วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8609 ข่าวสดรายวัน

โฆษกคสช.โต้ลั่น เทือกฟุ้ง ไลน์คย'บิ๊กตู่'ตลอด 
ยันไม่มีถกล้มระบอบทักษิณ มติ'อียู'ทบทวนสัมพันธ์ไทย ชะลอลงนามร่วมมือการค้า 'ลายจุด'คุกต่อ-ชวดประกัน


ชวดประกัน - เจ้าหน้าที่นำตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด กลับไปควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังศาลทหารมีคำสั่งให้ฝากขังผลัดที่ 2 อีก 12 วัน และไม่อนุญาตให้ประกันตัว เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.

      คสช.ปัด เทือกอ้างถกลับ'บิ๊กตู่'ผ่านแช็ตไลน์ ยันไม่เคยคุยล้มระบอบทักษิณ 'อียู'ออกแถลงการณ์ทบทวนสัมพันธ์ไทย ไม่ลงนาม-ไม่ร่วมมือ ยกเลิกกำหนดเยือน จนกว่าจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง บ.ก.ลายจุดชวดประกันอีก ทนายเตรียมเพิ่มหลักทรัพย์ยื่นใหม่อีกรอบ ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้องเด็กปชป. คดีฟ้อง'ปู'เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง ชี้ไม่อยู่ในอำนาจ

คสช.ถกคืบหน้าตั้งศปป.
      เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการ คสช. เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าส่วนงานที่รับผิดชอบของ คสช. โดยในที่ประชุมได้รายงานผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานรักษาความสงบเรียบร้อย ที่ยังคงติดตามจับกุมผู้กระทำผิดตามพ.ร.บ.อาวุธและกระสุนอย่างต่อเนื่องรวมทั้งติดตามปัญหาการค้ามนุษย์ เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ส่วนงานด้านความมั่นคง สังคมจิตวิทยา เศรษฐกิจ รวมทั้งฝ่ายงานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเนื้อหาหลักกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) โดยจัดตั้ง ศปป.ครบทุกจังหวัด รวมทั้งจัดกิจกรรมปรองดองอย่างต่อเนื่องพร้อมเตรียมแผนงานเสวนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานต่อไป 
    สำหรับ การติดตามปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายนั้น ตัวแทนคณะกรรมการนโยบายจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว (กนร.) ที่มีพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน กำหนดให้ใช้แนวทางผ่อนผันแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายไปก่อน พร้อมเสนอตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวเบ็ดเสร็จตามแนวชายแดน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแรงงานต่างด้าวที่ต้องการทำงานในประเทศไทย ได้ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เป็นศูนย์แบบวันสต๊อปเซอร์วิส ทั้งนี้การจัดตั้งศูนย์ยังไม่ได้ระบุว่าจะตั้งที่ใด เสร็จเมื่อไร เพราะต้องศึกษาข้อกฎหมาย ระหว่างนี้ให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดเส้นทางเข้าออกของแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน คือ จันทบุรี ตราด สุรินทร์ โดยวันนี้หน่วยงานจะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่ จ.สมุทรสาคร

ให้จนท.ใช้ดุลพินิจจับกลุ่มต้าน
     พล.อ.อุดมเดช ยังกล่าวในที่ประชุมถึงกลุ่มต่อต้านการทำงานของ คสช. ด้วยการนั่งกินแซนด์วิช อ่านหนังสือว่า คสช.ฝากให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจ หามาตรการดำเนินการที่เหมาะสม ให้พิจารณาเป็นกรณีว่าจำเป็นต้องเข้าจับกุมทันทีหรือไม่ เพราะอยู่ท่ามกลางสาธารณชนหรือจะพิจารณาบันทึกภาพไว้ก่อนแล้วค่อยดำเนินการในภายหลัง แต่หากไม่ดำเนินการ ห่วงว่าสถานการณ์จะบานปลายลุกลามได้

พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า จากนี้หัวหน้า คสช.ได้ปรับรูปแบบการประชุมของ คสช.โดยกำหนดให้วันอังคารกับวันพฤหัสบดี เป็นการประชุมประจำวันของ บก.ทบ. ส่วนการประชุมติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าของงานฝ่ายต่างๆ ของ คสช. จะประชุมในวันจันทร์กับวันศุกร์ และการประชุมใหญ่ของ คสช. หรือเทียบเท่า ครม. กำหนดให้เป็นวันพุธ
      รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม คสช.ชุดใหญ่ในวันที่ 24 มิ.ย. คาดว่าจะหยิบยกเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2557 ที่ยังไม่เรียบร้อย ซึ่งหัวหน้า คสช.กำชับให้หัวหน้าฝ่ายต่างๆ ไปเร่งรัดกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานที่ยังดำเนินการไม่เรียบร้อยไปจัดทำให้เสร็จ และจะหยิบยกเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น งบประมาณความมั่นคง ที่อาจเสนอเข้ามาตามขั้นตอน

ยันให้ความสำคัญ'ค้ามนุษย์'
     ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช. แถลงถึงการดูแลแรงงานต่างด้าวว่า การจัดตั้งศูนย์บริการจุดเดียวขึ้น 4 ศูนย์ ที่ช่องจอม จ.สุรินทร์ ที่ด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ด่านผักกาด จ.จันทบุรี และด่านแหลมงอบ จ.ตราด ส่วนการจัดอันดับการค้ามนุษย์ของทริปรีพอร์ตที่ไทยตกอันดับไประดับ 3 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ห่วงใยและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนมีรายงานออกมา โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลแรงงานต่างด้าวให้ครบทุกมิติทั้งระบบจากนี้ต้องดำเนินการเต็มที่ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะต้องชี้แจงเป็นหลัก ส่วนกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุขต้องดำเนินการให้เหมาะสมและร่วมชี้แจงด้วย ส่วนที่นิด้าโพลเผยผลสำรวจประชาชนพอใจการทำงานในรอบ 1 เดือนของ คสช.ถึง 8.8 คะแนนจากคะแนนเต็ม10 
     ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวถึงผลงานของ คสช.ในโอกาสครบรอบ 1 เดือนว่า เตรียมทำรายงานเสนอต่อสื่อมวลชนในเร็วๆ นี้ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จะสรุปภาพรวมของผลงานที่ดำเนินการ ทั้งด้านความสงบเรียบร้อย การนำความสุขคืนประชาชนและการบริหารราชการ ซึ่งมีความคืบหน้ามากในหลายด้าน และได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชนและประชาชนมาก เชื่อว่าหัวหน้า คสช.มีความยินดีที่หลายโครงการคืบหน้ามาก แต่สิ่งสำคัญคือกลไกของประเทศเดินหน้าได้อย่างเต็มที่และเป็นที่สนใจของต่างชาติหลังหยุดชะงักมานาน คิดว่ากลไกของรัฐถูกปลดแล้ว คสช.จึงอยากให้ทุกคนทำงานเต็มที่ 

รอดูท่าที'อียู'
      ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวถึงการประชุมตาม วงรอบรายเดือนของคณะรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ทั้ง 28 ชาติ ซึ่งบางฝ่ายคาดว่าอาจมีการทบทวนเรื่องกรอบความร่วมมือในทุกมิติว่า ตอนนี้ คสช.รอความชัดเจนมากกว่านี้ จึงยังไม่มีมาตรการหรือการเตรียมพร้อมใดออกมา แต่เราดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยสร้างความเข้าใจตั้งแต่ตอนที่ คสช.เข้ามาแล้ว นอกจากนี้ทูตไทยที่ประจำในประเทศสมาชิกอียูก็มีการสร้างความเข้าใจ ชี้แจงและกลับมารายงาน คสช.ตลอด เราทำเต็มที่แล้ว ส่วนที่อียูต้องการทราบกรอบเวลาการดำเนินการที่ชัดเจนและเมื่อใดจะไปสู่การเป็นประชาธิป ไตยนั้น เชื่อว่าในเดือนต.ค.ทุกอย่างจะเป็นรูปร่างมากขึ้น 
     น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต กล่าวว่า วันที่ 24-26 มิ.ย.จะมีพิธีเปิดการประชุมระดับรัฐมนตรีแห่งเอเชียว่าด้วยการลดความเสี่ยงภัยพิบัติครั้งที่ 6 ที่ศูนย์การประชุมบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็น ทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อการส่งเสริมการลงทุนเพื่อทำให้ประเทศและชุมชนพร้อมรับ รวมถึงการฟื้นตัวเมื่อเกิดภัยพิบัติ โดยมียืนยันเข้าร่วมประชุม 2,030 คน จากประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 63 ประเทศ เป็นผู้แทนระดับรัฐมนตรี 14 ประเทศ และหัวหน้าส่วนราชการ 4 ประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับนานาชาติ ทั้งนี้ ในเวลา 09.20 น. พล.อ.ประยุทธ์จะส่งตัวแทนเป็นประธานเปิดประชุม

ผู้ว่าฯธปท.จี้แก้ไขปัญหาแรงงาน
      นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐเผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ที่ได้ปรับระดับไทยอยู่ในเทียร์ 3 ซึ่งเป็นระดับจับตาสูงสุดว่า ข่าวที่ออกไปยอมรับว่าชื่อเสียงของประเทศได้รับผลกระทบ และอาจจะทำให้ภาคการส่งออกระยะสั้นต้องสะดุดไปบ้าง ซึ่งทางการก็พยายามแก้ไขอยู่ แต่ก็ยอมรับว่าเรื่องนี้ของไทยเองก็มีมูลในบางธุรกิจเท่านั้นที่มีปัญหา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องกลับไปแก้ไขในจุดที่ยังไม่เรียบร้อย
     นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ กล่าวว่า ผิดหวังกับการประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐที่ให้น้ำหนักความพยายามในการแก้ปัญหาของเราไม่เพียงพอ ทั้งๆ ที่ความพยายามของภาคอุตสาหกรรมประมงไทยและหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่ร่วมกันขจัดปัญหาและแก้ไขการใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมายและไร้จริยธรรมมาอย่างจริงจังและต่อเนื่องแต่ก็ไม่อาจเพียงพอที่จะสามารถรักษาสถานะเดิมหรือเลื่อนลำดับขั้นขึ้นไปที่ระดับ 2 ได้ สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ต้องมาหาหนทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น เพื่อให้เราออกจากบัญชีที่ถูกลดระดับนี้

สภาอุตฯชงเลิกใช้แรงงานผิดกม.
      นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการบริหาร ส.อ.ท.ว่า ขณะนี้ได้ชี้แจงกับสมาชิกส.อ.ท. ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันว่าการที่ไทยถูกปรับลดอันดับสถานการณ์ค้ามนุษย์ลงมาอยู่ระดับ Tier 3 นั้นหมายถึงสหรัฐอาจระงับความช่วยเหลือด้านการเงินผ่านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก แต่ไม่ใช่ตัดสิทธิด้านการค้าและมนุษยธรรม ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมีผลทางจิตวิทยาที่คู่แข่งนำไปขยายผลทางการค้าได้ โดยที่ประชุมกำชับให้สมาชิกเร่งกลับไปทำความเข้าใจกับสมาชิกทุกระดับ เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจต่อประเทศคู่ค้าที่เป็นผู้นำเข้าสินค้าจากไทยให้ชัดเจน สิ่งที่ควรทำในขณะนี้คือ ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรอย่างถูกต้อง
       "เพื่อให้สถานการณ์นี้คลี่คลาย ส.อ.ท.ขอแสดงจุดยืนต่อเรื่องนี้ 4 ข้อคือ 1.เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการใช้แรงงานผิดกฎหมายทั้งหมด 2.สนับสนุนการจัดระเบียบการใช้แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย 3.โดยส.อ.ท.จะจัดตั้งคณะทำงานที่ให้ข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาร่วมกับภาครัฐ และ4.ส.อ.ท.จะชี้แจงคู่ค้าในต่างประเทศให้เกิดความเข้าใจในข้อเท็จจริง? นายสุพันธุ์กล่าว

คสช.ตั้งศูนย์เตรียมเข้า'เออีซี'
       วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 71/2557 เรื่องจัดตั้งศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์ฯ เพื่อให้การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทย มีประสิทธิภาพ มีเอกภาพและการบูรณาการทุกภาคส่วนอย่างสอดคล้องกันและสัมพันธ์กัน จึงให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมฯ และมีคณะกรรมการเป็นผู้บริหารงาน โดยมีรองหัวหน้า คสช.และหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงคสช. เป็นประธาน ส่วนรองประธาน ประกอบด้วยรองหัวหน้า คสช.และหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช., รองหัวหน้าคสช.และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.และปลัดกระทรวงกลาโหม 
      คณะกรรมการประกอบด้วย ตัวแทนจากปลัดกระทรวงต่างๆ ผู้บริหารระดับสูงจากส่วนราชการ ตัวแทนภาคธุรกิจเอกชน มีเสนาธิการทหาร เป็นเลขานุการ เจ้ากรมยุทธการทหารและอธิบดีกรมอาเซียน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่บริหารงานและดูแลศูนย์อำนวยการให้เป็นไปตามนโยบาย กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แนวทางและท่าทีของไทยในการเข้าร่วมกรอบความร่วมมืออาเซียน พิจารณาแก้ไขปรับปรุง พัฒนากฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงานได้ตามความเหมาะสม 

ทำหน้าที่จนกว่าจะสั่งเลิก
     โดยคณะอนุกรรมการหลัก ได้แก่ คณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนการเมืองและความมั่นคงอาเซียน มีปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน คณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน มีรองหัวหน้า คสช.และหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช. เป็นประธาน คณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มีรองหัวหน้าคสช.และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.เป็นประธาน
    ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วให้คณะกรรมการดังกล่าวยังคงรับผิดชอบการดำเนินการไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง รวมทั้งรายงานผลการปฏิบัติให้หัวหน้า คสช. รับทราบต่อเนื่อง

ตั้งคกก.พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
     คำสั่งคสช.ที่ 72/2557 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของประเทศตามนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียนและข้อตกลงการค้าเสรีภายใต้กรอบอาเซียน หัวหน้าคสช.จึงแต่งตั้ง คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ กนพ. โดยมีหัวหน้า คสช.หรือ รองหัวหน้า คสช. ที่หัวหน้า คสช.มอบหมายเป็นประธาน ส่วนกรรมการ ประกอบด้วยปลัดกระทรวงต่างๆ อาทิ ปลัดสำนักนายกฯ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ปลัดกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการและรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น 20 คน ร่วมเป็นกรรมการ
      มีอำนาจหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นชอบ เสนอร่างหลักเกณฑ์และวิธีการสนับสนุนการจัดตั้ง และดำเนินการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตลอดจนร่างแผนแม่บท แผนงาน หรือโครงการ และแผนปฏิบัติการต่อคสช.เพื่อพิจารณาอนุมัติ กำหนดแนวทางให้หน่วยงานถือปฏิบัติ เพื่อให้การพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งการส่งเสริมการค้าเสรี ภายใต้กรอบอาเซียน หรือข้อตกลงภายใต้กรอบเศรษฐกิจอื่น หรือการค้าบริเวณพรมแดนประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปโดยเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ให้คำแนะนำเพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการและรายงานผลการดำเนินงานต่อคสช. 

สภาพัฒน์ชง 8 ยุทธศาสตร์'เออีซี'
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ เตรียมเสนอยุทธศาสตร์เออีซีให้กรรมการศูนย์อำนวย การฯพิจารณาในการประชุมนัดแรก โดยประกอบด้วย 8 ด้านที่สำคัญได้แก่ การเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของสินค้า บริการ การค้า และการลงทุน, การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการคุ้มครองทางสังคม, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์, การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, การพัฒนากฎหมาย กฎ และระเบียบ, การสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักถึงความสำคัญของอาเซียน, การเสริมสร้างความมั่นคง และการเพิ่มศักยภาพของเมืองเพื่อเชื่อมโยงโอกาสจากอาเซียน 
      โดย สศช.เคยวิเคราะห์ความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่เออีซี เห็นว่าสินค้าและบริการที่ประเทศไทยจะได้เปรียบและมีความพร้อมได้แก่ น้ำตาล ผักและผลไม้กระป๋อง อาหารแช่แข็ง กระดาษและสิ่งพิมพ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักรเครื่องใช้สำนักงานและครัวเรือน เนื้อสัตว์แปรรูป เครื่องสำอางและเครื่องประทินผิว ลำไยและทุเรียน ขณะที่สินค้าและบริการที่เสียเปรียบได้แก่ อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ ที่ขาดแคลนแรงงานทุกระดับ และบริการโลจิสติกส์ ที่ผู้ประกอบการไทยยังขาดการรวมกลุ่มยังมีประสิทธิภาพ ขาดเงินทุนและการพัฒนาเทคโนโลยีการให้บริการ รวมทั้งธุรกิจการให้บริการก่อสร้างที่ขาดการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาครัฐ และผู้ประกอบการขาดกลางและขนาดเล็กหรือเอสเอ็มอียังไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะแข่งขันเมื่อเทียบกับสิงคโปร์และมาเลเซีย

คสช.หั่นงบฯก.ท่องเที่ยว
       พล.ร.ต.นพดล เรืองสมัย รองหัวหน้าสำนักงานฝ่ายสังคมและจิตวิทยา คสช. ประสานงานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังการประชุมสรุปงบประมาณปี 2558 ที่มีพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้า คสช. เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติงบประมาณให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวงเงิน 18,910.498 ล้านบาทลดลงร้อยละ 21.58 หรือ 5,203.9 ล้านบาท งบฯที่ถูกปรับลดลง ส่วนใหญ่จะปรับลดลงจากงบการลงทุน โดยคสช. และสำนักงบประมาณ มองว่า มีงานของหลายกรมในกระทรวงยังมีความซ้ำซ้อนกันอยู่มาก อาทิ การกีฬาแห่งประเทศไทย กรมพลศึกษา เป็นต้น .จึงให้กระทรวงดำเนินการปรับปรุงโครงการและงานภายในเพื่อลดความซ้ำซ้อน เพื่อให้ประหยัดงบประมาณของแผ่นดิน 
       นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า กระทรวงได้รับอนุมัติงบฯลดลงจากปี 57 แต่จะมี ททท.ที่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากคสช.เห็นความสำคัญของการรักษาฐานรายได้จากการท่องเที่ยว ปีหน้าคาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณของการปรับขึ้นของสินค้าท่องเที่ยวต่างๆ โดยคสช.อยากจะเห็นนักท่องเที่ยวคุณภาพเดินทางมาไทยให้มากขึ้น ขณะเดียวกันในเรื่องการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนแบบชั่วคราว เพื่อต้องการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจึงต้องชะลอออกไปก่อน เพราะตอนนี้สิ่งหลักๆ คือต้องการนักท่องเที่ยวคุณภาพมากกว่า 

คมนาคมมีงบฯลงทุน 1.1 แสนล.
      พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. รองหัวหน้า คสช. ฐานะประธานฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. กล่าวภายหลังประชุมซักซ้อมจัดทำงบประมาณปี 58 ร่วมกระทรวงคมนาคม ว่า งบฯลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคมจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นงบฯเร่งด่วนในปี 58 เบื้องต้นมีวงเงิน 1.1 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 75 ของงบฯประจำปี 1.41 แสนล้านบาท โดยเป็นการใช้ใน 8 หน่วยราชการ และ 5 รัฐวิสาหกิจ
      พล.อ.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า ส่วนที่ 2 งบการลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ระยะยาว 8 ปี ตั้งแต่ปี 58-65 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดโครงการและสรุปกรอบวงเงิน คาดว่าจะแล้วเสร็จใน เดือนก.ค. จากนั้น จะเสนอให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ หรืออาจมีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาอีกครั้ง สำหรับการจัดทำงบประมาณปี 58 จะเสร็จเรียบร้อยในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ โดยขั้นตอนจะสรุปทั้งหมดในเดือนก.ค. จากนั้นจะชี้แจงงบรายกระทรวงในสัปดาห์ที่ 2 เดือนส.ค.และเสร็จสิ้นในสัปดาห์แรกเดือนก.ย.นี้ 

ทำหมดทั้งถนน-ราง-ท่าเรือ
      สำหรับ รายละเอียดโครงการลงทุนเร่งด่วน ที่เร่งดำเนินการปี 58 ประกอบด้วย โครงการซ่อมแซมบูรณะสายทางของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท โดยซ่อมแซมถนนเส้นทางต่างๆ ทางเชื่อม ทางแยก รอยต่อต่างๆ ให้ปลอดภัย ตลอดจนเพิ่มถนนจาก 2 เลน เป็น 4 เลน รวมถึงโครงการทางหลวงพิเศษพัทยา-มาบตาพุด ก็อยู่ในเป้าหมายการก่อสร้างเร่งด่วนด้วย แผนปรับปรุงทางรถไฟจะมีการปรับปรุงไม้หมอนเพื่อเพิ่มประสิทธิ ภาพการขนส่ง ขณะที่การก่อสร้างรถไฟทางคู่มีความจำเป็นต้องสร้าง แต่ต้องจัดอันดับความสำคัญ หากสายใดพร้อมก่อนก็จะสร้างก่อน โดยแบ่งการลงทุนเป็น 3 ระยะ ส่วนโครงการรถไฟฟ้าในเมือง จะทำต่อในส่วนที่ดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต สีชมพู แคราย-มีนบุรี ส้ม ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี รวมถึงสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ที่จะเร่งปรับแบบก่อสร้างให้แล้วเสร็จในเดือนก.ค.นี้
      ส่วนการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ ยังรอการรับฟังความเห็นชาวบ้านในส่วนท่าเรือปาก บารา ฝั่งอันดามัน ส่วนทางเรือชุมพรฝั่งอ่าวไทย รวมถึงท่าเรือแม่น้ำป่าสักมีความพร้อมแล้ว แต่รองบประมาณอยู่ สำหรับโครงการพัฒนาอากาศ ขณะนี้ได้ให้บริษัท ท่าอากาศ ยานไทย จำกัด (มหาชน) เสนอรายละเอียดของโครงการมาให้พิจารณา ซึ่งจะพิจารณาไปแบบคู่ขนานกับการตรวจสอบของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ซึ่งหากโครงการไม่พบความผิดปกติ ก็สามารถดำเนินการต่อได้เลย

แจงต้องตรวจใช้งบฯเกิน 100 ล้าน
       พล.อ.อ.ประจิน กล่าวด้วยว่า ส่วนโครงการอื่นที่ คตร.กำลังตรวจสอบอยู่ จะเป็นโครงการที่ใช้งบฯเกิน 100 ล้านบาท ได้แก่ ทั้งโครงการการจัดซื้อรถโดยสารสาธารณะใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) 3,183 คัน วงเงิน 13,162 ล้านบาท โครงการจัดซื้อหัวรถจักร 115 หัว และขบวนรถไฟอีก 126 หัว ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รวมถึงโครงการส่วนต่อขยายสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิเฟสสอง 
      "ยืนยันว่า โครงการที่ คตร. เข้าไปตรวจสอบนั้นไม่ได้ถูกชะลอหรือสั่งระงับโครงการ เพียงแต่ขอดูรายละเอียดเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยแบ่งการพิจารณาออกเป็น 3 กลุ่ม โครงการไหนมีความโปร่งใสชัดเจนก็ทำต่อได้เลย ส่วนโครงการที่ข้อมูลไม่ชัดเจนก็ขอให้ไปทบทวนใหม่ ส่วนโครงการไหนที่ตรวจสอบพบว่ามีแต่การตั้งของบประมาณมาแล้ว แต่ยังไม่มีการจัดทำแผนการดำเนินโครงการคงต้องขอให้ยกเลิกหรือชะลอออกไปก่อน? พล.อ.อ.ประจินกล่าว

รฟท.เลื่อนประมูลรอ'คตร.'เช็ก
      นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า ได้สั่งเลื่อนการเปิดประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ๊อกชั่น) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย พร้อมติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ระยะทาง 106 ก.ม. วงเงิน 10,184 ล้านบาทออกไป จากเดิมกำหนดประมูลในวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไปเป็นวันที่ 15 ก.ค.นี้ เวลา 14.00 น.แทน ทั้งนี้สาเหตุที่ต้องเลื่อนการเปิดประมูล เนื่องจากร.ฟ.ท. เพิ่งได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจาก คตร. เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ว่า โครงการลงทุนที่มูลค่าตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป หากจะลงนามผูกพันจะต้องรายงานให้ คตร.รับทราบก่อน จึงเตรียมสรุปรายงานเสนอ คตร.พิจารณา จึงได้สั่งชะลอการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์โครงการรถไฟทางคู่สายนี้ไว้ก่อน ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในกรอบงบประมาณปี 57

คตร.ลุยเช็กงบฯสภา
      ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ 3701 อาคารรัฐสภา 3 นายจเร พันธุ์เปรื่อง รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รักษาราชการแทนเลขาธิการสภา พร้อมนางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา และผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ร่วมชี้แจงผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการสำนักงานเลขาธิการสภาและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ต่อพล.ต.ธนาคาร เกิดในมงคล ประธานอนุกรรมการ คตร.ด้านการเงินและการเบิกจ่าย และพล.ต.รณชัย มัชชุสุนทรกุล ประธานอนุฯ คตร.ด้านการพัสดุและการขัดซื้อจัดจ้าง โดยคตร.สนใจ 2 โครงการใหญ่ของรัฐสภา คือ โครงการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ และโครงการสวัสดิการก่อสร้างอาคารที่พักของเจ้าหน้าที่รัฐสภาว่าคืบหน้าอย่างไร และมีอุปสรรคหรือไม่
      ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการทั้ง 2 คณะขอใช้พื้นที่รัฐสภาเป็นสถานที่ทำงาน โดยสภาจัดห้องทำงานให้ที่อาคารกษาปณ์ ถนนประดิพัทธ์ ส่วนวุฒิสภาจัดห้องทำงานให้ที่อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น

สหภาพจี้สอบทุจริตใน อสมท
      ที่กระทรวงคมนาคม นายสุวิทย์ มิ่งมล ประธานสหภาพบริษัท อสมท จำกัด มหาชน พร้อมด้วยสมาชิกสภาจำนวนหนึ่ง เดินทางมายังกระทรวงคมนาคม ยื่นหนังสือต่อพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. รองหัวหน้า คสช. ฐานะประธานฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. เสนอให้ คสช.นำ อสมท เป็นองค์กรต้นแบบปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ตั้งคณะทำงานซึ่งเป็นบุคคลจากภายนอก อาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานปลัดบัญชีกระทรวงกลาโหม เพื่อตรวจสอบทุกโครงการใน อสมท ที่มีการทุจริตเพื่อให้เกิดความโปร่งใส 
      พล.อ.อ.ประจิน ระบุว่า การดูแลรัฐวิสาหกิจ มีคณะทำงานรับผิดชอบหลายส่วน ซึ่งจะส่งเรื่องให้กับคณะทำงานเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

'ลายจุด'ชวดประกันตัวอีก
     เมื่อเวลา 10.10 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ สนามหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามควบคุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด แกนนอนวันอาทิตย์สีแดง มาขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ ฝากขังผลัดสอง เป็นเวลา 12 วัน หลังถูกฝากขังผลัดแรกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯมาแล้ว โดยนายสมบัติ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด 3 ข้อหาคือ 1.ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 2.กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ 3.ไม่ไปรายงานตัวตามประกาศเรียกตัวของคสช. 
      ต่อมาเวลา 10.45 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 3 องค์คณะตุลาการศาลทหารนั่งบัลลังก์พิจารณาคำร้องขอฝากขังนายสมบัติ ผลัดสอง 12 วัน โดยพนักงานสอบสวนยืนยันต่อศาลว่าจำเป็นต้องขอควบคุมตัวเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากลายนิ้วมือและหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมตามฐานความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ส่วนนายสมบัติลุกขึ้นคัดค้านคำขอฝากขังว่า กระบวนการต่างๆ ของพนักงานสอบสวนดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องสอบสวนตนแล้ว จึงไม่มีเหตุจำเป็นต้องขอฝากขังตนในผลัดสองอีก 
      จากนั้นองค์คณะตุลาการศาล พิจารณาโดยเห็นชอบตามคำขอของพนักงานสอบสวน อนุญาตให้ฝากขังนายสมบัติ ผลัดสอง 12 วัน ระหว่างวันที่ 24 มิ.ย.-5 ก.ค. 

ทนายเตรียมยื่นใหม่
      ด้านนายอานนท์ นำภา ทนายความของนายสมบัติ จึงดำเนินเรื่องขอปล่อยตัวชั่วคราวทันที โดยนายอานนท์เผยว่า ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 4 แสนบาท พร้อมคำร้องประกอบว่านายสมบัติ พร้อมยุติบทบาทไม่เคลื่อนไหวการเมือง ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ หากได้ประกันจะกลับมาทำงานเพื่อสังคมและอยู่ดูแลลูกสาวกับครอบครัว และขอให้ศาลออกเงื่อนไขผู้ต้องหาพร้อมจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมบัติเดินทางมาขึ้นศาลทหารวันนี้ในชุดผู้ต้องขังสีน้ำตาล สวมกุญแจมือ และผมถูกตัดสั้นเกรียน ซึ่งระหว่างการพิจารณาคดี นายสมบัติยังคงมีแววตามุ่งมั่นไม่แสดงอาการหวาดหวั่น หลังการพิจารณาถูกควบคุมตัวไปคุมขังต่อยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในเวลา 11.50 น. ขณะที่ภรรยาและญาติที่มาร่วมฟังการพิจารณาคดี ได้รีบเดินทางตามไปสมทบทันที 
      จากนั้นเวลา 14.20 น. นายอานนท์ เปิดเผยว่า ศาลไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายสมบัติ เนื่องจากผู้ต้องหาถูกจับกุมตัวตามหมายจับ จึงเกรงจะหลบหนี ทีมทนายจะหารือแนวทางขอประกันตัวต่อไปว่าจะเพิ่มหลักทรัพย์และหาพยานบุคคลมายืนยันว่าจะไม่หลบหนีเพิ่มเติมหรือไม่ในการขออนุญาตฝากขังในวันที่ 4 ก.ค. ส่วนที่มีตำรวจไปแจ้งความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่จ.ร้อยเอ็ดนั้น เป็นคนละกรณีกันต้องไปขึ้นศาลยุติธรรม ซึ่งนายสมบัติถูกตั้งข้อกล่าวหาแล้ว แต่ยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

วินธัยปฏิเสธบิ๊กตู่หารือลับสุเทพ
      วันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช. ปฏิเสธกรณีหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์เสนอข่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคสช. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำม็อบกปปส. ได้สื่อสารแบบส่วนตัวกันในช่วงที่ผ่านมา ว่า ยืนยันไม่เคยพูดคุย หรือมีสื่อสารเป็นการส่วนตัว หรือส่งข่าวใดๆ ทั้งสิ้น ข่าวที่ออกมาอาจมีการคลาดเคลื่อนไป
     พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์มีเพียงการรับมอบหมายจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อสื่อสารแจ้งกับทุกกลุ่มทางการเมืองเพื่อหาทางเจรจากันแต่ก็ไม่เคยสำเร็จผล และการสื่อสารเพื่อแจ้งเตือนทุกกลุ่มหลีกเลี่ยงการกระทำการอันผิดกฎหมายและให้ดำเนินการใดๆ อย่างระมัดระวังเพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยเท่านั้น ซึ่งในขณะนั้นกองทัพคงไม่สามารถทำในลักษณะดังกล่าวได้เพราะเป็นด้วยงานความมั่นคง ต้องปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย และดำเนินการทุกอย่างไปตามกระบวนการที่เหมาะสมของภาครัฐ

บางกอกโพสต์แจงยิบคำ'เทือก'
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเนื้อหาที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ตีพิมพ์ฉบับวันที่ 23 มิ.ย.นี้ รายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มกปปส. เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม ที่แปซิฟิก คลับ ในกรุงเทพฯ ว่า เป็นผู้ให้คำปรึกษาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ถึงวิธีในการขจัดอำนาจทางการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาตั้งแต่ปี 2553 พร้อมย้ำว่า จะไม่กลับไปเล่นการเมืองอีกต่อไป
      โดยรายงานข่าวดังกล่าวระบุอีกว่า นาย สุเทพกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์มีการวางแผนกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงช่วงเวลาที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมด้วย พร้อมระบุกับแขกที่มาร่วมงานราว 100 คน ว่า ตนได้พูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์และทีมงานผ่านทางการแช็ต 'ไลน์' โดยเปิดเผยว่า ก่อนจะประกาศกฎอัยการศึก พล.อ.ประยุทธ์ได้บอกกับตนว่า 'คุณสุเทพและมวลมหาประชาชนเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของทหารที่จะรับงานต่อ'

เผย'กปปส.'หมดไป 1.4 พันล.
     หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ยังนำเสนอด้วยว่า นายสุเทพระบุว่า การเคลื่อนไหวของ กลุ่มกปปส.นั้นใช้เงินเกือบ 1,400 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น 400 ล้านบาทจากครอบครัวและผู้สนับสนุนของแกนนำกปปส. ขณะที่อีก 1,000 ล้านบาท มาจากเงินบริจาคของมวลชน ภายในงานเดียวกัน นายสุเทพยังระบุถึงเหตุผลที่เลื่อนการจัดระดมทุนออกมาจากกำหนดการเดิมว่า ไม่ต้องการสร้างความวุ่นวายให้กับคสช.ระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก
      รายงานข่าวดังกล่าวระบุอีกว่า นอกจากนั้น กลุ่มกปปส. ได้จัดตั้งสถาบันเพื่อผลักดันการปฏิรูปประเทศ และช่วยเหลือผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บและเสียชีวิตขึ้น โดยใช้เงินจากผู้บริจาค และนายสุเทพระบุว่า จะจัดงานเลี้ยงอาคารค่ำทุกวันเสาร์ และจะใช้สถานที่ของแปซิฟิก คลับ เป็นสำนักงานต่อไป โดยระบุว่า สถาบันดังกล่าวจะมีรูปแบบเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและทำงานด้านการวิจัย พร้อมย้ำว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรค การเมืองใดทั้งสิ้น 
      รายงานข่าวดังกล่าวระบุด้วยว่า ทั้งนี้นายสุเทพเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนกปปส. ให้การสนับสนุนกองทัพต่อไป โดยระบุว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา กองทัพเข้าใจจุดมุ่งหมายของกลุ่มกปปส.ดี และภายหลังจากการยึดอำนาจ คสช. ได้นำข้อเสนอหลายประการของ กลุ่มกปปส.ไปใช้ เช่น มาตรการช่วยเหลือชาวนา เป็นต้น

ปชช.เสนอกม.แก้ปัญหาที่ดิน
      เวลา 12.30 น. ที่รัฐสภา ตัวแทนเครือข่ายรณรงค์กฎหมายเพื่อคนจนทั่วประเทศกว่า 40 คน นำโดยนายดิเรก กองเงิน และนาย ประยงค์ ดอกลำไย รวมตัวหน้าอาคารรัฐสภา ขอเข้าชื่อแสดงตนเป็นผู้ริเริ่มเสนอกฎหมายเกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่ดิน 4 ฉบับ พร้อมนำรายชื่อผู้ริเริ่มแสดงตน 100 คน ยื่นผ่านนายสมพงษ์ รัตณะวรรณ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานเข้าชื่อเสนอกฎหมาย สำนักการประชุม ตัวแทนสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือ เพื่อส่งต่อให้กับ คสช. 
     เนื้อหาในหนังสือเรียกร้องให้สนับสนุนกฎหมายทั้ง 4 ฉบับประกอบด้วย ร่างพ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรในรูปแบบโฉนดชุมชน ร่างพ.ร.บ. ภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า ร่างพ.ร.บ.ธนาคารที่ดินและร่างพ.ร.บ.กองทุนยุติธรรมที่มีความสำคัญต่อการปฏิรูปที่ดิน สร้างความเป็นธรรมและลดความขัดแย้งในสังคม หากผ่านการตรวจสอบรายชื่อผู้ริเริ่มจากฝ่ายนิติบัญญัติ จะเริ่มรวบรวมรายชื่อประชาชนตามพ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอกฎหมายทันที แต่หากฝ่ายนิติบัญญัติไม่ให้ความร่วมมือภายใน 15 วัน จะไปเรียกร้องต่อคสช.โดยตรง 

กกต.เห็นชอบจารุพงศ์ลาหน.พท.
      รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า ในการประชุมกกต.วันที่ 24 มิ.ย. จะพิจารณาหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ซึ่งทำหนังสือลาออกเมื่อวันที่ 22 พ.ค.แต่ส่งไปรษณีย์มาถึงพรรคเพื่อไทยวันที่ 16 มิ.ย. ซึ่งที่ประชุมกกต.จะพิจารณาว่าจะเห็นชอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตอบรับการขอเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา จากนั้นกกต.จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและแจ้งพรรคการเมืองทราบ
     ทั้งนี้ การลาออกของนายจารุพงศ์ ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย แต่เนื่องจากประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 ห้ามมิให้พรรค การเมืองจัดประชุม ดังนั้น พรรคเพื่อไทยยังจัดประชุมเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ไม่ได้ คณะกรรมการชุดเดิมต้องรักษาการไปก่อน อย่างไรก็ตาม ทั้งนายจารุพงศ์และคณะกรรมการบริหารพรรคต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อนายทะเบียนพรรคฯภายใน 30 วันนับแต่วันที่พรรคได้รับแจ้งตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคจากนายทะเบียนฯแล้ว

มติ'อียู'ห่วงละเมิดสิทธิ์
      วันเดียวกัน คณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป หรืออียู ออกแถลงการณ์จากที่ประชุมคณะมนตรีสหภาพยุโรป (COUNCIL OF THE EUROPEAN UNION) ที่ประเทศลักเซมเบิร์ก ถึงปฏิกิริยาล่าสุดที่มีต่อไทย มีใจความดังนี้ 1.สหภาพยุโรปและไทยมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมายาวนาน ทั้งด้านการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน วัฒนธรรม การติดต่อสื่อสารระหว่างประชาชน 
     2.ด้วยความวิตกสูงสุดที่คณะมนตรีสหภาพยุโรปติดตามพัฒนาการความเคลื่อนไหวในประเทศไทยไม่นานมานี้ ขอเรียกร้องให้ผู้นำทหารฟื้นฟูกระบวนการประชาธิปไตยและธรรมนูญอันชอบด้วยกฎหมาย โดยถือเป็นกรณีเร่งด่วน ผ่านการเลือกตั้งที่เชื่อถือได้และครอบคลุม อียูยังขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นในระดับสูงสุด เคารพต่อสิทธิมนุษยชนและสนับสนุนเสรีภาพขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้ขอเรียกร้องให้ปล่อยผู้ถูกกักกันทางการเมืองทั้งหมด และระงับการจับกุมด้วยเหตุผลทางการเมืองเพิ่มเติม พร้อมกับยุติการเซ็นเซอร์

ลั่นทบทวนสัมพันธ์ไทย
      3.คำประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ของผู้นำทหารยังห่างจากโรดแม็ปที่ไว้วางใจได้ว่าเป็นการหวนคืนการปกครองตามรัฐธรรมนูญตามที่สถานการณ์ต้องการ ดังนั้นควรต้องทำให้สถาบันทางประชาธิปไตยกลับมาทำงานได้เต็มรูปแบบเพื่อย้ำถึงการคุ้มครองและสวัสดิภาพของพลเรือนทั้งปวง 
     4.เพื่อต่อต้านความเป็นไปนี้ อียูจำเป็นต้องทบทวนความสัมพันธ์ หมายการเยือนของเจ้าหน้าที่ไปยังประเทศไทยและจากประเทศไทยมาอียูต้องระงับไว้ทั้งหมด อียูและชาติสมาชิกจะไม่ลงนามข้อตกลงความสัมพันธ์หุ้นส่วนและความร่วมมือกับประเทศไทยจนกว่าจะมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ข้อตกลงอื่นๆ อาจได้รับผล กระทบตามความเหมาะสม หลังจากประเทศสมาชิกของอียูเริ่มทบทวนความสัมพันธ์ทางทหารกับไทย
     5. มีเพียงโรดแม็ปที่ทำโดยเร็วและเชื่อถือได้ว่าจะหวนกลับไปปกครองตามรัฐธรรมนูญ จัดการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือและครอบคลุมเท่านั้นที่จะทำให้อียูสนับสนุนไทยต่อไป สภาอียูตัดสินใจว่า อียูจะรักษาความสัมพันธ์กับไทยไว้ภายใต้การทบทวนและจะพิจารณามาตรการอื่นๆ ที่เป็นไปได้ต่อไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
      วันเดียวกันนี้ ที่กองทัพไทย เอกอัครราชทูตคริสตี้ เคนนีย์ ได้เข้าพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยและข้อกังวลของสหรัฐ

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 00:50 น. ข่าวสดออนไลน์


โฆษกคสช. ปฏิเสธ 'ประยุทธ' ไม่เคยหารือลับกับ 'สุเทพ' แกนนำกปปส.
       วันที่ 23 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปฏิเสธกรณีหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์เสนอข่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. มีการสื่อสารในลักษณะแบบส่วนตัวกันในช่วงที่ผ่านมา ว่า ยืนยันไม่เคยมีการพูดคุยหรือสื่อสารเป็นการส่วนตัว หรือส่งข่าวใดๆ ทั้งสิ้น ข่าวที่ออกมาอาจมีความคลาดเคลื่อนไป

 

       พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์มีเพียงรับมอบหมายจากรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อสื่อสารแจ้งกับทุกกลุ่มทางการเมืองเพื่อหาทางเจรจากัน แต่ก็ไม่เคยสำเร็จผล และการสื่อสารเพื่อแจ้งเตือนทุกกลุ่มหลีกเลี่ยงการกระทำการอันผิดกฎหมาย และให้ดำเนินการใดๆ อย่างระมัดระวัง เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยเท่านั้น ซึ่งขณะนั้นกองทัพคงไม่สามารถทำในลักษณะดังกล่าวได้ เพราะเป็นด้วยงานความมั่นคง ต้องปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย และดำเนินการทุกอย่างไปตามกระบวนการที่เหมาะสมของภาครัฐ

 

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเนื้อหาที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ตีพิมพ์ ฉบับวันที่ 23 มิ.ย. รายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่ม กปปส. เปิดเผยเป็นครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม ที่แปซิฟิก คลับ ในกรุงเทพมหานคร ว่า หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ถึงยุทธศาสตร์ในการถอนรากถอนโคนอำนาจทางการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาตั้งแต่ปี 2553 พร้อมย้ำว่า จะไม่กลับไปเล่นการเมืองอีกต่อไป

 

       นายสุเทพกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีการวางแผนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่อง รวมถึงช่วงเวลาที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมด้วย พร้อมระบุกับแขกที่มาร่วมงานราว 100 คน ว่า ตนได้พูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์และทีมงานผ่านทางการแชท “ไลน์” โดยเปิดเผยว่า ก่อนจะมีการประกาศกฎอัยการศึก พล.อ.ประยุทธ์ได้บอกกับตนว่า “คุณสุเทพและมวลมหาประชาชนอ่อนล้าเกินไปแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของทหารที่จะรับงานต่อ”

 

       ขณะเดียวกัน นายสุเทพระบุว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.นั้น ใช้เงินเกือบ 1,400 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น 400 ล้านบาทจากครอบครัวและผู้สนับสนุนของแกนนำ กปปส. ขณะที่อีก 1,000 ล้านบาท มาจากเงินบริจาคของมวลชน ภายในงานเดียวกัน นายสุเทพยังระบุเหตุผลที่เลื่อนการจัดระดมทุนออกมาจากกำหนดเดิมว่า ไม่ต้องการสร้างความวุ่นวายให้กับ คสช.ระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก

 

      นอกจากนั้น กลุ่มกปปส. ได้จัดตั้งสถาบันเพื่อผลักดันการปฏิรูปประเทศ และช่วยเหลือผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บและเสียชีวิตขึ้น โดยใช้เงินจากผู้บริจาค และนายสุเทพระบุว่า จะจัดงานเลี้ยงอาคารค่ำทุกวันเสาร์ และจะใช้สถานที่ของแปซิฟิก คลับ เป็นสำนักงานต่อไป โดยระบุว่าสถาบันดังกล่าวจะมีรูปแบบเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและทำงานด้านการวิจัย พร้อมย้ำว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น 

 

       ทั้งนี้ นายสุเทพเรียกร้องให้ผู้สนับสนุน กปปส.ให้การสนับสนุนกองทัพต่อไป โดยระบุว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา กองทัพเข้าใจจุดมุ่งหมายของกลุ่ม กปปส.ดี และภายหลังจากการยึดอำนาจ คสช.ได้นำข้อเสนอหลายประการของกลุ่มกปปส.ไปใช้ เช่น มาตรการช่วยเหลือชาวนา เป็นต้น