อายัด 300 ล้านคดีฉาว แม่อดีตสส. ปปง.สอบเส้นทางเงิน เบรกรำลึก 10 เม.ย.ถึงวัด 'จตุพร'แจ้งยกเลิกทำบุญ สื่อฮือฮา'บิ๊กตู่'เท่-จัดฟัน สปช.วางกรอบถก'รธน.'

        'สปช.'เสวนา'กมธ.ยกร่างฯ'ปธ.สปช.ย้ำไม่มีโผ-ล็อบบี้ ยันอภิปรายไม่ดุเดือดใช้ไมตรีวิวาทะ ติดใจนายกฯคนนอกหวั่นสืบทอดอำนาจ กมธ.รับปากเหตุผลดีจะแก้ให้ ด้านบิ๊กตู่ชี้ออก กม.ขจัดคนไม่ดี คนดีไม่กระทบ ปปง.นัดแถลงอายัด 300 ล. แม่ส.ส.ดัง

มติชนออนไลน์ : ทำบุญล่ม - ทหารและตำรวจเจรจากับญาติเหยื่อผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมปี 2553 ห้ามจัดงานทำบุญที่วัดเกิดการอุดม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในวันที่ 10 เมษายน โดยให้เหตุผลด้านความมั่นคง เมื่อวันที่ 9 เมษายน

@ 'สปช.'เสวนา'กมธ.ยกร่างฯ'

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 เมษายน ที่สภาการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดงานสัมมนาร่วมกับคณะกรรมาธิการยกร่าง (กมธ.) รัฐธรรมนูญ เพื่อเตรียมการอภิปรายรัฐธรรมนูญร่างแรกในวันที่ 20-26 เมษายนนี้ โดยมีสมาชิก สปช.เข้าร่วมสัมมนากันอย่างคึกคัก โดยก่อนเปิดงานสัมมนามีกิจกรรมการโชว์เพลงขลุ่ย จากนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิก สปช. และการขับร้องบทเพลง "เก็บตะวัน" ของศิลปิน อิทธิ พลางกูร ซึ่งเป็นการขับร้องร่วมกันระหว่าง สปช.และ กมธ.ยกร่างฯ ทั้งนี้ การสัมมนาไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด 

      ต่อมาเวลา 11.00 น. นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) แถลงผลการประชุมว่า การสัมมนาครั้งนี้ทำความเข้าใจใน 3 ประเด็น คือ 1.เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่ กมธ.ยกร่างฯได้รายงานต่อ สปช.แต่ละประเด็นนั้นมีคำถามอยู่ในใจ ทั้งนี้ทาง กมธ.ยกร่างฯแจ้งว่ารัฐธรรมนูญร่างแรกใกล้เรียบร้อยและพร้อมส่งมอบให้กับ สปช.ในวันที่ 17 เมษายน 

@ ยันการอภิปรายไม่ดุเดือด

    นายวันชัย กล่าวว่า 2.วิธีการอภิปรายของ สปช.ระหว่างวันที่ 20-26 เมษายน กำหนดให้ กมธ.ปฏิรูปแต่ละคณะอภิปรายได้คณะละ 2 ชั่วโมง ส่วนสมาชิกให้เวลา 12-15 นาที ซึ่งที่ประชุมสมาชิกเสนอว่าควรให้ความสำคัญในแต่ละภาคให้มีน้ำหนักแตกต่างกัน จึงต้องตกลงกระบวนการและวิธีการอภิปรายใหม่ และ 3.หลังจาก สปช.อภิปรายเสร็จสิ้น สมาชิก สปช.ต้องดำเนินการแปรญัตติภายใน 30 วัน โดยให้ตกลงกันในกลุ่มที่มีจำนวน 26 คน ให้มีเพียง 8 ญัตติ ดังนั้นสมาชิกต้องตกลงกันว่าจะอยู่กลุ่มใด 

     นายวันชัย กล่าวว่า นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ต้องการให้ สปช.เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยความราบรื่นเรียบร้อย การอภิปรายวันจริงจะได้เป็นไปด้วยเหตุผลและเนื้อหาสาระ เนื่องจากเป้าหมายต้องการให้รัฐธรรมนูญออกมาดีที่สุด ย้ำว่าขอให้ทำหน้าที่ด้วยความมั่นคงเข้มแข็ง ไม่มีโผ ไม่มีการล็อบบี้ อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับสุดท้าย ยืนยันว่าไม่มีใครมาสั่งการหรือกำหนดร่างรัฐธรรมนูญ การอภิปรายจะไม่ดุเดือด เพราะต้องการให้เป็นไปในลักษณะไมตรีวิวาทะ ไม่ได้มุ่งเอาชนะกัน เป็นไปด้วยเหตุผลมากกว่าการประชดประชัน ต้องการให้เป็นสภาเนื้อหาวิชาการมากกว่าเป็นสภาวาทกรรมหรือโต้เถียงกัน 

@ สงสัยที่มาระบบส.ส.-ส.ว.

       จากนั้นในช่วงบ่าย นายวันชัยแถลงสรุปผลการประชุมอีกครั้งว่า ในช่วงบ่ายมีการซักถามประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เริ่มจากที่มาของ ส.ส. โดยถามถึงระบบสัดส่วนผสม หรือเอ็มเอ็มพี ที่ กมธ.ยกร่างฯจะนำมาใช้นั้นจะทำให้รัฐบาลมีความเข้มแข็ง และมีเสถียรภาพได้อย่างไร เพราะ ส.ส.ของแต่ละพรรคที่ได้ จะมีจำนวนใกล้เคียงกัน ซึ่ง กมธ.ยกร่างฯได้ชี้แจงในเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมามีรัฐบาลที่เข้มแข็งเกินไป จึงทำให้บ้านเมืองมีปัญหา แต่รูปแบบการเลือกตั้งนี้จะทำให้ได้รัฐบาลที่มีความสมดุล ถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ไม่มีอำนาจเข้มแข็งจนใช้อำนาจเบ็ดเสร็จได้ การเลือกตั้งรูปแบบนี้จึงเป็นมิติใหม่ในการแก้ปัญหาการเมืองที่ล้มเหลว ส่วนที่มาของ ส.ว.นั้นสมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วย เนื่องจากเห็นว่าหากมี ส.ว.เลือกตั้งและสรรหาจะทำให้มีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา แต่บางฝ่ายมองว่าหากมีฝ่ายหนึ่งมากเกินไปจะทำให้มีปัญหาได้ ขณะเดียวกันมีสมาชิกบางคนไม่เห็นด้วยทั้งที่มาและอำนาจของ ส.ว.ที่มีมาก ทั้งนี้ยังมีการซักถามถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูป และคณะกรรมการปรองดอง สามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ ด้าน กมธ.ยกร่างฯ จึงชี้แจงว่า สภาเหล่านี้จะเป็นสภาคู่ขนานกับสภาการเมือง ทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็งสามารถตรวจสอบได้หลายระดับ โดยทั้งหมดนี้ทำให้สมาชิก สปช.ที่จะอภิปรายได้ทำความเข้าใจ

@ กมธ.รับปากเหตุผลดีจะแก้ให้

      นายวันชัย กล่าวอีกว่า มีการหารือถึงการทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ โดยเห็นร่วมกันว่าจากนี้ไป สปช.และ กมธ.ยกร่างฯจะต้องร่วมกัน ไม่เฉพาะแต่ กมธ.ยกร่างฯเท่านั้น เพราะ สปช.เป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องพิจารณาให้ความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ จึงต้องปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่กระทำการตามลำพังกันอีกต่อไป รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นและการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ ให้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง กมธ.ยกร่างฯและ สปช. เพื่อให้การทำงานไม่ซับซ้อนและประหยัดงบประมาณ จากนั้นประธาน สปช.จะทำการจัดหมวดหมู่หัวข้อการอภิปราย เพื่อให้ประชาชนที่รับฟังการอภิปรายเข้าใจรัฐธรรมนูญ โดยไม่รู้สึกว่าเนื้อหากระจัดกระจายหรือกระโดดไปมา 

    "คาดว่า ประเด็นการเมืองจะใช้เวลามากที่สุด โดย กมธ.ยกร่างฯได้รับปากว่า จะรับฟังเสียงของสมาชิก สปช. หากประเด็นใดมีเหตุผลที่ดีกว่า ก็พร้อมนำไปแก้ไขปรับปรุง" นายวันชัยกล่าว 

@ 3 สปช.ติดใจนายกฯคนนอก

     เมื่อถามว่ามีการชี้แจงถึงประเด็นนายกฯคนนอกอย่างไร นายวันชัยกล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯชี้แจงว่าเจตนารมณ์ไม่ได้จะให้คนนอกมาเป็นนายกฯ แต่เปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้เลือกกันเองหากเกิดวิกฤต แต่ก็มีสมาชิก สปช. 3 คนตั้งข้อสังเกตว่า แนวทางนี้จะทำให้สังคมมองว่าจะเป็นการเปิดช่องให้มีการสืบทอดอำนาจ และอาจมอง กมธ.ยกร่างฯว่ามีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ เมื่อถามว่าที่ประชุมมีการตั้งข้อสังเกตถึงสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปจะเป็นการสืบทอดอำนาจหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า มีสมาชิก สปช.หลายคนเกรงว่าสังคมจะมีข้อครหาว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ ซึ่ง กมธ.ยกร่างฯชี้แจงว่า การปฏิรูปยังจำเป็นต้องเดินต่อไป และหากให้บุคคลอื่นมาทำอาจจะไม่ต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ยังไม่มีสมาชิกคนใดแสดงความต้องการว่าจะเข้าร่วมสภานี้ 

@ 'ปื๊ด'แจงพร้อมปรับปรุงแก้ไข 

     นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯกล่าวว่า สมาชิก สปช.ได้มีการสอบถามถึงระบบการเลือกตั้ง ซึ่งทาง กมธ.ยกร่างฯก็ได้มอบหมายให้ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างฯทำหน้าที่ชี้แจงว่าระบบการเลือกตั้งของไทยไม่ใช่เยอรมัน เพราะมีความแตกต่างจากเยอรมัน 7 ข้อ โดยข้อเสนอของ สปช.และ กมธ.ปฏิรูปของ สปช.ทั้ง 18 คณะมีอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว เชื่อว่าการอภิปรายของ สปช.จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ใช้โวหารจึงไม่น่าห่วง เพราะสมาชิก สปช.มีวินัยและไม่ต้องการให้สภา สปช.เป็นเหมือนสภาการเมือง สิ่งที่อภิปรายทาง กมธ.ยกร่างฯจะนำมาปรับปรุงและแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ต่างๆ ที่หลายส่วนเรียกร้องให้ สปช.เข้ามามีส่วนร่วมด้วยนั้นก็อาจเป็นไปได้ แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) กำหนดให้ กมธ.ยกร่างฯเป็นผู้ดำเนินการ ดังนั้นก่อนที่จะนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะนำไปขอความเห็นจาก สปช.ก่อน แล้วจึงค่อยนำเสนอต่อ สนช. 

@ บิ๊กตู่ชี้ออกกม.ขจัดคนไม่ดี 

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเปิดโอกาสให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) และข้าราชการรดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ว่า เรื่องกฎหมายอย่าไปกังวล เพราะกฎหมายออกมาเพื่อขจัดคนไม่ดี ถ้าเป็นคนดีก็ไม่ต้องกลัว คนดีน่าจะสบายใจมากกว่า คำว่าสิทธิเสรีภาพทุกคนมีอยู่แล้วที่ตัวเอง ถ้าไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมายเลย ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ แต่ถ้าคิดจะทำผิดกฎหมาย ตรงนั้นต้องเรียกว่าเสรีภาพจำกัด คือทำความเลวไม่ได้ วันนี้จึงมีปัญหากันมาก ต้องเข้าใจตรงนี้ ทุกอย่างที่ออกมาเพื่อความสงบสุขของประชาชน 

     "เคยเรียนไปแล้วว่าเราคือทีมงานที่โชคชะตาให้มายืนตรงนี้ ไม่ได้คาดหวังว่าจะเข้ามา แต่เมื่อเข้ามาแล้วจะทำให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ประเทศเสียหายไปกว่าเดิม และถ่ายทอดความจริงใจที่มีให้ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ประเทศนี้ปลอดภัยหรือไม่ คิดว่าอยู่ในระดับ 50-60 เปอร์เซ็นต์ เพราะประชาชนรับรู้ข่าวจากสื่อและเข้าใจในความตั้งใจและปรารถนาดีของสื่อมวลชน ในบางครั้งบางเวลาต้องมองว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร ต้องนำเสนออย่างไร บางเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนักก็อย่าให้มันขัดแย้งเลย เรื่องใหญ่ๆ เรากำลังแก้อยู่ทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

@ ชี้ไม่เคยลดสัมพันธ์กับใคร 

      นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย มาเยือนอย่างเป็นทางการ ดีใจที่ได้เห็นอาคารตึกไทยคู่ฟ้าสวยงาม และถามว่าสร้างตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกว่าสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์เคยเสด็จฯเยือนรัสเซียในสมัยนั้น ทำให้ไม่ตกเป็นอาณานิคมของใครตั้งแต่นั้นมา ประวัติศาสตร์มีอะไรที่เชื่อมโยงกัน ไม่ใช่อยู่คนเดียวในโลก

     "ผมไม่ได้มุ่งหวังที่จะไปข้างโน้นข้างนี้ เราเป็นประเทศที่เป็นอิสระ เป็นกลาง อะไรที่เป็นพันธสัญญาก็ต้องทำ อะไรที่สามารถทำได้เราก็สนับสนุนทุกประเทศในโลก ไม่ได้ทำเพื่อจะไปสู้กับใคร เราเป็นประเทศเล็กๆ สิ่งที่เราทำก็คือทำตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง เป็นโอกาสของเราทั้งสิ้น ทุกประเทศลงทุนกับไทยหมด ทั้งอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสที่เสนอบีโอไอมาไม่เห็นเขาจะแยก เราก็อย่าไปแยกตามเขา เวลาเขาพูดอะไรมาก็ฟังๆ ไว้ เขาอยากจะพูดอะไรก็พูด แต่เราก็คบกันเหมือนเดิม เราไม่เคยลดระดับใคร จำได้ไหม ผมไม่เคยประกาศลดระดับความสัมพันธ์กับใครเลย มีแต่เพิ่ม แต่ถ้าใครลดระดับกับเราก็แล้วแต่เขา วันหน้าค่อยว่ากันใหม่ วันนี้เราทำของเรา ใครคบเรา เราก็ทำให้ดีที่สุด เดินหน้าสร้างความเชื่อถือ" นายกฯกล่าว

      ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯจัดฟันหรือไม่ เพราะสังเกตเห็นอุปกรณ์จัดฟัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ที่ใส่ไว้เพราะเจ็บ กัดกับผู้สื่อข่าวแล้วฟันมันเจ็บ" 

@ 'ไก่อู'แจงร่วมมือทุกประเทศ

      พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีที่มีสื่อบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่าประเทศไทยสานสัมพันธ์กับบางประเทศ เพื่อสร้างดุลอำนาจ หรือถ่วงดุลอำนาจของบางประเทศนั้น ขอยืนยันว่าไทยพร้อมและยินดีเป็นมิตรกับทุกประเทศที่มีแนวนโยบายร่วมมือเชิงสร้างสรรค์ และเกื้อกูลประโยชน์ระหว่างกันอย่างเสมอภาคเป็นสำคัญ 

      "นายกฯมักจะกล่าวเสมอว่าความเป็นมิตรแท้จะเห็นใจกันก็ในยามยาก ไทยต้องการเพียงความเข้าใจจากทุกประเทศเพื่อให้เราได้มีเวลาปฏิรูปประเทศ เราปรารถนาจะเห็นความสัมพันธ์ไทยกับทุกประเทศ ตั้งอยู่บนพื้นฐานความไว้วางใจ ไร้ความหวาดระแวง ให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ที่เท่าเทียมและเป็นธรรม" พล.ต.สรรเสริญกล่าว

@ 'ปึ้ง'เตือนนโยบายต่างประเทศ

      นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เตือนเรื่องการต่างประเทศของรัฐบาลชุดนี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกำลังทำอยู่นั้น พยายามกระชับความสัมพันธ์กับจีนและรัสเซียในช่วงที่ผ่านมา โดยหลักแล้วเป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องการต่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะประเทศที่เป็นพันธมิตรมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยมาช้านาน ในซีกยุโรปและอเมริกา จะมองสิ่งที่เกิดขึ้นคิดว่าไม่แคร์ การพูดหรือกระทำอะไรออกไป อาจไปกระทบความสัมพันธ์ได้ เพราะทราบดีว่ากับรัสเซียกำลังมีปัญหากันอยู่ แล้วยิ่งเป็นรัฐบาลทหารที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เกิดทางยุโรปหรืออเมริกามีมาตรการอะไรขึ้นมาอาจจะกระทบและเกิดความเสียหายตามมา

     "อยากจะเตือนรัฐบาลในด้านการต่างประเทศ ต้องมีความระมัดระวังให้มาก พล.อ.ประยุทธ์เองเวลาพูดกับต่างประเทศ พูดในฐานะประเทศไทย จึงมีความห่วงใย อยากให้ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าลืมเหล่านี้เป็นผู้บริโภครายใหญ่ อาจบอกว่าไปหาตลาดใหม่ได้ แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่าเคยเป็นเซลส์แมนหรือไม่ เคยขายของหรือไม่ พูดได้ แต่การ กระทำต้องมีประสบการณ์ ต้องรู้จักวิธีขาย ถึงจะหาลูกค้าใหม่ได้ ขณะที่ลูกค้าเก่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่มีอยู่แล้ว ไม่ให้ค่าหรือไม่ให้คุณค่าเลย จะเกิดความรู้สึกได้" นายสุรพงษ์กล่าว 

@ มาร์คชี้บิ๊กตู่ไม่เบี้ยวกรอบเวลา

      นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคำทำนายของนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรวารินทร์ สำนักสุขิโต ที่ระบุว่ารัฐบาลจะอยู่ยาว 3 ปี ว่า คิดว่าคงไม่มีใครตั้งใจที่จะมาเบี้ยวกรอบเวลาต่างๆ หรือกรอบที่ตัวเองกำหนด แต่ถ้าเกิดมีความจำเป็น คงต้องหาเหตุผลมาอธิบายกับสังคม 

       "หากถาม พล.อ.ประยุทธ์ คงจะได้คำตอบเหมือนกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์อยู่ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี แล้วสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งใจวางไว้เป็นรากฐาน ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญที่ดี การปฏิรูปดี แล้วได้อยู่ยาวกับ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ 4 ปี แล้วพอปีที่ 5 บ้านเมืองกลับไปวุ่นวายเหมือนเดิม ขอถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกแบบไหน ผมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องตอบว่าความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าท่านอยู่นานเท่าไหร่ เพราะท่านคงจะสนใจว่าสิ่งที่ท่านทำแล้วเห็นว่าดีกับประเทศนั้นจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ ซึ่งสำคัญกว่าเยอะ" นายอภิสิทธิ์กล่าว

@ ตู่วอนอย่าขวางแดงทำบุญ

       นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เคยพูดว่าทั้งความตายของทหารและประชาชนควรมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ และตนไม่ได้ห้ามว่าทหารห้ามทำบุญ ความกดดันนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่คณะกรรมการญาติวีรชนถูกห้ามไม่ให้ทำบุญ และจะมีการย้ายไปทำบุญที่วัดเกิดการอุดม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในวันที่ 10 เมษายน 

     "ถ้าเกิดกลัวว่า ไปแล้วจะเกิดปัญหา วันพรุ่งนี้พวกผมไม่ไป แต่คงจะแค่ช่วยประสานงาน ญาติเขาสูญเสียไปมากพอแล้ว ท่านควรจะมีวุฒิภาวะ ถ้าญาติวีรชนอยากไปทำบุญ ให้เขาไปเถอะครับ เสร็จแล้วพวกเขาก็จะกลับไปใช้ชีวิตที่ยากลำบากเหมือนเดิม พวกผมไม่ไป ถ้าจะไปขัดขวางการทำบุญ ขัดขวางการ กรวดน้ำ อย่าเลยครับ อย่าทำแบบนั้นเพราะฝ่ายที่สูญเสียมากที่สุดนั้นคือประเทศไทย" นายจตุพรระบุ

@ ทหารบุกวัดยกเลิกงาน 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 15.00 น. นายจตุพรโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กอีกครั้งว่า "ขณะนี้มีตำรวจทหารเข้าไปในบริเวณวัดเกิดการอุดม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานทำบุญให้กับวีรชน 10 เมษายน ทั้งๆ ที่ญาติได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่เข้าไปแล้วว่าเป็นเพียงแค่การทำบุญ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารก็ไม่ให้จัด ปีนี้งานทำบุญและระลึกถึงวีรชนที่เสียชีวิตเมื่อ 10 เมษายน 53 จึงต้องยกเลิกไปทั้งหมด"

@ คนเสื้อแดงโวยถูกเบรกจัดงาน 

     ที่ จ.ปทุมธานี นายผาชัย โปริยานนทร์ นายอำเภอคลองหลวง พร้อมด้วยนายวิระศักดิ์ ฮาดดา นายก อบต.คลองสาม เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ปทุมธานี จำนวนหลายนาย เดินทางมาตรวจสอบที่วัดเกิดการอุดม ก่อนร่วมพูดคุยหารือเรื่องของการจัดงานทำบุญ 

นายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์ อายุ 56 ปี บิดาของนายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว กล่าวว่า เพียงจะจัดงานทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณลูกชายและวีรชนคนเสื้อแดงที่ล่วงลับ จะมีผู้มาร่วมกิจกรรมไม่ถึง 15 คนเท่านั้น โดยไม่มีเจตนาอื่นเลย ตนชี้แจงไปแล้วว่าหากไม่ให้จัดทำบุญที่วัดก็ขอให้เจ้าหน้าที่อนุญาตให้จัดที่บ้าน ทางท้องถิ่นและอำเภอคลองหลวงเห็นด้วย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้จัดงานไม่ว่าที่ใด เนื่องจากอ้างว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่อนุญาต

"ในวันที่ 10 เมษายนของทุกๆ ปี ญาติพี่น้องของวีรชนจะร่วมกันทำบุญที่วัดพลับพลาไชย ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่ห้ามปราม ปีนี้เห็นว่าครบ 5 ปี จึงย้ายมาจัดงานที่วัดที่บ้านเกิดแทน เนื่องจากเหตุว่าใกล้บ้าน ขอความเห็นใจจากรัฐบาลว่าขอให้ผมทำบุญให้กับลูกชายเถอะอย่ามาห้ามเลย เป็นความปรารถนาของผู้เป็นพ่อที่มีต่อลูกเพียงเท่านั้น ตอนนี้แกนนำ นปช. ออกมาประกาศแล้วว่าจะไม่มาร่วมชุมนุมในวันดังกล่าว" นายบรรเจิดกล่าว 

@ โฆษกคสช.โต้ไม่ห้ามทำบุญ

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า คสช.ไม่ได้ห้ามประชาชนทำบุญ แต่ขออย่าเบี่ยงเบนประเด็น เพราะมองว่าการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต บรรดาญาติพี่น้องก็ทำกันอยู่แล้ว ทาง คสช.ไม่ได้ห้ามในเรื่องของตัวบุคคล ซึ่งสามารถทำบุญได้ แต่ถ้ามีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนคงไม่ได้ แม้ว่าล่าสุดทางกลุ่ม นปช.จะเปลี่ยนสถานที่จัดงานเป็นวัดเกิดการอุดม จ.ปทุมธานี แทนวัดพลับพลาไชยก็ตาม ทาง คสช.จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจ 

"ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปจัดงานวัดใด หรือพื้นที่ใดก็ตาม ถ้าหากยังมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน ทาง คสช.ก็ไม่อนุญาต ถ้าบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว อยากร่วมบุญก็ฝากสิ่งของสนับสนุนไปได้" พ.อ.วินธัยกล่าว

@ ปปช.เรียก'บิ๊กป๊อก-ถวิล'พยาน

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กรณีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. ปี 2553 ว่า ป.ป.ช.ได้ประสานกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. และนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะพยานของนายอภิสิทธิ์แล้ว เพื่อให้เข้ามาชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ภายในวันที่ 21 เมษายนนี้ โดยสามารถเข้ามาชี้แจงด้วยตนเองหรือจะทำเอกสารชี้แจงได้ ส่วนนายสุเทพจะเข้ามาตอบข้อซักถามกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในวันที่ 21 เมษายนนี้

@ อายัด300ล.แม่นักการเมืองดัง

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งนั้นมีรายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีมติเห็นพ้องให้อายัดทรัพย์มารดาอดีต ส.ส.ดัง จำนวน 300 ล้านบาท คดียักยอกทรัพย์สถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบการได้มาซึ่งทรัพย์สิน และเปิดให้ผู้ถูกอายัดทรัพย์นำข้อมูลหลักฐานเข้าชี้แจงตามขั้นตอน ทั้งนี้ ในวันที่ 10 เมษายน เวลา 14. 00 น. พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง.จะแถลงรายละเอียดการมีมติอายัดทรัพย์แม่อดีต ส.ส.คนดังกล่าว