Polameang


ถ้าให้อยู่ต่อ-ก็อยู่ บิ๊กตู่ระบุ แล้วแต่ประชาชน 
พระเทือกเตรียมสึก ลั่นไม่หวนคืนรังปชป. ปปช.สรุปไอซีทีไม่ผิด จัดทำสติ๊กเกอร์ไลน์ ศาลทหารรับฟ้องคดี กลุ่มพลเมืองโต้กลับ 

      'บิ๊กตู่'แบ่งรับแบ่งสู้ ปฏิรูป 2 ปีก่อนเลือกตั้ง ระบุถ้าประชาชนอยากให้อยู่ ก็จะอยู่ แต่ต้องช่วยปกป้องข้อกล่าวหาสืบทอดอำนาจ ฝากชกปากคนปลุกระดมเกลียดคสช. ยันครม.สัญจรเชียงใหม่ปลายเดือน ไม่กลัวม็อบต้าน'บิ๊กป้อม'ไม่ห่วงฐานเสียงทักษิณ ผบ.ตร.ยันไม่ยื้อถอดยศ ถกแม่น้ำ 3 สาย นายกฯ นำทีมแจงผลงาน 1 ปี 'ไพบูลย์'ปลุกประชาชนลงชื่อหนุนปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง 'พระสุเทพ'จ่อสึก ยังไม่กลับไปอยู่ปชป. ป.ป.ช.สรุปคดีสติ๊กเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการ ไม่แพงเกินจริง เวทีสัมมนาศูนย์ทนายความฯ ล่ม ศาลทหารรับคดีฟ้อง กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ฝืนคำสั่งคสช. 

 

วันที่ 05 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8955 ข่าวสดรายวัน

 

    ได้ประกัน - นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ นายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ และนายอานนท์ นำภา กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ได้ประกันตัวในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช. เดินทางออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 มิ.ย. 

 

 

'บิ๊กตู่'วอนชาวนาเลิกแบ่งสี

      เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2558 ให้แก่ผู้นำชาวนา องค์กรชาวนา เนื่องในวันข้าวและชาวนา แห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิ.ย. 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้ชาวนาทุกคนภาคภูมิใจ เพราะชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ ถ้ากระดูกสันหลังหักก็เหมือนชีวิตดับหรือเป็นอัมพาต เท่ากับประเทศไทยป่วยหรือบาดเจ็บ เหมือนตนที่ขณะนี้ปวดคอ ปวดหัวเพราะเครียดจากการทำงาน จะหายต่อเมื่อเห็นชาวนามีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น วันนี้เวลานั่งรถโก้ๆ แล้วผ่านไปเจอชาวนาที่ตากแดดตากฝน ตนอายเขาเพราะยังช่วยอะไรเขาไม่ได้

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ข้าวล้นคลัง ราคาข้าวตกต่ำมีความเสียหายมาก ซึ่งนโยบายประชานิยม อาจจำเป็นในบางเรื่องแต่เป็นเพียงระยะสั้น ไม่ใช่ระยะยาว ตนเข้ามาหยุดการทุจริตทั้งหมด ทุกคนต้องช่วยกันดูไม่ให้มีคนโกง ขอให้ชาวนามองวิกฤตเป็นโอกาส ต้องไม่มีสีไม่มีกลุ่ม จะมาทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเรามัวแต่ทะเลาะกัน ประเทศจะขับเคลื่อนต่อไปไม่ได้ 

 

ฝากชกคนยุให้เกลียดคสช.

    "ผมไม่ได้รังเกียจนักการเมืองหรือประชา ธิปไตย แต่ประชาธิปไตยต้องมีธรรมาภิบาลและต้องดูแลคนทุกอาชีพ หากใครทำแล้วโกงก็อย่าไปเลือก ผมไม่ได้หมายถึงใคร วันนี้ยังมีเคเบิล หรือเสียงตามสายพูดจาปลุกระดมให้คนเกลียด คสช. ผมอยากฝากชกปากสักที" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายนายกฯ เปิดให้ชาวนาซักถาม ซึ่งนายรังสรรค์ กาสูรงค์ ตัวแทนชาวนาจากจ.ฉะเชิงเทรา ถามว่า ทำไมซื้อข้าวจากพวกเราในราคาถูก แต่ไปขายราคาแพง จึงอยากให้นายกฯหาตัวไอ้โม่งที่ทำให้ราคาแพงขึ้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไอ้โม่งไม่ต้องไปหาก็เจอ แต่ตนจะรับเรื่องให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปจัดการ ซึ่งการจะทำอะไร ต้องระวังและดูข้อกฎหมายเป็นหลักขอให้ชาวนารวมตัวกันใช้โซเชี่ยลบิซิเนสเพื่อให้มีช่องทางขายข้าวโดยตรง ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง เพราะหากรัฐบาลจะนำข้าวในสต๊อกมาขายราคาถูกก็จะทำให้เสียกลไกตลาด

 

จ่อฟัน"ไอ้โม่ง"คดีข้าว

     จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กระบวนการยุติธรรมกำลังสอบสวนอยู่ทั้งการรับจำนำข้าว การขายข้าว ส่วนที่ตนให้ไปดูข้าวที่อยู่ในโกดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ต้องดูกติกา กฎหมายว่าจะนำข้าวที่อยู่ในโกดังออกมาขายให้ประชาชนในราคาถูกได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะถูกผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าว กล่าวหาว่าเราจำหน่ายข้าวในราคาที่ถูกเกินไป ทำให้ขาดทุนเยอะ กลายเป็นว่าความผิดที่พวกเขาได้รับ เป็นเพราะเราขายข้าวไม่ดีเอง จึงต้องระวัง จะกลายเป็นข้อแก้ตัวให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง

      นายกฯกล่าวว่า ส่วนจะถูกหรือผิด ให้กระบวนการยุติธรรมไปว่ากัน ตนรู้แต่ว่ามันเป็นภาระกับระบบการเงินการคลังของประเทศ จึงต้องหาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งการส่งออก การปลอมปนข้าว ที่หลายคนเรียกว่า ไอ้โม่ง ตอนนี้อยู่ในกระบวนการทั้งหมดแล้ว ทุกฝ่ายคงจะรู้ว่าเป็นใคร โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ กำลังรวบรวมข้อมูลและฟ้องศาลอยู่ ซึ่งอาจจะดำเนินคดีในทางแพ่งด้วย

 

อ้อนให้อยู่ต่อต้องช่วยปกป้อง

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงข้อเสนอของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ส่วนหนึ่ง ที่ให้ทำประชามติเพื่อให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง 2 ปี ว่า ใครมีสิทธิ์เสนอก็เสนอไป เพราะการแก้รัฐธรรมนูญตนฟังความคิดเห็นจากทุกคน เมื่อเสนอมาก็เป็นหน้าที่ตนและครม. ก็แก้ให้เขา ฉะนั้น มันต้องมีคนเริ่ม แต่ไม่ใช่ตน การแก้รัฐธรรมนูญถ้าเป็นรัฐบาลปกติทำได้ แต่รัฐบาลอย่างตนหากจะปฏิรูปหรือไม่ทำ ถือว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องแต่ตนจะไม่ใช้อำนาจ 

     "ผมเฉยๆ ถ้าให้ผมอยู่ ผมอยู่ด้วยความชอบธรรม ไม่ได้อยู่ด้วยอำนาจ ถ้าทุกคนอยากให้ผมอยู่ ผมก็อยู่ ผมก็ทำให้ แต่ต้องช่วยปกป้องผมจากภายนอกประเทศ รวมถึงภายในประเทศด้วย ที่กล่าวหาว่าผมอยากสืบทอดอำนาจ ซึ่งผมไม่ต้องการอำนาจ เพราะผมไม่ได้ผลประโยชน์ ผมต้องการทำประเทศชาติให้ดีขึ้น แต่จะทำอย่างไร ผมไม่รู้ มันเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

     ต่อข้อถามว่าถ้าจะให้นายกฯ อยู่ต่อ ประชาชนต้องทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การแสดงออกของประชาชนไม่ใช่ปกป้อง ประชาชนมีหน้าที่คือออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เลือกรัฐบาลเข้ามา และร่วมมือทำประชามติ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าถ้าจะให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อต้องทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องถามฝ่ายกฎหมาย 

 

ลั่นยิ่งถูกด่ายิ่งมีแรง

      เมื่อถามว่าถ้าการปฏิรูปยังไม่สำเร็จตามที่วางไว้ มีโอกาสจะยืดโรดแม็ปออกไปเพื่อให้สำเร็จหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พูดไปแล้ว และเพิ่งได้ยินข้อเสนอนี้ มีคนเขียนว่ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ต้องการให้อยู่ต่อ 2 ปี เพื่อปฏิรูป แต่วันนี้ใครต้องการให้ตนปฏิรูป ประชาชนก็ต้องไปหาทางมา การปฏิรูป หลายรัฐบาลต้องการทำอยู่แล้ว เพียงแต่เขาปฏิรูปภายใต้รัฐบาลของเขา ขอถามว่าทำได้หรือไม่ เช่น กระบวนการผลิตด้านการเกษตรทั้งภาค การจัดระเบียบสังคม ถนนหนทาง เอาคนที่รุกล้ำพื้นที่ออก จะทำหรือไม่ แต่วันนี้รัฐบาลนี้ทำ และยอมรับในเสียงที่พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง ตนก็ยอม วันหน้าเขาจะเข้าใจตนเอง แต่เตือนว่าต้องบังคับรัฐบาลใหม่ให้ได้ อย่างน้อยให้เขาทำอย่างที่ตนทำ

     เมื่อถามว่า อะไรดีกว่ากันระหว่างรัฐบาลนี้ปฏิรูปไปเลยกับบังคับให้รัฐบาลใหม่มาปฏิรูป พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องการประชาธิปไตยกันไม่ใช่หรือ บอกตนไม่ใช่ประชาธิปไตย ไม่ได้เลือกตั้งเข้ามา ซึ่งก็ว่าตนอยู่ทุกวัน ต่างชาติก็ถามว่าจะเลือกตั้งเมื่อไร มันขึ้นอยู่กับคนไทย จะกำหนดอนาคตประเทศไทยอย่างไร เป็นเรื่องของประชาชน 67 ล้านคนไปว่ากันมา ไม่ใช่ตน เมื่อถามว่าถ้าต้องอยู่ต่ออีก 2 ปี พร้อมจะโดนด่าจากฝ่ายที่เห็นต่างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมไม่กลัวคำว่า คำด่า ยิ่งด่า ผมยิ่งมีแรง"

 

ไม่กลัวม็อบต้านที่เชียงใหม่ 

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวการจัดประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ที่จ.เชียงใหม่ วันที่ 27-28 มิ.ย.นี้ นายกฯ กล่าวว่า ก็ไป เตรียมวางแผนไว้อยู่ ถามทำไม ไปไม่ได้หรืออย่างไร พวกสื่อที่จะตามไปก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร      ต่อข้อถามว่าตั้งใจจะไปดูงานด้านใดเป็นพิเศษ นายกฯ กล่าวว่า ที่ไหนไปแล้วจะไม่ไป ก็ไปพบประชาชน

ต่อข้อถามว่าครั้งนี้ห่วงจะมีปัญหาเรื่องคลื่นใต้น้ำหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ถ้ายังมีอยู่ ก็เลิก ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไม่เลือกไปที่จ.เชียงใหม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เดินทางไปทีละภาค ในการประชุมครม.สัญจรครั้งที่แล้วเป็นภาคกลาง ที่จ.ประจวบ คีรีขันธ์ ก่อนหน้านี้ก็ไปภาคอีสาน ประเทศ ไทยมีกี่ภาค ก็จะลงพื้นที่และเดินทางไปทีละภาค แต่ละภาคมีจังหวัดอะไรบ้าง ถ้าไปได้ก็ไป ทำไม จะไปไหนไม่ได้เลยหรือ

       ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมไม่เลือกจังหวัดเล็กๆ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าไปจังหวัดเล็กๆ จะเจอคนหรือไม่ จ.เชียงใหม่ใหญ่แค่ไหน มีกิจการหลายอย่าง ทั้งเรื่องท่องเที่ยว ชาวไร่ชาวนา เมื่อถามว่าไม่กลัวกลุ่มคนต่อต้านหรือ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า "จะกลัวอะไร ถ้ากลัว ไม่มายืนตรงนี้ ถามอยู่ได้ ไอ้เรื่องแบบนี้ ถามวนเวียนกันอยู่แค่นี้"

 

'บิ๊กป้อม'ชี้ทุกอย่างสงบ

      พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า การจัดประชุมครม.สัญจร ที่จ.เชียงใหม่ ช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้ ต้องดูว่าพื้นที่ใดเหมาะสม ตนจะเป็น ผู้เสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจอีกครั้ง เป็นการลงพื้นที่เพื่อประชุมงานและติดตามการบริหารราชการแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเกี่ยวข้องกับเรื่องถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เนื่องจากจ.เชียงใหม่ เป็นพื้นที่ฐานเสียงของพ.ต.ท. ทักษิณหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนดูที่ประชาชนเป็นหลัก เรื่องการถอดยศเป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งอำนาจอยู่ที่พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดู เรื่องนี้มาถามตนได้อย่างไร 

     เมื่อถามว่าฐานเสียงของพ.ต.ท.ทักษิณ อาจไม่พอใจที่ครม.ไปประชุมสัญจรที่จ.เชียงใหม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่กังวล สื่อคิดไปเอง ไม่มีอะไรที่ประชาชนไม่พอใจ เวลานี้ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดี 

 

ผบ.ตร.ไม่ยื้อถอดยศแม้ว

      ด้านพล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ยืนยันว่ายังไม่ได้รับมติถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ จากคณะกรรมการที่มีพล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุลที่ปรึกษา (สบ.10) เป็นประธาน ในรอบที่ 2 หลังจากคณะกรรมการสรุปส่งให้แล้วครั้งหนึ่ง แต่มีความผิดพลาดเรื่องมติเซ็นรับรองโดยคณะกรรมการ จึงตีกลับไปให้ดำเนินการให้ถูกต้อง

      "ผมจะไม่ดึงหรือรั้งการพิจารณาถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ผมเป็นคนขี้กลัว เกรงว่าจะเกิดความผิดพลาดจึงต้องทำอย่างรอบคอบ หากได้รับมติรอบนี้แล้วจะให้ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมายและไม่ได้กำหนดกรอบเวลาพิจารณา โดยไม่กลัวว่าหากพิจารณาถอดยศแล้วจะส่งผลภายหลังผมเกษียณอายุราชการ เพราะปฏิบัติหน้าที่อยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่สำคัญอย่าพยายามขู่เข็ญบังคับและกดดันทุกรูปแบบ เพราะผมจะยิ่งดื้อ" พล.ต.อ.สมยศกล่าว 

 

'ชัยยะ'เผยส่งมติให้แล้ว

      พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ส่วนการพิจารณาขอคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้น เป็นไปตามขั้นตอน ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาแนวทางไว้แล้ว โดยจะดำเนินการในส่วนของเครื่องราชฯที่อดีตนายกฯได้รับขณะที่รับราชการตำรวจเท่านั้น ส่วนเครื่องราชฯที่ได้ก่อนหรือหลังจากนั้นให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าการถอดยศทักษิณ จะไม่ดึงเรื่องไว้ พล.ต.อ.สมยศตอบอย่างมีอารมณ์ว่า "ผมเป็นคนทำหนังสือเร่งรัดเขา ไม่ใช่เขามาเร่งรัดผม ถ้าอยากให้ผมทำเร็ว ไปเร่งรัดเขามา"

      พล.ต.อ.ชัยยะกล่าวว่า ได้ส่งมติที่คณะกรรมการมีมติถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ส่งไปยังสำนักงานผบ.ตร.แล้ว หลังจากผบ.ตร. ทวงติงเอกสารได้เพียง 1 วัน

 

แม่น้ำ 3 สายร่วมสัมมนา

      เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการสัมมนาร่วมกันระหว่างรัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และสปช. ภายใต้ชื่อ "โครงการสัมมนาเพื่อรับฟังการดำเนินการที่ผ่านมาของรัฐบาล" โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เป็นประธานการประชุม โดยมี ครม. สมาชิกสนช. และสปช.เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง 

      ก่อนสัมมนาเจ้าหน้าที่รัฐสภาได้จัดให้ลงทะเบียนและแจกเอกสาร 2 เล่ม ได้แก่ หนังสือสรุปผลงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2558 และเอกสารสรุปรายงานผลการดำเนินงานสำคัญของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ที่จัดทำเป็นพิเศษเพื่อใช้ประกอบชี้แจงต่อสนช.และสปช. พร้อมแจกแบบแสดงเจตจำนงซักถามผลงานของรัฐบาลใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและจิตวิทยา ด้านต่างประเทศ ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมและด้านอื่นๆ พร้อมให้เขียนชื่อ นามสกุล ของผู้ที่จะสอบถามด้วย เพื่อใช้จัดลำดับการซักถาม นายกฯ และรัฐมนตรีที่เข้าร่วมงานสัมมนาด้วย

 

รมต.คุยผลงาน 1 ปีเพียบ

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวชี้แจงผลการทำงาน พร้อมระบุสาเหตุต้องใช้มาตรา 44 เพื่อให้งานเสร็จเร็วขึ้น ส่วนการรักษาความสงบได้ให้คสช.ไปดูและเชิญมาคุย เราไม่ได้ไปกดหัวใคร เพียงแต่ต้องสร้างความเข้าใจ เราเดินหน้าด้วยกฎหมาย ดังนั้น อย่ามาปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม

      ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า 1 ปีที่ผ่านมาคสช.และรัฐบาลแก้ปัญหาความมั่นคงแล้วกว่าแสนเรื่อง ทำลายธุรกิจสีเทาทั้งบ่อนการพนัน สถานบริการ รัฐบาลนี้ไม่ได้อยู่เฉย ตั้งใจทำงานเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลหน้าได้ต่อ ยอดต่อไป

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลนี้เข้ามาบริหารพบว่าไตรมาส 4 ปี 2557 เศรษฐกิจของประเทศเติบโตเพิ่ม 2.1 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งไตรมาสแรกปี 2558 เติบโตเพิ่ม 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกที่ติดลบ เป็นการติดลบอยู่แล้วตั้งแต่ 4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากนโยบายค่าแรง 300 บาทของรัฐบาลที่แล้ว 

นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการร่วมกับสนช.และสปช. คือการผลักดันกฎหมายสำคัญด้านสาธารณสุข การศึกษา ด้านพัฒนาสังคมเพื่อความยั่งยืน

 

'วิษณุ'ย้ำทำงานยึดโรดแม็ป

      ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทนพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ซึ่งติดภารกิจเดินทางไปสิงคโปร์ และชี้แจงเรื่องกฎหมายที่รับผิดชอบว่า 8-9 เดือนที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศทำงานหนักเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และการทำงานของรัฐบาลจะยึดรัฐธรรมนูญ ยึดกฎหมาย และยึดโรดแม็ป จะใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกและมาตรา 44 เมื่อจำเป็นเท่านั้น 

      นายวิษณุ กล่าวถึงแนวทางรองรับหากการทำประชามติไม่ผ่านว่า มีอยู่ 4 แนวทางคือ 1.กลับไปใช้กระบวนการเดิม ตั้งสปช.และกมธ.ยกร่างฯขึ้นใหม่ 2.ตั้งกมธ.หรือกรรมการขึ้นมาเพื่อร่างรัฐธรรมนูญ โดยไม่ตั้งสปช. ชุดใหม่ 3.จะมอบให้สนช.เป็นคนจัดทำ และ 4.ให้องค์กรหนึ่งหรือหลายองค์กรหยิบยกรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งขึ้นมาปรับปรุง ตนไม่อยากพูดว่าแนวทางใดที่เหมาะสม เพราะต้องเสนอต่อคสช.และครม. 

(อ่านรายละเอียดหน้า 3)

 

เผยอยู่ยาวอีก 2 ปีแล้วแต่ปชช.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีสมาชิกสปช. ได้แก่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน นางเตือนใจ สินธุวณิก และนายนิรันดร์ พันธกิจ ถามนายกฯว่า ครม.จะมีการจัดออกเสียงประชามติว่า ควรปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งอีกระยะหนึ่งไม่น้อยกว่า 2 ปีหรือไม่ 

พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า ทุกวันนี้เราอยู่ด้วยรัฐธรรมนูญชั่วคราว อะไรจะเปลี่ยนต้องขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญ ตนไม่สามารถแก้ไขทั้งหมดนี้ได้ด้วยตนเอง เพราะจะถูกมองว่าสืบทอดอำนาจ วันนี้ตนถูกกดดันมากเวลาไปต่างประเทศ ไม่ใช่เขาไม่ชอบตน แต่จะถูกถามว่าเลือกตั้งเมื่อไร ตนก็ชี้แจงว่าขึ้นอยู่กับคนไทยทั้งประเทศ จะอยู่ต่อโดยใช้มาตรา 44 คงไม่ได้ 

      "เรื่องคอขาดบาดตายยังมาให้ผมทำอีก ต้องช่วยกันไปถามประชาชนว่าเห็นอย่างไร ต้องหาทางชี้แจงต่างประเทศให้ได้ หากบอกว่าประชาชนต้องการให้อยู่บริหารประเทศต่อ ก็ต้องถามว่าสมาชิกสปช. สนช. ที่อยู่ในห้องนี้ อยากอยู่ต่อหรือไม่ ผมพูดอะไรไม่ได้ เดี๋ยวถูกหาว่าสืบทอดอำนาจอีก ยิ่งอยู่นานยิ่งอายุสั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯตอบเสร็จ สมาชิกสนช.และสปช.ต่างปรบมือด้วยความชอบใจ ขณะที่นายพรเพชรกล่าวชื่นชมพล.อ.ประยุทธ์ว่า "ท่านนายกฯเก่งมากเลยครับ"

 

'ไพบูลย์'ขอมติมหาชนหนุน

     จากนั้นนายไพบูลย์แถลงภายหลังสอบ ถามพล.อ.ประยุทธ์ในที่ประชุม กรณีมีประชาชนเรียกร้องให้ปฏิรูปทุกด้านก่อนการเลือกตั้งว่า จากที่ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่อยากให้มีการปฏิรูปในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคงให้เรียบร้อยก่อนมีการเลือกตั้ง จึงขอเชิญชวนประชาชนที่มีความคิดเห็นดังกล่าว รวบรวมรายชื่อส่งต่อให้นายกฯ เพื่อเสนอให้ทำประชามติว่าเห็นควรปฏิรูปประเทศ บริหารด้านเศรษฐกิจและสังคมให้มั่นคงเรียบร้อยก่อนเลือกตั้ง โดยประชาชนรวบรวมรายชื่อเสนอมาที่รัฐสภา ตนและเพื่อน สปช.บางส่วนจะขอเป็นตัวแทนรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอต่อนายกฯ ขณะเดียวกันประชาชนรวบรวมรายชื่อส่งต่อนายกฯได้โดยตรง คาดว่ารายชื่อจะมีประมาณ 2-5 หมื่นรายชื่อขึ้นไปเพื่อเสนอตามหลักการ 

      "ที่ผ่านมาประชาชนอยากให้เปิดเวทีเพื่อแสดงสิทธิในเรื่องนี้ นายกฯตอบในที่ประชุม ว่าทุกอย่างขึ้นกับประชาชนว่าคิดเห็นอย่างไร ผมจึงเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา หากมติมหาชนส่วนใหญ่เห็นว่าควรมีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เชื่อว่ารัฐบาลจะฟังเสียงประชาชน ขณะเดียวกันประชาชนที่อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เราก็ไม่ปิดกั้นหรือผูกขาดการออกเสียงในเรื่องดังกล่าว" นายไพบูลย์กล่าว

 

เตือนทำอะไรนึกถึงหัวอกตร.

      เวลา 18.30 น. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การพัฒนากฎหมาย ยังไม่มีหน่วยงานใดทำเป็นเรื่องเป็นราวทำให้ไม่ทันต่อเหตุการณ์ ขณะที่การอำนวย ความยุติธรรมจะต้องมีศูนย์ยุติธรรมชุมชนครอบคลุมทุกหมู่บ้าน ภายในปี 2558 ส่วนภารกิจของกระทรวงยุติธรรม ในการสนับ สนุนการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการผลักดันทรัพย์สินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 57,584 ล้านบาท 

    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงข้อซักถามของสมาชิกว่า การปฏิรูปตำรวจ หน่วยงานวันนี้คือปฏิรูปแล้ว สิ่งที่เหลือคือการปรับโครงสร้างที่สปช.เคยเสนอมาได้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)ไปดำเนินการแล้ว ถ้าทำอะไรต้องนึกถึงหัวอกตำรวจบ้าง ข้าราชการจำเป็นต้องมีแรงจูงใจในการทำงาน อย่าให้เสียขวัญกันนักเลย ข้าราชการเลือกงานไม่ได้ ต้องทำไปจนเกษียณ งานสอบสวนจะเอาอย่างไรต้องไปคิด ข้าราชการเงินเดือนขึ้นทีละพัน ลูกโตเร็วกว่าเงินเดือน ต้องทำงานหนัก ขอให้พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิก สปช.ใจเย็นๆ อย่าไปขู่เขามากนัก แต่ถ้ามีเรื่องให้แก้ไขก็ส่งมาเดี๋ยวจะดำเนินการให้

      นายกฯ กล่าวว่า ตนฟังสื่อต่างประเทศวิจารณ์เรา เขาก็เอามาจากสื่อไทย เรื่องทั้งดีและเลวรู้จากสื่อไทยทั้งนั้น ขอให้เบาๆลงบ้าง ไม่มีใครจะทำลายประเทศได้เท่ากับคนไทยด้วยกันเอง ส่วนการโยกย้ายผู้ว่าฯ ถ้าสิ้นปีนี้ไม่มีผลงานออกมาจะเปลี่ยนทั้งหมด รองผู้ว่าฯก็เตรียมตัวดีใจ ขณะที่การแต่งตั้งทหาร ตนไม่ยุ่ง เพราะมีพ.ร.บ.กลาโหม 

 

ชี้รธน.หลักต้องไม่แก้บ่อย

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญจะเขียนอย่างไร ก็ต้องมีส่วนหนึ่งที่เป็นแบบตะวันตกที่มีการยอมรับจากต่างประเทศ ที่เหลือถ้าจะบิดเบี้ยวสักอย่าง ต้องมีเหตุผลให้รับรู้ว่าเพราะอะไร ปัญหาอยู่ตรงไหน หากแบบนี้รับได้ อย่าไปเขียนทั้งฉบับออกมาแล้วรับไม่ได้ทั้งหมด แบบนี้เป็นไปไม่ได้ รัฐธรรมนูญหลักต้องไม่แก้บ่อย ตนเห็นว่าไม่ควรมีเยอะ ไม่แก้บ่อย ที่พูดไม่ได้ค้านนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ. ยกร่างฯ ส่วนรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ ตนไม่รู้ และอย่าเอาตนไปอ้าง 

จากนั้น เวลา 20.05 น. นายพรเพชร กล่าวว่า จากการสัมมนาหวังว่าสมาชิกทั้งสนช.และสปช.จะได้รับข้อมูลการทำงานของรัฐบาลอย่างชัดเจน เพื่อนำมาพัฒนาและปฏิรูปประเทศในอนาคตต่อไป ก่อนสั่งปิดการสัมมนา รวมเวลาสัมมนาครั้งนี้ 6 ชั่วโมงครึ่ง 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเวลาที่ พล.อ. ประยุทธ์ ชี้แจงและตอบคำถามสมาชิก บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีการหยอดมุขตลกแซวเรียกเสียงหัวเราะลั่นห้องประชุมจากสมาชิกได้เป็นระยะ เมื่อนายกฯชี้แจงเสร็จ ก็ได้รับเสียงปรบมือทุกครั้ง และหลังปิดประชุมแล้ว นายกฯ ได้เปิดไมโครโฟนพูดแซวสนช.ว่า "สนช.ที่เป็นทหาร ขอให้กลับบ้าน" เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างครึกครื้น ขณะเดียวกันช่วงที่นายกฯอยู่นอกห้องประชุม ไม่ได้ชี้แจง ก็มีสมาชิกสนช.และสปช. หลายคนรุมแห่เข้าไปขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

 

สปช.แจงชงแก้ร่างรธน.

     เมื่อเวลา 11.50 น. ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังรับฟังคำชี้แจงประกอบคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญจากกลุ่มของนายพงศ์โพยม วาศภูติ สมาชิกสปช. ซึ่งรับฟังคำชี้แจงเป็นวันที่สามว่า มีการขอแก้ไข 78 มาตรา ประเด็นสำคัญคือ ขอตัดมาตรา 71 ออกทั้งมาตรา เนื่องจากเห็นว่าการตั้งสภาตรวจสอบภาคพลเมืองระดับจังหวัด เป็นการสร้างกลไกอำนาจที่ไม่มีหลักถ่วงดุลตรวจสอบ 

     นายคำนูณ กล่าวว่า ส่วนเรื่องสมัชชาพลเมือง ให้แก้เรื่ององค์ประกอบ คุณสมบัติ ที่มา วาระการดำรงตำแหน่งและลักษณะต้องห้าม โดยสมัชชาพลเมืองไม่ควรเป็นองค์กร แต่ควรเป็น กระบวนการเปิดโอกาสและพื้นที่การมีส่วนร่วมให้ประชาชนได้ทำหน้าที่พลเมืองมากกว่า นอกจากนี้ ส.ส.ต้องสังกัดพรรค เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและตัดคำว่า กลุ่มการเมืองออกจากมาตราต่างๆ รวม 29 มาตรา

      นายคำนูณกล่าวว่า นอกจากนี้ยังเสนอให้ตัดมาตรา 175 และ 176 เพราะไม่เห็นด้วยกับการควบรวมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และผู้ตรวจการแผ่นดินเข้าด้วยกัน ส่วนการรับฟังคำชี้แจงในช่วงบ่าย เป็นกลุ่มของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง แต่เนื่องจากติดภารกิจประชุมร่วมแม่น้ำ 4 สาย จึงเลื่อนเป็นวันที่ 8 มิ.ย. เวลา 09.00 น.

 

ป.ป.ช.ขอโทษสนช.กรณีหญิงเป็ด

       เมื่อเวลา 10.20 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระได้แจ้งให้ทราบกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งหนังสือผิดพลาดเกี่ยวกับการถอดถอน คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กรณีอนุมัติไปศึกษาดูงานที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โดยมิชอบ ซึ่งต้องส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ในฐานะ ผู้มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนตำแหน่งดังกล่าว ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 มาตรา34 (6) แต่มีความคลาดเคลื่อนทางขั้นตอนธุรการ โดยส่งเรื่องมายัง สนช.เพื่อพิจารณาถอดถอน ล่าสุดป.ป.ช.ได้แก้ไขโดยส่งเรื่องไปยัง คตง.แล้ว จึงขอแจ้งสมาชิกให้รับทราบ และขออภัยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

      นายพรเพชร กล่าวว่า สำหรับกำหนดการประชุมนัดแรกเพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอนอดีตส.ส. 248 กรณีพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มา ส.ว.โดยมิชอบ ในวันที่ 26 มิ.ย. เพื่อวางกรอบขั้นตอน และพิจารณาคำขอเพิ่มพยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหา และให้สมาชิกได้ศึกษาสำนวนไต่สวนของป.ป.ช.ที่มี 333 หน้า รวมทั้งเปิดให้สมาชิกยื่นญัตติซักถามได้ตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.นี้ จนถึงก่อนวันประชุมนัดที่สอง ซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไป

 

สรุปคดีสติ๊กเกอร์ไลน์รัฐไม่แพง

    ที่ป.ป.ช.สนามบินน้ำ นายวรวิทย์ สุขบุญ รอง เลขาธิการป.ป.ช. แถลงภายหลังการประชุมถึงกรณีกล่าวหา นายพรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และคณะกรรมการกำหนดขอบเขตของงานและราคากลางโครงการจ้างเหมาจัดทำไลน์สติ๊กเกอร์ ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ว่ามีพฤติการณ์ทุจริต ไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า ในการประกาศราคากลาง คณะกรรมการได้สืบราคาการจัดทำไลน์สติ๊กเกอร์จากบริษัท Line Company (ประเทศไทย) จำกัด เพียงรายเดียวเนื่องจากเป็นบริษัทเพียงรายเดียวที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท Line Company ให้ดำเนินการในประเทศไทยและเป็นเจ้าของแอพพลิเคชั่นไลน์

 

     รองเลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า ส่วนที่กล่าวหาว่าราคาจัดทำแพงเกินกว่าความเป็นจริงนั้น พบว่าราคากลางที่คณะกรรมการ ประกาศ ไม่ได้มีราคาสูงเกินไป โดยเป็นราคาที่ บริษัท Line Company เสนอให้กับลูกค้าโดยตรง หากมีการจัดจ้างผ่านตัวแทนหรือคนกลาง ราคาค่าจัดทำไลน์สติ๊กเกอร์จะมีราคาสูงกว่านี้ จึงเห็นว่าการกำหนดราคากลางโครงการจ้างเหมาจัดทำไลน์สติ๊กเกอร์ดังกล่าว เป็นไปโดยชอบด้วยระเบียบของทางราชการ และไม่แพงเกินกว่าความเป็นจริงหรือเกินกว่ามาตรฐานการค้าทั่วไป

 

จัดจ้างวิธีพิเศษได้ 

      นายวรวิทย์ กล่าวว่า กรณีการจัดทำโครงการดังกล่าวโดยวิธีพิเศษ เนื่องจากกระทรวงไอซีที ได้รับมอบหมายจากคสช. ให้ดำเนินการโครงการเมื่อวันที่ 18 พ.ย.2557 และให้ประชาชนเริ่มดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ได้ ในวันที่ 30 ธ.ค.2557 ซึ่งจากระยะเวลาที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการและต้องเสร็จนั้น กระทรวงไอซีที เห็นว่ากระชั้นชิดและต้องทำโดยเร่งด่วน ให้ทันกับระยะเวลาดังกล่าว จึงจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535

"กรณีนี้ ป.ป.ช. หารือกรมบัญชีกลางว่าทำได้หรือไม่ คณะกรรมการ กวพ. กรมบัญชีกลางมีความเห็นว่า การที่ คสช. มอบให้ดำเนินการโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วน หากล่าช้าอาจเสียหายแก่ราชการ จึงเป็นดุลพินิจของหัวหน้าส่วนราชการที่จะดำเนินการโดยวิธีพิเศษ ตามระเบียบฯ ข้อ 24 (3) ได้ จึงเห็นว่าโครงการจ้างเหมาจัดทำไลน์สติ๊กเกอร์สามารถจัดจ้างโดยวิธีพิเศษได้ ป.ป.ช. จึงมีมติเห็นควรไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงตามข้อ 13 วรรคสอง แห่งระเบียบ ป.ป.ช.ว่าด้วยการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน พ.ศ. 2554" นายวรวิทย์กล่าว

 

ลุยสอบกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร

        รายงานข่าวจาก ป.ป.ช. เปิดเผยว่าคณะ กรรมการป.ป.ช. มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหาคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กับคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตร รวมทั้งนายผดุงศักดิ์ พื้นแสน เมื่อครั้งรักษาการเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ โดยมอบให้น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ

กรณีดังกล่าวมีการกล่าวหาว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฯ กรรมการบริหารกองทุน รวมทั้งเลขาธิการกองทุนฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีคณะกรรมการกองทุนฯ ชุดที่มีนายพิทักษ์ อินทรวิทยานันท์ อดีตรอง นายกฯ สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธาน พร้อมพวกรวม 37 คน ที่ได้ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2545 และมีมติแต่งตั้งนายผดุงศักดิ์ เป็นกรรมการบริหารกองทุน และให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกองทุน โดยไม่มีวุฒิการศึกษาด้านการเกษตรและไม่มีประสบการณ์ ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการแต่งตั้งคนที่ไม่มีรายชื่อเป็นสมาชิกองค์กรเกษตรกรเป็นคณะกรรมการกองทุน รวมทั้งกรณีแต่งตั้งลูกจ้าง และลูกจ้างชั่วคราวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย

 

พระสุเทพจ่อสึก-ไม่กลับปชป.

       ที่วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พระสุเทพปภากโร หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวเตรียมลาสิกขาบทว่า เป็นเรื่องจริง เพราะพิจารณาแล้วว่าสถานการณ์ในบ้านเมืองมีงานที่เราต้องไปช่วยทำ ส่วนจะเมื่อไรนั้นต้องคิดดูก่อน และคงไม่กลับไปเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ลงสมัครส.ส. ไม่ไปต่อสู้ทางการเมือง เราตั้งใจจะทำงานในภาคประชาชน เพราะได้จดทะเบียนในนามมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งจะทำงานด้านการสร้างความเป็นปึกแผ่นเข้มแข็งให้กับประชาชน โดยจะไปเช่าที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเปิดให้คนหนุ่มสาวมีโอกาสไปใช้ชีวิต 

       ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีนักการเมืองหรือผู้สนใจการเมือง ต้องการคำปรึกษาพอจะให้ความรู้ได้หรือไม่ พระสุเทพ กล่าวว่า เราจะไปทำงานภาคประชาชน ภาคสังคม เรื่องการขอคำปรึกษาทางการเมือง ก็อยากจะบอกว่าคนเราอย่าสำคัญตัวผิด เรามาบวชแล้วก็ได้ประโยชน์ อย่าไปยึดมั่นถือมั่นในตัวตนมากนัก เราไม่ใช่คนที่สำคัญที่สุดในประเทศนี้ เราเป็นแค่คนธรรมดา 

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าสมาชิก กปปส.บางคนอาจกลับสู่ถนนการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์ พระสุเทพกล่าวว่า เป็นสิทธิของเขา ส่วนอดีต ส.ส.ที่เคยเดินในถนน หากจะมาขอคำปรึกษา ถ้าเราคิดว่าเขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราสามารถให้ความคิดเห็นที่ถูกต้องได้ เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้ผิด ตราบใดที่เราให้ความเห็นที่ถูกต้อง

 

เวทีศูนย์ทนายความฯล่ม

      วันเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน แถลงการณ์ว่า ตามที่ศูนย์ทนายความฯ วางแผนจัดเวทีสาธารณะเพื่อเผยแพร่รายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชน 1 ปีหลังรัฐประหารในวันที่ 4 มิ.ย. เวลา 18.00 น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) แต่เมื่อเวลา 12.00 น. ได้รับแจ้งจาก FCCT ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานงานขอความร่วมมือไม่ให้ใช้สถานที่จัดกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งเห็นว่าการกระทำดังกล่าว คุกคามการใช้สิทธิเสรีภาพ ตามข้อ 19 กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ตอกย้ำสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยภายใต้การปกครองของคสช. 

ขณะเดียวกันศูนย์ทนายความฯ ได้เปิด "รายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชน 1 ปีหลังการรัฐประหาร 2557" โดยนำเสนอใน 5 ประเด็นพบว่า 1.ใน 1 ปีที่ผ่านมา ประชาชน 751 รายถูกเรียกรายงานตัว อย่างน้อย 5 รายถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 ต่อ มีกิจกรรมและเวทีเสวนาที่ถูกปิดหรือแทรกแซงอย่างน้อย 71 งาน ด้านการใช้มาตรา 112 ประชาชนถูกดำเนินคดีไปแล้ว 67 ราย โทษจำคุกมาตรฐานศาลทหารอยู่ที่กรรมละ 10 ปี สูงกว่าศาลพลเรือน ส่วนใหญ่ถูกดำเนินคดีจากการโพสต์เฟซบุ๊ก แชร์คลิป

 

จี้คสช.คืนอำนาจปชช.

2.การดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร พบประชาชน 18 รายร้องเรียนต่อศูนย์ทนายความฯ ถึงการซ้อมทรมานระหว่างถูกควบคุมตัว ประชาชน 700 รายถูกพิจารณาโดยศาลทหาร 3.หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งแล้ว 18 ฉบับ ทั้งการแก้ไขกฎหมาย บริหารบุคคลและรักษาความสงบ ซึ่งมาตราดังกล่าวให้อำนาจหัวหน้า คสช. กว้างขวางโดยปราศจากความรับผิดทั้งทางนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ไม่มีผู้ใดฟ้องร้องได้ 

4.คำสั่ง คสช. 64/2557 และแผนแม่บทป่าไม้ มุ่งใช้กับการจับกุมประชาชน ไล่รื้อที่ดิน สร้างผลกระทบต่อผู้ยากจนและผู้ไร้ที่ดินทำกิน เอื้อประโยชน์นายทุน 5.การแทรกแซงกระบวนการสืบหาข้อเท็จจริงและการดำเนินคดีต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุม เดือนเม.ย.-พ.ค.2553 

       ศูนย์ทนายความฯ จึงยืนยันให้คสช. ยกเลิกและยุติการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร รวมทั้งยกเลิกและยุติการใช้อำนาจตามมาตรา 44 และให้ร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมีที่มาจากประชาชน และจัดให้มีการเลือกตั้ง คืนอำนาจสู่ประชาชนโดยเร็ว

 

ศาลทหารฟ้องพลเมืองโต้กลับ

       เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ศาลทหาร กรุงเทพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ (พ่อน้องเฌอ) นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ และนายอานนท์ นำภา ได้เดินทางมายังศาลทหาร เพื่อฟังคำสั่งอัยการฟ้องคดี ในข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จากการจัดกิจกรรม "เลือกตั้งที่ (รัก) ลัก" หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายอานนท์ ถูกแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อีกหนึ่งข้อหา ซึ่งวันเดียวกันนี้ยังมีนัดฟังคำสั่งอัยการฟ้องนายพันธ์ศักดิ์อีก 3 ข้อหาได้แก่ 1.ขัดประกาศ คสช.ฉบับที่ 7 2.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 3.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือความผิดฐานกระทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน จากการทำกิจกรรม "พลเมืองรุกเดิน" เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 14.30 น. อัยการศาลมีคำสั่งฟ้องกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ในคดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จากการจัดกิจกรรมเลือกตั้งที่ (รัก) ลัก ส่วนนายพันธ์ศักดิ์ ทางอัยการศาลเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องออกไปเป็นวันที่ 19 มิ.ย. ในคดีจัดกิจกรรมพลเมืองรุกเดิน เนื่องจากอัยการศาลยังพิจารณาสำนวนไม่เสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลเมืองโต้กลับทั้ง 4 คนได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาล โดยยื่นหลักทรัพย์ 20,000 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากศาลต่อไป

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่นำตัวทั้ง 4 คนไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรอฟังผลการพิจารณาต่อไป ก่อนที่ศาลจะอนุมัติปล่อยตัวทั้ง 4 คนที่เรือนจำ

 

ประชามติหนุนรบ.อยู่ต่อ สปช.ล่าชื่อ 'บิ๊กตู่'แล้วแต่ประชาชน เบรก'พะจุณณ์'ปฏิรูปตร. ฮึ่มย้ายผู้ว่าฯไม่มีผลงาน ครม.โชว์ 1 ปี-2 สภาชื่นมื่น ล่อจับรองนายกอบต.ฮั้ว

    'บิ๊กตู่'นำ ครม.แจงผลงาน สนช.-สปช. จัด ครม.สัญจรเชียงใหม่ ไม่กลัวกลุ่มต้าน'ไพบูลย์'นำเครือข่าย สปช.ล่าชื่อชูประชามติปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง นายกฯยันอยากให้อยู่ต่อ ต้องช่วยปกป้อง

มติชนออนไลน์ : สัมมนาร่วม - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ร่วมการสัมมนาระหว่างรัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ "ในโครงการสัมมนาเพื่อรับฟังการดำเนินการที่ผ่านมาของรัฐบาลในรอบ 1 ปี" ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน



@ 'บิ๊กตู่'เฉยๆปมอยู่ทำงานต่อ 

       เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอจากสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง 2 ปี ว่า ตนเห็นข่าวจากหนังสือพิมพ์ เรื่องนี้ใครมีสิทธิเสนอก็เสนอไป เพราะการแก้รัฐธรรมนูญตนฟังความคิดเห็นจากทุกคน เมื่อย้ำถามว่า ล่าสุดมีข้อเสนอให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเห็นด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมเฉยๆ ถ้าให้ผมอยู่ผมก็ทำ อยู่ด้วยความชอบธรรมนะ ไม่ได้อยู่ด้วยอำนาจ ถ้าทุกคนอยากให้ผมอยู่ ผมก็อยู่ ผมก็ทำให้ แต่ต้องช่วยปกป้องผมจากภายนอกประเทศ รวมถึงภายในประเทศด้วย ที่กล่าวหาว่าผมอยากสืบทอดอำนาจ ซึ่งผมไม่ต้องการอำนาจเพราะผมไม่ได้ผลประโยชน์ ผมต้องการทำประเทศชาติให้ดีขึ้น แต่จะทำอย่างไร ผมไม่รู้ มันเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ"

 

@ ให้อยู่ต่อไปหาช่องทางมา 

      เมื่อถามว่า ถ้าการปฏิรูปยังไม่สำเร็จตามที่วางไว้นั้น มีโอกาสที่จะยืดโรดแมปออกไปให้สำเร็จหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 

     "พูดไปแล้ว และเพิ่งได้ยินข้อเสนอนี้และมีคนเขียนว่ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้ต้องการให้อยู่ต่อ 2 ปี เพื่อปฏิรูป ผมถามว่าดีใจหรืออยากอยู่ ถ้าอยากอยู่ไปหาช่องทางมา แต่ข้อเสนอแนะนี้จะเป็นแนวทางที่ดีหรือไม่ผมไม่รู้ ผมจะไปพิจารณาเองได้อย่างไร ดีหรือไม่ดี เพราะผมใช้อำนาจอยู่ในตอนนี้ แล้วจะให้บอกว่าอยู่ต่อแล้วจะดี ตรงนี้ผมพูดได้ไหมเล่า วันนี้ใครต้องการให้ผมปฏิรูป ประชาชนก็ต้องไปหาทางมา" 

 

@ ลั่นไม่กลัว-ยิ่งด่ายิ่งแรง 

      เมื่อถามว่า รัฐบาลนี้ปฏิรูปไปเลยกับการบังคับให้รัฐบาลใหม่มาปฏิรูป อะไรจะดีกว่ากัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ท่านต้องการประชาธิปไตยกันไม่ใช่หรือ ท่านบอกผมไม่ใช่ประชาธิปไตยไง ผมไม่ได้เลือกตั้งเข้ามาไง ท่านก็ว่าผมอยู่ทุกวัน ต่างชาติก็ถามว่าผมจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ ฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับคนไทยจะกำหนดอนาคตประเทศไทยอย่างไร เป็นเรื่องของประชาชน 67 ล้านคนไปว่ากันมา ไม่ใช่ผม" เมื่อถามว่า ถ้าต้องอยู่ต่ออีก 2 ปี พร้อมที่จะโดนด่าจากฝ่ายที่เห็นต่างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมไม่กลัวคำว่า คำด่า ยิ่งด่าผมยิ่งมีแรง" 

 

@ ฉุนอยากชกปากสื่อเคเบิล

      ก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในระหว่างเป็นประธานมอบรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2558 ตอนหนึ่งว่า "วันนี้รัฐบาลเข้ามาสร้างอนาคตให้ ปัญหามีมากมายเพราะมีคนมาปั่นให้ทะเลาะกันเอง ถามว่าคนปลุกปั่นได้อะไร ประเทศเสียอะไร แกนนำตายหรือไม่ มีแต่มวลชน เราต้องคิดถึงประเทศชาติ วันหน้าประเทศจะได้เป็นมหาอำนาจในอาเซียน ใครทำแล้วโกงก็อย่าไปเลือก ผมไม่ได้หมายถึงใครนะ วันนี้ยังมีเคเบิลหรือเสียงตามสายพูดจาปลุกระดมให้คนเกลียด คสช. ผมอยากฝากชกปากสักที" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

@ ไปเชียงใหม่ไม่กลัวต้าน

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเดินทางไปประชุม ครม.นอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.เชียงใหม่ ปลายเดือนมิถุนายนนี้ว่า "ก็ไป เตรียมวางแผนไว้อยู่ ถามทำไมกันหรือ ไปไม่ได้หรืออย่างไร พวกสื่อที่จะตามไปก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร ทำไม จะเตรียมไปตั้งคำถามหรือ" เมื่อถามว่า ห่วงว่าจะมีปัญหาเรื่องคลื่นใต้น้ำหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียวในทันทีว่า "ถ้ายังมีอยู่ก็เลิก" 

       เมื่อถามว่า ทำไมถึงเลือกไปที่ จ.เชียงใหม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เป็นการเดินทางไปทีละภาค ครั้งที่แล้วในการประชุม ครม.สัญจรก็เป็นภาคกลางที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ไม่ใช่หรือ ก่อนหน้านี้ไปที่ภาคอีสาน แล้วประเทศไทยเรามีกี่ภาค จะลงพื้นที่และเดินทางไปทีละภาค แต่ละภาคมีจังหวัดอะไรบ้าง ถ้าไปได้ก็ไป ทำไม จะไปไหนเลยไม่ได้หรือ" เมื่อถามย้ำว่า ไม่กลัวกลุ่มคนต่อต้านหรือ พล.อ.ประยุทธ์หันมากล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน อารมณ์ฉุนเฉียวว่า "จะกลัวอะไร โธ่ ถ้ากลัวไม่มายืนตรงนี้หรอก ถามอยู่ได้ไอ้เรื่องแบบนี้ ถามวนเวียนกันอยู่แค่นี้"

 

@ ครม.แจงผลงานสนช.-สปช. 

      เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการสัมมนาร่วมกันระหว่างรัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ภายใต้ชื่อโครงการสัมมนาเพื่อรับฟังการดำเนินการที่ผ่านมาของรัฐบาลในรอบ 1 ปี โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ทำหน้าที่เป็นประธาน ทั้งนี้ ครม. สมาชิก สนช. และสมาชิก สปช.เข้าร่วมสัมมนาอย่างพร้อมเพรียง โดยเจ้าหน้าที่แจกเอกสาร 2 เล่ม ได้แก่ หนังสือสรุปผลงานรัฐบาล และเอกสารสรุปรายงานผลการดำเนินงานสำคัญของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้จัดทำเป็นพิเศษเพื่อใช้ในการประกอบชี้แจง พร้อมกับแจกแบบแสดงเจตจำนงซักถามเกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของรัฐบาลใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและจิตวิทยา ด้านต่างประเทศ ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และด้านอื่นๆ พร้อมให้เขียนชื่อ นามสกุล ของผู้ที่ต้องการสอบถามด้วย เพื่อใช้ในการจัดลำดับการซักถามนายกฯ และรัฐมนตรีที่เข้าร่วมงานสัมมนาด้วย

 

@ 'ป้อม'ชูเป็นบุญ'ตู่'ยึดอำนาจ

      พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตั้งแต่ปี 2552-2553 จนถึงปี 2557 มีความขัดแย้งทางการเมือง จนกระทั่งมีการเสียชีวิตล้มตาย มีการยกคนแต่ละพวกเข้ามาสร้างสถานการณ์ ขนาดทหารไปดูแลก็ยังมีการใช้อาวุธสงครามเกิดขึ้นต่อเนื่อง ตนได้แต่เฝ้าดู และถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตอนนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ

      ทหารบกว่า ถ้ายังปล่อยให้เกิดความขัดแย้งต่อไป ประเทศไทยจะเป็นเหมือนตะวันออกกลางหรือซีเรียหรือไม่ แล้วใครจะมาห้ามปราม เพราะรัฐบาลในตอนนั้นเกิดสุญญากาศบริหารงานไม่ได้ ขณะนั้นมีแต่ทหารเท่านั้นที่จะเข้ามาดูแลประเทศ สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องออกมา ก็ถือเป็นบุญของประเทศชาติ และน่าจะเป็นเพราะบารมีของพระสยามเทวาธิราชมาคอยดูแลคุ้มครองประเทศอยู่หรือไม่ ที่ทำให้คนในประเทศไม่ออกมาฆ่ากัน (รายละเอียด น.8)

 

@ 'บิ๊กตู่'เบรก'พะจุณณ์'ปฏิรูปตร.

       ต่อมาเวลา 18.30 น. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวชี้แจงผลงานว่า นโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรม หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ตอบข้อซักถามที่สมาชิกเขียนขึ้นไปถาม โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การปฏิรูปตำรวจหน่วยงานวันนี้คือปฏิรูปแล้วสิ่งที่เหลือคือการปรับโครงสร้างที่ สปช.เคยเสนอมา ก็ได้ให้ สตช.ไปดำเนินการแล้ว วันนี้จะทำอะไรต้องนึกถึงหัวอกตำรวจบ้าง ข้าราชการจำเป็นต้องมีแรงจูงใจในการทำงาน มีบำเหน็จบำนาญ อย่าให้เสียขวัญกันนักเลย ข้าราชการเลือกงานไม่ได้ต้องทำไปจนเกษียณ งานสอบสวนจะเอาอย่างไรต้องไปคิด 

       "ข้าราชการเงินเดือนขึ้นทีละพัน ลูกโตเร็วกว่าเงินเดือน ต้องทำงานหนัก พี่พะจุณณ์ (พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิก สปช.) ใจเย็นๆ อย่าไปขู่เขามากนัก แต่ถ้ามีเรื่องให้แก้ไขก็ส่งมาเดี๋ยวจะดำเนินการให้" นายกรัฐมนตรีกล่าว และว่า ส่วนการโยกย้ายผู้ว่าฯ ถ้าสิ้นปีนี้ไม่มีผลงานออกมาจะเปลี่ยนทั้งหมด ให้รองผู้ว่าฯเตรียมตัวดีใจ ขณะที่การแต่งตั้งทหารตนไม่ยุ่ง เพราะมี พ.ร.บ.กลาโหม 

 

@ บรรยากาศประชุมชื่นมื่น 

      "เรื่องรัฐธรรมนูญจะเขียนอย่างไรก็แล้วแต่ ต้องมีส่วนหนึ่งที่เป็นแบบตะวันตก ที่มีการยอมรับจากต่างประเทศ ที่เหลือถ้าจะบิดเบี้ยวสักอย่าง ก็ต้องมีเหตุผลให้รับรู้ว่าเพราะอะไร ปัญหาอยู่ตรงไหน หากแบบนี้รับได้ อย่าไปเขียนทั้งฉบับออกมาแล้วรับไม่ได้ทั้งหมด แบบนี้เป็นไปไม่ได้ รัฐธรรมนูญหลักต้องไม่แก้บ่อย ผมเห็นว่าไม่ควรจะมีเยอะ ไม่แก้บ่อย ที่พูดไม่ได้ค้านนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ส่วนรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผมไม่รู้ และอย่าเอาผมไปอ้าง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์พูดจบ สมาชิก สนช.และ สปช.ได้ปรบมือแสดงความขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นนายพรเพชรสั่งปิดการประชุม 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นมาชี้แจงและตอบคำถามสมาชิก บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีการหยอดมุกตลกแซวเรียกเสียงหัวเราะลั่นห้องประชุมจากสมาชิกได้เป็นระยะๆ และทุกครั้งเมื่อนายกฯชี้แจงเสร็จ ได้รับเสียงปรบมือจากสมาชิกในห้องประชุมทุกครั้ง และหลังจากปิดประชุมแล้ว นายกฯได้เปิดไมโครโฟนพูดแซว สนช.ว่า "สนช.ที่เป็นทหาร ขอให้กลับบ้านนะ" เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างครึกครื้น ขณะเดียวกันช่วงที่นายกฯอยู่นอกห้องประชุม ไม่ได้ชี้แจง ก็มีสมาชิก สนช.และ สปช.หลายคนรุมแห่เข้าไปขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

 

@ 'วิษณุ'เข้าแจงกมธ.คนเดียว 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องการนัดประชุมแม่น้ำ 5 สาย ในวันที่ 17 มิถุนายน และไม่ควรนำเรื่องการทำประชามติเข้าหารือในที่ประชุมนี้ด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่า หากทำประชามติไม่ผ่านมีแนวทางออกอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า คิดไว้แล้ว แต่มีหลายทางเลือก เพราะฉะนั้นต้องฟังว่าสุดท้ายแล้วต้องการแบบไหน 

"การเข้าชี้แจงกับ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 6 มิถุนายน จะเดินทางไปชี้แจงคนเดียว คาดว่าทาง กมธ.ยกร่างฯจะสอบถามถึงแนวทางการขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญว่ามีการติดใจแต่ละประเด็นอย่างไร ครม.เอาจริงหรือไม่ หาก กมธ.ยกร่างฯปรับแก้ตาม ครม.จะเกิดความพอใจหรือไม่ หรือ กมธ.ยกร่างฯอาจจะให้ผมชี้แจงทั้งหมดกว่า 100 ประเด็นก็เป็นไปได้ อีกทั้งอาจเปิดโอกาสในการเสนอแนะเพิ่มจากข้อเสนอเดิม คาดว่ามีบางประเด็นต้องเสนอเพิ่มเติม แต่ไม่ได้จะเอาเป็นเอาตาย เพียงแต่ต้องการให้ กมธ.ยกร่างฯได้คิดทบทวน เช่น คำว่าพลเมือง หากยังจะใช้ยืนยันก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะเขียนไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ 100 กว่าจุด เรื่องนี้ต่างมีการทักท้วงกันมาก กมธ.ยกร่างฯเมื่อรับฟังแล้วก็กลับไปคิดเอา" นายวิษณุกล่าว 

 

@ ไพบูลย์ล่าชื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสิระ เจนจาคะ และนายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา สปช. ร่วมแถลงข่าว โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า ทางเครือข่ายของ สปช.จะได้มีการหารือเพื่อดำเนินการเป็นจุดเริ่มต้นให้ประชาชนที่มีความคิดเห็นในแนวทางเดียวกันระดม

รายชื่อเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้ดำเนินการพิจารณาว่าจะจัดทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนต่อการจัดการเลือกตั้งภายหลังจากที่การปฏิรูปประเทศแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์หรือไม่ โดยการริเริ่มโดย สปช.ดังกล่าวไม่ใช่เป็นผู้นำในการลงชื่อ แต่จะเป็นการเปิดเวทีเพื่อรวบรวมความต้องการของประชาชนเท่านั้น โดยเหตุผลที่ต้องการให้จุดริเริ่มดังกล่าวอยู่ที่ประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่านายกฯหรือภาคส่วนของรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อน ส่วนประเด็นที่อาจมีผู้ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติดังกล่าวนั้นเชื่อว่าการเปิดทำประชามติในประเด็นดังกล่าวที่ให้ผู้ที่เห็นต่างได้แสดงออกด้วย

 

@ อ้างขึ้นอยู่กับประชาชน 

นายไพบูลย์กล่าวด้วยว่า สำหรับประเด็นที่นายกฯไม่ขัดข้องกับการอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่าการปฏิรูปจะแล้วเสร็จ เพราะขึ้นอยู่กับความต้องการของประชาชนนั้น ถือเป็นส่วนสำคัญที่ประชาชนต้องเริ่มดำเนินการ ขณะที่การยกร่างรัฐธรรมนูญเชื่อว่าจะไม่มีการกำหนดกลไกใดที่จะเป็นบทบัญญัติให้รัฐบาล คสช.อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อ ส่วนข้อเสนอของกลุ่ม สปช.ที่ขอให้แก้ไขมาตรา 308 ว่าด้วยหลังจากที่รัฐธรรมนูญใหม่บังคับใช้ ให้จัดทำประชามติสอบถามประชาชนว่าจะให้ปฏิรูปให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีก่อนการเลือกตั้งนั้น เบื้องต้นกลุ่ม สปช.ที่ส่งคำขอไม่ขัดข้องที่จะปรับบทบัญญัติดังกล่าวใหม่ หรือจะไม่มีนำไปเขียนไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ 

 

@ พงศ์โพยมชงแก้78มาตรา

ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างฯ แถลงภายหลังการรับฟังคำชี้แจงประกอบคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญจากกลุ่มของนายพงศ์โพยม 

วาศภูติ สปช. ซึ่งเป็นการรับฟังคำชี้แจงเป็นวันที่สามว่า มีการขอแก้ไขจำนวนทั้งสิ้น 78 มาตรา ประเด็นสำคัญที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมคือ ขอตัดมาตรา 71 ออกทั้งมาตรา เนื่องจากเห็นว่าการตั้งสภาตรวจสอบภาคพลเมืองระดับจังหวัด เป็นการสร้างกลไกอำนาจที่ไม่มีหลักการถ่วงดุลตรวจสอบ ส่วนเรื่องสมัชชาพลเมือง สำหรับประเด็นของกลุ่มการเมืองมีความเห็นว่า ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและตัดคำว่า 

กลุ่มการเมือง ออกจากมาตราต่างๆ รวมทั้งสิ้น 29 มาตรา นอกจากนี้ยังเสนอให้ตัดมาตรา 175 และมาตรา 176 เพราะไม่เห็นด้วยกับการควบรวมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และผู้ตรวจการแผ่นดินเข้าด้วยกัน 

ทั้งนี้ประเด็นที่มีข้อสังเกตคือ เรื่องของการบริหารงานราชการส่วนท้องถิ่น โดยในมาตรา 82 ให้แก้ถ้อยคำจาก องค์กรบริหารท้องถิ่นขนาดใหญ่ เป็นองค์กรบริหารท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ 

 

@ 'สมยศ'บอกขี้กลัว-ต้องรอบคอบ 

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ยังไม่ได้รับมติถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ จากคณะกรรมการพิจารณาถอดยศที่มี พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็นประธาน หลังจากคณะกรรมการสรุปส่งให้แล้วครั้งหนึ่ง แต่มีความผิดพลาดเรื่องการเซ็นรับรองมติของคณะกรรมการแต่ละท่าน จึงตีกลับไปให้ดำเนินการให้ถูกต้อง พร้อมกับทำหนังสือเร่งรัดให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และเสนอมาให้ตนพิจารณาโดยเร็ว ทั้งนี้หลังจากรับมติจากคณะกรรมการ จะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาตรวจความถูกต้องอีกครั้ง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าจะไม่ดึงหรือรั้งการพิจารณาถอดยศ 

"ผมเป็นคนขี้กลัว เกรงว่าจะเกิดความผิดพลาดจึงต้องทำอย่างรอบคอบ เรื่องเวลาไม่ใช่เงื่อนไขในการทำงานของผม ความละเอียดรอบคอบ ความไม่ผิดพลาดต่างหากคือหลักการและเงื่อนไขในการทำงาน ยืนยันว่าไม่กลัวว่าหากพิจารณาถอดยศแล้ว จะส่งผลกระทบหลังเกษียณอายุราชการ เพราะคนอย่างผมตัดสินใจทำอะไรแล้วไม่กลัว แต่ขออย่างเดียวให้สิ่งที่ทำอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องชัดเจน เป็นไปตามกฎหมาย ที่สำคัญที่สุดอย่ามีใครมาบังคับขู่เข็ญทุกรูปแบบ ยิ่งบังคับผมยิ่งดื้อ อย่ามาใช้เล่ห์เหลี่ยม อุบาย สำหรับผมไม่มีความหมายหรอก" ผบ.ตร.กล่าว

 

@ ยันไม่มีการดึงเรื่องไว้ 

พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณาขอคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้นต้องเป็นไปตามขั้นตอน จะดำเนินการเมื่อผ่านขั้นตอนการถอดยศแล้ว เป็นเรื่องที่ตามมาภายหลัง ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาแนวทางไว้แล้ว หาก พ.ต.ท.ทักษิณถูกถอดยศในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะดำเนินการในส่วนของเครื่องราชฯ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับในขณะที่รับราชการตำรวจเท่านั้น ส่วนเครื่องราชฯที่ได้ก่อนหรือหลังจากนั้นก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ เมื่อถามว่า ผบ.ตร.ยืนยันได้หรือไม่ว่าในการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่มีการดึงเรื่องไว้ พล.ต.อ.สมยศกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "ผมเป็นคนทำหนังสือเร่งรัดเขา ไม่ใช่เขามาเร่งรัดผม ถ้าอยากให้ผมทำเร็ว ไปเร่งรัดเขามา"

ด้าน พล.ต.อ.ชัยยะกล่าวว่า ได้ส่งมติของคณะกรรมการไปยังสำนักงาน ผบ.ตร.แล้ว หลังจากที่ ผบ.ตร.ท้วงติงเอกสารได้เพียง 1 วัน

 

@ 'บิ๊กอ๊อด'ตีกลับถอดยศ'แม้ว'อีก 

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.สมยศสั่งให้ส่งเรื่องดังกล่าวกลับไปดูในรายละเอียดที่ยังไม่ครบถ้วนตามระเบียบของ ตร. เพราะถ้าหากการเสนอขอถอดยศตามระเบียบ ตร. ว่าด้วยการถอดยศ พ.ศ.2547 มี 2 องค์ประกอบ คือ ข้อที่หนึ่ง พฤติการณ์เป็นเหตุให้เสนอขอถอดยศได้ 7 เหตุ ตามข้อหนึ่งของระเบียบฯ ข้อที่สอง พฤติการณ์ไม่สมควรดำรงอยู่ในยศตำรวจ นำความเสื่อมเสียมาสู่หมู่คณะหรือไม่ เหมาะสมแก่เกียรติศักดิ์ตามวรรคแรกของระเบียบฯ ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้มีมติเฉพาะองค์ประกอบตามข้อแรกมาเท่านั้น แต่ไม่ได้พิจารณาข้อสองมาด้วย ซึ่งการส่งเรื่องคืนคราวที่แล้ว เป็นกรณีเกี่ยวกับเอกสารลงลายมือชื่อไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่การส่งเรื่องคืนคราวนี้เป็นกรณีความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ของประเด็นและเนื้อหาที่มีไม่เพียงพอที่จะพิจารณาสั่งการในทางใดทางหนึ่งได้ เลยให้นำกลับไปให้ดูในรายละเอียดให้ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยได้กำชับกรอบเวลาให้รีบดำเนินการให้แล้วเสร็จ แล้วนำกลับมาเสนอใหม่และต้องครบถ้วนทุกประเด็นภายในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศจะเชิญ พล.ต.อ.ชัยยะมาหารือในรายละเอียด เพราะหากเรื่องดังกล่าวล่าช้าอาจทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยได้

 

@ 'ปึ้ง'ชี้ศาลไม่ได้สั่งห้ามพาสปอร์ต

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกรณีปมการคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะโดนกันทั้ง ครม.ว่า ตนไม่เคยปรึกษาทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทย (พท.) ในเรื่องดังกล่าวเลย และกรณีที่มีการระบุว่า ป.ป.ช.จะเอาผิด ครม.ทั้งคณะก็เป็นการพยายามเชื่อมโยงกับกรณีการจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุม ซึ่งไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องกัน นอกจากนี้ที่บอกว่าจะมาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินอะไรต่างๆ นั้น ก็ไม่รู้ว่าข่าวมาอย่างไร ตนไม่รู้เรื่อง การที่บุคคลที่แทนตัวว่าแหล่งข่าวไประบุอย่างนั้น น่าจะไม่ถูกต้อง ถ้าจะให้ข่าวตนกล้าให้ กล้าพูดโดยตรงอยู่แล้ว ไม่ต้องจำเป็นใช้คำว่าแหล่งข่าวหรืออะไรทั้งนั้น เมื่อถามว่า กรณีคดีคืนพาสปอร์ตนี้หนักใจหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า เรื่องนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินติดตามมาตั้งนานแล้ว เรื่องนี้เป็นอำนาจโดยตรงของปลัดกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุไว้ในระเบียบชัดเจน จึงไม่ได้กังวลเรื่องพวกนี้เลย มีคนพยายามกล่าวหามาตลอดว่าเป็นนักโทษหนีคดีจะให้พาสปอร์ตได้อย่างไร เรื่องนี้ศาลต้องออกหมายสั่งมาที่กระทรวงว่าห้าม ฯลฯ แต่เท่าที่ทราบจากการรายงานไม่มีคำสั่งเหล่านี้มาที่กระทรวงเลย

 

@ พระสุเทพรับเตรียมลาสิกขา 

ที่วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องจะลาสิกขาว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงเพราะได้พิจารณาแล้วว่าวันนี้สถานการณ์ในบ้านเมือง มีงานที่จะต้องไปช่วยทำ เพราะฉะนั้นจึงตัดสินใจว่าคงลาสิกขา ส่วนจะลาเมื่อไรต้องคิดดูก่อน เพราะมีงานที่ต้องทำ ทั้งนี้เมื่อลาสิกขาแล้วจะไม่กลับไปเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. 

ไม่ไปต่อสู้ในทางการเมืองอย่างที่เคยทำมา เพราะตั้งใจจะไปทำงานในภาคประชาชน เนื่องจากได้จดทะเบียนในนามมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เมื่อถามว่า สมาชิก กปปส.บางคนอาจกลับไปนามพรรคประชาธิปัตย์นั้น พระสุเทพกล่าวว่า 

"ก็เป็นสิทธิของเขา คนออกมาต่อสู้ร่วมกันเมื่อปี 2556-2557 หลายล้านคน จะมาตัดสินใจอย่างเราคงไม่ได้ บางคนต้องไปเป็น ส.ส. บางคนก็ทำงานการเมือง ตรงนี้ก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน"