยอมรับว่าความพยายามตั้งกมธ.ในลักษณะนี้มีมาตลอดแต่ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ เพราะที่ผ่านมาบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ตั้งกมธ.ขึ้นมาล้วนมีวาระซ่อนเร้น มีธงว่าจะเดินไปทางไหน ทำให้เนื้อหาสาระของการมีกมธ.ไม่ไปสู่เป้าหมายที่จะเป็นไปได้
    นายองอาจ กล่าวว่า ฉะนั้น สนช.ต้องพยายามทำให้กมธ.ชุดนี้เป็นที่เชื่อถือ เชื่อมั่นของประชาชนว่าจะเป็นที่ระดมความคิดเห็นเพื่อคลี่คลายปัญหา ไม่ใช่เพิ่มปัญหามากยิ่งขึ้น ตรงนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะถ้าเริ่มต้นด้วยการไม่ยอมรับ โอกาสที่กมธ.ชุดนี้จะเดินต่อไปก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร จึงอยากให้สนช.สร้างความชัดเจนว่า กมธ.ชุดนี้ไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่มีอะไรแอบแฝง แต่มีความตั้งใจให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริงๆ

      เมื่อถามว่ามองเจตนาของสนช.อย่างไรที่จะผลักดันกมธ.ชุดนี้ขึ้นมา นายองอาจกล่าวว่า ตอนนี้ยังมองไม่เห็นว่า กมธ.มีขอบเขตภาระหน้าที่แค่ไหน อย่างไรที่จะดำเนินการ ส่วนเป้าหมายพอมองเห็นเพราะตั้งชื่อกมธ.มาแล้วก็คงต้องดูกันต่อไป สนช.อาจมีเจตนาดี ตั้งใจดีก็ต้องทำให้คนเชื่อมั่น และระหว่างการดำเนินการของกมธ.จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สนช.มีเจตนาดีจริงหรือไม่

ศึกษาของเก่า-ค้านตั้งกก.ใหม่
    ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กมธ.ลักษณะนี้สมัยก่อนเคยมีการตั้งมาแล้ว ต้องไปศึกษาดูว่าได้ผลหรือไม่แค่ไหน เพราะการหาทางปรองดองถือเป็นสิ่งที่ดีแต่ต้องไม่ใช่ทำผิดให้เป็นถูก เพราะถ้าทำผิดให้เป็นถูกปัญหาจะไม่จบสิ้นได้ง่าย ทางที่ดีควรเดินไปในกระบวนการยุติธรรมให้มีการมอบตัวสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด และหลังจากที่กระบวนการยุติธรรมสิ้นสุดถึงจะเข้าสู่กระบวนการปรองดอง ทั้งนี้ไม่รวมถึงประชาชนผู้ที่ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ซึ่งมีสิทธิชุมนุมได้ตามรัฐธรรมนูญปี"50 มาตรา 63
    นายวิรัตน์กล่าวว่า ถ้าทำเพื่อประชาชนทั่วไปตนสนับสนุนและอนุโมทนาสาธุ แต่ถ้าทำเพื่อแกนนำหรือเพื่อบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายอาญามีโทษร้ายแรง เช่น ก่อการร้าย กบฏ หรือมีความผิดตามมาตรา 112 ผู้ที่กระทำเหล่านี้มิบังควรที่จะดำเนินการลักษณะเช่นนั้น เพราะอาจทำให้บ้านเมืองกลับมาแตกแยกอีก ดังนั้น ก่อนจะลงมือตั้งกมธ.ขอให้ลองไปดูผลการศึกษาจากคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ออกมา เพราะผลการศึกษาที่ได้ศึกษาไว้แล้วก็น่าจะนำมาเป็นประโยชน์ จึงเห็นว่าไม่ควรจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่ เอาของเก่ามาศึกษาเลยจะดีกว่า

จี้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
     นายคณิต ณ นคร อดีตประธานกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กล่าวว่า ตนไม่ทราบเจตนารมณ์ของการตั้งกมธ.ชุดนี้ จึงไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์อะไรเพราะเกรงว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมได้ ตอนที่ตนทำงานคอป.คณะของเราได้มีการศึกษาและเสนอเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการปรองดองไว้มากมายเรียกว่าได้เกือบสมบูรณ์ เนื่องจากได้วิเคราะห์ถึงเรื่องต่างๆ รวมถึงอำนาจรัฐและอำนาจของฝ่ายทหารว่าเป็นอย่างไร แต่ก็ยังไม่มีใครหยิบยกสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือนำไปทบทวนเพื่อปรับใช้ให้เกิดความสงบสุขเลย ทั้งนี้ตนอยู่ภาคของกระบวนการยุติธรรมมาตลอดชีวิต จึงคิดว่าสิ่งที่ยังขาดในบ้านเราจนทำให้สังคมไม่สงบก็คือการที่เราไม่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง

เพื่อไทยเสนอ 10 ข้อร่างรธน.
      นายคณิน บุญสุวรรณ ฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรม นูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.ว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันรัฐธรรมนูญที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศต้องมีลักษณะอันเป็นคุณรวม 10 ประการ 1.รับรองและคุ้มครองดูแลสิทธิ เสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน 2.สะท้อนหลักการอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยและการแบ่งแยกอำนาจเป็น 3 ฝ่าย ซึ่งเป็นอิสระต่อกัน และตรวจสอบถ่วงดุลซึ่งกันและกันอย่างมีประสิทธิภาพ
    3.ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ส่วนฝ่ายตุลาการแม้จะยังไม่สามารถกำหนดให้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนได้ อย่างน้อยที่สุดก็ควรกำหนดให้มีการยึดโยงและรับผิดชอบต่อรัฐสภาและประชาชนตามสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่มา องค์ประกอบ อำนาจหน้าที่และการถอดถอน 4.ต้องจัดโครงสร้างทางอำนาจให้สมดุลกันระหว่างฝ่ายประจำ (รวมถึงกองทัพและศาล) และองค์กรที่มาจากการแต่งตั้ง กับฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 5.ต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่ก่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองอย่างยั่งยืน หากมีรัฐบาลที่เข้มแข็งก็ต้องมีกลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพควบคู่กันไป

ไม่เป็นรธน.ซ้อนรธน.
     6.ยึดหลักการปกครองภายใต้นิติรัฐที่ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย หรือได้รับยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ กฎหมายดังกล่าวก็ต้องมีที่มา การบังคับใช้ และการวินิจฉัยที่เป็นไปโดยชอบด้วยหลักนิติธรรม 7.กำหนดให้มีระบบศาลและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นอิสระ เที่ยงธรรม ปราศจากอคติ หรืออิทธิพลใดๆ มาครอบงำหรือสั่งการ ที่สำคัญต้องไม่เป็นสองมาตรฐาน 8.เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากกระบวนการจัดทำที่ประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรง ในการร่างหรือร่างโดยตัวแทนประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง
     9.เป็นรัฐธรรมนูญที่สามารถใช้บังคับเป็นการทั่วไปและกับทุกคนโดยไม่มีการแบ่งประเภท หรือชนชั้น และต้องไม่เจาะจงให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่ง หรือเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือเพื่อให้เกิดโทษแก่บุคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ และ10.ต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่มีลักษณะเป็นรัฐธรรมนูญซ้อนรัฐธรรม นูญ กล่าวคือ ในตัวบทของรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อย่างหนึ่ง แต่ในบทเฉพาะกาลกลับบัญญัติไว้อีกอย่างหนึ่ง เหมือนเป็นรัฐธรรมนูญสองฉบับในเวลาเดียวกัน

สสส.ที่เหลือยังทำงานได้
     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) ระบุว่าการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของนายกรัฐมนตรีพักงานเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงกรรมการกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จำนวน 7 คน ไม่เป็นธรรมว่า เมื่อถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์สิ่งที่ทำได้คือการหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อตรวจสอบ สำหรับกฎกติกาตรงไหนที่มีปัญหา เมื่อได้นัดหมายแก้ไขแล้วก็ให้เดินหน้ากันต่อไป คณะกรรมการ สสส.ที่เหลือสามารถเดินหน้าทำงานต่อไปได้ ไม่ใช่มีการพักงานคณะกรรมการ 7 คน แล้วไม่สามารถทำ งานได้
     พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนมุมมองที่ว่าจะทำให้เสียสมดุลหลังจากมีการพักงานคณะกรรมการ ตรงนี้รับทราบปัญหาแต่ก็ต้องเข้าใจทุกฝ่าย ไม่ได้หมายความว่าทุจริต บุคคลที่ถูกพักงานเป็นคณะกรรมการใน สสส. และอาจเป็นคณะกรรมการที่องค์กรอื่นด้วย และเอาเงินตรงนั้นไปทำ สังคมอาจตั้งข้อสงสัยซึ่งเรากำลังแก้ไขอยู่ เมื่อกระบวนการตรวจสอบเสร็จสิ้นคณะบุคคลดังกล่าวสามารถกลับมาทำงานที่เดิมได้หรือไม่ ตนยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะไม่ทราบถึงกระบวนการในการสรรหา

ร้อยเอ็ดจัดใหญ่บายศรี'ปู'
     เวลา 13.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางโดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD 9116 ถึงสนามบินร้อยเอ็ด มีส.ส.เพื่อไทยทั้ง 8 เขตเลือกตั้งและปาร์ตี้ลิสต์ รวมทั้งส.ส.อีสาน 19 จังหวัด นำโดยนายศักดา คงเพชร อดีตรมช.ศึกษาธิการ, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรมช.มหาดไทย โดยมีประชาชนชาวร้อยเอ็ดและชาวอีสานต้อนรับด้วยการผูกผ้าขาวม้า มอบดอกกุหลาบ ขอถ่ายรูป และตะโกนร้อง "ยิ่งลักษณ์สู้ๆ" ดังทั้งอาคารสนามบิน
     คณะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ออกจากสนามบินไปกราบนมัสการศาลเจ้าพ่อมเหศักดิ์ หลักเมืองร้อยเอ็ด สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดร้อยเอ็ด โดยผูกผ้าเจ็ดสี ปิดทอง ณ เกาะกลางบึงพลาญชัย กลางเมืองร้อยเอ็ด แล้วเดินทางต่อไปที่วัดบ้านเปลือยใหญ่ ต.รอบเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด กราบขอพรพระพุทธิสารมุนี เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ดฝ่ายมหานิกาย โดยที่วัดมีประชาชนมาต้อนรับพร้อมจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกข้อต่อแขน และอวยพรให้น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความสุขความเจริญตลอดไป พิธีเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ตามประเพณีอีสาน

ประธานงานแต่งลูกอดีตส.ส.
     กระทั่งเวลา 16.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะเข้าพักที่โรงแรมเพชรรัชต์การ์เด้น ท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มของตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ รวมทั้งทหารเป็นจำนวนมาก โดยไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด การไปร้อยเอ็ดครั้งนี้ไม่มีการแจกปฏิทินปีใหม่รูปทักษิณ-ยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด โดยในเวลา 18.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธานพิธีมงคลสมรสลูกชายนายศักดา คงเพชร ที่โรงแรมเดียวกัน