กต.ยันวงถก'ยูเอ็น'ตุลา บิ๊กตู่ร่วมได้ เตรียมเดินสายอาเซียน ลุ้นเลิกอัยการศึก 5 กย. 'พัทยา-กาญจน์'มีเฮ คุยลับตั้งปธ.เฟ้นสปช. ปูระทึกอสส.สั่งคดีข้าว

กระทรวงต่างๆ เตรียมแต่งห้องรับ รมต.ใหม่คึกคัก คสช.ชงบิ๊กตู่ยกเลิกกฎอัยการศึกบางจังหวัด พัทยา ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย กาญจนบุรี

@ บิ๊กต๊อกชี้คสช.คลายอัยการศึก

        เมื่อวันที่ 3 กันยายน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีแนวคิดเรื่องการผ่อนคลายกฎอัยการศึกในระยะต่อไปว่า ยังไม่มีการประชุมในเรื่องนี้ เป็นการปรารภของ พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะมีแนวทางใดผ่อนคลายกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ได้หรือไม่ แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมากฎอัยการศึกทุกวันนี้ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับประชาชน แต่ยอมรับว่ากฎอัยการศึกส่งผลต่อภาพรวมในสายตาของต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศก็ชี้แจงอยู่ กฎอัยการศึกนำมาใช้เอื้อประโยชน์กับประชาชนและบ้านเมือง เพราะทหารไม่มีกฎหมายใดนำมาใช้ได้ นอกจากกฎอัยการศึก จะเห็นได้จากการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด การจัดระเบียบสังคม เมื่อนำกฎอัยการศึกไปใช้ก็เห็นภาพการแก้ปัญหาได้ทันที ส่วนภาพในแง่ลบกับการท่องเที่ยว เป็นเรื่องของการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ เพราะในความจริงกฎอัยการศึกไม่ได้มีผลกระทบกับนักท่องเที่ยวและประชาชนไทย การสำรวจสอบถามนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทย ก็พึงพอใจและเข้าใจสภาพในไทย อย่างไรก็ตาม จะมอบให้ ผบ.กองกำลังต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ประเมินความเหมาะสมว่าจะสามารถผ่อนปรนในบางพื้นที่ได้หรือไม่ โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยว

@ ชงบิ๊กตู่เคาะเลิกจว.ท่องเที่ยว

       พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวถึงกรณีการยกเลิก พ.ร.บ.กฎอัยการศึกบางจังหวัดว่า ต้องทำความเข้าใจว่าที่ผ่านมานับตั้งแต่ คสช.เข้ามาบริหารบ้านเมืองทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้บังคับใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 แต่อย่างใด แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและบังคับใช้กฎหมายให้มีประโยชน์มีประสิทธิภาพที่กฎหมายปกติบังคับใช้ไม่ได้ เช่น การป้องกันปราบปรามยาเสพติด ป้องกันการลักลอบบุกรุก และทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ รวมถึงประเด็นด้านความมั่นคง คิดว่าประชาชนทั่วไปก็ไม่ได้วิตกกังวลใดๆ เลยต่อการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพราะยังคงใช้ชีวิตได้อย่างเป็นอิสระ ดังนั้นหากพื้นที่ใดไม่พบลักษณะการกระทำดังกล่าว ก็พร้อมจะประกาศยกเลิกได้ แต่ถ้าพื้นที่ใดยังพบการกระทำดังกล่าวอยู่ก็ให้คงกฎอัยการศึกไว้ก่อน

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ธีรชัยได้สั่งการให้แต่ละกองทัพภาค ประเมินสถานการณ์แต่ละพื้นที่ว่ายังพบเหตุการณ์การเคลื่อนไหวในลักษณะต่อต้านการทำงาน คสช.หรือไม่ หากไม่พบเคลื่อนไหวของกลุ่มใด จะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ในฐานะนายกรัฐมนตรี ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในการประชุม คสช. ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายนนี้ จังหวัดที่จะประกาศยกเลิกจะพิจารณาจากจังหวัดที่ คสช.ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวก่อนหน้านี้ รวมถึงจังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเขตเศรษฐกิจ อาทิ พัทยา จ.ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย กาญจนบุรี ราชบุรี ระยอง รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้ด้วย

@ ทำเนียบพร้อมรับครม.นัดแรก

      พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช. ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า การส่งมอบตึกบัญชาการหลังจากปรับปรุงซ่อมแซมเสร็จ จะเสร็จตามกำหนด และในวันที่ 5 กันยายนนี้จะมีการทดสอบระบบเครื่องเสียงในห้องประชุม ครม. และจะเชิญสื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์ด้วย ยืนยันว่าทันการประชุม ครม.นัดแรกวันที่ 9 กันยายนแน่นอน

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้ามีข้าราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ พล.ต.อ.เอก เอกอังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เข้ามอบดอกไม้และแสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการ พม. ในฐานะรับตำแหน่งใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล

@ กรมปชส.ติวเข้มทำข่าวรบ.ใหม่

      นายอภินันท์กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ในวันที่ 9 กันยายน ว่า ขณะนี้กรมประชาสัมพันธ์ได้เตรียมระบบการทำข่าวทั้งในส่วนของวิทยุและโทรทัศน์ให้เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อรองรับการทำงานในวาระเร่งด่วนของ ครม.หลายเรื่องให้สามารถถ่ายทอดสู่ประชาชนได้อย่างรวดเร็วทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

      ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานราชการของรัฐกำหนดไว้ชัดเจนว่ามีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นสู่ประชาชน รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นประชาชนสะท้อนกลับมาสู่ราชการด้วย มีการอบรมบุคลากรด้านการข่าวทั่วประเทศเพื่อรองรับการทำงานรับ ครม.ชุดใหม่เนื่องจากต้องเป็นศูนย์กลางรายงานข่าวของรัฐบาลสู่ประชาชน เป็นการทบทวนการทำงานในรอบปีที่ผ่านมาเพื่อแก้ไขจุดอ่อนเสริมจุดแข็งให้พร้อมสำหรับการทำงาน สำหรับรายการนายกรัฐมนตรีพบประชาชนยังไม่ได้คุยกัน ต้องรอเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ของ ครม.เต็มรูปแบบ 

@ ทีมงานบิ๊กป๊อกเข้ามหาดไทย

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานและคณะที่ปรึกษาของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยของห้องทำงานรัฐมตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยคณะทำงานประกอบด้วย พ.อ.ปริญญ รื่นภาควุฒิ รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) นายทหารคนสนิท พล.อ.อนุพงษ์ นายประชา เตรัตน์ อดีตหัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายจาดุร อภิชาติบุตร อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.ต.ธารา ปุณศรี อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ภายหลังตรวจความเรียบร้อย คณะได้เข้าหารือกับนายสยาม ศิริมงคล ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย นายประชาได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มาตรวจดูความเรียบร้อยและประสานงานเพื่อเตรียมการสำหรับเข้าทำงานที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์จะเข้ามาทำงานภายหลังได้ถวายสัตย์ปฏิญาณและได้แถลงนโยบายต่อ สนช.ก่อน

@ ห้องรมว.สธ.ไม่ปรับฮวงจุ้ย

      ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ห้องทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และรัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่บางส่วนได้เข้ามาปรับปรุงและทำความสะอาดแล้ว โดยรวมยังคงการตกแต่งไว้เช่นเดิม ทั้งรูปภาพ โต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ รวมไปถึงห้องประชุม ส่วนป้ายชื่อหน้าห้องยังคงว่างเปล่า ยังไม่ได้มีการนำชื่อ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการ สธ. และ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. มาติดแต่อย่างใด เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ระบุเพียงว่า ไม่ได้มีคำสั่งพิเศษ หรือเคลื่อนย้ายห้องตามหลักฮวงจุ้ยแม้แต่น้อย 

@ ห้องบิ๊กเต่ารมต.แรงงานทาสีเขียว 

      ที่กระทรวงแรงงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการระดมแม่บ้านมาทำความสะอาดโถงชั้นล่างของกระทรวงแรงงาน นอกจากนี้ช่างยังเร่งตกแต่งห้องรัฐมนตรีแรงงานที่อยู่บริเวณชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน ติดวอลเปเปอร์เกือบครบทุกห้องแล้ว โดยเฉพาะที่ห้องทำงานของ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ใช้วอลเปเปอร์สีเขียว ช่างที่เข้ามาติดตั้งให้เหตุผลว่าเป็นสัญลักษณ์ทหารผู้ว่าจ้างได้กำหนดมา แม้กระทั่งพื้นระเบียงด้านข้างห้องทำงาน ใช้สำหรับวางต้นไม้ปรับภูมิทัศน์ ก็ทาด้วยสีเขียวทั้งหมด โดยเร่งให้ช่างทำงาน ตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น. ทุกวัน เพื่อให้เสร็จทันเวลาที่กำหนดไว้ 1 เดือน หลังจากปูวอลเปเปอร์เสร็จแล้วจึงจะปูพรม แต่ละห้องได้กำหนดสีพรมต่างกัน ส่วนบริเวณห้องทำงานชั่วคราวของ พล.อ.สุรศักดิ์ ใช้ห้องที่ปรึกษารัฐมนตรี ได้ติดป้ายชื่อเรียบร้อยแล้ว และเตรียมครุภัณฑ์ในการทำงานไว้พร้อม ทั้งนี้ พล.อ.สุรศักดิ์ยังไม่มีกำหนดว่าจะเดินทางเข้ามาทำงานที่กระทรวงอย่างเป็นทางการเมื่อใด

@ "อ.น้อง"ร่วมประชุมที่ทำเนียบ

มีรายงานข่าวว่า รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้นั่งรถโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน ธท 9797 เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลแบบส่วนตัวโดยให้รถไปจอดที่ด้านหลังตึกสันติไมตรี เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ นางนราพร

เป็นหนึ่งในคณะกรรมการดังกล่าวมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. สำหรับการเดินทางเข้ามายังทำเนียบครั้งนี้เป็นการเดินทางเข้ามาเงียบๆ มีเพียงการแจ้งเส้นทางเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนางอรชุมา ยุทธวงศ์ ภริยา นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้ามายังตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประสานขอดูห้องทำงานของนายยงยุทธ ฝ่ายสถานที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้จัดเตรียมไว้ที่ชั้น 4 เพื่อจัดเตรียมความพร้อมของห้องทำงาน ก่อนเข้ามานั่งปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกฯอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกันนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ส่งผู้ติดตามมาดูห้องทำงานที่ชั้น 2 เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วเช่นกัน

@ มหิดลให้โอกาส"รัชตะ"ควบสธ.

นพ.วิรุณ บุญนุช ประธานสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) กล่าวภายหลังหารือร่วมกับคณาจารย์ มม.ว่า ตามที่ขณะนี้ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณี นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดี มม. ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และคณาจารย์ในสภาคณาจารย์ส่วนหนึ่งมีความห่วงใยต่อการบริหารงานในมหาวิทยาลัยและ สธ.ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ประชุมมีความเห็น ดังนี้ 1.การดำรงตำแหน่งดังกล่าวถือว่าไม่ผิดกฎหมาย เพราะอยู่ในช่วงของการรัฐประหาร 2.ในการสรรหาอธิการบดีต้องอิงข้อกำหนดของมหาวิทยาลัย มาตรา 5 (2) คือ อธิการบดีต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มเวลา และ 3.ความสง่างามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ สธ. และอธิการบดี มม. ในคราวเดียวกัน 

"ที่ประชุมเห็นว่าควรให้โอกาสอธิการบดีปฏิบัติงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ สธ. สักระยะหนึ่ง แล้วค่อยประเมินการปฏิบัติงานของอธิการบดีอีกครั้ง ขณะเดียวกัน สภาคณาจารย์ มม. เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประชาคม มม.เท่านั้น อำนาจการตัดสินใจในภาพรวมขึ้นอยู่กับสภา มม. เป็นหลัก ดังนั้น ต้องรอฟังผลการประชุมสภา มม.วันที่ 17 กันยายนนี้ด้วยว่ามีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกันกรณีดังกล่าว" นพ.วิรุณกล่าว

@ "รัชตะ"แจงรับคำเชิญเป็นรมต.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ ได้ทำหนังสือถึงนายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อขอลาออกจากจากการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล โดยระบุว่า จากการที่ผมจะเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง จึงขอลาออกจากการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดลและคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป

ขณะที่ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ทำหนังสือชี้แจงสรุปได้ว่า ได้รับเชิญจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ให้ช่วยดูแลกระทรวงสาธารณสุข เป็นโอกาสจะได้ใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการช่วยพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน และจะยังมีโอกาสได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และตัดสินใจในคณะรัฐมนตรีในการปฏิรูปประเทศ

"เป็นโอกาสของประเทศไทยที่ประชาชนต้องร่วมแรงร่วมใจในการวางกฎกติกา และแนวทางการพัฒนาประเทศใหม่ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ และชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน และควรจะใช้โอกาสนี้เอื้ออำนวยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง จึงตอบคำรับเชิญนายกรัฐมนตรี" นพ.รัชตะระบุ

นพ.รัชตะระบุต่อไปในเอกสารว่า สำหรับการบริหารงานต่อไปของมหาวิทยาลัยคงจะไม่มีการสะดุด ในช่วงนี้จะเป็นฤดูกาลมอบหมายงานแก่ส่วนงานต่างๆ และการประเมินผลงานประจำปีของผู้บริหารและบุคลากร งานตามแผนยุทธศาสตร์จะดำเนินไปตามปกติ กิจกรรมพิเศษต่างๆ เป็นไปตามที่วางแผนไว้ 

"ขณะนี้งบประมาณของมหาวิทยาลัยมหิดลประจำปี 2558 ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการในวาระ 2 แล้ว งบประมาณถูกปรับลดเฉพาะงวดงานสำหรับค่าก่อสร้างล่าช้า กับงบท่องเที่ยวและอาเซียนถูกปรับลดร้อยละ 10 ทุกกระทรวง เมื่อผมเริ่มต้นปฏิบัติงานกระทรวงสาธารณสุขระยะหนึ่งแล้วคงจะมีแนวทางชัดเจน ในการปฏิบัติหน้าที่อธิการบดี จะแจ้งให้ทราบโดยเร็ว ระหว่างนี้ผมและรองอธิการบดีทุกท่านพร้อมจะช่วยกันทำงานโดยยึดแนวทางจะยังประโยชน์สูงสุดแก่มหาวิทยาลัย และจะทำความเข้าใจการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเพิ่มเติมผ่านสื่อ "MU must Know และรายการ Meet the president ต่อไป" นพ.รัชตะระบุ

@ ปึ้งจี้ครม.ทำ6ภารกิจเร่งด่วน

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์จัดตั้ง ครม.เสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งต้องทำเร่งด่วนด้านการบริหารคือ 1.แก้ปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นของต่างชาติ 2.แก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ 3.ปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น 4.แก้ปัญหาการค้ามนุษย์ 5.กวาดล้างยาเสพติด และ 6.แก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ควบคู่ไปกับการสร้างความปรองดอง ขจัดขัดแย้ง วันนี้รัฐบาลและ คสช.สบายใจได้เพราะทุกพรรคการเมืองไม่เคลื่อนไหว สำคัญที่สุดคือกติกาต้องเป็นธรรม กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ ถ้าทุกคนปฏิบัติตามรับรองจบแน่นอน อยากให้ คสช.ทำตามสัญญาประชาคมไว้ว่าเดือนตุลาคม 2558 จะจัดให้มีการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามขอให้กำลังใจ ครม.ชุดใหม่ แม้หลายคนไม่มีประสบการณ์เชิงบริหารก็ไม่เป็นไร ขอเพียงให้มีความตั้งใจ ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ ตื่นเช้ามาทำงานก่อนข้าราชการ และตอนเย็นกลับหลังข้าราชการ รับรองประสบความสำเร็จแน่นอน

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า หลังจากมีรัฐบาลแล้ว อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เลิกใช้แนวทางทหารนำการเมือง เปลี่ยนมาเป็นการเมืองนำการทหาร และเลิกกฎอัยการศึกได้แล้ว เพราะวันนี้เจ้าหน้าที่ทหารระดับล่างไม่เข้าใจนโยบาย คสช.ข้างบน คิดว่าทำอะไรก็ได้ภายใต้กฎอัยการศึก ส่งผลกระทบต่อการประกอบสัมมาอาชีพของประชาชนอย่างมาก มีการตรวจค้น จับกุม ยุ่งไปทุกเรื่องโดยไม่จำเป็น ทำให้เสียระบบไปหมด 

@ มาร์คชี้ตปท.จับตาคลายกฎ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงบทบาทของ คสช. หลังจากตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า คสช.ส่งสัญญาณว่าจะจำกัดบทบาทเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก เพราะฝ่ายบริหารมี ครม.เข้ามาทำหน้าที่อยู่แล้ว แต่ในแง่ของต่างประเทศคงจับตาดูว่า คสช.จะมีแนวทางในการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ แค่ไหน

สำหรับการแถลงนโยบายต่อ สนช.นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ควรถ่ายทอดสดและใช้เวทีนี้แถลงให้ประชาชนทราบ ส่วน สนช.หากดูการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2558 ยังทำหน้าที่น้อยไป อยากให้เสนอแนะนโยบายอย่างเต็มที่เพื่อประชาชนได้รับรู้ทิศทางของรัฐบาล ถือเป็นสัญญาประชาคมประชาชนจะติดตามตรวจสอบได้ 

@ ลุ้นอสส.สั่งคดีจำนำข้าวปู

นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงคดีอาญาการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ส่งสำนวนคดีไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่า วันที่ 4 กันยายน ทางสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) จะพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ หากอัยการเห็นด้วยก็ดำเนินคดีต่อไปได้เลย แต่ถ้าไม่เห็นด้วยกับมติของ ป.ป.ช. ก็ต้องตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง อสส.กับ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาทบทวนอีกครั้ง แต่หากยังไม่เห็นด้วยอีก ทางสำนักงาน ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าจะฟ้องเองหรือไม่ หาก ป.ป.ช.จะฟ้องเองก็ต้องจ้าง ทนายความเพื่อดำเนินคดีต่อไป

@ ยอดสรรหาสปช.6,985คน

ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปยอดการเปิดรับเสนอรายชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 11 ด้าน ระหว่างวันที่ 14 สิงหาคม-2 กันยายน อย่างไม่เป็นทางการ ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น. โดยตลอด 20 วันของการเปิดรับเสนอชื่อ พบว่ามีองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรยื่นเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ใน 11 ด้าน จำนวน 4,205 คน ด้านการศึกษา 674 คน ด้านอื่นๆ 633 คน ด้านสังคม 622 คน ด้านการปกครองท้องถิ่น 397 คน ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม 350 คน ด้านเศรษฐกิจ 314 คน ด้านพลังงาน 271 คน ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 267 คน ด้านการเมือง 253 คน ด้านบริหารราชการแผ่นดิน 243 คน และด้านสื่อสารมวลชน 181 คน เมื่อจำแนกตามนิติบุคคลที่ยื่นเสนอ พบว่ามีพรรคการเมือง 48 พรรค สมาคม 1,154 แห่ง มูลนิธิและวัด 655 คน สถาบันการศึกษา 386 แห่ง รวมนิติบุคคลที่ยื่นเสนอทั้งสิ้น 2,243 แห่ง 

@ รอทางปณ.ก่อนสรุป5ก.ย.

นายภุชงค์กล่าวว่า ส่วนในระดับจังหวัดมีผู้เข้ารับการเสนอชื่อ 2,780 คน จังหวัดที่มีผู้เข้าเสนอชื่อมากสุด 10 อันดับแรกคือ กรุงเทพมหานคร 113 คน, กาฬสินธุ์ 79 คน, อุบลราชธานี 71 คน, สงขลา 66 คน, มหาสารคาม 63 คน, นครศรีธรรมราช 59 คน, ศรีสะเกษ 59 คน, เชียงราย 57 คน, หนองบัวลำภู 57 คน และเชียงใหม่ 56 คน ส่วนจังหวัดเสนอชื่อน้อยที่สุด 10 อันดับแรกคือ พิจิตร 15 คน, สุราษฎร์ธานี 17 คน, ตาก 17 คน, ระยอง 17 คน, ชัยนาท 18 คน, ปราจีนบุรี 18 คน, แม่ฮ่องสอน 19 คน, อุดรธานี 19 คน, ภูเก็ต 19 คน และตราด 20 คน เมื่อรวมทั้งนิติบุคคลและส่วนจังหวัดมีผู้ถูกเสนอชื่อ 6,985 คน เป็นเพศชาย 6,069 คน เพศหญิง 858 คน แยกตามวุฒิการศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 752 คน ปริญญาตรี 2,015 คน ปริญญาโท 3,109 คน ปริญญาเอก 1,104 คน และไม่ทราบแจ้งเฉพาะคู่สมรส 5 คน รวม 6,958 คน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากต้องรอเอกสารของผู้ถูกเสนอชื่อทางไปรษณีย์ลงทะเบียนด่วนพิเศษ คาดว่ารายชื่อจะครบสมบูรณ์ภายในวันที่ 5 กันยายนนี้ 

นายภุชงค์กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัติผู้เสนอชื่อ ทางสำนักงาน กกต.ตรวจสอบแบบคู่ขนานตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม วันแรกของการเปิดรับ วันนี้เป็นวันแรกที่สำนักงาน กกต.และ 15 หน่วยงานได้ร่วมตรวจสอบคุณสมบัติแบบจริงจังและเข้มข้น เป็นเรื่องชั้นของความลับ เนื่องจากอาจจะกระทบกับสิทธิของบุคคลได้ ทั้งนี้ผู้ถูกเสนอชื่อทั้ง 6,985 คน พบว่ามีส่วนหนึ่งอาจเข้าข่ายเป็นบุคคลต้องห้ามลงสรรหา สปช. เนื่องจากเคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เคยต้องคดียาเสพติด หากมีการตรวจสอบพบว่าผู้ยื่นเอกสารการรับสรรหายื่นเอกสารเป็นเท็จ จะดำเนินคดีอาญา 

@ บิ๊กตู่มอบแนวทางสปช.4ก.ย. 

นายภุชงค์กล่าวว่า ในวันที่ 4 กันยายนนี้ เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็นประธานเพื่อมอบแนวทางการปฏิบัติงานในการสรรหา สปช. มีผู้เข้าร่วมงาน อาทิ คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน คณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด ประธาน กกต.จังหวัด 77 จังหวัด ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กต.จว.) 77 จังหวัด ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และตัวแทนจากเหล่าทัพ รวมจำนวนกว่า 500 คน 

"หัวหน้า คสช.มอบแนวทางการสรรหาเสร็จสิ้นแล้ว ทางคณะกรรมการสรรหา สปช.ทั้ง 11 ด้าน จะแยกกันไปประชุมลับ เพื่อเลือกประธานคณะกรรมการสรรหาแต่ละด้าน และร่วมกันปรึกษาหารือถึงแนวทางการสรรหาก่อนลงมติคัดเลือกผู้ถูกเสนอชื่อให้เหลือด้านละไม่เกิน 50 คน ในช่วงหลังวันที่ 13 กันยายน ส่วนการสรรหา สปช.ระดับจังหวัดนั้น คณะกรรมการสรรหาสามารถประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมเป็น สปช.ได้จังหวัดละ 5 คน ได้หลังวันที่ 13 กันยายนเป็นต้นไป แต่จะไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ เนื่องจากเป็นความลับ และมีผลได้ผลเสียต่อกระบวนการสรรหา สปช." นายภุชงค์กล่าว

@ เผยเกณฑ์สรรหาสปช.11ด้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมคณะกรรมการสรรหานัดแรกในวันที่ 4 กันยายน เพื่อรับมอบแนวทางการสรรหา สปช.จาก พล.อ.ประยุทธ์ จะประชุมนัดที่สองวันที่ 12 กันยายน เพื่อนำข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อและคุณสมบัติบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อมาพิจารณา และคณะกรรมการสรรหาอาจจะเริ่มดำเนินการสรรหาได้เลย ขณะที่การประชุมนัดที่สามในวันที่ 15 กันยายน คณะกรรมการสรรหาจะดำเนินการสรรหา อาจจะได้ว่าที่ สปช.ด้านละไม่เกิน 50 คน แต่หากไม่แล้วเสร็จ กำหนดให้ประชุมสรรหาให้แล้วเสร็จนัดสุดท้ายวันที่ 17 กันยายน หลังจากนั้นฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาจะดำเนินการด้านธุรการ เพื่อให้ทันกับกรอบเวลาวันที่ 23 กันยายน กำหนดว่า คสช.จะเริ่มคัดเลือกบุคคลเป็น สปช. 250 คน 

ทั้งนี้มีการกำหนดสถานที่ประชุมไว้ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ในกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) และที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1พัน 4 รอ.) เมื่อคณะกรรมการสรรหาได้ผู้เหมาะสมเป็น สปช.แต่ละด้านไม่เกิน 50 คนแล้ว เอกสารจัดทำเสนอต่อ คสช. ประกอบไปด้วยรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อ องค์กรนิติบุคคลที่เสนอชื่อ ประสบการณ์ ความโดดเด่นและเรื่องที่จะเข้าไปปฏิรูป และมติคณะกรรมการสรรหาเลือกบุคคลนั้นๆ ว่าได้กี่เสียง รายชื่อทั้ง 50 รายชื่อจะถูกจัดเรียงตามตัวอักษร แต่จะจัดทำเอกสารปะหน้าบอกถึงชื่อผู้ที่เหมาะสมเป็น สปช.ทั้ง 50 คน คณะกรรมการสรรหาเลือกโดยเรียงตามลำดับคะแนนจากคณะกรรมการสรรหา เพื่อสะดวกต่อการพิจารณา ทั้งนี้ มีรายงานว่าสัดส่วน คสช.จะเลือกบุคคลเป็น สปช.ในแต่ละด้านนั้น คสช.จะคำนึงว่าในภาวะของประเทศขณะนี้ว่าจำเป็นต้องให้น้ำหนักกับการปฏิรูปด้านใดมาก เช่น การเมือง เศรษฐกิจ ศึกษา จะเน้นในการคัดเลือกบุคคลด้านนั้นๆ มากกว่า 15 คน อาจจะถึง 20 คน แต่เพื่อไม่ให้เกิดความแตกต่างมาก จึงกำหนดค่ากลาง คสช.จะต้องเลือกบุคคลเป็น สปช.ในแต่ละด้านอยู่ที่ 10-12 คนเป็นอย่างน้อย

@ พรเพชรจัดคิวสนช.ถกกม.ด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้บรรจุระเบียบวาระการประชุม สนช.ในวันที่ 4 กันยายนนี้ เวลา 13.00 น. โดยมีวาระเรื่องด่วน เพื่อพิจารณาร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน +3 (AMRO) ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้เสนอ ขณะที่การประชุม สนช. วันที่ 5 กันยายนนั้น ล่าสุด นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ได้ทำหนังสือคำสั่งด่วน เพื่อบรรจุวาระเรื่องด่วนเพิ่มเติมเพื่อพิจารณากฎหมาย 5 ฉบับ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้เสนอ ประกอบด้วย 1.ร่างพระราชบัญญัติการรับขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ 2.ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ 3.ร่างพระราชบัญญัติการรับขนคนโดยสารทางถนนระหว่างประเทศ 4.ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และ 5.ร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด เริ่มประชุมเวลา 10.00 น. เป็นต้นไป 

@ ยูเอ็นกังวลจำกัดสิทธิมนุษยชน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน สำนักข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (โอเอชซีเอชอาร์) ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย พบว่ามีการจำกัดด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่มีการยึดอำนาจเป็นต้นมา 

รายงานระบุว่า นับตั้งแต่มีการยึดอำนาจเมื่อเดือนพฤษภาคม ทหารได้ดำเนินการกับพวกที่ไม่เห็นด้วย รวมทั้งดำเนินการกับบรรดาผู้ละเมิดกฎอัยการศึก ด้วยการส่งตัวขึ้นดำเนินคดีในศาลทหาร โดยโอเอชซีเอชอาร์ชี้ด้วยว่า สภาพแวดล้อมโดยรวมสำหรับนักเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยกำลังตกต่ำ หลังจากมีการกดดันจากทางทหารจนการจัดการอภิปรายว่าด้วยเข้าถึงความยุติธรรมในยุคหลังการรัฐประหารต้องล้มเลิกไป

แถลงการณ์ของโอเอชซีเอชอาร์มีขึ้นหลังจากการอภิปราย กำหนดจะจัดขึ้นที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 2 กันยายน โดยทางศูนย์เปิดเผยว่า ได้รับคำเตือนจากนายทหารทางโทรศัพท์ ระบุว่า การจัดการอภิปรายดังกล่าวอาจเข้าข่ายละเมิดข้อห้ามการชุมนุมทางการเมืองในที่สาธารณะ นอกจากนั้นทางศูนย์ยังเผยแพร่จดหมายมีเนื้อหาระบุว่า ได้รับคำร้องขอความร่วมมือให้ยกเลิกการจัดการอภิปรายดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติ ทำให้ทางโอเอชซีเอชอาร์มีความเป็นห่วงกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการยับยั้งการจัดประชุมและแสดงออกอย่างสันติของนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนดังกล่าว

@ ชี้บิ๊กตู่ร่วมวงสหประชาชาติได้

นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวว่า การที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายด้านการต่างประเทศหรือการยอมรับของนานาประเทศต่อไทย เพราะตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้เดินสายสร้างความเข้าใจกับนานาประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ทุกประเทศต่างสนใจในการเดินหน้าสร้างประชาธิปไตยตามโรดแมปของ คสช. และจับตามองอยู่ว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามนโยบายที่วางไว้ได้หรือไม่ จึงไม่มีปฏิกิริยาหรือปัญหากับตัวบุคคลว่าใครจะมาทำหน้าที่ แต่สนใจเนื้อหาสาระของการสร้างความเข้มแข็งให้ประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนมากกว่า 

@ ชี้ทัวร์อียู-อเมริกาก็ไร้ปัญหา

นายเสขกล่าวว่า สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น ตามธรรมเนียมปฏิบัติจะต้องเข้ารับการถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อน จึงจะเดินทางไปแนะนำตัวเองกับนานาประเทศได้ เบื้องต้นหลังทำหน้าที่อย่างเป็นทางการแล้วจะต้องเดินทางไปแนะนำตัวกับประเทศสมาชิกอาเซียน แต่จะเป็นที่ใดเป็นประเทศแรกนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สำหรับการเดินทางไปในประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียู แม้จะไม่มีการเยือนอย่างเป็นทางการ แต่สามารถเดินทางไปอย่างไม่เป็นทางการ หรือไปร่วมประชุมในประเทศนั้นๆ ได้ เป็นแนวปฏิบัติตามปกติจากอียูจะกระทำต่อรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือหาก พล.อ.ประยุทธ์หรือ พล.อ.ธนะศักดิ์จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมประชุมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 69 ก็สามารถเดินทางไปได้ ไม่มีปัญหาใดๆ ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้จัดห้องทำงานสำหรับรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว และเท่าที่ได้พูดคุยกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ เกี่ยวกับแนวทางการทำงานจะสานต่อนโยบาย คสช.ดำเนินการมาตลอด 3 เดือน อาทิ การจัดระบบแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ที่เป็นวาระแห่งชาติ

รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 69 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-30 กันยายนนี้ ส่วนวาระการประชุมระดับผู้นำอยู่ในช่วงต้นเดือนตุลาคม

@ เอฟซีซีทีขอจัดเสวนาใหม่ได้

นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายความมั่นคงส่งเจ้าหน้าที่ไประงับการจัดงานเสวนาเรื่องความยุติธรรมที่ปิดปรับปรุง ของศูนย์ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (เอฟซีซีที) ว่า ปกติการจัดงานเสวนาจะต้องแจ้งให้หน่วยงานด้านความมั่นคงทราบล่วงหน้าก่อนจึงจะจัดได้ ที่ผ่านมาเมื่อมีการดำเนินการตามที่ได้มีการตกลงไว้ก็ไม่มีปัญหาใดๆ แต่กรณีของการจัดงานดังกล่าวได้แจ้งให้ฝ่ายความมั่นคงทราบอย่างกะทันหัน ฝ่ายความมั่นคงจึงขอให้งดจัดกิจกรรมไปก่อน แต่หากผู้จัดจะเดินหน้าต่อ หลังจากนี้ก็สามารถประสานไปยังฝ่ายความมั่นคงอีกครั้งเพื่อขออนุญาตได้ และสามารถเสนอความคิดเห็นต่างๆ ผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

เมื่อถามถึงการที่หลายองค์กรสิทธิมนุษยชนแสดงความห่วงใยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทย นายเสขกล่าวว่า อยากให้องค์กรต่างๆ เหล่านั้น ได้ดูข้อเท็จจริงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เพราะการคงกฎอัยการศึกก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน สถานการณ์ในกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดขณะนี้ถือว่ามีความปลอดภัยมากกว่าช่วงก่อนการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม