AIS ภูมิใจ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) มอบรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทองค์กรขนาดใหญ่ ตอกย้ำเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
AIS ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประจำปี 2565 ประเภทองค์กรขนาดใหญ่ โดยถือเป็นองค์กรแรกและองค์กรเดียวในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลถึง 2 ครั้ง คือ ปี 2563 และ ปี 2565 ในฐานะองค์กรที่มีการวางกลยุทธ์ด้านการพัฒนานวัตกรรมภายในองค์กร พร้อมส่งต่อไปยังภายนอกอย่างโดดเด่นและต่อเนื่อง
คุณอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้างานฝ่ายขับเคลื่อนนวัตกรรม AIS กล่าวว่า “เราเชื่อมาเสมอว่า นวัตกรรมจะเป็นหัวใจในการผลักดันการเปลี่ยนแปลง ปรับตัว และเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ท้าทายที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงมีการกำหนดประเด็นการสร้างนวัตกรรมไว้ในแผนกลยุทธ์ของบริษัท โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงอย่างดียิ่ง ส่งผลทำให้เกิดความต่อเนื่องของแผนงานที่เป็นรูปธรรม ประกอบด้วย
1. มีแผนงานด้านกลยุทธ์ งบประมาณและบุคลากร ในการพัฒนานวัตกรรมขององค์กรทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อกำหนดทิศทาง คัดเลือกและต่อยอดการพัฒนาไอเดียใหม่ๆ โดยอาศัยศักยภาพภายในองค์กรและการร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ภายใต้โมเดล AIS Open Innovation Framework
2. มีการจัดตั้งทีมสร้างนวัตกรรมที่โดดเด่น ในชื่อ ทีม NEXT-Novel Engine Execution Team หรือ หน่วยงานขับเคลื่อนนวัตกรรม ที่มีภารกิจในการกระตุ้น ส่งเสริม และอำนวยให้เกิดการสร้างนวัตกร พร้อมกับการปรับโครงสร้างขององค์กรให้มีความยืดหยุ่นและ สอดประสานกันระหว่าง หน่วยงานมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้ได้มุมมองที่แตกต่างและครบถ้วนในการสร้างสรรค์นวัตกรรม
3. มีการสร้างสรรค์โครงการนวัตกรรมร่วมกับพาร์ทเนอร์ทุกภาคส่วนอย่างโดดเด่นและต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน กว่า 158 โครงการ พร้อมขยายผลสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์และสร้างรายได้จากโครงการนวัตกรรม
4. มีการพัฒนาความร่วมมือในเครือข่ายพันธมิตรด้านนวัตกรรมไปในทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และธุรกิจ Start up โดยร่วมกันจัดตั้งย่านนวัตกรรมอารีย์ (ARI Innovation District) ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และเครือข่ายพันธมิตรในย่านอารีย์-พญาไท 17 องค์กร เพื่อรวมพลังผลักดันนวัตกรรมร่วมกัน
จากนโยบายและการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ จึงมอบรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประจำปี 2565 ประเภทองค์กรขนาดใหญ่ ให้แก่ AIS ในฐานะองค์กรที่มีความโดดเด่น เป็นเลิศ ด้านนวัตกรรม ตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัลและสร้างการเติบโต แก่ธุรกิจ อันจะส่งผลไปยังเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
โดย นายอราคิน กล่าวในตอนท้ายว่า “รางวัลนี้ถือเป็นกำลังใจแก่พวกเราทุกคน ให้มีพลังที่จะผลักดัน สร้างการเปลี่ยนแปลงจากนวัตกรรมที่แตกต่าง มิใช่เพียงเพื่อการเติบโตของ AIS แต่คือการเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันการเดินหน้าของประเทศไปสู่ความแข็งแกร่ง พร้อมต่อการรับมือกับ Disruption ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างดีที่สุด”
A10306
เอ็นไอเอประกาศผลสุดยอดนวัตกรรมไทย ประจำปี 2565 พร้อมเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนไทยสู่ ‘ประเทศแห่งนวัตกรรม’
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จัด ‘พิธีมอบรางวัลนวัตกรรม ประจำปี 2565’ เนื่องใน ‘วันนวัตกรรมแห่งชาติ’ เพื่อเชิดชูเกียรติแก่นวัตกรไทยผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมอันโดดเด่น และเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร สังคม และประเทศ พร้อมทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฐานะ ‘พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย’ ซึ่งในปีนี้มีผลงานส่งเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 821 ผลงาน และผลงานที่ได้รับรางวัลรวม 52 ผลงาน ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยได้รับเกียรติจากดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา มาร่วมแสดงความยินดีและปาฐกถาพิเศษ ‘ศาสตร์ของพระราชาและการพัฒนานวัตกรรม’
รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ประธานกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า “การจัดงาน ‘วันนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2565’ นี้ ถือเป็นโอกาสแห่งการประกาศความสำเร็จของวงการนวัตกรรมไทย พร้อมทั้งเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวง รัชกาลที่ 9) ในฐานะ ‘พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย’ ซึ่งเปรียบเสมือน ‘ต้นแบบนวัตกร’ ของปวงชนชาวไทย จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ‘แกล้งดิน’ ซึ่ง NIA ได้ดำเนินการจัดงาน ‘วันนวัตกรรมแห่งชาติ’ และ ‘พิธีมอบรางวัลนวัตกรรม’ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมไทย โดยอาศัยการสร้างและเพิ่มจำนวน ‘นวัตกร’ และ ‘องค์กรนวัตกรรม’ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็น และถือเป็นภารกิจสำคัญของ NIA ในการพัฒนาบุคลากร ทรัพยากร และองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมที่สามารถขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวกระโดด ประเทศไทยเรามีบุคลากรและองค์กรที่มีศักยภาพอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเวทีนี้จะทำให้คนไทยและสังคมไทยได้รับรู้ถึงศักยภาพด้านนวัตกรรมของประเทศไทย และเป็นแรงบันดาลใจให้กับบุคคลและองค์กรอื่นได้คิดสร้างสรรค์และขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย ‘นวัตกรรม’ ไปด้วยกัน”
ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้กล่าวว่า “NIA ในฐานะ ‘ผู้อำนวยความสะดวกทางนวัตกรรม (Focal Facilitator)’ มุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น ‘ประเทศแห่งนวัตกรรม’ ที่พร้อมเติบโต และสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายในการนำประเทศไทยก้าวสู่ท็อป 30 ของดัชนีนวัตกรรมโลก หรือ GII ภายในปี 2573 และการไปสู่เป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องเสริมสร้างศักยภาพและเพิ่มจำนวนธุรกิจฐานนวัตกรรมเพื่อปรับโครงสร้างทางธุรกิจของประเทศไปสู่ประเทศที่แข่งขันด้วยเทคโนโลยี และองค์ความรู้ รวมถึงเร่งส่งเสริมและสนับสนุนพลังของความคิดสร้างสรรค์และทุนทางวัฒนธรรม หรือ Soft power ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทรัพยากรที่นำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่หลากหลาย เพื่อผลักดันการสร้างอัตลักษณ์และแบรนดิ้งนวัตกรรมไทยไปสู่สากล”
“ตลอดระยะเวลา 18 ปีของการจัดการประกวดรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ‘นวัตกรรมของคนไทยไปได้ไกลว่าที่คิด’ เห็นได้จากผลงานนวัตกรรมที่ส่งเข้าประกวดมีความโดดเด่นและน่าสนใจในหลากหลายมิติ และ NIA เชื่อมั่นว่า การจัดงาน ‘วันนวัตกรรมแห่งชาติ’ จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะสร้างความตระหนัก และเปิดมุมมองใหม่ให้คนไทยได้รับรู้และภาคภูมิใจในนวัตกรรมไทย พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการคิดค้น พัฒนา และต่อยอดนวัตกรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศได้อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเป็นเวทีในการสื่อสารและสร้างการรับรู้ถึงพลังในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรมจากทุกภาคส่วน” ดร. พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติม
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวเสริมว่า “การจัดประกวดรางวัลนวัตกรรม ประจำปี 2565 นี้ มีผลงานส่งเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้นจำนวน 821 ผลงาน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทรางวัล ดังนี้ 1) รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการ ด้านสื่อและการสื่อสาร และด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น มีผลงานส่งเข้าร่วมประกวด 504 ผลงาน และมีผลงานที่ได้รับรางวัลรวม 44 ผลงาน โดยผลงานที่ได้รับรางวัลนั้น มีความโดดเด่นในหลากหลายมิติและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนในวงกว้าง และ 2) รางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย โดย NIA ร่วมจัดกับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในระดับเยาวชนในการพัฒนาผลงานให้สามารถต่อยอดเป็นธุรกิจนวัตกรรม ประกอบด้วย 2 ระดับการแข่งขัน ได้แก่ ระดับปริญญาตรี หรือ ปวส. และระดับมัธยมศึกษา หรือ ปวช. มีผลงานส่งเข้าร่วมประกวด 317 ผลงาน โดยผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ จะได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์”
“จะเห็นได้ว่าการประกวดรางวัลนวัตกรรมที่ NIA ร่วมจัดกับหน่วยงานชั้นนำ ทั้งภาคเอกชน ภาคสังคม รวมถึงภาคการศึกษานั้น เปิดกว้างครอบคลุมตั้งแต่ระดับนักเรียนนักศึกษา นักออกแบบ นักวิชาการ ผู้ประกอบการ ชุมชน ไปจนถึงระดับองค์กร ทุกคน ทุกหน่วยงานสามารถส่งผลงานเข้าร่วมแข่งขัน ผลงานนวัตกรรมมีความหลากหลาย และสามารถเชื่อมโยงได้กับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศิลปะ ดนตรี รวมไปถึงภาคประชาชนและสังคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ในความพยายามผลักดันในการใช้นวัตกรรมในทุกระดับ” ดร. กริชผกา กล่าว
ผลการประกวดรางวัลนวัตกรรมประจำปี 2565
1) รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านเศรษฐกิจ
- รางวัลชนะเลิศประเภทวิสาหกิจขนาดกลาง ได้แก่ ผลงาน: บริการคลังสินค้าออนไลน์เพื่อพ่อค้าแม่ค้า โดย บริษัท อี-เอ็มพาวเวอร์เมนท์ จำกัด
- รางวัลชนะเลิศประเภทวิสาหกิจขนาดย่อมและวิสาหกิจรายย่อย ได้แก่ ผลงาน: ทรายแมวมันสำปะหลัง โดย บริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด
2) รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
- รางวัลชนะเลิศประเภทหน่วยงานภาคเอกชน ได้แก่ ผลงาน: ถุงมือพาร์กินสัน โดย บริษัท ฮิวแมนมูฟเมนท์ จํากัด
- รางวัลชนะเลิศประเภทหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ ผลงาน: เทคโนโลยีการผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โดย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- รางวัลชนะเลิศประเภทองค์กรเพื่อสังคมและชุมชน ได้แก่ ผลงาน: นอนนอน โดย บริษัท เซอร์คิวลาร์ริตี จำกัด
3) รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการ
- รางวัลชนะเลิศประเภทการออกแบบผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลงาน: เต่าบินโรโบติกบาริสต้า โดย บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- รางวัลชนะเลิศประเภทการออกแบบบริการ ได้แก่ ผลงาน: ระบบโทรเวชกรรมวชิรพยาบาล โดยแอพพลิเคชั่นวชิระแอทโฮม โดย มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
4) รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านสื่อและการสื่อสาร
- รางวัลชนะเลิศประเภทผลงานนวัตกรรมสื่อและการสื่อสาร ได้แก่ ผลงาน: โครงการพัฒนาอาสาสมัครเฝ้าระวังภัยไซเบอร์ โดย สมาคมเครือข่ายเพื่อการเรียนรู้เท่าทันดิจิทัลเทคโนโลยี
- รางวัลเชิดชูเกียรติประเภทผู้สื่อสารนวัตกรรม ระดับบุคคลธรรมดา ได้แก่ คุณฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์
- รางวัลเชิดชูเกียรติประเภทผู้สื่อสารนวัตกรรม ระดับนิติบุคคล ได้แก่ บริษัท คลาวด์แอนด์กราวนด์ จำกัด และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
5) รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น
- รางวัลดีเด่นประเภทองค์กรภาคเอกชนขนาดใหญ่ ได้แก่ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
- รางวัลดีเด่นประเภทองค์กรภาคเอกชนขนาดกลาง ได้แก่ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด
6) รางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รางวัลชนะเลิศระดับมัธยมศึกษา และ ปวช. ได้แก่ ผลงาน: O-RA ผู้ช่วยป้องกันและฟื้นฟูข้อเสื่อม โดย โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย
A10286
ซัสเทนเทค - ‘เทนเซ็นต์ คลาวด์’ เปิดตัวตู้หยอดรับทรัพย์ ‘CircularOne’ นวัตกรรมรับคืนขวด – บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มสู่รีวอร์ดสุดคุ้ม รายแรกในไทย กระตุ้นภาคการผลิตและผู้บริโภคหันใช้บรรจุภัณฑ์แบบรียูสเพิ่มการรีไซเคิล
จิราวัฒน์ ตั้งกิจชัยวัฒน์ - มร. ชาง ฟู
SUSTAINTECH สตาร์ทอัปผู้พัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เปิดตัวเครื่อง “CircularOne” หรือ ตู้หยอดรับทรัพย์ รับคืนบรรจุภัณฑ์เครื่องแรกในไทย ที่สามารถรองรับขวดประเภทต่างๆ และจัดเก็บในสภาพสมบูรณ์เพื่อนำไปรียูสและรีไซเคิลแบบอัตโนมัติ หรือ Reverse Vending Machine พร้อมจับมือบริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด นำเทคโนโลยีคลาวด์ และ AI มาใช้ในการตรวจสอบคุณภาพวัสดุ และคัดแยกประเภทบรรจุภัณฑ์ทั้งขวดพลาสติกใส กระป๋องอะลูมิเนียม รวมถึงขวดแก้วเพื่อให้การทำงานของนวัตกรรมดังกล่าวมีความแม่นยำ สามารถนำไปรีไซเคิล หรือ รียูส ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการคืนกำไรให้กับผู้ที่ร่วมนำบรรจุภัณฑ์มาคืนในรูปแบบต่างๆ เพียงแค่หยอดขวด / บรรจุภัณฑ์ในตู้ จะสามารถเลือกรับเป็นเงิน หรือรับคะแนนสะสมเพื่อไปแลกรับส่วนลดจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ดง่ายๆ โดย CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์ มีแผนติดตั้งในหลากหลายพื้นที่ เช่น อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ แหล่งที่พักอาศัย สถานศึกษา โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจนำเครื่อง CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์ไปติดตั้งในพื้นที่ของท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ [email protected]
นายจิราวัฒน์ ตั้งกิจชัยวัฒน์ Founder & CEO และสตาร์ทอัป SUSTAINTECH เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษในปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าปริมาณขยะมูลฝอยรวมถึงขยะบรรจุภัณฑ์ยังคงมีปริมาณสูงเฉียด 25 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญต่อประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก ปัญหาขยะอุดตันที่ส่งผลต่อระบบระบายน้ำ การอุบัติขึ้นของโรคใหม่ๆ ฯลฯ และทั้งหมดล้วนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งนี้ในส่วนของประเภทบรรจุภัณฑ์พบว่า กลุ่มที่บรรจุเครื่องดื่มยังคงมีปริมาณการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นแต่กลับไม่ได้รับการหาทางออกหรือมีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาระบบนิเวศได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้น SUSTAINTECH จึงได้คิดค้น “เซอร์คูล่าร์วัน : CircularOne” นวัตกรรมรับคืนบรรจุภัณฑ์เพื่อนำไปรียูสและรีไซเคิลแบบอัตโนมัติ หรือ Reverse Vending Machine รุ่นแรกของประเทศไทยซึ่งมีความสามารถรับคืนขวดพลาสติกใส กระป๋องอลูมิเนียม ขวดแก้ว และจัดเก็บไว้ในสภาพสมบูรณ์
“CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์ เป็นนวัตกรรมคืนบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อลดการผลิตและเพิ่มการนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งเมื่อทำการศึกษาในประเทศไทยจะพบได้ว่าบรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ยังไม่ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลาย แตกต่างจากกระบวนการผลิตที่ยังคงเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์การบริโภค ทั้งนี้ กลไกการทำงานของ CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์จะเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้ผลิต ผู้ใช้ ผู้รับซื้อ และผู้รีไซเคิลด้วยการเป็นจุดรับคืนขวด ส่งต่อสู่กระบวนการใช้ซ้ำโดยที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายหรือเรียกได้ว่าแทบจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เมื่อรับมาจากผู้บริโภค โดยยังได้จับมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่าง เทนเซ็นต์: Tencent ในการนำระบบ Tencent Cloud มาใช้เพื่อจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยและ AI เพื่อตรวจสอบคุณภาพและคัดแยกประเภทของบรรจุภัณฑ์โดยละเอียดและแม่นยำ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถส่งต่อไปยังผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีเจตจำนงในการนำขวดที่ใช้แล้วมารียูสหรือรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาจัดจำหน่ายใหม่ในรูปแบบที่มีความปลอดภัย โดยที่ไม่สร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคและระบบนิเวศ
นอกจากนี้ กลไกการทำงานของ CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์ ยังสามารถรองรับการคืนกำไรและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ที่ร่วมนำบรรจุภัณฑ์มาคืน ณ จุดให้บริการต่างๆ ซึ่งเมื่อหยอดขวด / บรรจุภัณฑ์ใส่ในตู้ดังกล่าว จะสามารถเลือกรับเป็นเงิน หรือคะแนนสะสมเพื่อไปแลกรับส่วนลดจากร้านค้า หรืออื่นๆ ผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ดง่ายๆ ทำให้บริการของ CircularOne เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทุกๆ คน ในทุกๆ วันได้”
นายจิราวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นวัตกรรมการรับคืนบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งต่อสู่กระบวนการจัดการที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญของการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy และยังนำไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า - ลดอัตราการนำวัตถุดิบใหม่มาใช้งาน รวมถึงเป็นการสร้างพฤติกรรมที่ดีทั้งในกลุ่มผู้ผลิตและผู้บริโภค ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งติดตามการเก็บบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มที่สามารถรียูส - รีไซเคิลได้ให้สมดุลกับปริมาณการผลิต และการบริโภคที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังให้มีการปลดล็อคกฎหมายให้มีการนำขวดที่ใช้แล้วกลับมาผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่มได้ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนและแนวทางที่เป็นรูปธรรมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อกระตุ้น - สร้างความตระหนักให้ผู้บริโภคเห็นความสำคัญของการนำกลับมาใช้ใหม่ทางบริษัทยังได้มีการพัฒนาสื่อชุด Introduction to Sustaintech ซึ่งบอกเล่าการเดินทางของนวัตกรรม CircularOne รวมถึงเส้นทางของขยะต่างๆ ที่เป็นปัญหาที่ทุกคนควรต้องร่วมกันหาทางออกให้ดียิ่งขึ้น สามารถรับชมได้ทางเฟสบุ๊กแฟนเพจ Sustaintech facebook.com/Sustaintech.Official ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ด้าน มร. ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า เทนเซ็นต์ คลาวด์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยยกระดับการบริหารจัดการขยะเพื่อนำกลับเข้าสู่ระบบด้วยการรีไซเคิล ผ่านการนำเสนอโซลูชันด้านเทคโนโลยีคลาวด์ และเอไอให้กับ SUSTAINTECH ได้แก่ เทคโนโลยี Image detection และเลเซอร์ ที่ทำงานสอดประสานกันในการช่วยคัดกรองขวดบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งเสริมระบบการดำเนินงานของเครื่อง CircularOne ให้มีประสิทธิภาพ และความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งโซลูชันดังกล่าวไม่เพียงแต่แยกประเภทบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว แต่ยังช่วยตรวจจับความผิดปกติของบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้ว ซึ่งถือเป็นประเภทบรรจุภัณฑ์ที่มีโอกาสนำกลับมาเข้าสู่ระบบการผลิตใหม่ได้ เช่น ในกรณีที่มีขวดมีรอยแตก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ระบบจะทำการแจ้งเตือน และตีกลับทันที ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดขั้นตอน และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการคัดแยกขวดบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ที่พร้อมให้การสนับสนุนองค์กรธุรกิจไทยทุกขนาดจากหลากหลายอุตสาหกรรม ผ่านการนำเสนอโซลูชันคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่นกว่า 400 รายการ ครอบคลุมความต้องการอันหลากหลายของแต่ละธุรกิจ ผสานเข้ากับความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากการมีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยถึง 2 แห่ง โดยเรายังคงจะพัฒนาโซลูชันเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจนำเครื่อง CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์ไปติดตั้ง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อีเมล [email protected] หรือโทรศัพท์ 098-8099264
A10261
Bangkok City Lab ยกระดับย่านปุณณวิถี สู่เมืองต้นแบบย่านนวัตกรรมไซเบอร์เทคแห่งอนาคต
ย่านนวัตกรรมไซเบอร์เทคกรุงเทพมหานคร หรือย่านนวัตกรรมปุณณวิถี (ตั้งอยู่ระหว่าง BTS ปุณณวิถีและอุดมสุข กรุงเทพมหานคร) เป็นพื้นที่เป้าหมายของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ในการพัฒนาไปสู่ศูนย์กลางระบบนิเวศนวัตกรรมสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพื้นที่แห่งโอกาสในการเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ๆ ของกรุงเทพมหานคร จึงผสานความร่วมมือกับกลุ่มทรู และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ บริเวณปุณณวิถี-อุดมสุข ยกระดับพื้นที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาคารศูนย์กลางการทำธุรกิจนวัตกรรม ตลอดจนถึงอบรมบ่มเพาะ การจับคู่ธุรกิจ และการแบ่งปันองค์ความรู้ในพื้นที่ตลอดมา
ด้วยพันธกิจหลักของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่ต้องการจะยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจของเมืองที่ให้เกิดการรวมกลุ่มของนวัตกรเพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และทรัพยากรอย่างเต็มประสิทธิภาพ และสร้างความร่วมมือในการผลักดันระบบนิเวศนวัตกรรมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและสามารถดึงดูดกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ จึงได้เกิดเป็นความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), True Digital Park ร่วมด้วยสำนักงานเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เกิดเป็นโครงการ ห้องทดลองเมือง (City Lab) ย่านนวัตกรรมปุณณวิถี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการในความร่วมมือของภาคีเครือข่ายเพื่อยกระดับเพื่อที่ปุณณวิถีให้เป็นพื้นที่ทดลองทางนวัตกรรม (Test Base Area) และช่วยส่งเสริมให้ Startup หรือ SMEs นำไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ Solutions ทางนวัตกรรมมาใช้แก้ไขปัญหาเมือง หรือเพิ่มบริการสาธารณะ ที่ทำให้เมืองน่าอยู่ มีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตให้กับคนเมือง รวมถึงเพิ่มโอกาสใหม่ให้กับคนได้สร้างรายได้มากยิ่งขึ้น
โดยในวันที่ 4 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมาได้มีการจัดงานแถลงข่าว “การใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนย่านนวัตกรรมปุณณวิถี” ภายใต้โครงการ Bangkok City Lab ห้องทดลองเมือง ย่านนวัตกรรมไซเบอร์เทค กรุงเทพมหานคร ณ ห้อง Auditorium ชั้น 6 อาคาร ทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้รับเกียรติจาก ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน นวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวถึงแนวคิดการพัฒนาและการสร้างความร่วมมือย่านนวัตกรรม รวมไปถึงบทบาทของของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ในพัฒนา และผลักดันย่านนวัตกรรมปุณณวิถีสู่การเป็นเมืองต้นแบบ “ย่านนวัตกรรมไซเบอร์เทค กรุงเทพมหานคร (Bangkok Cybertech District)” ศูนย์กลางดิจิทัลและไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่ที่สามารถสร้างโอกาสในการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ดำเนินโครงการนวัตกรรมเชิงพื้นที่ หรือ Area-Based Innovation เพื่อขับเคลื่อนการสรทางระบบนิเวศนวัตกรรมในประเทศไทยให้มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยและทำงาน ซึ่งมีการดำเนินงานใน 3 ระดับ คือ ภูมิภาค เมืองนวัตกรรม และย่านนวัตกรรม โดยนวัตกรรมเชิงพื้นที่เริ่มจาก “เมือง” เป็นโจทย์สะท้อนอัตลักษณ์ และบริบทของเมืองนั้นๆ ทำให้เกิดการสร้างและใช้นวัตกรรมที่ตอบสนองต่อการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ และมุ่งเน้นการเชื่อมโยงคน องค์ความรู้ เครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานเข้าด้วยกัน ซึ่งส่วนที่เล็กที่สุดของการพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่ คือ ย่านนวัตกรรม ที่มีอัตลักษณ์ความโดดเด่นและศักยภาพแตกต่างกันเฉพาะพื้นที่ทำให้เกิดการเชื่อมโยงกลุ่มเศรษฐกิจของเมืองเข้าด้วยกัน โดยกว่า 6 ปีที่ผ่านมาสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้พัฒนาย่านนวัตกรรมแล้วกว่า 14 ย่าน
“โครงการ ห้องทดลองเมือง (City Lab) ย่านนวัตกรรมปุณณวิถี ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการในความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้งจากภาครัฐและเอกชน อย่างสำนักงานเขตพระโขนง บริษัทขนาดใหญ่ เช่น ทรู ดิจิตัล พาร์ค มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาคเอกชนในพื้นที่กว่า 8 บริษัท และชุมชนในย่านปุณณวิถี เพื่อยกระดับย่านปุณณวิถีให้เป็นพื้นที่ทดลองทางนวัตกรรม (Test Base Area) ช่วยส่งเสริมให้สตาร์ทอัพ Daywork ที่ผ่านการคัดเลือก นำไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ Solutions ทางนวัตกรรมมาทดลองใช้และพัฒนาแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ เพื่อเกื้อประโยชน์ให้ย่าน และผู้อยู่อาศัยในย่านภายใต้โจทย์ “ทำอย่างไรให้คนที่ว่างงานในชุมชนย่านนวัตกรรมไซเบอร์เทค มีโอกาสได้รับการจ้างงานจากคนในพื้นที่ย่านปุณณวิถี และพื้นที่ข้างเคียงอย่างยั่งยืน” ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่นำร่องหรือสนามทดลองนวัตกรรมขนาดใหญ่ เพื่อใช้ยืนยันประสิทธิภาพก่อนนำไปขยายผลระดับเมืองอื่นๆ ต่อไป
และนอกจากนี้ภายในงานจะมีการจัดเสวนาอีก 2 หัวข้อได้แก่ หัวข้อ “ก้าวต่อไปของย่านนวัตกรรม ณ กรุงเทพมหานคร” (Next Move of Bangkok Innovation District) โดยได้รับเกียรติจาก ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง, รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์, นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย พร้อมด้วย ดร. ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์, ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู ดิจิทัล พาร์ค จำกัด มาร่วมกล่าวถึงความพร้อมและความสำเร็จในการขับเคลื่อนพื้นที่ปุณณวิถี-อุดมสุข ให้กลายเป็นศูนย์กลางพื้นที่สำหรับ Start Up ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งในเชิงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานจากภาคเอกชน การขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐ และการรวมกลุ่ม/กิจกรรมต่างๆ ของ Start Up พร้อมทั้งนำเสนอโอกาสความเป็นไปได้ในการเริ่มต้นธุรกิจ และนโยบายที่ช่วยส่งเสริมให้ Start Up เติบโตในพื้นที่แห่งนี้ ร่วมถึงความร่วมมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมในกรุงเทพมหานคร
และหัวข้อ “จากห้องทดลองเมือง สู่เรื่องจริงของคนกรุงเทพ” (The Real Story of City Lab in Bangkok Cyber District) นำโดยคุณศศิวิมล เสียงแจ้ว ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เดย์เวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด, ผศ.ดร.ฤทธิรงค์ จุฑาพฤฒิกร, คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการฯ ร่วมด้วยคุณวรุณลักษม์ พลหาญ ผู้อำนวยการเขตพระโขนง และคุณนวนันท์ การสมดี รองผู้อำนวยการ สำนักประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด ที่มาร่วมบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของโครงการ Bangkok City Lab ห้องทดลองเมืองย่านนวัตกรรมไซเบอร์เทค กรุงเทพมหานครในตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาที่ได้ทำการทดลอง โดยเริ่มตั้งแต่การเลือกพื้นที่ทำการทดลอง, ความท้าทายที่มีในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ หรือด้านสิ่งแวดล้อม และรูปแบบของการทำงานของสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการที่มีการร่วมมือจากหลากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การทำ CO-DESIGN ร่วมกับผู้แทนจากสํานักเขต และ ผู้ประกอบการในพื้นที่ และกิจกรรม WORKSHOP ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาเมือง พร้อมด้วยการทำ JOB HOUSING BALANCE และการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งาน โดยได้ร่วมกับผู้แทนจากสํานักเขตและผู้ประกอบการ ซึ่งผลการดําเนินงานในเขตพระโขนง พบว่าในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนอัตราตำแหน่งงานว่างที่เปิดรับเพิ่มขึ้นถึง 86 อัตรา โดยเพิ่มขึ้นจากเดิม 209.76% และอัตราของประชาชนในเขตพื้นที่ที่มีความต้องการตำแหน่งงานและหางานเพิ่มขึ้นถึง 1,162 คน ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 83.34% และเพิ่มการจ้างงานในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลกว่า 3,167 งาน ซึ่งสามารถประเมิณเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้กว่า 21 ล้านบาท ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้นายจ้างสามารถเข้าถึงกลุ่มคนทำงานในพื้นที่ และช่วยเพิ่มโอกาสในการได้คนทำงาน รวมถึงความสำคัญและผลลัพธ์เชิงบวกในด้านอื่นๆ ของการทดลองภายในย่านพระโขนงที่มีความหวังที่จะพัฒนาย่านนวัตกรรมนี้ให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องอย่างยั่งยืน โดยในอนาคตจะร่วมมือกับภาครัฐในการขยายผลโครงการไปทุกเขตทั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างการจ้างงานให้กับคนกรุงเทพให้เพิ่มขึ้นกว่า 50,000 อัตรา เพื่อเป็นการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ครอบคลุม และยั่งยืน การจ้างงานเต็มที่ มีผลิตภาพ และการมีงานที่เหมาะสมสำหรับทุกคน รวมถึงเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความทนทาน ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมและยั่งยืน และส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศไทยอีกด้วย
A10216
ฟูจิตสึ ประกาศจัดงาน Fujitsu ActivateNow 2022 ในเอเชีย นำเสนอนวัตกรรมดิจิทัล โชว์วิสัยทัศน์ระดับโลกขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
ฟูจิตสึ ประกาศเตรียมจัดงานอีเวนต์ออนไลน์ระดับโลก Fujitsu ActivateNow 2022 ในวันที่ 12 ตุลาคม 2565 โดยเน้นวิสัยทัศน์ เทคโนโลยี และกรณีศึกษา เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนผ่านนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่สังคม ลูกค้า คู่ค้า และบรรดาผู้นำรุ่นต่อไป
งานนี้ มีโปรแกรมจัดขึ้นทั่วโลก นำโดย คุณทาคาฮิโตะ โทคิตะ CEO และ CDXO ของฟูจิตสึ กรุ๊ป และ คุณวิเวก มหจัน CTO รวมทั้งวิทยากรพิเศษอีกมากมาย นอกจากนี้ ฟูจิตสึ ยังมีโปรแกรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับผู้ร่วมงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย โดยคุณแกรม เบียร์ดเซลล์ EVP และ CEO ของฟูจิตสึ เอเชียแปซิฟิก จะแสดงวิสัยทัศน์ เรื่องการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในมุมมองของเอเชียแปซิฟิก
ภายในงาน คุณทาคาฮิโตะ โทคิตะ CEO และ CDXO ของฟูจิตสึ จะแถลงเปิดงาน นำเสนอทิศทางของฟูจิตสึ การทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตร ในการส่งมอบการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนเชิงธุรกิจ เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น โดยในการบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนี้ จะมีวิทยากรทั้งจากฟูจิตสึเอง และวิทยากรรับเชิญพิเศษจากทั่วโลกมาร่วมด้วย
รวมทั้ง คุณเมกูมิ ชิมาสุ รองประธานอาวุโส ของฟูจิตสึ จะมาเล่าเรื่องราว ความพยายามของลูกค้า ในการแก้ปัญหาสังคมผ่านค่านิยมใหม่ที่สร้างขึ้นโดยฟูจิตสึ ยูวานซ์ ในการเชื่อมโยงผู้คน เทคโนโลยี และไอเดียเข้าด้วยกัน
สำหรับผู้ชมในภูมิภาคเอเชีย คุณแกรม เบียร์ดเซลล์ EVP และ CEO ของฟูจิตสึ เอเชียแปซิฟิก จะมานำเสนอข้อมูลภายในว่า ฟูจิตสึ มีการจัดลำดับความสำคัญของความยั่งยืนเชิงธุรกิจและจะยกระดับการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนผ่านนวัตกรรมดิจิทัลสำหรับลูกค้าและชุมชนได้อย่างไร
โดย ฟูจิตสึ สนับสนุนให้บรรดาผู้นำทั้งหลาย มีการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของตน เพื่อค้นหาความคิดริเริ่มใหม่ๆ ที่สามารถเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนได้ และแนะนำให้ใช้ประโยชน์จาก อีโคซิสเต็มทางธุรกิจ เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ สู่แนวทางการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
โดยช่วงท้าย คุณโคจิ มาสึดะ หัวหน้าสำนักงานเอเชียตะวันออก จะมานำเสนอข้อมูลสำคัญหลักๆ ในงาน Fujitsu ActivateNow 2022 ครั้งนี้อีกด้วย
ภาพรวมของงาน
วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2565
เวลา 13.30 น. (ไทย)
- เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, อินเดีย)
เวลา 14.30 น. ตามเวลาสิงคโปร์ (SGT)
- เอเชียตะวันออก (จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน, เกาหลีใต้)
เวลา 14.00 น. ตามเวลาจีน (CST)
แหล่งข้อมูลออนไลน์
ไมโครไซต์ Fujitsu ActivateNow - เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ / เอเชียตะวันออก
ลงทะเบียน - เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ / เอเชียตะวันออก
A10210
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด