วันที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8897 ข่าวสดรายวัน


ไม่เชื่อโหร-บิ๊กตู่สั่ง หยุดพูด! รธน.ไม่ผ่าน-ทำใหม่ 
ปื๊ดไม่กลัวผลประชามติ ทูต-สื่อ 60 ชาติฟังม.44 คสช.-วิษณุเปิดแจงยิบ แฉผู้ว่าฯติดโผ 100 ขรก. พิษงบฯช่วยน้ำท่วมปี 54


สรงน้ำ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์จำลอง พร้อมรับมอบผ้าขาวม้าและน้ำอบไทย เพื่อประชาสัมพันธ์เทศกาลเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ ในปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 เม.ย.

       'ประยุทธ์'สั่งโหร วารินทร์รูดซิปปาก ย้ำยึดตามโรดแม็ปเดิมทุกอย่าง ส่วนรธน.ถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องทำใหม่ จะไม่หยิบฉบับปี 40 หรือ 50 มาใช้ เล็งเชิญ'เยอรมัน-ฝรั่งเศส'ร่วมชี้แจงประสบการณ์ร่างรธน. ให้คนไทยฟัง 'วิษณุ-คสช.'ชี้แจงมาตรา 44 คณะทูต-สื่อ-องค์กรระหว่างประเทศ 60 ชาติร่วมฟัง'บวรศักดิ์'แถลงโวยสื่อบิดเบือน ยันไม่ได้พูดว่าคนเรียนสูงยิ่งชั่วมาก เผยบิ๊ก ขรก.มหาดไทย ติดโผ 100 ขรก.บัญชีดำโยกย้ายปมทุจริตงบฉุกเฉินแก้น้ำท่วม-ยาฆ่าแมลง ที่ดินโคราชจ่อเพิกถอนสิทธิ์ที่ดินโบนันซ่า

'ประยุทธ์'สั่งโหรวารินทร์หยุดพูด 

       เวลา 13.45 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวหลังการประชุมครม. โดยเจ้าหน้าที่เปลี่ยนที่แถลง จากเดิมใช้ด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 มาเป็นห้องโถงภายในตึกบัญชาการ 1 เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดมาก อีกทั้งด้านนอกตึกบัญชาการไม่มีที่บังแดด 

       นายกฯ กล่าวกรณีนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ประธานมูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา ฉายาโหรคมช. ระบุจะอยู่บริหารต่อถึง 3 ปีว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามโหรเอง ตนก็มีโรดแม็ปของตัวเอง และได้ส่งสัญญาณถึงโหรวารินทร์แล้วว่าอย่าพูดเลย ก็คงไม่พูดแล้ว เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรตนแล้วและก็ไม่ต้องไปตามโหรทุกเรื่อง ตนเป็นตัวเอง สามารถใช้สติปัญญาที่มีกับความร่วมมือของทุกคน

      เมื่อถามว่า ถ้าดวงดาวกำหนดให้เป็นเช่นนั้นยินดีจะทำตามหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ดวงดาวก็คือดวงดาว ถ้าเราทำตัวไม่ดี ไม่มีคุณธรรม ศีลธรรม ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมต่อให้ดวงดาวดีขนาดไหน จะกี่ดวงมาซ้อนกันเป็นกี่จักรก็ไปไม่ได้ เพราะคนไม่ดี เมื่อถามว่าถ้าดวงชะตากำหนดเช่นนั้นจะรับได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทันทีว่า "ไม่ต้องมาถ้ากับผม อย่ามาถ้าผมไม่ได้อยากจะอยู่ ทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแม็ปของผมก็แล้วกัน โรดแม็ปว่ายังไงก็ว่าตามนั้น"

โหรวารินทร์ นัดแถลง 

      เมื่อถามว่า การไปปฏิบัติภารกิจที่เชียงใหม่ได้ทำบุญ ได้รับแรงใจ มีกำลังใจมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมีกำลังใจทุกวัน ไม่ต้องไปไหนก็มีกำลังใจ และที่ไปเชียงใหม่มีคนชื่นชมก็ต้องขอบคุณ แต่พอ กลับมาสิ่งที่รู้คือจะต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะมีคนคาดหวังเช่นนั้น ต้องทำทุกอย่างให้ดีอย่างที่คิดไว้ การให้กำลังใจเป็นการดีแต่อย่าไปเหลิงกับมัน อย่าไปเห็นว่าพอมีคนรักแล้วยินดี ถ้าตนจะทำให้คนรักมากๆ ใครขออะไรมาก็คงให้ทั้งหมด แต่พอถึงวันข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ วันนี้เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความยั่งยืน การทุจริตต่างๆ ต้องรื้อทั้งหมด เมื่อถามว่าดูเหมือนนายกฯจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มพร้อมกล่าวว่าใจเย็น เมตตาทุกคน พร้อมกำมือไว้ที่หน้าอกข้างซ้ายก่อนกล่าวว่า พระอยู่ในใจ

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับคำทำนายเรื่องการต่ออายุนายกฯไปอีก 3 ปี และการยืดโรคแม็ป นายวารินทร์นัดแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงวันที่ 8 เม.ย. เวลา 09.00 น. ที่สำนักสุขิโต จ.เชียงใหม่

ร่างรธน.ใหม่ไม่เอื้อพรรคไหน 

      เมื่อถามว่า วันนี้มีอะไรเป็นอุปสรรคในการทำงานบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อุปสรรคคือความเข้าใจ ทุกคนที่ทำหน้าที่ต่างมีความตั้งใจ ไม่ว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทุกคนนำบทเรียนที่ผ่านมา คิด ทำ แก้ปัญหาในจุดต่างๆ ทั้งที่มา ส.ส. และส.ว. หรือการพิจารณาใช้อำนาจที่เหมือนจะเป็นเผด็จการรัฐสภา

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญว่า ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้พรรคใด ไม่ว่าพรรคเล็กพรรคน้อย ประเด็นสำคัญคือต้องสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้คนทั้งในและนอกประเทศว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้แตกต่างจากฉบับที่ผ่านมาอย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร และประเทศ ไทยต้องการการปฏิรูปหรือไม่ ต้องปฏิรูปเพราะอะไร เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาหากเกิดขึ้นกับต่างประเทศ เขาจะรู้สึกอย่างไร

ไม่ผ่านร่างใหม่-ไม่ใช้ฉบับเก่า 

       นายกฯ กล่าวว่า การกำหนดกติกากันเองทำได้ แต่ถามว่าเมื่อรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วคนในประเทศไม่รับ ขณะที่คนนอกประเทศก็บอกว่าไม่เป็นสากลแล้วจะทำอย่างไร ตนกำลังหาทางออกเรื่องดังกล่าว ต้องเห็นใจคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญด้วย เพราะพยายามสร้างสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์วันข้างหน้า แต่ต้องดูว่าเมื่อร่างออกมาแล้วต่างชาติจะรับได้หรือไม่ ตนในฐานะนายกฯจะนำข้อพิจารณาต่างๆ มาดูในรายละเอียดและให้ต่างชาติพิจารณาด้วย โดยจะถามว่าบ้านเมืองที่มีการปฏิรูป มีการใช้รัฐธรรมนูญรูปแบบใด

     เมื่อถามว่า มีโอกาสจะพิจารณาเรื่องการทำประชามติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่รู้ ยังไม่ถึงเวลา เมื่อถามว่าหากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านการทำประชามติจะหยิบรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือปี 2550 มาใช้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่มี ถ้าอย่างนั้นต้องทำใหม่ ถามว่ารัฐธรรมนูญเก่ามีปัญหาหรือไม่ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ไม่ได้เขียนใหม่ทุกมาตรา แต่เอามาจากปี 40 และ 50 เป็นหลัก พิจารณาควบคู่กัน อันไหนใส่ได้ก็ใส่ ไม่ได้เขียนใหม่ เมื่อถามว่าร่างรัฐธรรมนูญใกล้เสร็จรัฐบาลจะสร้างความเข้าใจกับประชาชนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้พูดกันอยู่ แต่บางทีคนไม่เข้าใจ คนที่มองในแง่เดียวว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง ให้เสรีภาพประชาชนอย่างเต็มอำนาจทุกรูปแบบ แต่ไม่มีใครพูดถึงหน้าที่ของประชาชนว่าอยู่ตรงไหน

ห่วงต่างประเทศไม่รับรธน. 

     เมื่อถามว่า จะใช้กลไกท้องถิ่นมาช่วยสร้างความเข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญกับประชาชนอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนนี้มีการเปิดเวที แต่เปิดทุกที่ก็มีขัดแย้งกันเพราะยังไม่ยอมรับกติกา คนต่างจังหวัดอาจไม่เห็นว่าที่กรุงเทพฯเกิดอะไรขึ้น สหรัฐเห็นหรือไม่ตนไม่ทราบ เขาคิดแต่ว่าจะให้เราเลือกตั้ง เขาลืมมาตรฐานคนแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ความคิดจึงแตกต่าง ตอนนี้รัฐบาลดูทุกเรื่อง ทั้งข้าว มันสำปะหลัง สับปะรด ปาล์มน้ำมัน ปรับโครงสร้างทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลก่อนๆ ไม่ค่อยคิดกันจึงแก้ปัญหาวกไปวนมา

      เมื่อถามว่า เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องรัฐธรรม นูญต้องเชิญผู้ว่าฯทั่วประเทศมาให้ข้อมูลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประชุมหลาย ครั้งแล้ว แต่เดี๋ยวจะทำเพื่อสร้างการรับรู้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศด้วย ในประเทศตนไม่ห่วงเดี๋ยวก็คุยกันรู้เรื่อง แต่ต่างประเทศรับได้หรือไม่ เพราะถ้ารับไม่ได้เขาจะบอกว่าประเทศเราไม่มีประชาธิปไตย เหมือนอย่างที่เรานำมาตรา 44 มาใช้เพื่อประโยชน์ยังหาว่าเราไปบังคับขู่เข็ญ

      นายกฯ กล่าวว่า ถ้าไม่มีแล้วจะอย่างไร ก็ไม่ยอมกันสักอย่าง ทุกอย่างอย่าคิดว่ามันสงบ ก็รู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร ยังมีเคลื่อนไหวอยู่ทั้งคู่ 2-3 ฝ่าย ไม่ได้โทษว่าใครดีไม่ดีแต่เขามองในแง่การเมือง ส่วนตนไม่มีการเมือง จึงรู้ว่าปัญหามีอะไรบ้าง จะแก้ปัญหาได้อย่างไร "ท้ายที่สุดผมก็รับผิดชอบเพราะเป็นผู้กุมอำนาจ อำนาจอยู่ที่ผมจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็รับผิดชอบอีกอยู่ดี ดังนั้นผมจะไม่ตามใจใครสักคน มันชีวิตผม" 

ชี้กลุ่มเห็นต่างอยากได้รธน.เก่า 

      เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองที่นายกฯพูดถึง 2-3 ฝ่ายเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ดูอยู่ ทั้งหมดเคยมาคุยกันแล้ว นักการเมืองก็เคยมาคุยกันเมื่อตอนที่มีคสช.แรกๆ พอหลังๆ พูดอะไรที่ไม่ค่อยเข้าท่าก็เชิญมาคุยอีก รับปากทุกทีแต่ก็ออกไปพูดข้างนอก จะให้ตนทำอย่างไร ปล่อยให้พูดไปเรื่อยๆ ได้หรือไม่ หรือจะใช้อำนาจอันนี้ตนไม่รู้และยังไม่ได้ใช้ รอให้พูดไปเรื่อยๆ ก่อนก็แล้วกัน

      เมื่อถามว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวต้องการอะไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องการเลือกตั้งโดยใช้กติกาเดิม รัฐธรรมนูญเดิม ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 มีข้อดีและปัญหา ดังนั้นเราต้องเลือกซึ่งมีอยู่ 300 กว่ามาตรา ถ้ายังไม่อ่านทั้งฉบับก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ตนอ่านทุกฉบับ และฉบับที่ร่างใหม่อยู่นี้เอาจากฉบับปี 40 และ50 เช่น การเมือง การใช้อำนาจเพื่อลดปัญหา ส่วนที่ไม่ได้ข้อยุติคือประเด็นนายกฯจากคนนอก เพราะเขาเห็นว่าก่อนวันที่ 22 พ.ค.2557 ประเทศเดินไม่ได้ รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม รัฐบาลรักษาการใช้งบประมาณไม่ได้ เมื่อมันติดแล้วจะทำอย่างไร จำเป็นต้องมีคนหรือนายกฯคนนอก หรือมีองค์กรเข้ามาตรงนี้ ใครสามารถดำเนินการไปได้แล้วค่อยมาเลือกตั้งกันคือ ตอนนี้รักษาสภาพไปเพื่อให้ไม่ติด

ชาติเกิดปัญหา-รธน.ต้องอยู่ได้ 

       นายกฯ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญยังไม่ได้ข้อยุติ ต้องถามต่างชาติว่าถ้าไม่ทำลักษณะนี้แล้วจะทำอย่างไร ไม่ว่าประเทศชาติจะเกิดอะไรขึ้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องเดินหน้าไปได้ ไม่ต้องลงในรายละเอียดมากนักแต่ลงเรื่องการบริหารประเทศ ธรรมาภิบาล หน้าที่พลเมืองถามว่าที่ผ่านมามีการพูดถึงเรื่องเหล่านี้หรือไม่

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องถามว่าวันนี้บ้านเราจำเป็นต้องปฏิรูปแล้วหรือยัง ถ้าไม่อยากปฏิรูปและอยากเลือกตั้งก็ให้บอกมา ตนจะไปพักผ่อน รัฐธรรมนูญควรเป็นไปเพื่อการปฏิรูปจะได้ไม่มีเรื่องทุจริต มีการตรวจสอบชัดเจน เพราะที่ผ่านมาคลุมเครือว่าอาจจะถูกหรือผิดจึงต้องมีความชัดเจน วันนี้เราต้องทำเรื่องใหญ่ก่อนเพราะถ้าทำเรื่องใหญ่ด้วยเรื่องเล็กด้วย คนเป็นนายกฯปวดหัวตายพอดี

'วิษณุ'นำแจงทูต-สื่อนอก 

      เวลา 13.30 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย พร้อม พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค คณะทำงานนายกฯ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ และนายพิริยะ เข็มพล รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับประกาศ คสช. ฉบับที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ให้คณะทูตานุทูตประจำประเทศไทย สื่อต่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศรับฟัง 


เยือนไทย - นายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย เดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมา ประกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศต้อนรับ ที่บน.6 ดอนเมือง เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 

       พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ความขัดแย้งในสังคมเกิดจากการบิดเบือนข่าวสาร ใช้สื่อปลุกระดมให้เกลียดชังกัน ใช้อาวุธสงครามและหมิ่นสถาบัน จึงต้องมีเครื่องมือพิเศษให้เจ้าหน้าที่ใช้ควบคุมสถานการณ์ที่ผ่านมา คสช.ใช้กฎอัยการศึก ซึ่งใช้อย่างระมัดระวังและใช้เท่าที่จำเป็น 2-3 ข้อ จากทั้งหมด 15 ข้อ ร่วมกับการขอความร่วมมือตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล ทำให้สถานการณ์เรียบร้อยและพัฒนาในทิศทางที่ดี แตกต่างจากช่วงก่อนวันที่ 22 พ.ค.2557 อย่างมาก

      พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ปัจจุบันได้ยกเลิกกฎอัยการศึกแล้วและอาศัยมาตรา 44 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และปราบปรามการกระทำผิด ใน 4 เรื่อง คือ 1.ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.ความมั่นคงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113-118 3.ความผิดว่าด้วยอาวุธสงคราม และ 4.ความผิดต่อการฝ่าฝืนคำสั่ง ประกาศคสช. หากทั้ง 4 เรื่องไม่ได้รับการแก้ไข จะเป็นตัวบั่นทอนการพัฒนาประเทศและขัดขวางความปรอง ดองของคนในชาติ และจำเป็นต้องขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวสาร และงดการชุมนุมทางการเมืองด้วย 

      โฆษกคสช. กล่าวว่า ยืนยันว่าเป็นเพียงเครื่องมือเสริมพิเศษ ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเท่านั้น โดยคนทั่วไปจะไม่ได้รับผลกระทบและใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่จะมีผลกับคนที่ประสงค์ร้ายและจงใจก่อเหตุความไม่สงบเท่านั้น

ใช้เหตุผลใช้มาตรา44

      ด้านนายวิษณุระบุว่า มาตรา 44 ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่อยู่ในรัฐธรรมนูญตั้งแต่เดือนก.ค. 2557 และเคยใช้แล้วเพื่อยืดวาระผู้บริหารในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในอนาคตจะใช้อีกเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหากรมการบินพลเรือน ปัญหาการเกษตร หรือการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ เนื่องจากการใช้อำนาจปกติจะใช้เวลามากและไม่ทันการณ์

     นายวิษณุ กล่าวว่า มาตรา 44 เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ด้วยช่องทางปกติ ไม่ใช่อาวุธกำจัดฝ่ายใดแต่ควบคุมสถานการณ์ไม่ปกติ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังมีรายงานว่ามี 

      ผู้สร้างสถานการณ์ไม่ปกติ 5 กลุ่ม คือผู้สูญเสียอำนาจทางการเมืองในอดีต กลุ่มทุนทางเศรษฐกิจ หรือผู้มีอิทธิพลที่เสียประโยชน์จากการจัดระเบียบสังคม กลุ่มที่รู้ว่าจะเกิดการเลือกตั้ง และประกาศใช้รัฐธรรมนูญตามโรดแม็ป จึงต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความไม่เรียบร้อย และกลุ่มที่รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ได้รับความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ สังคม 

      นายวิษณุ กล่าวว่า เหตุผลที่เลือกใช้อำนาจตามมาตรา 44 เนื่องจากการประกาศใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จ รวมถึงกองทัพยังต้องการมีอำนาจพิเศษที่ชัดเจนกว่าในกฎอัยการศึกหรือ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน นอกจากนั้น คำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ยังเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาต่อรองไม่ต้องรับความผิดได้โดยการเข้ารับการอบรม เพื่อไม่ต้องถูกฟ้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีในกฎหมายอื่น 

ชี้ 7 ข้อต่างอัยการศึก

     รองนายกฯ กล่าวว่า ความแตกต่างในการใช้กฎอัยการศึกกับคำสั่งตามมาตรา 44 คือ 1.ประเทศไม่ได้อยู่ใต้กฎอัยการศึกอีกต่อไป จะเป็นผลดีในเรื่องการท่องเที่ยว และลดความรุนแรงในสายตาประชาคมโลก 2.เจ้าหน้าที่มีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดต่อฐานความผิด 4 กลุ่มเท่านั้น 3.เจ้าหน้าที่มีอำนาจเรียก จับกุม ค้น ยึด เข้าในเคหสถาน ห้ามการเผยแพร่ข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคง และกักตัว ผู้ต้องหาได้ 7 วันเท่านั้น 4.การชุมนุมทางการเมืองเป็นไปได้ หากขออนุญาตจากคสช.

        5.ความผิดของผู้ฝ่าฝืนประกาศ คสช. สามารถยกเลิกได้ด้วยการเข้ารับการอบรม 6.คำสั่งมีความรุนแรงน้อยกว่ากฎอัยการศึก และมีวิธีการไต่สวนที่นำมาจากกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญา และ 7.ผู้กระทำผิดตามฐานความผิด 4 ประเภท จะได้รับการไต่สวนโดยศาลทหาร ซึ่งอุทธรณ์หรือฎีกาได้ บางคดีอาจยกฟ้องได้ ทั้งนี้ คสช.จะไม่ออกคำสั่งเพิ่มแล้ว ยกเว้นจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อจับกุมผู้กระทำผิดประกาศ คสช.จึงเป็นความผิดตามฐานคำสั่งเดิม เช่นการห้ามการชุมนุม

      นายวิษณุ ระบุว่า อำนาจที่คล้ายคลึงกับมาตรา 44 เคยมีมาแล้วในรัฐธรรมนูญในอดีตในช่วง 5 รัฐบาล ซึ่งนำหลักการมาตรา 16 ของรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ปี 1958 ที่ให้อำนาจประธานาธิบดีฝรั่งเศส ออกคำสั่งหรือกระทำการใดๆ ที่จำเป็น เมื่อมีสถานการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ 

       ผู้สื่อข่าวจากเอเอฟพีถามว่ามาตรา 44 เอามาจากส่วนไหนของรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส นายวิษณุตอบว่า เอามาจากมาตรา 16 แต่มีการปรับเปลี่ยนเยอะมาก ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตเบลเยียม ถามว่าจะทราบได้อย่างไรใครเป็นเจ้าหน้าที่ นายวิษณุชี้แจงว่า ผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยและต่างชาติไม่มีอะไรต้องกลัว หากต้องการรู้ว่าใครเป็นเจ้าหน้าที่สามารถขอให้แสดงบัตรประจำตัวได้ โดยเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามคำสั่ง คสช.นี้ จะต้องได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้าคสช.เท่านั้น จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการแต่งตั้ง

      พล.ต.วีรชน กล่าวว่า ขอให้สถานทูตต่างๆ แจ้งประชาชนของตนด้วยว่า หากพบเจ้าหน้าที่ของไทยก็ขอให้รู้สึกปลอดภัย และไม่มีเรื่องต้องกังวล

ต่างชาติสนใจเข้าฟังล้นทะลัก 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เข้าร่วมฟังมี 49 คน จาก 24 สำนัก จนห้องประชุมไม่เพียงพอต้องเปิดรับรองสื่อที่ล้นทะลักไปยังห้องวิเทศสโมสร เพื่อรับชมถ่าย ทอดสดซึ่งเชื่อมสัญญาณมาจากห้องนราธิป อาทิ รอยเตอร์ วอยส์ออฟอเมริกา สถานีโทรทัศน์เอบีซี ซีเอ็นเอ็น ซินหัว แอลเอไทม์ ยูเอสเอทูเดย์ บีบีซี นิกเคอิ เอเชียนรีวิว เอเอฟพี สำนักข่าวเกียวโด อาซาฮี เอ็นเอชเค เป็นต้น

      ทั้งนี้ ตัวแทนประเทศที่เข้าร่วม 60 ประเทศ อาทิ สหรัฐ เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อินเดีย แคนาดา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมาร์ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย ออสเตรีย เดนมาร์ก โดยมีประเทศที่มีทูตเข้าร่วม 16 ประเทศ อาทิ บังกลาเทศ ภูฏาน บราซิล กัมพูชา ชิลี โคลัมเบีย ฟินแลนด์ โฮลี่ ซี ฮังการี มอลตา เม็กซิโก เนปาล โปรตุเกส โรมาเนีย โปแลนด์

       ส่วนองค์การระหว่างประเทศ 12 องค์กร ได้แก่ สหภาพยุโรป องค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือไอแอลโอ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือไอทียู องค์การอาหารและการ เกษตรแห่งสหประชาชาติ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ โครงการพัฒนาแห่งสห ประชาชาติ กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ องค์การอาหารโลก เศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก หรือเอสเคป

สนส.จี้เลิกคำสั่งคสช. 

        สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และยุติการใช้อำนาจโดยอาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 แทนการใช้กฎอัยการศึก ระบุขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานสำคัญของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยและขัดต่อหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน ด้วยเหตุผล

     1.การให้หัวหน้า คสช.มีอำนาจเหนือนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ เป็นการรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และการกำหนดให้การกระทำตามคำสั่งฉบับนี้ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง เป็นการใช้อำนาจโดยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของสถาบันตุลาการ ประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิไม่สามารถใช้สิทธิทางศาลตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งดังกล่าว

      2.คำสั่งเปิดให้ทหารกระทำการใดๆ ตามคำสั่ง เช่น ออกคำสั่งเรียก บุคคล จับกุม ค้น ห้ามการเสนอข่าว และให้ความผิดตามข้อกล่าวหา มาตรา 107 ถึง 112 และมาตรา 113 ถึง 118 ประมวลกฎหมายอาญา และความผิดตามประกาศและคำสั่งของคสช. อยู่ภายใต้เขตอำนาจของศาลทหาร ขัดต่อหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมโดยตุลาการที่เป็นอิสระ ซึ่งได้รับรองไว้ตามปฏิญญาสากลแห่งสห ประชาชาติ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองในหลายด้าน 

      สมาคม องค์กรและบุคคลดังมีรายชื่อท้ายแถลงการณ์ขอให้คสช. ยกเลิกคำสั่งฉบับที่ 3/2558 และยุติการใช้อำนาจโดยอาศัย มาตรา 44 

      ทั้งนี้มีสมาคม นักกฎหมาย นักวิชาการด้านกฎหมายและทนายความ ร่วมลงชื่อรวม 132 คน อาทิ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ นายสมชาย หอมลออ นายไพโรจน์ พลเพชร ว่าที่ ร.ต.ชวนันท์ กนกวิจิตรศิลป์ นายอานนท์ ศรีบุญโรจน์ นายเจษฎา ทองขาว นายณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ หลังออกแถลงการณ์ ได้มีตัวแทนไปยื่นที่ทำเนียบ 

ศาลทหารแจงขอบเขตอำนาจ 

      เวลา 09.30 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เชิญบุคลากรด้านคดีรัฐธรรมนูญ 50 คน เข้ารับฟังการบรรยายสรุป "ขอบเขตอำนาจศาลทหารและการพิจารณาคดีของศาลอาญากรุงเทพ" และเยี่ยมชมการพิจารณาคดีของศาลทหาร 

      พล.ต.พนมเทพ เวสารัชชนันท์ ตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกรุงเทพ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์เราถือว่าอยู่ในศาลปกติ หมายถึงเหตุการณ์ปกติที่ไม่ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ฉะนั้นเหตุการณ์ใดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2558 เป็นต้นไป คือวันที่มีการลงราชกิจจานุเบกษาตามคำสั่งของ คสช. ถือเป็นคดีปกติ อุทธรณ์หรือฎีกาได้ เว้นพื้นที่ตามแนวชายแดนที่ยังมีกฎอัยการศึกบังคับใช้ ทั้งนี้ การที่พลเรือนต้องขึ้นศาลทหารตามความผิดที่ คสช.กำหนดไว้ ทำให้ศาลทหารมีบทบาทมากขึ้น


แจง'ม.44' - นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พร้อมทีมงาน คสช. แถลงชี้แจงถึงการประกาศใช้มาตรา 44 ให้เอกอัครราชทูต ผู้แทนสถานทูตจาก 16 ประเทศ และผู้สื่อข่าวต่างประเทศรับฟัง พร้อมตอบข้อซักถาม ที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.

      น.ท.สุรชัย สรามเตะ ตุลาการพระธรรมนูญของศาลทหารกรุงเทพ กล่าวว่า ขอบเขตอำนาจหน้าที่และวิธีพิจารณาคดีของศาลทหารมีอยู่ใน พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2497 ให้ศาลทหารสังกัดกระทรวงกลาโหม มีรมว.กลาโหม เป็นผู้รับผิดชอบงานด้านธุรการของศาลเท่านั้น ส่วนการพิจารณาพิพากษาคดี การมีคำสั่ง การบังคับ การพิพากษาต่างๆ ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลทหาร

คดีช่วงอัยการศึกห้ามอุทธรณ์ 

       น.ท.สุรชัย กล่าวว่า สถิติคดี คสช.ของศาลทหารกรุงเทพตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.57-31 มี.ค.58 รวมมีคดีขอฝากขัง 148 คดี ผู้ทำความผิด 172 ราย ศาลรับฟ้อง 85 คดี พิจารณาเสร็จ 52 คดี และอยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 33 คดี นอกจากนี้อยู่ระหว่างฝากขัง 45 คดี ส่งสำนวนคืน 18 คดี ออกหมายจับ 80 ราย ออกหมายค้น 2 ราย

      หนึ่งในบุคลากรด้านคดีรัฐธรรมนูญ สอบถามถึงการพิจารณาคดีของศาลทหารในภาวะปกติกับไม่ปกติ แตกต่างกันอย่างไร พ.อ.ธำรงศักดิ์ วิวัฒนวานิช ตุลาการพระธรรมนูญ รองหัวหน้าศาลทหารกรุงเทพ ชี้แจงว่า คดีที่เกิดขึ้นในเวลาปกติคือไม่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก การพิจารณาคดีของศาลทหารชั้นต้นจะพิจารณาคดีตามปกติ มีข้อแตกต่างในเรื่องระยะเวลาการอุทธรณ์ ผู้มีสิทธิ์อุทธรณ์ แยกเป็น 2 กรณี 1.ผู้ความ หมายถึง โจทก์ จำเลย ถ้าจะอุทธรณ์มีระยะเวลาภายใน 15 วัน แต่ถ้าให้อำนาจผู้มีอำนาจสั่งลงโทษและผู้มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการมีสิทธิ์อุทธรณ์ด้วย มีเวลา 30 วัน 2.ถ้าเป็นคดีที่เกิดขึ้นระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก ตามมาตรา 61 พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ห้ามอุทธรณ์หรือฎีกา ขณะนี้ขอ แก้ไขพ.ร.บ. ธรรมนูญศาลทหาร เรื่องเวลาอุทธรณ์และฎีกา จากเดิม 15 วันเป็น 30 วัน รวมถึงในส่วนของทนาย ซึ่งผ่านสภาไปเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ประกาศใช้

       หนึ่งในบุคลากรฯ สอบถามถึงคดีที่เกิดขึ้นในช่วงประกาศกฎอัยการศึก แต่การพิจารณาคดียังไม่สิ้นสุด แต่ขณะนี้ยกเลิกกฎอัยการศึกไปแล้ว การพิจารณาคดีจะดำเนินการต่อไปอย่างไร พ.อ.ธำรงศักดิ์กล่าวว่า แม้จะประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกไปแล้ว แต่คดีใดที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีกฎอัยการศึกบังคับใช้ ถือเป็นคดีที่เกิดในเวลาไม่ปกติ ห้ามอุทธรณ์หรือฎีกา

บวรศักดิ์ แถลงแจง'จบสูงชั่ว'

      เวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า วันศุกร์ที่ 3 เม.ย. กมธ.ยกร่างฯ จัดโครงการเวทีสัมมนาการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ มีประเด็นเกี่ยวกับตนและเป็นที่วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กหรือสังคมสื่อออนไลน์ 

       สื่อออนไลน์พาดหัวข่าวว่า "บวรศักดิ์รับฟัง บิ๊กตู่ติงรธน. ชงส.ส.ไม่จบป.ตรี ชี้เรียนสูงชั่วมาก" นั้น เป็นการเขียนและนำเสนอข่าวที่ผิดพลาด บิดเบือนข้อมูลความเป็นจริง       

       นายบวรศักดิ์กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เข้าใจผิด จึงให้เจ้าหน้าที่ถอดเทปเสียงข้อความมีเนื้อหาดังนี้ "ปี"40 กมธ.ยกร่างฯเห็นว่าส.ส.ไม่ควรจบปริญญาตรี เพราะถ้าส.ส.ต้องจบปริญญาตรี อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นไม่ได้ส.ส.ในประเทศไทย ทั้งที่คิดสูตรปรมาณู วินสตัน เชอร์ชิล นายกฯ อังกฤษไม่จบปริญญาตรี แต่พอไปฟังเสียงประชาชนทั้งประเทศ 75 เปอร์เซ็นต์ บอกว่าต้องจบปริญญาตรีเราก็ต้องยอม ร่างฯนี้ไม่ได้เขียนให้ส.ส.จบปริญญาตรี เพราะตรี โท หรือไม่ตรี ไม่โท ไม่สำคัญ ความดีต่างหากที่สำคัญ คนยิ่งจบสูงและถ้ามันจะเป็นคนเลว มันยิ่งชั่วมาก ฉะนั้นอย่าไปหลงอีกว่าต้องจบปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ไม่จำเป็น แต่ถ้าอยากให้จบปริญญาเอกก็บอกมา ถ้าประชาชนบอกว่าส.ส.ต้องจบปริญญาตรีมากๆ 80 เปอร์เซ็นต์ เราก็ต้องเขียน เขียนเสร็จฝรั่งก็จะต้องลงมือด่ารัฐธรรม นูญฉบับนี้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับพิสดารตัดสิทธิประชาชน"

วอนช่วยแก้ข่าว 

        นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า หากผู้สื่อข่าวฟังสิ่งที่พูดด้วยความเป็นธรรมจะเข้าใจ มีการเอาประโยคดังกล่าวไปลงตามสื่อต่างๆ จนเกิดผลกระทบรุนแรง นักการเมืองเอาไปขยายต่อ จึงขอความกรุณาสื่อฉบับต่างๆ ที่เอาไปพาดหัว กรุณาพาดหัวให้ตัวเท่ากัน ขอความเป็นธรรมด้วย วันนี้ผู้สื่อข่าวต้องการความรวดเร็วของข่าวจนบางครั้งก็ไปก๊อบปี้กัน ไม่เป็นไรให้อภัยได้ อาจเป็นเวรกรรมในชาติปางก่อนของตนทำให้ถูกเล่นงานทางสื่อแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ขอได้โปรดช่วยแก้ข่าวให้ด้วย เสียหายไปแล้วไม่เป็นไร 

     เมื่อถามว่าจะดำเนินการผ่านสมาคมวิชาชีพหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า อยากฝากองค์การวิชาชีพสื่อให้ดูแลกันเองด้วย ตนไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้ายที่ได้รับความเสียหายจากสื่อ ที่ผ่านมาระวังเรื่องคำพูดอยู่แล้ว ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อรายวัน อย่างกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดถ้าอ้างอิงให้หมดนักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับตนก็เอาไปขยายต่อไม่ได้ แต่วันนี้เอาไปขยายต่อกันอย่างมหาศาล 

       "ผมขออภัยผู้ที่เรียนจบสูงด้วย ผมไม่ได้ว่าแต่เขาเอาไปว่าแทนผมแล้ว ขออภัยแทนด้วย เขาน่าจะคิดได้ว่าผมจบปริญญาเอกหากออกมาด่าตัวเองเฉยๆ โดยไม่มีอะไรทำคงกินยาผิด ผมเรียกร้องอย่างไม่มีเงื่อนไข ผิดครั้งแรกถือว่าเป็นครู ผิดครั้งที่สองต้องคิดกัน แต่ถ้าครั้งที่สามก็ไม่แน่เพราะแสดงให้เห็นเจตนา สื่ออื่นๆ ผมไม่ติดใจ แต่บางฉบับอย่าให้ผิดซ้ำเป็นครั้งที่สาม" นายบวรศักดิ์กล่าว

ลั่นไม่กลัวประชามติ 

     เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ร่างรัฐธรรมนูญร่างสุดท้ายกำลังถูกโจมตี นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ให้ไปถามชาวบ้านที่รู้แล้วว่าเนื้อหาเป็นอย่างไรเขาจะตอบอีกแบบ แต่ถ้าไปถามนักการเมือง หลายคนพูดส่วนตัวกับตนว่าเห็นด้วย เพราะพรรคเขาได้ประโยชน์ แต่นักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่ก็เข้าใจ ตนมารับตำแหน่งนี้ รู้ว่าไม่มีทางได้ดอกไม้ ส่วนใหญ่จะได้ก้อนหิน ที่พูดแบบนี้ไม่ได้น้อยใจแต่เป็นสัจธรรม มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ จะไปเดือดเนื้อร้อนใจทำไม แต่เมื่อมีการบิดเบือนแบบนี้ต้องขอความเป็นธรรม ตนไม่กังวลต่อกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ ขอแค่ได้อธิบายร่างรัฐธรรมนูญนี้ให้ประชาชนเข้าใจก่อน จึงไม่เคยกลัวประชามติ 

นายกฯถกแม่น้ำ 5 สายครั้ง 4

      เวลา 15.30 น. ที่สโมสรทหารบก วิภาวดีฯ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานประชุมแม่น้ำ 5 สายครั้งที่ 4 ประกอบด้วย ครม. คสช. สนช. สปช. และกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 

      โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นายวิษณุ เครืองาม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.

       นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานสปช.คนที่ 2 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ พร้อมรองประธานกมธ.ยกร่างฯ และประธานกมธ.ปฏิรูปสปช.ทั้ง 18 คณะเข้าร่วมประชุมด้วย

มาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังกับตำรวจ และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด(EOD) ยืนประจำจุดเข้า-ออกพร้อมทั้งกระจายกำลังโดยรอบพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัยด้วย 

เชิญเยอรมัน-ฝรั่งเศสแจงรธน.

     เวลา 17.25 น. หลังประชุมนาน 1 ชั่วโมง 20 นาที น้อยที่สุดตั้งแต่เคยประชุมมา พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมตัวแทนทั้ง 5 องค์กร ร่วมกันแถลงข่าว 

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันเบาๆ เพราะเรามีปัญหาเยอะอยู่แล้ว วันนี้ทุกคนทำงานกันเต็มที่ไม่ว่า สนช. สปช. รายงานความก้าวหน้ามาเป็นลำดับ รวมทั้งการทำงานของ ครม. คสช.มีเอกสารชัดเจนว่าเราทำอะไรถึงไหนอย่างไรบ้าง ตนได้ให้นโยบายใหม่ว่า เรากำลังเข้าสู่การมีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งตามโรดแม็ป ฉะนั้นต้องให้ความสำคัญในการสร้างความเข้าใจ ที่ผ่านมาประธานของแต่ละคณะได้ทำอยู่แล้ว แต่ความขัดแย้งมันมีมากจนบางครั้งมันไม่เข้าใจกัน 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กลางเดือนเม.ย. วันที่ 20-22 เม.ย.จะหาบุคคลภายนอกมาอธิบายให้ฟังว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญในประเทศของเขาเป็นอย่างไร ซึ่งเขามีประสบการณ์ เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ที่มีปัญหาคล้ายเราในอดีต วันนี้เขามีรัฐธรรมนูญ เขาแก้ปัญหาอย่างไรและมีรัฐประหารเหมือนกับเรา จะถามและให้เขาอธิบาย มาสร้างความเข้าใจในประเทศของเราว่าวันนี้สิ่งที่พวกเราเห็นตรงกันคือจะต้องปฏิรูปบ้านเมืองให้ได้ สิ่งที่ต้องทำวันนี้เนื่องจากเรามีปัญหาจำนวนมาก คิดเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งวันนี้รัฐบาลและคสช.ทำมาได้ไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปัญหามันเยอะมากจึงต้องสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนให้ได้ เพื่อเดินหน้าประเทศกันต่อไป

คุยส่วนตัวอีก 30 นาที 

       นายกฯ กล่าวว่า เราเห็นร่วมกันเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาถ้าประชาชนไม่ยอมรับ มันก็ไปไม่ได้ จึงต้องศึกษาและดูจากภายนอกประเทศบ้าง จากนั้นจะไปสู่การวิจัย ซึ่งตนมีขั้นตอนอยู่แล้ว และวันนี้ได้ประชุมร่วมกัน ขอให้รอฟัง อย่าเอาเรื่องพวกนี้ไปเป็นประเด็นความขัดแย้ง อย่างไรก็ต้องเลือกตั้งอยู่แล้ว หนีเลือกตั้งไม่พ้นเพราะมีโรดแม็ปอยู่ แต่ถ้ามีปัญหามากก็เลือกไม่ได้ ทำไม่ได้ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน 

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ปัญหาเยอะเกินไปแล้วและเพิ่มความขัดแย้งที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ยอมรับว่ามันหนัก ต่างประเทศมีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ รอฟังข่าวดีในวันที่ 8 เม.ย.ว่ารัสเซียจะมีความร่วมมืออะไรกับไทย เพราะนายกฯรัสเซียจะมาเยือนอย่างเป็นทางการ เราเปิดประเทศ คบกับทุกประเทศไม่ได้เลือกข้างใดข้างหนึ่ง เราเป็นประเทศที่เป็นกลาง

       พูดถึงตรงนี้ นายกฯ ขอร้องสื่อมวลชนว่า"ขอพูดแค่นี้อย่าถามอะไรอีกเลย ขอเถอะเหนื่อยแล้ว" จากนั้นกล่าวขอบคุณ ก่อนที่ นายกฯ และตัวแทนแม่น้ำ 5 สาย จะเข้าไปพูดคุยส่วนตัวในห้องรับรองสโมสรกองทัพบก เป็นเวลา 30 นาที

จ่อถ่ายทอดสดคำชี้แจง 2 ชาติ 

      แหล่งข่าวจากที่ประชุมแม่น้ำ 5 สาย เผยว่า การประชุมชื่นมื่นโดยครม.เป็นเจ้าภาพ การเปิดประชุมเริ่มขึ้นด้วยให้คสช.รายงานผลงานในช่วงที่ผ่านมาด้วยการฉายวีดิทัศน์ 10 นาที ภาพรวมเกี่ยวกับความมั่นคง ยกเลิกกฎอัยการศึก การจัดระเบียบสังคม การแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

        จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อที่ประชุมเพียงคนเดียวโดยใช้เวลา 45 นาทีว่า ที่ผ่านมาบ้านเมืองสงบสุขได้ทุกวันนี้ เพราะรัฐบาลบังคับใช้อำนาจ หากปล่อยให้คนไทยทำอะไรโดยอิสระก็จะวุ่นวาย วันนี้เรื่องสำคัญคือรัฐธรรม นูญและการเลือกตั้ง ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาระบบการเมืองทำให้ข้าราชการอ่อนแอ ส่วนใหญ่ยังเกียร์ว่างกันอยู่ ทำให้การบริหารประเทศลำบาก เราเข้ามาก็ต้องแก้ปัญหาเก่าๆ ของรัฐบาลชุดเก่าๆ ที่ทำกันมา ต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่ที่ต้องไม่เหมือนรัฐธรรมนูญเดิม 

        นายกฯ ระบุจะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐธรรมนูญทั้งของฝรั่งเศสและเยอรมัน มาพูดเรื่องรัฐธรรมนูญให้ฟังและถ่ายทอดให้คนไทยได้รับรู้ว่ากว่าเขาจะฟันฝ่าความขัดแย้ง การรัฐประหารมาถึงทุกวันนี้ ประเทศเหล่านี้ทำกันอย่างไร และถ้าเราร่างรัฐธรรมนูญกันแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นแบบฝรั่งเศสหรือเยอรมัน จะมาแก้ปัญหาในประเทศไทยอย่างไร ซึ่งต้องนำมาอธิบายให้คนไทยทั้งประเทศได้รับฟังด้วย

นายกฯ ย้ำชี้แจงปชช.เข้าใจรธน.

       "วันนี้ผมเหนื่อยต้องแก้ปัญหาบ้านเมืองหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญไม่แน่ใจว่าร่างที่ผ่านยกแรกไปแล้วในการอภิปรายของสปช. วันที่ 20-26 เม.ย. จะมีปัญหาอะไรบ้าง จากนี้ไปไม่ว่า 30 วัน 60 วัน 90 วัน จะมีการออกมาต่อต้านหรือไม่ หรือจะมีเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่" นายกฯ กล่าว

      นายกฯ ยังกำชับให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายดูรายละเอียดและอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ เพราะขณะนี้กระแสต่อต้านทั้งภายในและนอกประเทศยังมีอยู่ จึงขอให้ทุกคนเร่งทำความเข้าโดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ วันนี้ตนเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองที่ตนเข้ามารัฐประหาร ตัวก็เสี่ยงมาก ถ้าแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลยและเป็นแบบเก่าอีกจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี รัฐธรรมนูญออกมาแล้วและมีการเลือกตั้ง ตนก็อยากให้แก้ไขปัญหาเดิมๆ ได้ ไม่ใช่เลือกตั้งแล้วยังมีปัญหาแบบเก่าอีก ดังนั้นพวกเราจึงต้องมาช่วยกันผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมนายกฯไม่ได้กำชับหรือห่วงการทำหน้าที่ของ สปช. ในการประชุมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกวันที่ 20 -26 เม.ย. และไม่ได้พูดถึงกรณีโหรวารินทร์ ทำนายว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในตำแหน่งเกิน 3 ปี ซึ่งเกินโรดแม็ป

บิ๊กตู่กังวลรธน.ไม่เป็นที่ยอมรับ 

       นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 กล่าวว่า นายกฯฝากให้แม่น้ำแต่ละสายช่วยกันดูแล โดยเฉพาะการจัดทำรัฐธรรมนูญซึ่งวันที่ 17 เม.ย.นี้ ร่างที่ 1 จะออกมา นายกฯกังวลในเรื่องสาระสำคัญที่จะปรากฏในร่างรัฐธรรมนูญ ขอให้ทุกคนดูสาระสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายปฏิรูปและเรื่องโรดแม็ป เมื่อถามว่าหารือกันหรือไม่ว่าหากร่างที่ออกมาไม่ผ่าน นายสุรชัยกล่าวว่า นายกฯฝากเป็นประเด็นให้ทุกคนช่วยกันไปคิด เพราะเดือนพ.ค. ต้องประชุมครั้งที่ 5 

      เมื่อถามว่า หารือถึงการทำประชามติหรือไม่ นายสุรชัยกล่าวว่า ยังไม่ไปถึงตรงนั้น เพราะวันที่ 17 เม.ย. เมื่อร่างที่ 1 ออกมาแล้ว ยังมีเวลาอีก 30 วันให้ทำความเห็นและบวกอีก 60 วัน เมื่อได้รับความเห็นแล้วต้องให้กมธ.ยกร่างฯนำความเห็นนั้น ไปพิจารณาเพื่อทบทวนร่างอีก ดังนั้น จะมีช่วงเวลาอีก 90 วัน นายกฯฝากว่าช่วง 90 วันนี้ให้ทุกฝ่ายช่วยกันไปดู

      ด้านนายวิษณุให้สัมภาษณ์กรณีนายกฯ เป็นห่วงร่างรัฐธรรมนูญอาจไม่เป็นที่ยอมรับว่า นายกฯ ไม่ถึงขั้นกังวล เพียงแต่ปรารภในที่ประชุม ครม.ว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ออกมา หลักสำคัญต้องเป็นที่ยอมรับของสังคมและประชาชน ต้องคำนึงถึงโลกาภิวัตน์ ได้รับการยอมรับในสายตาของคนต่างประเทศด้วย 

       นายกฯไม่ได้ถึงขั้นกังวลกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทั้งนี้ ต้องให้ผสมผสานกัน บางทีเป็นที่ยอมรับในสายตานานาประเทศแต่แก้ปัญหาในประเทศไทยไม่ได้ มันก็ไปลำบาก เป็นสิ่งที่นายกฯ ปรารภ ซึ่งจะหารือกับกมธ.ยกร่างฯว่าจะทำอย่างไร ขณะนี้ยังคิดไม่ออก 

ให้ต่างชาติเล่าสู่กันฟัง 

     เมื่อถามถึงบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาให้ความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่ให้คนนอกเข้ามาให้ความเห็น นายกฯหมายถึงนานาประเทศมีประสบการณ์น่าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง นายกฯบอกน่าจะทำมาก่อนหน้านี้แล้วแต่ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะเกิดปัญหายุ่งยาก เมื่อมาถึงระยะนี้เริ่มเห็นเค้าลางแล้วว่าต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ของต่างประเทศ กระทั่งมีการเลือกตั้งและนำไปสู่ความสงบเรียบร้อย ไม่ใช่เรียนรู้วิธีเลือกตั้งจากเยอรมัน ฝรั่งเศส หรือญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว เป็นการเรียนรู้ว่าเขาเกิดปัญหาและแก้ปัญหาอย่างไร ไม่ใช่การนำรัฐธรรมนูญไทยไปตีแผ่ให้เขาวิจารณ์ เราไม่ทำอย่างนั้นแน่ 

ม. 44 ไม่เป็นพิษเป็นภัย 

      นายวิษณุ กล่าวว่า มาตรา 44 ไม่เป็นพิษเป็นภัย เป็นเรื่องการแก้ปัญหาในทางบริหารน่าจะยอมได้ แต่บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องใช้ นายกฯ สามารถใช้พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการได้ตามปกติ 

        "วันนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาพูดถึงมาตรา 44 อีกต่อไป เพราะเป็นเพียงแหล่งที่มาของอำนาจ แตกแขนงออกไปเป็นคำสั่งที่ 3 แล้วยังขยับอะไรไม่ได้เพราะต้องตั้งเจ้าหน้าที่ ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นคำสั่งที่ 3 ใช้กับความผิด 4 ประเภทเท่านั้น แม้แต่เรื่องยาเสพติด โจรปล้น ค้ามนุษย์ ฆาตกรรม ข่มขืน และหมิ่นประมาทก็ไม่เกี่ยว นอกจากนี้ก็ไม่ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่แบบครอบจักรวาล เจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเท่านั้นถึงจะมีอำนาจ และไม่ได้ใช้ทุกอาณาบริเวณหรือทั่วประเทศเหมือนกฎอัยการศึก" นายวิษณุกล่าว

เล็งเพิกถอนสิทธิ์ที่ดินโบนันซ่า

      วันที่ 7 เม.ย. นายมลศักดิ์ จงรักษ์ หัวหน้าสำนักงานที่ดิน จ.นครราชสีมา เผยว่า จากกรณีส่งเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดฯ ลงสำรวจโดยละเอียดบริเวณสนามแข่งรถ โบนันซ่า เขาใหญ่ พบเบื้องต้นมี น.ส.3 ก. 5 แปลง ออกโดยการเดินสำรวจเมื่อปี 2519 โดยตรวจสอบจากระวางรูปถ่ายทางอากาศและแผนที่ภูมิประเทศ ที่ดินทั้ง 5 แปลงอยู่ในเขตป่าสงวนฯ ป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน 

      นายมลศักดิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนนี้ตนสั่งการให้กลุ่มงานวิชาการสรุปข้อเท็จจริงว่าแต่ละแปลงออกมาจากหลักฐานอะไร ได้มาก่อนประกาศเป็นเขตป่าสงวนหรือไม่ ถ้าได้ที่ดินมาหลังประกาศเขตป่าก็อยู่ในข่ายต้องเพิกถอนแก้ไข 5 แปลงในเบื้องต้น และก่อนเป็น น.ส.3 ต้องดูว่าเจ้าของที่ดินมีหลักฐานอะไรมาประกอบการนำเดินสำรวจ เช่น มีหลักฐาน ส.ค.1 หรือไม่ ถ้ามีก็ต้องพิสูจน์ว่า ส.ค.1 ถูกหรือไม่ถูกต้อง ถ้าไม่ถูกต้องแสดงว่าทุกแปลงที่เขายื่นอยู่ในเขตป่าสงวนฯ จะส่งเรื่องให้กับนายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.นครราชสีมา รับทราบต่อไป 

      นายมลศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการเพิกถอนแก้ไขต้องดูรายละเอียดให้ชัดเจน ระยะเวลาการตรวจคงต้องให้ทางสาขาปากช่อง คิดว่าน่าจะภายในเดือนเม.ย.นี้ กระบวนการนี้จะเสร็จสิ้น เพราะเอกสารมีพอสมควร หากตรวจสอบพบว่ามีการออกเอกสารโดยมิชอบก็ต้องหาผู้รับผิดชอบ โดยทั้ง 5 แปลงเอกสารสิทธิที่มี น.ส.3 ก. ประมาณกว่า 50 ไร่ ส่วนพื้นที่รอบๆ ไม่ได้ตรวจ เพราะอยู่ในการครอบครองดูแลของกรมป่าไม้ ทางที่ดินจะตรวจและดูเฉพาะที่มีเอกสารสิทธิอย่างเดียว แต่ถ้ามีที่อื่นยื่นให้ทางที่ดินอีกก็พร้อมไปตรวจสอบและพร้อมให้ความร่วมมือโดยไม่ได้นิ่งนอนใจ และทุกวันนี้ก็ให้ข้อมูลทั้งระวางแผนที่และรูปแปลงที่ดิน

จ่อเด้งผู้ว่า"งบน้ำท่วม-ยาฆ่าแมลง"

      วันที่ 7 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เตรียมนำรายชื่อข้าราชการระดับต่างๆ ประมาณ 100 รายชื่อ ที่พัวพันการทุจริตคอร์รัปชั่นว่า กำลังไล่อยู่ จับกลุ่มดูอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ถ้าส่งมาก็จะให้แต่ละกระทรวงไปดูว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร บางทีต้องให้เขาตรวจสอบ ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ถ้าไม่ทำผิดก็ไม่ต้องกลัว ก็อาจจะไม่เข้าใจกันบ้าง หรือผิดจริงก็ไม่รู้ ถ้าไม่ผิดแล้วมีชื่อมาก็ต้องชี้แจงให้ได้

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีขึ้นบัญชีดำ 100 ข้าราชการที่พัวพันการทุจริต ซึ่งมีกระแสข่าวว่าบุคคลกลุ่มดังกล่าวกระทำความผิดในตำแหน่งผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ ขณะนั้น และปัจจุบันบางคนยังคงดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ขณะที่บางคนเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าฯ บางคนอยู่ในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และบางคนเกษียณอายุราชการไปแล้วนั้น ซึ่งเรื่องทั้งหมดถูกร้องเรียนไปยังป.ป.ช. และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สตง.) โดยดำเนินการฟ้องร้องเอาผิด สาเหตุมีทั้งการทุจริตงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น กรณีภัยพิบัติน้ำท่วมเมื่อปี"54 ที่เหตุทุจริตเกิดขึ้นระหว่างน้ำท่วม และหลังน้ำท่วมในช่วงการฟื้นฟู รวมถึงกรณีภัยพิบัติฉุกเฉินเพลี้ยกระโดด ที่ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

 

ดึง'ฝรั่งเศส-เยอรมนี'ติว หวั่นรธน.ยี้ บิ๊กตู่ห่วงโลกไม่ยอมรับ เบรก'โหรวารินทร์'จ้อ! ยึดโรดแมป-ปัดอยู่ 3 ปี วิษณุแจง 66 ทูตปมม.44 ปื๊ดถอดเทปโต้เรียนสูงชั่ว อัดสื่อลงข้อความไม่ครบ

ถก'5 สาย' - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เดินทางกลับหลังเป็นประธานการประชุมร่วมแม่น้ำ 5 สาย คือ คสช.-ครม.-สนช.-สปช.-กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปผู้ที่มาส่ง ที่สโมสรทหารบก เมื่อวันที่ 7 เมษายน

 


แจงทูต - นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ชี้แจงกรณีหัวหน้า คสช.ออกคำสั่งมาตรา 44 แทนกฎอัยการศึก ให้กับคณะทูตานุทูตต่างชาติ ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และสื่อมวลชนต่างชาติ ที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 7 เมษายน



ขอโทษ - นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ยกมือไหว้ขอโทษผู้มีการศึกษาสูง พร้อมตำหนิสื่อเขียนข่าวไม่ครบถ้วนว่าตัวเองพูด 'เรียนสูงชั่วมาก'พร้อมถอดเทปคำพูดดังกล่าวระบุว่า 'คนยิ่งจบสูง ถ้ามันจะเป็นคนเลว มันยิ่งชั่วมาก'ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 7 เมษายน

    หวั่นต่างชาติไม่ยอมรับ รธน.ฉบับใหม่ 'บิ๊กตู่'เล็งดึง'เยอรมนี ฝรั่งเศส'ติว ชี้หากไม่ผ่านให้ยกร่างใหม่ ลั่น'สำเร็จ-ล้มเหลว'พร้อมรับผิดชอบ เพราะกุมอำนาจเอง ถกแม่น้ำ 5 สายขอให้ช่วยฝ่าวิกฤตประเทศ

 

@ บิ๊กตู่หวั่นตปท.มองรธน.ไม่สากล

 

    เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองใด ไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็กพรรคน้อย ประเด็นสำคัญของรัฐธรรมนูญคือต้องสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้กับคนทั้งในและนอกประเทศ ว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้จะมีความแตกต่างจากฉบับที่ผ่านมาอย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร และประเทศไทยต้องการการปฏิรูปหรือไม่ ที่ต้องปฏิรูปเพราะอะไร เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้น หากเกิดขึ้นกับต่างประเทศแล้วเขาจะรู้สึกอย่างไร ทั้งนี้ การที่เราจะกำหนดกติกากันเองนั้นสามารถทำได้ 

 

   "แต่ถามว่า เมื่อรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนในประเทศไม่รับ ขณะเดียวกันคนนอกประเทศก็บอกว่าไม่เป็นสากล แล้วจะทำอย่างไร ซึ่งผมกำลังหาทางออก เรื่องนี้ต้องเห็นใจคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญด้วย เพราะพยายามสร้างสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในวันข้างหน้า แต่ต้องดูว่าเมื่อร่างรัฐธรรมนูญออกมาแล้วต่างชาติจะรับได้หรือไม่ ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีจะนำข้อพิจารณาต่างๆ มาดูในรายละเอียด และให้ต่างชาติได้พิจารณาด้วย โดยจะถามว่าบ้านเมืองที่มีการปฏิรูป มีการใช้รัฐธรรมนูญรูปแบบใด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

 

@ ลั่นรธน.ไม่ผ่านให้ยกร่างใหม่

 

      ผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสที่จะพิจารณาการทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่รู้ เพราะยังไม่ถึงตรงนั้น ยังไม่ถึงเวลา เมื่อถามว่าหากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านการทำประชามติ จะหยิบยกรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือฉบับปี 2550 มาใช้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มี ถ้าอย่างนั้นต้องทำใหม่ ถามว่ารัฐธรรมนูญเก่ามีปัญหาหรือไม่ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ได้นำมาเขียนใหม่ทุกมาตรา แต่เอามาจากรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 มาพิจารณาควบคู่กันไป อันไหนใส่ได้ก็ใส่ ไม่ได้เขียนใหม่ เขียนจาก ก. เป็น ค. เป็น ฮ. ไม่ใช่เลย แต่เอามาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 เป็นหลัก

 

      ผู้สื่อข่าวถามว่า ห้วงเวลาที่ร่างรัฐธรรมนูญใกล้เสร็จ รัฐบาลจะสร้างความเข้าใจกับประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้มีการพูดกันอยู่ แต่บางทีคนไม่เข้าใจ คนที่มองในแง่เดียวว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง ให้เสรีภาพประชาชนอย่างเต็มอำนาจ ทุกรูปแบบ แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องหน้าที่ของประชาชนว่าอยู่ตรงไหน อยากให้มีคนเข้ามาถามตนว่าหน้าที่ของประชาชนควรจะอยู่ตรงไหนดี ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ของเด็ก ผู้ใหญ่ นักเรียน โดยจะร่วมมือกับรัฐอย่างไร หากรัฐบาลที่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยสุจริต มีคุณภาพ มีธรรมาภิบาล คุณธรรม จริยธรรม

 

      "อยากให้มีคนถามว่าประชาชนจะร่วมมือได้อย่างไร แต่ก็ไม่มีใครถาม มีแต่คนถามว่าเมื่อไหร่จะเลือกตั้ง เลือกตั้งทางอ้อม ทางตรง วันนี้ต้องใช้อำนาจแก้ไขปัญหา การใช้งบประมาณ ถามแต่เรื่องที่ไม่ก้าวหน้า เป็นเรื่องการแก้ปัญหาเหมือนเดิม วันหน้าต้องแก้ใหม่อีก แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ใช่ ถ้าเป็นของต่างประเทศที่ผมดู เช่น ฝรั่งเศส ส่วนประเทศอังกฤษเป็นจารีต ประเทศเหล่านี้ประชาชนของเขามีความพร้อม ไม่ได้มีปัญหาอย่างพวกเราที่มีความเห็นต่างขัดแย้ง เมื่อการเมืองเข้ามาก็แบ่งเป็นกลุ่มๆ ผลประโยชน์ทับซ้อน การเมืองประเทศไทยแม้แต่คนไทยก็ยังไม่รู้ โดยคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ที่มีการวิเคราะห์แล้ว ที่เด็กรุ่นใหม่บอกว่าโกงหน่อยก็ได้ แต่แบ่งกันยังดีกว่า จะคิดแบบนี้ไม่ได้ รัฐบาลต้องเดินหน้าประเทศ ประชาชนต้องสนับสนุน ขณะเดียวกันรัฐบาลไม่ได้มีเงินมากพอที่จะมาสนับสนุน แต่ทุกเรื่องต้องแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

@ ยัน'สำเร็จ-ล้มเหลว'พร้อมรับเอง

 

       ผู้สื่อข่าวถามว่า "จะใช้กลไกท้องถิ่นมาช่วยสร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างไรในห้วงเวลาที่รัฐธรรมนูญใกล้เสร็จ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนนี้เปิดเวที แต่เปิดทุกที่ก็มีขัดแย้งกัน เพราะเขายังไม่ยอมรับกติกาว่าบ้านเราเกิดอะไรขึ้น คนต่างจังหวัดอาจจะไม่เห็นว่าที่กรุงเทพฯเกิดอะไรขึ้น หรือแม้กระทั่งสหรัฐอาจจะเห็นหรือไม่ ไม่ทราบ แต่เขาคิดแต่ว่าจะให้เราเลือกตั้ง เพราะเขาลืมมาตรฐานของคนแต่ละประเทศซึ่งไม่เหมือนกัน ความเป็นอยู่ รายได้ คุณภาพชีวิต การศึกษาไม่เหมือนกัน ดังนั้นความคิดจึงแตกต่าง เมื่อทุกคนเดือดร้อนหมดต้องหารัฐบาลที่จะมาดูแล ตอนนี้รัฐบาลดูทุกเรื่อง ทั้งข้าว มันสำปะหลัง สับปะรด ปาล์มน้ำมัน ปรับโครงสร้างทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลก่อนๆ ไม่ค่อยคิดกัน จึงแก้ปัญหาวกไปวนมา"

 

      เมื่อถามว่า เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องรัฐธรรมนูญ ต้องเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศมาให้ข้อมูลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีการประชุมตั้งหลายครั้งแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศด้วย "หากทำแบบเราคิดแบบเราแล้วเขาไม่ยอมรับแล้วจะทำอย่างไร ในประเทศไม่ได้ห่วงเท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวคุยกันรู้เรื่อง แต่ต่างประเทศรับได้หรือไม่ เพราะถ้ารับไม่ได้เขาก็จะบอกว่าประเทศเราไม่มีประชาธิปไตย เหมือนอย่างกับที่เรานำมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาใช้เพื่อประโยชน์ เขายังหาว่าเราไปบังคับขู่เข็ญ

 

       ถ้าไม่มีแล้วจะยังไง มันก็ไม่ยอมกันสักอย่าง ทุกอย่างอย่าคิดว่ามันสงบ ยังมีเคลื่อนไหวอยู่ทั้งคู่ สองสามฝ่าย ผมไม่ได้โทษว่าใครดีไม่ดี แต่เขามองในแง่ของการเมือง ส่วนผมไม่มีการเมือง จึงรู้ว่าปัญหามีอะไรบ้าง แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร เพราะท้ายที่สุดผมก็รับผิดชอบ เพราะอำนาจอยู่ที่ผม จะสำเร็จหรือล้มเหลวผมก็รับผิดชอบอีกอยู่ดี ดังนั้นจะไม่ตามใจใครสักคน มันชีวิตผม เข้าใจหรือยัง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

@ ชี้กลุ่มเคลื่อนไหวอยากให้เลือกตั้ง

 

      ผู้สื่อข่าวถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองสองสามกลุ่มนั้นเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ดูอยู่ ทั้งหมดเคยมาคุยกันแล้ว นักการเมืองก็เคยมาคุยกันเมื่อตอนที่มี คสช.แรกๆ พอหลังๆ เมื่อเขาพูดจาอะไรที่ไม่ค่อยเข้าท่า เชิญมาคุยอีก เขาก็รับปากทุกที แต่พอรับปากเสร็จเขาก็ออกไปพูดข้างนอก แล้วจะให้ตนทำอย่างไร ปล่อยให้พูดไปเรื่อยๆ ได้หรือไม่ หรือจะใช้อำนาจอันนี้ตนไม่รู้ ยังไม่ได้ใช้ รอให้พูดไปเรื่อยๆ ก่อนก็แล้วกัน

 

      เมื่อถามว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวต้องการอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องการเลือกตั้งโดยใช้กติกาเดิม รัฐธรรมนูญเดิม อย่างที่บอกรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 มีข้อดีและปัญหา ดังนั้นต้องเลือกมา "ท่านเคยดูหรือยัง 300 กว่ามาตรา ถ้ายังไม่อ่านทั้งฉบับก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมอ่านทุกอันทุกฉบับ และฉบับที่ร่างใหม่อยู่นี้เอาจาก 2540 และ 2550 มา แล้วก็ยกออกมาต่างหาก เช่น การเมือง การใช้อำนาจ เพื่อลดปัญหา ที่ไม่ได้ข้อยุติคือประเด็นนายกฯจากคนนอก เพราะเขาเห็นว่า ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ประเทศเดินไม่ได้ เพราะรัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม รัฐบาลรักษาการใช้งบประมาณไม่ได้ เมื่อมันติดแล้วจะทำอย่างไร จำเป็นต้องมีคนหรือนายกฯคนนอก หรือมีองค์กรเข้ามาตรงนี้ ใครสามารถดำเนินการไปได้ แล้วค่อยมาเลือกตั้งกัน คือตอนนี้รักษาสภาพไปเพื่อให้ไม่ติด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

@ เผยถ้าอยากเลือกตั้งให้บอก

 

      "ก่อนหน้านี้ ติดปัญหามา 6 เดือนแล้วผมต้องมารีบทำ งบประมาณปี 2557 และ 2558 ถ้าไม่ทำ ก็ประชุมไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน งบประมาณไม่ออก นั่นคือเหตุผล เขาเลยคิดออกมาอย่างนั้น แต่ยังไม่ได้ข้อยุติว่า ยอมรับกันไหม ถ้ายอมรับว่ามีปัญหาแบบนี้แล้วแก้ไขด้วยวิธีแบบนี้ ต้องถามต่างชาติ ว่าถ้าไม่ทำลักษณะนี้แล้วจะทำอย่างไร วันนี้ที่บอกว่า เลือกตั้งทางอ้อมบ้าง ทางตรงบ้าง ไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งคนของเราเวลาที่จะทำความเข้าใจ จะเลือกแต่ที่เข้ากับตัวเอาแต่ที่ตัวเองพอใจแล้วก็พูด พูด พูด ตัวไหนไม่พอใจก็ไม่พูด มันต้องพูดถึงคนทุกพวกทุกฝ่าย ไม่ใช่เลือกเอามาแต่สิ่งที่ดีกับเรา แต่สิ่งที่ไม่ดีกลับไม่รับ วันนี้กฎหมายเหมือนกันพอลงโทษไอ้นี่ ก็บอกว่าเลือกข้าง มันอะไรกัน กฎหมายก็ยังโตไม่ได้ รัฐธรรมนูญควรจะเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าประเทศชาติจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะต้องเดินหน้าไปได้ ไม่ต้องลงในรายละเอียดมากนัก แต่ไปลงเรื่องการบริหารประเทศ ธรรมาภิบาล หน้าที่พลเมืองถามว่าที่ผ่านมามีการพูดถึงเรื่องเหล่านี้หรือไม่" นายกฯกล่าว

 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ต้องถามว่าวันนี้บ้านเราจำเป็นต้องปฏิรูปแล้วหรือยัง ถ้าไม่อยากปฏิรูปและอยากเลือกตั้งก็ให้บอกมา ตนจะไปพักผ่อน ดังนั้น รัฐธรรมนูญจึงควรเป็นไปเพื่อการปฏิรูป จะได้ไม่มีเรื่องของการทุจริต มีการตรวจสอบอย่างชัดเจน เพราะที่ผ่านมามีความคลุมเครือ ว่าอาจจะถูกหรือผิด ดังนั้น จึงต้องมีความชัดเจน ต้องทำเรื่องใหญ่ก่อน เพราะถ้าทำเรื่องใหญ่ด้วยเรื่องเล็กด้วย คนเป็นนายกฯปวดหัวตายพอดี

 

@ ส่งสัญญาณเบรกโหรหยุดพูด

 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรวารินทร์ระบุว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่บริหารต่อถึง 3 ปีว่า "ไม่ทราบ คงต้องไปถามที่โหรเอง ส่วนผมก็มีโรดแมปของผมเอง และได้ส่งสัญญาณไปถึงโหรวารินทร์แล้วว่า อย่าพูดเลยซึ่งท่านก็คงไม่พูดแล้ว เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรผม และผมก็ไม่ต้องไปตามท่านทุกเรื่อง ผมก็เป็นตัวผม สามารถใช้สติปัญญาที่ผมมีกับความร่วมมือของทุกคน"

 

     เมื่อถามว่า แต่ถ้าหากดวงดาวกำหนดให้เป็นเช่นนั้นยินดีที่จะทำตามหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ดวงดาวก็คือดวงดาว ถ้าเราทำตัวไม่ดี ไม่มีคุณธรรม ศีลธรรม ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมต่อให้ดวงดาวดีขนาดไหน จะกี่ดวงมาซ้อนกันเป็นกี่จักรก็ไปไม่ได้ เพราะคนไม่ดี เมื่อถามว่า แต่ถ้าดวงชะตากำหนด

 

     เช่นนั้นจะรับได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบทันทีว่า "ไม่ต้องมาถามกับผม อย่ามาถาม ผมไม่ได้อยากจะอยู่ทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมปของผมก็แล้วกัน โรดแมปว่ายังไงก็ว่าตามนั้น"

 

@ เล็งให้สานต่อนโยบายทุกพรรค

 

       ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรเป็นอุปสรรคในการทำงานบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อุปสรรคคือความไม่เข้าใจ ซึ่งทุกคนที่ทำหน้าที่ต่างมีความตั้งใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช.) สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทุกคนนำบทเรียนที่ผ่านมา มาคิด มาทำ มาแก้ปัญหาในจุดต่างๆ ทั้งในส่วนของที่มา ส.ส. และ ส.ว. หรือการพิจารณาในการใช้อำนาจที่เหมือนจะเป็นเผด็จการรัฐสภา เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งเราเข้าใจ "ประเด็นที่ผมเห็นต่างอย่างต่างประเทศ ไม่ว่าจะพรรคการเมืองใดขึ้นมาบริหารอะไรที่เป็นยุทธศาสตร์ชาติก็จะทำต่อไม่ใช่พอพรรคหนึ่งขึ้นมาแล้วก็ล้มของอีกพรรคที่ทำไว้แล้วเดิมต้องเริ่มใหม่กันตลอด เมื่อเปลี่ยนพรรคการเมืองไปเรื่อยๆ งานก็จะเป็นท่อนๆ ไม่ทั่วถึงเสียที อย่างเช่นกรณีการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

      ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่เชียงใหม่และได้ทำบุญรวมทั้งได้รับแรงใจ มีกำลังใจมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมมีกำลังใจทุกวัน ไม่ต้องไปไหนก็มีกำลังใจ ไปเชียงใหม่มีคนชื่นชม ผมก็ต้องขอบคุณ แต่พอกลับมาสิ่งที่รู้คือ ผมจะต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะมีคนคาดหวังเช่นนั้น ก็ต้องทำทุกอย่างให้ดีอย่างที่คิดไว้ การให้กำลังใจมาเป็นการดี แต่อย่าไปเหลิงกับมัน อย่าไปเห็นว่าพอมีคนรักแล้วยินดี ถ้าผมจะทำให้คนรักมากๆ ใครขออะไรมาก็คงให้ทั้งหมด แต่พอถึงวันข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ วันนี้เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความยั่งยืน การทุจริตต่างๆ ก็ต้องรื้อทั้งหมด"

 

       ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า ใจเย็น เมตตาทุกคน พร้อมกำมือไว้ที่หน้าอกข้างซ้ายก่อนกล่าวว่า พระอยู่ในใจ

 

@ ปึ้งแนะอยู่ยาวแจงต่างชาติเข้าใจ

 

      นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเป็นไปได้ที่รัฐบาล และ คสช.จะอยู่เกินโรดแมปหากยังมีความพยายามปลุกปั่น ยั่วยุ ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล หรือยังมีความเคลื่อนไหวอันนำไปสู่ความไม่สงบ ว่า ถ้ารัฐบาลและ คสช.จะอยู่เกินโรดแมปก็ต้องบอกให้ชัด โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติ ซึ่งต้องอธิบายทำความเข้าใจ เพราะก่อนหน้านี้เคยประกาศไปชัดเจนแล้วว่าจะทำตามโรดแมป แต่เมื่อมีหมอดูบอกว่าให้อยู่ต่อ ก็ต้องบอกอธิบายให้เข้าใจกัน

 

      "ไม่แปลกใจที่มีการบอกว่ารัฐบาลอาจจะอยู่ต่อเกินโรดแมป เพราะตั้งแต่ คสช. รัฐบาลเข้ามาบริหาร มีคำพูดชัดเจนว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่เสร็จ หรือร่างมาแล้วไม่ถูกใจ จะต้องมีการตั้ง สปช. ตั้ง กมธ.ยกร่างฯขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะทำรัฐธรรมนูญใหม่อีก ตรงนี้เข้าใจอยู่แล้วว่าเขาต้องการที่จะอยู่นาน เราไม่ได้กังวลเรื่องรัฐบาลจะอยู่นานเลย เพราะรู้ว่าเขาตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้ว" นายสุรพงษ์กล่าว 

 

     นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไร นิ่งมานานแล้ว รอเพียงรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ซึ่งจากที่ดูรัฐธรรมนูญที่ออกมาตอนนี้ ถือว่ารับไม่ได้สำหรับคนที่เป็นนักประชาธิปไตย ซึ่งท่าทีของพรรคหลังจากมีรัฐธรรมนูญออกมาชัดเจนแล้วจะเป็นอย่างไร คงต้องดูอีกครั้ง 

 

@ อ.ปื๊ดแจงสื่อพาดหัวคลาดเคลื่อน 

 

       ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 เมษายน กมธ.ยกร่างฯ จัดเวทีสัมมนา การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจัดโดย กมธ.ยกร่างฯ และอนุ กมธ.การมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้าและสภาพัฒนาการเมือง ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ จ.เชียงใหม่ มีประเด็นเกี่ยวกับตน และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายในโซเชียลเน็ตเวิร์กหรือสังคมสื่อออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ กระทู้ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และโปรแกรมไลน์ ซึ่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ ฉบับพิมพ์ 4 เมษายนและหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ วันที่ 4 เมษายน พาดหัวข่าวว่า'บวรศักดิ์'รับฟัง 'บิ๊กตู่' ติง รธน. ชง 'ส.ส. ไม่จบ ป.ตรี'ชี้เรียนสูงชั่วมาก นั้น เป็นการเขียนข่าว และนำเสนอข่าวที่ผิดพลาด บิดเบือนข้อมูลความเป็นจริง

 

      "เพื่อเป็นไปในทางถูกต้องและไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ผมให้เจ้าหน้าที่ถอดเทปเสียงมีเนื้อหา ดังนี้ ปี 40 เนี้ย! กรรมาธิการยกร่างฯ เห็นว่า ส.ส. ไม่ควรจบปริญญาตรี เพราะถ้า ส.ส. ต้องจบปริญญาตรีเนี่ย! อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นไม่ได้ ส.ส. ในประเทศไทย ทั้งๆ ที่คิดสูตรปรมาณู วินสตัน เชอร์ชิล นายกฯประเทศอังกฤษไม่จบปริญญาตรีนะ แต่พอไปฟังเสียงประชาชนทั้งประเทศ 75 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า ต้องจบปริญญาตรี เราก็ต้องยอม ร่างฯนี้ไม่ได้เขียนให้ ส.ส. จบปริญญาตรีนะ! เพราะตรี โท หรือไม่ตรี ไม่โท ไม่สำคัญ ความดีต่างหากที่สำคัญ คนยิ่งจบสูงถ้ามันจะเป็นคนเลวมันยิ่งชั่วมาก เพราะฉะนั้น อย่าไปหลงอีกนะว่า ต้องจบปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ไม่จำเป็นครับ! แต่ถ้าท่านอยากให้จบปริญญาเอก ก็บอกมา ถ้าประชาชนบอกว่า ส.ส. ต้องจบปริญญาตรีมากๆ 80 เปอร์เซ็นต์ เราต้องเขียน เขียนเสร็จฝรั่งก็จะต้องลงมือด่า รัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับพิสดาร ตัดสิทธิประชาชน" นายบวรศักดิ์กล่าว

 

@ โวยถูกนักการเมืองนำไปขยาย 

 

      นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า หากผู้สื่อข่าวฟังสิ่งที่พูดด้วยความเป็นธรรมก็จะเข้าใจ ที่ต้องขอความกรุณา เพราะมีการเอาประโยคดังกล่าวไปลงตามสื่อต่างๆ จนเกิดผลกระทบที่รุนแรง นักการเมืองเอาไปขยายต่อ จึงขอความกรุณาผู้สื่อข่าวฉบับต่างๆ ที่เอาไปพาดหัว กรุณาพาดหัวให้ตัวเท่ากัน ขอความเป็นธรรมด้วย ขอความกรุณาว่าแม้ผู้สื่อข่าวต้องการความรวดเร็วของข่าวจนบางครั้งก็ไปก๊อบปี้กัน แต่ไม่เป็นไรให้อภัยได้ อาจจะเป็นเวรกรรมในชาติปางก่อนของตน ทำให้ต้องถูกเล่นงานทางสื่อแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ขอได้โปรดช่วยแก้ข่าวให้ด้วย เสียหายไปแล้วไม่เป็นไร 

 

    เมื่อถามว่า จะดำเนินการอะไรผ่านสมาคมวิชาชีพหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ตนเขียนรัฐธรรมนูญให้สื่อด้วยความศรัทธาว่าสื่อเป็นสื่อระหว่างต้นข่าวกับประชาชนผู้รับ ซึ่งสมควรได้รับสื่อที่ถูกต้อง ทันการณ์ หลากหลาย แต่วันนี้อาจจะมีความไม่ถูกต้อง ไม่หลากหลายอยากจะฝากองค์การวิชาชีพสื่อให้สื่อดูแลกันเองด้วย 

 

       "ผมไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้ายที่ได้รับความเสียหายจากสื่อ ทั้งที่ผ่านมาระมัดระวังเรื่องคำพูดอยู่แล้ว เห็นได้จากการที่ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อรายวัน อย่างกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดถ้าอ้างอิงให้หมด นักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับผมเอาไปขยายต่อไม่ได้ แต่วันนี้เอาไปขยายต่อกันอย่างมหาศาล" นายบวรศักดิ์กล่าว

 

@ ขู่บางสื่ออย่าให้ผิดครั้งที่3

 

      "ผมต้องขออภัยผู้ที่เรียนจบสูงด้วย (ยกมือไหว้) ผมไม่ได้ว่าท่าน แต่เขาเอาไปว่าท่านแทนผมแล้ว ขออภัยแทนท่านด้วย เขาน่าจะคิดได้ว่าผมจบปริญญาเอกหากออกมาด่าตัวเองเฉยๆ โดยไม่มีอะไรทำคงจะกินยาผิด ผมเรียกร้องอย่างไม่มีเงื่อนไข ผิดครั้งแรกไม่เป็นไรถือว่าเป็นครู ผิดครั้งที่สองต้องคิดกัน แต่ถ้าครั้งที่สามก็ไม่แน่ เพราะแสดงให้เห็นเจตนา สื่ออื่นๆ ผมไม่ติดใจ แต่สื่อบางฉบับขอเรียนว่าอย่าให้ผิดซ้ำเป็นครั้งที่สาม" นายบวรศักดิ์กล่าว

 

       ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ร่างรัฐธรรมนูญร่างสุดท้ายกำลังถูกโจมตี นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ให้ไปถามชาวบ้านที่รู้แล้วว่าเนื้อหาเป็นอย่างไรเขาก็จะตอบอีกแบบ แต่ถ้าไปถามนักการเมือง นักการเมืองหลายคนมาพูดส่วนตัวกับตนว่าเห็นด้วย เพราะพรรคเขาได้ประโยชน์ แต่นักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่ก็เข้าใจ มารับตำแหน่งนี้ก็รู้ว่าไม่มีทางได้ดอกไม้ ส่วนใหญ่จะได้ก้อนหิน ที่พูดแบบนี้ไม่ได้น้อยใจแต่เป็นสัจธรรม มีลาภเสื่อมลาภมียศเสื่อมยศ จะไปเดือดเนื้อร้อนใจทำไม แต่เมื่อมีการบิดเบือนแบบนี้ต้องขอความเป็นธรรม ตนไม่กังวลต่อกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ ขอแค่ได้อธิบายร่างรัฐธรรมนูญนี้ให้ประชาชนได้เข้าใจก่อน ตนจึงไม่เคยกลัวประชามติ 

 

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบวรศักดิ์โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุถึงการบิดเบือนคำพูดในช่วงเปิดงานการแผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 เมษายนว่า "คนที่จบสูงยิ่งชั่วมาก" ทำให้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม โดยข้อความที่แท้จริง นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า "คนยิ่งจบสูงและถ้ามันจะเลวมันยิ่งชั่วมาก"

 

@ แจกร่างแรกรธน.ให้สื่อ 20 เม.ย. 

 

      นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่สอง เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาบทบัญญัติร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา และบันทึกเจตนารมณ์เสร็จสิ้นในร่างแรกแล้ว มี 315 มาตรา แต่ยังนัดการประชุมอีกครั้งในวันที่ 8 เมษายน จากนั้นจะจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกเพื่อส่งให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) อย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 17 เมษายน พร้อมกับแจกร่างแรกให้กับสื่อมวลชนได้ในวันที่ 20 เมษายน ซึ่งเป็นวันแรกของการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจาก สปช. อย่างไรก็ตาม ร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกยังสามารถปรับปรุงถ้อยคำได้จนถึงวันที่ 17 เมษายน ดังนั้น หากมีการเผยแพร่เนื้อหาของร่างแรกก่อนจะถึงวันที่ 17 เมษายน อาจผิดกฎหมายได้

 

      พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า การประชุมคณะ กมธ.ยกร่างฯวันที่ 8 เมษายน จะประชุมครึ่งวัน เพื่อพิจารณาเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจเข้าไปในร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะ กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้เสนอเข้ามา

 

@ ส.ส.หญิงปชป.จวกกมธ.ยกร่างฯ

 

        น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญกำหนดสัดส่วน 1 ใน 3 ให้ผู้หญิงเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อโควต้า

 

       นักการเมืองผู้หญิงในรัฐธรรมนูญว่า เป็นการส่งเสริมที่สร้างอุปสรรคสำหรับโควต้าผู้หญิงที่จะทำให้มีนักการเมืองหญิงน้อยลง จะมีสิ่งใดที่จะสามารถดลใจให้ กมธ.การร่างรัฐธรรมนูญเปลี่ยนใจหรือไม่ กมธ.ยกร่างฯควรเพลาๆ กับการชอบนำเสนอเรื่องน่าสนใจแต่เอาไปใช้จริงไม่ได้ เพราะอาจเข้าทำนองตั้งใจดีแต่ไร้ผลประโยชน์ เนื่องจากบางเรื่องแยกเป็นส่วนอาจดูดี แต่เมื่อพิจารณาในภาพรวมแม้จะดันทุรังให้เกิดการปฏิบัติได้ แต่ผลของมันจะแย่กว่าสภาพที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะประเด็นสัดส่วน 1 ใน 3 ที่ให้ผู้หญิงเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 

 

       น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า ประเด็นการเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบโอเพ่นลิสต์ หากคิดแยกส่วนพอจะเห็นเจตนาที่ดีก็คือให้มีการปฏิรูปการเมือง โดยให้พื้นที่ผู้หญิงเข้ามาสู่งานการเมืองระดับชาติมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ให้อำนาจประชาชนในการจัดอันดับ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ป้องกันการเอานายทุนมาเป็น ส.ส. 

 

      น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า ในความเป็นจริงการเลือกแบบโอเพ่นลิสต์ ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อจะหาเสียงเดี่ยวไม่ได้ เพราะลงสมัครในนามพรรคการเมืองจึงต้องหาเสียงให้พรรค ซึ่งถือเป็นคนละรูปแบบกับการแข่งขันแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง หากจะแนะนำตัวเองก็คงทำได้แค่ผ่านสื่อออนไลน์ เพราะการไปเดินหาเสียงหรือแจกใบปลิวเพื่อให้ตนเองได้ชัยชนะ เท่ากับเป็นการเหยียบหัวเพื่อน เป็นการสร้างความแตกแยกในพรรค 

 

     น.ส.รัชดา กล่าวว่า สมมุติพรรคส่งนางสาว "ก" ในระบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้มีความสามารถ ประสบความสำเร็จในสายอาชีพ พรรคอยากให้มาช่วยงานนโยบาย แต่นางสาว "ก" ไม่ได้เป็นคนโด่งดัง แล้วนางสาว "ก" จะทำอย่างไรให้คนมาลงคะแนนให้ตัวเอง จะให้เดินโดดๆ หาเสียงเองแล้วบอกชาวบ้านว่า "ในจำนวนผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรค ดิฉันเหมาะสมที่สุด ขอให้เลือกดิฉัน" เรียกว่าหาเสียงเดี่ยวแข่งกับเพื่อนๆ ผู้สมัครจากพรรคเดียวกัน ไม่ต้องแคร์ใคร แล้วแบบนี้ใครจะทำ และแม้จะมีคนกล้าทำ คงจะยากมากที่จะทำให้ได้คะแนนมากพอที่จะติดอันดับเข้าเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 

 

@ นายกฯหัวโต๊ะถกแม่น้ำ5สาย 

 

       เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สโมสรทหารบก วิภาวดีรังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เป็นประธานในการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ครั้งที่ 4 ที่ประกอบด้วย ครม. คสช. สนช. สปช. และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

 

       (ผบ.สส.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธาน สปช.คนที่ 2 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ นายกระแส ชนะวงศ์ รองประธาน กมธ.ยกร่างฯ คนที่ 1 นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธาน กมธ.ยกร่างฯ คนที่ 2 นายสุจิต บุญบงการ รองประธาน กมธ.ยกร่างฯ คนที่ 3 และประธานกรรมาธิการปฏิรูป สปช.ทั้ง 18 คณะ เข้าร่วมการประชุมด้วย

 

@ เผยบิ๊กตู่ห่วงสาระสำคัญในรธน. 

 

       ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 กล่าวว่า นายกฯฝากให้แม่น้ำแต่ละสายช่วยกันดูแล โดยเฉพาะการจัดทำรัฐธรรมนูญ ร่างที่ 1 ที่ในวันที่ 17 เมษายน จะส่งให้กับ สปช. โดยนายกฯกังวลในเรื่องของสาระสำคัญที่จะปรากฏในร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯขอให้ทุกคนดูสาระสำคัญให้เป็นสาระสำคัญที่สามารถขับเคลื่อนประเทศชาติได้ ไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการปฏิรูปประเทศ และเป้าหมายโรดแมปของประเทศ 

 

     เมื่อถามว่า หารือกันหรือไม่ว่าหากร่างที่ออกมาไม่ผ่านจะทำอย่างไร นายสุรชัยกล่าวว่า นายกฯฝากเป็นประเด็นไว้ให้ทุกคนช่วยกันไปคิด เพราะเดือนหน้าต้องประชุมครั้งที่ 5 ร่วมกันอีก 

 

      เมื่อถามว่า ได้หารือกันถึงเรื่องการทำประชามติหรือไม่ นายสุรชัยกล่าวว่า ไม่ได้ไปถึงตรงนั้น เพราะวันที่ 17 เมษายน เมื่อร่างที่ 1 ออกมาแล้ว ยังจะมีเวลาอีก 30 วันให้ทำความเห็น และบวกอีก 60 วัน ที่เมื่อได้รับความเห็นแล้วจะต้องให้ กมธ.ยกร่างฯ นำความเห็นนั้นไปพิจารณาเพื่อทบทวนร่างอีก ดังนั้น จะมีช่วงเวลาอีก 90 วัน นายกฯฝากว่าช่วง 90 วัน ให้ทุกฝ่ายช่วยกันไปดู

 

@ เล็งเชิญต่างชาติแชร์ประสบการณ์

 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมแม่น้ำ 5 สายใช้เวลาประชุมเพียง 1.20 ชั่วโมง ถือว่าเป็นการประชุมที่ใช้เวลาน้อยที่สุดตั้งแต่เคยประชุมมา เวลา 17.25 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยตัวแทนทั้ง 5 องค์กรได้แถลงข่าว 

 

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถือเป็นวันเบาๆ เพราะเรามีปัญหาเยอะกันอยู่แล้ว อยากฝากบอกสื่อทุกคนว่าทุกคนได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สนช. สปช.มีการรายงานความก้าวหน้ามาเป็นลำดับ รวมทั้งการทำงานของ ครม. คสช. มีเอกสารชัดเจนว่าทำอะไรไปถึงไหนอย่างไรบ้าง ซึ่งได้ให้นโยบายใหม่ว่า เรากำลังเข้าระยะเดินหน้าไปสู่การมีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งตามโรดแมป เพราะฉะนั้นต้องให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความเข้าใจ ซึ่งที่ผ่านมาประธานของแต่ละคณะ

 

ได้ทำอยู่แล้ว แต่ความขัดแย้งมันมีมาก จนบางครั้งไม่เข้าใจกัน 

 

        "ประมาณระหว่างวันที่ 20-22 เมษายน จะหาบุคคลภายนอกมาอธิบายให้ฟังว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญในประเทศของเขาควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งเขามีประสบการณ์มาแล้ว เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ที่มีปัญหาคล้ายๆ เราในอดีต แล้ววันนี้เขามีรัฐธรรมนูญของเขาว่าเขามาอย่างไร เขาแก้ปัญหาอย่างไรและมีการรัฐประหารเหมือนกันกับเรา จะถามเขาแค่นั้นเอง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ให้เขาอธิบายว่าประเทศเขามีรัฐธรรมนูญอย่างนี้มีความเป็นมาอย่างไร แล้วมาสร้างความเข้าใจในประเทศของเราว่าสิ่งที่พวกเราเห็นตรงกันคือจะต้องปฏิรูปบ้านเมืองให้ได้ สิ่งที่ต้องทำวันนี้เนื่องจากเรามีปัญหาจำนวนมากคิดเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งรัฐบาลและ คสช.ทำมาได้ไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปัญหามันเยอะมาก จึงต้องสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนให้ได้ เพื่อที่จะเดินหน้าประเทศกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ถ้าประชาชนไม่ยอมรับก็ไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องศึกษาและดูจากภายนอกประเทศบ้าง จากนั้นจะไปสู่การวิจัย ซึ่งตนมีขั้นตอนอยู่แล้ว 

 

        พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกันขอให้รอฟังแล้วกัน อย่าเอาเรื่องพวกนี้ไปเป็นประเด็นความขัดแย้งนักเลย อย่างไรเลือกตั้งก็ต้องเลือกตั้งอยู่แล้ว หนีไม่พ้น เพราะมีโรดแมปอยู่ แต่ถ้ามันมีปัญหามาก มันก็เลือกไม่ได้ ทำไม่ได้ ตนไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ขอเอาแค่นี้แล้วกัน

 

@ ยันคบทุกประเทศไม่เลือกข้าง

 

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไปดูปัญหาบ้านเมืองว่ามีความเดือดร้อนตรงไหน แล้วเราทำอะไรกันอยู่ ช่วยกันไปอธิบายกับคนเหล่านั้นได้หรือไม่ ว่าทุกคนทำงานหนักทั้งกฎหมาย การเตรียมการปฏิรูป การบริหารราชการแผ่นดิน ปัญหามันเยอะเกินไปแล้ว แล้วเพิ่มความขัดแย้งที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ยอมรับว่าหนัก ต่างประเทศก็มีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจประเทศไทย รอฟังข่าวดีในวันที่ 8 เมษายน ว่ารัสเซียจะมีความร่วมมืออะไรกับไทยเพราะนายกรัฐมนตรีรัสเซียจะเดินทางมาเยือนอย่างเป็นทางการ เราเปิดประเทศคบกับทุกประเทศไม่ได้เลือกข้างใดข้างหนึ่ง เราเป็นประเทศที่มีความเป็นกลาง

 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกรัฐมนตรีพูดจบได้เอ่ยปากขอร้องกับสื่อมวลชนว่า ขอพูดแค่นี้อย่าถามอะไรกันอีกเลย ขอเถอะเหนื่อยแล้ว พร้อมกล่าวขอบคุณ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีและตัวแทนแม่น้ำ 5 สาย เข้าไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวในห้องรับรองสโมสรกองทัพบกเป็นเวลา 30 นาที

ความเห็นแย้ง กรณี ดวงเมือง


       หมายเหตุ - ขณะนี้มีผู้ทำนายดวงเมืองไปในหลายทิศทาง อาจารย์บุศรินทร์ ปัทมาคม ผู้ประกอบอาชีพโหร ได้พยากรณ์ดวงเมืองเพื่อนำเสนอใน ?มติชน? ทั้งนี้ เป็นการพยากรณ์ตามหลักวิชาการโหราศาสตร์

      โหรมีหน้าที่ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า ทำนายไปตามสถิติทางโหราศาสตร์ สำหรับดวงเมือง สถิติขึ้นอยู่กับตำเเหน่งของดวงดาวพระเคราะห์ ที่โคจรไปอยู่ในตำเเหน่งที่ให้คุณหรือให้โทษเเก่ลัคนา (ส) ของดวงเมือง ถ้าเป็นดวงชะตาของนายกรัฐมนตรีก็ต้องเป็นไปตามดวงชะตาที่ดาวพระเคราะห์จะโคจรมาให้คุณหรือให้โทษเเก่ลัคนาของดวงชะตาของท่านนายกฯ 

      ถ้าจะดูดวงเมืองจะต้องพิจารณาจากตำแหน่งของดาวเสาร์ (๗) เเละดาวพฤหัสฯ (๕)

      ให้พิจารณาจากดาวพระเคราะห์หลักกำลังจะโคจรเข้าไปอยู่ในเรือนชะตาที่เสียทั้งสองดวง ดังนี้

       1.ดาวเสาร์ (๗) โคจรเข้าไปในเรือนมรณะ ตั้งเเต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 ถึง 1 ธันวาคม 2560 เป็นสัญลักษณ์ให้ทำนายว่า ดวงเมืองดวงตกอยู่ส่วนหนึ่งอยู่เเล้ว

2.ดาวพฤหัสฯ (๕) โคจรเข้าไปในเรือนอริ ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2558 ถึง 9 กุมภาพันธ์ 2559 เเละ 7 สิงหาคม 2559 ถึง 6 ตุลาคม 2560 เป็นสัญลักษณ์ให้ทำนายว่า ดวงเมือง ดวงจะตก เเละมีเคราะห์อย่างมากยิ่งขึ้น สัญลักษณ์เเบบนี้จะเป็นสถิติเหมือนสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม ถูกปฏิวัติยึดอำนาจต้องหลบหนีออกนอกประเทศ เมื่อกันยายน 2500

3.ดาวราหู (๘) ซึ่งเป็นดาวพระเคราะห์ดวงสำคัญที่จะบ่งชี้ว่าประเทศไทยจะต้องเสียหายในเรื่องเกียรติยศ ชื่อเสียง เเละเศรษฐกิจจะต้องตกต่ำอย่างรุนเเรงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ดาวราหู (๘) จะโคจรเข้าไปในเรือนชะตาที่เกี่ยวกับชื่อเสียงของดวงเมืองอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากวันที่ 16 มกราคม 2559 ไปเเล้ว ดาวราหูจะโคจรเข้ามาในเรือนชะตาที่ดี บ่งบอกว่า ดาวราหู (๘) จะมาทำให้ความน่าเชื่อถือในสังคมโลกสำหรับประเทศไทยจะต้องตกต่ำลงไปอีก

ระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2559 ถึง 4 สิงหาคม 2560 เหตุการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจของดวงเมืองจะตกต่ำอย่างเห็นได้ชัดเเละรุนเเรงอย่างมาก เหตุการณ์จะเหมือนปี 2540 อีกครั้งหนึ่ง เรียกว่าครบรอบ 18 ปีที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540

ครั้งนี้เชื่อว่าต้มยำกุ้งจะต้องเกิดขึ้นอีก ต้มยำกุ้งชามนี้จะต้องไม่เล็กไปกว่าต้มยำกุ้งชามเก่าอย่างเเน่นอน เพราะเกิดขึ้นในช่วงที่ดาวพระเคราะห์ดวงใหญ่ทั้งสองดวงดังกล่าวแล้วข้างต้น ตามข้อ 1 เเละ 2 นั่นคือ ดาวพฤหัสฯ(๕) จะโคจรเข้าเรือนอริ เเละดาวเสาร์ (๗) จะโคจรเข้าเรือนมรณะ สรุปว่าดวงเมืองตกต่ำ หรือมีเคราะห์เกิดขึ้นอย่างเเน่นอน ถ้าเป็นดวงคนก็ต้องระวังกันทุกฝีก้าวนั่นเเหละ

4.ดาวอังคาร (๓) ซึ่งเป็นเจ้าเรือนลัคนา (ล) หรือเรือนตนุลัคน์ของดวงเมืองก็มาโคจรวิปริตผิดจากธรรมชาติตามปกติเข้าอีก ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 ถึง 15 กันยายน 2559 ดาวอังคารโคจรวิปริตในเรือนมรณะหรือราศีพิจิกของดวงเมือง บ่งบอกถึงความอ่อนเเรง อ่อนใจ ไม่สู้ของฝ่ายบ้านเมือง ดาวอังคาร (๓) หมายถึงทหาร ความกล้า ความขยัน เมื่อตกไปอยู่ในเรือนชะตาที่เสียเข้าอีก เท่ากับจะเพิ่มดีกรีเรื่องดวงชะตาตก หรือโอกาสเข้ามุมอับของดวงเมืองมากยิ่งขึ้น ระหว่างที่ดาวอังคาร (๓) โคจรพักร (โคจรเดินหน้า ถอยหลัง ในเรือนมรณะของดวงเมือง) บ่งบอกว่าหมดเรี่ยวเเรงที่จะต่อสู้กับปัญหา 

5.ให้เเคบเข้า ช่วงเวลาที่น่าห่วงที่สุดของดวงเมืองก็คือช่วงที่ดาวอาทิตย์ (๑) จะโคจรเข้าไปในเรือนวินาศของดวงเมือง เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดวงเมืองจะทรุดหนักที่สุด ระหว่างวันที่ 14 มีนาคม-13 เมษายน 2559 รัฐบาลจะต้องประคับประคองช่วงเวลาดังกล่าวเอาไว้ให้ดี มีแนวโน้มว่าน่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าดวงชะตาดวงเมืองจะตกต่ำมากที่สุดในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ ซึ่งเป็นหลุมหลุมหนึ่งใน 3 หลุมที่ดวงเมืองในประวัติศาสตร์มักจะเกิดเหตุร้ายๆ อยู่ในช่วงเวลาในระหว่างกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายนของทุกปีอยู่แล้ว แต่สำหรับในปี 2559 เมื่อไล่เรียงจากดาวพระเคราะห์ดวงใหญ่หรือดาวพระเคราะห์หลักลงมาแล้ว น่าจะทำนายไปในทางเคราะห์ร้ายมากกว่าทางด้านดี 

ผมขอทำนายในแบบวิเคราะห์ว่า ใครเป็นรัฐบาลในขณะนั้น ก็จวนไปจวนอยู่ แต่ให้น้ำหนักไปด้านจวนไปมากกว่าจวนอยู่ครับ 

คำทำนายของผมจะขัดใจใครบ้างก็ต้องขอโทษด้วย เพราะผมทำนายไปตามหลักวิชา ผมสอนลูกศิษย์ผู้เรียนโหราศาสตร์ ผมก็ทำนายแบบนี้แหละครับ ใครไม่เชื่อก็คอยดู 

โหราศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์เพราะพิสูจน์ได้ รอคอยผลได้ ก็ทำนายไปตามสถิติที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งแหละครับ

การโคจรของดาวพระเคราะห์ดังกล่าวข้างต้น ผมขออ้างให้ท่านผู้สนใจติดตามเปิดดูได้จากปฏิทินดาราศาสตร์ (ไดอารี่โหรระหว่างปี พ.ศ. 2558 ถึง พ.ศ.2559 ครับ) ผมให้คำทำนายไปตามการโคจรของดาวพระเคราะห์ ซึ่งเป็นไปตามหลักวิชาโหราศาสตร์

ส่วนเรื่องนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ จะเป็นไปตามปีที่ คุณหมอวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ พูดไว้หรือไม่ ผมไม่ขอทำนาย เพราะผมไม่มีเวลาเกิดของนายกฯประยุทธ์ และนายกฯประยุทธ์ไม่ได้อนุญาตให้ผมทำนายด้วย ผมไม่ขอออกความเห็น ขอให้ความเห็นเฉพาะดวงเมืองเท่านั้น 

อนึ่ง ผู้ที่ให้คำทำนายทั่วๆ ไปเราเรียกว่าหมอดู 

ส่วนโหรต้องทำนายด้วยหลักวิชาโหราศาสตร์เท่านั้น จึงจะได้ชื่อว่าโหรครับ ถ้าคุณวารินทร์ไม่ได้ใช้วิชาโหราศาสตร์ทำนาย ก็ไม่ควรเรียกคุณวารินทร์ว่าเป็นโหร ควรเป็นได้แค่หมอดูเท่านั้นครับ