ซีพีเอฟ ช่วยเหลือชาวสิงห์บุรี สู้ภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง เร่งส่งอาหารจากใจถึงมือประชาชน
สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทยยังไม่คลี่คลาย ดังเช่นจังหวัดสิงห์บุรี ที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมทั้งในพื้นที่ อ.เมือง อ.อินทร์บุรี อ.พรหมบุรี หลายจุดถูกน้ำเข้าท่วมอย่างหนัก ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของประชาชนเกิดความยากลำบาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ห่วงใยพี่น้องคนไทย โดยส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ในทันที เพื่อส่งมอบเสบียงอาหารและน้ำดื่ม ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ สู้ภัยน้ำท่วม” เพื่อให้มั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะได้เข้าถึงอาหารปลอดภัยอย่างเพียงพอในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้
น.สพ.คุณวุฒิ เครือลอย รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสิงห์บุรียังไม่คลี่คลาย หลายพื้นที่ต้องอยู่ท่ามกลางน้ำที่ท่วมขัง บางจุดน้ำสูงกว่า 2 เมตร ประชาชนต้องสัญจรด้วยเรือ ซีพีเอฟในฐานะสมาชิกของชุมชนที่มีสถานประกอบการในจังหวัดสิงห์บุรี จึงเร่งเข้าให้ความช่วยเหลือโดยด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแก่พี่น้องชาวสิงห์บุรี โดยมีชาวซีพีเอฟจาก ทีมงานโครงการส่งเสริมสุกรขุนสิงห์บุรีและอ่างทอง โรงชำแหละสุกรอ่างทอง ทีมพนักงาน และทีมสนับสนุน ที่ร่วมกันอาสาเป็นทีมเคลื่อนที่เร็วในพื้นที่ เร่งช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที
เริ่มจากการมอบเนื้อสุกร ไข่ไก่สดซีพี และน้ำดื่ม แก่ นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี โดยมี นายสุรเดช สมิเปรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ พร้อมทั้ง นายธนยศ นงบาง ปศุสัตว์จังหวัดสิงห์บุรี นำเจ้าหน้าที่กลุ่มงานพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้า ร่วมกันรับมอบ เพื่อส่งมอบแก่ โรงครัวพระราชทาน มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย สู้ภัยน้ำท่วมจังหวัดสิงห์บุรี ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในอำเภออินทร์บุรี ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทั้งใน ต.ชีน้ำร้าย ต.อินทร์บุรี ต.ประศุก และ ต.ทับยา รวม 4 ตำบล 29 หมู่บ้าน 5,484 หลังคาเรือน ประชาชน 15,823 คน ที่ได้รับความเดือดร้อนด้านความเป็นอยู่และอาหารที่ไม่เพียงพอ
“ขอขอบคุณซีพีเอฟและทีมงานจิตอาสาทุกคนที่เล็งเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนชาวสิงห์บุรี และให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้สนับสนุนกิจกรรมของปศุสัตว์จังหวัดและเคียงข้างชาวสิงห์บุรีอย่างดีมาตลอด พร้อมส่งกำลังใจให้กับชาวสิงห์บุรีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน” ปศุสัตว์จังหวัดสิงห์บุรี กล่าว
ขณะที่ หมู่บ้านทับยา หมู่ 6 ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งชาวบ้านเดือดร้อนอย่างมาก ปัจจุบันพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร บ้านเรือนถูกน้ำท่วมมิดหลังคา และน้ำเข้าท่วมไร่นาเสียหาย ถนนสิงห์บุรี-ชัยนาท ถูกตัดขาด รถเล็กวิ่งไม่ได้ เมื่อซีพีเอฟได้ทราบถึงความเดือดร้อนของพี่น้องชาวทับยา จึงลงพื้นที่สำรวจความต้องการของประชาชน และได้เร่งส่งมอบ เนื้อหมู 60 กก. ไข่ไก่ 1,200 ฟอง น้ำดื่ม 1,200 ขวด พร้อมอาหารแห้ง ปลากระป๋อง และนม ที่จัดเป็นถุงยังชีพ มอบแก่ นายไมตรี อิ่มแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.ทับยา และ นางสาวสุธารัตน์ เกษร ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่เป็นตัวแทนชุมชนในการประสานความช่วยเหลือในครั้งนี้
“ปีนี้ตำบลทับยาได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นอย่างมาก ถือว่าสถานการณ์รุนแรงกว่าปี 2554 ประชาชนอยู่อย่างยากลำบาก ขอขอบคุณซีพีเอฟและทีมงานจิตอาสาทุกคนที่เร่งรุดมาช่วยประชาชนในทันที จากนี้จะดำเนินการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ซีพีเอฟมอบให้ แก่พี่น้องชาวทับยากว่า 320 หลังคาเรือน ที่มีประชากรกว่า 650 คน ได้รับความเดือดร้อนจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านเรือน น้ำใจและความห่วงใยที่บริษัทมอบให้นี้ทำให้ชาวทับยามีกำลังใจและคลายความเดือดร้อนด้านอาหารไปได้เป็นอย่างดี” นายไมตรี กล่าว
สำหรับพื้นที่ 24 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ซีพีเอฟส่งมอบความห่วงใยอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก ขอนแก่น อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร นครราชสีมา มหาสารคาม เลย เชียงใหม่ สุโขทัย เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี พิจิตร พิษณุโลก สระบุรี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี และกรุงเทพฯ ในเขตบางนาและมีนบุรี จนถึงวันนี้ บริษัทยังคงร่วมใจช่วยเหลือประชาชนอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้ก้าวต่อไป คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน
A10546
CPF เดินหน้ามอบอาหารคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย แก่กลุ่มเปราะบาง รับ ‘วันอาหารโลก’
วันที่ 16 ตุลาคม ของทุกปี ตรงกับวันอาหารโลก (World Food Day) เป็นวันสำคัญที่กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร ขจัดความอดอยาก หิวโหย ซึ่งในปี 2022 (พ.ศ. 2565) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations :FAO) ตอกย้ำแนวคิด “Leave NO ONE behind” หรือ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ มีวิสัยทัศน์เป็นครัวของโลกที่ยั่งยืน และมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ให้ความสำคัญต่อกระบวนการความยั่งยืนในธุรกิจอาหารทั้งด้านความปลอดภัยและคุณภาพในการผลิตอาหาร บนหลักการดำเนินธุรกิจด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และมุ่งสู่เป้าหมายลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ภายใต้ความมุ่งมั่นด้านการสร้างคุณค่าปราศจากขยะ (Waste to Value) พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งบริษัทได้ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง
ซีพีเอฟ ร่วมมือกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) และบริษัท เก็บสะอาด จำกัด หรือ GEPP ดำเนินโครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เป็นต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกินและรับผิดชอบต่อบรรจุภัณฑ์ สู่การบริโภคอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยได้มอบอาหารเพื่อช่วยเหลือชุมชนเปราะบาง มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ส่งมอบอาหารไปแล้วทั้งสิ้น 74,906 มื้อ แก่ 85 ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และตั้งแต่ปี 2564 ได้ร่วมกับทำงานกับบริษัท GEPP ได้เก็บกลับบรรจุภัณฑ์พลาสติกและกระดาษ (Take back system) เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดการรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ ช่วยจัดการปัญหาขยะในชุมชนกว่า 6,000 ชิ้น ส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ นำเข้าสู่กระบวนการจัดการที่เหมาะสมเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ หลังจากที่มอบอาหารให้แก่ชุมชนแล้ว ทาง GEPP จะติดตามเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการที่เหมาะสม
นอกจากนี้ เนื่องในวันอาหารโลกปีนี้ บริษัทฯ ร่วมกับ มูลนิธิ SOS และ ภาคีเครือข่าย มอบอาหารให้แก่กลุ่มเปราะบาง ตามแนวคิด “Leave NO ONE behind” หรือ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” โดยเปลี่ยนอาหารส่วนเกิน (Surplus Food) เป็นเมนูอร่อย สะอาด ปลอดภัย มอบให้ชุมชนที่อาศัยในพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตลาดพร้าว เขตห้วยขวาง และเขตจตุจักร 2,500 มื้อ ประกอบด้วย ชุมชนซอยลาดพร้าววังหิน 10 และ 12 ชุมชนสันติสุข ชุมชนลาดพร้าว 45 และชุมชนหลังตลาดสุภาพงษ์ โดยใช้โรงครัววัดลาดพร้าว เป็นสถานที่ปรุงอาหารเพื่อบรรจุกล่องแจกในชุมชนกลุ่มเปราะบางอย่างทั่วถึง มีการลงเรือนำอาหารกล่องแจกครัวเรือนที่ขาดแคลนริมคลอง รวมทั้งทำอาหารปรุงสุกให้ประชาชนนำภาชนะส่วนตัวมาใส่เพื่อลดขยะบรรจุภัณฑ์ โดยซีพีเอฟสนับสนุนอาหารที่มีโภชนาการและสารอาหารครบถ้วน มอบโปรตีน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ อาทิ ขาเป็ดพะโล้ หมูดำบด สะโพกหมูซีพีคูโรบูตะหั่นชิ้น ขาหมูเผาสไลซ์อนามัยซีพี กระดูกซุปหมูหั่นชิ้นอนามัยซีพี และหมูแดดเดียว
นายทวี อิ่มพูลทรัพย์ หัวหน้าโครงการด้านอาหารและความปลอดภัยทางอาหาร มูลนิธิ SOS กล่าวว่า มูลนิธิฯ จัดกิจกรรมครัวรักษ์อาหาร เนื่องในโอกาสวันอาหารโลก 16 ตุลาคม 2565 โดยได้ทำเมนูอาหารจากอาหารส่วนเกิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ ที่สนับสนุนเนื้อสัตว์และวัตถุดิบส่วนเกินในการปรุงอาหาร รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากจิตอาสาของชุมชน อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย และสำนักเขตฯ มาช่วยกัน เพื่อทำอาหารแจกจ่ายให้ชุมชนประมาณ 2,500 มื้อ นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญในเรื่องของปัญหาขยะ โดยบรรจุภัณฑ์เนื้อสัตว์ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่นำมาทำอาหาร จะนำถุงมาล้างและเก็บกลับไปที่มูลนิธิ SOS จากนั้น บริษัท เก็บสะอาด จำกัด จะนำบรรจุภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะ โดยขอฝากถึงบริษัทเอกชน หากมีอาหารส่วนเกิน อาหารเหล่านี้ถือว่ายังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ที่สามารถบริจาคผ่านทางมูลนิธิ SOS และทางมูลนิธิฯจะมีการบริหารจัดการ เพื่อส่งต่ออาหารที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภคกลุ่มเปราะบาง
ด้านนางวิกานดา สังวรราชทรัพย์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายชุมชนเขตลาดพร้าว กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่เห็นทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันผลิตอาหารเพื่อแจกจ่ายให้ชุมชนเปราะบาง ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่จำนวนมาก ขอขอบคุณผู้สนับสนุนจากภาคเอกชน เช่น ซีพีเอฟ ที่ส่งมอบเนื้อสัตว์และวัตถุดิบของสดเพื่อนำมาผลิตอาหาร ในฐานะตัวแทนของชุมชน ขอบอกว่าหนึ่งมื้อของชุมชน เป็นหนึ่งมื้อที่ทำให้เราประหยัดและอิ่มท้องได้
โครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เป็นการส่งมอบอาหารปลอดภัยให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนและด้อยโอกาส ลดการสูญเสียอาหารและจัดการอาหารส่วนเกิน พร้อมสร้างสรรค์อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน สอดรับกับแนวคิด “Leave NO ONE behind” หรือ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ซึ่งกำหนดโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เนื่องในวันอาหารโลก ปี 2022 เป็นหนึ่งในโครงการที่ซีพีเอฟดำเนินการ ภายใต้ความมุ่งมั่นด้าน Waste to Value มีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ CPF 2030 Sustainability in Action ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของบริษัทในอีก 9 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564-2573) และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs ) ในประเด็นการขจัดความหิวโหย และการส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน
A10547
หัวใจนักสู้...พิการแค่ร่างกาย แต่ใจเกิน 100 เปิดวาร์ป 2 นักกีฬาทีมชาติไทยน้องๆ รร.สอนคนตาบอดพระมหาไถ่ฯ
การเล่นกีฬาให้อะไรมากกว่าคำว่า ร่างกายแข็งแรง ช่วยให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ บางคนใช้กีฬาเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจเสริมสร้างวินัย ที่สำคัญผู้เล่นได้ฝึกความเป็นน้ำใจนักกีฬาที่ดี ไม่ว่าจะประเภทไหนก็ตาม กีฬาช่วยให้ผู้เล่นรู้จักทุ่มเทไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ใช่แล้ววันนี้เราพูดถึง 2 นักกีฬาทีมชาติไทย จาก รร.สอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาฯ ที่พิการเพียงร่างกาย แต่หัวใจนักสู้เป็นอย่างยิ่ง ทั้ง 2 ใช้ความรักในกีฬามาพัฒนาทักษะสู่การเป็นกีฬาทีมชาติ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ เป็นแรงกระตุ้นชั้นเยี่ยมที่ผลักดันตนเองสู่การเป็นนักกีฬาทีมชาติที่พิชิตทั้งรางวัลและหัวใจคนไทย...
ทราบกันดีอยู่แล้วว่า โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นั้นเป็นองค์กรการกุศล ซึ่งจัดการศึกษาและฟื้นฟูพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับนักเรียนตาบอดและตาบอดพิการซ้อน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น นอกจากนี้ยังได้ขยายโอกาสทางการศึกษาโดยการจัดการศึกษานอกระบบและมีโครงการเรียนรวมในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยนักเรียนทั้งหมดเป็นนักเรียนอยู่ประจำในหอพักของโรงเรียน และโรงเรียนยังได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็กตาบอดและเด็กตาบอดพิการซ้อนด้วยกระบวนการต่างๆ ในการเตรียมความพร้อมทางด้านความมั่นคงทางอารมณ์ สังคม สติปัญญา ทักษะการดำรงชีวิตอิสระสำหรับคนตาบอด เช่น การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล การปฏิบัติกิจวัตรในชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหวและการเดินทาง การอ่าน การเขียนอักษรเบรลล์ นันทนาการ ตลอดจนการส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ในสังคมเพื่อสร้างความภาคภูมิใจและความรู้สึกเป็นสมาชิกของสังคม นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริม การสร้างความเป็นเลิศด้านการกีฬา ดนตรี งานนวดและงานฝีมือ เพื่อเป็นการสร้างความก้าวหน้าในอนาคต โดยนักเรียนผู้เข้ารับบริการไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
แน่นอนวันนี้เรามี 2 นักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งเป็นนักเรียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของโรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยา ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ประสบความสำเร็จในด้านกีฬามาเล่าประการณ์และความสำคัญของอาชีพนักกีฬามาฝากกัน...
นายสุกฤษฎิ์ เหมือนปอง หนึ่งในผู้พิการซึ่งเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไทย โดยเป็นตัวแทนรุ่นเยาวชนครั้งแรกไปแข่งในรายการ เอเชียน ยูธ พาราเกมส์ 2019 ณ ประเทศบรูไน โดยสุกฤษฎิ์ ได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาฯ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของโรงเรียนฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (กศน.) จากจุดเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำนั้นสุกฤษฎิ์เล่าว่า “เริ่มจากการลงว่ายน้ำเล่นๆ เพื่อความสนุกสนานกับเพื่อนๆ คลายร้อน ในสระน้ำโรงเรียน จุดนี้ทำให้ชอบว่ายน้ำเพราะสนุกดี เลยเริ่มศึกษาและเรียนว่ายน้ำอย่างจริงจังจากครูสอนว่ายน้ำเพื่อช่วยแนะนำการว่ายน้ำที่ถูกต้องและทักษะขั้นต้นต่างๆ เพื่อพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้น
ท่าฟรีสไตล์ เป็นท่าที่ผมชอบมากที่สุด การว่ายน้ำสำหรับผมมันคือความท้าทายกับการได้พัฒนา เวลาที่ลดลงจากการว่ายในท่าต่างๆ ในแต่ละระยะทางเป็นสถิติที่หายเหนื่อย ในปี 2559 ผมเข้าแข่งขันกีฬานักเรียนคนพิการครั้งแรกและได้เหรียญเงิน ในท่าฟรีสไตล์ 50 เมตร ดีใจมาก ภูมิใจที่ตนเองทำได้ ผมผ่านการแข่งขันระดับกีฬานักเรียน กีฬาคนพิการแห่งชาติ และติดทีมชาติรุ่นเยาวชนครั้งแรก เอเชียน ยูธ พาราเกมส์ 2019 ณ ประเทศบรูไน ซึ่งผมจะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เพื่อเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการเข้าร่วมระดับ พาราลิมปิค ต่อไปครับ ขอบคุณโรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาฯ ขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นครู อาจารย์ พ่อแม่ ผู้ฝึกสอน รวมทั้งกำลังใจจากทุกคนที่คอยสนับสนุนและส่งเสริมให้ผมได้มีโอกาสได้เล่นกีฬานี้ครับ”
นายธนโชติ จะเมรัมย์ นักกีฬาโกลบอล ผมเรียนที่โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาฯ ตั้งแต่ พ.ศ. 2553 ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากจุดเล็กๆ สู่การเป็นนักกีฬาโกลบอล ทีมชาติ ธนโชติเล่าว่า ชอบกีฬาโกลบอลครับ ก่อนอื่นมารู้จักกีฬาโกลบอลกันก่อนครับ คนทั่วๆ ไปอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไรนัก เพราะเป็นกีฬาสำหรับนักกีฬาที่มีความพิการทางสายตา แข่งขันระหว่างทีม 2 ทีม ทีมละ 3 คน ในพื้นที่สนามรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตูอยู่ท้ายสนามทั้งสองฝั่ง คล้ายๆ กีฬาฟุตบอล แต่นักกีฬาทุกคนในสนามจะต้องปิดตาโดยอุปกรณ์บังตา เพื่อกลิ้งลูกบอลที่มีกระดิ่งอยู่ภายใน ให้เข้าประตูของฝ่ายตรงข้าม สนุกดีครับ
ผมเห็นรุ่นพี่ที่ได้เล่นแล้วติดทีมชาติ จึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากเล่นบ้าง เป็นกีฬาที่เล่นแล้วน่าตื่นเต้นดีครับ ผมเริ่มลงสนามแข่งขันจากการเล่นกีฬาสี กีฬานักเรียน และใน ปี 2560 ทีมผมก็ได้เหรียญทองกีฬานักเรียนด้วยครับ หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นกีฬาคนพิการแห่งชาติ แมตช์พิเศษ ทีมชาติเยาวชน และทีมชาติชุดใหญ่ ดีใจและภูมิใจมากๆ อยากพัฒนาตนเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปให้ก้าวสู่ระดับโลกให้ได้ครับ อยากขอบคุณโรงเรียน คณะครู ครูผู้ฝึกสอน ครอบครัวและทุกท่านมีส่วนทำให้ผมประสบความสำเร็จไม่ว่าด้วยทางตรงหรือทางอ้อม ผมจะไม่หยุดแค่นี้ จะพัฒนาตนเองต่อไปเรื่อยๆ โกลบอลซึ่งเป็นกีฬาที่ผมรักมาก ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่น ได้อยู่กับเพื่อนๆ ในทีมทำให้มีมิตรภาพระหว่างเพื่อนกับโค้ช พร้อมทั้งให้เรามีความรัก ความสามัคคีในทีม ผมพิการแค่ร่างกายแต่หัวใจผมสู้เต็ม 100 ครับ
ท่านสามารถดูรายละเอียด รร.สอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาฯ เพิ่มเติมได้ที่ [email protected] หรือเว็บไซต์ www.prsb.ac.th
A10540
กลุ่มธุรกิจ TCP เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
นายพงษ์สิทธิ์ เนื่องจำนงค์ (ที่ 5 จากซ้าย) รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นตัวแทนรับมอบเรือ 50 ลำ จากนายนิธิ เพ็งสุข (ที่ 4 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและธุรการ บริษัท ทีซี ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จํากัด ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP เพื่อให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบ้านสร้าง
กลุ่มธุรกิจ TCP ส่งต่อพลังเร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 2565 ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ 5,000 ถุง ประกอบด้วยเครื่องอุปโภค บริโภค และผลิตภัณฑ์ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP อาทิ กระทิงแดง เรดบูล ฮอลล์ เอ็กซ์เอส โสมพลัส เรดดี้ สปอนเซอร์ แมนซั่ม ไฮ่ เพียวริคุ และซันสแนค เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ส่งผลกระทบในวงกว้างทำให้ความช่วยเหลือยากแก่การเข้าถึงและมีบางเส้นทางถูกตัดขาด แต่ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เข้าใจพื้นที่ทั่วไทยอย่างแท้จริงของบริษัท เดอเบล จำกัด ทำให้สามารถให้ความช่วยเหลือและกระจายถุงยังชีพให้กับพี่น้องชาวไทยที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดอุบลราชธานี เชียงใหม่ ปราจีนบุรี สิงห์บุรี อยุธยา และปทุมธานีได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP ได้บริจาคเรือให้กับอำเภอบ้านสร้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งโรงงานของบริษัท และหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในจังหวัดปราจีนบุรี รวมจำนวน 50 ลำ เพื่อให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้ใช้สัญจรสะดวกยิ่งขึ้น กลุ่มธุรกิจ TCP ขอส่งความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้กับผู้ได้รับผลกระทบมีพลัง สามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมของกลุ่มธุรกิจ TCP
A10538
เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 71 ปี เมืองไทยประกันชีวิต ได้ดำเนินธุรกิจด้วยความแข็งแกร่ง มั่นคงและตั้งอยู่บนหลักบรรษัทภิบาลอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับพันธกิจในการดูแลสังคมในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา รวมถึงสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “MTL NEXT TO YOU” ที่มุ่งเน้นการพัฒนารอบด้านอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อก้าวเคียงคู่ดูแลทุกช่วงของชีวิต และจากสถานการณ์อุทกภัยในปัจจุบันที่ยังส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิต และมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมมอบถุงยังชีพ จำนวน 4,000 ชุด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งภายในถุงบรรจุด้วยอาหาร เครื่องใช้ และสิ่งของจำเป็นต่อการยังชีพ เพื่อนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ โดยมี ดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และนางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงาน ร่วมจัดและส่งมอบถุงยังชีพ
“บริษัทฯ ยังคงยึดนโยบายการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการตอบแทนเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังการพัฒนา สร้างสรรค์ ให้สังคมเติบโตได้อย่างมีคุณภาพและอยู่ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการจัดกิจกรรมจัดถุงยังชีพในครั้งนี้ เราก็หวังว่าจะเป็นส่วนช่วยในการฟื้นฟูและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี และขอเป็นกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่สามารถผ่านพ้นสถานการณ์ดังกล่าวไปได้” นายสาระ กล่าว
A10535
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด