Go Regional! ทีม Montivory โชว์แกร่งพัฒนา Data to Commerce นำองค์กรธุรกิจไทยฝ่ามรสุม Disruption ประกาศจับมือ Tech Enterprise ระดับโลก ‘Adobe-Emplifi-Commercetools’ ขยายฐานรุก Digital Commerce ภูมิภาคอาเซียน ตั้งเป้า 3 ปี โกย 800 ล้านบาท เตือนโลกหลัง ‘โควิด’ การแข่งขันเทคโนโลยีดุเดือดหนัก แบรนด์ต้องเตรียมพร้อมก่อนตกขบวน
โลกหลังโควิด-19 จะเป็นโลกที่มีแนวโน้มการเกิด Digital Disruption ที่รุนแรงขึ้นในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจการค้าที่ต้องปรับตัวเข้าสู่ Digital Commerce เพื่อให้ทันต่อกระแสความเปลี่ยนแปลงของวิถีโลกที่ผู้คนหันไปใช้ชีวิตในโลกออนไลน์มากขึ้น
จากรายงานการวิจัยเศรษฐกิจดิจิทัลซึ่งจัดทำโดย Google, Temasek และ Bain & Company ชี้ว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia: SEA) กำลังก้าวเข้าสู่ “ทศวรรษแห่งดิจิทัล” จากจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีมากกว่า 440 ล้านคน โดยเป็นผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มดิจิทัลถึงกว่า 350 ล้านคน ทำให้คาดว่ามูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคนี้จะเติบโตได้ถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 41 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573 ขณะที่ประเทศไทยจะเติบโตได้ถึง 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568
คุณสุปรีย์ ทองเพชร CEO ของ Montivory บริษัทที่ปรึกษาด้านปรับเปลี่ยนองค์กรไปสู่ความเป็นดิจิทัล หรือ Digital Transformation เปิดเผยว่า แนวโน้มดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตั้งแต่นี้ไปธุรกิจแบบ B2B B2C และ E-Commerce กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ D2C หรือ Direct-to-Consumer Commerce และกลายเป็นสมรภูมิการค้าที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย และเป็นปัจจัยผลักดันให้องค์กรไม่ว่าในระดับ SMEs หรือบริษัทขนาดใหญ่ ต้องเร่งนำธุรกิจไปสู่ความเป็นดิจิทัลที่สมบูรณ์ ทำให้ในอนาคตจะยังคงมีแนวโน้มเกิดการแข่งขันทางเทคโนโลยีขององค์กรต่างๆ ค่อนข้างสูง
“สถานการณ์ดังกล่าวเรามองว่าค่อนข้างเป็นบวกต่อการทำงานของเรา ดังนั้นจึงได้เตรียมความพร้อมของทีมงาน เพื่อขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ทั้งในรูปแบบการเป็นผู้ให้คำปรึกษาและบริการทางเทคโนโลยีกับองค์ธุรกิจในท้องถิ่น และการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทยขยายการลงทุน D2C Commerce ไปยังประเทศเหล่านั้น โดยเบื้องต้นได้เข้าไปแล้วใน 6 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 800 ล้านบาท ภายใน 3 ปี”
คุณสุปรีย์ กล่าวต่อว่า จุดแข็งสำคัญที่ทำให้ Montivory สามารถขยายธุรกิจต่อได้ไปได้ในระดับภูมิภาค คือ การมี Tech Enterprise ชั้นนำระดับโลก เช่น Adobe, Commercetools, Emplifi, Digimind และ Braze มาร่วมเป็นพันธมิตรในการทำงาน ทำให้มีเราความพร้อมทั้งทางเทคโนโลยีและบุคลากร รวมทั้งมีทางเลือกในการจัดหาเครื่องมือที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละองค์กร นอกจากนี้เทคโนโลยีที่ Montivory มีอยู่ในมือ ยังครอบคลุมการทำงานทั้ง Ecosystem ของ D2C Commerce ไม่ว่าด้าน Data, Social Media หรือ E-Commerce จึงสามารถสนับสนุนการทำงานของในบริบทต่างๆ ของทุกองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเครื่องมือที่น่าสนใจ เช่น
Adobe Real-Time Customer Data Platform หรือ Adobe Real-Time CDP - เป็นเทคโนโลยีการจัดการข้อมูลขั้นสูงที่ Adobe เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา และได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมือบริหารจัดการข้อมูลที่ดีที่สุดในโลก เนื่องจากมีความสามารถในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่มาจากช่องทางต่างๆ ของแบรนด์ เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ระบบ Customer Service ได้แบบ 360 องศาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แล้วนำมาจัดทำเป็น Profile แบบเรียลไทม์เพื่อให้แบรนด์นำไปใช้ประโยชน์ เช่น การมอบคูปองส่วนลด หรือส่ง SMS สื่อสารการตลาดแบบเฉพาะตัว ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าได้เป็นรายบุคคล
Emplifi – คือ เครื่องมือที่มากกว่า Social Listening หรือเครื่องมือการจัดการ Content ทั่วไป เพราะ Emplifi คือ Social Marketing and Commerce Cloud ที่ผนวกความสามารถด้าน Social Listening, การจัดการ Content, Customer Care, การตลาด และการขาย เข้าไว้ด้วยกัน Emplifi จึงทำงานได้อย่างหลากหลายตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกใน Social Media, การติดตามดูแลและสื่อสารกับลูกค้า, Community Management, Social Commerce และมีฟีเจอร์ ShopStream ที่สามารถสร้าง Live Video Shopping โดยตรงกับลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมามีหลายองค์กรที่นำไปใช้จนประสบความสำเร็จ เช่น สายการบิน Delta, Domino’s Pizza และ Mercedes-Benz
Commercetools – เป็นเครื่องมือจัดการ E-Commerce ที่มีระบบการให้บริการต่างๆ แบบ API-First Approach เช่น การจัดกลุ่มลูกค้า, ป้ายราคา, ตะกร้าสินค้า, ระบบ Online Payment, ระบบ Multi Currency และ Muti Language ไว้อย่างครบวงจร โดย CommerceTools เป็นเทคโนโลยี Digital Experience Platform (DXP) ที่ใช้สถาปัตยกรรม Headless-Commerce ในการออกแบบ ทำให้สามารถเชื่อมต่อหรือทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ ได้แบบเรียลไทม์โดยผ่าน API ขณะที่บริการต่างๆ อยู่ในรูปของ Micro Service ที่มีความเป็นอิสระจากกันและทำงานอยู่บนระบบคลาวน์ จึงทำให้สามารถรับประกันเรื่องปัญหาระบบล่มได้ถึง 99.99%
คุณสุปรีย์ กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากเทคโนโลยี สิ่งที่ถือเป็น Core Value ของ Montivory อีกประเด็นคือการมีทีมงานที่เชี่ยวชาญ ครอบคลุมตั้งแต่ทีมที่ปรึกษาธุรกิจ, นักพฤติกรรมศาสตร์, นักพัฒนาไอที, ผู้จัดการโครงการ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์และจัดการข้อมูล, ทีมครีเอทีฟและคอนเทนต์ ซึ่งทุกคนต่างได้รับ Certification หรือการรับรองจากเจ้าของแพลตฟอร์มที่แต่ละคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะ Adobe ซึ่ง Montivory เป็นบริษัทพาร์ตเนอร์ที่ได้รับการรับรองถึง 59 Certification นับว่ามีจำนวนบุคลากรที่ได้รับการรับรองที่สามารถรับมือได้ในทุกๆ ความต้องการด้านการปฏิบัติการเทคโนโลยีการตลาดในภูมิภาค
“จากทำงานหนักมาตลอด 4 ปี โดยดูแลลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งกลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม, ธุรกิจการดูแลสุขภาพ, พลังงาน, ยานยนต์, ธุรกิจประกันภัย หรือแม้แต่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ทำให้เรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีพัฒนา Data to Commerce ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าและให้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่น่าพอใจ วันนี้เรามีความมั่นใจมากในการก้าวไปสู่ธุรกิจระดับภูมิภาค และเชื่อว่าจะสามารถสร้าง Digital Service Innovation ที่น่าตื่นเต้นได้อีกมากมายในอนาคตที่จะถึงนี้” คุณสุปรีย์กล่าว
A101033
‘AXONS’ ผงาดเป็นผู้นำโซลูชั่น AgriTech ครบวงจร เบื้องหลังครัวโลก เปิดโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีเกษตรตลอดห่วงโซ่อุปทาน พร้อมร่วมดันไทยสู่ ‘ศูนย์กลางเกษตรเทคโนโลยีระดับโลก’
AXONS หรือ แอ๊กซอน แบรนด์เทคโนโลยีของไทยที่มุ่งสู่ความเป็นผู้นำด้านเกษตรเทคโนโลยี (AgriTech) ในระดับสากล เพื่อช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรและการจัดการห่วงโซ่อาหารของไทยเชื่อมโยงระดับโลกอย่างครบวงจร โดยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จด้านเทคโนโลยีของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ในการก้าวสู่ “ครัวของโลก” ได้อย่างงดงาม ด้วยกลยุทธ์ Driving Future for Lives เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมเตรียมเปิดตัวเป็น “โอเพ่น แพลตฟอร์ม” (Open Platform) นำเทคโนโลยีที่พัฒนาด้วยมาตรฐานสากลระดับโลกมาเปิดโอกาสให้เกษตรกร ลูกค้าและคู่ค้า สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในการขยายและต่อยอดธุรกิจได้ง่ายขึ้น เสริมศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไปด้วยกัน
นายสรรเสริญ สมัยสุต กรรมการผู้จัดการและผู้บริหารแบรนด์ AXONS กล่าวว่า “ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉม ขณะที่โครงสร้างประชากรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านคนในปี 2593 สวนทางพื้นที่การเกษตรที่ลดลง ด้วยเหตุนี้เทคโนโลยีจึงจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ในการเพิ่มปริมาณอาหารเพื่อตอบสนองจำนวนประชากรโลกและความต้องการของคนที่มากขึ้น ทั้งการผลิตพืชผลการเกษตร การทำฟาร์มปศุสัตว์ และการแปรรูปอาหาร จนถึงจุดสิ้นสุดของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) การเข้าถึงเทคโนโลยีจะช่วยให้ต้นทุนการผลิตอาหารลดลง บนคุณภาพและประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น”
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านเกษตรกรรมที่แข็งแกร่ง มีสถานะเป็นครัวของโลก มีจีดีพีภาคเกษตรกรรมสูงถึง 1.38 ล้านล้านบาท ดังนั้น การมุ่งพัฒนา AgriTech จะช่วยยกระดับและผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้นำด้านเกษตรกรรมที่โดดเด่นในเวทีโลกและจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลก
ขณะที่ AXONS (แอ๊กซอน) มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาไอทีโซลูชันในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร ภายใต้กลยุทธ์ “Driving Future for Lives - ขับเคลื่อนอนาคตสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” โดยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทชั้นนำมาเป็นเวลากว่า 40 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ซีพีเอฟ” ซึ่งมีห่วงโซ่ธุรกิจด้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีกิจการในกว่า 17 ประเทศ และส่งออกไปอีกกว่า 40 ประเทศ รวมถึง บริษัทอื่นๆ อีกกว่า 250 แห่ง ให้บริการสู่ผู้ใช้งานกว่า 250,000 คน ดูแลคุณภาพอาหารและคุณภาพชีวิตของผู้คน ตั้งแต่ฟาร์มถึงโต๊ะอาหารของประชากรทั่วโลกกว่า 40,000 ล้านคน
“ปัจจุบันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกษตรระดับโลกมีมูลค่าถึง 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตถึง 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับแอ๊กซอนที่จะก้าวสู่การเติบโตในระดับโลก เพราะเราไม่ใช่แค่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่เราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วย โดยในอนาคตจะก้าวสู่การเป็น “โอเพ่น แพลตฟอร์ม” (Open Platform) ที่เปิดโอกาสให้เกษตรกร ลูกค้า และคู่ค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการขยายเครือข่ายและเติบโตควบคู่ไปด้วยกัน ช่วยเสริมศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเกษตรเทคโนโลยีระดับโลก” นายสรรเสริญกล่าว
ทั้งนี้ แอ๊กซอน (AXONS) เพิ่งคว้า 3 รางวัลชนะเลิศจากเวทีระดับภูมิภาค “Asian Technology Excellence Awards 2022” ครอบคลุมเทคโนโลยี Mobile ในด้านอุตสาหกรรมเกษตร (Agriculture) เทคโนโลยี Enterprise Software สำหรับกลุ่มธุรกิจ (Conglomerates) และเทคโนโลยี Blockchain สำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีก (Retail) ตอกย้ำศักยภาพด้านดิจิทัลที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ห่วงโซ่การผลิตอาหารของไทยประสบความสำเร็จ ก้าวสู่การเป็น “ครัวของโลก” ได้อย่างยั่งยืน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจของแอ๊กซอนได้ที่ https://www.axonstech.com หรือ [email protected]
A10964
ที่แรกในไทย Forward Labs พัฒนาหลักสูตร Blockchain Developer สำหรับมัธยมโรงเรียนสว่างบริบูรณ์วิทยา ร่วมผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
Forward Labs เทคสตาร์ทอัพสัญชาติไทย มุ่งสร้าง Impact Tech ที่ช่วยสร้างสรรค์สังคมให้ดียิ่งขึ้น ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน จับมือโรงเรียนสว่างบริบูรณ์วิทยา จ.ชลบุรี เตรียมเปิดหลักสูตรพิเศษสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา วิชาเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชน และ คริปโทเคอร์เรนซี่ เพื่อพัฒนาตัวเองไปสู่การเป็น นักพัฒนาซอฟต์แวร์บล็อกเชนและสมาร์ทคอนแทร็คในอนาคต
นายนิติ เรืองรัตนากร ตำแหน่ง ผู้รับใบอนุญาตและผู้จัดการ โรงเรียนสว่างบริบูรณ์วิทยา กล่าวว่า “โรงเรียนของเรามุ่งพัฒนานักเรียนด้วยการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีโคดดิ้ง ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล จนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษา และ เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างรวดเร็ว เช่นด้านการเงินหรือแม้แต่การนำบล็อกเชนเข้ามาช่วยในการติดตามตรวจสอบข้อมูลต่างๆ จึงเป็นจุดเริ่มต้น ที่โรงเรียนต้องการบรรจุหลักสูตรดังกล่าวเข้าไว้ในการเรียนระดับมัธยม ซึ่งก็เป็นการต่อยอดจากการเรียนโคดดิ้ง”
นายชานน จรัสสุทธิกุล Co-founder & CEO บริษัท ฟอร์เวิร์ด แล็บส์ ให้ความเห็นว่า“ทั่วทั้งโลกได้พิสูจน์แล้วว่าบริษัทที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกได้จะเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี อาทิเช่น Google, Apple, Microsoft, Amazon, ฯลฯ แต่ประเทศไทยเรายังขาดบริษัทด้านเทคโนโลยีเหล่านี้อยู่ หากประเทศไทยเราจะก้าวให้หลุดจาก “ประเทศกำลังพัฒนา” จึงจำเป็นต้องมีบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เกิดแนวคิด ไอเดียใหม่ๆ ที่เหนือชั้นกว่าฝั่งอเมริกาและจีน การพัฒนาและปลูกฝังศักยภาพและแนวคิดเชิงตรรกศาสตร์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปูให้กับเด็กๆ ตั้งแต่ยังเล็ก และโรงเรียนสว่างบริบูรณ์วิทยา เป็นโรงเรียนที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี ฝึกกระบวนความคิดและตรรกศาสตร์เบื้องต้น ให้กับนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล การคิดแบบเป็นเหตุและผลตั้งแต่ยังเด็กจะช่วยส่งเสริมคุณภาพในการเรียนรู้ของเด็กและตัวเด็กเองจะสามารถค้นหาสิ่งที่เขาสนใจ สิ่งที่เขาชอบตั้งแต่ยังเด็กได้ การคิดแบบเป็นตรรกะนั้นสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับทุกอาชีพและสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต เด็กสามารถเลือกอนาคตของตัวเด็กเองได้อย่างเป็นเหตุและผล รวมถึงได้สัมผัสกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเด็กเหล่านี้จะกลายเป็นถ้วยทองคำของประเทศชาติในอนาคต”
“ปัจจุบันสหรัฐฯ ได้มีการเพิ่มบล็อกเชน และ คริปโทเคอร์เรนซี่ เข้าไปในหลักสูตรของมหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่งแล้ว วันนี้เทคโนโลยีดังกล่าวได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศการเงินและการลงทุน แต่ในระยะยาว คริปโทเคอร์เรนซี่ และ เงิน Fiat จะทำงานร่วมกันเพื่อชดเชยจุดอ่อน ของกันและกัน ซึ่งก็เหมือนกับอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เกือบทั้งหมด (IoT) และช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิต คริปโทเคอร์เรนซี่ จะถูกยอมรับในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในระบบชำระเงินออนไลน์เกือบทั้งหมดเพื่อชำระเงินและทำธุรกรรม รวมไปถึงการกำหนดสิทธิในการร่วมลงทุนในโปรเจ็กต์ การปล่อยเงินกู้ การชำระค่าสาธารณูปโภค ตลอดจนการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน เราจึงมองว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องติดอาวุธ เพิ่มองค์ความรู้ให้เด็กไทยของเรามีความสามารถแข่งขันในตลาดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ระดับโกลบอล”
ผศ. ดร. อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน Co-founder & Advisor บริษัท ฟอร์เวิร์ด แล็บส์ กล่าวเสริมว่า “บล็อกเชนเข้ามามีอิทธิพลในวงการต่างๆ นอกเหนือจากแวดวงการเงินมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต อสังหาริมทรัพย์ เเละด้านการเกษตร ซึ่งหลักสูตร Blockchain นี้ จะมีเนื้อหาที่ทำให้นักเรียนชั้นมัธยมปลาย เข้าใจหลักการทำงานของ Blockchain Smart Contract ตลอดจนถึงการนำไปใช้งานจริง โดยที่นักเรียนจะได้เรียนรู้การนำ usecase ที่มีการนำ Blockchain มาใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงความเข้าใจกระบวนการของ Decentralize Finance เเละการทำงานของโปรโตคอลต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน DAPP
ตลาดแรงงานด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นตลาดที่มีความต้องการสูงและด้วยเทคโนโลยี IoT ปัจจุบันที่ทำให้การทำงานนั้นไร้พรมแดน หลักสูตรนี้จึงเป็นการเปิดโอกาส สร้างนักพัฒนารุ่นใหม่ ให้เติบโตในระดับโลกได้ รวมไปถึงร่วมผลักดันในการสร้างบุคคลากรที่มีคุณภาพให้แก่เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ”
A10856
ทรูมูฟ เอช ห่วงใย ให้รับมือ ‘แก็งคอลเซ็นเตอร์’ ง่ายนิดเดียว เพียงไม่เชื่อ ไม่บอก ไม่ทำตาม!!!
มาทำความรู้จัก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center Gang) คือ ขบวนการหลอกลวงเหยื่อทางโทรศัพท์ โดยสร้างสถานการณ์ปลอมขึ้นมาให้เหยื่อเกิดความตื่นตระหนก เข้าใจผิดว่าได้รับผลกระทบ หรือผลประโยชน์บางอย่าง ซึ่งมิจฉาชีพเหล่านี้จะอาศัยความกลัว และความรู้ไม่เท่าทันของเหยื่อ ทำให้เราเสียรู้และสูญเงินในหลากหลายรูปแบบ โดยใช้มุขและอุบายที่แยบยล เช่น สร้างเรื่องว่าโทรมาจากหน่วยงานราชการ ทำผิดกฎจราจร โทรมาบอกว่ามีพัสดุตกค้าง ขอให้โอนเงินคืนเพราะว่าโอนผิด และค้างค่าชำระบริการต่างๆ เป็นต้น
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรมาหาเรา?
สิ่งแรกที่ทุกคนต้องรู้ ปกติพวกเบอร์โทรหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะเป็นหมายเลขแปลกๆ ซึ่งปกติแล้วเวลามีใครโทรเข้ามาเบอร์จะปรากฏเป็น 10 หลัก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เห็นเบอร์ยาวๆ แล้วยังมีเครื่องหมายบวก (+) อยู่ข้างหน้าอีก ให้เอะใจไว้ก่อนเลย ว่าอาจจะเป็นเบอร์โทรหลอกลวงจากมิจฉาชีพแน่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นเบอร์ที่เราไม่เคยติดต่อ หรือเป็นเบอร์โทรที่เราไม่ได้บันทึกไว้ในโทรศัพท์ของเรา โดยมักจะเป็นเบอร์มือถือจากต่างจังหวัดที่ไม่คุ้นเคย หรือโทรมาจากต่างประเทศ ซึ่งมักจะขึ้นต้นด้วย +830 หรือ +870 ดังนั้นอย่ารับสาย เพื่อป้องกันการถูกมิจฉาชีพหลอกลวง
วิธีรับมือกับแก็งคอลเซ็นเตอร์
• ไม่เชื่อ : ไม่เชื่อว่าภาครัฐหรือเอกชนมีนโยบายสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลทางโทรศัพท์ ตั้งสติเมื่อรับสายทุกครั้ง
• ไม่บอก : ไม่บอกข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลทางการเงินใดๆ รีบตัดสายและวางสายโดยเร็วที่สุด
• ไม่ทำตาม : ไม่ทำตามที่แก็งคอลเซ็นเตอร์แนะนำ ไม่ว่าจะขั้นตอนใดๆ เด็ดขาด หลังจากวางสาย ให้ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานหรือสถาบันที่ถูกแอบอ้างทันที
ทรูมูฟ เอช ห่วงใย ให้คุณปลอดภัยจากมิจฉาชีพ…ลูกค้าทรูมูฟ เอช โทร. 9777 เพื่อแจ้งข้อมูลเบอร์โทรเข้าที่ต้องสงสัยและ SMS หลอกลวง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ และแจ้งกลับผ่าน SMS เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าภายใน 72 ชั่วโมง
A10854
CEO เจโนไซส์ กรุ๊ป รับรางวัลบุคคลตัวอย่างภาคธุรกิจแห่งปี 2022
นายณัฐเศรษฐ์ ไตรทิพย์เจริญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจโนไซส์ จำกัด เข้ารับรางวัล “บุคคลตัวอย่างภาคธุรกิจแห่งปี 2022” สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จากฯพณฯ นายเกษม จันทร์แก้ว องคมนตรี ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล “บุคคลคุณภาพแห่งปี 2022” (Quality Persons of The Year 2022) โดยรางวัลในสาขาดังกล่าวมอบให้ เพื่อเชิดชูเกียรติผู้บริหารขององค์กรที่ประสบความสำเร็จและเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้บริหารรุ่นใหม่ อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการบริหารงานของผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานในภาคธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้วยวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นในการนำองค์ความรู้ นวัตกรรม ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เพื่อสร้างการตื่นรู้ให้กับสังคมและเตรียมความพร้อมยกระดับศักยภาพในการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล อีกทั้งร่วมผลักดันการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกระดับของสังคมไทย ตลอดจนองค์กรและประเทศชาติ
นายณัฐเศรษฐ์ ไตรทิพย์เจริญชัย ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เจโนไซส์ จำกัด บริษัทสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการค้า ที่เริ่มต้นด้วยธุรกิจเทคโนโลยี จนเติบโตขึ้น และ ขยายธุรกิจด้านการดูแลการตลาดครบวงจรทั้งอีเวนท์ และการตลาดออนไลน์ ในปี 2017 ได้เริ่มทำ Startup Product เช่น ระบบตัดสินรางวัลให้ภาครัฐ แอพพลิเคชั่น Happywork สำหรับงานทรัพยากรบุคคลของ SME และในปี 2022 ได้เปิดตัว Brandverse แพลตฟอร์มที่พาธุรกิจให้ก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ของอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Metaverse รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Jenosize Marketing Colud ที่ช่วยให้ธุรกิจปรับตัว ก้าวสู่การทำการตลาดดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย สร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน
“แม็กเชื่อว่าเทคโนโลยีช่วยลดความเหลื่อมล้ำและให้โอกาสกับผู้คน ทำให้คนธรรมดาคนนึงสามารถเข้าถึงโอกาสในการศึกษา การเรียนรู้ การเจอสังคมใหม่ การทำงาน และ การใช้ชีวิต และเชื่อว่าโลกทุกวันนี้ต่างคนต่างมีสิ่งที่เก่งและแข็งแรง แต่ไม่มีใครที่สามารถเก่งทุกเรื่องได้ จึงมุ่งเน้นในการสร้างระบบนิเวศน์ทางด้านดิจิทัลเพื่อเชื่อมโยงธุรกิจของไทย และ พัฒนาเทคโนโลยี platform ฝีมือคนไทย เผื่อสร้างความร่วมมือและสร้างขีดความสามารถในการแข่งสู่ระดับโลกร่วมกัน” นายณัฐเศรษฐ์ กล่าวทัศนะที่มีต่อวงการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
รางวัล บุคคลคุณภาพแห่งปี จัดโดย มูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อยกย่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตทั้งส่วนตัวและการทำงาน พร้อมทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในหลากหลายด้าน ซึ่งสมควรถือเป็นแบบอย่างที่ดีและควรค่าต่อการส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป
A10795
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด