ผลการรับสมัครกรรมการ (กสทช.) แทนผู้ซึ่งไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา มีผู้สมัครรวม 28 คน
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แทนผู้ซึ่งไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 2 คน ประกอบด้วย ด้านกิจการโทรคมนาคม จำนวน 1 คน และด้านอื่นๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. (ด้านกฎหมาย) จำนวน 1 คน ระหว่างวันที่ 21–27 กุมภาพันธ์ 2565 ในเวลาราชการ ไม่เว้นวันหยุดราชการ ณ จุดรับสมัคร บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา ฝั่งวุฒิสภา เลขที่ 1111 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ นั้น
ภายหลังปิดการรับสมัครเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 ปรากฏว่า มีผู้สมัครรวมจำนวนทั้งสิ้น 28 คน
(รายละเอียดตามเอกสารแนบ)
สำนักงาน กสทช. เร่งจัดระเบียบสายสื่อสารในพื้นที่กรุงเทพมหานคร Kick off ถนนสุโขทัย ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า วันนี้ (25 กุมภาพันธ์ 2565) สำนักงาน กสทช. ร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง ผู้ประกอบกิจการสื่อสาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่จัดระเบียบสายสื่อสารบนถนน สุโขทัย (เขตดุสิต) โดยกำหนดให้เป็นเส้นทางแรกในการจัดระเบียบสายสื่อสารปี 2565 ถือเป็นการ Kick off การจัดระเบียบสายสื่อสารตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ที่ให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการเร่งจัดระเบียบสายสื่อสาร และต่อมาที่ประชุม กสทช. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการสนับสนุนการจัดระเบียบสายสื่อสารดังกล่าว
นายสุทธิศักดิ์ กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. กำลังดำเนินการตามแผนจัดระเบียบสายสื่อสารปี 2565 ซึ่งเป็นแผนบูรณาการที่สำนักงาน กสทช. ร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้ประกอบกิจการสื่อสาร โดยแบ่งออกเป็น แผนการจัดระเบียบสายสื่อสารเป็นกรณีเร่งด่วน ระยะทาง 450 กม. และแผนการจัดระเบียบสายสื่อสารของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 2,000 กม. โดยทางสำนักงาน กสทช. จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการจัดระเบียบสายสื่อสารกลุ่มเร่งด่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2565-2566 โดยใช้งบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) และสำหรับเส้นทางที่นอกเหนือจากกลุ่มเร่งด่วน กสทช. จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วน โดยให้นำมาหักลดหย่อนจากรายได้ฯ ตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากภารกิจด้านโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะมาหักลดหย่อนจากรายได้ที่ต้องจัดสรรเพื่อนำไปใช้ในการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคม
“สำนักงาน กสทช. ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับสายสื่อสารที่พบในปัจจุบัน โดยจะเร่งดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารตามแผนที่ได้กำหนดไว้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าจะมีความปลอดภัยในการสัญจรไปมา รวมถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงามของบ้านเมือง และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ” นายสุทธิศักดิ์ กล่าว
A2730
กสทช. มีมติรับทราบการเสนอราคาสูงสุดของการประมูลคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียง
จำนวน 71 คลื่นความถี่ สูงกว่าราคาตั้งต้น 77% รวมกว่า 700 ล้านบาท
ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการประชุมเพื่อรับทราบการเสนอราคาสูงสุดในการประมูลคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียง จำนวน 71 คลื่นความถี่ มูลค่าการประมูลรวมกว่า 700,000,000 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สูงกว่าราคาตั้งต้นประมาณ 77% โดยราคาตั้งต้นรวมอยู่ที่ 398,498,000 บาท นับเป็นประวัติศาสตร์การจัดประมูลคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงครั้งแรก เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงรายใหม่สามารถเข้าสู่กระบวนการใช้คลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงได้ ตั้งแต่มีการอนุญาตในกิจการกระจายเสียงเกิดขึ้นของประเทศไทย ในรูปแบบการได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ โดยมีระยะเวาลาการอนุญาต 7 ปี
สำหรับผู้เข้าร่วมการประมูลที่เป็นผู้เสนอราคาสูงสุด ได้แก่
1. บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน 47 คลื่นความถี่
2. บริษัท ลูกทุ่งเน็ตเวิร์ก 24 ชั่วโมง จำกัด จำนวน 13 คลื่นความถี่
3. บริษัท เจ.เอส.ไนน์ตี้วัน จำกัด จำนวน 3 คลื่นความถี่
4. บริษัท ดินดิน จำกัด จำนวน 2 คลื่นความถี่
5. บริษัท นานาเอนเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด จำนวน 2 คลื่นความถี่
6. บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 คลื่นความถี่
7. ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุภัคพร กรุ๊ป จำนวน 1 คลื่นความถี่
8. ห้างหุ้นส่วนจำกัด พีระยา มีเดียกรุ๊ป จำนวน 1 คลื่นความถี่
9. บริษัท สตูดิโอ ไลน์ เอเจนซี่ จำกัด จำนวน 1 คลื่นความถี่
ขั้นตอนหลังจากนี้สำนักงาน กสทช. จะแจ้งให้ผู้เสนอราคาสูงสุดในแต่ละคลื่นความถี่มาลงนามรับรองราคาสุดท้ายที่ตนเสนอให้ครบถ้วน ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักงาน กสทช. เพื่อที่ กสทช. จะได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูล และแจ้งให้ผู้ชนะการประมูลชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่แจ้งข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียง และยื่นคำขออนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงพร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมการขออนุญาต ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการเป็นผู้ชนะการประมูลต่อไป
โดยหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงแล้ว ผู้รับใบอนุญาตจะสามารถเริ่มประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงได้ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เงินรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่หลังหักค่าใช้จ่ายในการประมูลและนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้ว จะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป
A2686
กสทช. พร้อมให้ความร่วมมือกับ สตช. ในการประชาสัมพันธ์ 14 กลโกงของมิจฉาชีพ
เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันแก็งค์ Call Center และ SMS หลอกลวง
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ (15 ก.พ. 2565) สำนักงาน กสทช. ร่วมประชุมหารือกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ ศูนย์ PCT ที่นำโดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย ได้แก่ AIS TRUE DTAC และ NT เกี่ยวกับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา Call Center และ SMS หลอกลวง โดยสำนักงาน กสทช. พร้อมให้ความร่วมมือกับ สตช. และกระทรวงดีอีเอส ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตาม และยังจะร่วมกับโอเปอเรเตอร์ในการดำเนินการประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับรูปแบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มิจฉาชีพมักใช้ในการหลอกลวง เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนตระหนักถึงภัยอันตราย สังเกตเห็นว่าพฤติกรรมเหล่านั้นเป็นการหลอกลวงของมิจฉาชีพ จะได้ไม่หลงให้ข้อมูลส่วนตัวไปกับใครง่ายๆ อันอาจทำให้เสียทรัพย์สิน
นายไตรรัตน์ กล่าวว่า จากข้อมูลของ สตช. พบว่ารูปแบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มิจฉาชีพมักใช้ในการหลอกลวงประชาชน จำนวน 14 รูปแบบ ได้แก่ 1.หลอกขายของออนไลน์ 2.Call Center หลอกลวงข่มขู่ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ให้เหยื่อโอนเงินให้ 3.เงินกู้ออนไลน์ดอกเบี้ยโหด 4.เงินกู้ออนไลน์ที่ไม่มีจริง (เงินกู้ทิพย์) 5.หลอกให้ลงทุนต่างๆ โดยอ้างผลตอบแทนสูงที่ไม่มีจริง 6.หลอกให้เล่นพนันออนไลน์ 7.Romance scam หรือ Hybrid scam หลอกให้รักลวงเอาทรัพย์สิน ลวงให้ลงทุน 8.ลิงก์ปลอมหลอกแฮกข้อมูลโทรศัพท์ 9.แชท Line/Facebook ปลอม Account ลวงยืมเงิน 10.หลอกเอาข้อมูลส่วนตัว - OTP 11.ข่าวปลอม (Fake news) - ชัวร์ก่อนแชร์ 12.หลอกลวงเอาภาพโป๊เปลือยเพื่อใช้แบล็คเมล์ 13.โฆษณาออนไลน์ลวงทำงาน หลอกบังคับทำงานในต่างประทศ และ 14.ยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) ร่วมกันกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน หรือฟอกเงิน ซึ่งสำนักงานฯ และโอเปอเรเตอร์จะช่วยกันประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันกลอุบายของมิจฉาชีพ
“ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหา Call Center และ SMS หลอกลวงอยู่นั้น สำนักงานก็อยากขอให้ประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อโทรศัพท์ที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ DSI พนักงานธนาคาร หรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ อย่าเพิ่งให้ข้อมูลส่วนตัว หรือโอนเงินไปตามที่เขาขอ อย่ากดลิงก์ที่แนบมาพร้อม SMS ที่ไม่ทราบที่มา แต่ให้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าสายที่โทรมา หรือผู้ที่ส่ง SMS มานั้นไม่ใช่มิจฉาชีพ เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทองของท่าน” นายไตรรัตน์ กล่าว
A2412
สำนักงาน กสทช. เรียก AIS ชี้แจงกรณี เน็ตเวิร์คล่มเวลาประมาณ 07.30-08.30 น. ช่วงเช้าวันนี้ พร้อมให้เสนอมาตรการเยียวยาประชาชนผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบ
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (15 ก.พ. 2565) สำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือเรียกบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AIS เข้ามาให้ข้อมูลกรณีโครงข่ายของ AIS ล่มเมื่อเวลาประมาณ 07.30 – 08.30 น. เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2565 อันส่งผลให้ประชาชนผู้ใช้บริการไม่สามารถใช้บริการได้ตามปกติ เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงการแก้ไขปัญหา และมาตรการเยียวต่อประชาชนผู้ใช้บริการที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. กำกับดูแลเพื่อให้การให้บริการโทรคมนาคมเป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรฐานเองคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคม และประกาศ กสทช. เรื่อง เงื่อนไขมาตรฐานในการอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม
นายไตรรัตน์ กล่าวว่า หลังได้รับรายงานสถานการณ์ สำนักงานฯ ได้กำชับให้ AIS เร่งแก้ไขให้เน็ตเวิร์คกลับมาใช้งานได้เป็นปกติ และได้กำชับให้บริษัทฯ ดูแล บำรุงรักษา ซ่อมแซม และปรับปรุงโครงข่ายโทรคมนาคมให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการโทรคมนาคม
“สำนักงานฯ พยายามกำชับให้โอเปอเรเตอร์ทุกราย ดูแลคุณภาพสัญญาณให้มีมาตรฐาน และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเกิดเหตุขัดข้องต้องเร่งดำเนินการแก้ไขทันที พร้อมเยียวยาประชาชนผู้ใช้บริการที่ได้รับผลกระทบ” นายไตรรัตน์ กล่าว
A2370
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด