มูลนิธิศุภนิมิตฯ จัดเวทีเสวนา รวมพลังเยาวชน ร่วมใส่ใจ โลกไร้ความรุนแรง พัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพเพื่ออนาคตเด็กไทย
กรุงไทยพานิชประกันภัย เปิดโลกการเรียนรู้ มอบห้องสมุดมีชีวิตที่ทันสมัย ผ่านโครงการ ‘ก้าวที่พร้อม เพื่ออนาคตเด็กไทย’ เป็นปีที่ 9
บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ เคพีไอ (KPI) เดินหน้าโครงการ “เคพีไอ ก้าวที่พร้อม...เพื่ออนาคตเด็กไทย” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 โครงการ CSR ภายใต้นโยบายด้านความยั่งยืน “เคพีไอ ก้าวอย่างมุ่งมั่นเพื่อวันข้างหน้าที่ยั่งยืน” (Step For Tomorrow Sustainability) เพราะเด็กๆ คืออนาคตของชาติ เคพีไอ จึงมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนและส่งเสริมด้านการศึกษาให้แก่เยาวชน ในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย เพื่อให้ได้ค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ ทั้งจากหนังสือที่มีคุณภาพรวมถึงการค้นหาข้อมูลในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นประตูไร้พรมแดนสู่การเรียนรู้
ดร.พงษ์ภาณุ ดำรงศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “เคพีไอ เรามีได้ริเริ่มแนวคิดที่จะปรับปรุงห้องสมุดในพื้นที่โรงเรียนต่างจังหวัดให้ดี มีคุณภาพ ด้วยมีหนังสือและอุปกรณ์การเรียนรู้ที่ทันสมัย ซึ่งเราได้ทำอย่างต่อเนื่องมาถึง 9 ปี รวมแล้วทั้งหมด 10 โรงเรียน เราอยากส่งเสริมให้เด็กๆ ได้มีแหล่งค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง “ห้องสมุดมีชีวิต” จึงเป็นมากกว่าห้องสมุดที่มีแต่หนังสือเก่าๆ เราได้เติมหนังสือใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและจัดให้มีพื้นที่สืบค้นข้อมูลด้วยชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย มีห้องแห่งการเรียนรู้แบบมัลติมีเดีย รวมถึงจัดแต่งบรรยากาศภายในห้องสมุดให้สะอาดสวยงามด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัย ซึ่งจะทำให้เด็กและเยาวชนสนใจที่จะหันค้นคว้าและเข้าห้องสมุดมากขึ้น สำหรับโรงเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่ชนบทเหล่านี้ ผมได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้วว่า ห้องสมุดยังถือเป็นศูนย์กลางและเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีความสำคัญอยู่มาก เคพีไอ เราจึงยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะดำเนินโครงการนี้ไปอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี และจะพัฒนาให้ห้องสมุดโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลให้เป็นห้องสมุดที่ดีมีคุณภาพ ที่น้องๆ สามารถเข้าถึงได้และมีความทันสมัยก้าวทันโลกในยุคปัจจุบัน”
ในปี 2565 นี้ เคพีไอ ได้ดำเนินโครงการปรับปรุง “ห้องสมุดมีชีวิต” เพื่อมอบให้แก่ โรงเรียนแม่วินสามัคคี อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานปฐมศึกษา ที่มีนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล 2 จนถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีจำนวนนักเรียนกว่า 540 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนกลุ่มชนเผ่า โดย เคพีไอ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาห้องสมุดมีชีวิตในกลุ่มโรงเรียนขนาดกลาง ซึ่งมีนักเรียนตั้งแต่ 500 – 1,000 คนขึ้นไป เพื่อจะทำให้ห้องสุมดของที่เรา ได้เกิดประโยชน์แก่นักเรียนกลุ่มใหญ่มากที่สุด
ดร.พงษ์ภาณุ ดำรงศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนางสาวสุชาวดี แสงอนงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ จึงได้นำทีมพนักงานจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรมปรับปรุงห้องสมุดโรงเรียน โดยสนับสนุนทุนในการปรับปรุงห้องสมุดทั้งสิ้นจำนวน 500,000 บาท พร้อมกันนี้ยังได้มอบชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวน 60 ชุด อุปกรณ์กีฬาและกระเป๋านักเรียนอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้มอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน จำนวน 96 ทุน ทุนละ 3,000 บาท มูลค่ารวม 288,000 บาท
โครงการ “เคพีไอ ก้าวที่พร้อม เพื่ออนาคตเด็กไทย” จึงมิได้เป็นเพียงโครงการที่มอบแต่เงินสนับสนุนให้แก่โรงเรียนเท่านั้น แต่ยังเป็นโครงการที่ เคพีไอ มีความตั้งใจที่จะลงมือทำอย่างจริงจังและทุ่มเท เพื่อที่จะออกแบบให้ห้องสมุดนั้นเป็นไปตามแนวคิดที่ได้วางไว้ ทั้งบรรยากาศดี หนังสือดีพร้อมด้วยอุปกรณ์การเรียนรู้ที่ดี โดยได้รวมพลังพนักงานจิตอาสาในพื้นที่ต่างๆ มาช่วยกันลงทั้งความคิด แรงกายและแรงใจในการก่อสร้างเพื่อให้ห้องสมุดเกิดความสำเร็จร่วมกัน
เคพีไอ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษา โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทยให้มีพื้นฐานการศึกษาที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อได้เติบโตเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่สังคมไทยต่อไป
A9977
SYS เหล็กไทย หัวใจกรีน เดินหน้าอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ป้องกันไฟป่า - ภัยธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ร่วมปลูกฝังการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืน บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS เหล็กดีที่คุณไว้ใจ เหล็กไทยหัวกรีน จึงได้วางนโยบายที่ตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาล มุ่งใส่ใจสิ่งแวดล้อมและชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในพื้นที่ชุมชน โดยในปี 2565 นี้ SYS ร่วมกับ กรมป่าไม้ และเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดระยอง ริเริ่ม “โครงการปลูกป่าประชาอาสา เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และป้องกันไฟป่า” ขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ได้แก่ ส่วนจัดการป่าชุมชน สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ ๙ ชลบุรี ศูนย์ส่งเสริมวนศาสตร์ชุมชนที่ ๖ (ระยอง) สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดระยอง ศูนย์ป่าไม้ระยอง สถานีควบคุมไฟป่าเขาชะเมา-เขาวง องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตที่ ๒ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดระยอง กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน เกษตรอำเภอบ้านฉาง โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา และทสม. อำเภอบ้านฉาง เข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่าครั้งนี้ โดยมีนายเรืองฤทธิ์ ประกอบธรรม นายอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรมปลูกป่า ณ ป่าบ้านหนองตะเคียน ตำบลสำนักท้อน อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
“การอนุรักษ์ป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำและการป้องกันไฟป่าจะช่วยลดปัญหาสภาวะโลกร้อน และเป็นแนวทางการเชื่อมโยงเชิงวัฒนธรรม ระหว่างภาคเอกชนกับชุมชน และภาครัฐ ในการสร้างป่าไม้อันเป็นแหล่งต้นน้ำ ทำให้สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมยั่งยืนต่อไป ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกคนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง” นายเรืองฤทธิ์ ประกอบธรรม นายอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง กล่าว
ด้าน นายเจษฎา ปลั่งมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS กล่าวว่า “โครงการปลูกป่าครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรมให้กลับมาอุดมสมบูรณ์และป้องกันผลกระทบจากไฟป่า ช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศ โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชนในรูปแบบประชาอาสา ให้มีความเข้มแข็งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน”
นายพนม โนนพิมาย ประธานเครือข่ายป่าชุมชน จังหวัดระยอง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “โครงการปลูกป่าประชาอาสาฯเป็น การจัดกิจกรรมในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาห้วยมะหาด ป่าเขานั่งยอง ป่าเขาครอก ซึ่งเป็นพื้นที่เตรียมการจัดตั้งป่าชุมชน เนื้อที่ราว 11 ไร่ ลงมือปลูกต้นไม้จำนวนทั้งสิ้น 3,009 ต้น อาทิ ต้นประดู่ ยางนา มะค่า ตะเคียนทอง เป็นต้น ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ อ.บ้างฉางได้ถึง 20% โดยเมื่อต้นไม้ทั้งหมดโตเต็มที่จะสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตัวการที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนได้มากถึง 24,000 กิโลกรัมต่อปี และช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์สู่ธรรมชาติและโลกได้จำนวนมหาศาล อีกทั้งสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับป่าไม้ และแหล่งน้ำ เพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้เป็นอย่างดีในระยะยาวด้วย”
นายณัชภัทร สุดคนึง หนึ่งในตัวแทนพนักงานที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ กล่าวเสริมว่า “โครงการปลูกป่าที่ SYS จัดตั้งขึ้น นับเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่สร้างประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับสภาพแวดล้อม แต่ยังช่วยสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน และสร้างรายได้ให้ชาวบ้านสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจากป่าไปขายเพื่อการดำรงชีพได้อย่างยั่งยืน”
SYS มุ่งให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในสามพันธกิจหลัก ได้แก่ การให้ความสำคัญด้านชุมชนนิเวศ (Ecology) การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน (Economy) และการศึกษา (Education) ตามแนวคิด 3E Concept ซึ่งถือเป็นนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมที่ SYS ให้ความสำคัญและปลูกฝัง บุคลากรทั้งองค์กรมาโดยตลอด เพื่อเป้าหมายการพัฒนาสังคมและชุมชนให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนสืบไป
A9939
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าภารกิจจิตอาสาเพื่อสังคม จัดกิจกรรม GWM xEV Charity Drive คาราวานยานยนต์ไฟฟ้าการกุศล ครั้งที่ 2 เพื่อส่งเสริมสวัสดิภาพเด็ก ณ วัดเจ้าบุญเกิด จังหวัดอ่างทอง
เกรท วอลล์ มอเตอร์ สานต่อภารกิจเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนในสังคม กับกิจกรรม GWM xEV Charity Drive คาราวานยานยนต์ไฟฟ้าการกุศล ครั้งที่ 2 ร่วมเสริมสร้างสวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตให้กับเด็กด้อยโอกาส ณ วัดเจ้าบุญเกิด อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมจะเคียงข้างร่วมส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับทุกภาคส่วนในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
นางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือและตอบแทนสังคมอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ GWM: Go With Me Go Together เราจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้สานต่อกิจกรรม GWM xEV Charity Drive คาราวานยานยนต์ไฟฟ้าการกุศล ครั้งที่ 2 หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในทริปที่แล้วที่เราได้ทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ ณ มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ สาขาบางเลน โดยกิจกรรมครั้งที่ 2 นี้ เราได้เดินทางเพื่อไปเยี่ยมเยียน สร้างรอยยิ้ม และแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าชาวเขาเผ่าม้งที่อยู่ภายใต้การดูแลของวัดเจ้าบุญเกิด จังหวัดอ่างทอง รวมระยะทางไป-กลับกว่า 300 กิโลเมตร เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นจะไม่เพียงจะสร้างความสุข อิ่มเอมใจ ให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน แต่ยังจะเป็นการจุดประกายและวางรากฐานที่ดี ตลอดจนให้กำลังใจและการสนับสนุนแก่เยาวชนกลุ่มเปราะบางอีกกลุ่มหนึ่งของสังคมไทย และเกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เพื่อช่วยเหลือภาคส่วนอื่นๆ ในสังคม ไปพร้อมกับพันธกิจสำคัญของเราในการส่งมอบนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคชาวไทย”
ขบวนคาราวาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำทีมโดย นางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) พร้อมด้วยพนักงานและคณะจิตอาสารวมกว่า 30 คน ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร เพื่อไปเยี่ยมเยียนและทำกิจกรรมร่วมกับคุณครูและนักเรียนชาวเขารวมกว่า 90 คน ณ วัดเจ้าบุญเกิด อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) ยอดนิยมทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ All New HAVAL H6 Hybrid SUV, HAVAL JOLION และ ORA Good CAT GT จำนวนรวมทั้งสิ้น 8 คัน
โดยหลังจากลงทะเบียนและรับฟังรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมที่จะมีขึ้นตลอดทั้งวันแล้ว คณะคาราวานได้ออกเดินทางจากร้าน B-Story Garden & Restaurant เลียบทางด่วนรามอินทรา มุ่งหน้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 เพื่อไปยังจุดปลายปลายทางในจังหวัดอ่างทอง โดยระหว่างการเดินทางกว่า 1.30 ชั่วโมง ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีโอกาสได้ทดสอบสมรรถนะและเทคโนโลยีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ระบบความปลอดภัย ระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ของรถยนต์ทั้งสามรุ่นตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ที่ประสานการทำงานของระบบเบรกและระบบควบคุมเครื่องยนต์ เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถยนต์คันหน้า ระบบช่วยรถยนต์และออกตัว (stop-and-go) ที่เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ในย่านที่มีการจราจรพลุกพล่าน ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถยนต์อยู่ในจุดอับสายตา หรือเมื่อต้องการเปลี่ยนเลนและมีรถยนต์ในเลนนั้นวิ่งมาจากด้านหลัง ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบที่สามารถตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดพร้อมคำนวนพื้นที่และช่วยควบคุมรถให้จอดเองโดยอัตโนมัติ ครอบคลุมการจอดมากถึง 3 รูปแบบ รวมไปถึงฟังก์ชันการเชื่อมต่อแบบไร้สายเพื่อความบันเทิงภายในรถแบบไร้ขีดจำกัด ดีไซน์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกสะดวกสบายตลอดการเดินทาง เป็นต้น
เมื่อขบวนคาราวานรถยนต์ไฟฟ้า เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินทางมาถึงวัดเจ้าบุญเกิด อำเภอไชโย จังหวัด อ่างทอง คณะเจ้าอาวาส ครูและนักเรียนได้ให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลสำคัญๆ เกี่ยวกับนักเรียน 85 คน ตั้งแต่ระดับอนุบาล-ประถมศึกษา ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของท่านเจ้าอาวาสวัดเจ้าบุญเกิดและบุคลากรครู นักเรียนทุกคนล้วนเป็นเด็กชาวเขาเผ่าม้งที่มีฐานะยากจน เป็นเด็กกำพร้า หรือพ่อแม่แยกทางกัน ทั้งนี้คณะผู้บริหาร เกรท วอลล์ มอเตอร์ และสื่อมวลชนได้ร่วมกันประกอบจักรยานให้กับเด็กๆ รวมถึงสาธิตโอกาสในการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับเด็กๆ เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้เสริมให้กับตนเองและครอบครัว โดยเกรท วอลล์ มอเตอร์และสื่อมวลชนได้มอบอุปกรณ์ สูตร และวัตถุดิบ รวมถึงสาธิตในการทำโดนัทจิ๋ว ขนมครกไข่นกกระทา และเครื่องดื่มสูตรฮิตให้เด็กๆ ได้ทดลองทำขายเป็นอาชีพเสริม และยังมอบเงินสนับสนุนแก่ทางวัดจำนวน 30,000 บาท พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการเรียนและการดำรงชีวิตให้กับทางโรงเรียนและทางวัดอีกด้วย หลังจากนั้น ยังได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวันแบบจุใจให้กับเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูแดง สตรอเบอร์รี่โยเกิร์ต และผลไม้ประจำฤดูหลากหลายชนิด สร้างบรรยากาศของรอยยิ้มแห่งความสุข อิ่มท้อง และอิ่มเอมใจให้กับเด็กๆ และผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน โดยทุกๆ กิจกรรมที่ทำร่วมกันในวันนี้ยังคงดำเนินตามมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมจิตอาสาเพื่อตอบแทนสังคมร่วมกับพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชน ลูกค้า ผู้บริโภค รวมถึงสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ภายใต้โครงการ GWM: Go With Me, Go Together ที่ครอบคลุมทั้งการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางสังคม เสริมสร้างความหลากหลายทางวัฒนธรรม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอัจฉริยะที่ช่วยสร้างประสบการณ์การเดินทางที่สะอาด ปลอดภัย และสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคชาวไทยมากยิ่งขึ้น ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก” (Global Intelligent Technology Company)
A9919
Credit Suisse Philanthropists Connect ย้ำการเปลี่ยนกรอบความคิดในการให้ของคนรุ่นใหม่
การทำสาธารณกุศลในภูมิภาคเอเชีย (Asian Philanthropy) กำลังอยู่ในช่วงความเปลี่ยนแปลง อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนผ่านความมั่งคั่งส่วนบุคคลไปสู่เจ้าของความมั่งคั่งรุ่นใหม่ ซึ่งจะพิจารณาผลกระทบด้านสังคมในการบริหารสินทรัพย์และธุรกิจของพวกเขา ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงยุคใหม่นี้ต้องการทำสาธารณกุศล โดยมีเป้าหมายแบบผสมผสานความมั่งคั่งกับการทำสาธารณกุศลที่ได้ผลตอบแทนรวดเร็วแบบ Moonshot โดยหวังที่จะจุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ
สิงคโปร์ – Credit Suisse Philanthropists Connect จัดขึ้นเป็นปีที่ 11 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเครดิต สวิส ในการสนับสนุนการทำสาธารณกุศลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปีนี้งานดังกล่าวจัดขึ้นที่โรงแรมราฟเฟิลส์ ประเทศสิงคโปร์ โดยได้รับเกียรติจากมาดามฮาลิมา ยาขอบ (Halimah Yacob) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ และแขกกว่า 150 คนจากทั่วโลก รวมถึงผู้นำทางความคิดระดับโลกและผู้เชี่ยวชาญในงานด้านสาธารณกุศลและการไม่แสวงผลกำไร เข้าร่วมงาน
งานปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นในหัวข้อ “From Bringing Wealth to Purpose To Bringing Purpose to Wealth” ย้ำให้เห็นถึงการเปลี่ยนกรอบความคิดในกลุ่มนักกิจกรรมสาธารณกุศลรุ่นใหม่ที่มองว่าการทำสาธารณกุศลเป็นพันธกิจที่สำคัญ โดยนักกิจกรรมสาธารณกุศลรุ่นใหม่เหล่านี้พยายามบูรณาการวัตถุประสงค์เข้ากับการบริหารความมั่งคั่งให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น และแสวงหาวิธีที่จะร่วมกันสร้างทางออกด้านสังคมด้วยการผสมมุมมองด้านการสร้างผลกระทบต่อสังคมเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ ยกระดับกิจกรรมสาธารณกุศลให้ครอบคลุมและยั่งยืนมากขึ้น
Benjamin Cavalli, Head of Wealth Management Asia Pacific และ APAC Sustainability Leader ของเครดิต สวิส กล่าวว่า “เราคาดว่าปริมาณความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดจะถูกเปลี่ยนผ่านไปยังคนรุ่นต่อไปในช่วงทศวรรษหน้า แม้ว่าพลังของกิจกรรมสาธารณกุศลจะเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นต่างๆ แต่เป้าหมายพื้นฐานของการสนับสนุนกลุ่มต่างๆ ในสังคมที่มีความต้องการด้านการเงินมากที่สุดก็ยังคงเหมือนเดิม เราเฝ้าคอยที่จะได้เห็นว่างาน Philanthropists Connect รวมไปถึงเอกสาร และโปรแกรม NextGen ของเรา จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในผลกระทบและความยั่งยืนอย่างมีนัยสำคัญได้อย่างไร”
เอกสารหัวข้อ “A Generation of Change-Makers” ซึ่งร่วมเขียนโดย Credit Suisse และ Asian Venture Philanthropy Network (AVPN) ได้มีการนำเสนอภายในงาน เอกสารดังกล่าวได้เจาะลึกถึงแนวโน้มด้านการสาธารณกุศลใหม่ๆ ทั่วทั้งเอเชีย
นายกวิน ว่องกุศลกิจ กรรมการ กลุ่มมิตรผล ได้เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อสำคัญๆ จากเอกสารดังกล่าว และได้กล่าวถึงวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนคือ การใช้ความคิดนี้เป็นแนวปฏิบัติทางธุรกิจ “การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่ใช่แค่การตัดกำไรส่วนหนึ่งของเราให้ไป แต่เป็นการมองในแง่ของรูปแบบธุรกิจของเรา ซึ่งสามารถสร้างสิ่งดีๆ ตามมาได้มากมาย” เขากล่าว
นายกวินกล่าวเสริมว่า “เราไม่ได้อยากทำแค่แจกของ แต่ในฐานะที่เป็นเสมือนครอบครัว เราอยากจะให้ในรูปแบบที่สามารถส่งต่อการให้นี้ไปได้เรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่า เรามองหาความต่อเนื่องในทุกๆ สิ่งที่เราสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน มูลนิธิ หรือแนวทางปฏิบัติด้านธุรกิจของเราเอง และเราก็ตั้งใจว่าเราจะอยู่ในแวดวงใกล้กับชุมชนของเรา”
สรุปข้อมูลสำคัญจากเอกสารแจกมีดังต่อไปนี้
แนวโน้มสาธารณกุศลเชิงกลยุทธ์ในเอเชียแปซิฟิก
● ภูมิภาคเอเชียมีความมั่งคั่งมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้สถานการณ์ความไม่เท่าเทียมกันและปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ก่อนแล้วทวีความรุนแรงมากขึ้นก็ตาม คาดว่าจำนวนนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra-High Net Worth Individual) จะเพิ่มขึ้นถึง 38% ในอีกห้าปีข้างหน้า และประมาณ 35% ของความมั่งคั่งจะเปลี่ยนผ่านไปยังคนรุ่นใหม่ในอีก 5-7 ปีข้างหน้า
● นักกิจกรรมสาธารณกุศลรุ่นใหม่มีความคิดที่จะทำให้การทำสาธารณกุศลมีผลมากขึ้น ผ่านการใช้เครื่องมือการลงทุนทางสังคมเชิงกลยุทธ์ควบคู่ไปกับการให้เงินทุนเพื่อสร้างผลกระทบที่ดีและยาวนานยิ่งขึ้น
● นักกิจกรรมสาธารณกุศลตระหนักถึงความจำเป็นในการทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน
ข้อมูลเชิงลึกของกรณีศึกษาเกี่ยวกับสาธารณกุศล
● การร่วมสร้างโซลูชันเพื่อผลกระทบในระยะยาว
นักกิจกรรมสาธารณกุศลมีความสนใจมากขึ้นที่จะมีส่วนร่วมในการออกแบบและกำหนดโครงสร้างของการแก้ปัญหาทางสังคม
● การมีส่วนร่วมมากกว่าแค่การบริจาคเงิน
นักกิจกรรมสาธารณกุศลเริ่มแบ่งปันต้นทุนทางสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งความเชี่ยวชาญและเครือข่าย เพื่อสานต่อสิ่งที่พวกเขาสนใจ ด้วยการแบ่งปันทักษะและคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรผู้รับสามารถสร้างเสริมศักยภาพ เติบโต และสร้างผลการเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น
● การนำมุมมองระบบนิเวศมาใช้
นักกิจกรรมสาธารณกุศลเริ่มพิจารณาถึงวิธีจัดการกับต้นเหตุของความท้าทายทางสังคมและเศรษฐกิจต่อต้านกับการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
● ตอบสนองต่อความต้องการที่กำลังเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ และพัฒนาระบบนิเวศในวงกว้าง
นักกิจกรรมสาธารณกุศลที่ประสบความสำเร็จจะต้องเข้าใจถึงความต้องการในพื้นที่โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งพัฒนาการด้านต่างๆ นอกจากนี้ ยังต้องเข้าใจถึงส่วนรวมเพื่อจะได้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและโรคระบาดส่งผลต่อชุมชนที่พวกเขาต้องการช่วยเหลืออย่างไร
● การควบคุมระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของกิจกรรมสาธารณกุศลเพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ๆ
เมื่อเทียบกับคนส่วนใหญ่ นักกิจกรรมสาธารณกุศลมีแนวความคิดที่จะให้ทุนสนับสนุนความคิดนอกกรอบที่มีความเสี่ยงสูงมากกว่า ด้วยความหวังว่าจะทำให้เกิดแนวทางที่สามารถขยายผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ พวกเขามีการใช้เงินเป็นต้นทุนความเสี่ยงในสาธารณกุศลมากขึ้นเพื่อสร้างทางออกใหม่ๆ ให้กับปัญหาที่มีอยู่ คู่ขนานไปกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคม
สามารถอ่านเอกสาร “A Generation of Change-Makers” ได้ที่ http://credit-suisse.com/media/assets/apac/docs/phil-connect-2022-avpn-whitepaper.pdf
A9900
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด