วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8681 ข่าวสดรายวัน


ลุ้นเลิกอัยการศึก ถก 5 กย. เน้นฟื้นท่องเที่ยว 
เว้นพื้นที่มีต่อต้านคสช. 'ยูเอ็น'แถลงการณ์ย้ำ! กังวลยิ่งมนุษยชนไทย 'ปู'ระทึกอีก-รับจำนำข้าว อสส.นัดแถลงคดีวันนี้
        อัยการสูงสุดนัดแถลงวันนี้ ชี้คดีจำนำข้าวที่ป.ป.ช.ลงดาบยิ่งลักษณ์ ผิดอาญา ปชป.ชิงตีปลาหน้าไซเปิดหนังสือมหกรรมจำนำข้าว'มาร์ค'โผล่เป็นประธานเอง เพื่อไทยซัดแอบแฝงกิจกรรมการเมือง ยื่นคสช.ฟันยุบพรรค ด้านผบ.กกล.รส.เตรียมชงบิ๊กตู่-คสช.ยกเลิกกฎอัยการศึกวันที่ 5 ก.ย. 'พล.ท. ธีรชัย'ระบุเริ่มในพื้นที่ที่ไม่มีการต่อต้านคสช.ก่อน คาดจะเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ด้านยูเอ็นออกแถลงการณ์อีกกังวลอย่างยิ่งกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย'บิ๊กป๊อก'ส่งทีมกุนซือดอดดูห้องทำงานที่กระทรวงมหาดไทย กกต. ปลื้มยอดสมัครสปช.เผยวันที่ 13 ก.ย.เริ่มกระบวนการสรรหา


ชงบิ๊กตู่เลิกอัยการศึกบางจว.วันนี้
      เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 3 ก.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผบ.ทบ. เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจตามปกติ โดยไม่มีวาระการประชุมพิเศษ ส่วนการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวดเช่นเดิม
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีกระแสข่าวจะยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกใน 22 จังหวัด เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์นั้น วันเดียวกันนี้ พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ได้สั่งการให้แต่ละกองทัพภาคประเมินสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ว่ายังมีเหตุการณ์การเคลื่อนไหวต่อต้านคสช.หรือไม่ โดยยึดประชาชนและความสงบเรียบร้อยในพื้นที่เป็นหลัก ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ลงสำรวจหมดแล้ว ซึ่งในเวลา 3 เดือน ทางเจ้าหน้าที่มีข้อมูลมากมายสำหรับทุกพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร หากไม่พบความเคลื่อนไหวหรือมีการต่อต้านของกลุ่มใดๆ ก็พร้อมเสนอพล.อ.ประยุทธ์ ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในการประชุมคสช. ในวันที่ 5 ก.ย. นี้ 
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดที่จะประกาศยกเลิกจะพิจารณาจากจังหวัดที่ คสช.ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวก่อนหน้านี้ รวมถึงจังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ อาทิ พัทยา ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย กาญจนบุรี ราชบุรี ระยอง สุรินทร์ สุโขทัย รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้ด้วย

ถ้าพื้นที่ใดยังต้านคสช.-ไม่ยกเลิก
        พล.ท.ธีรชัย ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าที่ผ่านมา นับตั้งแต่คสช.เข้ามาบริหารบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ไม่ได้บังคับใช้พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 แต่อย่างใดเลย หากแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและบังคับใช้กฎหมายให้มีประโยชน์ มีประสิทธิภาพที่กฎหมายปกติบังคับใช้ไม่ได้ เช่น การป้องกันปราบปรามยาเสพติด ป้องกันการลักลอบบุกรุกและทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ รวมถึงประเด็นด้านความมั่นคง มิหนำซ้ำตนคิดว่าประชาชนทั่วไปไม่ได้วิตกกังวลใดๆ เลยต่อการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพราะยังคงใช้ชีวิตได้อย่างเป็นอิสระ ดังนั้น หากพื้นที่ใดไม่พบลักษณะการกระทำดังกล่าวที่ยกตัวอย่างไปก็พร้อมประกาศยกเลิกได้ แต่ถ้าพื้นที่ใด ยังพบการกระทำดังกล่าวอยู่ ให้คงพ.ร.บ. กฎอัยการศึกไว้ก่อน
       ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคสช. กล่าวถึงกรณีมีข่าวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ระบุในการประชุมคสช.ในทำนองว่าครม.ชุดนี้จะทำงานโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาว่า คงไม่ใช่อย่างที่แปลความหมายกัน แต่น่าจะเป็นการทำงานที่คู่ขนานกับคสช. เพราะเรามีเวลาทำงานที่จำกัด ตอนนี้เข้าสู่การทำงานระยะที่ 2 ของโรดแม็ปที่คสช.ได้วางไว้แล้ว ซึ่งอะไรที่รัฐบาลติดขัดอยู่ ทางคสช.ต้องเข้าไปร่วมสนับสนุน ซึ่งการดำเนินการยังเป็นไปตามโรดแม็ปเดิมที่คสช.กำหนดไว้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับในที่ประชุมให้ทำงานมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล และให้ดีที่สุด เป็นไปตามกรอบระยะเวลาเท่านั้น

'เมียบิ๊กตู่'ย่องเข้าทำเนียบ
       เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนราพร จันทร์โอชา ภริยาพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางด้วยรถโตโยต้าอัลพาร์ด พร้อมผู้ติดตาม เข้ามายังสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งนางนราพร เป็นคณะกรรมการมาตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. และเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง ซึ่งการเข้ามายังทำเนียบครั้งนี้มาแบบเงียบๆ มีเพียงการแจ้งเส้นทางเท่านั้น
      เวลา 13.30 น. นางอรชุมา ยุทธวงศ์ ภริยานายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ ได้เดินทางเข้ามายังตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบ เพื่อดูห้องทำงานของนายยงยุทธ ซึ่งจัดเตรียมไว้ที่ชั้น 4 ก่อนเข้ามานั่งปฏิบัติหน้าที่รองนายกฯ อย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกันนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ส่งผู้ติดตามมาดูห้องทำงานที่ชั้น 2 ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วเช่นกัน

ยูเอ็นกังวลยิ่งสิทธิมนุษยชนไทย
     วันเดียวกัน เอเอฟพีรายงานว่า องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานะสิทธิมนุษยชนในไทย กรณีความเคลื่อนไหวของนักสิทธิมนุษยชนที่ถูกคสช.จำกัดเสรีภาพทางในการแสดงออกด้านการเมือง กรณีกองทัพไทยยับยั้งการชุมนุมเพื่อแสดงต่อการรัฐประหารและเข้าควบคุมสื่อสารมวลชนและใช้ศาลทหารตัดสินคดี 
      ด้านสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชา ชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (โอเอชซีเอชอาร์) แถลงว่า สภาพของผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชนในไทยนับวันยิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้น ขอแสดงความกังวลต่อการจำกัดสิทธิมนุษชนในไทยในการชุมนุมโดยสันติและเสรีภาพในการแสดงออกที่นับวันจะยิ่งเข้มงวดขึ้น

น้องชายประยุทธ์โต้กลับยูเอ็น
       พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาค 3 และสมาชิกสนช. และน้องชายของพล.อ. ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงยูเอ็นออกแถลงการณ์ แสดงความกังวลต่อสภาพสิทธิมนุษยชนในไทยด้านการเมืองภายใต้อำนาจคสช.ว่า การที่ยูเอ็นออกมาแถลงการณ์นั้น จะส่งผลกระทบต่อสายตานานาประเทศหรือไม่ ต้องถามฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง เพราะหากตนตอบลงลึกในรายละเอียดแล้วเกิดความ คลาดเคลื่อนบางประการจะส่งผลกระทบหลายอย่าง เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
     ส่วนที่ยูเอ็นติงเรื่องการใช้ศาลทหารพิจารณาคดีต่อผู้ที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประ หารนั้น พล.ท.ปรีชากล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในสถานการณ์ปกติ ศาลทหารใช้ตัดสินคดีระเบียบวินัยทหาร แต่ในสถาน การณ์ไม่ปกติเช่นนี้ ตั้งแต่ประกาศกฎอัยการศึก และคสช.มีประกาศฉบับที่ 37/2557 เรื่องความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหารชัดเจนแล้ว จึงดำเนินการได้ ยืนยันว่าผ่านมาหลายเดือนศาลทหารดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนด้วยความยุติธรรม ตามที่ทั่วโลกยอมรับทุกประการ

แห่ยินดี'อดุลย์'นั่งรมว.พม.
      ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเช้า มีข้าราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ พล.ต.อ.เอก เอกอังสนานนท์ รองผบ.ตร. นายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดีกรมประชา สัมพันธ์ เข้ามอบดอกไม้และแสดงความ ยินดีกับพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคสช.ที่ได้รับตำแหน่งรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
       นายอภินันท์ กล่าวว่า สำหรับรายการนายกฯ พบประชาชนยังไม่มีการพูดคุยกัน ต้องรอ นายกฯและครม.เข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มรูปแบบก่อน เราพร้อมรับฟังนโยบายเพื่อกำหนดแนวทางออกอากาศต่อไป 
       จากนั้นเวลา 10.50 น. พล.ต.อ.เอกกล่าวถึงการเข้าพบพล.ต.อ.อดุลย์ว่า พล.ต.อ.อดุลย์ เชิญมาพบเพื่อเตรียมการในตำแหน่งรมว.พม.โดยเฉพาะการปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งพล.ต.อ.อดุลย์ต้องการรับทราบสถานการณ์จากผู้ปฏิบัติว่าดำเนินการอย่างไรบ้าง และหลังเข้ารับหน้าที่จะได้ดำเนินการต่อไป ตำรวจพร้อมสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อยู่แล้ว และเห็นว่าการที่พล.ต.อ.อดุลย์ มารับตำแหน่งนี้ ถือว่าเหมาะสมเพราะอยู่ในสายงานปราบปรามมาก่อน

เชิญรรท.ผบ.ตร.หารือค้ามนุษย์
       ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ต. ปิยะ อุทาโย เดินทางเข้าร่วมประชุมกับพล.ต.อ.อดุลย์ด้วย หลังหารือกันนาน 1 ช.ม. พล.ต.ต.ปิยะ เผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ เชิญทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์มาร่วมหารือ ระบุว่า พล.อ. ประยุทธ์ ต้องการให้เดินเครื่องแก้ปัญหาเรื่องนี้ทันที และขอให้ทำเลย ลุยเลยทันที โดยเฉพาะแก้ปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์ที่ไทยถูกลดอันดับอยู่ในกลุ่มเทียร์ 3 หรือประเทศที่ ล้มเหลวในการป้องกันปัญหา ซึ่งจะเดินหน้างานนี้ทันที 
     เมื่อเวลา 17.00 น. พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ในวันที่ 5 ก.ย.นี้ จะทดสอบระบบเครื่องเสียงทั้งหมดของห้องประชุมครม. ที่ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 โดยเครื่องเสียงทั้งหมดจะมาถึงพร้อมติดตั้งในบ่ายวันที่ 4 ก.ย. เมื่อติดตั้งระบบทุกอย่างเรียบร้อยจะเชิญสื่อมวลชนไปสังเกตการณ์ มั่นใจว่าจะทันการประชุมครม.ในวันที่ 9 ก.ย. ยืนยันอีกครั้งว่าการปรับปรุงทำเนียบครั้งนี้ใช้งบประมาณน้อยมาก 
        พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวถึงการรับตำแหน่งรมว.พม.ว่า เมื่อนายกฯมอบหมายงานในกระทรวงพม. ตนก็พร้อมและมั่นใจในการเข้ารับหน้าที่ เพราะสายงานเดิมอยู่สายปราบปรามและเข้าใจงานต่างๆ อีกทั้งจบปริญญาโทด้านพัฒนาสังคมจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาด้วย

ทีมกุนซือบิ๊กป๊อกรุดดูห้องมท.1
       เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย คณะทำงานและคณะที่ปรึกษาพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประกอบด้วยพ.อ. ปริญญ รื่นภาควุฒิ รองผบ.ร.1 รอ. นายทหารคนสนิทพล.อ.อนุพงษ์ นายประชา เตรัตน์ อดีตหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาด ไทย นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี อดีตผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา นายจาดุร อภิชาตบุตร อดีตรองปลัดสำนักนายกฯ พล.ต.ต.ธารา ปุณศรี อดีตรองผบช.ภาค 2 ได้มาตรวจความเรียบ ร้อยห้องทำงานรมว.มหาดไทย จากนั้นคณะทำงานได้เข้าหารือกับนายสยาม ศิริมงคล ผอ.กองการ เจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย 
       นายประชา เผยว่า มาตรวจดูความเรียบ ร้อยและประสานงานเพื่อเตรียมเข้าทำงานที่กระทรวงมหาดไทย โดยพล.อ.อนุพงษ์จะเข้ามาทำงานภายหลังได้ถวายสัตย์ปฏิญาณและแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ก่อน

คณาจารย์มหิดลหนุนรัชตะควบ
       วันเดียวกัน นพ.วิรุณ บุญนุช ประธานสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับคณาจารย์ มม.ว่า ตามที่ขณะนี้มีกระแสวิจารณ์ถึงกรณีนพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดี มม. ได้รับแต่งตั้งเป็นรมว.สาธารณสุข แต่ยังดำรงตำแหน่งอธิการบดี มม.อยู่ ส่งผลให้คณาจารย์ในสภาคณาจารย์ส่วนหนึ่งเกิดความห่วงใย ต่อการบริหารงานทั้งในมหาวิทยาลัย และกระทรวงสาธารณสุขในเวลาเดียวกันของนพ.รัชตะนั้น ที่ประชุมมีความเห็นเป็น 3 ด้านคือ 1.การดำรงตำแหน่งดังกล่าวถือว่าไม่ผิดกฎหมาย เพราะอยู่ในช่วงรัฐประหาร 2.การสรรหาอธิการบดี ต้องอิงข้อกำหนดของมหาวิทยาลัย มาตรา 5 (2) คืออธิการบดีต้องปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มเวลา และ 3.ความสง่างามในการดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุขและอธิการบดี มม.ในคราวเดียวกัน
       "ที่ประชุมเห็นว่า ควรให้โอกาสอธิการบดี ปฏิบัติงานในตำแหน่งรัฐมนตรีระยะหนึ่ง และค่อยประเมินการปฏิบัติงานของอธิการบดีอีกครั้ง ขณะเดียวกัน สภาคณาจารย์ มม. เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประชาคม มม. เท่านั้น อำนาจการตัดสินใจในภาพรวมขึ้นอยู่กับสภา มม. เป็นหลัก ดังนั้น ต้องรอฟังผลการประชุมสภา มม. ในวันที่ 17 ก.ย. นี้ด้วยว่ามีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกันกรณีดังกล่าว" นพ.วิรุณกล่าว

'สมหมาย'วาง'สรร'เลขารมต.
       นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า จะแต่งตั้งนายสรร วิเทศพงษ์ อดีตข้าราชการกระทรวงการคลัง มาเป็นเลขานุการรมว.คลัง เพื่อช่วยกลั่นกรองนโยบายและมาตรการต่างๆของกระทรวงที่จะเสนอครม. เพื่อขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่จะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวให้ได้ 2% ทั้งนี้ นายสรรเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจ เคยเป็นรองผอ.สำนัก งานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และกรรมการบริหารธนาคารโลกที่กรุงวอชิงตัน ปัจจุบันยังเป็นกรรมการในสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยงานดูแลเศรษฐกิจได้มากขึ้น
      นายสมหมาย กล่าวว่า จะตั้งบุคคลจากภาคเอกชนด้านการเงิน ตลาดทุน เข้ามาเป็นที่ปรึกษารมว.คลัง เพื่อช่วยให้คำแนะนำในการออกนโยบายและมาตรการบริหารเศรษฐกิจ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้จนกว่าจะเข้าทำงานที่กระทรวงการคลัง เลื่อนจากเดิมจะเข้าทำงานวันที่ 5 ก.ย. ออกไปเป็นสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ได้เขียนนโยบายด้านกระทรวงการคลังให้พล.อ.ประยุทธ์ มีทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการปฏิรูปภาษีของประเทศครั้งใหญ่ เนื่องจากไม่ได้ดำเนินการมานาน รวมถึงปฏิรูปการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงการคลังให้บริการประชาชนมากขึ้น

ชาวสวนยางยันไม่ปิดถนนแล้ว
       วันเดียวกัน นายทศพล ขวัญรอด ผู้ประสาน งานกลุ่มชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ และแกนนำผู้ชุมนุมประท้วงปิดถนนที่แยกควนหนองหงษ์ ต.ควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อช่วงเดือนส.ค. - ก.ย.2556 กล่าวถึงกระแสข่าวชาวสวนยางพาราจะรวมตัวชุมนุมประท้วงอีกครั้งที่แยกควนหนองหงษ์ ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ว่า หากมีการ กระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเครือข่ายยางพารา 16 จังหวัดภาคใต้ ตอนนี้ประสานกันอยู่หลายฝ่ายว่าการออกมาต่อสู้จะทำตามหลักวิชาการเพื่อช่วยเหลือชาวสวนยาง ตอนนี้ก้าวข้ามเรื่องราคายางพาราที่ตกต่ำไปแล้ว แต่จะสู้เรื่องการทำแผนปฏิรูปยางพาราทั้งระบบ รื้อโครงสร้างวิชาการเพื่อแก้ปัญหาไปสู่ความยั่งยืน
        นายทศพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ประชุมในกลุ่มชาวสวนยาง สรุปว่าการชุมนุมประท้วงปิดถนนจนนำไปสู่ความรุนแรงและถูก เจ้าหน้าที่ทำร้ายเลือดตกยางออกกันไปหลายคน ไม่ใช่การแก้ปัญหาอย่างแท้จริง การปิดถนนไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และไม่ได้ผล เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ รัฐบาลก็ลงมาแก้ปัญหารับปากอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้น จะต่อสู้ด้วยสติใช้หลักการที่ทำให้เกิดผลมากกว่า

ปลื้มแนวทางแก้ปัญหาของคสช.
        'ที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือให้คสช.ช่วยเหลือเรื่องราคายางพาราและปาล์มน้ำมันแล้วถึง 3 ฉบับ และมีแนวทางแก้ปัญหาเรื่องยางพาราโดยการแปรรูปผลผลิตให้มากที่สุด ไม่ให้นายทุนหรือพ่อค้าคนกลางขูดรีดชาวสวนยางอีกต่อไป อีกทั้งคสช.ก็นำเรื่องนี้มาหาแนวทางแก้ปัญหาแล้ว และมีการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะนำเรื่องยางพารามาแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร'นายทศพลกล่าว
      นายทศพล กล่าวต่อว่า การชุมนุมประท้วงปิดถนนจึงเป็นไปไม่ได้และเราจะไม่ทำ เพราะต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ได้ทำงานก่อน ดูว่าจะแก้ปัญหาเรื่องราคายางพาราและปาล์มน้ำมันอย่างไร ให้รมว.เกษตรและสหกรณ์ทำงาน สักระยะ และจะขอพบปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพื่อยื่นหนังสือเกี่ยวกับการแก้ปัญหานี้ ผลจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกครั้ง

ปรับลดงบฯลง 1.6 หมื่นล้าน
       ที่รัฐสภา พล.ท.ชาตอุดม ติตถะสิริ สมาชิกสนช. ฐานะโฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 เปิดเผยว่า ที่ประ ชุมกมธ.ชุดใหญ่ ได้อนุมัติตามรายละเอียดที่อนุกมธ.นำเสนอ โดยมียอดสรุปการปรับลดงบประมาณ รวมทั้งสิ้น 1.6 หมื่นล้านบาท ส่วนรายละเอียดที่แต่ละกระทรวงถูกปรับลดนั้น ตนจะขออนุญาตพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกมธ.ก่อนถึงจะนำมาเปิดผยได้ ส่วนการพิจารณาของกมธ.ในวันที่ 4 ก.ย. นี้ จะเชิญสนช. ที่เสนอคำขอแปรญัตติมาชี้แจงคำแปรญัตติในที่ประชุมอีกครั้ง ส่วนจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเสนอของบประมาณในหน่วยงานใดหรือไม่นั้น ต้องรอการพิจารณาก่อน

'มาร์ค'เชื่อ'บิ๊กตู่'คงไม่อยู่ยาว
       ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทของคสช. หลังจากแต่งตั้งครม.ว่า คสช.ส่งสัญญาณว่าจะจำกัดบทบาทในเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก เพราะฝ่ายบริหารมีครม.ทำหน้าที่แล้ว ซึ่งต่างประเทศจับตาดูว่าคสช.จะผ่อนคลายกฎระเบียบกฎอัยการศึกเเละคำสั่งต่างๆ อย่างไร เเละดูว่าคสช.จะเดินหน้าประเทศไปข้างหน้าอย่างไร เมื่อหัวหน้า คสช.บอกว่าจะยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกก็ต้องชี้แจงว่ามีเหตุผลอย่างไร เชื่อว่าผู้มีอำนาจคงไม่อยากใช้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ให้เหตุผลว่ายังจำเป็น
      เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ระบุครม. ชุดนี้ไม่มีอายุทำให้มีการวิจารณ์ว่าจะอยู่ยาว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แม้รัฐธรรมนูญจะไม่เจาะจงระยะเวลาในการร่าง แต่เมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญเสร็จจะเป็นไปตามบทเฉพาะกาลที่กำหนด และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ตั้งใจจะอยู่เกินกว่าที่เคยระบุไว้ และสังคมตรวจสอบอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้รีบสรุปว่าจะร่างรัฐธรรมนูญไปเรื่อยๆ เพราะเป็นความรับผิดชอบของคนร่างว่าต้องร่างให้ดี ร่างให้เสร็จ

แนะถ่ายทอดสดประชุมสนช.
        ส่วนการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อ สนช.นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ควรมีการถ่ายทอดสดและใช้เวทีนี้แถลงให้ประชาชนทราบ ส่วนสนช.จะซักถามท้วงติงมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ สนช. หากดูการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2558 คิดว่าสมาชิก สนช. ยังทำหน้าที่น้อยไป จึงอยากให้สมาชิกสนช.ทำหน้าที่เสนอแนะนโยบายอย่างเต็มที่ เพื่อประชาชนจะได้รับรู้ทิศทางของรัฐบาล เพราะถือเป็นสัญญาประชาคมที่ประชาชนจะติดตามตรวจสอบได้ และทุกอย่างต้องตามความเป็นจริง
       นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงข้อเสนอของพรรค ต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า พรรคจะปรับข้อเสนอให้เข้ากับกลุ่มงานของ สปช.ทั้ง 11 ด้าน เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น และพร้อมส่งข้อมูลให้โดยจะเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งมีประเด็นที่สปช.จะต้องคิดว่างานปฏิรูปไม่เสร็จภายใน 1 ปี จะมีฐานที่มั่นคงในการสานต่ออย่างไร และตอบโจทย์สังคมได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนตัวเลขผู้ที่เสนอชื่อเป็นสปช.กว่า 6 พันคนนั้น ไม่ได้บ่งบอกความสำเร็จของ สปช. ต้องดูคนที่เข้าไปทำงาน เพราะมีคนมีชื่อเสียงที่มีความหลากหลายพอสมควร แต่ยังไม่ทราบว่าใครจะได้รับการสรรหาบ้าง

'มาร์ค-วรงค์'เปิดตัวหนังสือข้าว
     วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เป็นประธานเปิดตัวหนังสือ "มหากาพย์โกงข้าว ชำแหละโกงจำนำข้าวทุกขั้นตอน" ของนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โดยนพ.วรงค์กล่าวว่า โครงการจำนำข้าวมีการโกงในทุกขั้นตอน และบิดเบือนกลไกตลาดจนทำลายอุตสาหกรรมข้าวไทยทั้งระบบ ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถชี้แจงได้แม้แต่เรื่องเดียว หนังสือเล่มนี้จะเป็นหลักฐานและเป็นคำตอบเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น และตนอยากให้ครม. รวมทั้งพล.อ.ประยุทธ์ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะบอกว่าจะปราบปรามการทุจริต หากได้อ่านจะเข้าใจเรื่องข้าวทั้งระบบ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่หวงหาก ครม.ชุดนี้จะนำไปดำเนินการแก้ไขข้าว
      นพ.วรงค์ กล่าวว่า ขอฝากถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เป็นผู้คิดนโยบายนี้ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ด้วย จะได้รู้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเองที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ รวมถึงขอให้ทีมข้าวของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อ่านด้วยเพราะเวลาที่ศาลฎีกาตัดสินให้ติดคุกจะได้เข้าใจ

พท.อัดยับฉวยโอกาสการเมือง
       นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเปิดตัวหนังสือโกงจำนำข้าวของนพ.วรงค์ ว่า ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ ตนจะไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ขอให้ยับยั้งการกระทำดังกล่าว เพราะขัดต่อประกาศ คสช. ฉบับที่ 57 ที่ห้ามพรรคการเมืองจัดประชุมหรือดำเนินกิจการใดๆ ทางการเมือง อีกทั้งยังฝ่าฝืนพ.ร.บ.พรรคการเมืองซึ่งต้องถูกยุบพรรคด้วย แต่การจัดงานอื่นๆ อย่างงานวันเกิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประชาชน จัดให้ หรือการจัดงานเสวนาเรื่อง "ความยุติธรรมที่ปิดปรับปรุง" คสช.กลับยกเลิก ถือเป็นการเลือกที่รักมักที่ชังหรือไม่ 
      ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคประชา ธิปัตย์น่าจะมีวาระซ่อนเร้น อาศัยการเปิดตัวหนังสือบังหน้า แต่แท้จริงเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง กล่าวหาใส่ร้ายฝ่ายตรงข้ามในเรื่องเดิมๆ เนื้อหาในหนังสือก็เรื่องเดิม ไม่มีอะไรใหม่ ซึ่งการเปิดตัวหนังสือของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าทำผิดประกาศ คสช.ที่ 57/2557 อีกทั้งยังมีการชุมนุมเกินกว่า 5 คน ผิดกฎอัยการศึกด้วย จึงขอเรียกร้องให้หัวหน้า คสช.ตรวจสอบด้วย วันนี้พรรคเพื่อไทยให้ความร่วมมือ คสช. และให้โอกาสรัฐบาลใหม่ทำงานเต็มที่ แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์กระทำขัดหลักปรองดองสมานฉันท์ จึงอยากให้นายอภิสิทธิ์และลูกพรรค ทบทวนบทบาทว่ากำลังให้ความร่วมมือ คสช. หรือขัดขวาง จุดไฟความขัดแย้งรอบใหม่ขึ้นมากันแน่

ทนายความระบุชี้นำอัยการ
        ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯในคดีโครงการรับจำนำข้าว กล่าวว่า หนังสือดังกล่าวไม่มีผลในทางคดีที่อัยการสูงสุดพิจารณาอยู่ แต่ถือเป็นความพยายามของนพ.วรงค์ และพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ ที่ชี้นำสังคมว่าคดีนี้มีความผิดและมีการทุจริตแล้ว ทั้งที่คดีอยู่ระหว่างการตรวจสอบในชั้นอัยการสูงสุด คดียังไม่ไปสู่ศาล และนายอภิสิทธิ์และนพ.วรงค์เป็นผู้กล่าวหาและเป็นพยานในคดีนี้ จึงควรให้พนักงานอัยการพิจารณาคดีนี้ให้เสร็จสิ้น พร้อมมีความเห็นในทางคดีก่อน หากมีหลักฐานใดๆ ว่าทุจริตควรไปมอบให้ป.ป.ช. หรืออัยการดีกว่ามาทำหนังสือกล่าวหาชี้นำต่อสังคมให้เกิดความเข้าใจผิด 
        นายนรวิชญ์ กล่าวว่า คำพูดของนพ.วรงค์ ที่ระบุว่าเมื่ออ่านหนังสือนี้แล้วจะเห็นว่าทำไมต้องติดคุกจึงไม่ถูกต้อง ขอวิงวอนต่อสังคมให้เข้าใจว่า เรื่องนี้ยังอยู่แค่ขั้นตอนการตรวจสอบสำนวนและรายงานป.ป.ช.ของอัยการสูงสุดว่ามีข้อไม่สมบูรณ์หรือไม่ ตนมั่นใจว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีเจตนาดีที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาให้ดีขึ้น ไม่มีรัฐบาลใดออกนโยบายมาเพื่อทุจริต หากมีปัญหาในขั้นตอนปฏิบัติใด ก็ไปตรวจสอบในแต่ละขั้นตอนได้ เมื่อตรวจสอบในหนังสือดังกล่าวแล้วไม่เห็นมีข้อมูลที่อ้างว่าโกงจำนำข้าวทุกขั้นตอนนั้นเกิดขึ้นที่ใด และใครเป็นผู้กระทำผิด เนื้อหาเป็นการเหมารวมและกล่าวหาทางการเมือง เชื่อว่าไม่มีผลต่อรูปคดีที่พนักงานอัยการพิจารณาอยู่

อัยการนัดแถลงคดีจำนำข้าว 4 ก.ย.
        นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวนพร้อมมติชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เรื่องละเลยไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. มาตรา 123/1 กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาทว่า นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ได้ร่วมพิจารณาสำ นวนที่ป.ป.ช.กล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงานพร้อมคณะทำงานร่วมพิจารณารวม 8 คน แต่การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้น เพราะมีรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลและเอกสารจำนวนมาก คาดว่าจะแถลงรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้งช่วงบ่ายวันที่ 4 ก.ย.
      รายงานข่าวแจ้งว่า อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนคดีและมีความเห็นในคดี ดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ เบื้องต้นอัยการสูงสุดสั่งการ ให้คณะทำงานอัยการที่รับผิดชอบในคดี ดังกล่าว จัดทำเอกสารและรายละเอียดต่างๆ ให้เรียบร้อย และอาจให้ทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ก.ย.นี้

บัวแก้วชี้บิ๊กตู่ไปประชุมยูเอ็นได้
        ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการที่พลเอกประยุทธ์แต่งตั้งให้พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายด้านการต่างประเทศ หรือการยอมรับของนานาชาติ เนื่องจากตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศได้สร้างความเข้าใจกับนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศของ นายกฯ หรือรมว.ต่างประเทศนั้น ตามธรรม เนียมปฏิบัติจะตัองเข้ารับการถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อน จึงจะเดินทางไปแนะนำตัวกับนานาประเทศได้
        นายเสข กล่าวว่า เบื้องต้นหลังทำหน้าที่อย่างเป็นทางการเเล้ว จะต้องเดินทางไปแนะนำตัวเองกับประเทศสมาชิกอาเซียน แต่จะเป็นประเทศใดเป็นประเทศแรกนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ สำหรับการเดินทางไปในประเทศที่เป็นสหภาพยุโรปหรืออียู แม้จะไม่มีการเยือนอย่างเป็นทางการ แต่สามารถเดินทางไปอย่างไม่เป็นทางการหรือไปร่วมประชุมในประเทศนั้นๆ ได้
       "แนวปฏิบัติตามปกติจากอียูที่จะทำ ต่อรัฐบาลที่ไม่มาจากการเลือกตั้ง หรือหากพล.อ.ประยุทธ์ หรือพล.อ.ธนะศกดิ์จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมประชุมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 69 ก็สามารถเดินทางไปได้" โฆษกกระทรวงต่างประเทศ กล่าว

เผยวันที่ 13 ก.ย.เริ่มการสรรหา
       เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. กล่าวถึงยอดผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสปช.ว่า ได้รับรายงานตัวเลขเมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกันนี้ ถึงจำนวนผู้เสนอชื่อเพิ่มจาก 6,729 คน เป็น 6,985 คน โดยเพิ่มจากคนที่ส่งไปรษณีย์เข้ามาและถือเป็นตัวเลขที่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะคนที่อยู่จังหวัดไกลๆ ส่งไปรษณีย์วันเดียวไม่ถึง คาดว่าวันที่ 4 หรือ 5 ก.ย. เอกสารทางไปรษณีย์จะส่งถึงกกต.ทั้งหมด ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัติ เราได้ตรวจสอบคู่ขนานตั้งแต่เปิดรับเสนอชื่อในวันที่ 14 ส.ค. เป็นต้นมา วันนี้ได้ตรวจสอบอย่างเข้มข้นร่วมกับ 15 หน่วยงาน คาดว่าการตรวจสอบคุณสมบัติทั้ง 6,985 คน จะเรียบร้อยและเข้าไทม์ไลน์ตามกำหนดวันที่ 3-12 ก.ย. จากนั้นวันที่ 13 ก.ย. จะเริ่มกระบวนการสรรหา
       นายภุชงค์ กล่าวว่า ในวันที่ 4 ก.ย. จะเป็นการประชุมใหญ่ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์จะมอบแนวทางปฏิบัติให้คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน และคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด จากนั้นคณะกรรมการทั้ง 11 ด้าน จะแยกกันไปประชุมเพื่อเลือกประธานแต่ละด้านใน 10 ด้านที่เหลือ แต่ด้านการศึกษาที่เลือกไปแล้วก็ยังมาร่วมประชุมเพื่อปรึกษาแนวทางปฏิบัติในการจัดประชุม เพื่อลงมติการคัดสรรบุคคลให้เหลือด้านละ 50 คน ซึ่งคงใช้เวลาประชุม 2-3 ครั้ง เพื่อคัดเลือกบุคคล โดยจะเริ่มวันที่ 13 ก.ย. แต่ละด้านไม่จำเป็นต้องจัดประชุมพร้อมกัน ขึ้นอยู่กับความสะดวก ส่วนระดับจังหวัดวันที่ 13 ก.ย. น่าจะเคาะชื่อบุคคลเหลือ 5 คนได้เลย แต่ชื่อจะเปิดไม่ได้ ขอให้จังหวัดรอก่อน

โพลระบุร้อยละ 86.5 เชื่อมั่น'บิ๊กตู่'
        วันที่ 3 ก.ย. ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) สำรวจความคิดเห็นของประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 1,214 คน ระหว่างวันที่ 1-2 ก.ย. เรื่อง"โฉมหน้า ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช." พบว่า ร้อยละ 86.5 มีความเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของพล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 10.6 ไม่เชื่อมั่น 
        ส่วนความเชื่อมั่นโดยรวมในความรู้ความสามารถของรัฐมนตรีใหม่นั้น ร้อยละ 74.4 ระบุมีความเชื่อมั่น ร้อยละ 19.8 ไม่เชื่อมั่น เช่นเดียวกับทีมเศรษฐกิจ ร้อยละ 68.2 มีความเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถด้วยเช่นกัน ขณะที่ร้อยละ 23.4 ไม่เชื่อมั่น 
      ความคาดหวังในการทำหน้าที่ของครม.ชุดใหม่ เมื่อเทียบกับครม.ชุดก่อนๆ พบว่า ร้อยละ 69.3 คาดว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะทำงานได้ดีกว่า ร้อยละ 9.6 คงทำงานได้พอกัน มีเพียง ร้อยละ 1.8 ที่คาดว่าคงทำงานได้แย่กว่า และร้อยละ 16.9 ไม่ได้คาดหวังไว้
      สิ่งแรกที่อยากให้ครม.ชุดใหม่ทำมากที่สุดนั้น ร้อยละ 39.5 อยากให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง สินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง รองลงมาร้อยละ 16.8 อยากให้แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เช่น ข้าว ยางพารา และร้อยละ 12.2 อยากให้แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นให้หมดไป
       เมื่อถามถึงทิศทางสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจไทยภายหลังการจัดตั้งครม.ประยุทธ์ 1 พบว่าร้อยละ 86.3 เชื่อว่าสถานการณ์การเมืองไทยจะดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ร้อยละ 78.8 เชื่อว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน