วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8687 ข่าวสดรายวัน


ปี๊บคลุมหัวเดิน อจ.ดังลุย จี้รมว.สธ.เลิกควบ 
ให้ลาเก้าอี้อธิการมหิดล 'บิ๊กตู่'ไหว้พระรอบทิศ ประเดิมหัวโต๊ะถกครม. ปรับปรุงทำเนียบหึ่งอีก ทีวีแพงเครื่องละ 5 แสน


สักการะ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ทำพิธีสักการะท้าวมหาพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ก่อนร่วมประชุมครม.นัดแรก ที่ตึก สันติไมตรี เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 

      อ.สุกรีลั่นปี๊บคลุมหัวเดิน จี้รมว.สธ. เลิกควบ ให้ทิ้งเก้าอี้อธิการบดีม.มหิดล นายกฯตู่เดินสายไหว้พระ ก่อนประเดิมถกครม. วิษณุเผยสัปดาห์หน้าแบ่งงานรมต. "พล.อ.วิลาศ อรุณศรี" ซี้ประยุทธ์ จ่อนั่งเลขาฯนายกฯ ตั้งทีมโฆษกคสช.ทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล เรืองไกรยื่น "บิ๊กตู่"สอบไมค์แพง จี้โชว์ทุกรายการจัดซื้อซ่อมทำเนียบ เผยสัญญามีเงื่อนไขต้องจ่าย ล่วงหน้า 15% หึ่งอีกทีวีเครื่องละ 5 แสน ป.ป.ช.ตั้งทีมร่วมอัยการสูงสุดถกคดีจำนำข้าว ปูโพสต์แนะนำเมนู"ไข่กระทะ"

ครม.นัดแรก-รปภ.ทำเนียบเข้ม

       เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรกของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเริ่มขึ้นในเวลา 09.30 น. บรรยากาศตั้งแต่เช้าเป็นไปอย่างคึกคัก มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (ป.1 รอ.) 150 นาย มาร่วมเป็นกองกำลังผสมตำรวจ สันติบาล ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีกำลังทั้งหมด 150 นาย โดยแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ประจำตึกสันติไมตรีซึ่งใช้เป็นห้องประชุม ครม.ครั้งนี้ 30 นาย และมีทหาร เข้าร่วมด้วยอีกส่วนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ทหารจาก ป.1 รอ. ได้เข้าประจำจุดทางเข้า-ออกของทำเนียบ และจุดสำคัญร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้การรักษาความปลอดภัยทำเนียบอยู่ในชั้นสูงสุด รถยนต์เข้า-ออกทุกคันต้องมีสติ๊กเกอร์ชัดเจน และผ่านเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย ส่วนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และบุคลากรต้องติดบัตรแสดงตนชัดเจน ถ้าไม่มีต้องชี้แจงและแลกบัตรอย่างถูกต้อง ฝ่ายทหารจากกองพันสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบกจังหวัดนครราชสีมา นำสุนัขดมกลิ่นและเครื่องตรวจวัตถุระเบิดตรวจบริเวณโดยรอบทำเนียบอย่างละเอียด และที่ประตูทางเข้าตึกสันติไมตรี เจ้าหน้าที่นำเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัยไปติดตั้งเพื่อตรวจความปลอดภัยอีกรอบ ส่วนสื่อมวลชนที่เข้าสังเกตการณ์ทั้งไทยและต่างประเทศจำนวนมาก ต้องติดบัตรแสดงตนและสังกัดอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่จำกัดพื้นที่ให้สังเกตการณ์และถ่ายภาพได้บริเวณทางเชื่อมระหว่างตึกไทยคู่ฟ้า และตึกสันติไมตรีเท่านั้น ไม่อนุญาตให้เดินเข้าไปในอาคาร

"รมต.อู๋"มาถึงคนแรก

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมครม.จะเริ่มขึ้น รัฐมนตรีที่มาถึงทำเนียบรัฐบาล คนแรก ได้แก่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ ที่มาถึงตั้งแต่เวลา 07.50 น. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จากนั้นมีรัฐมนตรีทยอยมา อาทิ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รอง นายกฯ เข้าดูห้องทำงานบริเวณชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 จากนั้นเดินไปยังตึกสันติไมตรี ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายพูดคุยกับสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเองว่า "ใส่ชุดเดิมไม่เปลี่ยน นับวันมีแต่จะลดไซซ์ลง" ขณะที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ซึ่งมารอที่ตึกบัญชาการและเดินไปที่ตึกสันติไมตรีเช่นกัน ยิ้มและบอกกับผู้สื่อข่าวว่า "เขาห้ามผมพูด" พร้อมทำท่ารูดซิปปาก 

       ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่เข้าประชุมครั้งนี้ต่างพร้อมใจสวมผ้าไทยพระราชทาน โทนสีฟ้า ครีมเหลือง และม่วง เพื่อรักษาเอกลักษณ์ไทย โดยมีรัฐมนตรีบางส่วนหยุดเดินให้ช่างภาพบันทึกภาพ พร้อมทักทายนักข่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อาทิ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่สวมเสื้อผ้าไหมสีม่วงอ่อน กล่าวว่า ตัดเสื้อมาใหม่ เพราะชุดเก่าหลวมหมดแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่เตรียมกระบอกน้ำอุ่นไว้บนโต๊ะประชุมให้กับรัฐมนตรีทุกคน 

เผยครม.แค่รับฟังขั้นตอนธุรการ

        รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะแต่งตั้งพล.อ.วิลาศ อรุณศรี อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เพื่อนสนิทมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ น่าสังเกตว่าวันเดียวกัน พล.อ.วิลาศได้มาตระเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ก่อนการประชุมครม.

      นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้สัมภาษณ์ว่า ครั้งนี้ไม่ใช่การประชุมครม. แต่เป็นการเชิญรัฐมนตรีมารับฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับกระบวนการและขั้นตอนทางธุรการในการประชุม ครม. เช่น การแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน วิธีเสนอเรื่องเข้าสู่ ครม. กระบวนการแต่งตั้งผู้ประสานงานกับคณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือ วิปสนช. งานธุรการต่างๆ วิธีแต่งตั้งเลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษาต่างๆ นอกจากนี้ยังเชิญรัฐมนตรีมารับฟังการรายงานผลดำเนินการจากหัวหน้าฝ่ายต่างๆของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้ง 5 ฝ่าย คือ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายสังคม และจิตวิทยา ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และฝ่ายกิจการพิเศษ ในรอบ 3 เดือน โดยให้ เวลาคนละ 15 นาที รายงานว่า คสช.บริหารงานในแต่ละด้านอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงต่อเนื่องในการกระบวนการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสนช.

"บิ๊กตู่"ไหว้พระแก้วเอาฤกษ์เอาชัย

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช.และผบ.ทบ. เดินทางออกจากบ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน.1 รอ.) ด้วยชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ ตั้งแต่เวลา 07.05 น. และเข้าไปเตรียมตัวที่ พล.1 รอ. ภายในกองทัพภาคที่ 1 ก่อนเดินทางพร้อมด้วยพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน และปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และรอง ผบ.ทบ. เข้าสักการะพระแก้วมรกต ภายในวัด พระศรีรัตนศาสดาราม และเข้าสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย โดยใช้เวลา 10 นาที และห้ามผู้สื่อข่าวเข้าสังเกตการณ์ ก่อนเดินทางเข้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เพื่อพักผ่อนและเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว 

       จากนั้นเวลา 09.05 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ในชุดสวมเสื้อผ้าไทยพระราชทาน (ราชปะแตน) สีฟ้า กางเกงสีดำ ด้วยขบวนรถประจำตำแหน่งผบ.ทบ. เบนซ์สีดำ ทะเบียน ศท 1251 พร้อมรถติดตาม เมื่อลงจากรถที่ประตู 1 ตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์หันมาโบกมือทักทายช่างภาพสื่อมวลชนพร้อมส่งยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี ก่อนเดินขึ้นไปสักการะพระพรหม (ท้าวมหาพรหม) สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบ 

ยิ้มแย้มเข้าทำเนียบ

      ต่อมาเวลา 09.15 น. นายกฯ พร้อมด้วยพล.ต.อ.อดุลย์ พล.อ.วิลาศ พล.อ.สกล ชื่นตระกูล หัวหน้าผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า คสช.(สปก.คสช.) ได้สักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ศาลตายาย ถวายเครื่องเซ่นสักการะ ผูกผ้าเจ็ดสี ถวายดอกดาวเรือง ระหว่างทำพิธี พล.อ. ประยุทธ์มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายสื่อมวลชนก่อนจะให้รับพรด้วยกัน 

       ผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่าสื่อที่ทำเนียบน่ารักทุกคน นักข่าวสายทหารก็ยังน่ารัก พล.อ.ประยุทธ์ หันมายิ้ม พร้อมกล่าวว่า "น่ารักทุกคน" ก่อนจะยืนให้ช่างภาพบันทึกภาพ จากนั้นพล.อ. ประยุทธ์เดินผ่านทางเชื่อมเพื่อเข้าประชุมครม.ที่ตึกสันติไมตรี เมื่อผ่านกลุ่มสื่อมวลชน พล.อ.ประยุทธ์ส่งยิ้มให้พร้อมกล่าวย้ำว่า นักข่าวน่ารักทุกคน ช่วยๆ กัน 

กำชับรมต.ต้องซื่อสัตย์

        จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมครม. โดยกล่าวก่อนการประชุมตอนหนึ่งว่า ขอให้ครม.ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญญาณตนไว้ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ร่วมกันปลูกฝังค่านิยมต่อต้านคอร์รัปชั่น การทำงานของ ครม.ตอนนี้ไม่ว่าจะอนุมัติหรือเซ็นอะไรจะต้องทำภายหลังวันที่ 12 ก.ย. หลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสนช.แล้ว และวันนี้ขอให้ครม.รับฟังการสรุปของคสช.ฝ่ายต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานและสานต่อกับคสช. โดยการทำงานจะต้องเป็นเอกภาพมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อทำงานให้กับประเทศชาติ

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเชิญรัฐมนตรีมารับฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับกระบวนการและขั้นตอนทางธุรการในการดำเนินการประชุมครม. และรับฟังรายงานการดำเนินการจากหัวหน้าฝ่ายต่างๆของคสช. ใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง โดยเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 13.20 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่จัดก๋วยเตี๋ยวปลาร้าน "ลิ้มเหล่าโหงว" มาเสิร์ฟเป็นอาหารกลางวัน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ เพียงแต่หันมายิ้มพร้อมโบกมือให้สื่อมวลชนเท่านั้น จากนั้นเดินทางกลับไปที่ บก.ทบ.ทันที 


จี้เลิกควบ - นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล นำปี๊บมาคลุมหัวประท้วง เรียกร้องให้ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน ลาออกจากอธิการบดี ม.มหิดล หลังได้รับแต่งตั้งเป็น รมว.สาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 ก.ย.

นัดครม.กราบสมเด็จวัดปากน้ำ

       รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า เวลา 11.30 น. วันที่ 10 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์เชิญครม.ทั้งหมดมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่เวลา 13.00 น. จะเชิญ ครม.ทั้งหมดขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปกราบนมัสการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ (พระอารามหลวง) ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม ในเวลา 14.00 น. 

        ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เปิดเผยว่า เวลา 14.00 น. วันที่ 10 ก.ย. พล.อ. ประยุทธ์นำครม.ทั้งคณะไปกราบนมัสการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เพื่อเป็น สิริมงคลในการเข้าปฏิบัติหน้าที่ของครม. ซึ่งไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ที่ต้องไปกราบนมัสการที่พุทธมณฑล เพราะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มีภารกิจพอดี อีกทั้ง หากจะไปที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ จะไม่สะดวกเท่าที่ควร

ตั้งทีมโฆษกคสช.เป็นโฆษกรบ.

       นายอำพน ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.ว่า การประชุมครั้งนี้ยังไม่มีเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนี้รัฐบาลจะบริหารราชการได้ต้องรอหลังแถลงนโยบายต่อสนช. ในวันที่ 12 ก.ย. ก่อนตามธรรมเนียมปฏิบัติ ที่ประชุมยังหารือด้วยว่าในการ ประชุมครม.ครั้งต่อไป ถ้าหน่วยงานใดจะเสนอเรื่องเข้าครม. ต้องเสนอผ่านรองนายกฯ ที่กำกับดูแลในด้านนั้น ซึ่งคาดว่าในการ ประชุมครม.ครั้งหน้าจะมีการแบ่งงานให้รองนายกฯ ดูแล ทั้งนี้นายวิษณุจะเป็นผู้ตรวจมติครม. ซึ่งวันนี้ยังไม่มีมติใดๆ เพราะเป็นการหารือ นอกจากนี้ ครม.ยังมอบให้นาย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนัก นายกฯ ทำหน้าที่เป็นวิปฝ่ายรัฐบาล ประสานกับสนช.ด้วย ซึ่งมีการประสานกับสนช.แล้วว่าจะเปิดสภาสนช.เพื่อแถลงนโยบายในวันที่ 12 ก.ย.

       รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่าขณะนี้มีการกำหนดตัวพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค และพ.อ.ม.ล.กุลชาติ ดิศกุล ซึ่งเป็นทีมโฆษก คสช. มาทำหน้าที่เป็นทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯ 

      ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทำเนียบรัฐบาลนำภาพของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ คนที่ 28 ขึ้นทำเนียบประวัตินายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า

วิษณุแจงการประชุมครม.

       ที่ศูนย์แถลงข่าวตึกนารีสโมสร นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แถลงหลังประชุมครม.นัดพิเศษว่า การประชุมครั้งนี้ไม่ถือเป็นการประชุมทางการ และไม่เรียกว่าประชุม ครม.ครั้งที่ 1 เนื่องจากประชุมก่อนแถลงนโยบายต่อสนช. แต่เป็นการประชุมในเรื่องที่ครม.ต้องทราบ 3 เรื่องก่อนบริหาร คือ 1.ซักซ้อมความเข้าใจวิธีทำงานและการเตรียมตัวปฏิบัติภารกิจของรัฐมนตรี โดยเลขาธิการครม.ชี้แจงถึงแนวทางการเสนอแต่งตั้งเลขานุการ ที่ปรึกษา และผู้ช่วยรัฐมนตรีตามกฎหมาย วันนี้ไม่มีมติแต่งตั้งใครให้ทำอะไรทั้งสิ้น 2.พล.อ.ประยุทธ์ ให้หัวหน้าฝ่ายแต่ละฝ่ายของ คสช.รายงานผลการปฏิบัติงานรอบ 3 เดือน เพราะบางเรื่อง รัฐมนตรีต้องรับช่วงไปทำต่อ และต้องรู้ว่าของเก่าเขาทำอะไรไว้บ้าง ทั้งนี้ นายกฯ สั่งการให้สรุปงานของ คสช.ที่ผ่านมา จัดพิมพ์เป็นรูปเล่มแจกกระทรวงต่างๆ ให้รับทราบและสานงานต่อได้ถูกต้อง

      นายวิษณุ กล่าวอีกว่า 3.ที่ประชุมพูดถึงนโยบายที่จะแถลงต่อ สนช.ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ซึ่งยกร่างนโยบายเสร็จสิ้นแล้ว โดย นายกฯ ลงมากำกับด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด และมีส่วนสำคัญสอดแทรกเข้าไป ซึ่งต้น ร่างเดิม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็น ผู้ยกร่างเหมือนทุกรัฐบาล และเมื่อร่างเสร็จก็เสนอให้หัวหน้ารัฐบาลดู ซึ่งสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานายกฯ ใช้เวลากับเรื่องนี้มาก

อธิบายนโยบายรัฐบาล

       รองนายกฯ กล่าวว่า ร่างนโยบายมีที่มาจาก 5 แหล่ง ซึ่งต่างจากอดีตที่มาจากนโยบายพรรคการเมืองที่ใช้หาเสียง ซึ่งทั้ง 5 แหล่งนี้คือ 1.นายกฯให้ทำนโยบายยึดหลักยุทธศาสตร์ตามแนวพระราชดำริ "เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา" ที่จะแทรกอยู่ในนโยบายทุกข้อ 2.ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เน้นความพอดี พอสม พอควร ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน 3.แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 4.นโยบายของคสช. เช่น โรดแม็ป 3 ระยะหลัก ค่านิยม 12 ประการ 5.ปัญหาของประเทศและความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาว่าต้องการอะไร เรียกร้องและอยากเห็นอะไร

       "นายกฯ เน้นเป็นพิเศษและให้ใส่ในนโยบายด้วยว่าปัญหาของประชาชนคือ การที่เขาอยู่ไปโดยไม่รู้ว่าใครทำอะไรไปบ้าง เป็นเจ้าของประเทศแต่กลับไม่รู้ทิศทางและอนาคตว่าจะไปทางใด ดังนั้นนโยบายต้องตอบคำถามที่คาใจของคนให้ได้ และรัฐบาลที่ผ่านมา 60 ชุด มีภารกิจต้องทำตามรัฐธรรมนูญข้อเดียวคือการบริหารราชการแผ่นดิน แต่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนี้ เป็นครั้งแรกที่กำหนดให้รัฐบาลมีหน้าที่ 3 ข้อ 1.การบริหารราชการ 2.การปฏิรูป และ 3.การสร้างความสมานฉันท์ สามัคคีปรองดอง ดังนั้น นโยบายที่จะแถลงจึงครอบคลุม 3 ด้านนี้" นายวิษณุกล่าว

ลั่นอำนวยยุติธรรมให้ประชาชน

        รองนายกฯ กล่าวว่า หน้าที่การบริหารนั้นจะครอบคลุมปัญหาประเทศ 11 ด้าน ซึ่ง นายกฯให้แนวว่าแต่ละปัญหาใหญ่ 11 ข้อนั้น เมื่อแตกเป็นข้อย่อย ต้องทำในระยะแรกเร่งด่วนเฉพาะหน้าซึ่งอาจทำภายใน 1 เดือนหลังรัฐบาลเริ่มทำงาน ส่วนระยะกลาง ต้องทำต่อจากระยะแรก พยายามให้เสร็จใน 1 ปี ขณะที่ระยะยาว กว่าจะเห็นผลอาจ 5-10 ปี อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ แม้เป็นเรื่องอนาคตแต่รัฐบาลจะวางรากฐานไว้ให้รัฐบาลชุดต่อไป ถ้ามีกฎหมาย ศึกษาหรือเลือกสถานที่ ให้รัฐบาลชุดต่อไปรับช่วงดำเนินการต่อ 

      นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนการปฏิรูป รัฐบาลให้ความสำคัญกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะให้ความร่วมมือเต็มที่ ไม่แทรกแซง และจะเปิดเวทีปฏิรูปเพิ่มขึ้นจากเวทีของ สปช. เพื่อให้คนที่ไม่ได้เป็นสปช.มีเวทีแสดงความเห็น โดยรัฐบาลจะประสานให้คนเหล่านี้เป็นกรรมาธิการ คณะทำงานหรือที่ปรึกษาของสปช. เพื่อให้มีที่ยืนหากยังต้องการทำงานอยู่

      รองนายกฯ กล่าวว่า การสร้างปรองดองสมานฉันท์ รัฐบาลจะนำมาทำต่อคสช. สิ่งสำคัญคือขจัดเงื่อนไขความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจ รวมถึงการอำนวยความยุติธรรมที่ประชาชนรู้สึกว่าสองมาตรฐาน รัฐบาลจะแก้ไขสิ่งนี้ให้ได้ และสิ่งหนึ่งที่นายกฯให้แทรกในร่างนโยบายก่อนส่งให้ สนช.ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ คือทุกเรื่องให้แทรกเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมถึงการปฏิรูป และการเดินหน้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทั้ง 3 เรื่องหลักจะเป็นวาระแห่งชาติในนโยบายทุกหัวข้อ

วางแผนทำงานแค่ 1 ปี

       นายวิษณุ กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสนช.ในวันที่ 12 ก.ย. นี้แล้ว นายกฯกำชับว่าจะให้ประชุมปลัดกระทรวง อธิบดีและฝ่ายปฏิบัติในสัปดาห์หน้า เพื่อชี้แจงถึงนโยบายแต่ละข้อ ให้แต่ละกระทรวงทำแผนปฏิบัติการ กำหนดว่าจะทำอะไร ใช้งบฯเท่าใด ใช้บุคลากรจากไหน และจะสำเร็จเมื่อใด ซึ่ง 20 กระทรวงต้องทำอย่างนี้ให้ครอบคลุม 1 ปี จัดเป็นคู่มือติดตามงานและตรวจราชการ และเมื่อถึงสิ้นปี ก็จะประมวลผลงานทั้งหมด จัดทำเป็นรายงานประจำปีเสนอต่อ สนช.

       นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลมีเงื่อนไขและเงื่อนเวลาทำงาน 1 ปี ทำให้ต่างจากรัฐบาลอื่น ซึ่งคสช.วางหลักทำงานไว้หลายเดือนและรู้ช่วงที่จะพ้นจากหน้าที่ ไม่ใช่อยู่ยาว 4 ปี จึงเขียนนโยบายทำงาน 1 ปี และวางรากฐานสำหรับรัฐบาลต่อไป ฉะนั้นเรื่องประชาธิปไตย ปฏิรูป การไม่ทุจริต จึงเป็นเป้าหมายต้องทำให้ดี เพื่อให้เกิดรัฐธรรมนูญใหม่และรัฐบาลใหม่รับช่วงงานไปทำต่อ ให้เป็นรัฐบาลระชาธิปไตยที่ไม่เป็นภาระแก่ประชาชน

"บิ๊กตู่"ลุยแถลงนโยบายรบ.เอง 

       เมื่อถามว่าในร่างนโยบายพูดถึงการยกเลิกกฎอัยการศึกหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า นายกฯสั่งให้เขียนไว้ว่าจะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ตามความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว ส่วนจะยกเลิกเมื่อใด เป็นเรื่องของคสช.และฝ่ายทหารจะพิจารณาและนำเสนอต่อไป ส่วนการแถลงนโยบายต่อสนช.นั้น นายกฯ จะแถลงเพียงคนเดียว เชื่อว่าจะมีสมาชิกสนช.สอบถาม เพราะถือเป็นโอกาสทองที่จะเสนอแนะหรือฝากข้อคิดให้กับรัฐมนตรี โดยไม่จำเป็นต้องให้ข้าราชการมาช่วย เพราะมือ ชั้นนี้ลุยไฟได้อยู่แล้ว 


เยี่ยมชม - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินเยี่ยมชมสินค้าผ้าพื้นเมืองอีสานภายในตลาดผ้านาข่า อ.เมืองอุดรธานี โดยมีชาวบ้านเข้ามาทักทายและขอร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกจำนวนมาก เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 

        เมื่อถามว่ารัฐบาลสามารถเรียกให้คสช.มารายงานการทำงานได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า หลังถวายสัตย์ฯ แล้ว ถือว่าครม.รับหน้าที่สมบูรณ์ ถือเป็นวันเริ่มต้นจ่ายเงินเดือนและต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน และยังเป็นวันที่คสช.ลดระดับการทำงานลง เป็นเพียงองค์กรหนึ่ง ไม่ใช่ทำหน้าที่เป็นรัฐบาลเหมือนก่อนหน้านั้น จึงไม่สามารถออกประกาศคำสั่งใดๆ หรือเรียกบุคคลมารายงานตัวได้อีก ยกเว้นใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกหรือการจัดระเบียบภายในคสช. โดยนายกฯมอบให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาว่าครั้งที่แล้วนายกฯ ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ตั้งกรรมการต่างๆ เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว นายกฯ ต้องการให้กลับสู่โครงสร้างของฝ่ายบริหารปกติ อะไรที่ให้หัวหน้าคสช.เป็นประธานก็ให้ปรับมาเป็นนายกฯ และให้รองหัวหน้าคสช.ปรับมาเป็นรองนายกฯ

สัปดาห์หน้าแบ่งงาน"รมต."

        นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนตนจะเข้าทำงานที่ทำเนียบในสัปดาห์หน้า เพราะยังไม่มีแบ่งงานระหว่างรองนายกฯ และตราบใดที่ยังไม่แถลงนโยบายแล้วไปแบ่งงานก่อน เท่ากับไปบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นมีการวางไว้แล้วว่าเรื่องแบ่งงานจะนำเข้าที่ประชุมครม.สัปดาห์หน้า ส่วนบรรยากาศในที่ประชุมเหมือนเดิม แต่แปลกที่ห้องประชุม วันนี้ครม.ใส่ชุดผ้าไทยเพราะนายกฯ บอกว่าไม่อยากยุ่งแต่เห็นว่าที่ผ่านมาแต่งมาคนละแบบ บางคนใส่เสื้อสูท บางคนใส่เสื้อซาฟารี จึงหาชุดที่ทุกคนมีเหมือนกันคือชุดไทย 

        ต่อข้อถามถึงการรับเงินเดือนค่าตอบแทนของรัฐมนตรีที่บางส่วนยังดำรงตำแหน่งข้าราชการประจำ จะต้องเลือกรับทางใดทางหนึ่งหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 41 ระบุยอมให้ข้าราชการประจำมารับตำแหน่งได้ ฉะนั้นการรับค่าตอบแทนจะเป็นไปตามกฎหมายก็ต้องว่าตามนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมากฎหมายระบุต้องเลือกรับเงินเดือนทางใดทางหนึ่งโดยให้เลือกที่ในตำแหน่งที่ได้รับมากที่สุด นายวิษณุกล่าวว่า ต้องเช็กดูในกฎหมาย 

แจงวุ่นรับเงินเดือนได้ทางเดียว

        ส่วนนายกฯ ยังมีตำแหน่งผบ.ทบ.อยู่ จะรับอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ตามหลักมีอยู่แล้วว่าไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีกี่ตำแหน่ง หากเงินนั้นเรียกว่าเงินเดือนให้รับทางเดียว แต่ถ้าเรียกว่าเงินประจำตำแหน่ง ไม่ว่าจะมีกี่ตำแหน่งก็รับได้หมดทุกตำแหน่ง เมื่อถามย้ำว่าเงินเดือนของนายกฯ จะรับได้ต่อเมื่อเกษียณอายุราชการจากผบ.ทบ.ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "ท่านก็เลือกรับเอาว่าจะเอาทางใด แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 41 เว้นไว้ก็นึกไม่ออก เพราะหลักเกณฑ์เรื่องนี้ยังไม่ออกมา"

       นายวิษณุ กล่าวว่า ตนได้ชี้แจงครม.ถึงขั้นตอนและวิธียื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินว่า ให้นับจากวันที่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน เมื่อวันที่ 4 ก.ย. เป็นวันทำงานวันแรก ดังนั้นจะครบกำหนดยื่นแสดงบัญชี 30 วัน คือ วันที่ 2 ต.ค. นี้ ก่อนหน้านั้นได้แจกแบบฟอร์มให้รัฐมนตรีไปกรอกรายละเอียดแล้วและย้ำว่าอย่าเลยกำหนดเวลาและขอให้ทำใจ เพราะการยื่นบัญชีทรัพย์สินต้องเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบ ส่วนใครที่มีสิ่งใดเก็บไว้ก็ไปจัดการตัวเอง เพราะตนช่วยไม่ได้ หากมีใครไปขุดค้น

จี้รมว.สธ.ลาอธิการบดีมหิดล

        วันเดียวกัน นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์แสดงความไม่เห็นด้วยที่ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข โดยไม่ลาออกจากอธิการบดี มม. ว่า จะเดินเอาปี๊บคลุมหัวจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ไปสำนักอธิการบดี เพื่อร่วมประชุมคณบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ในวันที่ 10 ก.ย. เวลา 09.00 น. และในการประชุมสภา มม.วันที่ 17 ก.ย.นี้ด้วย 

        "เรื่องนี้มีตรรกะที่เข้าใจง่ายๆ คือ สมมติว่าเป็นพนักงานที่ทำงาน และรับเงินเดือนกับบริษัทหนึ่งเต็มเวลา แต่ต่อมาไปตอบรับทำงานเต็มเวลาและรับเงินเดือนกับบริษัทอีกหนึ่งแห่งควบคู่กัน ถามว่าในเชิงปฏิบัติทั้งสามัญสำนึกและรูปแบบการทำงานในแต่ ละวัน ทำได้โดยไม่กระทบกับเนื้องานของฝั่งหนึ่งฝั่งใดจริงหรือไม่" นายสุกรีกล่าว

อ.สุกรีไม่เห็นด้วยรับงาน 2 จ๊อบ

      คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มม. กล่าวว่า ต้องไม่ลืมว่าการบริหารงานของ ม.มหิดล หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ มีงานให้ทำ มีปัญหาให้แก้ไขทุกวัน ซึ่งอธิการบดีมีงานต้อง ดูแลมาก ทั้งสำนักงานสภามหาวิทยาลัย สำนักงานอธิการบดี คณะ 16 คณะ สถาบัน 7 สถาบัน วิทยาลัย 6 วิทยาลัย ศูนย์ 10 ศูนย์ วิทยาเขตกาญจนบุรี บัณฑิตวิทยาลัย กองงานในสำนักงานอธิการบดี 12 กองงาน และยังมีสถาบันสมทบอีก 20 แห่ง ฉะนั้นการที่ นพ.รัชตะรับเงินเดือนเต็มเวลาและสัญญา กับประชาคม ม.มหิดลว่าจะบริหารงานเต็มเวลา แต่กลับไปรับตำแหน่งรมว.สธ. โดยไม่ลาออกจากตำแหน่งเดิม จึงถือว่าผิดสัญญา เพราะคงไม่สามารถทำงานทั้ง 2 แห่งพร้อมกันได้ ส่วนที่สภาคณาจารย์ ม.มหิดล เห็นว่าควรให้โอกาสทำงานควบทั้ง 2 ตำแหน่งไประยะหนึ่งและค่อยประเมินการปฏิบัติงานอีกครั้งนั้น ถือเป็นเรื่องของสภาคณาจารย์ไม่ใช่ความคิดเห็นของตน

       "ผมไม่เคยเป็นอธิการบดี หรือไม่เคยเป็น รมว.สธ. จึงไม่ทราบภาระหน้าที่มีมากหรือเปล่า แต่เมื่อผมเป็นส่วนหนึ่งของประชาคม ม.มหิดล ผมจึงมีสิทธิ์แสดงออกว่าต้องการเจ้านายที่ทำงานเต็มเวลา" นายสุกรีกล่าว

สุดอายขอเอาปี๊บคลุมหัวเดิน

       นายสุกรี กล่าวด้วยว่า ต้องไม่ลืมว่าตอนคุณเป็นแค่ครูบาอาจารย์ คุณเคยพูดต่อว่านักการเมืองว่าไม่มีความชอบธรรม ไม่มีจริยธรรม ไร้สามัญสำนึก และขาดธรรมาภิบาล แต่มาวันนี้เมื่อคุณตอบรับตำแหน่งทางการเมือง คุณกลับทำอย่างที่เคยพูดว่าเขาเสียเอง วิชาชีพ ครู อาจารย์หรือแพทย์ จำเป็นต้องมีสามัญสำนึกในระดับสูง เพราะถ้าไม่มีสามัญสำนึก ประเทศนี้จะเหลือความน่าเชื่อถืออะไรที่จับต้องได้อีก

       "ถ้าใครสักคนทำงานเต็มเวลาและรับเงินเดือนทั้ง 2 แห่งพร้อมกัน ผมว่าต้องมีอะไรผิดสักอย่าง ที่แน่ๆ คือโกงเวลาจากที่ใดที่หนึ่ง ลองคิดดูเองว่าถูกหรือผิด แต่ผมคิดว่าผิด" นายสุกรีกล่าว

       เมื่อถามว่าการประกาศตัวไม่เห็นด้วยกับการควบตำแหน่งของ นพ.รัชตะ จะมีผล กระทบต่อการทำงานหรือไม่ นายสุกรีกล่าวว่า หากไม่เอาตน ตนจะเดินออกจาก ม.มหิดลเอง เพราะการประกาศจะเดินเอาปี๊บคลุมหัวไปประชุมคณบดี ม.มหิดล ชัดเจนแล้วว่าตนอับอายกับเรื่องนี้ขนาดไหน 

พท.ยื่น"บิ๊กตู่"สอบไมค์แพง

     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องการจัดซื้อ จัดจ้างไมโครโฟนสำหรับใช้ในห้องประชุมครม. โดยนายเรืองไกรกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ร้องขอให้ตรวจสอบราคาและได้รวบรวบข้อมูลเอกสารที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ พบว่าเรื่องนี้มีการตั้งราคากลางจัดซื้อต่อหน่วยสูงกว่าราคาขายในท้องตลาด ประมาณชุดละ 58,990 บาท ซึ่งแพงขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ จึงขอให้นายกฯ มอบให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำไปตรวจสอบต่อไปโดยด่วน

      นายเรืองไกร กล่าวว่า ข้อมูลการประมาณราคากลางงานติดตั้งระบบเสียง ระบบภาพ ระบบไฟฟ้าแสงสว่างและระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ของห้องประชุม 501, 301 และ 302 ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ประมาณราคาไว้เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ว่า ห้องประชุม 501 จัดซื้อไมโครโฟนยี่ห้อ BOSCH รุ่น DCNM-MMD ราคาต่อหน่วย 139,690 บาท ก้านไมโครโฟน ยี่ห้อ BOSCH รุ่น DCNM-HDMIC ราคาต่อหน่วย 18,300 บาท ซึ่งจากราคาที่กรมโยธาฯ ตั้งราคาไมโครโฟนรวมก้านไว้เป็นราคากลางเท่ากับ 157,990 บาท (139,690 +18,300) แต่พบว่าเคยตั้งราคาขายทั่วไปรวมทั้งชุด 99,000 บาท ซึ่งมีส่วนต่าง 58,990 บาท อาจมีการใช้เงินภาษีประชาชนสูงกว่าความเป็นจริง 60 เปอร์เซ็นต์

เรืองไกรจี้โชว์รายการจัดซื้อ

        นายเรืองไกร กล่าวว่า ข้อมูลที่พบ ยังเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นสำหรับรายการเดียว แต่จากเอกสารประมาณราคาก่อสร้าง แสดงว่ามีงบประมาณส่วนอื่นอีกที่สาธารณชนยังไม่ได้รับทราบข้อมูล จึงควรนำข้อมูลราคาค่าก่อสร้างการปรับปรุงทำเนียบครั้งนี้ออกมาเปิดเผยทั้งหมด และเนื่องจากกรณีนี้เป็นที่สนใจของสังคม และยังไม่พบว่าป.ป.ช.จะเข้าตรวจสอบหรือไม่ ดังนั้น เพื่อให้ได้ความจริงโดยเร็ว ควรขอให้สตง. ตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย 

        "และขอให้ใช้อำนาจนายกฯ สั่งห้ามเคลื่อนย้ายวัสดุอุปกรณ์ใดๆในห้องประชุม 501 เพื่อมิให้มีการทำลายหลักฐานหรืออำพรางข้อมูลที่เกิดขึ้น รวมทั้งขอให้ตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบประมาณปรับปรุงทำเนียบทั้งหมดด้วยว่า มีงานใดที่ทำก่อนการลงนามในสัญญาอีกหรือไม่" นายเรืองไกรกล่าว

เผยเงื่อนไขต้องจ่ายล่วงหน้า 15%

         รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบเอกสารสรุปผลการประมาณราคาก่อสร้าง งานติดตั้งระบบเสียง ระบบภาพ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ห้องประชุม 501, 301 และ 302 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยกองมาตรฐานกลาง กรมโยธาธิการและผังเมือง เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2557 มีรายละเอียดค่าก่อสร้างคิดเป็นเงินประมาณ 67,988,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องจ่ายล่วงหน้า 15 เปอร์เซ็นต์

       ทั้งนี้ มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ได้แก่ ระบบไมโครโฟนชุดประชุม ซึ่งใช้เหมือนกันทั้ง 3 ห้อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนยี่ห้อ BOSCH รุ่น DCMN-MMD จำนวน 181 ชุด ราคาชุดละ 139,690 บาท ก้านไมโคโฟนยี่ห้อเดียวกัน รุ่น DCNM-HDMIC จำนวน 181 ชุด ราคาชุดละ 18,300 บาท กล้อง HD ยี่ห้อ BOSCH รุ่น VCD-811-IWT HD จำนวน 6 ตัว ราคาตัวละ 240,850 บาท และอุปกรณ์ต่อเนื่องอีกจำนวนหนึ่ง

ชาวเน็ตวิจารณ์จอพลาสม่า 5 แสน

       นอกจากนั้น ยังมีระบบภาพวิดีโอวอลล์ ในห้องประชุม ต้องติดจอพลาสม่า ขนาด 60 นิ้ว C60 pw 120 รวม 16 จอ ราคาจอละ 529,870 บาท ขายึดแบบพนัง 16 อัน ราคาอันละ 19,270 บาท เครื่องกระจายสัญญาณ DVI 1:12 รวม 2 เครื่อง ราคาเครื่องละ 55,490 บาท และเครื่องกระจายสัญญาณ DVI 1:2 อีก 1 เครื่อง ราคาเครื่องละ 14,450 บาท 

       ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในเว็บพันทิปมีการเผยแพร่ข้อมูลราคาระบบภาพวิดีโอวอลล์ ในห้องประชุม ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลากหลาย ตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยีที่ใช้จอพลาสม่า ทั้งที่ปัจจุบันมีระบบแอลอีดีที่ให้ความคมชัดมากกว่า และราคาต่ำกว่า อีกทั้งระบบส่งสัญญาณ DVI ที่มีเทคโนโลยีไฮเดฟที่น่าจะเลือกใช้มากกว่า นอกจากนี้ยังมีการเทียบเคียงจอทีวีหลากหลายยี่ห้อใน สเป๊กคล้ายกัน ว่ามีราคาตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสน แต่ไม่มีตัวไหนราคาแพงถึงตัวละ 529,870 บาท ตามที่กรมโยธาธิการและผังเมืองประเมินไว้เลย นอกจากนี้ยังตั้งคำถามถึงขาจอทีวีที่ตัวละเกือบ 2 หมื่นบาท ว่าแพงเกินควรไปหรือไม่ พร้อมเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบชี้แจง นอกเหนือจากไมโครโฟน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด

ปนัดดาปัดไม่เกี่ยวซื้อไมค์แพง

       ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนัก นายกฯ และปลัดสำนักนายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวการจัดซื้อจอแอลอีดี ขนาด 55 นิ้ว ที่ติดตั้งในห้องประชุมครม. ห้อง 501 ที่มีการตั้งข้อสังเกตมีราคาค่อนข้างสูงว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากพูดเพราะไม่เกี่ยวข้องเลยจริงๆ มีหน่วยงานที่ดำเนินการอยู่แล้ว พูดไปเหมือนเป็นการโบ้ย ขอให้สอบถามจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงจะดีกว่า ที่ผ่านมามีข่าวพาดพิงถึงตนทั้งที่ไม่เกี่ยวเลย ก็รู้สึกน้อยใจบ้าง ยืนยันว่าเรื่องนี้ตนไม่มีอำนาจใดๆ พิจารณา

         เมื่อถามว่าจะเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดของการจัดซื้อให้สาธารณะรับทราบหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ต้องเปิดเผยอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าประชาชนหรือผู้สนใจจะเข้าตรวจสอบได้ในช่องทางใดบ้าง ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ก็มีช่องทางเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

โยนอธิบดีกรมโยธาฯชี้แจง

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีกระแสข่าวว่าโครงการติดตั้งระบบเครื่องเสียงและไมโครโฟน เมื่อสอบถามหน่วยงานและ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยตอบเพียงว่าเรื่องดังกล่าวมีเพียงนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เท่านั้นที่จะเป็นผู้ชี้แจงและตอบคำถามได้ คาดว่าอธิบดีจะเปิดแถลงชี้แจงรายละเอียดของโครงการดังกล่าวในเร็วๆ นี้ โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการจ่ายเงินล่วงหน้า 15% ให้กับบริษัท อัศวโสภณฯ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะยังไม่มีการเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกับผู้รับเหมา เนื่องจากยังอยู่ในช่วงต่อรองราคาให้ต่ำลงให้มากที่สุด 

      รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดนายมณฑลจัดทำข้อสรุปรายละเอียด รวมทั้งราคาของเครื่องเสียงและไมโครโฟน ส่งให้พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ ซึ่งกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกฯ และเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้พิจารณาแล้ว โดยอธิบดีกรมโยธาฯ จะยังไม่ชี้แจงราย ละเอียดใดๆ จนกว่าพล.ต.อ.อดุลย์จะอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลได้ คาดว่าน่าจะรอผลสรุปของการต่อรองราคาอีกครั้ง

     รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในวันที่ 10 ก.ย. อธิบดีกรมโยธาฯ จะแถลงชี้แจงข้อมูลดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ที่กรมโยธาฯ ในเวลา 10.30 น.

ปปช.ตั้งทีมร่วมอสส.ถกคดี"ปู"

       ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. เป็นประธานประชุมคณะ กรรมการป.ป.ช. เพื่อพิจารณากรณีอัยการสูงสุด (อสส.) ไม่สั่งฟ้องโครงการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เนื่องจากเห็นว่ายังไม่มีข้อมูลสมบูรณ์เพียงพอ โดยขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมอสส.-ป.ป.ช. มาพิจารณาร่วมกันในสำนวน

       จากนั้นนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ ประชุมป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งผู้แทนป.ป.ช. 10 คน มีตนเป็นหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายป.ป.ช. เพื่อร่วมเป็นคณะทำงานร่วมกับฝ่ายอสส. 10 คน หลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะประชุม คณะทำงานเพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ ส่งให้ อสส.ฟ้องคดีต่อไป แต่หากไม่อาจหาข้อยุติได้ป.ป.ช.มีอำนาจฟ้องคดีเองหรือแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องคดีแทนได้ ซึ่งยังกำหนดไม่ได้ว่าจะพิจารณาเสร็จเมื่อใด แต่จะดำเนินการให้เร็วที่สุด ส่วนจะเริ่มประชุมนัดแรกเมื่อใดนั้นต้องรอการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากประธานป.ป.ช.ก่อน จากนั้นจะมีคำสั่งประสานฝ่าย อสส.ว่าจะนัดประชุมครั้งแรกในวันใด อาจเป็นเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ดีในคณะทำงานชุดนี้ไม่มีนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. รวมถึงกรรมการป.ป.ช.คนอื่นด้วย 

"ปู"โพสต์แนะนำไข่กระทะอุดรฯ

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า มาที่ จ.อุดรธานี อดไม่ได้ที่ต้องแวะมาทานไข่กระทะอาหารมื้อเช้าที่ขึ้นชื่อของจังหวัด ซึ่งจังหวัดอื่นในภาคอีสานก็มีเมนูมื้อเช้าแบบนี้เช่นกัน ไข่กระทะต้องกินคู่กับขนมปังฝรั่งเศสที่กรอบนอกนุ่มใน หรือขนมปังญวนซึ่งเข้ากันได้ดี ใครแวะมาภาคอีสานขอแนะนำอย่าลืมเมนูไข่กระทะกับขนมปังญวน 

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ซึ่งมาร่วมงานศพและนอนค้างที่ จ.อุดรฯ ตั้งแต่ วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ในช่วงเช้าน.ส. ยิ่งลักษณ์ได้แวะเยี่ยมชมตลาดผ้าบ้านนาข่า อ.เมือง ตลาดผ้าไหมคุณภาพ ซึ่งเป็นสินค้าโอท็อปห้าดาวประจำจังหวัดอุดรธานี ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ให้กำลังใจชาวบ้านในชุมชนตลาดบ้านนาข่า และจับจ่ายสินค้ารวมถึง ซื้อเสื้อยืดสกรีนลายมวยไทยฝากน้องไปป์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ลูกชายด้วย ก่อนเดินทางกลับ กทม.ในช่วงค่ำวันเดียวกัน