ผู้ผลิตต้องเร่งเสริมศักยภาพด้านข้อมูล เพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอย
โดย โยฮาน คาร์สเทนส์ หัวหน้าฝ่ายการผลิตอัจฉริยะของฟูจิตสึอเมริกาเหนือ
การเสริมศักยภาพด้านข้อมูลคือกุญแจสำคัญในขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ต่างๆ และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เป็นการยากที่ผู้ผลิตจะสามารถคาดการณ์สถานการณ์ต่างๆ ในอนาคตได้ ประกอบกับปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน และการขาดแคลนแรงงาน แม้กระทั่งความไม่แน่นอนในประเทศต่างๆ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านการผลิตอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือนแล้ว1
ประเด็นสำคัญประการหนึ่งสำหรับผู้ผลิตในการเตรียมพร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คือ การปรับตัวของข้อมูล ตามรายงานของฟูจิตสึ: The great data acceleration – Today’s data opportunities, tomorrow’s business success.
รายงานนี้อิงจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับ C-Level มากกว่า 500 คน จาก 5 อุตสาหกรรม ใน 9 ภูมิภาคของโลก2 พบว่าแต่ละคนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในการใช้กลยุทธ์ข้อมูลเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เมื่อพูดถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อตอบสนองต่อปัญหา และการตัดสินใจที่แม่นยำ ผู้นำด้านการผลิต 65% เชื่อว่าในปัจจุบันพวกเขามีระบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าก่อนเกิดโรคระบาด เมื่อเทียบกับจำนวน 29% ในภาครัฐและ 41% ในด้านบริการทางการเงิน ภาคการผลิตยังเป็นผู้นำกลุ่มในการใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นด้วยคะแนน 69%
ผู้นำด้านการผลิตด้านไอทียังเชื่อมั่นในความสามารถของพนักงานในการเข้าถึงข้อมูลเพิ่มขึ้น 14% จากระดับก่อนเกิดโรคระบาด เมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการพัฒนาในภาครัฐ และบริการทางการเงินเพิ่มขึ้นเพียง 2%
ภาคการผลิตต้องสร้าง ‘องค์กรที่ปรับตัวได้’ อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแนวโน้มเชิงบวกจากบรรดาผู้บริหารด้านการผลิต ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตของฟูจิตสึเชื่อว่าหลายบริษัทยังคงมีวิธีที่จะสร้างองค์กรที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างแท้จริงด้วยความสามารถในการแปลงข้อมูลเพื่อให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์
จากข้อมูลของฟูจิตสึ แม้ว่าภาคการผลิตจะแซงหน้าค่าเฉลี่ยทั่วโลกในเกณฑ์ 8 ข้อจาก 11 ข้อที่ศึกษาในการวิจัย แต่กลับมีประสิทธิภาพไม่ดีในการประเมินผลลัพธ์ที่ละเอียดเพื่อผลลัพธ์ในอนาคตที่ดีขึ้น วัดได้เพียง 50% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทุกภาคส่วนที่ 61 เปอร์เซ็นต์อย่างมาก ในด้านอื่นๆ ที่คะแนนการผลิตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคือการใช้ข้อมูลสำหรับการจัดทีม การตรวจสอบกฎระเบียบ การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการรักษาความปลอดภัย และการพัฒนา การปรับแต่ง และ/หรือการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า
ด้วยห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่ซับซ้อน ส่งผลทำให้ความเชื่อมั่นด้านการผลิตทั่วโลกลดลง อุตสาหกรรมจำเป็นต้องหาวิธีสร้างความคล่องตัวมากขึ้นในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ธรรมดานี้ ฟูจิตสึเห็นว่าองค์กรภาคการผลิตทั่วโลกควรใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มคลาวด์ เพื่อสร้างองค์กรที่คล่องตัวและตอบสนองรวดเร็วมากขึ้น แต่เรายังไม่ไปถึงจุดนั้น
รายงานระบุว่า มีประเด็นสำคัญที่ผู้ผลิตยังคงมีงานต้องทำการบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ข้อมูลเพื่อปรับแต่ง และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า รวมถึงการสร้างกระบวนการทางดิจิทัลแบบครบวงจร
เราคาดการณ์ว่าการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางจะมีความสำคัญระดับถัดไปสำหรับผู้ผลิตทั่วโลกที่ต้องการลดต้นทุน สร้างกำไรให้สูงขึ้น และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน
หากคุณสนใจที่จะทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ฟูจิตสึจะช่วยให้คุณเป็นผู้ผลิตที่ยั่งยืนได้อย่างไร คลิกที่นี่
หมายเหตุ
1 แม้ว่าการผลิตทั่วโลกขยายตัวเป็นเดือนที่ 19 ติดต่อกันในเดือนมกราคม 2022 ตามรายงานของ JPMorgan Global PMI™ (เรียบเรียงโดย IHS Markit) แต่อัตราการขยายตัวชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือนท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้น
2 ดำเนินการวิจัยสำหรับฟูจิตสึโดย Longitude บริษัทในเครือไฟแนนเชียลไทมส์ เป็นการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างผู้บริหารระดับ C-Level จำนวน 571 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้นำด้านไอที 194 คน ผู้นำสายธุรกิจ 377 คน ใน 9 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ (เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก) แคนาดา ฟินแลนด์ เยอรมนี ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ สหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา ใน 5 กุล่มอุตสาหกรรม ได้แก่ การธนาคาร บริการทางการเงินและการประกันภัย องค์กรรัฐบาลและการป้องกันประเทศ การผลิต การขนส่งและยานยนต์ และการขายปลีก
A8370
Amity เทคคอมพานีรายแรกของไทย เข้าไปอยู่ในรายการของ AWS Marketplace แค็ตตาล็อกดิจิทัลที่รวบรวมซอฟต์แวร์โซลูชันระดับโลก
เอมิตี้ (Amity) เป็นคู่ค้าด้านเทคโนโลยีของอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) อีกทั้งยังเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ช่วยให้บริษัทหรือองค์กรต่างๆ บูรณาการโซเชียลฟีเจอร์ (social features) เข้ากับแอปพลิเคชันของตนเองได้อย่างง่ายดาย ในวันนี้ Amity ประกาศว่า Amity เป็นบริษัทผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (Independent Software Vendor: ISV) รายแรกของประเทศไทยที่เข้าไปอยู่ใน AWS Marketplace แค็ตตาล็อกดิจิทัลที่มีรายการซอฟต์แวร์กว่าพันรายการจาก ISV
ปัจจุบัน หลายบริษัทสามารถซื้อโซลูชัน Amity Social Cloud (ASC) ได้ทั่วโลกเพื่อสร้างฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแชท หรือวิดีโอสตรีมมิงผ่านทาง AWS Marketplace โดย AWS Marketplace นั้นเป็นแค็ตตาล็อกดิจิทัลที่ได้รับการดูแลจัดการซึ่งทำให้องค์กรต่างๆ สามารถค้นหา จัดซื้อ ให้สิทธิ์ จัดเตรียม และควบคุมซอฟต์แวร์ third-party เพื่อใช้จริงได้อย่างง่ายดาย
การได้เข้าไปอยู่ในรายการของ AWS Marketplace นับเป็นการเสริมแกร่งในการเป็นคู่ค้าพันธมิตรร่วมกับ AWS นอกจากนี้ Amity ยังได้เข้าร่วมโปรแกรม AWS ISV Accelerate เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพื่อรับแรงสนับสนุนมุ่งเน้นด้านการขายร่วมกันจาก AWS การเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ของกระบวนการที่เสริมสร้างให้ทำการขายได้ (sales enablement) ยิ่งขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อเร่งกระบวนการหรือรอบการขาย (sales cycle) และโปรแกรมนี้เองยังช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังเสริมสร้างความมุ่งมั่นระหว่าง AWS และคู่ค้าให้แข็งแกร่งขึ้น
พันธกิจของ Amity คือ ช่วยให้บริษัทต่างๆ สร้างสรรค์ประสบการณ์ดิจิทัลให้ลูกค้ามีส่วนร่วม (engagement) และเป็นเชิงบวกมากที่สุด ในขณะที่หลายธุรกิจมองหาวิธีอื่นๆ ในการดำรงรักษาให้ลูกค้ามี engagement ในปัจจุบันธุรกิจเหล่านั้นก็กำลังสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลให้เป็นรูปแบบโซเชียลและเฉพาะบุคคลมากขึ้นด้วยฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ แชท วิดีโอสตอรี กลุ่มสนทนา โซเชียลฟีด ไลฟ์สตรีมมิง และแชทบอท
Amity Social Cloud ช่วยให้องค์กรต่างๆ สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมดิจิทัลดังกล่าวผ่านชุดส่วนประกอบแบบ pre-built ที่สามารถเพิ่มลงไปในแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่มีอยู่แล้วอย่างง่ายดาย เพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์ก ช่วยให้บริษัทต่างๆ สร้างชุมชนดิจิทัลที่ก้าวหน้า เพื่อเพิ่ม engagement รักษาผู้ใช้งาน ตลอดจนมูลค่าตลอดอายุการใช้งาน (lifetime value) ในขณะเดียวกันก็เป็นเจ้าของข้อมูลทั้งหมด ผู้นำในหลายอุตสาหกรรม อย่างเช่น เพอร์นอต ริคาร์ด (Pernod Ricard) ทรูไอดี (TrueID) และไคเซ็น เกมมิง (Kaizen Gaming) ต่างก็เลือก Amity Social Cloud เพื่อสร้างชุมชนผู้ใช้งานในแอปของตนเอง ที่รวบรวมและให้บริการผู้คนกว่า 10 ล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก
“เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้จับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับ AWS เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง อีกทั้งยังรู้สึกยินดีที่สามารถเดินหน้าขยาย Amity Social Cloud ออกไปทั่วโลกบน AWS Marketplace ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของบริษัทเทคจากประเทศไทยที่ได้เข้าไปอยู่ในรายการบนแค็ตตาล็อกดิจิทัลที่รวบรวมซอฟต์แวร์โซลูชันระดับโลกของ AWS” กรวัฒน์ เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ ของ Amity กล่าว “การได้เข้าไปอยู่ในรายการของ AWS Marketplace นี้ไม่เพียงแต่ช่วยเราในฐานะบริษัทหนึ่งเท่านั้น แต่ยังช่วยทุกองค์กรที่ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าและพร้อมมุ่งขยายการเติบโตไปอย่างก้าวกระโดด”
“เรารู้สึกยินดีที่ได้สานต่อการทำงานร่วมกับ Amity และมี Amity บน AWS Marketplace ที่ช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมให้แก่ลูกค้าทั่วโลก” สแตนเลย์ ชาน หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรเทคโนโลยี ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส กล่าว “ลูกค้าทั่วโลกสามารถเข้าถึงโซลูชัน Amity Social Cloud ได้อย่างง่ายดาย เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และสร้างชุมชนดิจิทัลผ่านการใช้ฟีเจอร์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร และเห็นระดับความพึงพอใจในรูปแบบใหม่ของผู้ใช้งานได้”
A8307
บิสกิต โซลูชั่นติดปีก MSME ไทย เปิดตัว BIZCUIT Solution Express ทรานส์ฟอร์มกิจการด้วย AI ราคาจับต้องได้ เพิ่มยอดขายโตเท่าตัว
บิสกิต โซลูชั่น หรือ BIZCUIT หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยี AI โซลูชั่น เปิดตัว BIZCUIT Solution Express ติดปีกวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อย และขนาดเล็ก หรือ MSME ไทย ทรานส์ฟอร์มกิจการด้วย AI โซลูชันครบวงจร มุ่งบริหารประสบการณ์ลูกค้า พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพ บริหารจัดการกิจการหน้าร้าน เพิ่มยอดขายเท่าตัว ในราคาที่จับต้องได้ ติดตั้งและใช้งานง่ายสะดวก รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน มุ่งยกระดับขีดความสามารถ MSME คว้าโอกาสเติบโตตาม GDP MSME ปี 65 คาดเติบโต 3.2 – 5.4% มีมูลค่าราว 5.669 - 5.789 ล้านล้านบาท ในขณะที่ไตรมาสที่ 1 เข้าเป้าขยายตัว 3.8% มูลค่า 1.519 พันล้านบาท คิดเป็น 35.3% ของ GDP เผย MSME คือเส้นเลือดสำคัญ หนุนเศรษฐกิจไทยเติบมีเสถียรภาพยั่งยืน
นายสุทธิพันธุ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสกิต โซลูชั่น จำกัด หรือ BIZCUIT เปิดเผยว่า BIZCUIT ในฐานะผู้นำในการให้บริการโซลูชันด้วยเทคโนโลยี AI และเป็น AI Enabler ได้พัฒนาและเปิดตัว “BIZCUIT Solution Express” ซึ่งเป็นบริการ AI โซลูชันที่ครบวงจร ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ด้วยฟีเจอร์ครอบคลุมและจำเป็นในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นการผสาน 2 โซลูชันที่ BIZCUIT มี ได้แก่ FullLoop CX แพลตฟอร์มบริหารประสบการณ์ลูกค้าครบวงจรด้วย AI Machine Learning ด้าน NLU และ BIZCUIT Vision Analytics (BVA) โซลูชันวิทยาการวิเคราะห์ภาพแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี Computer Vision ใช้งานผ่านอุปกรณ์กล้อง CCTV ที่ทุกๆ ร้านมีอยู่แล้ว ซึ่งช่วยทรานฟอร์มฯ ธุรกิจได้อย่าง แท้จริง ติดตั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว และใช้งานง่าย BIZCUIT Solution Express เป็นโซลูชันที่รวบรวม ฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ MSME สามารถช่วยสนับสนุนด้านการบริหารจัดการ และการควบคุมคุณภาพของ สินค้าและบริการให้เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจด้านอื่นๆ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างโอกาส เพิ่มยอดขายได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว
โดยแต่ละโซลูชันมีจุดเด่นในการช่วยองค์กรธุรกิจขนาดกลางและรายย่อยจัดการบริหารงานหน้าร้าน และการบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดแบบเรียลไทม์ ดังนี้
FullLoop CX แพลตฟอร์มบริหารประสบการณ์ลูกค้าครบวงจรด้วย AI Machine Learning ด้าน NLU
● สนับสนุนการสร้างยอดขาย ด้วยการนำความคิดเห็นในระดับเจตนา (Intension) ของลูกค้ามาเพิ่มโอกาส รวมทั้งนำไปใช้ต่อยอดในการวางแผนการตลาด
● สามารถนำความคิดเห็นของลูกค้ามาช่วยจัดการบริหารและแก้ไข Operation หน้าร้านได้อย่างตรงจุด และทันท่วงที
● ระบบ FullLoop CX สามารถช่วยตรวจสอบคุณภาพของการให้บริการ และคุณภาพของสินค้าด้วย AI ได้อย่างแม่นยำและมีความเสถียรมากกว่ามนุษย์
● มี Built-in dashboard เพื่อรายงานและติดตามการประเมินผลได้อย่างเป็นระบบและเข้าใจง่าย
● สามารถวิเคราะห์ผลและตั้งการ Alert ในสิ่งที่สนใจไปยังผู้ที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องโดยตรงได้แบบเรียลไทม์
● เป็นระบบให้บริการแบบรายเดือน ติดตั้งง่ายไม่ซับซ้อน ไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์เพิ่ม และไม่ต้องกังวล เรื่องการดูแลรักษา
Bizcuit Vision Analytics โซลูชันวิทยาการวิเคราะห์ภาพแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี Computer Vision
● ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กล้องวงจรปิดกลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการธุรกิจ
● ระบบสามารถทำงานและช่วยสังเกตการณ์ได้ตลอดเวลา แม้นอกเวลาปฏิบัติงานของมนุษย์
● สามารถเก็บข้อมูลและประมวลผลโดยไม่จำเป็นต้องใช้มนุษย์ เช่น ประมวลผลจำนวนลูกค้าที่เดิน เข้าร้านเป็นเปอร์เซ็นของจำนวนคนที่เดินผ่านหน้าร้านทั้งหมด เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ความน่าสนใจ ในการจัดหน้าร้าน รวมถึงการบริหารจัดการพนักงานหน้าร้านด้วยเช่นกัน มอนิเตอร์ระยะเวลาที่ให้ลูกค้านั่งรอคิว รวมไปถึงระยะเวลาที่พนักงานเข้ามาให้บริการลูกค้า ว่ารวดเร็วเพียงพอที่จะไม่ให้เสียลูกค้าไปหรือไม่
● ระบบออกแบบฟังก์ชั่นการทำงานที่ตอบโจทย์โดยนักธุรกิจที่มีประสบการณ์ในการบริหารงานจริง จึงมีความเข้าใจความต้องการของเจ้าของธุรกิจ
● เป็นระบบให้บริการแบบแบบรายเดือน ราคาจับต้องได้ เริ่มต้นเพียง 4,500 บาทต่อเดือนติดตั้งง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์เพิ่ม และไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรักษา
จากการใช้งาน BIZCUIT Solution Express ในร้านธุรกิจเครืออาหารญี่ปุ่น พบว่าก่อนการใช้งานลูกค้า ที่ใช้บริการมีความพึงพอใจอยู่ที่ 47.2% แต่หลังจากใช้ BIZCUIT Solution Express ในส่วนของ FullLoop CX แพลตฟอร์มบริหารประสบการณ์ลูกค้า พบว่าความพึงพอใจเพิ่มสูงขึ้นกว่า 82% ในระยะเวลาครึ่งปี และยังช่วย ลดความไม่พึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนใช้มีความไม่พึงพอใจสูงถึง 24.5% หลังใช้ ปัจจุบันมี ลูกค้าไม่พึงพอใจในแต่ละเดือนเพียงประมาณ 1% สามารถลดความไม่พึงพอใจได้สูงถึง 98% และพบต้นตอของปัญหาในธุรกิจที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เช่น พบว่ารสชาติของอาหารในแต่ละสาขาไม่คงที่ นำไปสู่การแก้ไขที่ตรงจุด และในส่วนของ BIZCUIT Vision Analytics ยังช่วยวิเคราะห์ภาพแบบเรียลไทม์ ช่วยแก้ไขปัญหา ที่การบริหารงานหน้าร้าน อาทิ จำนวนของพนักงานที่เหมาะสมในแต่ละสาขา เป็นตัวช่วยประมาณการว่าจ้างพนักงานได้อย่างเหมาะสมแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะในภาวะโพสท์โควิด ช่วยบริหารต้นทุนได้อย่างสมเหตุสมผล
ทั้งนี้ การเปิดตัว “BIZCUIT Solution Express” เนื่องจากต้องการสนับสนุนการนำเทคโนโลยี AI ด้าน Machine Learning เข้าไปพัฒนาในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการ MSME ให้สามารถคว้าโอกาส สร้างการเติบโตของธุรกิจที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวและเติบโต จากรายงานสรุปสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อย และขนาดเล็ก หรือ MSME ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ชี้ให้เห็นว่า GDP กลุ่มดังกล่าว ในปี 2565 จะเติบโตระหว่าง 3.2 – 5.4% หรือมีมูลค่าประมาณ 5.669 - 5.789 ล้านล้านบาท ซึ่งในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ที่ผ่านมา มีอัตราขยายตัว 3.8% คิดเป็นมูลค่า 1.519 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 35.3% ของ GDP ประเทศที่คาดว่าจะขยายตัว 2.2% ในขณะที่รายงานการเปรียบเทียบดัชนี เชิงปริมาณและดัชนีความเชื่อมั่นของ MSME ณ เมษายน 2565 ชี้ให้เห็นว่าดัชนีผลผลิตภาคบริการเติบโตบวก 1.5% ร้านอาหาร ภัตตาคาร บวก 4.0% ในขณะที่โรงแรมเกสต์เฮาส์ บวก 4.1% จากตัวเลขการเติบโตดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและรายย่อยสามารถเติบโต และขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการกลุ่มนี้เป็นเสมือนเส้นเลือดสำคัญช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศอย่างมหาศาล และช่วยสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ประกอบกับเมื่อธุรกิจกลุ่มนี้สามารถต่อยอดกิจการ กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้อนาคต ก็จะยิ่งส่งเสริมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจประเทศให้มีความยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการกลุ่ม MSME ควรเร่งทรานส์ฟอร์มธุรกิจ เพื่อยกระดับและพัฒนาธุรกิจของตัวเอง อย่างรอบด้านด้วยเทคโนโลยี สร้างโอกาสให้กับธุรกิจและพร้อมรับมือทุกการแข่งขัน
“หัวใจสำคัญที่จะช่วยสร้างโอกาสพร้อมรับการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยจากรายงาน Global Industries Director for Consumer Industries ของ SAP ระบุว่า 88% ของผู้บริโภคในยุคนี้ให้ความสำคัญกับการบริการเทียบเท่ากับคุณภาพของสินค้า นับเป็นข้อบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า การสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าเป็นอาวุธลับสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ โดยการสร้างประสบการณ์ที่ดีจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นเมื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เนื่องจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้รวดเร็ว แม่นยำ ประหยัดเวลา และลดต้นทุน” นายสุทธิพันธุ์ กล่าวเสริม
พบกับโซลูชั่น FullLoop CX และ Bizcuit Vision Analytics จาก BIZCUIT ในงาน Techsauce Global Summit 2022 งานประชุมด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ วันที่ 26-27 สิงหาคม 2565 นี้ ที่ไอคอนสยาม
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI โซลูชั่น BIZCUIT Solution Express หรือสนใจทดลองใช้งาน ติดต่อ https://www.bizcuitsolution.com/th/talk-to-us/ หรือ โทร. 02-664-1675-7
A8285
บิทคับ เดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าด้วยโซลูชันจากเจเนซิส
จำนวนผู้ใช้งานบิทคับออนไลน์ที่คาดจะว่าเพิ่มขึ้น 75% ในปี 2565 อันเป็นผลจากการมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้า
จากซ้าย: ชัญธิกา ชมโฉม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของศูนย์ซื้อขายบิทคับ,
สตีเฟน ฮามิลล์ กรรมการผู้จัดการและรองประธานภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้ของเจเนซิส
มูลค่าเศรษฐกิจบนโลกออนไลน์ของไทยมีโอกาสแตะระดับ 56 พันล้านดออลาร์สหรัฐภายในปี 2568[1] ภายใต้แรงขับเคลื่อนทวีคูณจากสกุลเงินดิจิทัล โดยเมื่อปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทองของสกุลเงินคริปโต และมี Bitcoin (BTC) เป็นพระเอกในตลาดด้วยมูลค่าสูงสุด ภายใต้ตลาดดังกล่าวก็มี บิทคับ (Bitkub) ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและสกุลเงินคริปโตเจเนอเรชันใหม่ที่ครองตำแหน่งผู้นำด้วยส่วนแบ่งในตลาดไทยกว่า 92% และมีจำนวนผู้ใช้ถึง 1 ล้านคน
บิทคับก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 โดยมีภารกิจหลักในการเชื่อมสะพานระหว่างบล็อกเชนและสกุลเงินคริปโตสำหรับ “กลุ่มลูกค้าที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี” จนกลายเป็นศูนย์ซื้อขายสกุลเงินคริปโตที่ได้รับความไว้วางใจและใช้งานง่ายที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ บิทคับเลือกใช้โซลูชันดิจิทัลและคลาวด์จากเจเนซิส (Genesys) เพื่อเดินหน้าเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและขยายธุรกิจโดยไม่กระทบต่อประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience หรือ CX) โดยกรณีศึกษาต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่าบิทคับถือเป็นผู้ที่มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจและประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความท้าทาย:
● การเติบโตและการรองรับการขยายระบบ – จากธุรกิจขนาดเล็กในช่วงแรก ปัจจุบันบิทคับมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าให้รองรับผู้ใช้ได้ถึง 7 ล้านคน ภายในสิ้นปี 2565 และขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ เดิมทีบริษัทได้ใช้ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ในประเทศเพื่อจัดการและออกแบบโครงสร้างระบบไอที แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้ต้องมองหาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยซึ่งสามารถรองรับปริมาณการใช้งานที่พุ่งสูงขึ้นเป็นบางช่วงได้อย่างราบรื่น และพนักงานต้องสามารถทำงานได้จากระยะไกลด้วย ซึ่งโครงสร้างระบบในปัจจุบันไม่สามารถรับมือกับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
● ประสบการณ์ของลูกค้า (CX) – การเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้บิทคับต้องเผชิญกับปัญหาด้านคอลล์เซ็นเตอร์ที่ไม่สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุปสรรคสำคัญอยู่ที่การบริหารจัดการช่องทางติดต่อกับลูกค้าที่หลากหลาย อาทิ โทรศัพท์ อีเมล แชต โซเชียลมีเดีย ดังนั้น โซลูชันด้านซอฟต์แวร์จึงต้องสะดวกต่อการรวบรวมข้อคิดเห็นจากลูกค้าและให้ข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยปรับปรุงบริการของบิทคับ เพราะการให้บริการลูกค้าถือเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
● ประสบการณ์ของพนักงาน (EX) – โรคระบาดทำให้การทำงานจากที่บ้านได้รับความนิยมอย่างมาก ดังนั้นบริษัทจึงต้องดูแลให้พนักงานสามารถทำงานได้โดยปราศจากปัญหาทางเทคนิค นอกจากนี้หัวหน้างานยังต้องการระบบที่สามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้ในแบบเรียลไทม์ เพื่อจะได้จัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในด้านอื่นๆ ไปพร้อมกัน
โซลูชัน:
บิทคับต้องการโซลูชันที่ช่วยดูแลการใช้งานของลูกค้า โดยต้องตอบโจทย์ทั้งในด้านนวัตกรรม การขยายระบบเพื่อรองรับการเติบโต และตอบรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจเนซิส® ในฐานะผู้นำการผสานประสบการณ์ของลูกค้าบนระบบคลาวด์ สามารถช่วยรับมือกับความท้าทายดังกล่าวได้ทั้งหมด
● การบูรณาการระบบ – Genesys Cloud CXTM ซึ่งมีสถาปัตยกรรม API ระบบเปิดทำให้สามารถผสานการทำงานเข้ากับระบบบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ได้อย่างสะดวก ช่วยประหยัดเวลาในการโอนย้ายไประบบใหม่ได้อย่างมาก ซึ่งการใช้ Genesys Cloud CX ทำให้พนักงานของบิทคับสามารถจัดการทุกอย่างได้ในที่เดียวโดยไม่จำเป็นต้องย้อนไปมาระหว่างระบบ CRM และระบบโทรศัพท์ในระหว่างทำการ
● การทำงานแบบไฮบริด/ระยะไกล – Genesys Cloud CX เป็นโซลูชันที่ช่วยดูแลการมีส่วนร่วมกับลูกค้าบนระบบคลาวด์อย่างแท้จริง สามารถใช้งานได้จากระยะไกลไม่ว่าจะที่ใดก็ตามตราบเท่าที่มีอินเทอร์เน็ต ซึ่งบิทคับสามารถติดตั้งใช้งานระบบได้สำเร็จโดยปราศจากปัญหาทางเทคนิคใดๆ และสามารถรองรับการทำงานจากระยะไกลได้อย่างน่าเชื่อถือ ในฟากพนักงานของบิทคับก็สามารถจัดการกับงานในแต่ละวันได้อย่างราบรื่นด้วยซอฟต์แวร์และการเชื่อมต่อที่เสถียร ขณะที่หัวหน้างานก็สามารถติดตามการทำงานของพนักงานในทีมได้ในแบบเรียลไทม์
● ระบบติดตามข้อมูล – บิทคับเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ดังนั้น จึงต้องการให้ทีมงานตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลและข้อมูลเชิงลึก ซึ่งถือเป็นงานอีกส่วนหนึ่งที่ทางเจเนซิสได้เข้ามาช่วยดูแลโดยมอบแดชบอร์ดการทำงานและคุณสมบัติด้านการรายงานข้อมูล โซลูชันดังกล่าวไม่เพียงช่วยให้บิทคับสามารถติดตามข้อมูลได้ทุกส่วน แต่ยังรวมถึงการสร้างรายงานในแบบที่ต้องการที่ให้ข้อมูลเชิงลึกอันสำคัญต่อบริษัทและพนักงาน และนำไปสู่การปรับปรุงการดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริการตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุดและการตอบกลับอย่างรวดเร็วจากเจเนซิสยังช่วยยกระดับมาตรฐานการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ผลลัพธ์:
Genesys Cloud CX ช่วยให้บิทคับสามารถจัดการกับทรัพยากรต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นด้วยคุณสมบัติด้านการติดตามระบบแบบเรียลไทม์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจในการใช้งานและคุณภาพการให้บริการ โดยให้ผลสำเร็จในด้านต่างๆ อาทิ
● ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานเพิ่มขึ้น 8% (เปรียบเทียบระหว่างครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังของปี 2564)
● อัตราการวางสายก่อนได้รับบริการลดลง 7% (เปรียบเทียบระหว่างครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังของปี 2564)
● นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จในด้านการปรับปรุงระดับความพึงพอใจของลูกค้าและการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้วยระบบอัตโนมัติ เช่น ระบบตอบรับอัตโนมัติที่ช่วยลดกระบวนการที่สิ้นเปลืองเวลา
“คอลล์เซ็นเตอร์ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นส่วนสำคัญสำหรับเราในการยืนหยัดเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มคริปโตที่ลูกค้าชื่นชอบและไว้วางใจในภูมิภาค ซึ่งการร่วมมือกับเจเนซิสทำให้เราสามารถดำเนินและขยายกิจการให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ แพลตฟอร์ม Genesys Cloud ทำให้พนักงานของเราสามารถทำงานจากระยะไกลและติดต่อกับลูกค้าเพื่อให้บริการและรับฟังปัญหาได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทางต่างๆ ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ” ชัญธิกา ชมโฉม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของศูนย์ซื้อขายบิทคับ กล่าว
“ภายใต้ยุคที่ประสบการณ์ของลูกค้ามีความสำคัญอย่างมาก โซลูชันระบบคลาวด์และดิจิทัลถือเป็นส่วนสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่และแตกต่างให้แก่ลูกค้าที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี การได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของบิทคับที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดและเดินหน้าก้าวสู่ดิจิทัลอย่างเต็มสปีดในฐานะผู้เล่นรายสำคัญของตลาดคริปโต ถือเป็นประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ของพวกเราที่เจเนซิส” สตีเฟน ฮามิลล์ กรรมการผู้จัดการและรองประธานภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้ของเจเนซิส กล่าว
[1] รายงาน “FinTech in ASEAN 2021” จาก UOB
https://www.uobgroup.com/techecosystem/news-insights-fintech-in-asean-2021.html?&
A8083
AIS eSport - เกมโปเกมอน เปิดสังเวียนยิมลีดเดอร์กับการแข่งขัน Pokémon Unite ครั้งแรกในไทย ชวนสาวกโปเกมอนเทรนเนอร์รวมทีม ปล่อยพลัง ประชันความแข็งแกร่ง ในเวที ‘AIS 5G eSports Open Thailand 2022’ Pokémon Unite
AIS eSports สร้างปรากฏการณ์ในวงการอีสปอร์ตเมืองไทยอีกครั้งกับการแข่งขันเกม Pokémon Unite ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยการจับมือกับบริษัท โปเกมอน จำกัด (The Pokémon Company) เพื่อฉลองครบรอบ 1 ปีสำหรับการคิกออฟเกมดังกล่าวในตลาดเกม เปิดเวที AIS 5G eSports Open Thailand 2022 : Pokémon Unite ตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์ที่ชื่นชอบตัวละครสุดน่ารักอย่างโปเกมอนที่นำทีมโดย Pikachu (พิคาจู), Cinderace (เอสเบิร์น), Venusaur (ฟุชิงิบานะ), Charizard (ลิซาร์ดอน), Snorlax (คาบิกอน) และผองเพื่อนโปเกมอนอีกมากมาย ซึ่งตัวเกมเป็นแนว MOBA แนวใหม่ ที่ไม่ใช่สู้เพื่อทำลายป้อมฝั่งตรงข้าม แต่เน้นทีมเวิร์คในการวางแผนโจมตี รวมถึงเก็บ Aeos energy มาสะสม เพื่อดังก์ป้อมเก็บแต้มให้ได้มากที่สุด ภายในเวลา 10 นาที ที่มีลักษณะการเล่นแบบแบ่งทีมทีมละ 5 คนและเน้นการวางแผนอย่างแยบยล อย่าง Pokémon Unite หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง บริษัท โปเกมอน ได้ปล่อยเกม Pokémon Go ออกไป ซึ่งได้เสียงตอบรับอย่างล้นหลามมีแฟนๆ เข้ามาร่วมผจญภัยค้นหาในโลกโปเกมอนบนหน้าจอมือถืออย่างมากมาย สำหรับการแข่งขันเกม Pokémon Unite ในครั้งนี้ เปิดรับสมัครเหล่าเกมเมอร์ทุกช่วงอายุเข้าร่วมการแข่งขันในรูปแบบทีม พร้อมชวนเหล่าสาวกโปเกมอนเทรนเนอร์รวมทีมเข้าร่วมการแข่งขันชิงเงินรางวัลมูลค่าสูงกว่า 600,000 บาท
นางสาวรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการพันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS กล่าวว่า “วันนี้ AIS eSports ได้ร่วมมือกับทาง The Pokémon Company จากประเทศญี่ปุ่นจัดกิจกรรม AIS 5G eSports Open Thailand 2022 : Pokémon Unite หรือการแข่งขันเกม Pokémon Unite ที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย เพื่อให้เหล่าสาวกโปเกมอนได้มีเวทีโชว์ศักยภาพและร่วมกันปั้นเกมเมอร์หน้าใหม่ให้กับวงการอีสปอร์ตไทย โดยเกมดังกล่าวในไทยขณะนี้มีเหล่าสาวกโปเกมอนโหลดและเล่นแล้วกว่า 1 ล้านไอดี ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การเล่นเกมบนมือถือในรูปแบบ MOBA (multiplayer online battle arena) หรือเกมประเภทวางแผนเรียลไทม์กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในประเทศไทย ผนวกกับความตั้งใจในการพัฒนาต่อยอดอีสปอร์ต อีโคซิสเต็ม ของไทย รวมทั้งการเป็นจุดเชื่อมสำคัญในการสร้างคอมมูนิตี้ให้กับกลุ่มเกมเมอร์ได้มีพื้นที่ในการฝึกฝนทักษะเพิ่มขีดความสามารถ เราจึงผสานความร่วมมือให้เกิดการแข่งขันในครั้งนี้อย่างเป็นทางการและถือเป็นการแข่งขันอีสปอร์ตในเกม Pokémon Unite ที่ใหญ่ที่สุดครั้งแรกในไทย”
สำหรับเกม Pokémon Unite พัฒนาขึ้นจากบริษัท โปเกมอน จำกัด (The Pokémon Company) ของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นเกม MOBA (multiplayer online battle arena) หรือเกมประเภทวางแผนเรียลไทม์ ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมียอดดาวน์โหลดเกมแล้วกว่า 1 ล้านครั้งในประเทศไทย ซึ่งในวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 นี้ เป็นวันเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปี ของเกม Pokémon Unite
ทำให้การแข่งขัน “AIS 5G eSports Open Thailand 2022 : Pokémon Unite” ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ Esports Pokémon Unite ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยจะเปิดรับสมัครเหล่าเกมเมอร์ที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 35 ปี เข้าร่วมการแข่งขัน จัดแข่งในรูปแบบทีมทีมละ 5 คน สมัครเข้าร่วมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ชิงเงินรางวัลมูลค่าสูงกว่า 600,000 บาท รวมทั้งได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ จาก Item Code และของรางวัล Premium มากมาย จาก The Pokémon Company นอกจากนี้เพื่อสนับสนุนเหล่าเกมเมอร์เครือข่ายผู้ใช้ AIS สามารถใช้สมัครหรือใช้งานแพ็คเกจอินเตอร์เน็ตเกม Maomao Game Package ที่สามารถเล่นเกม Pokémon UNITE บนมือถือได้โดยไม่เสียอินเตอร์เน็ตอีกด้วย
เหล่าเกมเมอร์สาวกโปเกมอนที่สนใจสามารถสมัครได้แล้วผ่านทาง https://bit.ly/3PkbM5Y หรือช่องทาง Facebook AIS eSports Tournament เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ - 10 กันยายน 2565 โดยจะเริ่มจัดการแข่งขันตั้งแต่ 16 กันยายน 2565
“การจัดการแข่งขันเกม Pokémon Unite ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่าวันนี้ AIS eSports เรามุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาอีสปอร์ต อีโคซิสเต็ม ของไทย ซึ่งการมองเห็นโอกาสในเกมดังกล่าว นอกจากมิติของผู้เล่นที่เพิ่มมากขึ้น ในอนาคต Pokémon Unite อาจถูกบรรจุให้มีการแข่งขันในทัวร์นาเม้นต์ระดับสากล ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น ประเทศไทยจะพร้อมต่อการส่งตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขัน โดยเราเชื่อมั่นว่าการแข่งขันนี้จะเป็นการเริ่มนับหนึ่งที่ดีและเหมาะสมให้กับวงการอีสปอร์ตไทยในอนาคตต่อไป ฉะนั้นแล้วเป้าหมายของเราในการทำงานเพื่อยกระดับและสร้างคอมมูนิตี้อีสปอร์ตไทยให้เติบโตขึ้นในอนาคตยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่องสอดรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมอีสปอร์ตและเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ” นางสาวรุ่งทิพย์ กล่าว ทิ้งท้าย
A7736
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด