Ayakan

 

อัยการ ฮือเข้าชื่อ ค้านรธน. ปมคนนอกนั่ง'กอ.' ปูทำพิธีสืบชะตา ปรับทัศนคติ ปธ.สตรีอีสาน รวบมือปูดปฏิวัติ บิ๊กจินลุ้นเอียซ่า ตัดสิน-การบิน

       ร่างรธน.วุ่นอีก ถึงคิวอัยการฮือเข้า ชื่อค้านเพิ่มสัดส่วนคนนอกเป็น'ก.อ.' เปิดช่องนั่งประธานแทนอัยการสูงสุด เท่ากับถูกเด็ดหัว 'ปู'ร่วมพิธีสืบชะตา วัดดอนไชย อุตรดิตถ์ กราบพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก มทบ.23 เรียกประธานกลุ่มสตรีพัฒนาอีสานปรับทัศนคติ ฐานรวมตัวทำบุญวันเกิดอดีตนายกฯ ออกหมายจับ 8 น.ศ. ประท้วงหน้าหอศิลป์แล้ว รวบสาวมือโพสต์ปฏิวัติซ้อนกลางเมืองปากน้ำ 'บิ๊กตู่'บ่นเสียใจสื่อเขียนโจมตีรายวัน 'จตุพร'ท้า'บวรศักดิ์'คุยกันตัวต่อตัว 'ประจิน'ซัดแอร์เอเชีย ซ้ำเติมปัญหาธงแดงการบิน ลุ้น'เอียซ่า'ประกาศท่าที 25 มิ.ย.

 

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8974 ข่าวสดรายวัน 

 

ร่วมเวที - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ร่วมเวทียุทธศาสตร์ความร่วมมือทาง เศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 6 โดยมีพล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมา เป็นประธานการประชุม ที่กรุงเนปิดอว์ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.

 

 

ปูร่วมพิธีทำบุญสืบชะตา 

      วันที่ 23 มิ.ย. ที่หน้าพระอุโบสถ วัดดอนไชย ต.ชัยจุมพล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ น้องไปป์ พร้อมอดีตรัฐมนตรี และส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายชัยเกษม นิติสิริ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย และน.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ เดินทางมาเข้าพิธีสืบชะตาหลวงแบบล้านนาโบราณและเสริมสร้างบารมีความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตให้กับตนเองและครอบครัวในช่วงสัปดาห์ของวันเกิดครบรอบ 48 ปี มีชาวบ้านกว่า 300 คน นำดอกกุหลาบมาร่วมแสดงความยินดีและร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์อวยพรวันเกิดให้ด้วย

      จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมน้องไปป์ เข้า ไปกราบไหว้พระพุทธนิมิตไชยทศพล พระประธานประจำพระอุโบสถ และเดินเข้ากระโจมสืบชะตาหลวงที่จัดทำเป็นกระโจม 3 ขา พร้อมเครื่องบูชาพระรัตนตรัย ประกอบด้วยไม้ค้ำสรี กอต้นกล้วยทำเป็นขัวหรือสะพาน กล้วย 1 เครือ มะพร้าว 1 ทะลาย เครื่องบายศรีปากชามชุดใหญ่ ธงสามสี หมากพลู บุหรี่ เมล็ดถั่วเขียว งาขาว งาดำ ข้าวตอก ข้าวเปลือก และดอกไม้ธูปเทียน ถือเป็นการบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งทางเหนือเชื่อว่าเป็นการต่อชะตาชีวิตของคนให้ยืนยาว มีความสุขความเจริญ พร้อมขจัดภัยอันตรายต่างๆ ที่จะบังเกิดขึ้นให้แคล้วคลาดปลอดภัย โดยมีพระสงฆ์ 9 รูป เจริญพุทธมนต์คาถาในบทสวดบูชาพระรัตนตรัย บทสวดอิติปิโส มงคลจักรวาลน้อยและใหญ่ รวมทั้งมงคลจักรวาลแปดทิศ พิธีนี้จะกระทำต่อผู้ที่มีอายุครบ 24, 36, 48, 60 และ 72 ปี ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอายุครบ 48 ปีบริบูรณ์

     หลังเสร็จพิธี น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมน้องไปป์ กรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิกรรมต่อกัน พร้อมถวายเครื่องปัจจัยไทยธรรมถวายพระภิกษุสงฆ์

 

กราบพระพุทธชินราช-พิษณุโลก 

     เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์พร้อมน้องไปป์ เดินทางออกจากจ.อุตรดิตถ์ มาจ.พิษณุโลก ด้วยขบวนรถยนต์กว่า 10 คัน มีอดีตรัฐมนตรีและส.ส.พรรคเพื่อไทย ตามมาจำนวนมาก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร นายนพดล เหลืองทองนารา นายนิยม ช่างพินิจ นายวรเทพ รัตนากร พ.ต.ท. ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายสุชน ชามพูนท นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย นอกจากนี้ยังมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตแกนนำกลุ่มมัชฌิมา ร่วมขบวนด้วย โดยมีรถตำรวจจราจรนำเพื่ออำนวยความสะดวก และมีตำรวจดูแลทุกเส้นทางในแต่ละจุด

คณะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แวะกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขาประตูมอญ ถ.พญาเสือ อ.เมืองพิษณุโลก จากนั้นมาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ เพื่อกราบนมัสการพระพุทธชินราช พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจ.พิษณุโลก โดยมีชาวพิษณุโลก อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่ง คอยต้อนรับมอบดอกไม้ให้ และมีประชาชนบางคนขอถ่ายภาพคู่ด้วย จากนั้นไปวัดนางพญา ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในพระราชวังจันทน์ และเข้าพบหลวงปู่แขก ที่วัดสุนทรประดิษฐ์ อ.บางระกำ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยเครื่องบิน ที่ท่าอากาศยานจังหวัดพิษณุโลก

 

มทบ.23 เชิญปธ.สตรีปรับทัศนคติ

      เวลา 14.00 น. ที่มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.ขอนแก่น พร้อมเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายประกอบด้วย พ.อ.สมชาย ครรภาฉาย เสธ.มทบ.23 พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หน.ชปพท.กกล.รส.จ.ขอนแก่น นายสุรชัย วัฒนาอุดมชัย ปลัดจังหวัดขอนแก่น และ พ.ต.อ.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง.ผบก.จ.ขอนแก่น (ความมั่นคง) เชิญตัว นางปิญฉาย นาชัย ประธานกลุ่มสตรีพัฒนาอีสาน 20 จังหวัด เป็นอดีตข้าราชการครูบำนาญ และนางอำพร กตะ มาปรับทัศนคติที่ มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร

     เนื่องจากนางปิญฉาย นางอำพร และสมาชิกได้ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ออกมาเคลื่อน ไหววันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีประชาชนร่วมกิจกรรมด้วยอีก 5-6 คน นำป้ายข้อความว่า "สุขสันต์วันเกิด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 21 มิ.ย. 2558-กลุ่มสตรีพัฒนาอีสาน 20 จังหวัด-ชมรมคนรักยิ่งลักษณ์ ทักษิณ" ร่วมอยู่ในขบวนแห่บุญบั้งไฟของ ต.คูคำ อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น อีกครั้งวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีประชาชนร่วมกิจกรรมประมาณ 10 คน เป็นการทำบุญคล้ายวันเกิดให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่วัดเจติยภูมิ บ้านขาม หมู่ที่ 1 ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น โดยพระครูสุตธรรมภาณี รักษาการเจ้าอาวาส เป็นประธานสงฆ์ทำพิธีต่ออายุ เสริมดวง ให้อดีตนายกฯ ถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 7/2557 ลงวันที่ 22 พ.ค. 57 เรื่องห้ามมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

      เจ้าหน้าที่ใช้เวลาพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนปล่อยตัวกลับ เจ้าหน้าที่ระบุว่าการเรียกเข้ามาปรับทัศนคติเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดของประชาชน การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการใช้โอกาสของงานบุญประเพณีของท้องถิ่นที่มีประชาชนร่วมงานจำนวนมาก ที่อาจทำให้ตกเป็นเครื่องมือเพื่อหวังผลทางการเมืองในการสนับสนุนนักการเมือง จึงจำเป็นต้องพูดคุยทำความเข้าใจและป้องกันการกระทำไม่ให้เกิดการกระทำความผิดเช่นนี้อีก

 

อดีตรมต.ทยอยรับทราบคดีเยียวยา

      ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถ.สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.ศึกษาธิการ และนายธีระ วงศ์สมุทร อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ มารับทราบข้อกล่าวหา กรณีครม.มีมติอนุมัติจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2548-53 ต่อคณะกรรมการป.ป.ช.แล้ว โดยนายธีระ ส่งตัวแทนมารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนนายสุชาติมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเอง 

      กรณีนี้ ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา น.ส. ยิ่งลักษณ์ กับครม.รวม 34 ราย อนุมัติการจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2548-53 โดยมิชอบ ขณะนี้มีผู้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้วอย่างน้อย 3 ราย ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ และครม.ที่เหลือ ป.ป.ช.ให้เวลามารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ หากไม่มาภายในวันดังกล่าวจะส่งเอกสารไปทางไปรษณีย์ และจะถือว่ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

 

เปิดทรัพย์สินอดีตรมต.ยุคปู 26 มิย.นี้ 

       นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง โครงการจัดซื้อจัดจ้างสนามฟุตซอลโดยมิชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า การประชุมอนุกรรมการวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา คณะทำงานสรุปข้อมูลต่อที่ประชุมพิจารณา ซึ่งอนุกรรมการเห็นว่ายังมีข้อมูลที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อให้การพิจารณา แจ้งข้อกล่าวหามีข้อมูลที่ครบถ้วน คาดคณะทำงานจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนสรุปข้อมูลเข้าที่ประชุมอนุกรรม การเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานป.ป.ช. เตรียมเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 7 พ.ค. และ 22 พ.ค. 2557 เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีตรมว.กลาโหม นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมว.คมนาคม นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯ นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรมว.ยุติธรรม นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรมช.ศึกษาธิการ นอกจากนี้ยังเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯของอดีต ส.ว. แบบเลือกตั้ง กรณีพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 จำนวน 78 ราย ในวันที่ 26 มิ.ย. นี้

 

พระมหาไพรวัลย์บิณฑบาต 24 มิย.

      พระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ พระนักคิดนักเขียน วัดสร้อยทอง เผยว่า วันที่ 24 มิ.ย. เวลา 06.00 น. อาตมาจะไปเดินบิณฑบาตโปรดสัตว์แถวหมุดคณะราษฎร ข้างลานพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5 เนื่องจากคณะราษฎร คือกลุ่มสามัญชนซึ่งมีคุณูปการกับชาติบ้านเมืองอยู่ไม่น้อย เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่สยามประเทศ และทำให้สยามกลายเป็นอารยประเทศเท่าเทียมกับประเทศอื่นๆ แต่น่าเสียดายว่าประวัติศาสตร์กระแสหลักแทบไม่มีการพูดถึงสิ่งที่คณะราษฎรเคยทำเลย จนหลายคนแทบไม่รู้จักชื่ออาจารย์ปรีดี พนมยงค์ หรือพระยาพหลพลพยุหเสนา ทั้งที่ 2 คนนี้ทำให้สยามประเทศมีรัฐธรรมนูญใช้ มีระบอบประชาธิปไตยที่ให้หลักประกันในสิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชน ประชาชนทุกคนได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมดังที่อาจารย์ปรีดี ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง

      พระมหาไพรวัลย์ กล่าวว่า กรณี คสช.สั่งห้ามทำกิจกรรมในวันที่ 24 มิ.ย. อาตมามองว่าการดำเนินกิจกรรมอะไรก็ตามถ้าเป็นไปโดยสงบและสันติ ไม่ควรถูกขัดขวาง หากเจ้าหน้าที่รัฐหักหาญน้ำใจด้วยการจับกุมหรือเพ่งเล็งเอาโทษ ย่อมแสดงว่าเจ้าหน้าที่ลุแก่อำนาจ ตกอยู่ภายใต้ภยาคติ การขัดขวางไม่ให้คนได้แสดงออกอย่างเสรีภายใต้สันติอหิงสา เป็นความโง่เขลาของผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ด้านลบอีกด้วย


ผู้บริโภค - กลุ่มตัวแทนผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ยื่นหนังสือถึงนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ ขอให้บรรจุองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย ที่รัฐสภา เมื่อ 23 มิ.ย.

 

ศิลปินวางดอกไม้หมุดคณะราษฎร 

      ผู้สื่อข่าวรายงาน ส่วนกิจกรรมรำลึกครบรอบ 83 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยวันที่ 24 มิ.ย. 2475 จะมีกลุ่มนักเขียน กวี ศิลปินอิสระจำนวนหนึ่งไปวางดอกไม้และอ่านบทกวีที่หมุดคณะราษฎร หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยนายวาด รวี นักเขียนและบรรณาธิการสำนักพิมพ์ไชน์ โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมดังกล่าว และระบุว่ากิจกรรมจะเป็นไปโดยสงบ ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง จุดมุ่งหมายเพื่อรำลึกถึงผู้ก่อตั้งประชาธิปไตยผู้ล่วงลับที่มีคุณูปการต่อสังคมไทย และจะไม่มีการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านหรือแสดงป้ายประท้วง หรือประกอบกิจกรรมต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น และจะช่วยกันทำความสะอาดหมุดที่มีคนมาย่ำยี ส่วนดอกไม้ที่นำมารำลึกคณะราษฎรจะเอาไปให้กำลังใจนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดีด้วย

 

ออกหมายจับ 8 นศ.

     จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนักศึกษา 33 คน ที่รวมกลุ่มจัดกิจกรรม 1 ปีรัฐประหาร ด้านหน้าหอศิลป์กรุงเทพมหารนคร เมื่อบ่ายวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะปล่อยตัวในเช้าวันที่ 23 พ.ค. ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะเรียกบุคคลซึ่งชุมนุมในวันดังกล่าว 9 คน ประกอบด้วย นายพรชัย ยวนยี อายุ 24 ปี นายทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ อายุ 23 ปี นายรัฐพล ศุภโสภณ อายุ 22 ปี นายปกรณ์ อารีกุล อายุ 26 ปี นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ อายุ 29 ปี นายรังสิมันต์ โรม อายุ 22 ปี นายชาติชาย แกดำ อายุ 31 ปี นายนัชชชา กองอุดม อายุ 21 ปี และน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อายุ 22 ปี มารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยนายชาติชายมารับทราบข้อหาวันที่ 22 มิ.ย. ขณะที่อีก 8 ราย ทำหนังสือขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็นวันที่ 24 มิ.ย.นั้น

      พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า วันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับศาลกรุงเทพทั้งหมด 8 ราย ที่ไม่มารับทราบข้อหาตามที่พนักงานสอบสวนนัดหมายครบ 2 ครั้ง ซึ่งนับตั้งแต่วันนี้ไปไม่ว่าเจ้าหน้าที่พบตัวทั้ง 8 ราย ในสถานที่ใด จะมีอำนาจจับกุมได้ทันที ทั้งนี้ ยังไม่มีการประสานจากกลุ่มใดว่าจะมีการจัดกิจกรรมในพื้นที่ของบก.น.6

 

จับมือโพสต์ปฏิวัติซ้อน 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองบังคับ การปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญา กรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท เจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยความมั่นคง ร่วมกันจับกุม น.ส.ชญาภา โชคพรบุศศรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่ 2/2558 ลงวันที่ 22 มิ.ย. 2558 พร้อมของกลางอุปกรณ์ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต กล้องถ่ายวิดีโอ โทรศัพท์ มือถือ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 8/32 หมู่ 3 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 

     ทั้งนี้ สืบเนื่องจากระยะที่ผ่านมามีผู้โพสต์ข่าวลือว่าจะมีการปฏิวัติซ้อน เผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันสืบสวนจนพบว่ามีผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ chanisa B .... เป็นผู้โพสต์ข่าวลือดังกล่าวพร้อมแนบภาพการเคลื่อนย้ายรถถัง เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. จนเผยแพร่ไปยังสาธารณะเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวน.ส.ชญาภา มาซักถาม ซึ่งให้การยอมรับว่าเป็นผู้นำภาพการเคลื่อนย้ายรถถังที่เผยแพร่ในไลน์คนเสื้อแดง ซึ่งตนเป็นสมาชิก มาตกแต่งข้อความว่าปฏิวัติซ้อนและอัพโหลดขึ้นเฟซบุ๊กส่วนตัว นอกจากนี้ จากการสืบสวนยังพบว่า น.ส.ชญาภาใช้เฟซบุ๊กชื่อนี้โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงด้วย อย่างไรก็ตามในวันที่ 24 มิ.ย.เวลา 13.00 น. จะมีการแถลงรายละเอียดอีกครั้ง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

รบ.เชื่อมีเบื้องหลังกลุ่มดาวดิน 

      รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในวันเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง 24 มิ.ย.นี้ ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้กังวล เพราะเชื่อว่าสังคมรับทราบว่าคสช.เข้ามาทำอะไร มีโรดแม็ปการทำงาน อีกทั้งมีกฎหมายรองรับการทำงานและเห็นว่าการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านยึดอำนาจ เป็นการทำเฉพาะกลุ่มแต่เชื่อว่าสังคมเข้าใจ ส่วนการเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มดาวดิน การเคลื่อนไหวใดๆ นั้นเชื่อว่าอาจารย์ ผู้ปกครอง จะช่วยดูแลควบคุมนักศึกษาได้ แต่หากพูดคุยแล้วไม่เข้าใจก็ต้องใช้มาตรการ ทางกฎหมาย ส่วนจะมีผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาดาวดินหรือไม่นั้น ทางการข่าวยอมรับว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ

 

อัยการเข้าชื่อค้านรธน.

      นางชนิญญา ชัยสุวรรณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปกครอง ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่ออัยการทั่วประเทศเพื่อร่วมกันคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 228 ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรอัยการ และการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) โดยกำหนดให้มีคนนอกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนก.อ. ทั้งหมด หากได้รายชื่อมากกว่าพันคนแล้ว จะยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญและฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้พิจารณาต่อไป

นางชนิญญากล่าวว่า ตามกฎหมายเดิมสัดส่วนก.อ. มี 15 คน ประกอบด้วยประธานก.อ.จะมาจากอัยการสูงสุด (อสส.) ตามตำแหน่ง รองอสส. 4 คน ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก 4 คน มาจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) วุฒิสภาและฝ่ายบริหาร และอีก 6 คน มาจากการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันในมาตรา 228 ที่กำหนดให้ประธานก.อ. มาจากคนนอก และถ้อยคำที่ให้มี ก.อ. คนนอกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของ ก.อ. ทั้งหมดซึ่งหมายความว่าขั้นต่ำอย่างน้อย 1 ใน 3 จึงสามารถมีจำนวนมากกว่านี้ได้ อาจขยับไปมากกว่า 6-7 คน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองอย่างมาก และมีโอกาสสูงที่จะเกิดการกลั่นแกล้งในการดำเนินคดี ส่วนตนเห็นว่ายึดตามกฎหมายเดิมเหมาะสมแล้ว ผู้ร่างรัฐธรรมนูญอาจคิดด้านเดียว แม้มีความรู้สึกชอบใจหรือไม่ชอบใจการทำงานของอัยการคนใดก็ตาม แต่ขอให้มองทั้งองค์กร หากทำเช่นนี้เรียกว่าเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่มองอัยการเป็นเอเลี่ยน มัดตราสังไว้ทั้งหมด 

 

เด็ดส่วนหัว-ร้ายแรงกว่าก.ต. 

      นางชนิญญากล่าวว่า เนื่องจากการให้ที่มาของก.อ.แบบเปิดกว้าง แปลว่าพรรคการเมืองใดได้เป็นรัฐบาลก็แทรกแซงอัยการได้ง่ายมาก เหมือนมาเด็ดส่วนหัวเลย ขนาดคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ที่ให้คนนอกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ศาลยังไม่ยอม แต่ของ ก.อ.นอกจากคนนอกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 แล้ว ยังให้คนนอกเป็นประธานได้จึงเสี่ยงต่อการแทรกแซงอย่างมาก 

     อย่าลืมว่าก.อ.มีอำนาจในการโยกย้ายแต่งตั้ง เพราะองค์กรอัยการถูกขับเคลื่อนโดยก.อ. ยกตัวอย่างหากเลือกตั้งแล้วได้พรรค เอ ที่ไม่ถูกกับพรรค บี ซึ่งเป็นที่รับรู้ว่าแต่ละพรรคมีสารพัดสี พรรคสีหนึ่งได้อีกสีไม่ได้ แล้วหากประธานก.อ.เป็นคนของพรรคใดพรรคหนึ่ง จึงมีโอกาสสูงที่จะเกิดการกลั่นแกล้งในการดำเนินคดี เช่น พรรครัฐบาลอาจทำอะไรก็ไม่ผิดกฎหมาย แต่พรรคฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าจะทำอะไรผิดกฎหมายหมด แม้ไม่ผิดก็ลากให้ผิดได้ (อ่านรายละเอียดหน้า 3)

 

เปิด 248 อดีตสส.แถลงเปิดคดีทีละคน

      ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกมธ.สามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือวิปสนช. แถลงผลการประชุมว่า วันที่ 26 มิ.ย. มีวาระพิจารณาถอดถอน 248 อดีตส.ส. นัดแรก โดยจะเปิดให้ผู้ถูกร้องทั้งหมดยื่นขอเอกสารและพยานหลักฐานเพิ่มเติม จากนั้นที่ประชุมจะนัดวันแถลงเปิดคดีนัดแรก ซึ่งวางไว้ 3 วัน คือวันที่ 15-17 ก.ค. ขึ้นอยู่กับผู้ถูกร้องว่าจะให้ใครเป็นตัวแทนแถลงเปิดสำนวน ขณะนี้ สนช.ยังไม่ได้รับแจ้งว่าใครจะเป็นตัวแทนชี้แจง และจะขอยื่นพยานเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนไหนบ้าง อย่างไรก็ตาม สนช.ไม่จำกัดสิทธิผู้ถูกร้องในการแถลง หากจะขอแถลงทีละคนทั้ง 248 คน ก็เป็นสิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ สนช.

     นพ.เจตน์ กล่าวว่า สำนวนถอดถอนคดีของทั้ง 248 อดีตส.ส. ป.ป.ช.แยกสำนวนคดีตามฐานความผิดไว้ 4 กลุ่มคือ 1.อดีตส.ส. 237 คนที่ร่วมลงชื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ และลงมติทั้ง 3 วาระ 2.อดีตส.ส. 1 คน ไม่ลงมติวาระ 3 และ3.อดีต ส.ส. 10 คน ไม่ลงมติวาระ 2 โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 116 และ4.อดีต ส.ส. 3 คน ผิดฐานเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ส่งฟ้องอาญาไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย 

 

'วิษณุ'ชี้กมธ.ไม่ได้ถอย 

      ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีกมธ.ยกร่างฯปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของฝ่ายต่างๆ ว่า ยังจับกระแสไม่ได้เพราะความชัดเจนของ กมธ.ยกร่างฯยังไม่มากพอ มีการถอยไปหลายจุด เมื่อถึงเวลาคงต้องเอาร่างออกมาดูกัน ตนทราบอย่างไม่เป็นทางการ จึงไม่แน่ใจว่ามีการแก้ไขถึงไหนแล้ว การปรับแก้หลังฟังเสียงของฝ่ายต่างๆ ถือเป็นสัญญาณที่ดี บางอย่างอาจสรุปสั้นๆ ว่าถอย แต่หากดูเนื้อหาอาจไม่ใช่การถอย เช่น การย้ายจากบทถาวรไปอยู่ในบทเฉพาะกาล 

      เมื่อถามว่า ระบบเลือกตั้งแบบโอเพ่นลิสต์ถือว่าเหมาะกับการเมืองไทยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ถึงกับไม่เหมาะหรือคัดค้าน แต่ในทางปฏิบัติอาจเกิดจุดอ่อนขึ้น ครม.จึงท้วงติงเรื่องนี้ไปเพราะไม่ต้องการให้คนที่ลงเลือกตั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ไปหาเสียงแข่งกันเองในบัญชี และการปรับแก้ให้บัญชีรายชื่อเหลือบัญชีเดียวแบบเดิมแทน 6 บัญชีจะยิ่งทำให้การเลือกตั้งแบบโอเพ่นลิสต์ยากขึ้นด้วย ส่วนการนำระบบโอเพ่นลิสต์ไปเขียนไว้ในบทเฉพาะกาล แสดงว่าผู้ร่างยังเห็นผลดี เพียงแต่ไม่นำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งแรกที่จะมีขึ้น แต่ให้ไปใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป ซึ่งกว่าจะได้ใช้คงอีกนาน และเปิดให้คนที่เข้ามาต่อจากนี้ปรับแก้ได้


สืบชะตา - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมด้วยน้องไปป์ บุตรชาย ทำพิธีสืบชะตาหลวง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ในโอกาสทำบุญวันเกิดอายุ 48 ปี ที่วัดดอนไชย อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.

 

ไม่มีสปช.วิ่งนั่งสภาขับเคลื่อนฯ

     ส่วนที่กมธ.ยกร่างฯ ตัดโอกาสกลุ่มการเมืองลงสมัครเลือกตั้งนั้น นายวิษณุกล่าวว่า เท่าที่ดูไม่มีเสียงสนับสนุนเพราะมีข้อเสียมาก เขาจึงยอมรับในส่วนนี้ แต่มีการแก้กฎหมายลูกให้การจัดตั้งพรรคง่ายขึ้นจนใกล้เคียงกลุ่มการเมือง 

เมื่อถามว่าการไม่ให้นักการเมืองเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุน จะป้องกันได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ที่จริงก็ป้องกันได้ กติกาหลายข้อก็พยายามป้องกัน การคิดเรื่องกลุ่มการเมืองเพราะต้องการหนีปัญหาดังกล่าวแต่คนทั่วไปรวมถึงตนเห็นว่าหนีไม่พ้น เมืองไทยไม่เหมือนเมืองนอก ที่เขาตั้งกลุ่มการเมืองให้เกิดกลุ่มที่เกี่ยวกับสังคม แต่เมืองไทยเป็นนอมินี สุดท้ายทั้งหมดกลายเป็นมุ้งเล็กในมุ้งใหญ่ แต่มีหลายวิธีที่จะกันเรื่องครอบงำได้ 

      เมื่อถามว่าจนถึงขณะนี้ได้รายชื่อสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศบ้างหรือยัง นายวิษณุกล่าวว่า นายกฯเป็นคนตั้ง ตนไม่มีสิทธิเสนออะไรทั้งนั้น วันนี้ไม่มีใครคิดเรื่องเหล่านี้ ต้องให้เกียรติสปช.บ้าง เขายังอยู่ บ้านก็ยังอยู่ คนก็ยังอยู่ จะไปเตรียมรื้อบ้านสร้างใหม่แล้วหาคนไปอยู่แทนแล้ว เซ้งบ้านตั้งแต่คนเก่ายังอยู่ไม่ได้ เมื่อถามว่าตอนนี้คนเก่ามีวิ่งเต้นบ้างหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี เพราะเขาไม่รู้จะวิ่งกับใครและไม่รู้จะวิ่งทำไม

 

เลือกตรงนายกฯ เสียมากกว่าดี 

     เมื่อถามถึงข้อเสนอของนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง เสนอทำประชามติว่าต้องการให้มีการเลือกตั้งนายกฯโดยตรง นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ว่ากัน เสนอมาได้ทั้งนั้น หากสปช.หรือสนช.ยอมรับ ที่ผ่านมาพูดหลายครั้งแล้ว แต่เอาเข้าจริงต้องมีคนตั้งคำถามและโหวตว่าคำถามไหนชนะเลิศ เพราะยอมให้เสนอมาได้แค่ข้อเดียว และการเลือกตั้งนายกฯโดยตรงก็พูดกันมานานแล้ว แต่กมธ.ยกร่างฯไม่รับ ซึ่งตนเห็นว่าระบบการเลือกตั้งนายกฯมีข้อดีอยู่บ้าง แต่ก็มีข้อเสีย อยู่ไม่น้อยจึงไม่เห็นด้วย การเลือกตั้งนายกฯโดยตรงมีอยู่ประเทศหนึ่งคืออิสราเอล แต่ตอนนี้ยกเลิกใช้แล้ว เขาลองมา 3-4 ปีก็ประกาศยกเลิกเพราะมีข้อเสียและก็ไม่มีประเทศใด แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแล้ว เมื่อมันไม่เคยมีก็อย่ามี ถ้าจะมีก็ได้และไทยจะได้เป็นประเทศแรกที่ลงกินเนสส์บุ๊ก แต่ไม่ได้ว่าอะไรเขาเพราะสมัยหนึ่งตนก็เคยคิดไว้ว่ามันดีแต่ตอนนี้ข้อเสียมันมากกว่าข้อดี

 

บิ๊กตู่โวยสื่อเขียนโจมตี

      เวลา 16.40 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังกลับจากเข้าร่วมประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 6 ที่ประเทศเมียนมา โดยหลังให้สัมภาษณ์ประเด็นพลังงาน กาสิโนและภัยแล้งแล้วได้กล่าวขึ้นในทันทีว่า ปัญหาทุกเรื่องตนต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ต้องทำให้ดีที่สุด วันนี้ไม่ดีวันข้างหน้าก็ต้องดี หรือจะให้วันนี้ดีแล้ววันข้างหน้าล้มละลายก็ต้องเลือกเอาแล้ว เงินทองจะได้ใช้กันให้หมดไป เป็นหนี้สิน สุดท้ายก็ล้มละลาย อยู่ที่ทุกคน หากต้องการให้ประเทศสงบสุขก็ต้องคิดใหม่ 

       "ผมไม่เคยเป็นศัตรูกับนักข่าว แต่ทุกวันนี้เขียนโจมตีทุกวัน แต่ละเล่มเขียนโจมตีทั้งนั้น ขี้เกียจพูด ผมทำเยอะแต่ไม่มีใครเขียนในสิ่งที่ผมทำ หรือเขียนก็น้อยมาก แต่ให้ความสนใจกับความขัดแย้งมาก ซึ่งความขัดแย้งก็มาก การเมืองก็แย่ ดินฟ้าอากาศก็แย่ เกษตรกรไม่มีรายได้ คนเรียกร้องจะขึ้นค่าแรง ถามว่าจะเขียนให้บ้านเมืองมันสงบได้หรือไม่" นายกฯ กล่าว

 

เกิดมาในประเทศนี้ก็ต้องเสียใจ 

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนต่างรู้ว่าทุกอย่างคือปัญหาของประเทศ เป็นปัญหาของโลก แต่สื่อไม่เคยลดราวาศอกในเรื่องเหล่านี้ พอตนพูดก็หาว่าปิดบังความจริงทุกคนรู้กันหมด ต้องช่วยกันคิดและให้เวลาเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน เพราะปัญหาต่างๆ เกิดมาหลายสิบปีแล้ว เพราะโครงสร้างไม่ได้ทำและแก้ไข วันนี้เรากำลังเริ่มแก้ที่โครงสร้าง ทั้งภาคการเกษตร น้ำ สาธารณูปโภค กฎหมาย ทุกอย่างแก้หมด แต่สื่อเขียนว่าตนไม่มีผลงาน การปฏิรูปไม่ได้ทำ ตนเสียใจอยู่เหมือนกัน ดันเกิดมาอยู่ประเทศนี้ก็ต้องเสียใจ

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดของคนไทย ไม่ใช่ตนจะไม่สงสาร ที่ทำทุกวันนี้ก็เพราะสงสารคนจนผู้มีรายได้น้อย รู้ดีว่าลำบากแค่ไหน ถ้าไม่สงสารคนจนตนไม่อยู่จริงๆ เพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่รู้จะทำเพื่อใครเหมือนกัน ทุกประเทศที่ไปร่วมประชุมต่างมีความก้าวหน้า ไม่เห็นมีใครพูดเรื่องขัดแย้ง ทุกประเทศอยากให้ยุติความขัดแย้ง มีแต่ประเทศเราที่พยายามขุดกันออกมา แล้วบอกว่าเราไปปิดกั้น ถ้าปิดกั้นจริงมันไม่เป็นเช่นนี้ ตนก็ไม่ต้องมาอารมณ์เสียเช่นนี้

 

น่าจะเกรงใจกันบ้าง 

      "ถ้าจะปิดกั้นก็ปิดไปเลย ปิดทั้งหมด แต่ตนไม่ได้ทำ น่าจะเกรงใจผมบ้าง ไม่มีเลย อยากเขียนอะไรเขียน อยากด่าอะไรก็ด่า หลายคนไม่ได้เลือกผมเข้ามา ไม่มีใครเลือกผมเข้ามาอยู่แล้ว ผมดันอยากเข้ามาเอง คงอยากเข้ามามีผลประโยชน์หรือเปล่าไม่รู้ สื่อถึงได้เขียนกันนักว่ามีผลประโยชน์ตรงนั้นตรงนี้ ผมเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาให้คนไทยทุกคน ไม่ได้มาเพื่อใครทั้งสิ้น แต่วันนี้ถูกแบ่งพวกกันไปทั้งหมด จนหลายคนหมดกำลังใจทำงาน ข้าราชการก็แย่เพราะผมต้องกวดขัน ขณะเดียวกันก็ถูกโจมตี เขาไม่รู้จะไปกันอย่างไรแล้ว ข้าราชการดีๆ มีเยอะ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ก็ท้อแท้ ครม.ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ผลประโยชน์เขาก็ไม่ได้แต่ถูกด่าทุกวัน ไม่มีให้กำลังใจ อยากถามว่าใครจะทำงานให้ จะมาเอาอะไรจากผม เบื่อ ไม่อยากจะบ่น" นายกฯกล่าว

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกอย่างตนคิดเป็น ไม่ว่าเรื่องกาสิโน หรือเรื่องอื่นๆ ถ้าสื่ออยากต่อว่าขอให้ไปต่อว่าพวกนักการเมืองที่ออกมาพูดบ้าง กล้ากันหรือไม่ ไปถามดูว่าพูดกันทำไม ปฏิรูปคืออะไรไปถามกันบ้าง โดยเฉพาะอดีตรัฐมนตรีต่างๆ ไปถามเขาว่าต้องการให้ปฏิรูปอย่างไร ไม่ใช่มาไล่ถามตนทุกวัน บอกทุกวันแต่ไม่ฟัง หรือฟังก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน จะถามให้มีเรื่องกันให้ได้ ตนไม่ได้โกรธผู้สื่อข่าวเพราะรู้ว่าทุกคนรับใบสั่งมา เขียนดีเขาก็ไม่ลงให้ เขียนไม่ดีอาจได้สตางค์ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่จ่ายเงินให้ ก็รู้อยู่ บรรณาธิการ รีไรเตอร์ ต้องคอยทำหน้าที่ตรวจข่าวอยู่แล้ว ถ้าเขียนดีเขาก็ไม่ลง

 

ถึงเวลาต้องเปลี่ยนพฤติกรรม 

      ผู้สื่อข่าวชี้แจงว่านักข่าวทุกคนได้เงินเดือนตามปกติ ไม่ได้รับเงินใคร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "ไม่รู้ จะได้มาอย่างไรไม่รู้ งั้นคงรวยกันแล้ว เขียนกันต่อไป เดี๋ยวประเทศนี้มันก็เจ๊งลงไปเอง คราวนี้คงไม่มีเงินเดือน ไม่มีเงินกันทั้งประเทศ ก็ตามใจ ต่างประเทศพร้อมลงทุนและเดินหน้า ถามทุกอย่างว่าประเทศไทยจะเอาอย่างไร ทั้งเรื่องขนส่ง การท่องเที่ยว และอื่นๆ มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่พูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ ไม่มีประโยชน์ สร้างขัดแย้งไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะเอาให้ใครชนะ ผมไม่รู้ เคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่าถ้าผมทำแล้วมันไม่สำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง หรือช่างมัน เดี๋ยวรัฐบาลหน้าก็ทำกันเอง มันต้องอยู่กันไปแบบนี้"

      นายกฯ กล่าวว่า ตนอยากบอกกับพวกเราทุกคนให้กลับไปคิดใหม่ ตนไม่ได้ว่าใคร แต่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิด ขอให้คิดถึงคนจนบ้างว่าเมื่อไรฝนจะมา น้ำจะมา จะแก้ปัญหาอย่างไร ตนกำลังคิดกับเขาอยู่ แต่สื่อเอาปัญหากระจุกกระจิกจากข้างบนมาตีกับข้างล่าง จนแก้อะไรไม่ได้ รวนไปหมด ล้มทั้งระบบ ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะปฏิรูป หรือปฏิวัติกี่ครั้งมันก็ไม่มีประโยชน์ กลับมาเหมือนเดิมทุกครั้ง เป็นการบ้านที่ทุกคนจะต้องกลับไปคิด

 

จตุพรโพสต์จวกบวรศักดิ์

      นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า แม้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ จะบอกว่าไม่มีเจตนาทางชนชั้น แต่การบอกว่าผู้ชุมนุม กปปส.มากันเอง แต่คนเสื้อแดงมีรายได้วันละ 300 บาท ถ้าเขามาก็ต้องเอาเงิน ใครฟังภาษาคนก็เข้าใจกันง่ายๆ ว่า กปปส.และเสื้อเหลืองมาชุมนุมแล้วเอาเงินมาบริจาค ส่วนเสื้อแดงรับเงินมาเพราะไม่รับเงินแล้วลูกหลานไม่มีกิน เข้าใจเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย

"แม้นายบวรศักดิ์ จะพูดถึงเรื่องอโหสิกรรม แต่ไม่เคยอธิบายถึงความรับผิดชอบใดๆ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรแต่กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ที่ผ่านมาสิ่งที่เราระมัดระวังกันมาตลอดคือการดูถูกทางชนชั้น นายบวรศักดิ์ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ คนที่นายบวรศักดิ์ ไปร่วมเป่านกหวีดชุมนุมด้วย ที่มาจากภาคใต้รวยทุกคน ส่วนคนเสื้อแดงมีตั้งแต่คนไม่มีตังค์ยันเศรษฐีหมื่นล้านแสนล้าน แต่ที่ไม่มีใครยกตัวอย่างเพราะในที่ชุมนุมแล้วเท่ากัน ทุกคนมาร่วมชุมนุมเพราะต้องการประชาธิปไตยและอยากให้บ้านเมืองเดินในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ได้มากินอาหารอร่อย อยากกินอร่อยก็ไปกินอยู่บ้าน อยู่ตามร้านอาหารโน่น ลิ้นคนอาจจะกระดิกอย่างไรก็ได้ จะลิ้นแฉกเดียวสองแฉกอย่างไรก็ได้แต่ใจความเนื้อหาของคนที่ฟังภาษาคนรู้เรื่อง ก็เข้าใจอะไรไม่ต่างจากผม" นายจตุพรระบุ

 

ท้าพบกันตัวต่อตัว 

     ประธานนปช. ระบุว่า การที่ตนพูดเรื่องพ่อแม่ไม่สั่งสอน ขออธิบายว่าถ้าเป็นคนไม่รู้หนังสือไปดูถูกคนอื่นเขาเรียกว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน ส่วนนายบวรศักดิ์ จะย้อนตนอย่างไรไม่มีปัญหา เพราะพ่อแม่ตนไม่เคยสอนให้ดูถูกคน ที่ตนต้องตอบโต้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางการเมือง แต่เตือนนายบวรศักดิ์หรือใครก็ตามที่คิดจะดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าฝ่ายใดต้องประณาม และนายบวรศักดิ์ไม่รู้หรือว่าระบอบประชาธิปไตยทำให้คนมั่งมีและไม่มีเท่ากันในวันเลือกตั้ง เราไม่สามารถทำให้คนรวยเท่ากันได้แต่ทำให้คนนั้นมีสิทธิ์เท่าเทียมกันได้ เมื่อตัดสินใจทำหน้าที่ทั้งรองประธาน สปช. ประธานกมธ.ยกร่างฯ ถ้าจะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ตัวเองต้องไม่คิดเหลื่อมล้ำกับคนอื่นเขาก่อน 

นายจตุพรระบุว่า ส่วนที่ตนจะไปพบนายบวรศักดิ์นั้น ถามว่าพร้อมวันไหน นั่งสนทนากันตัวต่อตัว สื่อมวลชนบันทึกภาพได้ ไม่เกี่ยวกับชื่อเสียง ตนไม่เคยคิดว่าไปเจอแล้วชื่อเสียงจะเพิ่มมากขึ้น นายบวรศักดิ์กล้าพอหรือไม่ที่จะพบกับตนตัวต่อตัว ไม่มีผู้ชุมนุมใดๆ ถ้าพร้อม ประกาศมาตนจะไปตามนัดหมาย

 

เด็กเพื่อไทยอัดเลิกแก้ตัว 

      นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายบวรศักดิ์ระบุการต่อสู้ของคนเสื้อแดง เสื้อเหลืองหรือกปปส.เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของความขัดแย้งในไทย ฐานของภูเขาน้ำแข็งคือความเหลื่อมล้ำของคนมั่งมีกับคนไม่มีว่า ความจริงทัศนคติหรือความเชื่อแบบที่มีปัญหาของ นายบวรศักดิ์ เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งฐานของภูเขาน้ำแข็ง คือชุดความคิด ทัศนคติ และความเชื่อหลักที่มีอยู่ในคณะบุคคลที่เข้ามามีอำนาจในปัจจุบัน ทั้งแม่น้ำ 5 สาย องค์กรอิสระ ควรได้รับการปรับทัศนคติ ไม่เช่นนั้นทิศทางของบ้านเมืองจะผิดทิศผิดทางไปหมด 

นายอนุสรณ์กล่าวว่า นายบวรศักดิ์ไม่จำเป็นต้องแก้ตัว เพราะหลักฐานมันชัดเจนว่าคิด เชื่อ พูด และทำอย่างไร คำพูดที่ออกมาเป็นความพยายามแก้ตัว ซึ่งไม่ทันแล้ว เส้นแบ่งระหว่างคำว่าเหตุผลกับคำแก้ตัวใกล้กันมาก เชื่อว่าสังคมจับตาดูว่าถ้ามีการคว่ำรัฐธรรมนูญ ที่นายบวรศักดิ์ เป็นประธานยกร่างด้วยวิธีใดก็ตาม แปลว่ารัฐธรรมนูญที่ทำมาใช้ไม่ได้ นายบวรศักดิ์จะรับผิดชอบอย่างไรที่ทำให้คนไทยเสียเงิน เสียเวลา เสียความรู้สึกไปโดยเปล่าประโยชน์ เอาเวลาไปคิดเรื่องรับผิดชอบเรื่องนี้จะดีกว่ามาแก้ตัว

 

ครม.ตั้งเลขาฯรมว.ยุติธรรม 

      เวลา 08.30 น. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทน เนื่องจากนายกฯติดภารกิจไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 6 ที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา วันที่ 22-23 มิ.ย.นี้ โดยมีรองนายกฯและรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

       เวลา 13.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลประชุมว่า ครม.เห็นชอบแต่งตั้งพล.ท.อภิชัย หงษ์ทอง เป็นเลขานุการรมว.ยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ

       พล.ต.สรรเสริญแถลงว่า ที่ประชุมรับทราบคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 18/2558 เรื่อง การให้กรรมการหรือคณะกรรมการตามกฎหมายบางฉบับปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เพื่อเปิดให้ ผู้ได้รับมอบหมายทำหน้าที่แทนประธานบอร์ดหรือซีอีโอที่ตำแหน่งว่างอยู่ เพื่อให้การประชุมบอร์ดของรัฐวิสาหกิจถูกต้องตามนิตินัย เป็นการอุดช่องโหว่ของกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายเดิมระบุว่าหากคณะกรรมการบอร์ดของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการโดยตำแหน่งและผู้ว่าการ หรือซีอีโอของรัฐวิสาหกิจ นั้นๆ ประชุมไม่ครบองค์ทั้ง 3 ส่วน ถือว่าไม่ชอบด้วยนิตินัย ซึ่งที่ผ่านมาก็อนุโลมมาตลอด อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเสนอให้แต่ละกระทรวงไปแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวต่อไป

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติให้ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เสนอให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรในห้วงวันที่ 20 พ.ค. 57-1 เม.ย. 58 มีสิทธิได้รับการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณเพื่อประโยชน์ในการคำนวณบำเหน็จบำนาญต่อไป

เชียงใหม่เตรียมรับครม.สัญจร 

      ที่จ.เชียงใหม่ นายศราวุฒิ ศรีสกุล ปฏิบัติหน้าที่ผอ.สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) กล่าวถึงการเตรียมสถานที่ประชุมครม.สัญจรที่จ.เชียงใหม่ วันที่ 28-29 มิ.ย.ว่า ขณะนี้ได้เร่งทำความสะอาดและปรับปรุงซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดเสียหาย เช่น หลอดไฟ พื้นกระเบื้อง ต้นไม้ ดอกไม้ โดยรวมกว่า 100 รายการ เสร็จแล้ว 30 รายการ ส่วนที่เป็นงานใหญ่คือการล้างทำความสะอาดลานน้ำพุหน้าศูนย์ประชุม ทางมทบ.33 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารมาช่วยกว่า 200 นาย ทั้งนี้ การปรับปรุงและทำความสะอาดศูนย์ประชุมต้องเสร็จภายในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ส่วนกลุ่มมวลชนต่างๆ ที่ต้องการยื่นเรื่องต่อนายกฯและครม. จะจัดพื้นที่และกางเต็นท์เพื่อรับเรื่องจากประชาชน บริเวณด้านหน้าศูนย์ประชุม ซึ่งสามารถผ่านเข้าได้ทางประตูที่ 6

 

ชี้แอคเม็กส์มิตร-ไม่ใช่คู่แข่ง

      วันที่ 23 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงเนปิดอว์ เมียนมา ว่า ช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ร่วมพิธีเปิดการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ครั้งที่ 6 มีพล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมา เป็นประธาน ก่อนประชุมผู้นำทั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา ลาว เวียดนามและไทย ได้ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมว่า อนาคตยังมีภารกิจอีกมากที่ต้องทำร่วมกันทำให้บรรลุเป้าหมายตามปฏิญญาพุกามและปฏิญญาอื่นๆ เพื่อให้การรวมกันของอาเซียนราบรื่นและสมบูรณ์ วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะร่วมกันกำหนดทิศทางและจัดลำดับความสำคัญของความร่วมมือในอีก 2 ปีข้างหน้า เน้นโครงการที่จำเป็นเร่งด่วนและให้ผลเป็นรูปธรรม เราต้องจริงใจ ไว้เนื้อเชื่อใจกัน เป็นมิตรและเป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน ไม่ใช่คู่แข่ง แอคเม็กส์ตั้งขึ้นเพื่อประชาชนในภูมิภาคนี้ทั้งหมดไม่ใช่เพื่อประเทศใด และไม่ควรหยุดเป้าหมายอยู่เพียงการก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนเท่านั้น แต่จะต้องมองไปให้ไกลกว่าเดิมและก้าวเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง

      จากนั้น ผู้นำทั้งหมดรับรองร่างเอกสาร 2 ฉบับคือร่างปฏิญญากรุงเนปิดอว์ การประชุมผู้นำแอคเม็กส์ ครั้งที่ 6 และร่างแผนปฏิบัติการ แอคเม็กส์ ปี 2559-2561 เวลา 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 30 นาที) พล.อ.ประยุทธ์เข้าร่วมประชุมระหว่างผู้นำแอคเม็กส์ และภาคเอกชน พร้อมกล่าวถ้อยแถลงต่อผู้แทนภาคเอกชน จากนั้นเวลา 14.00 น. คณะนายกฯ เดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติเนปิดอว์กลับประเทศไทย

 

ลุ้น"เอียซ่า"ตัดสินปมการบิน

      วันที่ 23 มิ.ย. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้รายงานในที่ประชุม ครม.ถึงการแก้ไขปัญหาความบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบิน (เอสเอสซี) ว่ากระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างปรับแผนแก้ปัญหาใหม่ให้เสร็จภายใน 3 วัน หรือวันที่ 25 มิ.ย. 

      พล.อ.อ.ประจินกล่าวถึงสายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ให้ข่าวหยุดทำการบินในเส้นทางเมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เพราะปัญหาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ปักธงแดงประเทศไทยว่า ฟังแล้วเสียใจ เพราะที่ผ่านมากรมการบินพลเรือน (บพ.) ตั้งใจแก้ปัญหาแต่สายการบินกลับมาพูดซ้ำเติมกัน พวกเดียวกันควรช่วยกันพูดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นมากกว่า อยากให้ทุกคนมองผลกระทบของประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่เอาแต่ธุรกิจของตัวเองรอดอย่างเดียว ที่ให้สัมภาษณ์ในทางลบกับไทยฟังดูแล้วไม่ค่อยแฟร์ ควรพูดให้กำลังใจบพ.มากกว่า ควรทำงานให้เป็นเอกภาพ ไม่ใช่ต่างคนต่างพูดว่าไม่เกี่ยว สั่งให้ บพ.ทำความเข้าใจเรื่องนี้กับสายการบินต่างๆ แล้ว

     พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เตรียมเสนอ ครม.ครั้งถัดไปถึงการปรับโครงสร้างองค์กรให้ได้มาตรฐาน แยกเป็น 4 หน่วย ประกอบด้วย สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) สังกัดสำนักนายกฯ, กรมการท่าอากาศยาน สังกัดกระทรวงคมนาคม, สำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของเรือและอากาศยานที่ประสบภัย และสำนักงานคณะกรรมการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือผู้รอดชีวิต ทั้งนี้ มอบให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นผู้พิจารณาด้านกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะ ซึ่งยังไม่มั่นใจว่าจะปรับปรุงโครงสร้างองค์กรเสร็จภายในก.ค.นี้หรือไม่ การจัดตั้งหน่วยงานทั้ง 4 แห่งจะใช้งบประมาณปี 2559 เสนอไปกว่า 2,000 ล้านบาท หากไม่พอจะของบเพิ่มอีก 400 ล้านบาท โดยเฉพาะการตั้งสถาบันการบินพลเรือนฯ ซึ่งจะส่งเรื่องให้ คสช.พิจารณาก่อนส่งเข้าที่ประชุมครม.

    พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ส่วนการประกาศท่าทีของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (เอียซ่า) ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ ไทยต้องรอดูผลก่อน นอกจากนี้ยังมอบให้กรมการบินพลเรือนไปเร่งปรับแผนการทำระบบการรักษาความปลอดภัยและมาตรฐานความปลอดภัยทางการบิน เพื่อเตรียมรับมือการตรวจสอบของหน่วยงานอื่นในอนาคต โดยเฉพาะสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (เอฟเอเอ) ที่จะเข้ามาตรวจสอบในกลางเดือน ก.ค.นี้