สำนักงาน กสทช. เปิดตัว 'Mobile ID' เบอร์มือถือ แทนบัตร แทนตัวคุณ
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนำคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เปิดตัว ‘Mobile ID’ เบอร์มือถือ แทนบัตร แทนตัวคุณ ต่อยอดการใช้ประโยชน์ฐานข้อมูลลงทะเบียน SIM Card ของเลขหมายโทรศัพท์มือถือให้กลายเป็นหนึ่งใน Digital Identity ของประเทศไทย
ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ Mobile ID ที่ กสทช. ร่วมมือกับโอเปอร์เรเตอร์ทั้ง 4 ค่าย ไม่ว่าจะเป็น AIS DTAC TRUE และ NT พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางและส่งเสริมนวัตกรรมในการเข้าใช้ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประชาชนแทนการเอกสารแสดงตนในการเข้ำใช้บริการกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภำครัฐและภาคเอกชน อีกทั้งยังช่วยลดปัญหำกำรเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่อำจทำให้เกิดความเสี่ยงจนถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ในการปลอมแปลง
โดยที่ระบบ 'Mobile ID' นี้ ได้พัฒนาเป็นไปตำมข้อกำหนดและมาตรฐานของสำนักงำนพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA จึงมีความสะดวก ปลอดภัย และเป็นการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
ผู้ใช้บริกำรสำมำรถสมัครใช้บริกำร 'Mobile ID' เบอร์มือถือ แทนบัตร แทนตัวคุณ ณ ศูนย์บริกำรเครือข่ำยโทรศัพท์มือถือที่ใช้งำนอยู่ โดยแสดงบัตรประชำชนแก่เจ้ำหน้ำที่ทำกำรตรวจสอบควำมถูกต้องและถ่ำยภำพใบหน้ำ เพื่อเปรียบเทียบพิสูจน์ตัวตนของท่ำน เพียงเท่ำนี้ก็จะสำมำรถใช้บริกำร งMobile ID ผ่ำนแอปพลิเคชันของเครือข่ำยโทรศัพท์มือถือของท่ำน กับธุรกรรมของหน่วยงำนต่ำงๆ ทั้งภำครัฐและเอกชนได้แล้ว
โดยในระยะแรก ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวำคม 2564 เป็นต้นไป ประชำชนจะสำมำรถสมัครและใช้บริกำร 'Mobile ID' ในกำรเปิดบัญชีกับ 'ธนำคำรกรุงเทพ' โดย ลูกค้ำ AIS สำมำรถเปิดบัญชีออนไลน์ และลูกค้ำจะสำมำรถใช้ Mobile ID ไปยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีที่ธนำคำรกรุงเทพ 9 สำขำนำร่องในกรุงเทพมหำนคร ได้แก่ สำนักงำนใหญ่สีลม เซ็นทรัลเอ็มบำสซี เซ็นทรัลลำดพร้ำว เซ็นทรัลวิลเลจ ดิเอ็มควอเทียร์ จำมจุรีสแควร์ เดอะมอลล์งำมวงศ์วำน เดอะคริสตัล 2 และฟิวเจอร์พำร์ค รังสิต 2 และภำยในเดือนธันวำคมนี้ ลูกค้ำของ NT จะสำมำรถใช้งำนได้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ภำยในไตรมำส 1 ปี 2565 ประชำชนจะสำมำรถใช้บริกำร 'Mobile ID' ในกำรยืนยันตัวตน กับ กรมกำรขนส่งทำงบก สำนักงำนประกันสังคม กรมสรรพำกร ไปรษณีย์ไทย ตลำดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถำบันคุ้มครองเงินฝำก และเครดิตบูโร ต่อไป
นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขำธิการ กสทช. สำยงำนกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ได้ร่วมมือกับภาคอุตสำหกรรมโทรคมนำคม และหน่วยงานต่ำงๆ ทั้งภำครัฐและภำคเอกชน ในกำรพัฒนำธุรกรรมทำงอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความน่าเชื่อถือ สะดวก ปลอดภัย และสอดรับกับพฤติกรรมของคน ในยุคดิจิทัล
โดยออกมาเป็นระบบกำรพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ'Mobile ID' และวันนี้สำนักงำน กสทช. ร่วมกับหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง พร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริกำร 'Mobile ID' เบอร์มือถือ แทนบัตร แทนตัวคุณ เพื่อให้ประชำชนได้ร่วมทดสอบทดลองกำรใช้งำน ในระยะ Sandbox โดยจะเริ่มจำกกำรใช้ Mobile ID เพื่อเปิดบัญชีธนำคำรกรุงเทพ
และภายในไตรมำส 1 ปี 2565 จะสามารถให้ประชำชนร่วมทดลองใช้บริกำรกับหน่วยงำนอื่นๆ ตำมที่สำนักงำน กสทช. ได้ร่วม MOU ไว้ เช่น ใช้บริกำร 'Mobile ID' เพื่อยืนยันตัวตนในกำรสมัครใช้บริกำรใบขับขี่ดิจิทัล DLT QR License ของกรมกำรขนส่งทำงบก กำรยืนยันตัวตนเพื่อเข้ำระบบเพื่อยื่นภำษีแบบออนไลน์ E-FILING ของกรมสรรพำกร กำรแสดงตนเพื่อรับ-ส่ง พัสดุของไปรษณีย์ไทย และกำรเปิดบัญชีกำรลงทุนของตลำดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET เป็นต้น
นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้ำฝ่ำยงานธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในกำรขยำยบทบาทสู่การเป็น Digital Platform ของประเทศไทยอย่ำงต่อเนื่อง เพื่อก่อให้เกิดพลังในการขยายขีดความสามารถสร้ำงสรรค์ Innovation หรือบริกำร Digital ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอย่ำงเป็นรูปธรรม ซึ่งโครงการ Mobile ID ระยะทดสอบนี้ เอไอเอส ได้ร่วมมือกับ สำนักงาน กสทช. ร่วมกันพัฒนานวัตกรรม ในกำรพิสูจน์และยืนยันตัวตนแบบออนไลน์เต็มรูปแบบเป็นรายแรกของประเทศ
เพื่อให้บริการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์กับลูกค้าของเอไอเอส ให้มีความสะดวก ปลอดภัย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้ครอบคลุมถึงธุรกรรมร่วมกับหน่วยงำนต่ำงๆ และพร้อมที่จะส่งเสริมนโยบำยรัฐบำลในกำรสนับสนุนให้ใช้ดิจิทัลไอดีในกำรพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำนทำงดิจิทัลของประเทศอีกด้วย
นายเรวัฒน์ ตันกิตติกร ผู้อำนวยกำรอำวุโส สำยงำนช่องทำงกำรขำย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหำชน) หรือดีแทค กล่ำวว่ำ “ดีแทคยินดีสนับสนุนรัฐบำล และ กสทช. ในกำรพัฒนำ 'กำรยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล' ให้ประสบควำมสำเร็จและใช้งำนได้อย่ำงปลอดภัย ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในกำรสนับสนุนกำรเปลี่ยนผ่ำนสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ภำยใต้กลยุทธ์ Fast Forward Digital ในกำรมุ่งเน้นให้ลูกค้ำทุกกลุ่มสำมำรถเข้ำถึงบริกำรดิจิทัลได้อย่ำงทั่วถึงและเท่ำเทียมด้วย พันธกิจ 'ดีทั่วดีถึง' เพื่อชีวิตเท่ำเทียม ลดอุปสรรคในกำรเข้ำถึงและมุ่งส่งเสริมกำรใช้กำรงำนดิจิทัลเพื่อทุกคนทั่วไทย
เรำมองเห็นโอกำสมำกมำยสำหรับกำรให้บริกำรดิจิทัลที่สะดวกเพิ่มขึ้น และไว้ใจได้ในควำมปลอดภัยของข้อมูลแก่ลูกค้ำของเรำ โดยระบบ Mobile ID นี้จะช่วยให้ลูกค้ำดีแทคสำมำรถลงทะเบียนซิมใหม่หรือรับบริกำรธุรกรรมอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องใช้บัตรประจำตัวประชำชน ซึ่งเสี่ยงต่อกำรรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว และระบบ Mobile ID สำมำรถลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน ในกระบวนกำรยืนยันตัวตนได้อีกด้วย”
นำยนิติธรรม โกวิทกูลไกร หัวหน้ำคณะผู้บริหำร (ร่วม) ด้ำนสินค้ำและบริกำร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหำชน) หรือ TRUE กล่ำวว่ำ ขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้ำวเข้ำสู่ยุคสังคมดิจิทัลอย่ำง เต็มรูปแบบ ซึ่งบริษัทฯ มีควำมยินดีที่ได้ร่วมมือกับสำนักงำน กสทช. สนับสนุนกำรทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของประชำชน ให้มีควำมสะดวก และปลอดภัย โดยกำรพัฒนำระบบกำรพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วย Mobile ID จะทำให้ลูกค้ำของทรู สำมำรถใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือยืนยันตัวตนในกำรทำธุรกรรมกับหน่วยงำนต่ำงๆ ทั้งภำครัฐและเอกชน โดยกำรร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นกำรส่งเสริมให้ประชำชนเข้ำถึงและใช้ประโยชน์จำกนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่ำงทั่วถึงและแพร่หลำยในทุกมิติ อีกทั้งยังเป็นกำรส่งเสรืมโครงสร้ำงพื้นฐำนด้ำนดิจิทัลของประเทศไทย
นำยวงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมกำรผู้จัดกำรใหญ่ สำยงำนดิจิทัล บริษัท โทรคมนำคมแห่งชำติ จำกัด (มหำชน) หรือ NT กล่ำวว่ำ NT เล็งเห็นควำมสำคัญของกำรพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำน ด้ำนโทรคมนำคมและดิจิทัลของประเทศเพื่อสนับสนุนนโยบำย Thailand 4.0 ที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย นวัตกรรรม NT จึงได้ร่วมพัฒนำระบบกำรพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วย Mobile ID เพื่อให้ประชำชนสำมำรถ ทำธุรกรรมต่ำงๆ กับหน่วยงำนทั้งภำครัฐและเอกชนได้สะดวกและปลอดภัยมำกขึ้น โดยหลังจำกสมัครใช้บริกำร Mobile ID แล้ว ลูกค้ำ NT สำมำรถใช้โทรศัพท์มือถือในกำรยืนยันตัวตนแทนบัตรประชำชนเพื่อเข้ำรับบริกำรกับหน่วยงำนต่ำงๆ ที่เข้ำร่วมโครงกำรได้
นำยกึกก้อง รักเผ่ำพันธุ์ รองผู้จัดกำรใหญ่ ธนำคำรกรุงเทพ จำกัด (มหำชน) กล่ำวว่ำ ธนำคำรกรุงเทพมีควำมยินดีที่ได้เข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรริเริ่มพัฒนำระบบ Mobile ID ร่วมกับสำนักงำน กสทช. และภำคอุตสำหกรรมโทรคมนำคม จนสำมำรถได้เริ่มเปิดใช้บริกำรดังกล่ำวได้ที่ธนำคำรกรุงเทพเป็นแห่งแรก ซึ่งเชื่อมั่นว่ำจะช่วยอำนวยควำมสะดวก และส่งมอบประสบกำรณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้ำ ทั้งกำรใช้บริกำรผ่ำนช่องทำงดิจิทัลที่สำมำรถ เปิดใช้งำนบัญชีเงินฝำกออนไลน์ได้อย่ำงมั่นใจ สะดวกสบำย ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้
รวมถึงกรณีกำรใช้บริการที่สาขา ของธนาคาร Mobile ID ก็ช่วยยืนยันเบอร์โทรศัพท์ได้ง่ายๆ ที่สำคัญลูกค้ายังคงมั่นใจได้ถึงควำมปลอดภัยของ การทำธุรกรรมต่างๆ โดยเฉพาะขั้นตอนการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลของลูกค้าอย่ำงถูกต้องก่อนทำธุรกรรม ซึ่งเป็นประเด็นที่ธนาคารให้ความสำคัญอย่ำงมากและเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความน่าเชื่อถือในฐำนะสถำบันการเงิน
ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของธนาคารกรุงเทพที่ได้มีส่วนร่วมในกำรพัฒนาระบบนิเวศน์ด้านดิจิทัลของประเทศไทย อันจะมีบทบาทสำคัญและสามารถต่อยอดไปสู่ความก้าวหน้าด้านบริกำร ทำงการเงินได้อีกหลากหลายมิติในอนาคต
กทปส. สนับสนุนครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ห้องแยกโรคชนิดความดันลบ และระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) เพื่อเตรียมความพร้อมรับการระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า พร้อมรับมือปัญหา Covid-19 โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา
กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. หน่วยงานภายใต้สำนักงาน กสทช. ให้การสนับสนุนขับเคลื่อนการใช้จ่ายเงินกองทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชน โดยส่งเสริมและสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ในการต่อสู้สถานการณ์ “ไวรัสโคโรน่า” สายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ กับ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย เมื่อเมษายน ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา โครงการจัดหาวัสดุ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ห้องแยกโรคชนิดความดันลบ และระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) เพื่อเตรียมความพร้อมรับการระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี อำเภอ ณ ศรีราชา
พลเอก สุกิจ ขมะสุนทร ประธาน กสทช. กล่าวว่า กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. ปฏิบัติภาระกิจในส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึง ส่งเสริมชุมชน ผู้ประกอบกิจการการบริการชุมชน การวิจัยและพัฒนา พัฒนาบุคลากร ตลอดจนคุ้มครองผู้บริโภค ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และครั้งนี้ กทปส. ได้อนุมัติโครงการจัดหาวัสดุ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ห้องแยกโรคชนิดความดันลบ และระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) เพื่อเตรียมความพร้อมรับการระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) เพื่อวัตถุประสงค์ของโครงการในการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนากิจการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณสุข โดยมุ่งเน้นให้เกิดการเว้นระยะห่างทางกายภาพหรือ Physical distancing ต่อสู้สถานการณ์ “ไวรัสโคโรน่า” สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19)
“โครงการฯ ได้จัดเตรียมระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยใช้ระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) ในกระบวนการคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 นอกสถานที่ เพื่อให้โรงพยาบาลมีห้องแยกโรคชนิดความดันลบเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคทางอากาศเพียงพอสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อีกทั้งการผลักดันและพัฒนาเทคโนโลยีรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินอย่าง โควิด-19 ซึ่งเป็นสถานการณ์เร่งด่วน ผ่านการสนับสนุนในโครงการจัดหาวัสดุ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ห้องแยกโรคชนิดความดันลบ และระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) เพื่อรองรับผู้ป่วยและเตรียมความพร้อมรับการระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา”
นายแพทย์สมยศ โล่จินดาพงศ์ รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา กล่าวว่า โครงการจัดหาวัสดุ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ห้องแยกโรคชนิดความดันลบ และระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) เพื่อเตรียมความพร้อมรับการระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมและสนับสนุนเงินจาก กทปส. เพื่อเตรียมความพร้อมสถานการณ์ “ไวรัสโคโรน่า” สายพันธุ์ใหม่ 2019 ร่วมกับ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ตั้งแต่ปี 2563 โดยได้รับทุนสนับสนุนโครงการฯ จำนวน 16,556,000 บาท เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ได้ดำเนินการ ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ทั้ง 3 ส่วน
นอกจากนี้มีการจัดเตรียมครุภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ ได้แก่ เครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมด้วยปริมาตรและความดันขนาดเล็ก กล้องอินฟาเรดสำหรับตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย เครื่องเฝ้าระวังและติดตามสัญญาณชีพผู้ป่วย ห้องแยกโรคชนิดความดันลบ จำนวน 4 ห้อง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคทางอากาศ พร้อมกันนั้น โครงการฯ ยังพัฒนาระบบ IoT ในห้องความดันลบ และพัฒนาระบบ Teleconference เพื่อใช้การดูแลรักษาผู้ป่วย พัฒนา API (Application Programming Interface) สำหรับการเชื่อมต่อระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS ใหม่) และเครื่องมือวัดสัญญาณชีพผู้ป่วย รวมทั้งจัดเตรียมเวชภัณฑ์และวัสดุทางการแพทย์ในกระบวนการคัดกรองวินิจฉัยให้รวดเร็วเพียงพอ โดยมีเป้าหมายคัดกรองผู้สงสัยติดเชื้อ จำนวน 4,800 ราย
A11774
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
กทปส. แนะแนวทางขั้นตอนการขอรับทุนและกระบวนการพิจารณา 10 ขั้นตอน
มุ่งเน้นขั้นตอนการยื่นโครงการ ฯ กระบวนการที่โปร่งใส
กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. เผยถึงขั้นตอนการขอทุนและการพิจารณาการให้ทุนทุกโครงการ ฯ ที่ผ่านหน่วยงาน กทปส. โดยให้โอกาสในการเปิดกว้างตามระเบียบ ข้อกำหนดของ สำนักงาน กสทช. โดยการพิจารณาแต่ละโครงการ กทปส. ให้ความสำคัญ และการพิจารณาต้องใช้ความรอบคอบและเวลา ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองจำนวนมาก และการคิดวิเคราะห์ ซึ่งมีขั้นตอนและกระบวนการที่โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้ได้โครงการที่เป็นประโยชน์สูงสุดแก่สังคม โดย กทปส. ได้วางหลักเกณฑ์และขั้นตอน 10 ขั้นตอน ดังนี้
1. เปิดรับข้อเสนอ
คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการ
2. ศึกษาข้อมูล
ผู้สนใจศึกษารายละเอียดข้อกำหนด และเงื่อนไขการยื่น ขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนเงินจาก กองทุนให้ชัดเจน
3. ลงทะเบียน
ผู้มีสิทธิลงทะเบียนและกรอกแบบคำขอที่ https://btfp.nbtc.go.th/
4. แนบข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้มีสิทธิยื่นแบบคำขอตามที่ได้ลงทะเบียนไว้แนบเอกสาร และหลักฐานส่งให้ กองทุนวิจัยและพัฒนาฯ (หลังจากปิดรับยื่นข้อเสนอ 7วัน)
5. ตรวจสอบเอกสาร
สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบเอกสาร และหลักฐาน (ใช้เวลา 15 วัน)
เอกสารไม่ครบถ้วน แจ้งผู้ขอทุน ณ วันที่แจ้ง ต้องส่งกลับมาภายใน 7 วัน
(หากไม่ส่งในเวลาที่กำหนด ถือว่าโครงการไม่ผ่านการตรวจสอบเอกสาร)
6. ตรวจสอบคุณสมบัติ
ตรวจสอบคุณสมบัติตามประกาศ
7. พิจารณาลงความเห็น
คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาให้ความเห็น
8. พิจารณานำเสนอ
คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ พิจารณา และนำเสนอ กสทช.
9. พิจารณาเห็นชอบ
กสทช. พิจารณาให้ความเห็นชอบ
10. ผ่านอนุมัติ
ประกาศผลผู้ได้รับทุน และทำสัญญา
A11082
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
สำนักงาน กสทช. ยกระดับมาตรการจัดการปัญหา SMS หลอกลวง เข้มลงโทษทางปกครองกับผู้ให้บริการเนื้อหาที่ปล่อยให้มี SMS หลวกลวงส่งไปยังประชาชน พร้อมส่งเรื่องให้ บช.สอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายกับมิจฉาชีพ ส่วน ก.ดีอีเอส จะดำเนินการเอาผิดกับมิจฉาชีพตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับสำนักงาน กสทช. ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ประกอบการโทรคมนาคม ได้ประชุมหารือเพื่อติดตามและกำกับดูแลกรณีมิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) หลอกลวงประชาชน การชักชวนเล่นพนันออนไลน์ และลามกอนาจาร
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า จากการประชุมติดตามและกำกับดูแลกรณีมิจฉาชีพส่งข้อความสั้น (SMS) หลอกลวงประชาชน การชักชวนเล่นพนันออนไลน์ และลามกอนาจาร ที่ประชุมได้ข้อสรุปที่จะยกระดับมาตรการในการดำเนินการจัดการปัญหา SMS หลอกลวงเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยสำนักงาน กสทช. ได้กำหนดมาตรการเกี่ยวกับเนื้อหาของข้อความ และการกำหนดชื่อ Sender name ซึ่งจะเริ่มจากต้นทางของการส่ง SMS จากผู้ให้บริการเนื้อหา ดังนี้
1.ผู้ให้บริการเนื้อหาต้องมีระบบยืนยันตัวตนของลูกค้าที่มาซื้อ SMS ที่ชัดเจน และตรวจสอบได้ 2.ข้อความใน SMS และชื่อ Sender name ต้องไม่ให้ลูกค้ากำหนดเองได้โดยอิสระแต่ต้องแจ้งผ่านผู้ให้บริการทราบก่อน 3.การกำหนด Sender name ต้องไม่มีลักษณะเป็นเลขหมายโทรศัพท์ 4.หากชื่อ Sender name ตรงกับ หรือคล้ายกับ ชื่อบริษัท หน่วยงาน หรือเครื่องหมายการค้า ทางผู้ให้บริการสามารถขอเอกสารจากลูกค้าในการรับรอง หรือการได้รับความยินยอมให้ใช้ชื่อจากเจ้าของชื่อบริษัท หน่วยงาน หรือเครื่องหมายทางการค้านั้นๆ ได้ 5.ข้อความไม่ควรมี link เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกต่อการกระทำผิด
นายไตรรัตน์ กล่าวว่า สำหรับแนวปฏิบัติในการรวบรวมข้อมูล และการดำเนินการกรณีพบข้อความที่ผิดกฎหมายที่จะใช้ในการดำเนินการของผู้ให้บริการโทรคมนาคม กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และสำนักงาน กสทช. นั้น สำนักงานฯ กำหนดให้ 1.ผู้ให้บริการต้องส่งรายชื่อ Sender name ให้สำนักงาน กสทช. รวบรวม 2.หากทางตำรวจต้องการข้อมูลของผู้ส่งข้อความจาก Sender name ที่กระทำผิดกฎหมายจะได้ประสานสำนักงาน กสทช. เพื่อขอข้อมูลผู้ให้บริการที่เป็นต้นทางการส่งข้อความดังกล่าว ก่อนออกหมายฯ เพื่อขอข้อมูลส่งข้อความ ไปยังผู้ให้บริการ 3.สำนักงาน กสทช. จะแจ้งผู้ให้บริการทราบกรณีการขอหมายฯ จากตำรวจเพื่อให้ผู้ให้บริการเตรียมข้อมูล โดยเมื่อผู้ให้บริการได้รับหมายแล้ว จะต้องให้ข้อมูลแก่ตำรวจโดยไม่ชักช้า
สำหรับ แนวปฏิบัติในการรวบรวมข้อมูล และการดำเนินการกรณีพบข้อความที่ผิดกฎหมาย ในระหว่างที่รอหมายฯ จากตำรวจ สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการจะดำเนินการระงับการส่งข้อความ (SMS) จาก Sender name นั้นโดยเร็ว และผู้ให้บริการต้องตักเตือนลูกค้าของตนให้ทราบถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายดังกล่าว ซึ่งหากยังมีพฤติกรรมเช่นเดิมอีกจะมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น ในกรณีที่เป็นการส่งข้อความ (SMS) ข้ามโครงข่าย ให้ผู้ให้บริการปลายทางแจ้งผู้ให้บริการต้นทางที่ส่ง SMS รับทราบปัญหา โดยให้ผู้บริการต้นทางระงับการส่งภายใน 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ประเด็นที่สำนักงาน กสทช. ผู้ประการโทรคมนาคม จะต้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ได้แก่ 1.แนวทางการจัดทำ White List Sender 2.แนวที่ให้ผู้ส่งข้อความให้ความยินยอมที่จะให้ตรวจข้อความที่ส่ง กรณีมีผู้ร้องเรียน 3.แนวทางการดำเนินการสำหรับข้อความที่เป็นการโฆษณา ทั้งนี้เพื่อให้การแก้ไขปัญหา SMS หลอกลวงสำเร็จได้
นายไตรรัตน์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการลงโทษสำนักงาน กสทช. จะออกคำสั่งทางปกครองกับผู้ให้บริการเนื้อหาที่ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหา SMS หลอกลวง ที่ยังปล่อยให้มี SMS หลอกลวงส่งไปยังประชาชน โดยจะมีคำสั่ง ตักเตือน ปรับ พักใบอนุญาต จนถึงเพิกถอนใบอนุญาต ตามข้อเท็จจริง สำหรับการดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและชำนาญในเรื่องดังกล่าว จะรับผิดชอบในการดำเนินการเอาผิดและดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ สำหรับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ก.ดีอีเอส) จะใช้พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ในการดำเนินการกับมิจฉาชีพที่ทำการส่งข้อความ อีเมล หรือใช้วิธีการใดก็ตาม เพื่อหลอกลวงประชาชนผ่านทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม สำนักงานฯ ยังคงขอให้ประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อข้อความจาก SMS โดยง่าย อย่ากรอก Username Password ที่ใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ กับธนาคารในลิงค์ที่ส่งมากับ SMS หรืออย่าให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน ไปกับคนที่โทรมาสอบถามข้อมูลทางโทรศัพท์ง่ายๆ ควรตรวจสอบที่มาของ SMS หรือหน่วยงานที่โทรศัพท์เข้ามาให้แน่ใจก่อน เพื่อระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือมิจฉาชีพที่จะเอาข้อมูลส่วนตัวของเราไปใช้ทำธุรกรรม ขโมยเงินของเรา หรือนำไปก่อความเสียหายได้
“สำนักงานฯ มองว่าความร่วมมือในครั้งนี้ของสำนักงาน กสทช. ก.ดีอีเอส บช.สอท. และผู้ประกอบการโทรคมนาคมทุกราย ที่มุ่งมั่นในแก้ไขปัญหา SMS และโทรศัพท์หลอกลวง จะทำให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากประชาชนประสบปัญหา หรือต้องการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ SMS และโทรศัพท์หลอกลวง สามารถแจ้งมายัง Call Center สำนักงาน กสทช. หมายเลขโทรศัพท์ 1200 (โทรฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย) หรือแจ้งไปยัง Call Center ของค่ายมือถือที่ท่านใช้บริการอยู่ หรือหมายเลขโทรศัพท์ที่แต่ละค่ายมีไว้เพื่อรับข้อมูลเรื่อง SMS และโทรศัพท์หลอกลวงโดยเฉพาะ”นายไตรรัตน์ กล่าว
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
กทปส. ประกาศโครงการประเภทที่ 2 ประจำปี 2564
กรณีทำความตกลงกับหน่วยงานของรัฐ ภายใต้กรอบวงเงิน 120 ล้านบาท
กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส ได้ประกาศเปิดรับยื่น โครงการประเภทที่ 2 ประจำปี 2564 กรณีทำความตกลงกับหน่วยงานของรัฐ ภายใต้กรอบวงเงิน 120,088,100 บาท โดยหน่วยงานที่สนใจสามารถยื่นได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 1 ธันวาคม 2564 โดยโครงการต่างๆ ที่ยื่นต้องมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ดังนี้
โครงการที่มีวัตถุประสงค์ตามมาตรา 52(1) โครงการความเข้าใจบริการโทรเวชกรรม และการพัฒนาสื่อเพิ่มความรอบรู้ทางสุขภาพของประชาชน เรื่องโรคเฉพาะด้านที่ยุ่งยากซับซ้อน ตามภารกิจกรมการแพทย์
โครงการที่มีวัตถุประสงค์ตามมาตรา 52(2) โครงการศึกษาและพัฒนาระบบการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้รอยต่อในการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลของไทย (Seamless E-services in Digital Transformation of Thailand Government)
โครงการพัฒนาระบบนิเวศน์ด้านข้อมูลดิจิทัลและข้อมูลโครงการข่ายการสื่อสาร สำหรับการสร้างแบบจำลองตัวแทน (Agent Based Simulations) เพื่อการรับมือเชิงป้องกันโรคอุบัติใหม่ : กรณีศึกษาการแพร่ระบาด COVID-19 ประเทศไทย
โครงการพัฒนาระบบแผนที่อาชญากรรมแบบอัจฉริยะเพื่อสนับสนุนงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ
โครงการมาตรฐานภาษาไทยและระบบทดสอบภาษาไทยอิเล็กทรอนิกส์
กองทุน กทปส. ได้เปิดโอกาสสำหรับผู้ที่สนใจ หรือ หน่วยงานที่สนใจในการยื่นโครงการ เพื่อร่วมพัฒนาและริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานในด้านกระจายเสียง ด้านโทรทัศน์ และด้านโทรคมนาคม เพื่อสร้างรากฐานในการพัฒนาประเทศในอนาคต สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2564 เวลา 16.30 น. สอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Website: https://btfp.nbtc.go.th/Projects.aspx หรือ Facebook: กทปส. - กองทุนวิจัยและพัฒนาฯ หรือ twitter: https://twitter.com/BTFP8
A10881
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด