มูลนิธิ EDF จับมือทาร์เก็ต คอร์ปอเรชั่น จัดอบรมพัฒนาทักษะอาชีพให้นักเรียนและครู
นายศุภกร มรกต (แถวยืน-ที่ 4 จากขวา) ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศก์ นางสาวสุภัค แซ่เฮ้ง (แถวยืน-ที่ 2 จากขวา) และ นายธีรวัฒน์ ดวงใจดี (แถวยืน-ที่ 3 จากขวา) ศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 2 นางสาวสุนันทา ปานณรงค์ (แถวยืน-ที่ 5 จากขวา) ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหุบกระทิง พร้อมวิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี ประกอบด้วย อาจารย์ศิริลักษณ์ บุญมาพันธ์ (แถวยืน-ที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์สาขาวิชาเทคโนโลยีดิจิทัลมีเดียคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม อาจารย์นวรัตน์ วิทยาคม (แถวยืน-ที่ 3 จากซ้าย) อาจารย์สาขาวิชาเทคโนโลยีดิจิทัลมีเดียคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม อาจารย์ไพรัช วรศิริ (แถวยืน-ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ และอาจารย์ธนกฤต จันทร์ชิดฟ้า (แถวยืน-ที่ 5 จากซ้าย) อาจารย์สาขาวิชาเทคโนโลยีดิจิทัลมีเดียคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม นางสาวผกามาศ ทู้ไพเราะ (แถวยืน-ซ้ายสุด) และนางสาวกฤษณา ทองมวล (แถวยืน-ขวาสุด) เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาโครงการ มูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) ถ่ายภาพร่วมกับนายภาคภูมิ ชมภูพันธ์ (แถวยืน-ที่ 6 จากซ้าย) ครูโรงเรียนวัดม่วง (สลากกินแบ่งรัฐบาลสมทบสร้าง 367) ตัวแทนคณะครู และตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ บางส่วนที่เข้าร่วมอบรมภายใต้โครงการพัฒนาทักษะอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) มูลนิธิ EDF จับมือบริษัท ทาร์เก็ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดอบรมพัฒนาทักษะอาชีพภายใต้โครงการพัฒนาทักษะอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Job Skills Development) แก่ครูและนักเรียนโรงเรียนวัดโพธิ์บัลลังก์ โรงเรียนวัดหุบกระทิง โรงเรียนวัดม่วง (สลากกินแบ่งรัฐบาลสมทบสร้าง 367) โรงเรียนวัดหนองอ้อ (ธรรมธรใยประชาสามัคคี) และโรงเรียนวัดหัวโพ (หัวโพประศาสน์วิทยา) จังหวัดราชบุรี โดยมีเนื้อหาการอบรมครอบคลุมการออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบยั่งยืน การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้ผลิตภัณฑ์ การออกแบบตราสัญลักษณ์ การสร้างตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์สินค้า กลยุทธ์การดีไซน์สู่ตลาด รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมทั้งหมดได้ประสบการณ์จริงด้วยการออกแบบตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และถ่ายภาพสินค้าให้มีความโดดเด่นด้วยเทคนิคต่างๆ อีกด้วย
สำหรับมูลนิธิ EDF เป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255 ของประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรทั้งในและต่างประเทศ และได้รับรางวัล เช่น ประกาศนียบัตรรับรอง CAF International Vetted Organization จาก CAF International ที่มอบให้องค์กรสาธารณกุศลทั่วโลกที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานการดำเนินงานครอบคลุมหลักธรรมาภิบาล เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่จดทะเบียนถูกต้อง รายงานการเงินประจำปีมีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งเงินบริจาคและเงินสนับสนุนที่ส่งมอบให้มูลนิธินำไปใช้อย่างถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์เพื่อสาธารณกุศลอย่างแท้จริง รางวัลประกาศนียบัตรองค์กรสาธารณกุศลระดับ 5 ดาว จากการดำเนินงานและบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพทางการเงิน และมีความโปร่งใสจากสมาคมกิฟวิ่ง แบค รางวัลยอดเยี่ยมองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทย ประเภทองค์กรขนาดใหญ่จากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สถาบัน คีนันแห่งเอเชีย และ เดอะ รีซอร์ส อัลลิอันซ์ รางวัลกัลปพฤกษ์ทองคำจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะหน่วยงานที่ทำความดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม และรางวัลคนดีต้นแบบคุณธรรมไทยจากสมาคมสหพันธ์คนพิการในประเทศไทย เป็นต้น
องค์กรหรือผู้สนใจจัดกิจกรรมเพื่อสังคม หรือสนับสนุนทุนการศึกษาให้นักเรียนด้อยโอกาสสามารถติดต่อมูลนิธิ EDF ได้ที่โทรศัพท์ (02) 579 9209-11 (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-16.30 น.) อีเมล [email protected] ทาง Line: @edfthai เฟสบุ๊คแฟนเพจ https://www.facebook.com/edfthai เว็บไซต์ www.edfthai.org ทั้งนี้การบริจาคหรือทำกิจกรรมผ่านมูลนิธิสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีตามกฎหมาย
A10390
เอ็นที เปิดประสบการณ์ เยาวชน มูลนิธิบ้านพระพร พาชมภาพยนตร์ ‘ดราก้อนบอล ซูเปอร์ ฮีโร่’
บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลการสื่อสารโทรคมนาคมในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญต่อการสร้างโครงข่ายและให้บริการคมนาคมที่มีคุณภาพ และยังให้ความใส่ใจดูแลสังคมอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีบทบาทและส่วนร่วมในกิจกรรมสนับสนุน รวมไปถึงช่วยเหลือเกื้อกูลสังคม อย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่า “เศรษฐกิจ” และ “สังคม” ของประเทศจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ต้องก้าวเดินไปด้วยกัน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ที่จะกลายเป็นกำลังของชาติในอนาคต ดังนั้น การเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก ให้กับเยาวชนต่างๆ ได้สัมผัส..ได้เรียนรู้ นับว่า จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ เอ็นที จึงได้จัดให้มีกิจกรรม พาเยาวชน มูลนิธิบ้านพระพร ไปชมภาพยนตร์การ์ตูน เรื่อง ดราก้อนบอล ซูเปอร์ ฮีโร่ ในโรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
นายสุรพล แน่งน้อย ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที (NT) กล่าวว่า “บรรยากาศของสังคมโดยรวมในช่วงที่ผ่านมา ค่อนข้างอยู่ในสภาวะตึงเครียดจากสภาวการณ์ต่างๆ เมื่อความตึงเครียดเริ่มผ่อนคลาย เอ็นที เห็นความสำคัญต่อการเปิดประสบการณ์ให้กับกลุ่มเยาวชน โดยเริ่มจากการนำเยาวชนจาก มูลนิธิบ้านพระพร ไปร่วมชมภาพยนตร์การ์ตูน เรื่อง ดราก้อนบอล ซูเปอร์ ฮีโร่ ในโรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema ที่มีความหรูหรา มีระบบแสงสีเสียงที่ทันสมัย เพื่อให้เยาวชนได้เปิดประสบการณ์ทั้งจากการรับชมภาพยนตร์ และ สัมผัสกับเทคโนโลยี ที่มีความก้าวล้ำ อันจะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างสรรค์จินตนาการ รวมไปถึงแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้ ได้ข้อคิดจากแง่มุมมองที่ดีจากภาพยนตร์ อีกทั้งช่วยให้เด็กได้รู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดของสังคม ที่อาจกระทบมาถึง
โรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ เอ็นที ได้ยกระดับมาตรฐานการให้บริการ โดยมอบประสบการณ์ความบันเทิงระดับพรีเมียมให้แก่ลูกค้า ผ่านเทคโนโลยีระบบภาพและเสียงที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเบาะนั่งในโรงภาพยนตร์ ได้รับการดีไซน์เป็นพิเศษ สามารถปรับเอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า มีการพัฒนาแอปพลิเคชัน NT First Class สามารถออเดอร์ ป๊อปคอร์น และ เครื่องดื่ม ในขณะชมภาพยนตร์ได้สะดวก นับเป็นการส่งมอบความสุขจากเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ทุกคน ที่สำคัญ เชื่อว่า เมื่อเยาวชนได้มาสัมผัสประสบการณ์ผ่านการชมภาพยนตร์ในครั้งนี้ จะทำให้เด็กๆ ได้รับความสุข พร้อมกับเปิดโลกทัศน์กับเทคโนโลยีรอบตัว ซึ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตส่วนตัว และ ชีวิตในการประกอบอาชีพ หรือ ธุรกิจ ซึ่งล้วนจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของเยาวชน ให้เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพภายใต้สิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเทคโลยีต่างๆ ต่อไป ในอนาคต
นายอเนก แก้วผา เจ้าหน้าที่มูลนิธิบ้านพระพร กล่าวว่า มูลนิธิบ้านพระพร มีเยาวชนในความดูแล จำนวนกว่า 100 คน โดยมีทั้งเด็กที่ผู้ปกครองถูกต้องขัง และ เด็กที่คลอดในเรือนจำ รู้สึกดีใจมากที่ เอ็นที ได้จัดกิจกรรมนำเด็กมาชมภาพยนตร์การ์ตูน เรื่อง ดราก้อนบอล ซูเปอร์ ฮีโร่ ในโรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ เพราะเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับเด็กๆ ให้ได้สัมผัสกับความบันเทิงที่ทันสมัย อีกทั้งยังช่วยให้เด็กได้รู้สึกผ่อนคลายความเครียด นับเป็นการเสริมศึกษานอกโรงเรียนอีกรูปแบบหนึ่ง โดยหวังว่า จะช่วยผลักดันเด็กเหล่านี้ ได้ข้อคิดที่ดีจากภาพยนตร์ และนำไปพัฒนาตัวเองให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ อนาคตข้างหน้า จะได้มีความพร้อมเผชิญกับการใช้ชีวิตในสังคมต่อไป นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากที่จะได้รับจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ต้องขอขอบพระคุณที่มองเห็นโอกาสที่เด็กๆ จะได้รับประสบการณ์ที่ดีเหล่านี้
มูลนิธิบ้านพระพร ตั้งอยู่บริเวณชุมชนบึงพระราม 9 เป็นสถานที่รับเลี้ยงดูเด็กที่ถูกแยกกับพ่อแม่ โดยเฉพาะพ่อแม่ที่อยู่ในเรือนจำ มูลนิธิรับเข้ามาเลี้ยงดูแบบไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ส่วนงบประมาณในการจัดสรรดูแลเด็กมาจากการสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก อีกทั้งภายในมูลนิธิยังตั้งศูนย์ฝึกอาชีพ โดยรับเยาวชนที่พ้นโทษจากเรือนจำมาฝึกทักษะอาชีพ ทั้งนี้ ผู้สนใจ ให้การสนับสนุนมูลนิธิบ้านพระพร สามารถร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคและบริโภค อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า แพมเพิร์ส นมผง ครีมอาบน้ำเด็ก เสื้อผ้าทารก เสื้อผ้าเด็กเล็ก รวมถึงเครื่องปรุงประกอบอาหารต่างๆ หรือ สนับสนุนกิจกรรม อย่างเช่น นำเด็กมาชมภาพยนตร์การ์ตูน เรื่อง ดราก้อนบอล ซูเปอร์ ฮีโร่ ในโรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ นับเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อเด็กอย่างมาก
น้องๆ มูลนิธิบ้านพระพร ที่มาเข้าร่วมชมภาพยนตร์ ดราก้อนบอล ซูเปอร์ ฮีโร่ ในโรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้ปกครองดูแล เด็กหญิง และเด็กขาย อายุระหว่าง 5 - 15 ปี รวมจำนวนกว่า 60 คน โดยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที (NT) ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งเริ่มกิจกรรมกันที่ NT First Class Lounge เพื่อให้เด็กๆ ได้ร่วมรับประทานขนมและเครื่องดื่ม ก่อนเข้าชมภาพยนตร์การ์ตูน เรื่อง ดราก้อนบอล ซูเปอร์ ฮีโร่ ในโรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema
บรรยากาศ เต็มไปด้วยความอบอุ่น สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้นของเด็กๆ ที่มีความตื่นเต้น โดยผู้ปกครองจากมูลนิธิบ้านพระพร บอกว่า เด็กๆ ไม่เคยได้ดูหนังที่หรูหราแบบนี้มาก่อน เชื่อว่า เด็กทุกคนมีความประทับใจและชื่นชอบกันอย่างมาก สำหรับ หนังการ์ตูน ดราก้อนบอล ซุปเปอร์ ฮีโร่ นับว่ามีเนื้อเรื่องเหมาะกับเด็กๆ เพราะพูดถึงการส่งเสริมให้ทำความดี การมีจิตใต้สำนึกที่ดี แม้แต่มนุษย์แปลง รู้จักคิดและกลับใจทำความดี อีกทั้ง การสร้างใช้เทคโนโลยี 3D Animation ให้ภาพสวยคม ยิ่งดู ยิ่งสนุก โดยเฉพาะฉากต่อสู้มีความสมจริงมัน รายละเอียดในหนัง มีการนำเสนอเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งช่วยสร้างจินตนาการให้กัยบเด็กๆ ได้เยอะ ที่ประทับอย่างมากก็คือ โรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema มีความทันสมัยมาก เบาะที่นั่งปรับเอนนอนได้ด้วยระบบไฟฟ้า ตรงจุดวางเท้าก็ปรับขึ้นได้เหมือนเบาะนอน มีผ้าห่มบริการ อีกทั้ง ยังมีขนมขบเคี้ยว ป๊อปคอร์น กับ น้ำอัดลม ให้ด้วย นับเป็นประสบการณ์ดูหนังที่สนุกของเด็กๆ มูลนิธิบ้านพระพรอย่างมาก
อนึ่ง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที (NT) เป็นองค์กรหลักในให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมและดิจิทัลของประเทศ โดยมีนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibilities : CSR ) ซึ่งมีการจัดโครงการและกิจกรรมด้าน ซีเอสเอาร์ (CSR) อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม โครงการบริการโทรคมนาคมเพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทย โครงการเพาะพันธุ์ดี NT Youth Club ที่สนับสนุนและสร้างเมล็ดพันธุ์ที่ดีตั้งแต่ระดับเยาวชนให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัล รวมไปถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม และการสนับสนุนห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” เป็นต้น ทั้งนี้ กิจกรรมนำ เยาวชน มูลนิธิบ้านพระพร เข้าร่วมชมภาพยนตร์ ดราก้อนบอล ซูเปอร์ ฮีโร่ ในโรงภาพยนตร์ NT First Class Cinema ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่ เอ็นที มุ่งมั่น สนับสนุนและส่งเสริมเยาวชนให้ได้รับประสบการณ์ เพื่อนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตต่อไป
A10352
SPRC เดินหน้าศึกษาผลกระทบเหตุน้ำมันรั่ว ประสานชุมชน เร่งฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
SPRC เร่งแก้ไขผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่ว จ่ายเงินชดเชยให้ผู้ได้รับผลกระทบไปแล้วมากกว่า 10,600 ราย รวมเป็นเงินกว่า 305 ล้านบาท พร้อมร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ และผู้เชี่ยวชาญไทยและต่างชาติ ศึกษาติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ประสานชุมชนยกระดับสิ่งแวดล้อม พัฒนาอาชีพ สร้างความยั่งยืน ในระยะยาว
นายพงษ์กรณ์ ช่อชูวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารระบบความปลอดภัย คุณภาพสิ่งแวดล้อมและอาชีว อนามัย บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้ติดตามผลกระทบต่อระบบนิเวศน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น รวมทั้งบูรณาการแผนฟื้นฟูร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้จัดทำแผนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยในระยะสั้นเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม – 6 เมษายน 2565 ซึ่งได้ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพอากาศ น้ำทะเล และตะกอนดิน สำหรับระยะกลางจะใช้เวลา 1-2 ปี โดยจะศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อเนื่องทั้งด้านสมุทรศาสตร์, สารมลพิษ, ระบบนิเวศปะการัง, ระบบนิเวศหญ้าทะเล, ระบบนิเวศหาดหินหาดทราย, สัตว์ทะเลหายาก, ประเมินผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการวางแผนฟื้นฟู และระยะยาวจะศึกษาและฟื้นฟูระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมตามที่เกิดผลกระทบในด้านนั้นๆ ต่อไป
บริษัทฯ ได้ทำการลงพื้นที่เพื่อศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระยะแรก ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2565 ถึง 6 เมษายน 2565 พบว่าคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คุณภาพน้ำทะเล มีค่าโลหะหนักและปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนเกินเกณฑ์มาตรฐานในช่วงแรก และลดลงจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามลำดับ ส่วนคุณภาพตะกอนดินมีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ส่วนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระยะกลาง บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับคณะทำงานพิจารณาการจัด ทำแผนฟื้นฟู ติดตามตรวจสอบสภาพแวดล้อม และประเมินผลการปฏิบัติงานป้องกันและขจัดมลพิษน้ำมัน กรณีน้ำมันดิบรั่วไหลจากท่อส่งน้ำมันของทุ่นรับน้ำมันกลางทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วยกรมเจ้าท่า กรมควบคุมมลพิษ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดระยอง และคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยบูรพา รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลจากประเทศออสเตรเลียร่วมทบทวนโครงการและให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ซึ่งแผนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะครอบคลุมผลกระทบด้านต่างๆ ตามแนวทางของกรมควบคุมมลพิษ โดยพิจารณาพื้นที่ที่น้ำมันเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายหาดและขอบเขตพื้นที่ศึกษา ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาศึกษา 2 ปี ระหว่างเดือนเมษายน 2565 – เมษายน 2567 โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 48 ล้านบาท
โดย การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระยะกลางประกอบด้วย 11 โครงการ ได้แก่
1. การศึกษาการเปลี่ยนแปลงของปริมาณสารประกอบไฮโดรคาร์บอนในน้ำ ดินตะกอน และสัตว์น้ำ
2. การศึกษาสาหร่ายเซลล์เดียวและสัตว์ทะเลหน้าดินขนาดเล็กจากพื้นทะเลบริเวณชายฝั่ง
3. การศึกษาชนิดและการเปลี่ยนแปลงของสัตว์หน้าดินขนาดใหญ่
4. การศึกษาผลกระทบของการรั่วไหลของน้ำมันต่อสุขภาพของสิ่งมีชีวิตกลุ่มหอยสองฝา บริเวณชาย ฝั่งจังหวัดระยอง
5. การศึกษาผลกระทบของน้ำมันรั่วไหลต่อระบบนิเวศหญ้าทะเลบริเวณหาดแม่รำพึงและอ่าวบ้านเพ
6. การศึกษาผลกระทบของการรั่วไหลของน้ำมันต่อระบบนิเวศแนวปะการังบริเวณชายฝั่งจังหวัดระยอง
7. การการศึกษาชนิดและปริมาณทรัพยากรจากการประมงชายฝั่งบริเวณพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
8. การทดสอบความเป็นพิษของน้ำมันในสิ่งมีชีวิตในทะเล
9. การศึกษาผลกระทบต่อการปนเปื้อนของโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนและโลหะหนัก ในน้ำทะเล ดินตะกอน และสิ่งชีวิต และการถ่ายทอดผ่านห่วงโซ่อาหาร
10. การศึกษาตรวจสอบผลกระทบต่อประชาคมสิ่งมีชีวิตในมวลน้ำและพื้นท้องทะเลในบริเวณชายฝั่ง จังหวัดระยอง และ
11. การศึกษาผลกระทบต่อแนวปะการังและแหล่งหญ้าทะเลโดยใช้เทคนิคขั้นสูงในการตรวจศึกษาการสืบพันธุ์ จุลชีพและการแสดงออกของยีน
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลในอนาคต บริษัทฯ ได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญค้นหาสาเหตุที่เกิดขึ้นและแนวทางการป้องกันในอนาคต ในส่วนของแผนงานฟื้นฟูด้านสังคมและเศรษฐกิจ บริษัทฯ ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่มุ่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับรายได้ให้แก่คนในชุมชน โดยการพัฒนาเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าประมง จัดกิจกรรมฟื้นฟูเรียกความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยว การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจและสัตว์หายาก การสร้างแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำเพื่ออนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนในท้องถิ่นเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ร่วมกันจัดเก็บขยะและทำความสะอาดชายหาด เพื่อคืนสภาพสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและสวยงามของประเทศไทยให้คงอยู่ตลอดไป
A10350
รมว.คลัง ให้เกียรติ SME D Bank ร่วมมอบ 'ถุงยังชีพ' บรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัย 'พายุโนรู' พื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ร่วมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจาก "พายุโนรู" โดยได้รับเกียรติจากนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมมอบ “ถุงยังชีพ” ที่ธนาคารจัดเตรียมไว้ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีนายชาญณรงค์ จารุรัศมีวงศ์ ผู้จัดการเขต 12 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ SME D Bank สาขาศรีสะเกษ และสาขาอุบลราชธานี ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
ทั้งนี้ SME D Bank ได้จัด 'มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ' ได้แก่ 1.มาตรการพักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 6 เดือน และ 2.มาตรการเติมทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการ วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 12 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น สูงสุด 2 ปีแรก สามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่สาขา SME D Bank ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357
‘CPF-สยามพิวรรธน์ เคียงข้างคนไทย’ ส่งอาหารจากใจ สู้ภัยน้ำท่วม
จากอิทธิพลของพายุโนรู ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมเป็นวงกว้าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เฝ้าติดตามสถานการณ์และเข้าช่วยเหลือประชาชนในหลายจังหวัดต่อเนื่อง พร้อมผนึกกำลัง บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด สภากาชาดไทย และพันธมิตร มอบอาหารและสิ่งของจำเป็น เพื่อร่วมเคียงข้างคนไทยฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน
นายเอกปิยะ เอื้อวุฒิเกริก รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจการค้าในประเทศ ซีพีเอฟ มอบน้ำดื่มซีพี ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ สู้ภัยน้ำท่วม” ให้แก่ สยามพิวรรธน์ เพื่อจัดทำถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ผ่านสภากาชาดไทย ในโครงการ “สยามรวมใจ ไทยช่วยไทย” โดยมี นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร สยามพิวรรธน์ และ เภสัชกรหญิงจิราวรรณ สันติพิทักษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย รับมอบ ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน
นายเอกปิยะ เอื้อวุฒิเกริก กล่าวว่า ในทุกวิกฤตของประเทศ ทั้งโรคระบาดโควิด-19 ตลอดจนภัยพิบัติต่างๆ ซีพีเอฟ เป็นบริษัทแรกๆ ที่เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่อย่างรวดเร็ว ด้วยการสนับสนุนอาหารคุณภาพปลอดภัยให้คนไทยได้บริโภคอาหารอย่างเพียงพอ ตามนโยบายประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์
“จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ซีพีเอฟ ไม่นิ่งนอนใจ เร่งระดมพนักงานจิตอาสาจากทุกกลุ่มธุรกิจ ลงพื้นที่มอบอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้ บริษัทฯ ขอเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ผนึกกำลัง พันธมิตรและภาคีเครือข่าย ส่งความห่วงใยและกำลังใจให้ผู้ประสบภัยสามารถฝ่าวิกฤตไปได้โดยเร็ว” นายเอกปิยะ กล่าว
ที่ผ่านมา ซีพีเอฟ สนับสนุนอาหารคุณภาพปลอดภัย ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง อาหารพร้อมทาน น้ำดื่ม เครื่องอุปโภคและสิ่งของจำเป็น ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ สู้ภัยน้ำท่วม” ในหลายพื้นที่ประสบภัยทันที อาทิ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา มหาสารคาม ศรีสะเกษ ยโสธร เลย สุโขทัย เชียงใหม่ สระบุรี ลพบุรี ปราจีนบุรี รวมถึงกรุงเทพฯ เขตบางนา มีนบุรี สอดคล้องตามหลักปรัชญา “3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน”
A10316
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด