วันที่ 05 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8682 ข่าวสดรายวัน

ยังไม่ฟ้องปูคดีข้าว ปปช.เงิบ อสส.ชี้สำนวนอ่อน 
ฟัน'หญิงเป็ด'สัมมนาเท็จ บิ๊กตู่-32 รมต.ถวายสัตย์ กก.สรรหาสปช.แฉล็อบบี้ กมธ.งบฯหั่นโบนัสขรก.


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 4 ก.ย.

      อัยการสูงสุดหักป.ป.ช. ยังไม่สั่งฟ้อง'ปู'คดีรับจำนำข้าว ชี้ 3 ประเด็นสำนวนไม่สมบูรณ์ ที่อ้างผลวิจัยทีดีอาร์ไอ ก็มีแต่ปกเอกสาร ด้านป.ป.ช.ยืนยันหลักฐานแน่นหนา ตั้งท่ายื่นฟ้องเอง 'ประยุทธ์'นำ 32 รัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ ครม.ถกนัดแรก 9 ก.ย. 'ปนัดดา'ฟุ้งห้องประชุมปรับใหม่ ใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกับทำเนียบขาว นายกฯ ประชุมกรรมการสรรหา สปช. ยันไม่มีล็อกสเป๊ก แฉผู้ถูกเสนอชื่อโทร.ล็อบบี้กรรมการแล้ว'สุขุมพันธุ์'ระทึก ศาลนัดฟังคดีใบเหลือง อสส.สั่งฟ้อง 'หญิงเป็ด'เบิกเงินจัดสัมมนาเท็จ

ประชุมกก.สรรหาสปช.คึกคัก
       วันที่ 4 ก.ย. สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ มีการประชุมคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คณะกรรมสรรหาทั้ง 11 ด้าน ประธานกรรมการสรรหาจาก 77 จังหวัด คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประธานกกต.จังหวัด ปลัดกระทรวง อธิบดีกรมการปกครอง และตัวแทนจากเหล่าทัพรวมกว่า 500 คน ทั้งหมดทยอยเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้า 
      อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะกรรมการสรรหาด้านการเมือง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาคสช. ในฐานะคณะกรรมการสรรหาด้านพลังงาน โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง คือ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะรองหัวคสช. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนา ศัย รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าคสช. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าคสช. พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รองหัวหน้าคสช. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ที่ปรึกษาและเลขานุการ คสช. 
      ร่วมด้วย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน และปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีนาย ศุภชัย สมเจริญ ประธาน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายประวิช รัตนเพียร นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ วางกำลังบริเวณทางเข้าสโมสรทหารบกและบนทางด่วนด้านหน้าสโมสรทหารบก 5 กองร้อย

สรุปยอดสมัคร 5 ก.ย.
      เวลา 09.10 น. ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการสรรหาสปช. กล่าวรายงานสรุปการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช. ต่อพล.อ.ประยุทธ์ ว่า การเปิดรับการเสนอชื่อที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 14 ส.ค.- 2 ก.ย.นั้น ขณะนี้มียอดผู้เสนอชื้อเข้ารับการสรรหาทั่วประเทศรวม 7,042 คน แบ่งเป็นการเสนอชื่อจากนิติบุคคล 4,262 คน และการสรรหาระดับจังหวัด 2,780 คน แต่ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ต้องรอรายชื่อที่ส่งผ่านทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ ที่ประทับตราไม่เกินวันที่ 2 ก.ย. คาดว่าจะสามารถสรุปยอดผู้เสนอรายชื่อทั้งหมดได้ในวันที่ 5 ก.ย.
      นายภุชงค์ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อ สำนักงาน กกต.ร่วมมือกับ 18 หน่วยงานราชการ ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติต้องห้าม ตามขั้นตอนแล้วยังมีเวลาอีก 10 วันในการดำเนินการระหว่างวันที่ 3 ก.ย.-12 ก.ย.นี้ เมื่อสำนักงานกกต.ตรวจสอบคุณสมบัติเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น จะส่งรายชื่อให้คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.-22 ก.ย. เพื่อให้คัดเลือกเหลือด้านละ 50 คน และจังหวัดละ 5 คน จากนั้นก็จะส่งรายชื่อให้ คสช.คัดเลือกให้เหลือ 250 คน ภายในวันที่ 23 ก.ย.-2 ต.ค.นี้ 

"บิ๊กตู่"ให้ยึดโปร่งใส-เป็นธรรม
    เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. และผบ.ทบ. กล่าวเปิดประชุมและมอบนโยบายแนวทางการสรรหา สปช.ว่า เป็นอีกวันที่ค่อนข้างตื่นเต้นเพราะอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่ คนที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยและดูแลประชาธิป ไตยไทยไปสู่การเป็นประชาธิปไตยแบบสากลแต่สอดคล้องกับความเป็นไทย ถือเป็นความสำเร็จและน่ายินดีที่มีคนเข้ารับการคัดสรรเป็นสปช.จำนวนมาก เราทำงานตามโรดแม็ป จะทำทุกอย่างให้เข้าไปอยู่ในกรอบ แก้ปัญหาได้โดยไม่ชี้นำ ขณะนี้ก้าวเข้าสู่การจัดตั้งสปช. จะคัดเลือก 8,000-9,000 คน เหลือ 250 คน ซึ่งมีทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ที่มีผลกระทบและมีส่วนร่วมในความขัดแย้ง รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการปฏิรูป อยากให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาให้เป็นธรรมว่าจะปฏิรูปอย่างไรโดยไม่เกิดความขัดแย้งอีก ซึ่งเป็นงานยาก ตนจะหาโอกาสให้ผู้ที่ไม่ได้รับคัดเลือกมาร่วมมือกับเราด้วย
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 คณะมีเวลาจำกัด ต้องทำอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ต้องห่วงว่าจะล็อกสเป๊กเพราะไม่รู้จักใครสักคน ขอฝากคณะกรรมการสรรหาแต่ละด้าน และคสช.คัดเลือกด้วยความละเอียด รอบคอบ โปร่งใส เป็นธรรม ให้ได้บุคคลที่มีคุณภาพ มุ่งมั่น เสียสละอย่างแท้จริงเข้ามาเป็นสปช. และจะนำข้อสรุปจากเวทีรับฟังความคิดเห็นในโรดแม็ประยะที่ 1 มาสรุปเป็นหนังสือ ซึ่งไม่ได้เป็นการชี้นำแต่เป็นแนวทางหนึ่งที่จะคิดต่อหรือคิดใหม่ และไม่ได้ตีกรอบให้สปช. ตนจะมอบให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปศึกษา

จัดฝ่ายรวบรวมข้อมูล 
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมทำงานควบคู่กับสปช. รวบรวมข้อมูลที่ประชาชนส่งมาให้ จากนั้นส่งให้เลขาธิการรัฐสภาเพื่อส่งให้สปช. ให้ครอบคลุมทุกเป้าหมายที่ต้องการ ในส่วนภูมิภาคสั่งการให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ระดับภาคหรือระดับจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรม รวบรวมความคิดเห็นเพื่อให้ควบคู่ไปพร้อมกับสปช.ด้วย 
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรามีเวลาจำกัด ดังนั้นการปฏิรูปทั้ง 11 ด้านซึ่งจะแตกออกมาเป็นร้อยเรื่องคงทำทั้งหมดไม่ได้ จึงต้องกำหนดให้ชัดเจน จัดระเบียบการปฏิรูปให้ได้ว่าจะทำอะไรก่อนแล้วทำทันทีให้มีผลสัมฤทธิ์ และอะไรที่จะส่งต่อเพื่อให้เกิดความยั่งยืน เช่น ปฏิรูปการศึกษา รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างสังคม 
       ส่วนที่หลายคนบอกว่าการปฏิรูปการเลือกตั้งต้องให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นคนทำนั้น อยากบอกว่าทำได้หรือไม่ เพราะเห็นบอกมาหลายรัฐบาลแล้ว ดังนั้น จึงให้แนวทางว่า "การทำก่อน ทำจริง และมีผลสัมฤทธิ์" จะเป็นผลชี้วัดของทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานที่ไม่ใช่นำมาเพื่อชี้วัดตัวบุคคล

ปฏิรูปการเมืองต้องทำทันที 
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ส่งให้นั้นตนไม่ทิ้งของใครเลย ทั้งที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิ พรรคการเมือง ฝ่ายความขัดแย้ง มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันจนเกิดความเข้าใจ นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นของนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ นพ.ประเวศ วะสี นายอมร จันทรสมบูรณ์ และคนอื่นๆ อีกมาก ทุกคนมีความคิดที่ตรงกันและเป็นประโยชน์ แต่มีบางอย่างไม่ตรงกันจึงต้องจูนให้ตรงกัน โดยไม่มีอัตตา ตัวตน อยากให้คิดไปข้างหน้าและระวังหกล้ม แต่อย่าใช้คำที่สื่อเอาไปลงว่าผูกเชือกรองเท้าผ้าใบแล้วเดินเลย ใครจะบ้าที่ไปทำอย่างนั้น เป็นการแปรเจตนาของตนผิด
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญที่สุดคือการปฏิรูปการเมือง มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่นี่คือสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนทันทีและต้องมีผลสัมฤทธิ์เพราะเป็นอนาคตของเรา และอยากให้ระดมสติปัญญาของคนไทยที่จะนำการเมืองประชาธิปไตยแบบตะวันตกมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับคนไทย ซึ่งชอบแสดงความคิดเห็นแต่ไม่ยอมรับความแตกต่าง จึงต้องหาวิธีว่าทำอย่างไรที่จะนำความแตกต่างมาทำให้เกิดผลโดยรวม

ศึกษาหลักบริหารของยุโรป
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การสร้างกลไกการปกครองและการใช้อำนาจรัฐ อย่าไปคำนึงว่าเพื่อป้องกันการยึดอำนาจในอนาคต อย่าคิดแบบนั้น ถ้าไม่มีสาเหตุไม่มีใครไปยึดอำนาจอยู่แล้ว ถ้าดีอยู่แล้วใครจะยึดให้โง่ทำไม ดังนั้นต้องแก้ปัญหาให้ได้ ต้องคำนึงว่าบุคคลที่จะมาเป็นรัฐบาลและนักการเมืองมาจากการเลือกตั้ง ระบบสภาคู่ สภาเดี่ยว สมัยก่อนสภาคุมรัฐบาลได้แต่วันนี้รัฐบาลและสภาคุมกันไม่ได้ จึงต้องมีเสียงข้างมาก พรรคเดียว หรือหลายพรรคร่วมกัน กลายเป็นองค์กรเดียวในทางปฏิบัติ
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ชี้นำ จะเอาแบบเก่าหรือแบบใหม่ ศึกษามาบ้างแล้วแต่ละประเภทแตกต่างกันทั้งเงื่อนไข กลไกบริหาร พฤติกรรมของนักการเมืองหรือพรรค รวมถึงการเอาใจใส่มาตรฐานทางการเมือง สังคมและสื่อมวลชน ทุกเรื่องหากโยนให้รัฐบาลหมดไม่ได้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมแก้ปัญหา การดูแลชาติบ้านเมืองต้องร่วมมือกัน อย่าโยนปัญหานี้ให้คนนั้นคนนี้ ทุกคนในชาติต้องเข้มแข็งนั่นคือประเด็นสำคัญ
        พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว นักการเมืองควรดูต้องทำอย่างไร ข้าราชการ ทหาร ตำรวจและพลเรือน ต้องทำตัวอย่างไร จะบอกว่าทำแบบเดิม ทำตามคำสั่ง ประเทศชาติก็จะถอยหลังกลับไปเก่า ในยุโรปมีหลักการแยกกลไกบริหารและนิติบัญญัติจากกันต้องนำไปพิจารณาว่าจะทำอย่างไร การบัญญัติรัฐธรรมนูญมีคณะกรรม การร่างรัฐธรรมนูญจะต้องทำต่อโดยฟังเสียงจาก สปช.ว่าจะทำอย่างไร ไม่ให้รัฐบาลบิด เบือนการใช้อำนาจ ข้อกฎหมายหรือบท บัญญัติต่างๆ ต้องทำให้จบ ทุกอย่างต้องมีกฎหมายรองรับ

แก้ระบบเผด็จการรัฐสภา
       นายกฯ กล่าวว่า เรื่องอำนาจเผด็จการรัฐสภา ที่บางคนกล่าวว่ามีเผด็จการทหาร มีเผด็จการรัฐสภา ก็ต้องไปดูเพื่อให้เกิดเสถียรภาพ ไม่เปลี่ยนรัฐบาลบ่อยเกินไป ถ้าดีก็ไม่ต้องเปลี่ยน หรือยุบสภาแล้วจะทำอย่างไร กรณีนักการเมืองมีคดีความจะทำอย่างไร ใครจะสอบสวน หรือจะยุบสภา หรือเลือกตั้งใหม่ ต้องไปหากันให้ชัดเจน แต่อย่าลืมคำว่ามีเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย หากไม่มีเสถียรภาพมันก็ไปไม่ได้เหมือนกัน 

เลิก'อัยการศึก'พิจารณาอยู่
       นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันประวัติ ศาสตร์อีกวันที่จะเดินหน้าประเทศไทยให้ได้และหวังในความร่วมมือ ทุกคนจะต้องมาช่วยกันเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น อย่าให้เสียเวลาเปล่าหรือเสียของ วันนี้มีอย่างเดียวเสียเกียรติยศ เสียความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา แต่ประเทศชาติได้ นั่นคือสิ่งที่พวกเราคิด
      จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ว่า กำลังพิจารณาอยู่ เมื่อถามว่าเบื้องต้นจะมีกี่จังหวัด พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มและย้ำว่า ตอนนี้กำลังพิจารณาอยู่ 
      ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาด ไทย และที่ปรึกษาคสช. กล่าวถึงการยกเลิกกฎอัยการศึกว่า คสช.พิจารณาอยู่ ซึ่งนอกเหนืออำนาจของตน

ประธาน 11 ด้านมาตามโผ 
       เวลา 10.00 น. คณะกรรมการสรรหา สปช. 11 ด้าน แยกประชุมเพื่อคัดเลือกประธานแต่ละคณะ ใช้เวลา 30 นาที จากนั้นนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. แถลงว่า ผลการคัดเลือกประธานในแต่ละด้านได้แก่ 1.ด้านการเมือง พล.อ.ประวิตร 2.ด้านบริหารราช การแผ่นดิน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา 3.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 4.ด้านการปกครองท้องถิ่น พล.อ.อนุพงษ์ 


ยังไม่ฟ้อง - นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลการพิจารณาสำนวนป.ป.ช.ที่มีมติเอาผิดอาญาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีจำนำข้าว ระบุสำนวนของป.ป.ช.ไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สั่งฟ้อง พร้อมแจ้งให้ทราบ เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมต่อไป เมื่อวันที่ 4 ก.ย.

       5.ด้านการศึกษา นายยงยุทธ 6.ด้านเศรษฐกิจ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน 7.ด้านพลังงาน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร 8.ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม พล.อ.อ. อิทธพร ศุภวงศ์ ที่ปรึกษา คสช. 9.ด้านสื่อสารมวลชน พล.อ.นพดล อินทปัญญา ที่ปรึกษา 10.ด้านสังคม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคสช. 11.ด้านอื่นๆ พล.อ.ดาว์พงษ์ 

ถกสรรหานัดแรก 12 ก.ย.
      นายภุชงค์ กล่าวว่า ส่วนคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด จะเริ่มสรรหาตั้งแต่วันที่ 13-22 ก.ย. อาจใช้เวลาประชุม 1-2 ครั้ง น่าจะคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมเป็น สปช.จังหวัดละ 5 คนได้ เพราะมีผู้เข้ารับการสรรหาน้อย แต่ใน 11 ด้าน มีผู้เข้ารับการสรรหามาก อาจประชุมหลายครั้ง แต่ทั้งหมดต้องเสร็จก่อนวันที่ 22 ก.ย. เพื่อ กกต.จะได้จัดเตรียมเอกสาร ผู้ได้รับการเสนอชื่อส่งให้ คสช.ต่อไป
      นายพรเพชร วิชิตชลชัย ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาด้านกฎหมายฯ ให้สัมภาษณ์ว่า แนวทางการสรรหาจะเน้นคุณภาพและความรู้ความสามารถ ประกอบด้วย 1.พิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2.ผู้ถูกคัดเลือกต้องหลากหลาย กระจายตามอาชีพ อาทิ ตำรวจ ศาล และนักวิชาการ 3.มีทั้งเพศหญิงและชายอย่างเหมาะสม และ 4.ตรวจสอบความพร้อมทำหน้าที่เป็น สปช. เช่น อายุและสุขภาพ 
      นายพรเพชร กล่าวว่า วิธีสรรหา คณะกรรมการจะประชุมนัดแรกวันที่ 12 ก.ย. เพื่อดูบัญชีรายชื่อและคุณสมบัติ จากนั้นจะให้กรรมการทั้ง 7 คนคัดเลือกบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมมาคนละ 50 ชื่อ การประชุมนัดต่อมาวันที่ 15 ก.ย. จะนำรายชื่อที่แต่ละคนเลือกมาดูและดีเบตกันว่าคนนั้นมีความรู้ความสามารถขนาดไหนก่อนลงมติ ซึ่งต้องได้คะแนนเสียงข้างมากหรือไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง แล้วนำคะแนนมาเรียงลำดับจากน้อยไปหามาก และดูสัดส่วนวิชาชีพ เช่น หากได้นักร้องถึง 8 คนก็ต้องคัดใหม่ เพราะถือว่าไม่มีความหลากหลายทางอาชีพ 

ผู้สมัครสปช.โทร.อ้อน
        นายพรเพชร กล่าวว่า คณะกรรมการสรรหาอาจเลือกบุคคลที่กกต.หมายเหตุว่ามีปัญหาเรื่องคุณสมบัติก็ได้ หากตรวจสอบแล้วไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ส่วนสถานที่ประชุมครั้งต่อไป ทั้ง 11 ด้านเห็นว่าควรใช้ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1พัน1รอ.) เพื่อกกต.จะได้ทำงานสะดวก สนับสนุนข้อมูลให้แก่คณะกรรมการได้ครบถ้วน 
       เมื่อถามว่า ผู้ได้รับเสนอชื่อมีการติดต่อมาขอเสียงหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ก็มีคนที่พยายามติดต่อมาบ้างแต่เราไม่เปิดโอกาสเพราะการคัดเลือกขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกรรมการทั้ง 7 คน ตนไม่มีใครในใจและสเป๊กที่ล็อกไว้คือคนที่มีคุณภาพ ซึ่งต้องหลากหลาย ไม่ใช่กระจุกส่วนใดส่วนหนึ่ง 

ด้านศก.ขอโควตา 10 ที่
       นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน ประธานคณะกรรมการสรรหาสปช.ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจมีผู้สมัคร 321 คนแล้ว แต่ยังมีมาทางไปรษณีย์อีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าเราจะได้รับชื่อทั้งหมดวันที่ 12 ก.ย.นี้ และวันที่ 15 ก.ย. กรรมการจะคัดให้ได้ 50 ชื่อ เกณฑ์การเลือกคือให้มีหลายสาขาวิชาชีพ เช่น อยู่ทั้งในภาคเอกชนและรัฐบาล และพิจารณาเอกสารประกอบว่าผู้ได้รับการเสนอรายชื่อมีแนวคิดทำอะไรก่อนและหลัง ซึ่งอยากได้คนจากด้านเศรษฐกิจเข้าไปอยู่ในสปช. 173 คนให้มากที่สุด อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10 คน แต่ขึ้นอยู่กับการคัดเลือกของคสช.ด้วย 
      เมื่อถามว่า วางแผนเข้ากระทรวงอย่างไร นายณรงค์ชัยกล่าวว่า มีแผนจะเข้ากระทรวงโดยเร็วเพราะคสช.สั่งให้รีบทำงาน แต่ต้องรอให้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อน เมื่อถามถึงการประกาศยกเลิกอัยการศึก นายณรงค์ชัยกล่าวว่า คณะที่ปรึกษาเสนอไปว่าอยากให้คสช.พิจารณายกเลิกในสถานที่ท่องเที่ยวก่อน โดยมั่นใจว่าสามารถดูแลพื้นที่ท่องเที่ยวได้

กก.งดโหวตให้ผู้สมัครที่เป็นญาติ 
      นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาสปช. ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เผยว่า กระบวนการสรรหา สปช.ไม่มีการล็อกสเป๊ก ส่วนที่มีบางคนมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกรรมการสรรหาบางคนนั้น เบื้องต้นได้รับการยืนยันแล้วว่ากรรมการที่เป็นเครือญาติกับผู้เสนอชื่อ จะงดลงคะแนนเลือกในรายนั้นๆ เพื่อให้โปร่งใส และหลักเกณฑ์การคัดสรรจะยึดตามกรอบที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดไว้ คือคำนึงถึงความหลากหลายของภาคส่วนต่างๆ ความเท่าเทียมทางเพศ ผู้ด้อยโอกาส ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อกกต.ส่งรายชื่อให้แล้ว กรรมการแต่ละคนจะใช้เวลาพิจารณา 2-3 วันก่อนประชุมร่วมกันอีกครั้ง จนถึงขณะนี้ตนยังไม่เห็นรายชื่อ จึงตอบไม่ได้ว่าจะมีใครผ่านการคัดเลือกบ้าง
       นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนที่สื่อนำรายชื่อบุคคลที่คาดว่าจะได้รับเลือกหรือโผสปช.มาลงนั้น เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่จะเป็นตามนั้นหรือไม่ขอให้รอดู ที่มีผู้สมัครมาจากทหารจำนวนมากก็เห็นว่าคนที่มาเสนอชื่อไม่สำคัญเท่ากับคนที่ได้รับคัดเลือก ส่วนที่มูลนิธิมีชัยคุณหญิงอัมพร ฤชุพันธุ์ ส่งชื่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เข้ารับการสรรหาด้านการเมือง เพราะนายบวรศักดิ์เป็นคนเก่งมีประสบการณ์ จึงอยากให้เป็น สปช. แต่จะได้รับเลือกหรือไม่ ตนไม่ทราบ และ ไม่ทราบข่าวว่านายบวรศักดิ์ถูกวางตัวเป็นประธาน สปช.เช่นกัน ตนอยากเห็นประเทศเดินหน้า การปฏิรูปรอบนี้ถือเป็นประวัติ ศาสตร์การเมืองที่สำคัญ ไม่อยากให้เป็นสภาพตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ 

ด้านการเมืองขอคนมีประสบการณ์
        นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. คนที่ 1 ในฐานะคณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านการเมือง กล่าวว่า กระบวนการสรรหาจำเป็นต้องเลือกผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์การเมืองเป็นหลัก เพราะจะทราบจุดแข็งและจุดอ่อนของปัญหาการเมืองโดยตรง ทำให้การปฏิรูปการเมืองเข้มแข็งและมีคุณภาพ การที่หัวหน้า คสช.มอบนโยบายการสรรหา สปช.โดยระบุถึงกลไกการปกครองให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารแยกกันอย่างชัดเจนนั้น ตนเคยดำรงตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติมาก่อน ยอมรับว่าฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารไม่เป็นอิสระต่อกัน โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรที่มีส่วนคัดเลือกฝ่ายบริหารเข้ามาบริหารประเทศ ส่วนการปฏิรูปโครง สร้างที่มาของส.ส.และส.ว.นั้น ขึ้นอยู่กับสภาปฏิรูปจะพิจารณาและหาทางออกร่วมกัน

อสส.ยังไม่ฟ้อง"ปู"จำนำข้าว 
      เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงาน อสส. นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และนางสันทนี ดิษยบุตร รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวนพร้อมมติชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เรื่องละเลยไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 123/1 จากกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท 
      นายวันชัย กล่าวว่า อสส.ตั้งคณะทำงานซึ่งมีนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอสส. เป็นหัวหน้าพร้อมคณะทำงานอัยการรวม 9 คน คณะทำงานมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า สำนวนคดียังมีข้อไม่สมบูรณ์พอจะดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา และเสนอความเห็นต่อนายตระกูล วินิจนัยภาค อสส. ซึ่งอสส.พิจารณาแล้วโดยเซ็นคำสั่งเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ว่า สำนวนของ ป.ป.ช.มีประเด็นที่ยังไม่สมบูรณ์ ดังนี้ 1.ควรรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนว่า นายกฯมีอำนาจยับยั้งโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาลและได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาแล้วหรือไม่

ตั้งกรรมการร่วมกับปปช. 
      2.ส่วนการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ควรรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ว่าโครงการรับจำนำข้าว หลังถูกท้วงติงจากป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ตรวจสอบป้องกันการทุจริตหรือไม่ อย่างไร และผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร และ 3.เห็นว่าควรไต่สวนพยานเพิ่มเติมว่าโครงการรับจำนำข้าว พบการทุจริตในขั้นตอนใดและอย่างไร รวมถึงให้รวบรวมรายงานวิจัยโครงการนโยบายข้าวของสถาบัน วิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เพิ่มเติมเนื่องจากในสำนวนมีเพียงหน้าปกรายงานวิจัยเท่านั้น จึงให้รวบรวมรายงานวิจัยทั้งฉบับเป็นพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนให้สมบูรณ์ด้วย
       นายวันชัย กล่าวว่า สำนักงาน อสส.มีหนังสือแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปยังป.ป.ช. แล้วในวันนี้ (4 ก.ย.) และมีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างอัยการและป.ป.ช. ภายใน 14 วัน โดยคณะทำงานร่วม ประกอบด้วยผู้แทนจากอัยการ 10 คน และผู้แทนจากป.ป.ช. 10 คน มีนายวุฒิพงศ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานในส่วนของอัยการ เพื่อพิจารณาหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์และรวบรวมพยานหลักฐาน ไต่สวนพยานเพิ่มเติมให้สำนวนคดีมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อหาข้อยุติการฟ้องคดี ส่วนกรอบเวลานั้นคณะทำงานร่วมจะเป็นผู้กำหนด 

ชี้สำนวนไม่สมบูรณ์ 3 ประเด็น
      นายวันชัยกล่าวว่า ยืนยันการตั้งคณะทำงานร่วมไม่ใช่การประวิงเวลาเพราะต้องพิจารณาร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วจะเสนอความเห็นไปยังอสส. เพื่อชี้ขาดอีกครั้ง ถ้ามีความเห็นสั่งฟ้องตรงกันจะยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่หากความเห็นไม่ตรงกัน หรืออสส.ชี้ขาดสั่งไม่ฟ้อง จะ ส่งสำนวนกลับคืนไปให้ป.ป.ช. ซึ่งป.ป.ช. สามารถตั้งทนายยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯได้
       เมื่อถามว่า สำนวนของป.ป.ช. มีข้อไม่สมบูรณ์อย่างไรบ้าง นายวันชัยกล่าวว่า ในสำนวนระบุว่ามีการทุจริตทุกขั้นตอน แต่ไม่ลงรายละเอียดว่าทุจริตอะไรบ้าง ตรงส่วนไหนอย่างไร ใครเป็นคนทำ และผู้ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร หากคดีเข้าสู่ศาลฎีกาฯจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ครบถ้วนมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นศาลอาจยกฟ้องได้ ซึ่งขณะนี้ถือว่ายังไม่เพียงพอ ทั้งนี้ คณะทำงานร่วมต้องพิจารณาให้พยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ในทั้ง 3 ประเด็นที่อสส.แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไว้ ซึ่งจะพิจารณาไปพร้อมกับประเด็นที่ทนายความผู้ถูกกล่าวหา ได้ร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องการสอบพยานเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากอัยการยังไม่ได้พิจารณาในส่วนนี้ ซึ่งคดีนี้คล้ายกับคดีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ที่ตั้งคณะทำงานร่วม เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว อสส.ก็มีความเห็นสั่งฟ้อง
       เมื่อถามว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึงอดีตนายกฯ ทางอัยการมีแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า อัยการพิจารณาตาม พยานหลักฐานและทำหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งไม่กังวลต่อกระแสกดดันทางการเมืองใดๆ

ปปช.ยันสำนวนแน่นหนา 
      นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึงอสส.มีมติยังไม่สั่งฟ้องคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการ-ป.ป.ช. ว่า การประชุมป.ป.ช.วันนี้(4 ก.ย.) คณะกรรม การยังไม่ได้หารือกัน คงนำเข้าหารือในที่ประชุมป.ป.ช.วันที่ 9 ก.ย. แต่ยืนยันว่าสำนวนคดีจำนำข้าวของป.ป.ช.แน่นหนาแล้ว ไม่ได้ทำสำนวนหลวม แต่ที่อัยการยังไม่สั่งฟ้องเพราะเป็นความเห็นต่างเรื่องดุลพินิจทางกฎหมาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หลังจากนี้คงตั้งคณะทำงานร่วมฝ่ายละเท่าๆ กันมาหาข้อสรุปว่าจะเพิ่มเติมพยานหลักฐานเรื่องใดบ้าง โดยกรอบเวลาหลังตั้งคณะทำงานร่วมกันภายใน 14 วันแล้ว คณะทำงานจะมีเวลาอีก 14 วันเพื่อหาข้อสรุปให้ได้ หากยังหาข้อสรุปไม่ได้ ก็มีข้อยกเว้นให้คณะทำงานขยายเวลาการทำงานออกไป โดยส่งฟ้องภายในเวลาที่อายุความกำหนดได้ ซึ่งคดีใหญ่ที่ผ่านมาไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ภายใน 14 วันอยู่แล้ว


ซื้อหนังสือ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์รูปพา"น้องไปป์"ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ไปซื้อหนังสือในห้างเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว เพื่อยืนยันว่าลูกชายอยู่เมืองไทย ไม่ได้บินไปเรียนเมืองนอกตามที่มีกระแสข่าวลือ 

      นายสรรเสริญ กล่าวว่า เมื่อหาข้อสรุปได้จะส่งให้อสส.พิจารณาอีกครั้งว่าจะส่งฟ้องหรือไม่ ถ้าอสส.มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง จะแจ้งกลับมายังป.ป.ช. จากนั้นเป็นหน้าที่ป.ป.ช.ว่าจะฟ้องเองหรือไม่ ส่วนข้อทักท้วงของอสส. 3 ประเด็นนั้นเป็นแค่ความเห็นต่าง เช่น กรณีให้ไปหาหลักฐานเพิ่มเติมว่านายกฯมีอำนาจยับยั้งโครงการที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้หรือไม่ ซึ่งป.ป.ช.เห็นว่านายกฯมีอำนาจยับยั้งโครง การได้ แต่อสส.อยากให้ไปหาหลักฐานในส่วนนี้มายืนยันเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องซีเรียส ยืนยันว่าป.ป.ช.ทำสำนวนอย่างรอบคอบ ไม่ได้เร่งรีบจนหละหลวม 

ตั้งท่าเตรียมยื่นฟ้องเอง 
     เมื่อถามว่า อสส.ระบุ 3 ประเด็นที่เป็นข้อไม่สมบูรณ์ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า ประเด็นเหล่านั้นคณะทำงานร่วมจะต้องนำไปพิจารณาว่าพยานหลักฐานต่างๆ มีอยู่ในสำนวนแล้ว แต่ถูกมองข้ามหรือไม่ได้อ่านหรือไม่ ถ้ามีอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้พิจารณา ก็ต้องหารือร่วมกันและดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์ โดยจะสอบเพิ่มหรือขอเอกสารเพิ่มก็แล้วแต่จะตกลงกัน ส่วนที่อสส.ตั้งประเด็นเรื่องรายงานวิจัยทีดีอาร์ไอที่มีเพียงหน้าปกนั้น คณะทำงานร่วมต้องไปดูว่ามีรายงานวิจัยฉบับนี้อยู่หรือไม่ ต้องดูให้ละเอียดว่ามีอยู่จริงหรือไม่ สำคัญอยู่ที่ว่าเมื่อคณะทำงานร่วมดูรายละเอียดของหลักฐานในสำนวนแล้วจะส่งฟ้องหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ป.ป.ช.จะส่งหลักฐานสำคัญไปเพียงหน้าปกโดยไม่ได้แนบรายละเอียด เป็นไปได้หรือไม่ว่าสำนวนมีจำนวนมากอาจจะไม่เห็นก็ได้
      แหล่งข่าวจากป.ป.ช. แจ้งว่า การที่อสส.มีความเห็นให้ตั้งคณะทำงานร่วมนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมาย เพราะหากอสส.ไม่ต้องการส่งฟ้องเองก็ต้องออกมาในรูปแบบนี้ แต่ที่ไม่เข้าใจคือการที่อสส.สรุปมา 3 ประเด็นนั้นต้องการสิ่งใดกันแน่ ในเมื่อป.ป.ช.ส่งสำนวนหลักฐาน เอกสารทั้งหมดให้เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะเอกสารการปิดบัญชีที่ได้ มาจาก น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งรายงานวิจัยโครงการนโยบายข้าวของทีดีอาร์ไอ และสำนวนไต่สวนพยานบุคคลอีกจำนวนมาก หากตั้งคณะทำงานร่วมแล้ว อสส.ยังยืนยันในความเห็นของคดี ทางป.ป.ช.จะฟ้องร้องเอง

ศาลอุทธรณ์นัดชี้ชะตา'ชายหมู'
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 5 ก.ย. เวลา 09.00 น. ศาลอุทธรณ์กลางนัดฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ 1/2557 ระหว่างกกต. ผู้ร้อง กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯกทม. ผู้คัดค้าน เรื่องขอให้ศาลอุทธรณ์กลางมีคำสั่งให้จัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ใหม่ จากกรณีกกต.มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง ให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หลังมีผู้ร้องเรียนว่ามีผู้สนับ สนุนการหาเสียงเลือกตั้งของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เมื่อครั้งลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2556 มีการปราศรัยโจมตีให้ร้ายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม โดยศาลไต่สวนพยานฝ่ายผู้คัดค้านครบทั้ง 7 ปากแล้ว จึงนัดฟังคำพิพากษาในคดีดังกล่าว

ปลัดมท.จัดโผผู้ว่าฯรอ'บิ๊กป้อม'
      เวลา 13.30 น. ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวถึงการเข้าพบพล.อ.อนุพงษ์ รมว.มหาดไทยว่า มีการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง รอเพียงพล.อ.อนุพงษ์เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงก่อน เบื้องต้นให้หน่วยงานในสังกัดทั้งระดับกรมและรัฐวิสหากิจเตรียมข้อมูล บทบาทหน้าที่และนโยบายที่สนองคสช.และรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอต่างๆ เพื่อพัฒนากระทรวงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงรอรับนโยบายจากรมว. มหาดไทยด้วย พล.อ.อนุพงษ์ มีความตั้งใจและเคยเป็นผู้นำระดับสูงสุดในระดับประเทศมาแล้ว เชื่อว่าพร้อมปฏิบัติราชการด้วยความรวดเร็วเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
      นายวิบูลย์ กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าฯว่า ขณะนี้ได้เตรียมข้อมูลตัวบุคคลไว้หมดแล้ว โดยจะไปขอคำปรึกษาพร้อมให้พล.อ.อนุพงษ์ ร่วมพิจารณาด้วย หากดำเนินการได้ตามระบบการโยกย้ายตามปกติ กระทรวงก็พร้อมเสนอเข้าครม.ต่อไป

'บิ๊กจิน'เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ 
     รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมแจ้งว่า พล.อ.อ.ประจิน ในฐานะรมว.คมนาคม และรองหัวหน้าคสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ กับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม และเลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเข้ามาปฏิบัติงานที่กระทรวงคมนาคมครั้งแรก ในบ่ายวันที่ 9 ก.ย. หลังประชุมครม.นัดแรกเสร็จสิ้น เบื้องต้นพล.อ.อ.ประจิน เลือกห้องทำงานบริเวณชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นห้องประจำของรมว.คมนาคม ส่วนนายอาคม เลือกนั่งห้องชั้น 3 ในอาคารเดียวกัน
       ทั้งนี้ รัฐมนตรีทั้ง 2 คน ส่งทีมงานมาดูห้องเรียบร้อยแล้วและสั่งปรับปรุงห้องทำงานใหม่ ปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งห้อง ส่วนรถประจำตำแหน่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างให้รัฐมนตรีเลือกโดยมีรถให้ใช้ 3 คัน เป็นรถเก๋ง บีเอ็มดับเบิลยูซีรีศ์ 7 รุ่น 740 และ 730 กับรถเมอร์เซเดส เบนซ์ เอส350 ซึ่งนำไปตรวจเช็กเครื่องอยู่

ห้องถกครม.ไฮเทคเทียบสหรัฐ
      เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและปลัดสำนักนายกฯ และนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ตรวจความคืบหน้าการปรับปรุงและติดตั้งอุปกรณ์ที่ห้องประชุมครม. ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 และห้องรับรองนายกฯและลิฟต์ขึ้นลงเฉพาะ ซึ่งนายกฯจะใช้ในวันประชุม ครม.ด้วย 
     ม.ล.ปนัดดา เผยระหว่างตรวจเยี่ยมว่า ห้องประชุมครม.หรือห้อง 501 ใช้เทคโนโลยีเดียวกับทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา ซึ่งประธานา ธิบดีบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ใช้อยู่ ถือเป็นแห่งแรกของไทยที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ระบบเครื่องเสียงใช้ระบบทัชสกรีน มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ มีระบบการป้องกันการดักฟังเพื่อป้องกันการประชุมรั่วไหล ห้องประชุม ครม.จะใช้ไมโครโฟน 89 ตัว ตัวละ 1.45 แสนบาท มีวิดีโอวอลล์ความละเอียดสูงขนาด 55 นิ้ว (ระบบไฮเดฟ) ใช้เป็นวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ด้วย ห้องประชุมทั้ง 3 ห้องที่ตึกบัญชาการ 1 คือห้อง 301-302 และ 501 ใช้งบปรับปรุงทั้งสิ้น 69 ล้านบาท 
      ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ห้องประชุม 501 จะใช้ประชุมครม.ครั้งแรกวันที่ 9 ก.ย.นี้ ซึ่งมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตึกบัญชาการ 2 อาจใช้เวลานานเนื่องจากเก่ามาก ปลวกขึ้น น้ำรั่ว เชื่อว่าผู้บริหารจะพึงพอใจ
      ด้านนายมณฑลกล่าวว่า การปรับปรุงตึกบัญชาการ 2 ใช้เวลาพอสมควร คาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นเดือนก.ย.

ร้องสอบปชป.ขัดคำสั่งคสช. 
       เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ ให้ดำเนินการกับพรรคประชาธิปัตย์และผู้ฝ่าฝืนประกาศ คสช.ที่กระทำการฝ่าฝืนประกาศคำสั่งคสช.ที่ 57/2557 ห้ามพรรคการเมืองประชุมหรือจัดกิจกรรมทางการเมือง ผ่านนายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมา 09.30 น. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นร้องหัวหน้า คสช. ในเรื่องเดียวกัน 
      นายสิงห์ทอง กล่าวว่า จากกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวหนังสือ "มหากาพย์โกงข้าว ชำแหละโกงทุกขั้นตอน" วันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคร่วมงานเกินกว่า 5 คนนั้น เข้าข่ายดำเนินกิจกรรมทางการเมืองและฝ่าฝืนคำสั่งคสช. และมีนัยยะซ่อนเร้นหวังโจมตีนโยบายรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขอให้ คสช.มีคำสั่งห้ามเผยแพร่หนังสือดังกล่าวออกสู่สังคม และขอให้สั่งระงับ เรียกคืนและสั่งเก็บ รวมทั้งดำเนินคดีกับนพ.วรงค์และนายอภิสิทธิ์ หากคสช.ไม่ดำเนินการตนจะรวบรวมสมาชิกเพื่อไทยเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณงบไทยเข้มแข็ง การทุจริตก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ รวมทั้งกรณีทุจริตที่ดินเขาแพงเหมือนกับที่พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการได้หรือไม่ 

บัวแก้วแจงคิวนายกฯทัวร์นอก
       นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกรณีสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (โอเอชซีเอชอาร์) กังวลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทย หลังระงับการอภิปรายเรื่องสิทธิมนุษยชนที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทยเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ว่า ไทยรับฟังความห่วงกังวลของโอเอชซีเอชอาร์ แต่กรณีที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาในขั้นตอนการขออนุญาต อยากให้มองในภาพรวมว่าไทยยังเป็นสังคมที่มีเสรีภาพในการแสดงความเห็น เคารพสิทธิมนุษยชน แต่จำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ กระทรวงพร้อมพูดคุยกับโอเอชซีเอชอาร์เพื่อทำความเข้าใจ
       เมื่อถามถึงกำหนดการเยือนต่างประเทศของนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า อยู่ระหว่างการหารือกับพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ เพื่อจัดทำแผนการเยือน ก่อนนำเสนอให้นายกฯพิจารณา พล.อ.ธนะศักดิ์ จะไปร่วมงานประชุมอาเซียน-ไชน่า เอ็กซ์โป ที่นครหนานหนิง ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ ตามคำเชิญโดยตรงของจีน ส่วนการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติปลายก.ย.ที่นครนิวยอร์ก อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่คิดว่าเป็นโอกาส ที่ดีเพราะจะได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย และยังได้พบกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศต่างๆ รวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติด้วย
     นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการเดินทางเยือนของนายกฯ ไทยให้ความสำคัญกับการเยือนอาเซียนและประเทศสำคัญในภูมิภาค ซึ่งต้องหารือกับนายกฯ โดยดูกำหนดการของ นายกฯและผู้นำประเทศที่จะไปเยือน ต้องสะดวกทั้งสองฝ่าย การประชุมระดับผู้นำในกรอบพหุภาคีครั้งแรกจะมีขึ้นกลางต.ค.นี้คือการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรปหรืออาเซม ที่นครมิลาน ประเทศอิตาลี

"บิ๊กตู่"นำครม.เข้าถวายสัตย์ 
      ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ถึง การนำครม.ใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า เมื่อเวลา 16.35 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึงทำเนียบเป็นคนแรก ด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไปพักรอรัฐมนตรีอยู่ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก จากนั้นมีรัฐมนตรีทยอยเดินทางเข้ามา อาทิ พล.อ. ประวิตร พล.ร.อ.ณรงค์ พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒน ธรรม นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม 
       รัฐมนตรีที่มาถึงได้ถ่ายรูปติดบัตรประจำตัว จากนั้นเดินทางด้วยรถตู้ที่สำนักเลขาธิการนายกฯจัดไว้ 8 คัน และรถกันกระสุน 2 คัน โดยพล.อ.ประยุทธ์ แยกมาขึ้นรถเบนซ์สปรินเตอร์ 319 ซีดีไอ สีขาว ทะเบียน อย 6436 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของกองทัพบก ไปพร้อมกับพล.อ.ประวิตร และนายยงยุทธ ออกจากทำเนียบในเวลา 17.00 น. การนำครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนครั้งนี้ ครม.ทุกคนรับการประสานงานในช่วงเวลา 16.10 น. แต่ทุกคนมีความพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยว่าทุกคนมีความพร้อมเช่นเดียวกับตนที่เตรียมชุดขาวไว้ในรถอยู่แล้ว เมื่อได้รับการประสานให้มาพร้อมกันที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบ ทุกคนก็มุ่งหน้ามาพร้อมกัน

เข้าเฝ้าฯที่ศิริราช 
      ขณะเดียวกันมีรัฐมนตรีบางคนเดินทาง มาร่วมคณะไม่ทันและตามไปสมทบที่โรงพยาบาลศิริราช อาทิ นางกอบกาญจน์ วัฒน วรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ โดยคนสุดท้ายที่เดินทางถึงโรงพยาบาลศิริราช คือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ที่มาโดยรถจักรยานยนต์ 
      ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกฯ จัดเตรียมเก้าอี้ พรมแดงและอุปกรณ์ในการถ่ายภาพเพื่อเตรียมความพร้อมถ่ายภาพหมู่ครม.หลังกลับจากเข้าเฝ้าฯ ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ท่ามกลางความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก
       เวลา 18.03 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราช ทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในโอกาสนี้นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

ถกครม.-แถลงนโยบาย 9 ก.ย.
      เวลา 18.36 น. ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์นำครม.เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตน เดินทางกลับมายังทำเนียบเพื่อถ่ายภาพหมู่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เจ้าหน้าที่นำรถส่องสว่างมาเพิ่มแสงเพราะเป็นเวลาพลบค่ำ โดยม.ล.ปนัดดาเดินทางมาร่วมถ่ายภาพหมู่ด้วยไม่ทัน หลังถ่ายภาพ พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นหันไปไหว้รัฐมนตรีทุกคน พร้อมกล่าวขอบคุณว่า ขอให้ประสบความสำเร็จ จากนั้นเดินทางมาขึ้นรถยนต์ส่วนตัว 
      ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการแถลงนโยบายต่อสนช. พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มพร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า วันที่ 9 ก.ย. แถลงนโยบาย เมื่อถามว่าประชุมครม.วันที่เท่าไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันที่ 9 ก.ย. เมื่อถามว่าแสดงว่าวันที่ 9 ก.ย.จะเข้าทำเนียบเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเหมือนเดิมว่า วันที่ 9 เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มและกล่าวว่า รู้สึกว่าต้องทำงานหนัก 

บิ๊กตู่นั่งทำงานทบ.จนเกษียณ
      ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า วันนี้ได้เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนสร้างความภาคภูมิใจให้ครม.ทุกคน นายกฯกำชับรัฐมนตรีทุกคนให้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นขยันขันแข็งทำงานเพื่อประชาชน ได้รับทราบจากสำนักเลขาธิการครม.ว่าวันที่ 9 ก.ย. ครม.จะประชุมนัดแรก ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ส่วนเรื่องแถลงนโยบายต่อสนช.นั้นจะหารือกันในวันดังกล่าว เรื่องสำคัญเร่งด่วนขณะนี้คือปัญหาน้ำท่วม นายกฯกำชับให้ทุกหน่วยงานทุกระดับทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด โดยเฉพาะกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชนโดยเร็ว
     รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าอาจนั่งทำงานที่บก.ทบ.จนกว่าจะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผบ.ทบ. และการทำงานในส่วนครม.ทั้งหมดจะเริ่มต้นหลังจากแถลงนโยบายต่อสนช.

ไม่มีกระแสพระราชดำรัส
      เวลา 18.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้มีกระแสพระราชกระแสใด ทั้งนี้ ตนได้เลิกจัดรายการทางโทรทัศน์ รวมถึงเขียนบทความในหนังสือพิมพ์แล้วหลังได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี เนื่องจากไม่สมควรเพราะเมื่อพูดอะไรออกไปประชาชนอาจมองว่าเป็นความเห็นรัฐบาล แม้จะไม่มีข้อกฎหมายห้ามไว้ ส่วนการเข้าทำงานที่ทำเนียบต้องรอให้บูรณะเสร็จสมบูรณ์ก่อน 
      นายวิษณุ กล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสนช.ว่า มีการแถลงนโยบายแน่ แต่ต้องประชุมครม.วันที่ 9 ก.ย. เพื่อพูดคุยเรื่องนี้ให้ได้ข้อตกลงเรื่องการแถลงนโยบาย เพื่อติดตามว่าฝ่ายที่รับผิดชอบได้ร่างคำแถลงถึงไหนแล้ว มีส่วนใดเพิ่มเติมและจะใช้เวลาจัดทำเท่าใด ก่อนส่งให้สนช.พิจารณาต่อไป ส่วนการประชุมครม.มีแนวโน้มจะใช้วันอังคารทุกสัปดาห์เช่นเดิม เนื่องจากสนช.ประชุมในวันพฤหัสฯและศุกร์ โดยถือว่าวันอังคาร นั้นกำลังดี ไม่กระชั้นชิดเกินไป
      นายวิษณุ กล่าวถึงการยกเลิกกฎอัยการศึกว่า การประกาศนั้นประกาศทั่วราชอาณา จักร เวลาจะยกเลิกเป็นประกาศพระบรมราช โองการ ซึ่งฝ่ายทหารจะเป็นผู้เสนอให้ครม.เห็นชอบ และนำความขึ้นกราบบังคมทูล ต่อไป

คสช.โยกประชุมไม่ให้ตรงครม. 
      เวลา 19.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช.กล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเข้ากระทรวงวันใด ส่วนการประชุมคสช.ชุดใหญ่ เดิมกำหนดเป็นวันอังคารจะเปลี่ยนไปวันอื่น เนื่องจากตรงกับการประชุมครม. ส่วนการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น จะประชุมหารือกับฝ่ายที่ดูแลกองกำลังที่จะรายงานสถานการณ์ให้ทราบก่อนที่เสนอเพื่อพิจารณาต่อไป
      ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับพล.อ.ธนะศักดิ์ ว่าจะเข้าทำงานในวันใด คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า ส่วนการเดินสายชี้แจงต่างประเทศต่อกรณีไทยยังคงใช้กฎอัยการศึกนั้น หากมีผู้สอบถามกระทรวงพร้อมชี้แจง เนื่อง จากสถานการณ์ขณะนี้ดีขึ้น และหลายประเทศเข้าใจไทยมากขึ้น ขณะที่การชี้แจงเรื่องสิทธิเสรีภาพที่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนยังคงกังวลอยู่นั้น คุยกันได้ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ทุกเรื่องอธิบายได้ งานต่างประเทศของรัฐบาลชุดนี้ไม่หนักขึ้นและไม่น่าหนักใจ
      นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานที่ตนรับผิดชอบคงประสานกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก่อน คาดเป็นช่วงหลังประชุมครม. ส่วนสถานที่ทำงานจะยังคงใช้สำนักข่าวกรองไปก่อน เนื่องจากทำเนียบยังปรับปรุงไม่แล้วเสร็จ ส่วนงานราชการที่ตนก็คงรับผิดชอบไปจนกว่าจะเกษียณ

กมธ.ตัดงบโบนัสขรก.5 พันล้าน
      เวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน โดยให้สมาชิกที่เสนอคำแปรญัตติมาชี้แจง
     พล.ท.ชาตอุดม ติตถะสิริ โฆษกกมธ.งบฯ เผยว่า งบประมาณที่ตั้งไว้ 2.575 ล้านล้านบาท กมธ.ปรับลด 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งปรับลดจากทุกกระทรวง รวมถึงหน่วยงานที่ไม่สังกัดกระทรวง โดยจะนำไปไว้ในงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ กระทรวงที่ถูกปรับลดมากที่สุดคือกระทรวงคมนาคม แต่ในรายการที่ถูกปรับลดมากที่สุดคืองบกลาง ซึ่งตั้งไว้ 4.6 หมื่นล้านบาท เป็นการปรับลดให้อยู่ในกรอบกฎหมาย อีกส่วนที่สำคัญคือค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ หรือโบนัสข้าราชการ 5,000 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ(ก.พ.ร.) ที่ต้องจ่ายปลายปี 2557 แต่ปีนี้ตัดงบดังกล่าวออกไปโดยนำไปไว้ในงบกลาง เนื่องจากคณะอนุกมธ. เห็นว่าหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสข้าราชการไม่แน่นอนและไม่มีมาตรฐาน การจ่ายโบนัสแต่ละปีไม่เหมือนกัน จึงให้ก.พ.ร.ไปพิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่ให้เรียบร้อย และเสนอให้รัฐบาลพิจารณาอีกครั้ง ถ้ารัฐบาลเห็นชอบก็นำงบกลางกลับมาจ่ายโบนัส
      เมื่อถามว่าเป็นห่วงแรงกระเพื่อมของข้าราชการหรือไม่ พล.ท.ชาตอุดมกล่าวว่า ทราบว่าเรื่องดังกล่าวละเอียดอ่อน อาจมีผลต่อขวัญกำลังใจข้าราชการ แต่หลักเกณฑ์ของก.พ.ร.ไม่มีความแน่นอน แต่หัวหน้าคสช.มีนโยบายให้ปรับเพิ่มค่าตอบแทนและเงินเดือนข้าราชการชั้น ผู้น้อยในปีหน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาของก.พ.ร. จะนำร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 เข้าสู่การพิจารณาวาระ 2-3 ในที่ประชุม สนช.ได้วันที่ 17 ก.ย.นี้

อสส.ฟ้อง"หญิงเป็ด"จัดสัมมนาเท็จ
     เวลา 14.00 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นางสันทนี ดิษยบุตร รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงกรณีคณะกรรมการป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคุณหญิงจารุวรรณ เมณ ฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และนายคัมภีร์ สมใจ ผอ.สำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล (ตำแหน่งขณะเกิดเหตุปี"46) ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีการจัดสัมมนาที่จ.น่าน เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2546 ว่า หลังจากคณะทำงานร่วมอัยการและป.ป.ช. รวบรวมพยานหลักฐานและสรุปความเห็นเสนอต่อนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.) เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา อสส.มีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ กับพวก ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 83 ตามข้อยุติของคณะทำงานร่วม และมีหนังสือแจ้งให้ป.ป.ช. นำตัวผู้ถูกกล่าวหามาเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญาโดยเร็ว
      นางสันทนีกล่าวว่า คดีดังกล่าว คุณหญิงจารุวรรณ ขณะเป็นผู้ว่าการสตง.ร่วมกับพวกจัดสัมมนาที่จ.น่าน โดยไม่มีการสัมมนาจริงแต่เพื่อให้บุคคลที่มีรายชื่อเข้าสัมมนาไปร่วมงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เบิกค่าเดินทาง ค่าที่พักและค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ หลังจากอสส.มีคำสั่งให้ฟ้องแล้ว ได้มอบให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 5 เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนยื่นฟ้องคดี คดีนี้คณะทำงานร่วมใช้เวลา 1 ปีไต่สวนพยานเพิ่มเติม

ยัน"น้องไปป์"ยังเรียนที่เมืองไทย 
      วันที่ 4 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิงห์ทอง บัวชุม คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ว่า เชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะไม่มีอะไรที่ต้องหนี อย่างกรณีไปพักผ่อนต่างประเทศหลายคนคาดการณ์ว่าจะไม่กลับไทย แต่ท้ายสุดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็กลับตามสัญญา และช่วงเวลานี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศ ส่วน น้องไปป์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย อยู่ระหว่างเตรียมตัวเพื่อไปศึกษาต่อที่อังกฤษเพราะใกล้จะเปิดเทอมแล้ว 
      รายงานข่าวแจ้งว่า กระแสข่าวน้องไปป์เดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้วนั้น ปรากฏว่าในทุกๆ วันน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเดินทางไปส่งน้องไปป์ ที่โรงเรียนนานาชาติแฮร์โรว์ ไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าวแต่อย่างใด ขณะที่คนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่า ยังไม่มีแผนจะให้น้องไปป์ไปเรียนต่างประเทศ 
      นายวิม รุ่งวัฒนจินดา บุคคลใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง น้องไปป์ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนแฮร์โรว์เหมือนเดิม ยังไม่มีแผนไปเรียนในต่างประเทศ อดีตนายกฯจะใช้เวลาช่วงเย็นไปรับน้องไปป์กลับบ้าน และพาไปซื้อหนังสือและทานอาหารร่วมกันเกือบทุกวันหากไม่มีภารกิจ

เข้าเฝ้าถวายสัตย์แล้ว บิ๊กตู่-ครม. 9 กันยาประชุมนัดแรก นายกชูทำงาน-ซื่อสัตย์ ถกวางกติกาเลือกสปช. ปัดเน้น'บูรพาพยัคฆ์'ใช้ 69 ล.ทำเนียบไฮเทค คุยเทียบชั้น'ไวท์เฮ้าส์'   

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 4 กันยายน


เข้าทำเนียบฯ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งแรก เพื่อนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตน ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 กันยายน


  'ปนัดดา'พาทัวร์ทำเนียบ สมบูรณ์ 100% รับประชุม ครม. 9 ก.ย. เผยไฮเทคเหมือน'ทำเนียบขาว'ระบบเครื่องเสียงป้องกันการดักฟัง

 

@ 'บิ๊กตู่'มอบนโยบายสรรหาสปช.

 

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 กันยายน ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบแนวทางการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมีบรรดาคณะรัฐมนตรี เข้าร่วม อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม คณะกรรมการสรรหา สปช. 11 ด้าน ปลัดกระทรวง และผู้แทนจากส่วนต่างๆ กว่า 500 คน 

 

@ ยอดสรรหารอเคาะ 5 ก.ย. 

 

      นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. ในฐานะฝ่ายเลขานุการและงานธุรการสรรหา สปช. กล่าวรายงานสรุปว่า ผลการเปิดรับเสนอชื่อเพื่อเข้าสรรหา สปช. ระหว่างวันที่ 14 สิงหาคม - 2 กันยายน รวมเวลา 20 วัน ปรากฏว่ามีผู้ถูกเสนอชื่อทั้งส่วนขององค์กรนิติบุคคลและส่วนจังหวัดรวม 7,042 คน แบ่งเป็นนิติบุคคล 4,262 คน และส่วนจังหวัด 2,780 คน ทั้งนี้ตัวเลขยังไม่เป็นที่สิ้นสุด เนื่องจากต้องรอเอกสารที่ส่งมาทางไปรษณีย์โดยใช้ตราประทับลงภายในวันที่ 2 กันยายนเป็นเกณฑ์ให้ครบถ้วนก่อน คาดว่าจะสามารถสรุปจำนวนผู้เข้ารับการเสนอชื่อได้ในวันที่ 5 กันยายนนี้ 

 

      "สำนักงาน กกต.มีระยะเวลาอีก 10 วัน ระหว่างวันที่ 3-12 กันยายน ส่วนขั้นตอนต่อไประหว่างวันที่ 13-22 กันยายน ทางคณะกรรมการสรรหา สปช.ทั้ง 11 ด้านจะคัดเลือกผู้ถูกเสนอชื่อให้เหลือด้านละไม่เกิน 50 คน และคณะกรรมการสรรหา สปช.ประจำจังหวัด จะคัดเลือกให้เหลือจังหวัดละ 5 คน เพื่อส่งให้ คสช.ได้พิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายระหว่างวันที่ 23 กันยายน - 2 ตุลาคม เพื่อคัดเลือกให้ได้ไม่เกิน 250 คน" นายภุชงค์กล่าว 

 

@ ปัดล็อกสเปก'บูรพาพยัคฆ์'

 

      จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวมอบนโยบายว่า "การถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรี พระองค์ท่านทรงมีพระชนมายุมากแล้ว การถวายสัตย์ปฏิญาณยังไม่เรียบร้อย สิ่งที่พวกเราทุกคนต้องทำคือการถวายพระพรให้พระองค์ท่านทรงแข็งแรงและอยู่เป็นมิ่งขวัญให้พวกเราได้อย่างยาวนาน เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ต้องทำเพื่อแผ่นดินแห่งพระมหากษัตริย์แผ่นดินนี้ขึ้นมาให้ทัดเทียมนานาประเทศ วันนี้อยู่ในโรดแมป

 

       ระยะที่ 2 ต้องทำให้บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อย จะมาสร้างประวัติศาสตร์กัน เพราะการปฏิรูปประเทศไทยไม่เคยเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในการเริ่มต้นประวัติศาสตร์ตั้งแต่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา" 

 

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวล็อกสเปก สปช. จากทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ขอให้เลิกได้แล้วว่าล็อกสเปก ขอชี้แจงว่าสเปกบูรพาพยัคฆ์ ที่สื่อไปพูด ไม่เคยมี บูรพาพยัคฆ์ หรือวงศ์เทวัญ ไม่มี บูรพาพยัคฆ์อยู่ตะวันออก ใครอยู่ตรงไหน ก็โตตรงนั้น 

 

      "เดี๋ยววันหน้าจากจังหวัดกาญจนบุรีเติบโตขึ้นมาก็จะบอกว่าเป็นทีมลาดหญ้า สื่อมโนไปเลย มโนตลอด ให้สื่อเขียนแบบมีข้อเท็จจริงหน่อย อย่ามโน ถ้าอย่างนั้นให้ไปเขียนนิยาย อย่าติอย่างเดียว ชมบ้าง ที่ดีๆ ไม่เห็นชมบ้างสักคำเลย พอถามว่าทำไมไม่ชมบ้าง ก็บอกว่าดีอยู่แล้วไม่ต้องชม แต่พอที่ติแล้วติอีกเรื่องเดิม ติมาจนผมจะเกษียณอยู่แล้ว 4 ปีแล้วหากย้อนไป ผบ.ทบ.เก่าอีกหลายคน ไม่ยอมเลิกเสียที ฉะนั้นพอได้แล้ว สื่อต้องปฏิรูปตัวเอง ท่านมีฐานันดรอยู่แล้ว ท่านจะต้องมีจรรยาบรรณ ผมไม่ได้ตำหนิอะไรเลย ชื่นชมตลอด ผมไม่ใช่คู่ปรับท่านอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

 

@ ย้ำขอให้ไว้ใจการทำหน้าที่

 

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า รัฐมนตรีตอนนี้อย่ากังวล เพราะได้มีช่องทางประสานงานตรงกันอยู่แล้ว เพียงขอให้ไว้ใจ ไม่ใช่แก๊งบูรพาพยัคฆ์ ไม่มี ตนเกิดที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) และไปอยู่ที่บูรพา 2-3 ปี ในกองทัพบกเหมือนกันทั้งสิ้น แต่บังเอิญไปอยู่ที่นั่นมาเท่านั้นเอง และบังเอิญกับพี่ 2-3 คน ก็ตามกันมา สื่อไปมโนเรื่องนี้กัน พูดตรงนี้ดีแล้วไม่มีใครเถียงได้ อยากให้ทุกคนสบายใจและไว้ใจในการทำหน้าที่ 

 

      "หากทำไม่สำเร็จก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกันต่อไปแล้ว ถ้าจะตีกันต่อ จะเคลื่อนไหวใต้ดินมาสู้กัน หรือจะใช้ทางพระทางเจ้าทำพิธีมาสู้กัน วันนี้ผมเจ็บคอ ปวดคอ หลายคนบอกว่ามีคนทำพิธีอยู่ ไม่รู้ว่าจะแก้กันอย่างไรแล้ว รดน้ำมนต์ใส่ตัวหนาวไปหมดแล้ว จะเป็นไข้อยู่ ผมพูดไม่อยากให้เครียดกัน 3-4 เดือน ที่ผ่านมาสบายใจขึ้น ทุกอย่างเดินไปตามโรดแมป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบแนวทางการสรรหา สปช.เสร็จสิ้น เวลา 10.30 น. ทางคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้านได้แยกกันไปประชุมลับในแต่ละด้าน โดยมีวาระเพื่อเลือกประธานคณะกรรมการสรรหาแต่ละด้าน และร่วมกันปรึกษาหารือถึงแนวทางการสรรหา สปช.

 

@ เคาะปธ.คกก.สรรหา11ด้าน

 

     ต่อมา นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.แถลงผลการเลือกประธานคณะกรรมการสรรหา สปช.ทั้ง 11 ด้าน คือ 1.ด้านการเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 2.ด้านบริหารราชการแผ่นดิน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ 3.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม นายพรเพชร วิชิตชลชัย 4.ด้านการปกครองท้องถิ่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา 5.ด้านการศึกษา นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ 6.ด้านเศรษฐกิจ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี 7.ด้านพลังงาน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล 8.ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม พล.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ 9.ด้านสื่อสารมวลชน พล.อ.นพดล อินทปัญญา 10.ด้านสังคม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ 11.ด้านอื่นๆ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ 

 

@ 'มีชัย'ปัดดัน'บวรศักดิ์'นั่งปธ. 

 

     นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวว่า ไม่มีการล็อกสเปกตามที่มีกระแสข่าว ส่วนที่พบว่าบุคคลที่สมัครเข้ารับการสรรหามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการสรรหา เบื้องต้นได้รับการยืนยันแล้วว่ากรรมการที่มีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับผู้สมัครจะงดลงคะแนนเลือกในรายนั้นๆ เพื่อให้มีความโปร่งใส ส่วนที่สื่อมวลชนนำรายชื่อบุคคลที่คาดว่าจะได้รับเลือก หรือโผ สปช.มาลงเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ขอให้รอดู เมื่อถามว่า กรณีที่มูลนิธิมีชัย-คุณหญิงอัมพร ฤชุพันธุ์ ส่งชื่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าสมัครเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ด้านการเมือง ว่า เป็นเพราะนายบวรศักดิ์เป็นคนเก่ง มีประสบการณ์จึงอยากให้เป็น สปช. แต่จะได้รับเลือกหรือไม่ ไม่ทราบ ส่วนที่มีข่าวระบุว่านายบวรศักดิ์ถูกวางตัวเป็นประธาน สปช.นั้น ไม่ทราบเช่นกัน

 

@ 'พรเพชร'เผยหลักการสรรหา

 

      นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า แนวทางการสรรหาบุคคลจะเน้นที่คุณภาพและความรู้ความสามารถเป็นหลัก ประกอบด้วย 1.พิจารณาจากคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม 2.ผู้ถูกคัดเลือกจะต้องมีความหลากหลาย 3.พิจารณาจากสัดส่วนของเพศหญิงและชายอย่างเหมาะสม และ 4.ตรวจสอบความพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็น สปช. เช่น อายุและสุขภาพ 

 

      นายพรเพชร กล่าวว่า จะนำรายชื่อที่กรรมการแต่ละคนเลือกมาดูและดีเบตกันว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถขนาดไหน จากนั้นจะมีการลงมติ ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกจะต้องได้คะแนนเสียงข้างมาก หรืออย่างน้อยต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง จากนั้นจะนำคะแนนมาเรียงลำดับ จากน้อยไปหามาก แต่ทั้งนี้เมื่อจัดเรียงคะแนนเสร็จก็จะต้องมาดูในเรื่องสัดส่วนของวิชาชีพ เช่น หากกรรมการเลือกแล้วได้ผู้ที่เป็นนักร้องถึง 8 คนก็ต้องมาคัดใหม่ เพราะถือว่าไม่มีความหลากหลายทางอาชีพ ทั้งนี้ คณะกรรมการทั้ง 11 ด้านเห็นควรว่าควรใช้ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 1 รอ.) เป็นที่ประชุม เมื่อถามว่า ผู้ที่ได้รับเสนอชื่อมีการติดต่อขอเสียงหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า มีคนที่พยายามติดต่อมาบ้าง แต่ไม่เปิดโอกาส

 

@ 'บิ๊กตู่'รอเคาะเลิก'อัยการศึก'

 

      พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามถึงการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ว่า "กำลังพิจารณาอยู่" ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามต่อว่าเบื้องต้นจะมีกี่จังหวัด พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มและกล่าวว่า "ยังไม่เข้าใจเหรอว่ากำลังพิจารณาอยู่" 

 

      พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ คสช.กำลังพิจารณาอยู่ เป็นเรื่องที่นอกเหนืออำนาจของตน 

 

      นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะที่ปรึกษา คสช.ไม่ได้เสนออะไร มีเพียงการเสนอไปว่าอยากให้พิจารณาในสถานที่ท่องเที่ยวก่อน โดยมั่นใจว่าสามารถดูแลพื้นที่ท่องเที่ยวได้ 

 

@ ปชป.ไม่เชื่อท่องเที่ยวหด

 

     นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า นักวิชาการหลายคนเสนอความเห็นให้ยกเลิกกฎอัยการศึก โดยให้เหตุผลว่านักท่องเที่ยวจะไม่มาเมืองไทย เพราะกลัวกฎอัยการศึก ถือว่าเป็นการพูดตามตำรา ที่พูดแล้วทำให้ดูดี ส่วนตนไม่เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะไม่มาเมืองไทยเพราะกลัวกฎอัยการศึก เนื่องจากปรัชญาในทางการเมืองไม่ได้ปฏิเสธการใช้อำนาจพิเศษของรัฏฐาธิปัตย์ และเสนอแนะวิธีการใช้อำนาจพิเศษนี้ไว้ 2 ข้อ คือ 1.หลักความมั่นคงแห่งรัฐ ที่เป็นกฎหมายสูงสุดให้รัฏฐาธิปัตย์มีอำนาจใช้อำนาจพิเศษเพื่อระงับการใช้กฎหมายอื่นๆ ไว้ชั่วคราวได้ โดยทุกประเทศมีอำนาจพิเศษให้รัฏฐาธิปัตย์ใช้ทั้งสิ้น และ 2.เมื่อใช้อำนาจพิเศษแล้ว ต้องรีบกลับคืนสู่สถานะเดิมให้เร็วที่สุด ส่วนจะใช้อำนาจพิเศษเมื่อใด หรือเลิกตอนไหน เรื่องนี้ไม่มีความเห็น

 

@ กต.พร้อมรับฟังปมสิทธิมนุษยชน

 

      นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกรณีสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (โอเอชซีเอชอาร์) แสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทย หลังมีการระงับการอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาว่า ไทยรับฟังความห่วงกังวล 

 

     แต่กรณีที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาในขั้นตอนการขออนุญาต จึงอยากให้มองในภาพรวมว่าไทยยังเป็นสังคมที่มีเสรีภาพแสดงความเห็น เคารพสิทธิมนุษยชน เพียงแต่มีความจำเป็นที่ต้องควบคุมสถานการณ์ อย่างไรก็ดี กระทรวงพร้อมจะพูดคุยกับโอเอชซีเอชอาร์เพื่อทำความเข้าใจกันต่อไป

 

@ 'ตู่'ร่วมถกยูเอ็น-กำลังพิจารณา

 

      เมื่อถามถึงกำหนดการเดินทางเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อจัดทำแผนการเยือนอยู่ ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางไปร่วมงานประชุมอาเซียน-ไชน่า เอ็กซ์โป ที่นครหนานหนิง ในวันที่ 16 กันยายนนี้ ส่วนการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติซึ่งจะมีขึ้นในปลายเดือนนี้ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกานั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่คิดว่าเป็นโอกาสที่ดีเพราะนอกจากจะได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย ยังเป็นโอกาสที่จะได้พบกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศต่างๆ รวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติด้วย

 

@ วัดใจนายกฯถกอาเซม

 

     นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับกำหนดการเดินทางของนายกรัฐมนตรี จะพิจารณาโดยต้องดูความสะดวกของทั้งสองฝ่าย หลังจากหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้วก็จะนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ขณะที่การประชุมระดับผู้นำในกรอบพหุภาคีกำหนดการแรกจะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ คือการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม ที่นครมิลาน ประเทศอิตาลี ในกลางเดือนตุลาคมนี้

 

@ มท.รอชงโผโยกย้ายผู้ว่าฯ 

 

      นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้เข้าไปแสดงความยินดีกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มีการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ถือเป็นบุคคลที่มีความตั้งใจในการทำงาน และเคยเป็นผู้นำระดับสูงสุดของประเทศมาแล้ว ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงจะต้องเป็นผู้ดูแลในระดับของบริหารสูง อะไรที่เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีจะต้องนำเสนอให้พิจารณาและตัดสินใจ ขณะนี้กระทรวงได้เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับตัวบุคคลไว้หมดแล้ว รอให้รัฐมนตรีเข้ามาทำงานก่อนจึงจะนำเรื่องไปขอคำปรึกษา 

 

@ กก.สภามหิดลจี้ปม'รัชตะ'ควบ

 

       วันเดียวกัน คณบดีและกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล ได้ลงนามในจดหมายยื่นต่อ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้เรียกประชุมด่วนกรณี ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยหนังสือที่ทำถึงนายกสภามหาวิทยาลัยมหิดลสรุปว่า ประชาคมชาวมหิดลมีความกังวลและห่วงใยเรื่องการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัย เพราะเป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ มีการแข่งขันความเป็นเลิศทางวิชาการทั้งในและต่างประเทศ อธิการบดีในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มเวลา ไม่เป็นข้าราชการการเมือง แม้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะไม่ได้ห้ามไว้ การสร้างบรรทัดฐานว่าอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลสามารถทำงานพาร์ตไทม์ได้จะเป็นบรรทัดฐานใหม่ในฐานะที่มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับและออกนอกระบบมาตั้งแต่ปี 2550 จึงขอเสนอให้นายกสภามหาวิทยาลัยฯ เรียกประชุมวาระพิเศษโดยเร่งด่วนเพื่อแสดงความยินดีและพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบไป ทั้งนี้ เดิมสภามหาวิทยาลัยมหิดลมีกำหนดประชุมในวันที่ 17 กันยายน

 

@ ทำเนียบประชุมครม.9ก.ย. 

 

      ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจความเรียบร้อยของการปรับปรุงตึกบัญชาการ 1 ร่วมกับนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองว่า ไล่มาตั้งแต่ตึกสันติไมตรีทั้งหลังในหลังนอกนั้นมีความเรียบร้อยสมบูรณ์ ตึกไทยคู่ฟ้าที่มีกรมศิลปากรควบคุมดูแล รวมทั้งตึกนารีสโมสร ทั้งนี้ตึกไทยคู่ฟ้ามีความเรียบร้อยสวยงามดี เหมาะแก่การต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง รวมทั้งเป็นที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี และตึกบัญชาการ 1 และ 2 นั้นจะใช้เป็นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก ในวันที่ 9 กันยายน ณ ห้อง 501 และมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ 

 

@ ไฮเทคเหมือน'ทำเนียบขาว'

 

      ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ห้องประชุม ครม. หรือห้อง 501 ใช้เทคโนโลยีเดียวกับทำเนียบขาว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐใช้อยู่ ถือเป็นแห่งแรกของประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่งระบบเครื่องเสียงที่ใช้ทั้งหมดติดตั้งโดยใช้ระบบทัชสกรีน และมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะมีระบบการป้องกันการดักฟัง เพื่อป้องกันการประชุมรั่วไหล โดยในห้องประชุม ครม.จะใช้ไมโครโฟนทั้งสิ้น 89 ตัว ตัวละ 1.45 แสนบาท มีวิดีโอวอลล์ความละเอียดสูงขนาด 55 นิ้ว (ระบบไฮเดฟ) สามารถใช้เป็นวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ด้วย ห้องประชุมทั้ง 3 ห้อง ที่ตึกบัญชาการ 1 คือห้อง 301-302 และ 501 ใช้งบประมาณปรับปรุงทั้งสิ้น 69 ล้านบาท 

 

@ 'ประยุทธ์'เข้าทำเนียบครั้งแรก 

 

      ต่อเวลา 16.34 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามายังทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งแรก เพื่อถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก นอกจากนี้บรรดาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ทยอยเดินทางเข้ามาถ่ายรูป เช่นกันเดียวกัน ต่อมาในเวลา 16.54 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นั่งรถเบนซ์ ทะเบียน อย 6436 กรุงเทพมหานคร คันเดียวกันเดินทางไป รพ.ศิริราช

 

@ 'บิ๊กตู่'ไหว้ขอบคุณแฟนคลับ

 

      จากนั้นเวลา 17.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. นำทีมคณะรัฐมนตรีทั้ง 32 คน เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่ง ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยทันทีที่มาถึง พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าพักเพื่อซักซ้อมขั้นตอนที่ห้องสิรินธร ห้องโถงชั้นล่างของอาคาร ก่อนขึ้นไปยังชั้น 14 โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ผ่านมาส่งเสียงให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ว่า "เป็นกำลังใจให้ท่านนายกฯนะคะ" โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ยกมือไหว้ พร้อมกับโปรยยิ้ม ก่อนขึ้นลิฟต์ไปบนอาคาร 

 

@ นายกฯ-รมต.เข้าเฝ้าถวายสัตย์ 

 

     ต่อมาในเวลา 18.03 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในโอกาสนี้ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย 

 

     หลังจากเสร็จสิ้นพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว พล.อ.ประยุทธ์และ ครม.ทั้งหมด ได้ลงมาพักที่ห้องสิรินธร ก่อนที่จะเดินทางกลับในเวลา 18.20 น. 

 

      ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯจะเข้าทำเนียบรัฐบาลเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบเพียงสั้นๆ ว่า "ยัง" ก่อนที่จะเดินออกจากอาคาร ขณะเดียวกันได้มีประชาชนที่ผ่านไปมาเข้ามาห้อมล้อมและขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก พร้อมกับแสดงความยินดี และกล่าวให้กำลังใจว่า "บิ๊กตู่สู้ๆ" นายกฯได้ยิ้มและยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนเดินทางกลับ

 

@ ครม.ถ่ายรูปหมู่ที่ทำเนียบ 

 

     จากนั้นเวลา 18.36 น. นายกฯและ ครม.เดินทางกลับเข้ามาทำเนียบรัฐบาลเพื่อถ่ายภาพหมู่บริเวณหน้าสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า แต่เนื่องจากเป็นเวลาพลบค่ำเจ้าหน้าที่จึงได้นำรถส่องสว่างมาอำนวยความสะดวกในการถ่ายภาพ โดยหลังจากถ่ายภาพหมู่เสร็จเรียบร้อย พล.อ.ประยุทธ์ได้หันกลับไปยกมือไหว้ ครม.พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า "ขอบคุณครับ ขอให้ประสบความสำเร็จ" ก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงการแถลงนโยบายต่อ สนช. ว่าเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า "วันที่ 9 ครับ" 

 

       ทั้งนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาถ่ายภาพหมู่ไม่ทัน โดย ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ถือเป็นความภาคภูมิใจของ ครม.ทุกคน ซึ่งนายกฯได้กำชับให้ทุกคนทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นขยันขันแข็งทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่า จะมีการแถลงนโยบายต่อ สนช.เมื่อใด ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า คงจะมีการหารือกันในวันประชุม ครม. 9 กันยายน 

 

@ 'วิษณุ'เผยไม่มีกระแสรับสั่ง

 

      นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้มีพระราชกระแสอะไร พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า นายกฯนัดประชุม ครม.วันที่ 9 กันยายน ยังไม่ได้นัดแถลงนโยบายแต่อย่างใด 

 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์จะนั่งทำงานอยู่ที่กองบัญชาการกองทัพบกก่อนจนกว่าจะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จากนั้นจึงจะเข้ามานั่งทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ